http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9490000069063คำพูดของนายวีระชัย แนวบุญเนียร 1 ใน 3 กกต. ที่ว่า ดูซิ
ศาลจะว่าไง? เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์บุรุษหน้าหนาสี่คนได้ปรึกษาหารือกัน แล้วกระซิบกันเบา ๆ แต่ไม่พ้นหูตาคนอื่นได้ยินว่า ตบหน้าพวกศาลมันเสียหน่อย
เป็นท่าทีที่ผิดไปจากกิริยาอาการในขณะปรากฏตัวอยู่ในศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2549 ในคดีที่ กกต. ถูกฟ้องเป็นคดีอาญาอย่างลิบลับ
ในวันนั้นแต่ละคนหน้าตาถอดสีเหมือนกับผีที่กำลังถูกใส่โลง แล้วยังโอดครวญต่อศาลว่า จำเลยทั้งสี่มีอายุมาก ไม่สะดวกในการเดินทาง เพื่อขอไม่ต้องไปศาลในเวลาต่อไป แต่ศาลไม่อนุญาต
แล้วได้ยาดีอะไรมาถึงได้บังอาจท้าทายสามศาลซึ่งทำการตามกระแสพระราชดำรัสถึงขนาดนี้?
ยาดีที่ว่านี้คือการปล่อยข่าวหลังจากนายทักษิณ ชินวัตร เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2549 ซึ่งมีคนปล่อยข่าวผ่านเครือข่ายนักศึกษา วปอ.รุ่น 399 ที่บรรณพจน์ ดามาพงศ์ พี่เขยนายทักษิณ ชินวัตร เป็นนักศึกษาในรุ่นนี้
ปล่อยข่าวสามเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่งว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงขอร้องให้นายทักษิณ ชินวัตร มาทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีต่อไป ศาลจะหยุดดำเนินการในการแก้ไขปัญหาแล้ว และให้ กกต. ทั้งสามคนทำหน้าที่ต่อไป โดยให้ศาลฎีกาสรรหามาแทน กกต. ที่ขาดอีกสองคน
และยังแอบอ้างใส่ความประธานองคมนตรีว่าเรื่องทั้งหมดนั้นท่านประธานองคมนตรีจัดการงานนอกสั่งเอาเองทั้งสิ้น เราได้ตรวจสอบจากทุกสายทุกเครือข่าย รวมทั้งจากนายทหารองครักษ์ซึ่งอยู่ในที่เฝ้านั้นด้วย ผลการตรวจสอบตรงกันยืนยันได้ว่าข่าวที่ว่านี้เป็นข่าวปล่อย เป็นการแอบอ้าง เป็นการโกหก และโกหกอย่างเป็นระบบ โดยวิธีปล่อยข่าวจากปากสู่ปาก ปล่อยข่าวโกหกโดยหวังผลที่จะหยุดยั้งการปฏิบัติหน้าที่ของทั้งสามศาลที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ตามกระแสพระราชดำรัส และหวังผลที่จะทำลายกลไกมือไม้ของราชสำนัก หลังจากที่ทำมาอย่างต่อเนื่องแล้ว
มันคือปฏิบัติการที่มุ่งล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ตามสิ่งที่เรียกว่าปฏิญญาฟินแลนด์นั่นเอง!
เพราะได้ยาดีแบบนี้ ทั้ง กกต. และนายสุชน ชาลีเครือ จึงกระดี๊กระด๊าไชโยโห่ฮิ้วกันเป็นการใหญ่
ทั้งๆที่ไม่นานมานี้บางคนถึงกับไปออกตัวกับผู้ใหญ่ในบ้านเมืองบางคนว่าถ้านายทักษิณ ชินวัตร ถูกศาลพิพากษาให้พ้นจากตำแหน่งหน้าที่แล้ว ก็พร้อมที่จะลงนามรับสนองพระบรมราชโองการในการแต่งตั้งรักษาการนายกรัฐมนตรีคนใหม่
ทั้งนายสุชน ชาลีเครือ และ กกต.สามคนนี้เมื่อได้ยาดีก็คิดอ่านลดเครดิตสามศาลตามใบสั่งทันที โดยจะอาศัยอำนาจตามกฎหมายขอให้ศาลฎีกาสรรหาผู้ที่มีคุณสมบัติจำนวนสี่คนมาให้วุฒิสภาคัดเลือกเหลือสองคน เพื่อปะผุแทน กกต.สองคนที่พ้นตำแหน่งไปแล้ว พร้อมกับนัดประชุมพรรคการเมืองเพื่อกำหนดวันเลือกตั้งต่อไป
ทั้ง ๆ ที่รู้ดีอยู่แล้วว่าทั้งสามศาลมีมติให้ กกต. เสียสละด้วยการลาออก และยังยืนยันมตินั้นต่อมาอีกสามครั้งว่า กกต. หมดความชอบธรรม และหมดฐานะที่จะจัดการเลือกตั้งต่อไปอีกแล้ว ทั้งสามศาลจะไม่ร่วมสังฆกรรมใด ๆ ด้วย
เฉพาะนายวีระชัย แนวบุญเนียร นั้นรับจ็อบมาเดินเกมสองเรื่อง คือ การสอบสวนยุบพรรคประชาธิปัตย์ และ การตบหน้าสามศาล
จึงเป็นที่มาของการให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า ดูซิ
ศาลจะว่าไง? ช่างไม่เจียมตัวเสียจริง ๆ ขาข้างหนึ่งอยู่ในคุกและอีกข้างหนึ่งก็เหยียบประตูคุกอยู่รอมร่อแล้ว ยังจะมีหน้ามาบังอาจท้าทายขนาดนี้อีก!
ศาลจะว่าไง? คือสิ่งที่ประชาชนกำลังติดตามรอฟัง
แต่เราเชื่อมั่นว่าสามศาลจะยังคงยืนหยัดปฏิบัติตามกระแสพระราชดำรัสเพราะการโกหกหลอกลวง การแอบอ้าง และการปล่อยข่าวนั้นบรรดาผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดต่างได้รับรู้ความจริงแล้ว และรู้ด้วยว่าทำกันเพื่อหวังอะไร?
ทายาทห่าง ๆ ของพระดุลยพากย์สุวมัณฑ์ อดีตอธิบดีผู้พิพากษาศาลแพ่ง ผู้เคยเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของ ฯพณฯ สัญญา ธรรมศักดิ์ ได้ตอบคำถามนี้ให้เราฟังว่าศาลฎีกาควรจะมีคำตอบไปที่ประธานวุฒิสภาว่า
ไม่มีผู้พิพากษาศาลฎีกาท่านใดยินยอมพร้อมใจที่จะไปร่วมสังฆกรรมกับ กกต. ที่เหลืออีกสามคนให้เปรอะเปื้อนเสื่อมเสียเกียรติภูมิของผู้พิพากษา และศาลฎีกาก็ไม่เห็นบุคคลภายนอกผู้ใดที่เหมาะสมจะสรรหาส่งไปให้วุฒิสภา เว้นแต่ กกต.ทั้งสามคนจะรู้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ สำนึกในความรับผิดชอบชั่วดีและลาออกไปก่อน
ท่านผู้นี้บอกว่าหากศาลฎีกาตอบไปในลักษณะนี้ก็จะสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญที่ต้องได้รับความยินยอมและความสมัครใจจากผู้พิพากษาที่จะถูกคัดเลือกนั้นก่อน และสอดคล้องกับสภาวการณ์ที่ กกต. ที่เหลืออยู่นั้นไม่มีความชอบธรรม หมดฐานะศักดิ์ศรีที่จะเป็น กกต. อีกต่อไปแล้ว
และท่านยังบอกด้วยว่าทั้งสามศาลพึงเล็งเห็นผลได้ชัดแจ้งแล้วว่าการอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว กกต. ทั้งสามคนนั้น ทำให้ เกิดภัยอันตรายหรือความเสียหาย และ เป็นอุปสรรคหรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อการสอบสวนของเจ้าพนักงานหรือการดำเนินคดีในศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 108 (6) และมาตรา 108/1 (5) แก่ประเทศชาติ แก่ประชาชน และการปกครองระบอบประชาธิปไตยถึงขนาดไหน
จึงไม่อาจหวังความรู้สึกสำนึกรับผิดชอบหรือความจงรักภักดีใด ๆ จาก กกต.ทั้งสามคนนี้ได้อีกต่อไป มีแต่ต้องใช้ความยุติธรรมและความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายตามที่พระมหากษัตริย์ทรงใช้อำนาจตุลาการทางศาลเพื่อแก้ไขปัญหาบ้านเมืองในครั้งนี้
นั่นคือการไม่อนุญาตให้ กกต. ทั้งสามคนที่เหลือออกไปก่อกรรมทำชั่วย่ำยีกฎหมายบ้านเมือง เหยียบย่ำหัวใจประชาชน และขัดขวางการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองอีกต่อไป โดยการไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวในทุกคดีอาญาที่ กกต. ทั้งสามคนนี้ถูกฟ้องคดี
ก็จะทำให้ กกต. ทั้งสามคนที่เหลือพ้นจากตำแหน่งทันทีตามรัฐธรรมนูญมาตรา 141 ประกอบมาตรา 137 (4) ประกอบมาตรา 106 (3)
ซึ่งจะต้องดำเนินการอย่างรวดเร็วที่สุดเพื่อทำให้การแก้ไขปัญหาของบ้านเมืองทันต่อเหตุการณ์ที่กำลังทรุดหนักลงทุกที ก่อนที่จะเกิดมิคสัญญีขึ้นในประเทศไทย
และจะทำให้กระบวนการสรรหา กกต. จากคนกลางทั้งห้าคนไปจัดการเลือกตั้งที่สุจริตและเที่ยงธรรมเกิดขึ้นได้
เราเห็นด้วยอย่างยิ่งกับข้อเสนอนี้ และขอวิงวอนต่อสามศาลได้ประทานความเมตตาและช่วยแก้ปัญหาให้ชาติบ้านเมืองได้ผ่านพ้นจากอันตรายร้ายแรงที่สุดที่กำลังจะเกิดขึ้นกับชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ด้วยเถิด.
