ดอลลาร์อ่อนทำให้น้ำมันแพง [2 พ.ค. 51 - 17:24]
ผมเขียนเรื่องนี้ตอนเย็น เป็นเวลาเช้ามืดวันพุธที่กรุงวอชิงตันดี.ซี. เฟดหรือธนาคารกลาง สหรัฐฯยังไม่ได้เปิดประชุมเรื่องดอกเบี้ย แต่เกจิทางการเงินในสหรัฐฯ ฟันธงกันล่วงหน้าแล้วว่า เฟดจะลดดอกเบี้ยลงอีกร้อยละ 0.25 เหลือร้อยละ 2 ถือเป็นการลดครั้งสุดท้ายแล้ว เดือนหน้าคงจะไม่ลดอีก
เฟดจะลดหรือไม่ลดดอกเบี้ย หรือลดดอกเบี้ยลงร้อยละ 0.25 อย่างที่คาดกันไว้ วันนี้ก็รู้ผลกันแล้ว
ประเด็นที่ผมจะเขียนถึงวันนี้ก็คือบทวิเคราะห์ของ ซีเอ็นเอ็นมันนี่ ที่ได้ชี้ให้เห็นถึง ความสัมพันธ์ ระหว่าง ดอกเบี้ยเฟด กับ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และ ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ผมเองก็นึกไม่ถึงว่า 3 เรื่องนี้จะมี ความสัมพันธ์เกี่ยวโยงกัน เป็นเรื่องที่กระทรวงการคลังและ ธนาคารแห่งประเทศไทยน่าจะนำไปศึกษา เพื่อประกอบการตัดสินใจเรื่องดอกเบี้ยในอนาคต
ในบทวิเคราะห์นี้บอกว่า
ปัจจัยสำคัญหนึ่งที่ทำให้ ค่าเงินดอลลาร์อ่อน และ น้ำมันดิบแพง ในช่วงที่ผ่านมาก็คือ การเร่งลดดอกเบี้ยลงหลายครั้งของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในช่วงเดือนสองเดือนที่ผ่านมา เพื่อหวังใช้อัตราดอกเบี้ยกระตุ้นเศรษฐกิจที่อ่อนล้าของสหรัฐฯ
ตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้วจนถึงเดือนที่แล้ว ธนาคารกลางสหรัฐฯได้ลดดอกเบี้ยลงไปแล้วถึง 3 เปอร์เซ็นต์ จากร้อยละ 5.25 เหลือร้อยละ 2.25 การลดดอกเบี้ยลงอย่างมากมายของเฟด ทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง และส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบแพงขึ้น
การอ่อนของค่าเงินดอลลาร์ คือปัจจัยหลักที่ทำให้ราคาน้ำมันดิบแพงขึ้น
นับตั้งแต่เดือนเมษายนปีที่แล้วมาจนถึงปีนี้ ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าไปแล้ว 10 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลต่างๆทั่วโลก ส่วนราคาน้ำมันดิบก็มีราคาเพิ่มขึ้นถึง 80 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับช่วงนี้เมื่อปีก่อน
เมื่อเงินดอลลาร์ลดค่าลงต่อเนื่อง นักลงทุนก็หันไปซื้อน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า เพื่อลดความเสี่ยงของค่าเงินดอลลาร์จากภาวะเงินเฟ้อ ทำให้มีการเก็งกำไร และทำให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดซื้อขายล่วงหน้าสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
เพราะการซื้อขายน้ำมันดิบทั่วโลกใช้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในการซื้อขาย เมื่อค่าเงินดอลลาร์อ่อนลง ก็ไม่มีแรงจูงใจให้ประเทศผู้ผลิตน้ำมันส่งออกน้ำมันมากขึ้น
นายชากิบ เกลอิล ประธานกลุ่มโอเปก ก็ยอมรับว่า ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อน คือเหตุผลใหญ่ที่ทำให้มีการขึ้นราคาน้ำมันดิบอย่างบ้าเลือดของโอเปก ถ้าหากวันนี้ค่าเงินดอลลาร์แข็งขึ้นมาสัก 10 เปอร์ เซ็นต์ ราคาน้ำมันดิบอาจจะลดลงเหลือ 40 เหรียญต่อบาร์เรลก็ได้
สรุปก็คือ วิกฤติการเงินและพลังงานของโลกที่เกิดขึ้น ล้วนเกิดจาก การบริหารที่ผิดพลาด ของ เฟด หรือ ธนาคารกลางสหรัฐฯ ทั้งสิ้น
ผมว่าความผิดพลาดร้ายแรงที่สุดของธนาคารกลางสหรัฐฯ เริ่มเกิดขึ้นในสมัย นายอลัน กรีนสแปน อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่อยู่ในตำแหน่งยาวนานหลายสมัย จนคนทั้งโลกเชื่อว่านายกรีนสแปนคือสุดยอดนายธนาคารกลาง แต่นายกรีนสแปนกลับฝากฝีร้ายแรงที่สุดซ่อนไว้กับเศรษฐกิจสหรัฐฯ นั่นคือ ฟองสบู่สินเชื่อ ซับไพร์ม ที่ได้ชื่อว่า เละที่สุด ปล่อยกู้แม้กระทั่งคนตกงานและคนเร่ร่อน จนมันระเบิดตูมขึ้นมาเมื่อปีที่แล้ว ส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ถดถอย ค่าเงินดอลลาร์อ่อนแอ นำไปสู่วิกฤติราคาพลังงาน และจนถึงวิกฤติราคาอาหารในปัจจุบันผมดีใจที่ คุณธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการแบงก์ชาติ ออกมายืนยันหนัก แน่นว่า จะไม่ลดดอกเบี้ยตามเฟด แต่จะใช้ดอกเบี้ยคุมเงินเฟ้อ ซึ่งถูกต้องแล้ว 3 เดือนแรกปีนี้เงินเฟ้อไทยก็พุ่งขึ้นไปที่ร้อยละ 5 แต่ดอกเบี้ยอยู่ที่ร้อยละ 3.25 ใครมีเงินฝากก็ต้องจนลงทุกปี เพราะได้ดอกเบี้ยน้อยกว่าค่าเงินเฟ้อ
พวกที่ชอบคิดและทำตามก้นสหรัฐฯ เจ๊งกันไปไม่รู้เท่าไรแล้ว.
"ลม เปลี่ยนทิศ"
http://thairath.co.th/news.php?section=society03&content=88169อ้าว แบบนี้ได้ไงคะ เดี๋ยวเจอข้อหาแทรกแซงกิจการภายในของเมกานะคะ
พอดีตกข่าวค่ะ ไม่ทราบว่า เมื่อไหร่ อิรัก จะอิสระเสรีเสียที จะประท้วงว่า "Free Iraqi" ก็กระไรอยู่
ขออนุญาตโพสต์ความเห็นของ "ลม เปลี่ยนทิศ" โต้โผใหญ่ในการจัดงาน Money Expo ด้วยค่ะ เพิ่งว่างจะเอามาแปะ ว่าจะไปฝากไว้ที่กระทู้ของคุณเป่ยจิงเจียโหยว เสียหน่อย แต่กระทู้มันตกหายไปไหนไม่รู้
ล่าสุด เพนตากอนก็เสแสร้งทำตัวเป็นกระต่ายตื่นตูม ทั้ง ๆ ที่รู้ว่า แสนยานุภาพทางทหารของจีนยังล้าหลังกว่าตัวเองอยู่มาก แต่เมกาพี่แก ตามนิสัยเดิม ๆ ก็รีบเอามาเผยแพร่ซะงั้น ทีตัวเองปากว่าตาขยิบทำตัวเป็นพ่อค้าขายอาวุธ ไม่ทราบมีใครมากระชากหน้ากากออกมาให้เห็นบ้าง
http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9510000051642
ความคิดเห็นที่ 76
ความลับแตก ไม่เห็นมันจะแตกตรงไหน สื่อตะวันตกพาดหัวให้ดูน่ากลัว เรือรบจีนก็จอดอยู่ผิวน้ำ ไม่เห็นเป็นความลับตรงไหน ทีอเมริกาส่งเรือรบวิ่งทั่วกร่างไปโลก จีนสร้างเรือรบไว้ป้องกันตัวเองจากการรุกรานของพวกตะวันตก เหมือนในอดีต ฝรั่งก็ตื่นไปหมด พยายามพาดหัวข่าวเป็นการสร้างกองทัพไว้รุกรานปรเทศอื่น การบุกอัฟกานิสถาน บุกอิรัก กลับถือเป็นความชอบธรรม ถ้าประเทศไทยดื้อกับอเมริกา แล้วอเมริกาส่งทหารบุกไทย อยากเห็นพวกโปรอเมริกันจะเป,ยนความคิดไม๊
ผ่านมา
มีบางประเด็นที่คุณไทยทรูธ และคุณ ลม เปลี่ยนทิศ เคยนำเสนอไว้น่าสนใจ ในเรื่องของ technology transfer ที่ล่าสุดจีนสามารถสร้างรถไฟหัวกระสุนเองได้ รวมทั้งในอนาคตคงได้เห็นการพัฒนาของจีนในอีกหลากรูปแบบ แต่พวกตะวันตกมันทนเห็นไม่ได้
วันนี้ก็ได้ดูสกู๊ปพิเศษทาง discovery channel เสนอกระบวนการ และการทำงานอย่างท้าทายในการสร้างสะพานข้ามทะเลที่อ่าวหังโจว ที่นับได้ว่าเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์โดยมี chief designer ชาวจีนนามว่า wang renggui และเมื่อเห็นการแก้ไขปัญหาในการทำงานแต่ละขั้นตอน ไดเรคเตอร์ของ Arup (เสิรช์ดูจะทราบว่าเป็นบริษัทสัญชาติอังกฤษ) ยังกล่าวแสดงความชื่นชม
http://manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9510000051190
http://manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=4648830849527
ก่อนหน้านี้ก็นำเสนอการสร้าง Terminal 3 ของสนามบินปักกิ่งที่ตอนนี้เป็นสนามบินใหญ่ที่สุดในโลกไปแล้ว สิ่งที่ท้าทายที่สุดคือการทำงานให้เสร็จตามเป้าหมายด้วยระยะเวลาที่จำกัด โดยมีมาดามชิว (ถ้าจำนามสกุลไม่ผิด) เป็นหัวขบวนขับเคลื่อน จากเดิมที่ตัวอาคาร Terminal 1 เทียบกับของดอนเมืองไม่ได้เลย
ประเด็นสำคัญอยู่ที่การพยายามพึ่งพิงต่างชาติให้น้อยลง รัฐบาลจีนฉลาดที่ให้คนของตนได้เรียนรู้จากการว่าจ้างบริษัทฝรั่งมาทำงานให้ บริษัทฝรั่งก็ได้ชื่อ ได้เงิน ส่วนจีนก็ได้หน้า และได้ความรู้ด้านเทคโนโลยี อย่างงานมอเตอร์โชว์ที่ปักกิ่งล่าสุด ก็มีรถที่จีนออกแบบเองมานำเสนอแล้ว รวมทั้งการก่อสร้างสนามกีฬาเมนสเตเดี้ยมสำหรับโอลิมปิก มีอุปสรรคนานัปการ แต่ในที่สุด ก็สามารถผลักดันให้แล้วเสร็จก่อนเวลาที่กำหนด
ที่น่าเป็นห่วงคือบ้านเรานี่แหละ ระวังอาจจะต้องวิ่งไล่ตามเวียดนามในอีกไม่นาน ถ้ายังมีแนวโน้มเป็นฟิลิปปินส์ อยู่อย่างนี้ เมื่อก่อนใครบอก ก็ไม่ค่อยอยากจะเชื่อ แต่ตอนนี้เริ่มรู้สึกว่า น่าเป็นห่วงจริง ๆ ถ้านักการเมืองยังทำตัวเยี่ยงที่เป็นอยู่