ประชา บูรพาวิถี
มิทราบเหตุผลอันใดที่ ขงเบ้งทัพบก จึงออกจากถ้ำแถวสี่แยกแคราย มาปูดเรื่อง ล้มเจ้า ล้มปืน ล้มทุน หรือ ขบวนสาธารณรัฐ ว่ามีอยู่จริงในสังคมไทย
บังเอิญว่าคำพูดดังกล่าวหลุดจากปาก พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ จึงไม่มี คนในซีกรัฐบาล ดาหน้ามาตอบโต้เหมือนกรณี นายหัวชวน
อย่างไรก็ดี พี่จิ๋ว ในฐานะที่เป็นลูกศิษย์ของ ประเสริฐ ทรัพย์สุนทร และ ผิน บัวอ่อน สองอดีตคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) จะไม่เงี่ยหูฟังหน่อยก็ไม่ได้
ในอดีตกลุ่มที่ประกาศตัว ล้มเจ้า ล้มทุน ล้มปืน อย่างเป็นทางการคือ พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.)
แต่ปัจจุบันขณะ พคท.ไม่เหลือความเป็น พรรคการเมือง นับตั้งแต่ความพ่ายแพ้ในสงครามประชาชนเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว พคท.จึงไม่ต่างจาก ซากศพที่ยังมีลมหายใจ
เนื่องจาก บุคลากรระดับสูงของพรรค ยังมีชีวิตอยู่ (อายุ 70-80 ปี) แม้จะมีความพยายามจัดประชุมสมัชชาพรรค ครั้งที่ 5 แต่ก็ไม่สามารถเรียกระดมพลได้ เพราะความขัดแย้งภายในพรรคยังคงมีอยู่สูง จึงแยกย้ายกันไปขับเคลื่อนคนละขบวนสองขบวน
เท่าที่ตรวจสอบได้มีดังนี้ (ขอความกรุณา สมช. ,ศรภ., สันติบาล และหน่วยข่าวทุกเหล่าทัพ...โปรดตัดคอลัมน์นี้ แปะไว้ที่โต๊ะทำงานด้วยนะครับ และไม่ต้องโทรมาสอบถามทีหลัง)
1.กลุ่มลุงดิน ที่มีตำแหน่งเป็นเลขาธิการพรรค ยังได้รับความเคารพจากมิตรสหายส่วนใหญ่ และเคยมีความพยายามที่จะ ส่งไม้ ให้คนรุ่นหลัง แต่ก็ไม่กล้าทำ เพราะกลัวส่งไม้ผิด
ในชั่วโมงนี้ ลุงดิน จึงปล่อยให้สมาชิกพรรค เคลื่อนไหวโดยเสรี ใครอยากตั้งกลุ่มใหม่หรือพรรคใหม่ก็ว่ากันไป จึงเชื่อว่าตำแหน่งเลขาธิการพรรค คงตายไปกับตัวลุงดินในท้ายที่สุด
2.กลุ่มป้าพึ่ง กรรมการกลางพรรค และเป็นภรรยา จางหย่วน วิรัช อังคถาวร ผู้ทรงอิทธิพลในพรรค (เสียชีวิตแล้ว) ก่อนหน้านั้นป้าพึ่งเคยเรียกร้องให้มีการประชุมสมัชชาฯ 5 แต่ก็ไร้คำตอบจากลุงดิน
เมื่อสองปีก่อน ป้าพึ่งจึงจับมือ เล่าเซ้ง-เล่าย่า สหายนำเขต 3 จังหวัด (ร่องกล้า-เขาค้อ) และสหายปัญญาชนในเมือง จัดตั้ง พรรคประชาชนไทย ขึ้น เพื่อเตรียมเข้าสู่ถนนการเมืองสายรัฐสภา
ครั้นเกิดรัฐประหาร 19 กันยา พรรคประชาชนไทยจึงยุติการเคลื่อนไหว และล่าสุดป้าพึ่งได้ส่งไม้ให้ คนรุ่นใหม่ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แว่วว่าผู้ที่รับไม้จากป้าพึ่ง กำลังวางแผนจัดตั้ง พรรคใหม่ บนโลกออนไลน์ และเตรียมนำเสนอแนวทางที่ต่างจาก แนวทางพรรคเดิม
มันอาจเป็นการ รีแบรนด์ พคท. ต้อนรับภาวะโลกร้อนก็เป็นได้!
3.กลุ่มลุงชิต เลขาธิการพรรคอีสานใต้ ที่จัดตั้งองค์กร เอ็นจีโอสหาย ขึ้นมาเคลื่อนไหวงานภาคเกษตรเมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว แต่กลุ่มนี้ยังมีปัญหาความขัดแย้งในการทำงาน ทำให้องค์กรส่อเค้าว่าจะยืนอยู่ได้ลำบาก
4.กลุ่มสหายเชี่ยว เลขาธิการพรรคจังหวัดเชียงราย-พะเยา ที่มีความพยายามรวบรวมพลพรรคจัดตั้งพรรคการเมืองเมื่อต้นปี 2549 แต่ไม่ประสบความสำเร็จ
ฉะนั้นในปี 2551 กลุ่มสหายเชี่ยว ได้ปรับขบวนใหม่ตั้ง สำนักคิดไทยใหม่ ขึ้นมาเป็นศูนย์รวมแหล่งเรียนรู้ความคิดใหม่ๆ ในยุคโลกาภิวัตน์
นี่คือ 4 กลุ่มใหญ่ที่สรุปได้ว่าทุกกลุ่มยังห่างไกลกับคำว่า ล้มเจ้า ล้มทุน ล้มปืน
แล้วมันเป็นขบวนการไหนล่ะ?
ที่น่าจับตาในชั่วโมงนี้ คงเป็น กลุ่มสหายผัวเมีย ที่เข้าร่วมการออกแบบ ขบวนการประชาชนใหม่ ต่อต้านระบอบอำมาตยาธิปไตย ตั้งแต่ปลายปี 2549
กลุ่มสหายผัวเมียอ่านเกมทะลุ จึงไม่รอ รับไม้ จากผู้เฒ่า โดยหันไปทำแนวร่วมกับ ทุนใหม่ ที่มีทั้งกำลังทุน และกำลังคน จึงขยายงานมวลชนได้อย่างกว้างขวาง
ที่สำคัญจากการสำรวจคร่าวๆ กว่าร้อยละ 80 ของเหล่าสหายในชนบท ชื่นชอบ ทุนใหม่ มากกว่า ทุนเก่า
กลุ่มสหายผัวเมีย จึงแอบฝันถึง สงครามประชาชน ครั้งใหม่ในอนาคตอันใกล้นี้http://www.bangkokbiznews.com/2008/05/02/news_26307986.php?news_id=26307986ขอเดาอย่างขำขำว่า สหายสองผัวเมีย คือ "สหายเข้ม" กับ "สหายปูน"