ผู้จัดการ-พันธมิตร กำลังก่อกระแส ละคอนแขวนคอ ยุคใหม่ สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล
ภาควิชาประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เช้าวันอังคารที่ 5 ตุลาคม 2519 กลุ่มขวาจัดที่เรียกตัวเองว่า ชมรมแม่บ้านได้จัด
ชุมนุมที่ลานพระรูปทรงม้า เพื่อประท้วงรัฐบาลในขณะนั้น อันเกี่ยวเนื่องมาจากวิกฤติ
การกลับเข้าประเทศของจอมพลถนอม การชุมนุมดำเนินไปจนเกือบบ่าย ก็มีบางคน
ในกลุ่มหยิบยกเอาภาพถ่ายการแสดงละคอนของนักศึกษาธรรมศาสตร์ที่ลานโพธิใน
เที่ยงวันก่อนหน้านั้น (4 ตุลาคม) เพื่อสะท้อนเหตุการณ์แขวนคอช่างไฟฟ้าผู้ประท้วง
ถนอมที่นครปฐม 2 คน ซึ่งตีพิมพ์ในหน้า 1 ของ
บางกอกโพสต์ ฉบับวันนั้น (
บางกอก
โพสต์ออกวันละ 1 กรอบตอนเช้า) มาวิพากษ์วิจารณ์ว่า ใบหน้าผู้แสดงเป็นช่างไฟฟ้า
ที่กำลังถูกแขวนคอในภาพนั้นเหมือนพระบรมโอรสาธิราช แสดงว่า นักศึกษาจงใจ
หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง กลุ่มจัดตั้งขวาจัดต่างๆ ในขณะนั้น ได้แพร่กระจายข้อกล่าวหา
ที่ไม่มีมูลนี้ออกไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอาศัยองค์กรสื่อมวลชนขวาจัด 2 องค์กร
คือ นสพ.
ดาวสยาม รายวัน และ สถานีวิทยุยานเกราะ เป็นเครื่องมือ โดยสถานีวิทยุ
ยานเกราะออกอากาศปลุกเร้าอารมณ์ผู้ฟังอย่างหนักไม่หยุดตลอดบ่ายวันที่ 5 ข้ามคืน
ถึงเช้าวันที่ 6 มีการเรียกร้องให้จัดการกับนักศึกษาขั้นเด็ดขาด กระตุ้นความโกรธแค้น
ผู้ฟังถึงระดับทีหวังผลให้เกิดการใช้กฎหมู่ทำร้ายนักศึกษา ขณะที่
ดาวสยาม ได้ตีพิมพ์
กรอบบ่ายเพิ่มจำนวนเป็นพิเศษ เผยแพร่ทั่วกรุงเทพ ในหน้า 1 เกือบเต็มหน้า ได้ตี
พิมพ์ขยายรูปที่กล่าวหาว่าเป็นการ แขวนคอหุ่นเหมือนฟ้าชาย (นี่คือคำพาดหัว
ดาวสยาม ฉบับเช้าวันที่ 6 ตุลา ขอให้สังเกตว่า การปลุกระดมนี้วางอยู่บนการโกหก
เพียงใด เพราะการ แขวนคอ ใช้คนแสดงจริง ไม่ใช่หุ่น)
ฝ่ายศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย ได้แถลงข่าว บอกเล่าความจริงของ
ความเป็นมาของการแสดงละคอนประท้วงถนอม (ซึ่งเป็นกิจกรรมของนักศึกษาธรรม-
ศาสตร์เอง ไม่ใช่การจัดของศูนย์ฯ) และได้ยืนยันว่ายินดีจะให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการ
สอบสวนตามกระบวนการทางกฎหมายทุกอย่าง ทั้งยังได้นัดกับนายกรัฐมนตรี จะ
เดินทางเข้าพบเพื่อชี้แจงในเช้าวันรุ่งขึ้น
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือตั้งแต่ช่วงบ่าย ช่วงกลางคืน วันที่ 5 ตุลาคม ถึงช่วงเช้าวันที่ 6
ตุลาคม คือ การระดมกำลังจัดตั้งติดอาวุธของพวกขวาจัดอย่างขนานใหญ่ บรรดา
ผู้บงการของพวกเขาทราบดีว่า ถ้าปล่อยให้มีการดำเนินการตามกระบวนการทาง
กฎหมายและกระบวนการทางการเมืองแบบปกติ คือ ให้โอกาสนักศึกษาชี้แจงกับ
เจ้าหน้าที่และต่อสู้คดี และให้โอกาสนักศึกษาได้ชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชน
ทั่วไป คำโกหกของพวกเขา ก็จะไม่เป็นผล เพราะไม่เป็นเรื่องยากที่จะแสดงให้เห็น
ว่า ละคอนที่แสดงที่ลานโพธินั้น คือละคอนสะท้อนการฆ่าแขวนคอช่างไฟฟ้าที่นคร-
ปฐมเท่านั้น ไม่มีเนื้อหาใดๆ เกี่ยวข้องกับราชวงศ์เลย ใบหน้าของผู้แสดงก็ไม่มีการ
ตกแต่งให้เหมือนกับรัชทายาท อย่างที่มีการปล่อยข่าวแต่อย่างใด
ดังนั้น บรรดาผู้บงการขวาจัดจึงเร่งระดมอันธพาลการเมือง และกำลังติดอาวุธของรัฐ
บางส่วนที่พวกเขาควบคุมได้โดยตรง เข้าทำการปิดล้อมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ตั้งแต่คืนวันที่ 5 และเริ่มโจมตีประปรายตั้งแต่กลางดึกคืนนั้น และโดยไม่รอให้ฟ้า
สว่าง ในเช้าวันที่ 6 พวกเขาก็สังการให้กำลังเหล่านั้นทำการโจมตีมหาวิทยาลัย
ธรรมศาสตร์อย่างเต็มที่พร้อมเพรียงกัน
สิ่งที่ตามมาคือ การฆ่าหมู่สยดสยองที่***มโหดที่สุดในประวัติศาสตร์
การเมืองไทยสมัยใหม่.........................
ใครๆ ก็ควรจะนึกว่า หลังจากการฆ่าหมู่นั้นผ่านไป 30 ปี
การปลุมระดมโดยข้ออ้าง
ว่า ฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ต้องเป็นเรื่องที่ไม่เกิดขึ้นอีกแต่ในระยะ 2 ปีเศษที่ผ่านมา นสพ.-วิทยุ-โทรทัศน์ ของกลุ่มผู้จัดการ และกลุ่มที่เรียก
ตัวเองว่า พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้รื้อฟื้นการใช้ข้ออ้างทางการเมืองนี้
มาเล่นงานผู้ที่พวกเขาไม่เห็นด้วยอีก
ตั้งแต่ต้น พวกเขากุเรื่องว่า มีคนจะล่วงละเมิด พระราชอำนาจ ของพระมหากษัตริย์
ซึ่งทำให้พวกเขาต้องประกาศว่า เราจะสู้เพื่อในหลวง
การรณรงค์นี้ยกระดับความเข้มข้นและความหลอกลวงขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเมื่อ 2 ปีที่
แล้ว (พฤษภาคม 2549) ได้มีการสร้างนิทานหลอกเด็กเรื่อง ปฏิญญาฟินแลนด์ ขึ้น
แต่ขอให้สังเกตว่า เมื่อเปรียบเทียบกับปัจจุบัน ในตอนนั้น พวกเขายังไม่กล้าถึงขั้น
กล่าวหาคู่ต่อสู้ทางการเมืองตรงๆว่า ต้องการสถาปนาระบอบสาธารณรัฐ เพียงแต่ใช้
คำที่ฟังดูขึงขังน่ากลัวนี้ มาขู่โดยนัยยะ
สิ่งที่พวกเขาเสนอในขณะนั้น คือ มีผู้กำลังทำให้สถาบันกษัตริย์เป็น "เพียงสัญลักษณ์
อันที่จริง เรื่องนี้เป็นเรื่องยกเมฆ แต่ทีตลกคือ ในโลกยุคปัจจุบัน
การเป็น
"สัญลักษณ์ ของประชาชาติหนี่งที่มีคน 60 กว่าล้าน ยังถือเป็นเรื่อง หมิ่น
หรือ? การเป็น สัญลักษณ์ ของคน 60 กว่าล้าน จะเป็นเรื่องเลวร้ายได้อย่างไร?
ผู้จัดการ-พันธมิตร กำลังพูดราวกับว่า เรากำลังอยู่ในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราช การ
พูดเรื่องการเป็น เพียงสัญลักษณ์ ของพระมหากษัตริย์กลายเป็นเรื่อง หมิ่น ขึ้น
มาทันที
เรื่องยกเมฆที่เผยแพร่อย่างเป็นทางการนี้ ที่ยังต้องรักษา ความน่าเชื่อ บางอย่าง
ภายนอกไว้ ได้รับการประสานกับเรื่องยกเมฆที่เผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ตที่มีลักษณะ
โกหกแบบสุดๆ เพราะไม่ต้องห่วงเรื่องการตรวจสอบใดๆ ที่หวังว่า ด้วยการเผยแพร่
ซ้ำๆๆๆ ทางอีเมล์ จะทำให้คนเริ่มเชื่อขึ้นบ้าง อย่างกรณีปล่อยข่าวว่ามีศูนย์บัญชา-
การคอมพิวเตอร์ในทำเนียบรัฐบาล เผยแพร่ข้อมูลหมิ่นพระบรมเดชานุภาพทางอิน-
เตอร์เน็ตผ่านระบบดาวเทียม เป็นต้น
.........................
แต่การโฆษณาชวนเชื่อเรื่อง หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ของกลุ่มผู้จัดการ-พันธมิตร
ในปี 2549 เมื่อเทียบกับปีนี้แล้ว ก็ยังไม่เทียบเท่าในระดับความโกหก และความ
เป็นไปได้ที่จะนำมาซึ่งผลเสียหายร้ายแรง
ปีนี้ ชัยอนันต์ สมุทวณิช ได้เขียนในผู้จัดการว่า มี ผู้ต้องการสถาปนาระบอบ
สาธารณรัฐ (ขณะที่ในช่วงก่อกระแส ปฏิญญาฟินแลนด์ เขายังไม่กล้า ฟันธง
ลงไปเช่นนี้)
การเคลื่อนไหวปลุกกระแส หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ของผู้จัดการ-พันธมิตร ได้ถึง
ขั้นที่เรียกว่า absurd (ไร้เหตุผลถึงขั้นน่าหัวร่อ) และ paranoid (โรคหวาดระแวง)
ที่การเขียนถ้อยคำบนผ้าสีธงชาติ ที่มีกำเนิดจากวงการเชียร์กีฬาร่วมสมัย
และได้
กลายเป็นเรื่องที่ทำกันปกติ แม้แต่ในประเทศไทยเอง (ดังที่มีคนเอาภาพการชุมนุม
ของพันธมิตรเองมาแสดงให้เห็นว่าผู้ร่วมชุมนุมบางคนก็ทำกัน) นี่เป็นส่วนหนี่งของ
วัฒนธรรมสมัยใหม่ ที่ทุกคนเห็นเป็นเรื่องปกติไปนานแล้ว
แต่กลุ่มผู้จัดการ-พันธมิตร ได้ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นปัญหา ความมั่นคงของประเทศ
ที่ถึงขั้นต้องหาคนผิดมาดำเนินคดีข้ามประเทศ!
คนเหล่านี้ ไม่เคยเรียนรู้อะไรจากประวัติศาสตร์เลย
ระดับความบ้าคลั่งในการก่อกระส ละคอนแขวนคอยุคใหม่ ของคนกลุ่มนี้ ได้
ถึงจุดที่อันตรายอย่างยิ่งเมื่อคืนวันที่ 29 เมษายนที่ผ่านมา ในรายการ Metro Life ของวิทยุผู้จัดการ หนึ่ง
ในโฆษกของรายการ ถึงกับพูดว่า ในเหตุการณ์ 6 ตุลา ระหว่างพวกขวาจัดที่ฆ่าหมู่
นักศึกษา กับนักศึกษาที่ถูกฆ่าหมู่อย่างสยดสยองนั้น ใครผิดกันแน่ บอกไม่ได้
(มีคำถาม)
เท่ากับว่า การฆ่าหมู่คนเช่นนั้น ก็สามารถเป็นเรื่อง ถูกต้อง ได้!!นอกจากนั้น พวกเขายังพูดเป็นนัยยะว่า
เหตุการณ์อย่าง 6 ตุลา อาจจะจำเป็น เพราะ
ถ้าไม่มีเหตุการณ์แบบ 6 ตุลา ประเทศไทยก็อาจจะไม่เป็นปกติสุขแบบในปัจจุบัน
อาจจะเต็มไปด้วยคนที่ หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ!!ถ้าวันนั้นเราไม่มีเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 ไม่มีเหตุการณ์ ขวาพิฆาตซ้าย บ้านเมืองมัน
จะเป็นอย่างที่เรารู้จักหรือเปล่า ถ้าเรามีคนอย่างโชติศักดิ์จำนวนมากอยู่ในสังคม...
นั่นคือ ถ้าปล่อยไว้ ไม่ทำการฆ่าหมู่เมื่อ 6 ตุลา ก็จะมี คนอย่างโชติศักดิ์จำนวนมาก
อยู่ในสังคม ทุกวันนี้
นี่คืออะไรถ้าไม่ใช่การสร้างความชอบธรรมให้กับการฆ่าหมู่อย่างกระหายเลือด?ในรายการวิทยุเดียวกัน ในคืนวันที่ 30 เมษายน
โฆษกของรายการถึงขั้นชี้แนะว่า
ถ้าใครลงมือใช้ความรุนแรงทำร้ายโชติศักดิ์ ถ้าทำให้หัวแตก ตามกฎหมาย คนลงมือ
ทำร้ายนั้นก็จะถูกลงโทษปรับแค่ 500 บาทเท่านั้น! และเปิดโอกาสให้ผู้ฟังบางคน
โทรศัพท์เข้ามาเสนอวิธีทำร้ายร่างกายโชติศักดิ์ มีผู้ฟังคนหนึ่งสนองรับด้วยการ
โทรศัพท์มาเสนอว่า ให้ใช้วิธี ชกหน้า โดยกำถ่ายไฟฉายก้อนไว้ในมือ!!ผมขอเรียกร้องให้ร่วมกันประณามการเป็น ดาวสยาม-ยานเกราะ ยุคใหม่ ของกลุ่ม
ผู้จัดการ-พันธมิตร
กลุ่มผู้จัดการ-พันธมิตร กำลีงผลักดันให้สังคมไทยถอยหลังเข้าคลอง ย้อนยุค
ไปกว่า 30 ปี
ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ต้องจัดการด้วยการอภิปราย โต้แย้ง อย่าง
ใช้เหตุผล ไม่ใช่ปลุกปั่น โดยอ้างสถาบันกษัตริย์ เพื่อนำไปสู่การใช้ความรุนแรง
จัดการกับผู้มีความเห็นแตกต่างกับตนอย่างที่กลุ่มผู้จัดการ-พันธมิตรประชาชน
เพื่อประชาธิปไตย กำลังทำอยู่http://www.prachatai.com/05web/th/home/12043ขีดเส้นใต้ และเน้นคำ ตามต้นฉบับ