ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
03-03-2021, 02:49
378,182
กระทู้ ใน
21,926
หัวข้อ โดย
9,412
สมาชิก
สมาชิกล่าสุด:
MAN4U
หน้าแรก
ช่วยเหลือ
ปฏิทิน
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)
|
ทั่วไป
|
สภากาแฟ
|
"เป้าหมายที่แท้จริงในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ" : นันทวัฒน์ บรมานันท์
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า:
[
1
]
ส่งหัวข้อนี้
พิมพ์
"เป้าหมายที่แท้จริงในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ" : นันทวัฒน์ บรมานันท์ (อ่าน 1428 ครั้ง)
Cherub Rock
ขาประจำขั้นที่ 3
ออฟไลน์
กระทู้: 4,183
น้องๆ ช่วยไปบอกผู้หญิงคนนั้นที ว่าเลิกมองผมได้แล้ว
"เป้าหมายที่แท้จริงในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ" : นันทวัฒน์ บรมานันท์
«
เมื่อ:
29-04-2008, 13:05 »
"เป้าหมายที่แท้จริงในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ"
การแก้ไขรัฐธรรมนูญยังคงเป็นประเด็นร้อนที่วิพากษ์วิจารณ์กันทุกส่วนของสังคมไทย จนถึงวันที่เขียนบทบรรณาธิการนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างก็ยังไม่
"นิ่ง"
ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ด้วยวิธีใด
และแก้ไขใน
เรื่องอะไร
บ้าง เหตุผลสำคัญประการเดียวที่ทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่นิ่ง ก็เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้
มิได้เกิดจากเป้าหมายที่แน่นอนชัดเจน
ตั้งแต่แรก แต่เกิดจาก
"ปัญหา"
ของนักการเมืองที่ต้องการแก้รัฐธรรมนูญ เป็นที่ทราบกันแล้วว่าการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อแก้ปัญหา
"ส่วนตัว"
เพียงประการเดียวจะสร้างกระแสไม่พอใจให้กับผู้คนเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้เองจึงเกิดการ
"โยนหินถามทาง"
จากฝ่ายการเมืองมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นองค์กรที่จะเข้ามาแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือประเด็นต่างๆในรัฐธรรมนูญที่จะต้องถูกแก้ไข ซึ่งผมเดาเอาว่าในที่สุดแล้ว การแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้คงจะต้องทำการแก้ไขใหญ่ที่แทบจะเรียกได้ว่าแก้ไขทั้งฉบับเพื่อให้ดู
"ชอบธรรม"
มากกว่าการแก้ไขบางมาตราเพื่อประโยชน์ทางการเมือง ส่วนองค์กรใดจะเข้ามาแก้ไขนั้นผมยังไม่แน่ใจว่าในที่สุดแล้วจะเกิดองค์กรประเภท
"สภาร่างรัฐธรรมนูญ"
หรือไม่ เพราะในวันนี้ก็มีคนพูดกันมากถึงรูปแบบขององค์กรที่จะเข้ามาแก้ไขรัฐธรรมนูญครับ
ในบทบรรณาธิการครั้งที่แล้วผมได้นำเสนอรูปแบบขององค์กรที่จะเข้ามาแก้ไขรัฐธรรมนูญไป 2 รูปแบบซึ่งก็ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันพอสมควรถึงความเป็นไปได้หรือความเหมาะสมของการตั้งองค์กรในลักษณะดังกล่าวที่มีความเป็นกลางและไม่มีส่วนได้เสียโดยตรงกับรัฐธรรมนูญ ในข้อเสนอของผมนั้น ผมมองจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญของไทยที่ผ่านมาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ.2550 ที่ในตอนนั้นมีการ
"ปฏิเสธ"
ไม่ให้นักการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องเพราะเป็นผู้มีส่วนได้เสีย แต่กลับให้บุคคลที่อยู่ในองค์กรตามรัฐธรรมนูญฉบับปีพ.ศ. 2540 เข้าไปมีส่วนในการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เมื่อรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ออกมา เราจึงเห็นการ
วางกรอบให้กับนักการเมืองอย่างเข้มงวด
ในขณะที่บทบัญญัติเกี่ยวกับองค์กรตามรัฐธรรมนูญก็
เอื้อประโยชน์ให้กับบุคคลผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรตามรัฐธรรมนูญอย่างมาก
เช่นกัน
จากประสบการณ์ครั้งล่าสุดนี้เองที่ทำให้ผมเสนอรูปแบบขององค์กรที่จะเข้ามาจัดทำรัฐธรรมนูญ ที่เหมาะสมที่สุดคือ
ต้องไม่ให้ผู้มีส่วนได้เสียทางตรงในรัฐธรรมนูญเข้ามาเป็นผู้จัดทำ
เพราะมิฉะนั้นจะเกิดอาการ
"พลิกผัน"
ในบทบัญญัติรัฐธรรมนูญที่พอใครเป็นผู้เข้ามายกร่างก็จะดึงทุกสิ่งทุกอย่างกลับไปที่ตนเองหรือองค์กรของตนเอง ซึ่งจริงๆแล้วเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เพราะบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนั้นจะต้องมี
"แนวคิด"
พื้นฐานที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ง่ายๆตามใจผู้ร่างรัฐธรรมนูญครับ!!!
ในวันนี้ เราคงเห็นกันแล้วว่าการเสนอขอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้เริ่มต้นมาจากการ
แก้ไขเพื่อตัวเอง
หรือไม่ก็เป็นการ
แก้ไขเพื่อหนีการถูกยุบพรรคการเมือง
ที่ผมกล่าวเช่นนี้ก็เพราะฝ่ายรัฐบาลนั้นภายหลังชนะการเลือกตั้งเข้ามาก็
"นิ่ง"
กับประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งๆที่ในตอนที่มีการรณรงค์ให้มีการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับปีพ.ศ. 2550 นั้น
กลุ่มพรรคไทยรักไทยเดิมเป็น "หัวหอก"
ของการรณรงค์ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าว เมื่อมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเกิดขึ้น ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันมากถึงระบบการเลือกตั้งที่
ย้อน
กลับไปใช้ระบบเขตเดียวเบอร์เดียวที่มีความไม่เหมาะสมและสร้างปัญหาหลายๆประการ เมื่อมีการจัดตั้งรัฐบาล ก็มีเสียงบ่นถึงบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับแนวนโยบายแห่งรัฐที่กำหนดไว้อย่าง
"ละเอียดเกินไป"
จนรัฐบาลแทบจะเขียนนโยบายแท้ๆของตนเองไม่ได้เลย จากนั้นเมื่อมีการดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งวุฒิสภา เสียงวิจารณ์ก็เริ่มมากขึ้นเพราะสมาชิกวุฒิสภาส่วนที่มาจากการแต่งตั้งไม่ได้สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมโยงกับประชาชนตามทฤษฎีตัวแทน ในขณะที่สมาชิกวุฒิสภาส่วนที่มาจากการเลือกตั้งก็สร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนเพราะมีการเอาเขตจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้งทำให้แต่ละจังหวัดไม่ว่าจะเป็นจังหวัดขนาดใหญ่หรือจังหวัดขนาดเล็กมีตัวแทนของตนได้เท่ากันคือจังหวัดละคนเดียว เหตุต่างๆหลายๆเหตุที่กล่าวไปล้วนแล้วแต่เป็นเหตุที่มีที่มาจาก
ความบกพร่องของบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ. 2550
ทั้งสิ้น แต่เหตุเหล่านี้ก็มิได้
"ดึงดูดใจ"
ให้
"นักการเมือง"
ที่มีอำนาจเสนอขอแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อปรับบทบัญญัติเหล่านั้นให้มีความเหมาะสม พอมามีประเด็นเรื่องพรรคการเมืองจะถูกยุบเพราะบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญมีความ
"เข้มงวด"
มากเกินไป ก็เลยเกิดการดำเนินการต่างๆเพื่อนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ขึ้น ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้มีเสียงคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ขึ้นเพราะความรู้สึกของตนส่วนหนึ่งแล้วการเสนอขอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้อยู่ที่การแก้ไขเพื่อไม่ให้พรรคการเมืองบางพรรคจะต้องพบกับ
"วิบากกรรม"
อย่างที่พรรคไทยรักไทยและกรรมการบริหารพรรค 111 คน ได้เคยพบมาแล้วครับ !!!
ผมพยายามตั้งคำถามว่าเป้าหมายที่แท้จริงในการเสนอขอแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้คืออะไร ประชาชนจะได้อะไรบ้างจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญและนักการเมืองจะได้อะไรบ้างจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญ คำตอบที่ได้ค่อนข้างชัดเจนคือ
ประชาชนคงไม่ได้อะไรโดยตรงเลยจากการเสนอขอแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้
เพราะประเด็นที่จะขอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น
"น่าจะ" เอื้อประโยชน์ให้กับฝ่ายการเมืองอย่างเต็มที่
ครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นเหล่านั้นมีบางส่วนที่มีความ "เกี่ยวข้อง" กับคดีหรือข้อพิพาทที่กำลังมีอยู่เริ่มจากการเสนอขอแก้ไขมาตรา 237 แห่งรัฐธรรมนูญเรื่องการยุบพรรคการเมืองที่โดยส่วนตัวแล้วแม้ผมจะเห็นว่าการยุบพรรคการเมือง
ไม่ควรเป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายเกินไป
เพราะพรรคการเมืองมีความเป็น
"สถาบัน"
อยู่ในตัวเองซึ่งความเป็นสถาบันนั้นทำให้พรรคการเมืองควรจะ
มีความต่อเนื่องทั้งทางด้านองค์กรและด้านอุดมการณ์
การยุบพรรคการเมืองจึงควรทำได้อย่างจำกัดและทำเฉพาะที่เป็นความผิดร้ายแรง เช่น เปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองประเทศหรือเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ เป็นต้น แต่การเสนอขอแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 237 ครั้งนี้มิได้เกิดจากการศึกษาบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญในส่วนที่เกี่ยวกับพรรคการเมืองและนักการเมืองในภาพรวมแล้วพบข้อบกพร่องจึงเสนอขอแก้ไข กลับเกิดจาก
นักการเมืองไปทำผิดบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญที่มีความไม่เหมาะสมเข้าจึงเสนอขอแก้ไขบทบัญญัติที่มีความไม่เหมาะสม
นั้น ซึ่งพูดกันประสาชาวบ้านก็คงหนีไม่พ้นว่าการเสนอขอแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 237 ครั้งนี้ก็เพื่อ
หนีการกระทำความผิดที่เกิดขึ้น
นั่นเองครับ สิ่งที่เราคงต้องจับตาดูกันต่อไปก็คือ ผลของการแก้ไขมาตรา 237 แห่งรัฐธรรมนูญจะ
ย้อนหลังไปใช้กับการกระทำความผิดที่เกิดขึ้นก่อนการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยหรือไม่
สิ่งนี้จะพิสูจน์เจตนาที่แท้จริงของการเสนอขอแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ว่าเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
เพื่อใคร
ครับ
ผมอยากจะขอฝากเรื่องสำคัญเอาไว้สองเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ เรื่องแรกก็คือเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ
องค์กรตามรัฐธรรมนูญ
ครับ จริงๆแล้วในตอนต้นของบทบรรณาธิการครั้งนี้และในบทบรรณาธิการครั้งที่ 178 ที่ได้เคยเผยแพร่ไปแล้วในระหว่างวันที่ 21 มกราคมถึงวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2551 ผมได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนแล้วว่า มีคนที่มาจากองค์กรตามรัฐธรรมนูญฉบับปีพ.ศ. 2540 เข้าไปในกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ. 2550 อยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งคนเหล่านั้นเป็นผู้มีส่วนได้เสียโดยตรงกับบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญบางส่วน จึงทำให้องค์กรตามรัฐธรรมนูญบางแห่งยังคง
"มีอยู่"
ในรัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ. 2550 และนอกจากนี้ก็ยังทำให้
"คนที่ดำรงตำแหน่งในองค์กรตามรัฐธรรมนูญ"
ก่อนหน้านี้สามารถดำรงตำแหน่งต่อไปจนครบวาระตามที่รัฐธรรมนูญปี พ.ศ. 2550 กำหนด ซึ่งถ้ามีการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งใหม่ผมอยากจะให้ให้ความสำคัญกับองค์กรตามรัฐธรรมนูญในสองเรื่องด้วยกันครับ เรื่องแรกก็คือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ. 2550 ใหม่จะต้องไม่ให้เกิดผลกระทบต่อคดีและข้อพิพาททั้งหลายที่ยังอยู่ในระหว่างการดำเนินการขององค์กรเหล่านั้น เพราะมิฉะนั้นการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ. 2550 ก็จะหมดความสง่างามลงไปในทันทีเพราะเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อหนีความผิดที่ได้มีการกระทำลงไปครับ ส่วน
เรื่องที่สอง
นั้น จากข่าวที่ปรากฏออกมาว่าจะมีการนำรัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ. 2540 มาเป็นต้นแบบในการแก้ไข ในส่วนของวิธีการได้มาซึ่งบุคคลที่จะเข้าไปดำรงตำแหน่งในองค์กรตามรัฐธรรมนูญนั้นเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญมากเป็นอันดับต้นๆ เพราะจากประสบการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงที่มีการใช้รัฐธรรมนูญฉบับปีพ.ศ. 2540 ทำให้เราได้บุคคลที่ไ
ม่มีความเป็นกลางเพียงพอ
จำนวนหนึ่งเข้ามาอยู่ในระบบ จนทำให้
การตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐประสบความล้มเหลว
และเป็นสาเหตุสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้มีการนำไปอ้างเป็นเหตุในการทำรัฐประหารครับ ส่วนเรื่องที่สองที่ผมจะขอฝากเอาไว้ก็คือ เมื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จเรียบร้อยแล้ว สมควรที่จะทำการ
"ล้มกระดาน"
เพื่อเริ่มต้นใหม่ทั้งหมดครับ เริ่มตั้งแต่ต้องมีการกำหนดไว้ในบทเฉพาะกาลให้สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาสิ้นอายุลงทันทีหลังจากวันที่รัฐธรรมนูญมีผลใช้บังคับ กำหนดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาโดยเร็วและควรทำในวันเดียวกันเพื่อประหยัดงบประมาณแผ่นดิน เมื่อได้สภาทั้งสองเข้ามาแล้วก็ต้องรีบจัดให้มีกระบวนการได้มาซึ่งบุคคลที่จะเข้าไปทำงานในองค์กรตามรัฐธรรมนูญโดยเร็วเช่นเดียวกันครับ การล้มกระดานจะทำให้เราเข้าสู่กระบวนการตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อย่างรวดเร็วเพื่อที่จะได้ส่งผลให้การดำเนินการต่างๆตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เป็นไปอย่างถูกต้องชัดเจนและไม่มีข้อครหาครับ
http://pub-law.net/publaw/view.asp?PublawIDs=1215
อ่านไม่มันส์เลยจารย์ สู้ประดาบไม่ได้
บันทึกการเข้า
"นายกรัฐมนตรีกำลังใช้รัฐสภาประกอบพิธีกรรมสถาปนาอำนาจของตนเองโดยเห็นรัฐสภาเป็นเพียงแค่ตรายาง และปล่อยให้มีการทำร้ายประชาชนถือว่าหมดความชอบธรรมแล้ว"
รสนา โตสิตระกูล
หน้า:
[
1
]
ส่งหัวข้อนี้
พิมพ์
กระโดดไป:
เลือกหัวข้อ:
-----------------------------
ทั่วไป
-----------------------------
=> ตะกร้าข่าว
=> ห้องสาธารณะ
=> สภากาแฟ
=> ชายคาพักใจ
=> ร้อยรักษ์กวีวรรณ
=> สโมสรริมน้ำ
-----------------------------
ด้านเทคนิค
-----------------------------
=> ปัญหาการใช้งาน
=> ห้องทดสอบ
===> ทดสอบบอร์ดย่อย
Powered by SMF 1.1.20
|
SMF © 2005, Simple Machines
|
Thai language by ThaiSMF
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.056 วินาที กับ 21 คำสั่ง