ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
14-05-2025, 17:43
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  ดร.อัมมาร ทำไมไปว่าเจ๊ลิงกับป๋าหมากแกอย่างนั้นล่ะครับ 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
ดร.อัมมาร ทำไมไปว่าเจ๊ลิงกับป๋าหมากแกอย่างนั้นล่ะครับ  (อ่าน 2083 ครั้ง)
Cherub Rock
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,183


น้องๆ ช่วยไปบอกผู้หญิงคนนั้นที ว่าเลิกมองผมได้แล้ว


« เมื่อ: 28-04-2008, 14:22 »

.........

       ดร.อัมมาร สยามวาลา นักวิชาการเกียรติคุณ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวถึงสภวะราคาข้าวที่อยู่ในระดับสูงในปัจจุบัน ถือว่าเกิดภาวะฟองสบู่ในตลาดค้าข้าวทั้งภายในประเทศและตลาดโลก โดยเชื่อว่าระดับราคาสูงเช่นนี้จะทรงตัวอยู่ได้ไม่นาน
       
       ดร.อัมมาร กล่าวว่า ตอนนี้รัฐบาลก็บริหารปัญหาเรื่องข้าวได้ดีพอสมควร ไม่ใช่ว่าตนพอใจกับการแก้ปัญหา แต่พอใจกับการไม่แก้ปัญหามากกว่า เพราะการไม่ทำอะไรบางทีก็เป็นเรื่องที่ดี ซึ่งตนก็เห็นว่ารัฐบาลทำน้อยก็ดีแล้ว ควรจะทำน้อย สังเกตว่าเมื่อรัฐบาลเข้ามาจุ้นจ้านกับราคาข้าวมากๆ ทีไรวุ่นวายทุกที
       
       “ผมไม่รู้ว่าเขาเจตนาที่จะทำน้อยๆ หรือเขายุ่งอยู่กับเรื่องอื่น แต่การไม่เข้าไปแทรกแซงมากมายก็ดีอยู่แล้ว เปรียบเทียบโง่แล้วขยัน อะไรทำนองนั้น

.........


.........

       “ขอแซวนิดนึง ท่านนายกฯ นี่ไม่ได้กินปูนแล้วไปร้อนท้องทำไม จากการติดตามข้อมูล เขาบอกว่ามีการประชุมเวิลด์แบงก์ ก็บอกว่ามีการผลิตเอทานอล โดยประเทศหลายประเทศ ไม่ได้เจาะจงประเทศไทย และเขาไม่ได้คิดถึงประเทศไทยด้วยซ้ำ มี 2 ประเทศ คือ สหรัฐฯ กับบราซิล สหรัฐฯ เลวกว่าบราซิล เพราะไปอุดหนุน ไปบังคับบราซิล ผมคิดว่าผลิตแล้วได้ราคาดี แต่นายกฯ ท่านกำลังทำเป็นตัวแทนทั้งสหรัฐและบราซิล ทำไมนั้นผมไม่ทราบ ผมขอพูดเพียงแต่ว่าไทยยังไม่ได้กินปูนอย่าร้อนท้อง แต่ทางสหรัฐฯ ไม่แคร์”

.........

http://manager.co.th/Business/ViewNews.aspx?NewsID=9510000049362

ไม่เห็นต้องขึ้นมึงขึ้นกูกันเลย
บันทึกการเข้า

"นายกรัฐมนตรีกำลังใช้รัฐสภาประกอบพิธีกรรมสถาปนาอำนาจของตนเองโดยเห็นรัฐสภาเป็นเพียงแค่ตรายาง และปล่อยให้มีการทำร้ายประชาชนถือว่าหมดความชอบธรรมแล้ว" รสนา โตสิตระกูล
Neoconservative
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 407


We protect the Kingdom


« ตอบ #1 เมื่อ: 28-04-2008, 15:34 »

“อัมมาร” ตำหนิ “เจ๊มิ่ง” ปั่นราคาข้าว-แทรกแซงกลไก ตัวการทำตลาดป่วน

“ดร.อัมมาร” ชี้ตลาดข้าวเข้าสู่ภาวะฟองสบู่ และภาวะตื่นตระหนก ระบุปัญหาข้าวแพงควรปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด พร้อมตำหนิรัฐบาลเข้ามาจุ้นจ้านทีไรวุ่นวายทุกที กรณีเวิลด์แบก์ นายกฯ ไม่ควรกินปูนร้อนท้อง ขณะที่ภากเอกชนคาด ราคาข้าวยังสูงอีก 2-3 ปี บิ๊กซีพี แนะรัฐใช้หลักเหตุผลในการชี้แจงต้นเหตุข้าวแพงต่อองค์กรระดับโลก
       
       ดร.อัมมาร สยามวาลา นักวิชาการเกียรติคุณ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวถึงสภวะราคาข้าวที่อยู่ในระดับสูงในปัจจุบัน ถือว่าเกิดภาวะฟองสบู่ในตลาดค้าข้าวทั้งภายในประเทศและตลาดโลก โดยเชื่อว่าระดับราคาสูงเช่นนี้จะทรงตัวอยู่ได้ไม่นาน
       
       ดร.อัมมาร กล่าวว่า ตอนนี้รัฐบาลก็บริหารปัญหาเรื่องข้าวได้ดีพอสมควร ไม่ใช่ว่าตนพอใจกับการแก้ปัญหา แต่พอใจกับการไม่แก้ปัญหามากกว่า เพราะการไม่ทำอะไรบางทีก็เป็นเรื่องที่ดี ซึ่งตนก็เห็นว่ารัฐบาลทำน้อยก็ดีแล้ว ควรจะทำน้อย สังเกตว่าเมื่อรัฐบาลเข้ามาจุ้นจ้านกับราคาข้าวมากๆ ทีไรวุ่นวายทุกที
       
       “ผมไม่รู้ว่าเขาเจตนาที่จะทำน้อยๆ หรือเขายุ่งอยู่กับเรื่องอื่น แต่การไม่เข้าไปแทรกแซงมากมายก็ดีอยู่แล้ว เปรียบเทียบโง่แล้วขยัน อะไรทำนองนั้น”
       
       อย่างไรก็ตาม ดร.อัมมาร แนะนำว่า รัฐบาลต้องชั่งน้ำหนักดูว่าจะช่วยเหลือใคร ซึ่งเชื่อว่าถึงจุดหนึ่งต้องมีมาตรการช่วยเหลือคนจน เพราะคนจนจะได้รับผลกระทบ ไม่ว่าข้าวจะขึ้น 1.50 บาท หรือ 3 บาทต่อมื้อ
       
       “ผมกำลังเป็นห่วงว่าคนมองราคาในปีนี้จะทำการทดแทนการผลิต เกษตรกรคงจะงงพอๆ กับพ่อค้า ปีนี้เป็นปีที่คนฉลาดจะงง เพราะไปเห็นว่าสิ่งที่เห็นว่าระยะสั้นเป็นระยะยาว แต่ช่วงนี้เป็นช่วงที่อันตราย หากผลผลิตในปีนี้มีปัญหา ไม่ใช่เฉพาะข้าวเท่านั้น ผลกระทบจะแรงมาก หากเราคิดว่าโลกร้อนมีผล ปัญหาโลกร้อน สภาพอากาศแย่ลงอย่างเดียว แต่คาดการณ์ยากขึ้น คาดการณ์ลำบาก”
       
       ดร.อัมมาร เห็นว่า ปัญหาราคาข้าวในประเทศแพง เป็นปัญหาการเมืองในความหมายที่ดี ดังนั้น หน้าที่ของฝ่ายการเมืองก็ต้องชั่งน้ำหนัก ระหว่างผลประโยชน์ของฝ่ายต่างๆ ในที่นี้หวังว่าเป็นผลประโยชน์สองฝ่ายเท่านั้น คือ ต้นทาง กับปลายทาง ที่ผ่านมาผลประโยชน์ของฝ่ายตรงกลางมีน้ำหนักมาก โดยเฉพาะการประกันราคาข้าว อาจารย์เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง เรียกว่าเขาเล่นลิเกกัน แต่ขอเติมไปด้วยว่ามีการเล่นลิเกโดยคนกลางเป็นแม่ยกให้ ดังนั้น ที่น่าเป็นห่วงคือประเทศไทยจะให้น้ำหนักอย่างไร
       
       อะไรที่ลงทุนระยะยาวอย่าเพิ่งรีบ เพราะปัจจุบันเป็นสถานการณ์ตื่นตระหนก การตัดสินใจในภาวะตื่นตระหนกจะเป็นการตัดสินใจที่ดีย่อมไม่ได้ ซึ่งทั้งสังคม ไม่ใช่เฉพาะใคร เป็นเรื่องที่เราหยั่งสถานการณ์ดูก่อน ที่ผมมั่นใจก็คือราคาที่เป็นอยู่ในขณะนี้มันอยู่นานไม่ได้หรอก มันสูง เป็นเพราะเราเห็นจากสภาพตลาดเป็นแพนิก
       
       ดร.อัมมาร กล่าวว่า เราต้องมองปัญหาพื้นฐานว่าเกิดจากอะไร ซึ่งเป็นปัญหาทั่วโลกไม่เฉพาะไทยเท่านั้น แต่ไม่แน่ใจว่าปัญหาดังกล่าวใหญ่จริง เพราะขณะนี้เรามีปัญหาอื่นเข้ามาเพิ่มเติม ที่เรียกว่าความตื่นตระหนก
       
       การเข้าใจปัญหาพื้นฐานซึ่งมี 2 ปัญหาหลัก โดยต้องมองถึงธัญพืชโดยรวมก่อน ซึ่งปัญหาเกิดขึ้นมาจากข้าวสาลีกับข้าวโพด อย่างแรกการนำเอาพืชไปใช้ในการผลิตเชื้อเพลิงในพืชหลายชนิด เช่น อ้อย ข้าวโพด ปาล์ม แต่พืชหลักที่คนให้ความสนใจกันมากคือข้าวโพด ที่มีการนำไปใช้ผลิตเอทานอล ซึ่งลักษณะของธัญพืชคือมีการปลูกทดแทน ปลูกกันในพื้นที่เดียวกันได้ กล่าวคือ เมื่อมีการปลูกพืชชนิดหนึ่งมากก็ทำให้มีการปลูกพืชอีกชนิดหนึ่งน้อย
       
       “ตัวหลักที่คนจ้องมากที่สุดก็คือ ข้าวโพด และตัวร้ายที่สุดน่าจะเป็นสหรัฐฯ ที่นำไปผลิตเอทานอล ดังนั้น ปัญหาแรกๆ ที่เกิดขึ้นมันเป็นเรื่องของข้าวโพดซึ่งใช้เป็นอาหารสัตว์ด้วย เมื่อมีผลกระทบต่อถั่วเหลืองที่ใช้ทำอาหารสัตว์ เสร็จแล้วมันกระทบไปถึงข้าวสาลีด้วย ปีที่แล้วข้าวสาลีขึ้นเยอะมาก จนราคาเกือบเท่าหรือมากกว่าข้าวเจ้า ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 มีน้อยครั้งมากที่ข้าวสาลีราคาขึ้นสูงกว่าข้าวเจ้า ข้าวสาลีปีที่แล้วขึ้นมา สาเหตุมาจากการทดแทนกัน ไปปลูกข้าวโพด”
       
       ปัญหาใหญ่อีกด้าน คือ ออสเตรเลียเกิดฝนแล้งอย่างรุนแรง ทำให้ธัญพืชหายหมด และออสเตรเลียเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ของโลก อันดับ 2-3 ซึ่งปัญหาภัยแล้งที่เกิดขึ้น ผลกระทบต่อตลาดข้าวสาลีมาก
       
       แรงกดดันราคาธัญพืชอีกด้าน ก็คือ ความต้องการบริโภคเนื้อสัตว์ในจีน และอินเดีย เนื่องจากเศรษฐกิจทั้งสองประเทศดีขึ้น ประชาชนก็บริโภคสัตว์มากขึ้น ทำให้มีความต้องการธัญพืชเพื่อใช้ทำอาหารสัตว์ในปริมาณมาก
       
       ดังนั้น แรงผลักดันพื้นฐานอันดับหนึ่ง คือ เอทานอล ถ้าพูดถึงธัญพืชก็พูดถึงเอทานอล และอีกอันหนึ่งคือการบริโภคที่เปลี่ยนไป มีการใช้อาหารสัตว์เพิ่มขึ้นในจีนและอินเดีย ตรงนี้กระทบธัญพืชโดยรวม โดยเฉพาะข้าวโพดและข้าวสาลี แต่การเปลี่ยนแปลงมันข้ามมาตลาดข้าวอย่างไร อันนี้คือสาเหตุพื้นฐาน
       
       “ขอแซวนิดนึง ท่านนายกฯ นี่ไม่ได้กินปูนแล้วไปร้อนท้องทำไม จากการติดตามข้อมูล เขาบอกว่ามีการประชุมเวิลด์แบงก์ ก็บอกว่ามีการผลิตเอทานอล โดยประเทศหลายประเทศ ไม่ได้เจาะจงประเทศไทย และเขาไม่ได้คิดถึงประเทศไทยด้วยซ้ำ มี 2 ประเทศ คือ สหรัฐฯ กับบราซิล สหรัฐฯ เลวกว่าบราซิล เพราะไปอุดหนุน ไปบังคับบราซิล ผมคิดว่าผลิตแล้วได้ราคาดี แต่นายกฯ ท่านกำลังทำเป็นตัวแทนทั้งสหรัฐและบราซิล ทำไมนั้นผมไม่ทราบ ผมขอพูดเพียงแต่ว่าไทยยังไม่ได้กินปูนอย่าร้อนท้อง แต่ทางสหรัฐฯ ไม่แคร์”
       
       คำถามก็คือ ปัจจัยพื้นฐานดังกล่าวเป็นเรื่องถาวรหรือไม่ ซึ่งเป็นปัจจัยที่มาจากความต้องการในตลาดและเป็นปัจจัยระยะยาว ฉะนั้นจะมีผลระยะยาวระดับหนึ่ง แต่ก็ต้องดูว่าราคาน้ำมันปรับขึ้นระยะยาวหรือสั้น อย่างไรก็ตาม การบริโภคเนื้อสัตว์ในเอเชียจะถาวรพอสมควร นอกจากจีนจะฟองสบู่แตกอย่างรุนแรงและกลับไปสู่สภาพการครองชีพเมื่อ 10-20 ปี ซึ่งตรงนี้ถือเป็นปัจจัยพื้นฐาน
       
       ดังนั้น จึงปฏิเสธไม่ได้ว่ามีการกักตุนและปั่นราคา ซึ่งตลาดข้าวมีลักษณะคล้ายฟองสบู่หลายอย่าง และเป็นการตื่นตระหนก ซึ่งไม่เพียงพ่อค้าเท่านั้น คนไทยทุกคนด้วย ทั้งๆ ที่ทุกประเทศมีผลผลิตไม่ได้ต่ำกว่าปกติ อย่างไรก็ตาม เมื่ออินเดียเคยเป็นประเทศที่ส่งออกพอสมควร เป็นที่ 3-4 ของโลก ห้ามส่งออกเวียดนามก็มาห้ามด้วย ทำให้เกิดความตื่นตระหนกกันมาก ในขณะที่ฟิลิปปินส์ต้องบอกว่าแพนิกเลย รวมถึงประเทศไทย พ่อค้าต่างๆ ก็ตื่นตระหนกด้วย

...............................................................
...............................................................
...............................................................

ขอแปะ แบบ เต็มๆ เพราะ จริงๆแล้ว ผมเป็น แฟนคลับ ของ ดร.อัมมาร

จริงๆแล้วอีกครั้ง

ผมก็เห็นด้วยเรื่องการ ยักย้าย ผลประโยชน์ของคนกลาง ไป ยัง ต้นทางคือ ชาวนา

แต่พูดกันมาหลายชั่วโคตร แล้ว ทำไง ก็ แค่ ชาวนาคุยกับพ่อค้า ก็แพ้แล้ว ต่อราคา สู้พ่อค้าไม่ได้

ไอเดีย เอาต้นทางคือ ชาวนา กับ ปลายทาง คือ ผู้บริโภค มาคุยกัน ถ้าทำได้ก็สุดยอด

 
บันทึกการเข้า
eAT
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,066



« ตอบ #2 เมื่อ: 28-04-2008, 15:42 »

ดีครับ ชอบครับ ขออีกครับ จขกท
อย่าไปสนใจ ความเห็นข้างบนเลย
เสื่อม!!!
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
    กระโดดไป: