เลขาฯปธ.ศาลฎีกา ยี้ วุฒิสภาหนุนรื้อที่มา-จี้ปฏิรูปจริยธรรมนักการเมือง
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 25 พฤษภาคม 2549 19:28 น.
.....เลขาธิการประธานศาลฎีกา กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศประสบ
ปัญหาศีลธรรม จริยธรรม คุณธรรม เสื่อมทั้งระบบ เพราะถูกรุกด้วยพลังของวัตถุนิยมอย่างรุนแรง ที่มองไปที่ฝ่ายการเมืองเพราะการเมืองกำลังเป็นกระแสใหญ่ของประเทศ คนที่อยู่ในตำแหน่งทางการเมือง คุมอำนาจรัฐ ให้คุณให้โทษผู้อื่นได้จำนวนมาก ถ้าคนไม่มีตำแหน่ง ศีลธรรมเสื่อม ก็ทำร้ายคนอื่นได้น้อย ถ้าจับได้ก็สามารถนำเข้าคุกได้ แต่ถ้าคนที่มีอำนาจรัฐอยู่ในมือ ศีลธรรม จริยธรรม คุณธรรมเสื่อม ทำอะไรก็ได้ ผิดลูกผิดเมีย ยักย้ายถ่ายเทผลประโยชน์ต่างๆ ทำได้ ไม่เห็นมีปัญหา ไม่ผิดกฎหมาย เรื่องส่วนตัว ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน และยังถามว่าทำผิดกฎหมายตรงไหน ถ้าอย่างนี้คนในประเทศนี้เดือดร้อน เพราะฉะนั้น เรื่องศีลธรรม จริยธรรมทางการเมืองจึงเป็นเรื่องใหญ่ ต้องปฏิรูป
นายจรัญ กล่าวว่า สำหรับประเด็นที่ 3 คือ ศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งหัวใจสำคัญของผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ คือ ความเป็นกลางทางการเมือง ไม่จำเป็นต้องมีความเยี่ยมยุทธ์ทางกฎหมาย ขอเพียงแค่เป็นคนที่มีสามัญสำนึกปกติ มีความเป็นกลางทางการเมืองและอิสระจากฝ่ายต่างๆ จริงๆ ถ้าเยี่ยมยุทธ์แต่ขาดความอิสระเราก็จะได้เห็นคำวินิจฉัยอย่างที่ปรากฏในประวัติศาสตร์ คือ รัฐธรรมนูญ ระบุว่า หากผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต้องคำพิพากษาจำคุกถือว่าขาดคุณสมบัติในการดำรงตำแนห่ง
แต่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าแม้ต้องคำพิพากษาแต่ศาลรอการลงโทษจำคุกไว้ ยังไม่ได้เข้าจำคุกจริง คำวินิจฉัยเหล่านี้อธิบายกับคนที่สามัญสำนึกสามัญไม่ได้เลย แต่ก็วินิจฉัยมาแล้ว และผูกพันทุกองค์กร ปิดปากหมดพูดไม่ได้เลย โดยหลักการแล้วชึ้นชื่อว่าศาลต้องรักษาความเป็นกลาง ต้องดำรงความเป็นอิสระจากอำนาจแทรกแซงทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นอำนาจเถื่อน อำนาจเงิน หรืออำนาจรัฐ
นายจรัญ กล่าวว่า ปัญหาของศาลรัฐธรรมนูญขณะนี้ คือ สัดส่วนองค์คณะตุลาการ จำเป็นหรือไม่ที่ต้องมี 15 คน อาจจะมีแค่ 7-9 คนได้หรือไม่ มาจากศาลฎีกา 5 คน ศาลปกครองสูงสุด 3 คน และอีก 1 คนมาจากองค์กรอื่นๆ เช่น สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไม่ใช่มีแต่คนที่มีความรู้ แต่ไม่มีหลักประกันในเรื่องของความเป็นกลาง นอกจากนี้ ตุลาการรัฐธรรมนูญสายผู้ทรงคุณวุฒิ ทั้งจากนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ ก็ถือว่ามีปัญหา ต้องกำหนดให้ชัดเจนกว่านี้ว่าผู้ทรงคุณวุฒิทางนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์นั้นมีความหมายอย่างไร ที่ผ่านมา ไม่มีความชัดเจนใครก็ตามแค่เพียงปริญญานิติศาสตร์บัณฑิต และรัฐศาสตร์บัณฑิต เท่านั้นก็สามารถเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้แล้ว
..... นายจรัญ กล่าวว่า ควรจะมีการแต่งตั้งศาลเลือกตั้ง หรือกระบวนการวินิจฉัยข้อขัดแย้งในเรื่องการเลือกตั้ง ทั้งเรื่องความชอบหรือไม่ ใบแดง-ใบเหลือง การให้อำนาจทั้งหมดนี้กับ กกต.ไม่น่าจะถูกต้อง ถือเป็นต้นเหตุของปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ผ่านมา จำเป็นต้องมีการปรับปรุง เพราะมีปัญหาจากการที่ กกต.มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดใครจะมาโต้แย้งไม่ได้ พอให้อำนาจบริหารจัดการ ให้อำนาจนิติบัญญัติในการออกกฎระเบียบ และอำนาจตุลาการวินิจฉัยชี้ขาดแก่องค์กรนี้
สิ่งที่เรากลัวมากที่สุด คือ การรวบอำนาจเบ็ดเสร็จไว้ในองค์กรเดียวกัน โดยไม่มีการตรวจสอบคัดคาน นั่นคือ Corrupt Absolutely พูดอย่างนี้ไม่ใช่ท่านคอร์รัปชัน แต่โดยหลักวิชา ผมเคยเปรียบเปรยสภาวะอย่างนี้ว่าเป็น เผด็จการเฉพาะกิจ คือ ไม่ใช่ระบอบเผด็จการ แต่เป็นเผด็จการเฉพาะในช่วงเลือกตั้ง เป็นเรื่องที่อันตรายมาก เพราะความผิดพลาดเป็นสมบัติของมนุษย์ ดังนั้น การใช้อำนาจรุนแรงให้คุณให้โทษกับคน จึงต้องมีการกลั่นกรองการใช้อำนาจเพื่อป้องกันไม่ให้ใช้อำนาจในทางที่ผิด
นายจรัญ เสนอว่า วิธีการแก้ปัญหานี้ทำได้หลายรูปแบบเช่น กกต.ใช้อำนาจเหมือนเดิมแต่สามารถอุทธรณ์ได้ที่ศาลปกครอง ศาลยุติธรรม ศาลรัฐธรรมนูญ หรือจะให้ 3 ศาลรวมกันวินิจฉัยก็สุดแท้แต่ หรือ
ตัดอำนาจตุลาการให้ศาล ส่วน กกต.ทำหน้าที่เป็นพนักงานสอบสวนส่งเรื่องให้ศาล ซึ่งต้องมีการตั้งศาลเลือกตั้ง อาจจะตั้งเป็นศาลที่ 5 หลังจากที่บ้านเรามี 4 ศาลคือ ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง ศาลยุติธรรม และศาลทหาร ซึ่งรัฐธรรมนูญเปิดช่องให้ทำได้โดยตราพระราชบัญญัติรองรับ หรือใช้ทรัพยากรที่มีอยู่แล้วโดยไม่ต้องสร้างใหม่ เช่น ให้ศาลที่มีอยู่รับไปวินิจฉัย ตั้งเป็นแผนกขึ้นมาเช่นเดียวกับศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือจะให้ 3 ศาลรวมกันตัดสิน วางแนวทางว่าถ้าเลือกตั้งเฉพาะกิจไปที่ไหน เลือกระดับประเทศไปที่ไหน ออกแบบไม่ยาก......
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9490000069013