ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
19-04-2024, 13:18
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  "วิชา มหาคุณ" ท้วงรัฐแก้รัฐธรรมนูญ "ก.ม.ปิดปากท่านแล้ว" 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
"วิชา มหาคุณ" ท้วงรัฐแก้รัฐธรรมนูญ "ก.ม.ปิดปากท่านแล้ว"  (อ่าน 1335 ครั้ง)
55555
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,263



« เมื่อ: 24-04-2008, 08:33 »


19 เมษายน พ.ศ. 2551 23:46:00



กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : การค่อยๆ ขยายประเด็นแก้ไขรัฐธรรมนูญจากมาตรา 237 ว่าด้วยการยุบพรรคการเมือง สู่มาตรา 309 เพื่อหยุดการรับรองความชอบด้วยกฎหมายขององค์กรตรวจสอบที่ตั้งโดยคณะรัฐประหารอย่าง คตส. และล่าสุดคือการหั่นวาระการดำรงตำแหน่งของกรรมการองค์กรอิสระสำคัญ 2 องค์กร คือคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดูจะทำให้กระแสต้านการรื้อกฎหมายแม่บทของชาติขยายวงกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ

ที่สำคัญย่อมทำให้มองเห็นเจตนาของ ส.ส.ซีกรัฐบาลโดยเฉพาะพรรคพลังประชาชน ว่าปฏิบัติการ "รื้อนั่งร้าน" เพื่อแก้กติกาสูงสุดของประเทศครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่ออะไรกันแน่ และแม้ข้ออ้างของแกนนำรัฐบาลซึ่งท่องกันจนเป็น "คาถา" ไปแล้วว่า "รัฐธรรมนูญฉบับนี้มาจากการรัฐประหาร" หรือ "องค์กรอิสระได้มาโดยกระบวนการที่มิชอบ" จะเป็นเหตุผลที่ฟังขึ้นอยู่พอสมควรก็ตาม แต่ในมุมของ ศาสตราจารย์ วิชา มหาคุณ อดีตผู้พิพากษาที่ผันตัวเองมาทำหน้าที่กรรมการ ป.ป.ช. ทั้งยังมีส่วนร่วมยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันด้วย กลับยืนอยู่ตรงกันข้ามกับท่าทีของรัฐบาลอย่างสิ้นเชิง...บนเหตุและผลที่มีน้ำหนักไม่แพ้กัน

ความชอบด้วย ก.ม.ทำได้หลายวิธี

"ที่บอกว่าเราถูกแต่งตั้งโดย คมช. (คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ) มันได้เปลี่ยนผ่านไปแล้วโดยกระบวนการของกฎหมาย เพราะได้มีการรับรองโดยรัฐธรรมนูญปี 2550 และมีการออกเสียงประชามติของประชาชน 14 ล้านคน ที่สำคัญการลงประชามติเป็นการรับรองรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ รวมถึงวาระการดำรงตำแหน่งของ ป.ป.ช. และ กกต.ด้วย ซึ่งเขียนเอาไว้ในบทเฉพาะกาล" วิชา อธิบายถึงข้อกล่าวหาแรกที่ว่าองค์กรอิสระอย่าง ป.ป.ช.มาจากอำนาจทหาร

เขาบอกว่า จริงๆ แล้วประเด็นนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะในช่วงที่ยกร่างรัฐธรรมนูญก็มีการพูดถึงวาระการดำรงตำแหน่งขององค์กรอิสระที่มีอยู่ในขณะนั้นเช่นกัน

"ตอนนั้นก็มีการพูดว่าจะให้อยู่แค่ครึ่งวาระ หรืออยู่กี่เดือน หรือให้อยู่ครบวาระ แต่เมื่อพิจารณาแล้วทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่า น่าจะให้อยู่ตามวาระคือ 9 ปี เพื่อให้งานต่อเนื่อง เพราะที่แล้วมา ป.ป.ช.ทำงานอย่างระหกระเหินมาโดยตลอด ชุดแรกทำงานแค่ครึ่งเทอม ชุดต่อมาก็ทำงานแค่ปีกว่า แล้วก็ถูกดำเนินคดีและพ้นจากตำแหน่งไป จากนั้นก็ไม่มี ป.ป.ช.มาเกือบ 2 ปี ทำให้มีคดีคั่งค้างมาก และปัญหาสำคัญคือคดีขาดอายุความ"

"อย่าลืมว่าคดีทุจริตต้องหาข้อมูลในเชิงลึกและกว้างขวาง การเสาะหาพยานหลักฐานก็ยาก ไม่มีใครยอมให้ข้อมูลง่ายๆ ฉะนั้นถ้า ป.ป.ช.อยู่ในตำแหน่งได้แค่ 1-2 ปี โอกาสที่จะได้รับความร่วมมือจากประชาชนในเรื่องพยานหลักฐานจะไม่มีเลย เพราะให้ข้อมูลคุณแล้วเดี๋ยวคุณก็ไป ใครจะคุ้มครองเขา ฉะนั้นความต่อเนื่องขององค์กรจึงมีความสำคัญ และเป็นที่มาของการให้อยู่ต่อจนครบวาระ"

"แต่ก็แน่ล่ะ มีคนบอกว่าองค์กรอิสระไม่ได้มาตามระบบที่ถูกต้อง แต่ผมขอเรียนว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ใช้เรื่องการออกเสียงลงประชามติเป็นหลักในการแสวงหาความชอบด้วยกฎหมาย เพราะความชอบด้วยกฎหมายมีหลายอย่าง เช่น การมาตามระบอบประชาธิปไตยตั้งแต่ต้น อันนั้นก็เป็นความชอบด้วยกฎหมายแบบหนึ่ง แต่อีกแบบอาจจะมาจากคณะปฏิวัติหรือคณะอะไรก็แล้วแต่ ทว่าสุดท้ายมันเป็นการรับรองโดยการออกเสียงลงประชามติ ถามว่ากระบวนการลงประชามติเป็นประชาธิปไตยหรือไม่...มันก็เป็น ซึ่งหลายๆ ประเทศก็ใช้วิธีแบบนี้"



(ต่อ)

http://www.bangkokbiznews.com/2008/04/19/WW01_0103_news.php?newsid=249698
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-04-2008, 08:44 โดย 55555 » บันทึกการเข้า
55555
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,263



« ตอบ #1 เมื่อ: 24-04-2008, 08:39 »

"ก.ม.ปิดปากท่านแล้ว"

ข้อสังเกตของ ส.ส.ซีกรัฐบาลที่มองว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้มีที่มามิชอบ เพราะไม่ได้มาจากประชาชน ดูจะเป็นประเด็นที่ วิชา ติดใจเป็นพิเศษ

"การที่ท่าน (นักการเมือง) ลงสมัครรับเลือกตั้งตามแนวทางของรัฐธรรมนูญ เท่ากับว่าท่านให้สัตยาบันรับรองรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไปแล้ว กฎหมายปิดปากท่านแล้ว แล้วท่านจะมาบอกว่ารัฐธรรมนูญนี้ใช้ไม่ได้ จะใช้ได้เฉพาะส่วนที่ให้มีการเลือกตั้งซึ่งเป็นช่องทางที่ท่านเข้ามาอย่างนั้นหรือ"

"ถ้ารัฐธรรมนูญฉบับนี้บอกว่า การเลือกตั้งที่ได้มาโดยทุจริตจะต้องดำเนินการอย่างไร แล้วท่านบอกว่าจะเอาเรื่องทุจริตมาใช้กับท่านไม่ได้ ใช้ได้เฉพาะที่ประชาชนเลือกท่านมา มันก็เท่ากับว่าท่านไม่ยอมรับกระบวนการอันเป็นที่มาของท่านเอง ฉะนั้นท่านต้องยอมรับทั้งในส่วนที่อาจจะเป็นผลร้ายแก่ท่าน และส่วนที่เป็นผลดีแก่ท่าน เพราะเป็นกระบวนการที่ต่อเนื่องกัน"
วิชา สรุปว่า เนื้อหาของรัฐธรรมนูญเชื่อมโยงกันหมด จะไปอ่านแบบขาดวิ่น อันนี้เอา อันนั้นไม่เอาคงไม่ได้

ไม่มี"ธง"เล่นงานใคร

ในฐานะที่เป็นหนึ่งในกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ วิชา ยืนยันว่าคณะผู้ยกร่างไม่เคยตั้งธงไว้ก่อนหรือสร้างกลไกเพื่อสกัดพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งเป็นการเฉพาะ

"ไม่มีเลยนะ ผมขอยืนยันได้เลยว่า ในชีวิตผมถ้าเผื่อมีอย่างนั้น ผมไม่รับเป็นกรรมาธิการยกร่างเป็นอันขาด แม้กระทั่งตอนท้ายๆ ของการยกร่าง มีผู้เสนอให้นายกรัฐมนตรีไม่จำเป็นต้องมาจากการเลือกตั้ง ซึ่งคนเสนอก็หวังดี จะได้มีที่มาจากหลายทางได้ ผมยังบอกเลยว่าผมรับไม่ได้ ถ้าประเด็นนี้ผ่านผมลาออกทันทีเลย เพราะกระบวนการเมื่อจะนำไปสู่ระบอบประชาธิปไตยแล้ว มันต้องไปให้ถึงที่สุด จะไปครึ่งๆ กลางๆ คงไม่ได้ จะทำให้คนมองว่าจะสงวนช่องทางนี้ไว้เพื่ออำนาจของใครหรือเปล่า"
วิชา ยกตัวอย่างพรรคชาติไทยซึ่งตกเป็นเป้าการถูกยุบพรรค โดยบอกว่ารู้จักคุ้นเคยกับแกนนำพรรคการเมืองนี้หลายคน ฉะนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการตั้งธงเอาไว้ก่อน  เพียงแต่รัฐธรรมนูญต้องให้ยาแรงเพื่อแก้วิกฤติของบ้านเมือง

"ผมตกใจด้วยซ้ำที่พรรคชาติไทยมาโดน พูดตรงๆ เลยว่าผมไม่เคยคิดว่ากรรมการบริหารพรรคชาติไทยจะมาโดนใบแดง เพราะท่านบรรหาร (นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค) ก็เป็นคนคร่ำหวอดในวงการเมืองมานาน ท่านมีวิสัยทัศน์กว้างไกล เป็นอดีตนายกฯด้วย และท่านก็สั่งการลูกพรรคมาตลอด ผมก็คุ้นกับท่านรวมถึงหลายๆ ท่านในพรรคชาติไทย ฉะนั้นเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเตรียมการไว้ก่อน ผมเสียใจมากที่พรรคชาติไทยโดนกรณีนี้"

"แต่ต้องเข้าใจว่าการร่างรัฐธรรมนูญตอนนั้นต้องให้ยาแรง เหตุที่ต้องให้ยาแรงเพราะว่าการทุจริตเลือกตั้งป็นปัญหาเรื้อรังและรุนแรงมาก ถ้าอ่านคำพิพากษายุบพรรคของศาลรัฐธรรมนูญ จะพบกระบวนการได้มาซึ่งอำนาจโดยมิชอบ เราก็คิดว่ามันไม่ควรจะมีอีกแล้ว เราจึงต้องวางยาแรง ถึงขั้นต้องผ่าตัด หรือตัดเนื้อร้ายออก แต่ใครจะเป็นมะเร็งเราไม่รู้ เราไม่มีธง และไม่มีใครมากดดันเราว่าต้องร่างรัฐธรรมนูญไว้เตรียมรอรับพรรคโน้นพรรคนี้นะ...ไม่มีเด็ดขาด"

บันทึกการเข้า
55555
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,263



« ตอบ #2 เมื่อ: 24-04-2008, 08:43 »

รู้ล่วงหน้า"ถูกเด็ดหัว"

ในขณะที่หลายฝ่ายกำลังโจมตีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในขณะนี้ว่าเป็นเกมเพื่อหวังผลทางการเมืองของรัฐบาลเอง แต่ วิชา บอกว่าเขารับรู้เรื่องนี้มาตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งแล้ว

"มีคนให้ข้อมูลผมตั้งแต่แรกเลยว่าเขาไม่เอาไว้แน่ พวกองค์กรตรวจสอบที่เข้มงวดทั้งหลาย คนๆ นั้นถามผมด้วยว่าเชื่อหรือไม่ว่าจะมีการล้างบางเกิดขึ้น ผมยังหัวเราะ แล้วมาพูดกับพรรคพวกด้วยความขบขันว่า เขาจะล้างบางพวกเรานะ องค์กรอิสระทั้งหลายเขาไม่เอาไว้นะ ยังพูดกันอยู่เลยว่านั่งนับถอยหลังได้แล้ว สงสัยว่าเขากลัวเรา แล้วก็บอกว่าคงไม่จริงหรอก จะมีรัฐบาลที่ไหนที่ตั้งเป้าเข้ามาเพื่อให้องค์กรอิสระทั้งหลายสิ้นสุดลงในทันทีที่เข้ามาอยู่อำนาจ เพราะมันหมายถึงต้องแก้รัฐธรรมนูญ"

"ทีแรกเราก็คิดในแง่ดีว่าเขาคงจะบริหารราชการแผ่นดินโดยความระมัดระวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเข้ามาใหม่ๆ ก็น่าจะเร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจเป็นหลักมากกว่า เพราะปัญหามันค่อนข้างรุนแรง และท่านสมัคร (นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี) ก็พูดเองว่าจะแก้รัฐธรรมนูญก่อนครบวาระ 3 เดือน เราก็ยังคิดว่าเออ...สงสัยจะไม่เป็นจริงแล้วที่จะเด็ดหัว ป.ป.ช. หรือ คตส."

"แต่พอมีเรื่องจะแก้มาตรา 237 ผมก็นึกถึงที่เคยได้รับคำบอกเล่ามาว่าสงสัยไม่เหลือแน่ และเขาจะไม่แก้เฉพาะ 237 หรือ 309 แน่นอน เพราะคนที่จะรับช่วงงานต่อจาก คตส.ก็คือ ป.ป.ช. และองค์กรที่จะดำเนินคดีตามมาตรา 237 ต่อไปก็คือ กกต. ฉะนั้น 2 องค์กรนี้หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะไม่จัดการ"

กรรมการ ป.ป.ช.ผู้นี้ ยังเห็นว่า การชูประเด็นลดวาระการดำรงตำแหน่งของกรรมการองค์กรอิสระ เป็นกลยุทธ์ของรัฐบาลที่จะทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ชอบธรรมยิ่งขึ้น

"พูดง่ายๆ ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ถ้าเป็นการแก้ไญหาเพื่อคดีความของตนเองอย่างเดียวอาจจะไม่ชอบธรรมเท่าไหร่ แต่ถ้าเผื่อวางหลักเรื่องการดิสเครดิตหรือทำให้องค์กรบางองค์กรหมดความน่าเชื่อถือลง มันจะดูสมเหตุสมผลว่ากระบวนการที่ได้มาขององค์กรเหล่านี้เป็นสิ่งที่ไม่ชอบ บางท่านบอกว่าถ้าไม่แก้รัฐธรรมนูญเสียชาติเกิด พูดถึงขนาดนั้น ฉะนั้นผมมองว่าการที่เขาพยายามแก้เรื่องวาระขององค์กรอิสระคือการสร้างความชอบธรรมให้ตัวเอง ทั้งๆ ที่ ป.ป.ช. กกต. กับคณะรัฐบาลชุดนี้ ปัจจุบันมีที่มาเสมอกันแล้ว เพราะมาจากรัฐธรรมนูญปี 2550 เหมือนกัน"
ลูกนอกสมรส ก.ม.ยังรับรอง

การตกลงใจเข้ารับตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ช.เมื่อวันที่ 6 ต.ค.2549 ซึ่งเป็นช่วงหลังการยึดอำนาจ ทำให้บางฝ่ายโจมตี วิชา ว่า "รับใช้เผด็จการ" แต่เขากลับมองในมิติที่กว้างกว่านั้น

"ถ้าหากกระบวนการที่ได้มาภายหลังการยึดอำนาจเป็นกระบวนการที่ใช้ไม่ได้ มันก็ใช้ไม่ได้มาตั้งแต่ปี 2475 แล้ว ตอนนั้นก็มีการยึดอำนาจ และมีการปราบปรามรุนแรงยิ่งกว่าปัจจุบันเสียอีก เช่น การใช้อำนาจปราบปรามกบฏบวรเดช แล้วตั้งศาลในลักษณะศาลทหารเพื่อจัดการกับฝ่ายตรงข้าม ถ้าอย่างนั้นเราก็ต้องไม่ยอมรับตั้งแต่ต้นเลยสิ"

วิชา ชี้ว่า การตัดสินว่าอะไรสมควรยอมรับหรือไม่ยอมรับ น่าจะมองผลของการกระทำนั้นๆ เป็นหลักมากกว่า

"ต้องดูว่าสิ่งที่ทำเป็นผลดีหรือผลร้าย เป็นการแก้ปัญหาหรือเป็นการสร้างปัญหา เราต้องมองโดยอาศัยหลักของลัทธิประโยชน์นิยมประกอบด้วย เพราะประโยชน์สุขของประชาชนคือกฎหมายสูงสุด ที่ผมมาร่วม ผมดูว่ามันให้ประโยชน์กับประชาชนส่วนใหญ่ ไม่ใช่ให้ประโยชน์กับประชาชนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง โดยเฉพาะตอนที่ผมมีส่วนร่วมในการร่างรัฐธรรมนูญ สิ่งที่เราต้องการผลักดันคือระบอบประชาธิปไตยต้องเดินหน้าอย่างเร็วที่สุด"

"ฉะนั้นถ้าประเมินว่ามันให้ประโยชน์กับประชาชนส่วนใหญ่ที่สุดของประเทศ เราก็ควรกระทำ และต้องคิดด้วยเหมือนกันว่าถ้าไม่แก้ปัญหาตรงนั้นแล้วท่าน (นักการเมือง) จะมีวันนี้หรือเปล่า โดยเฉพาะคณะรัฐบาลที่อาศัยประโยชน์จากการร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้จนมีการเลือกตั้ง และประเทศเข้าสู่ภาวะปกติ"

"ผมอยากเปรียบเทียบอย่างนี้ว่า กรณีผู้หญิงกับผู้ชายสมรสกันโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เราจะให้ผลร้ายตกกับลูกหรือ พอลูกเกิดมา ระบบกฎหมายก็ยังให้มีการรับรองบุตร ทั้งๆ ที่สมรสกันโดยมิชอบ หนีตามกันไป แต่นั่นก็เป็นเรื่องของผู้ชายกับผู้หญิง เมื่อลูกเกิดมาแล้ว เราต้องรับรองให้ชอบด้วยกฎหมาย แม้มันอาจจะไม่ชอบด้วยกฎหมายตั้งแต่แรกก็ตาม แต่เราสามารถทำให้ชอบด้วยกฎหมายได้ รัฐธรรมนูญก็เหมือนกัน"

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-04-2008, 08:46 โดย 55555 » บันทึกการเข้า
Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #3 เมื่อ: 24-04-2008, 09:57 »

เรื่องแบบนี้ลิ่วล้อ อ่านไม่รู้เรื่อง และ ฟังไม่เข้าใจ 
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
55555
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,263



« ตอบ #4 เมื่อ: 24-04-2008, 13:24 »

"ถ้ารัฐธรรมนูญฉบับนี้บอกว่า การเลือกตั้งที่ได้มาโดยทุจริตจะต้องดำเนินการอย่างไร แล้วท่านบอกว่าจะเอาเรื่องทุจริตมาใช้กับท่านไม่ได้ ใช้ได้เฉพาะที่ประชาชนเลือกท่านมา มันก็เท่ากับว่าท่านไม่ยอมรับกระบวนการอันเป็นที่มาของท่านเอง ฉะนั้นท่านต้องยอมรับทั้งในส่วนที่อาจจะเป็นผลร้ายแก่ท่าน และส่วนที่เป็นผลดีแก่ท่าน เพราะเป็นกระบวนการที่ต่อเนื่องกัน"

ถ้ารัฐบาล จะบอกว่า รัฐธรรมนูญ ปี 50 มันไม่ดีอย่างไร  ก็อธิบาย แล้ว ก็ถาเถียงกันไป......แต่ ถ้าจะอ้างว่า เป็น ร้ฐธรรมนูญ ฉบับ เผด็จการ...ก็ต้องคิดให้ดี ๆ


"แต่ต้องเข้าใจว่าการร่างรัฐธรรมนูญตอนนั้นต้องให้ยาแรง เหตุที่ต้องให้ยาแรงเพราะว่าการทุจริตเลือกตั้งป็นปัญหาเรื้อรังและรุนแรงมาก ถ้าอ่านคำพิพากษายุบพรรคของศาลรัฐธรรมนูญ จะพบกระบวนการได้มาซึ่งอำนาจโดยมิชอบ เราก็คิดว่ามันไม่ควรจะมีอีกแล้ว เราจึงต้องวางยาแรง ถึงขั้นต้องผ่าตัด หรือตัดเนื้อร้ายออก แต่ใครจะเป็นมะเร็งเราไม่รู้ เราไม่มีธง และไม่มีใครมากดดันเราว่าต้องร่างรัฐธรรมนูญไว้เตรียมรอรับพรรคโน้นพรรคนี้นะ...ไม่มีเด็ดขาด"

เรามีการเลือกตั้งกันมาเป็นสิบครั้ง นอกจาก การเลือกตั้งแบบไม่บริสุทธิ์ ยุติธรรม มีการโกงการเลือกตั้งกันมาตลอดแล้ว......การโกงการเลือกตั้ง ยังพัฒนาไปเรื่อย ๆ ..หลังสุด ในรัฐธรรมนูญ ปี 40 ก็ เกิดกรณี 3 หนา ซึ่งนับว่า เป็นการโกงการเลือกตั้งที่รุนแรงที่สุด ....แล้วอย่างนี้ รัฐธรรมนูญ ปี 40 จะเป็นรัฐธรรมนูญที่ ดีที่สุดได้อย่างไร.....ในเมื่อ ประตุ สำหรับ นักการเมืองฉ้อราษฏร์ บังหลวงเปิดกว้างขนาดนั้น ......http://forum.serithai.net/index.php?topic=25223.msg282746;boardseen#new



บันทึกการเข้า
55555
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,263



« ตอบ #5 เมื่อ: 24-04-2008, 13:43 »

"ถ้ารัฐธรรมนูญฉบับนี้บอกว่า การเลือกตั้งที่ได้มาโดยทุจริตจะต้องดำเนินการอย่างไร แล้วท่านบอกว่าจะเอาเรื่องทุจริตมาใช้กับท่านไม่ได้ ใช้ได้เฉพาะที่ประชาชนเลือกท่านมา มันก็เท่ากับว่าท่านไม่ยอมรับกระบวนการอันเป็นที่มาของท่านเอง ฉะนั้นท่านต้องยอมรับทั้งในส่วนที่อาจจะเป็นผลร้ายแก่ท่าน และส่วนที่เป็นผลดีแก่ท่าน เพราะเป็นกระบวนการที่ต่อเนื่องกัน"


ก็พรรคพปช. ชท. ต่างก็บอกกับปชช.ช่วงหาเสียงว่าจะแก้รธน.หากได้เป็นรัฐบาล...หากไม่แก้รธน.ก็แสดงว่าหลอกลวงผู้ที่ลงคะแนนเสียงเลือก 2 พรรคดังกล่าว นายวิชาจะมาเถียงข้างๆคูๆว่าทั้ง2พรรคเกลียดตัวกินไข่ได้ไงครับ? ตัวคุณวิชาเองจะมาทำเนียนหน้าด้านกล่าวร้ายผู้อื่นโดยที่แนวคิดเผด็จการตกยุคของตัวเองมันฟ้องอยู่ทนโท่ว่าไม่เข้าใจในกติกาและระบอบปชต.ที่แท้จริง กรุณาเอาปชต.แบบไทยๆห่วยๆของพวกคุณยัดรูไหนสักรูเถอะท่าน


หน้าด้านหว่ะ!!


ตกลงเค้าจะแก้รัฐธรรมนูญ หรือ ยกเลิกรัฐธรรมนูญ โดย เอาปี 40 มาใช้ทั้งหมดครับ.....เพราะ อะไรครับ  รัฐธรรมนูญ ปี 50 มันไม่ดีตรงไหนเหรอครับ 

 

และท่านสมัคร (นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี) ก็พูดเองว่าจะแก้รัฐธรรมนูญก่อนครบวาระ 3 เดือน

ต้องถามลุงหมักดูน๊ะครับ ว่าใครหน้าด้าน.......หรือ ลุงหมัก พูดเล่นเฉย ๆ ....บรรดา สส.รัฐมนตรี เลยไม่ได้สนใจ

 
บันทึกการเข้า
login not found
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,523



« ตอบ #6 เมื่อ: 24-04-2008, 13:53 »

มันก็คงไม่น่าเกลียด ถ้ากฎหมายที่ท่านแก้ไม่เป็นเพราะท่านทำผิดแล้วไม่อยากรับผิด

อ้างไม่เกี่ยวคงไม่ได้ มันบังเอิญเกินไปหน่อยนะ ไอ้ขี้โกง
บันทึกการเข้า
55555
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,263



« ตอบ #7 เมื่อ: 24-04-2008, 14:08 »










ตกลงเค้าจะแก้รัฐธรรมนูญ หรือ ยกเลิกรัฐธรรมนูญ โดย เอาปี 40 มาใช้ทั้งหมดครับ.....เพราะ อะไรครับ  รัฐธรรมนูญ ปี 50 มันไม่ดีตรงไหนเหรอครับ 

 

และท่านสมัคร (นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี) ก็พูดเองว่าจะแก้รัฐธรรมนูญก่อนครบวาระ 3 เดือน

ต้องถามลุงหมักดูน๊ะครับ ว่าใครหน้าด้าน.......หรือ ลุงหมัก พูดเล่นเฉย ๆ ....บรรดา สส.รัฐมนตรี เลยไม่ได้สนใจ

 

"ถ้าไม่แก้ไขรธน.ตามที่สัญญาไว้ก่อนเลือกตั้งนี่ซิถึงจะเรียกว่าหน้าด้าน+หลอกลวง....นโยบายที่หาเสียงไว้ถูกนำมาปฏิบัติให้เป็นจริง น่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับพรรคการเมืองอื่นๆโดยเฉพาะ ปชป. น๊ะครับ "

สัญญา ว่าจะแก้รัฐธรรมนูญ ฉบับเผด็จการ หรือ สัญญา ว่า จะแก้ให้ดีกว่ารัฐธรรมนูญ ปี 50 หรือ สัญญา ว่า จะยกเลิก รัฐธรรมนูญ ปี 50 แล้วไปใช้ รัฐธรรมนูญ ปี 40 แทน

เผอิญว่า มันไม่ใช่เวลาที่ ตั้งใจว่าจะแก้ซะด้วย.......กลัวความผิด ก็เลยต้องรีบ ๆ แก้ ให้เสร็จไว ๆ .....ผมตั้งคำถามข้างบนไว้ ยังไม่เห็นมีคำอธิบาย........

ตกลงว่า จะแก้ หรือ จะยกเลิก เอาให้แน่ เห็นว่า จะแปะ รัฐธรรมนูญปี 40 ฉบับเลยนี่ 

แล้ว ตกลงที่ท่านนายกรัฐมนตรีสมัครพูดไว้ แกพูดเล่น ๆ ใช่มั๊ย  เห็นพูดก่อนหน้านี้ แค่เดือน สองเดือนเองนี่


 
บันทึกการเข้า
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #8 เมื่อ: 24-04-2008, 14:45 »

ก็พรรคพปช. ชท. ต่างก็บอกกับปชช.ช่วงหาเสียงว่าจะแก้รธน.หากได้เป็นรัฐบาล...หากไม่แก้รธน.ก็แสดงว่าหลอกลวงผู้ที่ลงคะแนนเสียงเลือก 2 พรรคดังกล่าว นายวิชาจะมาเถียงข้างๆคูๆว่าทั้ง2พรรคเกลียดตัวกินไข่ได้ไงครับ? ตัวคุณวิชาเองจะมาทำเนียนหน้าด้านกล่าวร้ายผู้อื่นโดยที่แนวคิดเผด็จการตกยุคของตัวเองมันฟ้องอยู่ทนโท่ว่าไม่เข้าใจในกติกาและระบอบปชต.ที่แท้จริง กรุณาเอาปชต.แบบไทยๆห่วยๆของพวกคุณยัดรูไหนสักรูเถอะท่าน

หน้าด้านหว่ะ!!


ถามคุณอะไรจ๊ะ .. ช่วงหาเสียงว่าจะแก้รธน.หากได้เป็นรัฐบาล มีการระบุไหมว่าจะแก้มาตราไหน
บอกหรือเปล่าว่าจะแก้เพื่อให้ตัวเองหนีคดียุบพรรคเมื่อทำผิด .. หน้าด้านจริงๆ 
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
55555
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,263



« ตอบ #9 เมื่อ: 24-04-2008, 15:22 »


มาตราไหนในรธน.ปี2550ที่ยกเลิกแล้วมันทำให้เกิดประโยชน์แก่พปช.?

อ้าวไม่รู้หรอกเหรอ......ว้า ผมอยู่ในกะลา ยังเห็นถึงไส้ เลย 



แน่นอนว่าพปช.หาเสียงว่าจะแก้รธน.ปี2550 แต่ไม่ได้ลงรายละเอียด (ไม่มีพรรคไหนในโลกที่ลงรายละเอียดด้านนโยบายช่วงการหาเสียงแน่นอน...ถ้ามี กรุณายกตัวอย่างมาหน่อยครับ)

อีกครั้งครับว่าคุณสมัครพูดชัดเจนแล้วว่าจะแก้รธน.โดยมีบทเฉพาะกาลระบุให้การดำเนินคดียุบพรรคดำเนินต่อไปโดยไม่สะดุด...หวังว่าท่าน Jerasak คงหาข้อมูลเรื่องง่ายๆนี้ได้น๊ะคร้าบบบ


อ้าวเหรอ.....เห็นตอนหาเสียง มีแต่ด่า ป๋าเปรม....กับ ยกคุณทักษิณ เป็น เทพเจ้า.........แล้ว ทำไมต้องเร่งแก้ให้เสร็จ ล่ะ...ไม่สนใจเรื่องยุบพรรค ก็ค่อย ๆ ทำไปก็ได้นี่....มันติดขัดอะไรเหรอครับถึงต้องรีบ ๆ แก้ ให้เสร็จ.....ว่ะ ตกลง เลยยังไม่รู้ ว่า เค้าจะแก้ หรือ เอา รัฐธรรมนูญ ปี 40 มาใช้ ทั้งดุ้น
บันทึกการเข้า
55555
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,263



« ตอบ #10 เมื่อ: 24-04-2008, 20:17 »

อธิการบดี'นิด้า' สับ 'หมัก' ลุอำนาจแก้รธน.-ยุบสภา

นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) กล่าวกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่า หากแก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จสิ้นแล้ว จะยุบสภาเพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ว่า จากการใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ ยังไม่พบว่ามีเนื้อหาใดที่มีปัญหาต่อการพัฒนาประเทศ แต่ที่ชัดเจนคือมีปัญหากับนักการเมืองที่ทำผิดต่อการเลือกตั้ง จึงมีการพยายามแก้ไข นอกจากนี้ การจะหยิบรัฐธรรมนูญ ปี 2540 มาใช้แทน โดยอ้างว่ารัฐธรรมนูญ ปี 2550 เป็นฉบับเผด็จการ ถือเป็นการพูดเอาประโยชน์เข้าตัว และหาหลักการไม่ได้ เพราะรัฐธรรมนูญ ปี 2540 แม้จะมีกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน แต่ต้องผ่านการรับรองจากรัฐสภา ขณะที่ฉบับปี 2550 แม้ผู้ร่างได้ถูกแต่งตั้งจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) แต่สุดท้ายได้ผ่านการลงประชามติจากประชาชนทั้งประเทศ ดังนั้น การแก้รัฐธรรมนูญ ต้องดูที่เนื้อหา ไม่ใช่ดูว่ามีที่มาอย่างไร  ซึ่งเวลาจะพูดอะไร ขอให้พูดบนหลักการ ไม่ใช่พูดเอาแต่สิ่งที่ตนได้ประโยชน์

'การประกาศว่าจะแก้รัฐธรรมนูญ แล้วยุบสภา ชี้ให้เห็นเจตนาว่าเขาจะฉกฉวยจังหวะที่แก้กติกาให้ตัวเองได้เปรียบ ทำให้โครงสร้างการเมืองกลับมาเป็นเหมือนปี 2540 ที่รัฐบาลเป็นเผด็จการรัฐสภา เข้าครอบงำแทรกแซงองค์กรอิสระได้ มีส.ว.เลือกตั้งเป็นเครื่องมือ เป็นวิธีคิดที่ลุแก่อำนาจ เหิมเกริม ไม่มีความชอบธรรม หากยุบสภาจริงๆ จะเกิดการต่อต้านกว้างขวางมาก ทั้งภาควิชาการและภาคประชาชน ทำให้การเมืองตกอยู่ในวิกฤตอีกนาน  ขอเตือนว่าผู้นำรัฐบาลที่ใช้อำนาจตามอำเภอใจ กระทำในสิ่งที่ปรารถนาพบจุดจบมาแล้วทั้งสิ้นทั่วโลก' อธิการบดีนิด้า กล่าว


http://www.matichon.co.th/news_detail.php?id=28231&catid=1


เท่าที่จำได้ ผมไม่เคย นำบทความสั่ว เขียนมั่ว จากเวปใต้ดิน หรือ เวปห่วย ที่ ตั้งหน้าตั้งตาเชียร์ แบบไร้สติ
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
    กระโดดไป: