จำลอง ศรีเมือง : "แก้อีกนิดกระเทือนแน่นอน" "ถ้าเขาถอยก็เป็นความโชคดีของบ้านเมือง ถ้าไม่ถอยก็ถือเป็นความโชคร้าย"
การประกาศฟื้นตัวของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยรอบสอง ถูกมองอย่างหยามหยันว่าไม่มีน้ำยา แต่หนึ่งในห้าแกนนำคนสำคัญอย่าง จำลอง ศรีเมือง ไม่คิดเช่นนั้น เป้าหมายของพวกเขารอบนี้ ไม่ธรรมดา เพราะประเมินแล้วว่า ฝ่ายตรงกันข้ามไม่ได้หวังเพียงแก้รัฐธรรมนูญแค่ 37 มาตรา หากมีขบวนการปูทางที่สอดรับกันอย่างเป็นระบบ ซึ่งพวกเขาหวั่นเกรงว่า "อีกนิดเดียวกระเทือนแน่นอน" และแนวโน้มก็เป็นไปได้เสียด้วย !!!
# มีเสียงวิจารณ์ว่าการฟื้นของพันธมิตรรอบนี้อาจจะไม่มีกำลังพอเหมือนรอบแรก ทำให้การต่อสู้น้ำหนักน้อยลงไหม
มันไม่จริง รอบนี้มีส่วนเพิ่มมาคือ นักวิชาการ นักกฎหมาย จากจุฬาฯ ธรรมศาสตร์ หลายแห่ง เขาร่วมประชุมกันคัดค้านเต็มที่ เหมือนที่เราเห็น อย่างนี้คราวที่แล้วไม่มี และคราวที่แล้วกระบวนการผู้ที่เคยเป็น ส.ส.ร.เขาไม่ออกมาช่วย แต่คราวนี้เขาเจอกับตัวเขาเอง และมีการพิสูจน์แล้วจากการสัมมนาทั้งสองครั้งที่ธรรมศาสตร์ คนแน่นทั้งสองครั้ง จะบอกว่าอ่อนลงไปก็ไม่ใช่ # สถานการณ์ ณ วันนี้มองว่าจะรุนแรงมากขึ้นไหม
รุนแรงหรือไม่รุนแรงเราไม่รู้ แต่ผมมีหน้าที่ต้องทำ
# ชนวนความรุนแรงจริงๆ รอบนี้ คิดว่ามาจากตรงไหน
แก้รัฐธรรมนูญ
# มันเกี่ยวกับเรื่องคุณทักษิณด้วยไหม ตอนหลังมีประเด็นเรื่องธงชาติ
นั่นเป็นประเด็นประกอบ เรื่องหลักคือแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งมีการวิเคราะห์ในหมู่พวกเราว่า น่าจะเป็นไปได้อย่างนี้ แม้การแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับเป็นผลสำเร็จอย่างง่ายดายและมีการเลือกตั้ง คณะเก่าก็จะมาอย่างเต็มที่ และตอนนี้เขาขอแก้ทั้งหมด 37 มาตรา เว้นมาตราที่เกี่ยวกับเบื้องบนเท่านั้นเอง เมื่อแก้อย่างนี้ได้แล้ว หากมีการปูทางเรื่อยๆ จะโดยบังเอิญอย่างน่าพิศวง หรืออย่างไรก็แล้วแต่ แต่มีหลายเหตุการณ์เกิดขึ้นพร้อมกัน เช่น การโจมตีเบื้องบนทางอินเทอร์เน็ต และมีเด็กหนุ่มออกมาบอกว่าไม่ยืนตรงเมื่อมีเพลงสรรเสริญฯ และบ้านเมืองเราไม่จำเป็นต้องมีสถาบัน มันหลายเหตุการณ์
เมื่อเขาทำอย่างนี้เรื่อยๆ เมื่อแก้รัฐธรรมนูญเสร็จ เลือกตั้งเสร็จ ถึงตอนนั้นก็มีอันเป็นไปได้ว่า เมื่อแก้ทั้งที อย่างยากเย็นเข็ญใจ 37 มาตรายังแก้ได้ จะแก้อีกนิดไม่ได้หรือ แก้อีกนิดหนึ่งกระเทือนแน่นอน โดยเขาไม่รู้ว่า ณ ปัจจุบันนี้มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีสถาบัน นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็ก และเขาปูทางมีแนวร่วมมากขึ้น เราไม่รู้ว่าลงเอยจะเป็นอย่างไร แต่ละครั้งผมไม่ได้หวังว่าจะประสบผลสำเร็จ แต่ผมเห็นว่ามันเป็นหน้าที่ที่ต้องทำ
# อะไรในตัวเขาที่ทำให้เชื่อว่าเขาจะต้องทำอย่างนี้ และวัตถุประสงค์เพื่ออะไร
ไม่ใช่ตัวเขา แต่เป็นขบวนการที่เกิดขึ้นพร้อมกันอย่างหนักหน่วงเพิ่มมากขึ้นทุกที จะเห็นชัดว่าการรุกแบบนี้ไม่หยุด ด่าป๋าก็แล้ว ไปชุมนุมหน้าบ้านป๋าก็แล้ว ยังทำเรื่องต่อมาๆ แม้กระทั่งวันที่เราสัมมนา ตอนเช้ายังมีคนไปตะโกนด่าป๋าหน้าบ้าน และบอกว่าเป็นตัวบุคคล ไม่เกี่ยวกับตำแหน่ง พูดอย่างนั้นได้อย่างไร ท่านเป็นประธาน # ทีนี้ฝ่ายโน้นบอกเราเป็นฝ่ายดึงฟ้าต่ำ เขาพยายามโยงอย่างนั้น
ดึงมาเพื่ออะไร ทำเพื่อตัวเองหรือเปล่า ไม่เห็นได้อะไรเลย
# ดูเหมือนเรื่องจะเลยเถิดไปถึงเบื้องบน มันจะคล้ายๆ เหตุการณ์ 6 ตุลา จะเป็นอย่างนั้นไหม
ผมไม่ทราบ แต่มันไม่จบ เราอยากให้จบ คิดดูสิ คนในบ้านเมืองกี่คนต้องไปตกระกำลำบาก ไปกินนอนกลางถนน ได้อะไรขึ้นมา
# เรื่องรัฐประหาร ถ้าเกิดจะเกิดโดยใคร รัฐบาลทำเองหรือเปล่า
เอางี้ก่อน ไม่ว่าจะเป็นครั้งใด สมัยใดก็ตาม ข่าวลือเรื่องรัฐประหารในเมืองไทยมีคนเชื่อ เรื่องที่บอกว่ารัฐประหารจะไม่มีอีกแล้ว ผมเขียนไว้ในหนังสือทางสามแพร่ง 20 กว่าปีมาแล้ว ผมบอกผมไม่เชื่อ และวันนี้ก็เป็นจริง ส่วนใครจะทำผมไม่รู้ คราวที่แล้วเราก็ไม่รู้ จะมีหรือไม่เราก็ไม่รู้ แต่ว่ามันเป็นไปได้
# มีคนมองว่าพันธมิตรกำลังสร้างเงื่อนไขให้เกิดการรัฐประหาร
ไม่ใช่ ถ้าเป็นเงื่อนไข ถามว่าใครสร้าง เราอยู่เฉยๆ ใช่เปล่า คุณอยู่ดีๆ ก็มารื้อ ทั้งที่ไม่อยู่ในนโยบายของรัฐบาลเลย นโยบายเร่งด่วนมากที่สุดคือสมานฉันท์ แล้วคุณทำแบบนี้สมานฉันท์หรือเปล่า ทำให้เกิดความแตกแยก เราไม่ได้เป็นคนสร้างเห็นมั้ย ถ้าเป็นเงื่อนไข เงื่อนไขนี้เขาสร้างเอง
# ไม่มีวิธีอื่นที่จะเจรจาประนีประนอมแล้วหรือ
เอางี้ ผมกลับมาที่ตัวอย่างเจ้าของบ้าน นายจ้างเห็นว่าลูกจ้างกำลังจะทำให้บ้านพัง ถามว่าจะมีใครมาประนีประนอมบ้าง คือปล่อยให้ลูกจ้างทำไปเถอะ อย่าไปว่าอะไรมันเลย เงียบๆ ซะดีกว่า จะได้ไม่ส่งเสียงหนวกหู อย่างนั้นหรือ เราคือเจ้าของบ้าน บ้านจะพัง เราก็ต้องออกมาว่าลูกจ้างชั่วคราว
# แต่อีกฝ่ายเขาก็บอกว่า เขาก็มีเจ้าของบ้านอีกเกือบ 20 ล้าน และก็เริ่มออกมาแล้ว
คุณไม่ได้บอกนี่ว่าจะมาแก้รัฐธรรมนูญมาตราโน้น มาตรานี้ คุณไม่ได้พูด คุณไม่ได้ใส่ในนโยบายรัฐบาลเลย สักคำก็ไม่มี คุณพูดไม่จริงนี่
# แต่ทีนี้เขาจะมีการระดมคนเข้ามา
ก็ได้ เขาทำได้ทั้งนั้น คราวที่แล้วเขาทำหรือเปล่า เขาก็ทำ ถึงขนาดขบวนรถอีแต๋นวิ่งมาโดยผิดกฎหมายจากเหนือมา จากที่โน่นมา ที่นี่มา มีขบวนอะไรสารพัด คราวนี้ก็ไม่แปลกถ้าเขาคิดจะทำ แต่เมื่อเขาคิดจะทำ แล้วเราบอก โอ๊ย เราเลิกดีกว่า เมื่อเลิกดีกว่า ถามว่าอะไรเกิดขึ้นในบ้านเมือง เราก็กลายเป็นคนเห็นแก่ตัว
# เพราะงั้นถ้าดูเงื่อนไขแล้ว มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่คนสองฝ่ายจะไม่ปะทะกัน
เป็นไปได้ ถ้าเขาไม่ก่อเรื่อง
# หมายถึงทางโน้นต้องไม่แก้รัฐธรรมนูญ
แก้ได้เหมือนกัน แต่คุณต้องถามประชามติ
# จะมีผู้ใหญ่หรือเสาหลักที่จะเข้ามาพูดคุยได้ไหม
มันถูกทำลายหมดแล้ว ในบ้านถ้ามันไม่มีผู้ใหญ่ บ้านจะอยู่ได้อย่างไร และเขาก็จ้องทำลายผู้ใหญ่อยู่เรื่อย
# รู้สึกไหมว่า ช่วง 2 ปีที่เขาหายไป คราวนี้เขากลับมาแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม
ไม่หรอกครับ ยังไงก็ไม่เท่าเดิม มีคนวิเคราะห์ว่า ถ้าช่วงนั้นเขาอ่านจดหมายรักของผม จ่ายภาษีจากการขายหุ้น 2.6 หมื่นล้านบาทเสีย บ้านเมืองก็ไม่เสียหายขนาดนี้ และตัวเขาเองก็จะไม่สูญเสียขนาดนี้
# แต่สถานการณ์ตอนนี้ดูเหมือนเขากร้าวกว่าเดิม
ผมว่าเป็นที่ลูกหาบ
# แต่บางคนบอกว่า ถ้าหัวไม่ส่าย หางก็ไม่กระดิก
ไม่รู้ครับ แล้วแต่ว่าใครจะวิเคราะห์ ถ้าเขาถอยก็เป็นความโชคดีของบ้านเมือง ถ้าไม่ถอยก็ถือเป็นความโชคร้าย
# ตอนนี้ประเมินสถานการณ์วันต่อวันไหม
ก็มีการพูดคุยทางโทรศัพท์กันบ้าง แต่ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ฝ่ายโน้นก็ตั้งหน้าตั้งตาแก้รัฐธรรมนูญให้ได้ ถ้าเขายื่นแก้รัฐธรรมนูญเข้าสภาเมื่อไร เราก็จะยื่นถอดถอน และประกาศกับประชาชนเรื่องชุมนุมใหญ่ เราประกาศไปแล้ว ไม่มีอะไรปิดบัง เราทำตามสถานการณ์ ไม่ได้ทำตามชอบใจ http://www.komchadluek.net/2008/05/11/x_sat_q010_201733.php?news_id=201733เวลานี้ พรรคปล้นชาติ แนวร่วมเป็ดไก่ และคนอยากได้แม๊วเป็น'บิดา' ใหม่
พยายามกระตุ้น กดดันให้พันธมิตรฯเผยท่าที แสดงการเคลื่อนไหว เพื่อจะได้กล่าวหาเป็น'ตัวการ' ทำให้บ้านเมืองไม่สงบสุข...
การนิ่งเฉยของกลุ่มพันธมิตรฯ ทำให้ฝ่ายรัฐบาลที่ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อตอบสนอง'ผู้มีอิทธิพลเหนือ'พรรคปล้นชาติและแนวร่วมเป็ดไก่ 'จับทาง' ได้บ้าง.....