จากข่าวไหนอ่ะครับ พอดีผมไม่ได้อ่าน ไทยรัฐนานแนล้ว เลยไม่รู้เรื่อง
จากข่าวนี้ครับ .. ผมอ่านดูเนื้อหาก็เป็นปกติไม่มีอะไร เพียงแต่พาดหัวไม่ถูกใจกองเชียร์แม้วเท่านั้น
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
แก้รธน. หางโผล่ล้มกกต. กับปปช. [19 เม.ย. 51 - 03:39]
http://thairath.co.th/offline.php?section=hotnews&content=86651หลัง จากที่มีการส่งสัญญาณการแก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็นต่างๆ ในที่สุดพรรคพลังประชาชนก็ได้ข้อสรุปการจัดทำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้ว โดยจะล้มกระดาน กกต.และ ป.ป.ช.ชุดปัจจุบัน แล้วจัดให้มีการสรรหาชุดใหม่ มาทำหน้าที่แทนภายใน 180 วัน
“สมัคร” นัด หน.พรรคร่วมฯ ถกแก้ รธน.
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 18 เม.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและ รมว. กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลพบว่าขณะนี้มีความสับสนในการพูดจากัน ความจริงในเรื่องนี้ได้พูดกันในคณะของพรรคพลังประชาชน แต่ 2-3 วันนี้ตนจะสนทนากับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมด เพื่อทำความเข้าใจให้ทุกอย่างตรงกัน ซึ่งทั้งหลายทั้งปวงยังไม่สิ้นสุด การอธิบายบางครั้งคนอธิบายก็เจตนาดี แต่คนฟังแล้วไปใช้ข้อความที่สับสน เช่น จะแก้รัฐธรรมนูญด้วยการไปลดเวลาองค์กรอิสระต่างๆ ความจริงไม่ใช่เลย เขาไม่คิดทำอย่างนั้น เพียงแต่ว่าองค์กรอิสระอย่างน้อย 2 องค์กรที่ตั้งไว้ ทำไว้ไม่ถูกต้อง เพราะฉะนั้นถ้าจะแก้รัฐธรรมนูญต้องดำเนินการกับทั้ง 2 องค์กรให้ถูกต้อง ก็เท่านั้น ไม่มีอะไรอื่น ไม่ใช่ไปลดราวาศอกเรื่องของเวลา และตนก็ต้องทำความเข้าใจ คือทั้งหมดจะคุยเอง สารคดีวันอาทิตย์นี้ชื่อ “รัฐธรรมนูญกินไม่ได้ทานไม่ได้ แต่เป็นหัวใจของการปกครอง เพราะมีคนมาผูกจึงต้องมีคนแก้” โดยไม่ให้สัมภาษณ์ตรงนี้ เพราะพอสัมภาษณ์แล้วไปลงข่าวก็สับสนอีก
ลั่นต้องล้มกระดาน ป.ป.ช.-กกต.
ผู้สื่อข่าวถามว่า อยากให้ขยายคำว่า 2 องค์กรที่ว่าคือองค์กรอะไร นายสมัครตอบว่า ชัดเจนคือ ป.ป.ช. และ กกต. เพราะความเป็นมาไม่ครบถ้วนตามกระบวนความ จึงต้องทำให้ถูกต้อง ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับองค์กรอื่นเลย แม้กระทั่ง ส.ว.ก็ไม่คิดไปตัดตอนอะไรเขา องค์กรอื่นอีก 7 องค์กรก็ไม่แตะต้อง แต่ส่วนใดมีความไม่ถูกต้องก็ควรได้รับการแก้ไขเสียใหม่ กรณี กกต.มาไม่ถูกต้องก็ทำเสียใหม่ ป.ป.ช.ไม่ได้รับการโปรดเกล้าฯด้วยซ้ำไป ก็จะทำใหม่ สรรหาใหม่ เมื่อถามว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะส่งผลกระทบต่อการลงทุนภายในประเทศหรือไม่ นายกฯ ตอบว่า อย่างนั้นหรือ แล้วอะไรทำไม่ถูกต้องก็ต้องปล่อยให้เป็นอย่างนั้นหรือ คนทั่วไปเห็นว่ารัฐธรรมนูญไม่ถูกต้องอย่างนั้นเขายังเชื่อมั่นเลย แล้วถ้าจะทำให้ดีกลัวเขาไม่เชื่อมั่นหรือ
เมื่อถามว่า กกต.และ ป.ป.ช.ต้องยุติบทบาทหน้าที่ของตัวเองก่อนหรือไม่ นายสมัครตอบว่า จะเขียนไว้ในบทเฉพาะกาลว่าเสร็จแล้วให้ปฏิบัติหน้าที่ต่ออีกกี่วัน จะได้มีการปรับปรุงใหม่
ปัดหวังหนีคดียุบพรรค-ช่วย “ทักษิณ”
“ทั้งหมดขอยืนยันตรงนี้เลยว่ามันจะไม่มีผลกับเรื่องของยุบพรรคทั้ง สาม หรือเรื่องของอดีตนายกฯทักษิณแต่อย่างใดทั้งสิ้น แก้รัฐธรรมนูญก็ต้องถูกตีความว่าอะไรใช้ได้ใช้ไม่ได้ เพราะฉะนั้นจะไม่มีความหมายเรื่องนี้เลย แต่ที่จะทำขอให้เข้าใจนะว่าเรามีคนจำนวนมากที่จะแก้ไขเลยคิดแก้ไขเสีย ถ้าเราปล่อยทิ้งไว้ เดี๋ยวเดียว เลือกตั้งกันใหม่ต้องใช้ของพรรค์นี้อยู่อีก ก็จะไม่มีโอกาสได้แก้ คราวนี้มีโอกาสแก้ก็แก้เสีย เพื่อวันข้างหน้า ไม่ว่าใครจะมาเป็นผู้แทนราษฎรคนใหม่ ชุดใหม่ จะได้ประโยชน์ จากการแก้ของเรา” นายสมัครกล่าว
จี้ กสม.ช่วยโจมตีข้อด้อย รธน. 50
พล.ต.ท.วิเชียรโชติ สุกโชติรัตน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การพูดถึงประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญในช่วงนี้พวกเราลืมไปองค์กรหนึ่งคือ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ที่มีนายเสน่ห์ จามริก เป็นประธาน ได้รับการเลือกตั้งมาจากวุฒิสภา อยากฝากองค์กรนี้ช่วยไปจัดประชุมดูรัฐธรรมนูญปี 2550 เพราะมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนมากมาย เช่น คนไทย 63 ล้านคน มีสิทธิเลือก ส.ว.ได้คนเดียว แต่คนแค่ 7 คนกลับเลือกส.ว.สรรหาได้ถึง 74 คน จึงอยากให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนอธิบายว่า มีกี่มาตราที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน และรับรัฐธรรมนูญปี 2550 ได้หรือไม่ ด้วยเหตุผลอะไร ที่ผ่านมานายเสน่ห์ไม่เคยออกมาเคลื่อนไหวเลย ตอนที่ตนลงพื้นที่พบปะชาวบ้าน พบว่าประชาชนออกมาลงประชามติรับรัฐธรรมนูญ เพราะมีกลุ่มที่มีอำนาจและเงินไปบอกว่าให้รับไว้ก่อน จะได้มีการเลือกตั้ง เขาจึงรับไว้โดยที่ไม่ได้อ่านเลยด้วยซ้ำ เพราะอยากให้มีการเลือกตั้ง
พปช.วาดพิมพ์เขียวแก้รัฐธรรมนูญ
ช่วงสายวันเดียวกัน ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะทำงานยกร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 2550 ของพรรคพลังประชาชน มีนายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะทำงานฯ ทำหน้าที่ประธานการประชุม ภายหลังการหารือกว่า 3 ชั่วโมง นายชูศักดิ์แถลงว่า ที่ประชุมได้พิจารณาบทเฉพาะกาลจนได้ข้อยุติแล้ว เหลือเพียงถ้อยคำที่ต้องไปยกร่างให้รัดกุม ก่อนเสนอวิปรัฐบาลพิจารณา แล้วจะเข้าสู่ที่ประชุมพรรคร่วมรัฐบาลแต่ละพรรคต่อไป คาดว่าจะเสนอญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเข้าสู่สภาฯได้ในสัปดาห์หน้า ส่วนเนื้อหาในบทเฉพาะกาลนั้น ขอยกตัวอย่างในส่วนของ ส.ว.ที่รัฐธรรมนูญ 2550 กำหนดให้ ส.ว.เลือกตั้งมีวาระ 6 ปี ส.ว.อยู่ได้ 3 ปี ที่ประชุมเห็นว่าควรให้อยู่จนครบวาระ เมื่อ ส.ว.สรรหาอยู่ครบ 3 ปีแล้วจะจัดให้เลือกตั้งใหม่ ให้ครบ 200 คน ตามรัฐธรรมนูญ 2540 ส่วน ส.ส.ปัจจุบันที่มี 480 คน ในระหว่างที่จำเป็นต้องเลือกตั้งซ่อมในบางเขตหรือเลือกตั้งใหม่ ก็ให้ใช้รัฐธรรมนูญ 2550 ไปก่อน เพราะเป็นช่วงรอยต่อการใช้รัฐธรรมนูญ เพื่อให้เกิดความเป็นไปได้ของสภาพการใช้กฎหมาย
สรรหา กกต.-ป.ป.ช.ภายใน 180 วัน
นายชูศักดิ์กล่าวว่า สำหรับองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญนั้น ในส่วนของศาลรัฐธรรมนูญจะเสนอแก้ไขให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ 2540 มีจำนวน 15 คน แต่ปัจจุบันตามรัฐธรรมนูญ 2550 มีจำนวนเพียง 9 คน ในส่วนที่กำลังสรรหาก็ดำเนินการต่อไป เมื่อรัฐธรรมนูญบังคับใช้จะกำหนดให้สรรหาให้ครบ 15 คน แต่ในส่วนของกกต.และ ป.ป.ช.นั้น กระบวนการได้มาจะให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ 2540 ถ้าจะแก้ไขต้องมีการสรรหาภายใน 180 วัน และไม่ตัดสิทธิผู้ที่อยู่ในตำแหน่งให้สามารถเข้ารับสรรหาได้ เนื่องจาก กกต.และ ป.ป.ช.เป็นองค์กรที่มาจาก คมช. มาจากการแต่งตั้งของคณะรัฐประหาร ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ เมื่อถามว่าการลดวาระ ป.ป.ช. เพราะรัฐบาลกลัวการตรวจสอบ โดยเฉพาะคดีเก่าที่อยู่ในชั้นการพิจารณาของ คตส.จะต้องส่งให้ ป.ป.ช.ดำเนินการต่อ นายชูศักดิ์ตอบว่า ขอยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้กลัวป.ป.ช.ตรวจสอบ โดยเฉพาะคดีที่จะสานต่อจาก คตส.
ยันแก้ไขมาตรา 237 และ 309
เมื่อถามว่า มาตรา 309 มีการแก้ไขอย่างไร นายชูศักดิ์ตอบว่า จะต้องยกเลิก เพราะการนิรโทษกรรมมีผลตามรัฐธรรมนูญ 2540 และรัฐธรรมนูญ 2550 แต่ไม่ควรกำหนดนิรโทษกรรมในอนาคตไว้ด้วย เมื่อถามว่าการแก้ไขมาตรา 237 จะมีผลกับคดีการยุบพรรคด้วยหรือไม่ นายชูศักดิ์ตอบว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับอาจใช้เวลานาน 8-9 เดือน หรือเป็นปี อาจแก้ไม่ทันคดียุบพรรคก็ได้ หรือหากแก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จสิ้นแล้ว แต่ความผิดคดียุบพรรคยังมีอยู่ ต้องไปดูว่าเข้าข่ายตามมาตรา 68 หรือไม่ และโทษการยุบพรรคจะยึดหลักตามรัฐธรรมนูญในปี 2540 เป็นหลัก
พร้อมเปิดเผยร่างต่อสาธารณชน
เมื่อถามถึงแนวคิดที่จะยุบ ส.ว.ที่มาจากการสรรหา แต่สุดท้ายกลับให้อยู่จนครบวาระ เพราะพรรคพลังประชาชนกังวลว่า ส.ว.สรรหาจะจับมือกับพรรคร่วมรัฐบาลที่เสียงแตกไม่เห็นด้วยกับร่างของพรรค พลังประชาชน ทำให้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ผ่านรัฐสภา นายชูศักดิ์ตอบว่า เราไม่วิตกตรงนี้ แต่หลักการ ส.ว.สรรหามาตามรัฐธรรมนูญ 2550 จึงให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนครบวาระ เมื่อถามว่าหากยกร่างเสร็จสิ้นจะเปิดเผยให้ประชาชนได้รับรู้หรือไม่ เพราะสังคมหวั่นเกรงมีการหมกเม็ด นายชูศักดิ์ตอบว่า จะเปิดร่างให้ประชาชนทราบอย่างแน่นอน รับรองไม่มีการหมกเม็ด แต่ขอให้สื่อมวลชนวิพากษ์วิจารณ์ ให้ถูกต้องและเป็นธรรมด้วย เช่น ไปวิจารณ์ว่า ป.ป.ช.มาจากการสรรหาตามรัฐธรรมนูญ 2540 แต่ผิดถนัด เพราะความจริงแล้วมาจาก คมช.
ชท.กระตุก พปช.ฟังพรรคร่วมฯด้วย
พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทย ให้สัมภาษณ์ ถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ยังไม่มีความคืบหน้า เพราะพรรคพลังประชาชนยังไม่มาหารือกับพรรคร่วมรัฐบาล ส่วนที่มีการเตรียมลดอายุขององค์กรอิสระที่แต่งตั้งโดยคณะรัฐประหารนั้น พรรคร่วมยังไม่ได้พูดกันเลย ต้องไปคุยกันในพรรคอีกที พรรคร่วมรัฐบาลต้องร่วมกันคิด ร่วมกันทำ ไม่ใช่ว่าพรรคเดียวจะทำได้ ผู้สื่อข่าวถามว่าแล้วใครจะเป็นคนไม่ยอมให้พวกมากลากไป พล.ต.สนั่นกล่าวว่า ตนว่าก็ลากยากลำบากเหมือนกัน คนคนเดียวกับคน 5 คน มันต้องทำความเข้าใจกัน เมื่อถามว่าการแก้รัฐธรรมนูญจะยุ่งเหมือนที่นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ออกมาเตือนหรือไม่ พล.ต.สนั่นตอบว่า คงต้องดูที่การแก้ ถ้าพูดอย่างเป็นธรรมให้ผู้ใช้ได้มีสิทธิบ้าง เพราะให้คนไม่เคยเล่นการเมืองมาร่างอย่างตามใจ เหมือนเขาเกลียดนักการเมือง ถ้าให้ยุบพรรคกันง่ายๆอีกหน่อยพรรคการเมืองอ่อนแอหมด ต้องลดกรรมการบริหาร จะมีแต่นอมินี เพราะตัวจริงไม่กล้าไปเป็น
ลั่นอย่ามัดมือชก
ต่อข้อถามว่าการที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยออกมา เคลื่อนไหว ถือว่าเกินไปหรือไม่ พล.ต.สนั่นกล่าวว่า “นั่นนะสิ ต้องมีเหตุผล เพราะถ้าต่อต้านทุกเรื่องก็เหนื่อย บ้านเมืองไม่รู้จะไปทางไหน ทั้งนี้ ไม่จำเป็นต้องมีการทำประชามติ เพราะเปลืองเงิน ถ้าแก้แล้วไม่ดีก็ว่ากันใหม่ คิดกันใหม่ ทำกันแก้กันไปได้เรื่อยๆ ทั้งนี้ พรรคพลังประชาชนยังไม่ได้คุยกับพรรคชาติไทยเลย” เมื่อถามว่านายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี จะนัดพรรคร่วมรัฐบาลพูดคุยกันให้เข้าใจ พล.ต.สนั่นกล่าวว่า ใช่ เป็นการพูดกันภายในกันก่อน อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการยกร่าง ใครยกร่างก็ยกไป แต่เราเห็นด้วยหรือไม่ ถ้าไม่เห็นด้วยเราก็ไม่เอาด้วยในมาตราอะไรก็ว่าไป ไม่สามารถมัดมือชกได้ เพราะ 5 พรรคคงไม่ยอม
“อภิสิทธิ์” จวกรัฐบาลมีวาระซ่อนเร้น
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลจะแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยลดวาระการดำรงตำแหน่ง ป.ป.ช.และ กกต.ให้สั้นลง เพราะการปฏิบัติหน้าที่ของทั้งสององค์กรมีความเป็นกลางมาโดยตลอด และฝ่ายรัฐบาลก็เคยแสดงความชื่นชมก่อนที่คนของพรรคตัวเองจะถูกใบเหลืองหรือ ใบแดง เรื่องนี้จึงถือว่ามีวาระซ่อนเร้นและมีแอบแฝง เป็นการสะท้อนความกังวลของพรรคพลังประชาชนที่เห็นว่าต่อไป คตส.จะหมดวาระลง และงานที่ คตส.ตรวจสอบอยู่จะถ่ายโอนมายัง ป.ป.ช. ทำให้เกิดความไม่มั่นใจในคดีที่ค้างอยู่ และยิ่งจะใช้วิธีการสรรหาแบบที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญปี 2540 ก็จะยิ่งมีปัญหา เพราะวิธีการดังกล่าวมีจุดอ่อนที่เห็นชัดเจนแล้วว่าถูกแทรกแซงได้จากทางการ เมือง ทำให้องค์กรอิสระไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเป็นกลาง ขอย้ำว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะต้องใช้วิธีการตั้งคณะกรรมาธิการร่วมที่มาจาก ทุกภาคส่วน เพื่อให้มีความหลากหลายและตกผลึกทางความคิด การแก้ไขก็จะเป็นไปอย่างราบรื่น จริงจัง และเป็นอย่างที่ควรจะเป็น
ระบุข้ออ้างขอแก้ไขล้วนฟังไม่ขึ้น
“ข้ออ้างที่ว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้มาจากการทำรัฐประหารจึงไม่เป็น ประชาธิปไตยนั้น ผมคิดว่าฟังไม่ขึ้น เพราะหากคิดเช่นนั้น ส.ส.ทุกคนก็มาจากการทำรัฐประหารทั้งหมด เพราะมาจากรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน วันนี้รัฐบาลจึงควรหยุดอ้างเรื่องนี้ได้แล้ว แต่หันมาพูดถึงเนื้อหาที่มีปัญหาว่าไม่เป็นประชาธิปไตยน่าจะเป็นประโยชน์ กว่า ที่สำคัญคือควรหันไปแก้ไขปัญหาให้กับประเทศชาติบ้าง แทนที่จะมาหมกมุ่นอยู่แต่กับการแก้รัฐธรรมนูญ” นายอภิสิทธิ์กล่าวและว่า ส่วนที่รัฐบาลอ้างว่ารัฐธรรมนูญเป็นอุปสรรคต่อการบริหารงาน ทำให้ต่างชาติเกิดความไม่มั่นใจนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะความเชื่อมั่นของต่างชาตินับจากวันก่อนการเลือกตั้งจนถึงหลังเลือกตั้ง ไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย แต่ปัญหาเกิดจากรัฐบาลเองมากกว่าที่สร้างเงื่อนไขทำให้เกิดการเผชิญหน้าใน สังคมตลอด จนบ้านเมืองเกิดความตึงเครียด
ส.ว.สรรหาค้านยุบ ส.ว.สรรหา
นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา กล่าวว่า ข้อเสนอให้ยกเลิกการสรรหา ส.ว.นั้น ขึ้นอยู่กับความคิดของผู้ที่ต้องการแก้ไข เมื่อส่งร่างแก้ไขมายังรัฐสภา คงจะพิจารณากันต่อไป หากมีการยกเลิกจริงก็ถือเป็นการยกเลิกตามกฎหมาย เราก็ต้องปฏิบัติตาม ตนไม่มีความกังวลอะไร
นายประสาร มฤคพิทักษ์ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า การให้เหตุผลว่า ส.ว.สรรหาไม่ได้ผ่านกระบวนการคัดเลือกจากประชาชนทำให้มีที่มาไม่เป็น ประชาธิปไตยนั้น เห็นว่าที่ผ่านมาเราเคยมี ส.ว.ที่มาจากการเลือกตั้ง แต่ถูกสื่อมวลชนตั้งฉายาว่าเป็นสภาทาส สภาผัวเมีย สภาเป็นง่อย ถูกการเมืองเข้ามาแทรกแซง ขณะที่การสรรหาประมุของค์กรสำคัญของประเทศไม่ว่าจะเป็นประธาน ศาลต่างๆล้วนได้รับการยอมรับว่าได้บุคคลเข้ามาทำหน้าที่ด้วยความเป็นกลาง จริงๆ ซึ่งการสรรหาต้องผ่านการเสนอชื่อจากระดับองค์กรมา ดังนั้น ขอให้ดูเจตนารมณ์ในการทำหน้าที่
ยื้อขออยู่ต่อจนครบวาระ
พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ส.ว.สรรหา กล่าวว่า อยากให้รอดูความชัดเจนของร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ส่วนตัวเคยให้ความเห็นไปแล้วว่ากระบวนการสรรหา ส.ว.ยังไม่เหมาะสม มีช่องโหว่ตั้งแต่การรับสมัคร การตรวจคุณสมบัติ และการแบ่งกลุ่ม สมควรต้องปรับปรุงแก้ไข เห็นได้จากเรื่องร้องเรียนหลังกระบวนการสรรหาเสร็จสิ้น และมีผู้เข้ารับการสรรหาบางคนสมัครเข้ารับการสรรหาในหลายองค์กร สะท้อนให้เห็นว่ากติกาที่เขียนไว้ยังไม่เหมาะสม และไม่ใช่เรื่องง่ายที่กรรมการสรรหาจะมีใจเป็นกลางอย่างที่สุด จึงยอมรับว่ากระบวนการสรรหา ส.ว.ยังไม่สามารถการันตีได้ว่าจะทำให้ได้ ส.ว. สรรหาที่มีคุณสมบัติดีกว่า ส.ว.เลือกตั้ง เมื่อมีปัญหาเช่นนี้กระบวนการสรรหาอาจต้องกลับไปสู่กระบวนการเลือกตั้ง หากสมาชิกรัฐสภาส่วนใหญ่เห็นควรยกเลิก ส.ว.สรรหาก็ทำได้ แต่คงต้องมาพิจารณากันต่อว่าจะให้อายุของ ส.ว.สรรหาหมดลงเมื่อไหร่ อย่างน้อยคงให้อยู่จนครบเทอม เพื่อมีเวลาให้ทุกอย่างตกผลึกให้ได้ รัฐธรรมนูญที่ดีที่สุด
“สดศรี” ยัน กกต.ไม่ได้เกิดจาก คมช.
นางสดศรี สัตยธรรม กกต. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี ที่รัฐบาลจะแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ กกต.ชุดปัจจุบันอยู่ทำงาน ได้อีกเพียง 180 วัน หลังจากที่แก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จว่า อำนาจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นของรัฐบาล กกต.พร้อมปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่ได้ยึดติด จะให้อยู่ 7 ปี หรือ 180 วันก็พร้อม อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า กกต.ชุดนี้ไม่ได้ มาจาก คมช. เรามาจากรัฐธรรมนูญปี 2540 ซึ่งที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาคัดเลือกมา และ ส.ว.ที่ได้มาจากประชาชนก็คัดเลือกพวกเราเข้ามา เหลือแต่เพียงขั้นตอนโปรดเกล้าฯเท่านั้น แต่ก็มีการปฏิวัติ และ คมช.เห็นว่าเป็นช่วงที่มีการเลือกตั้งท้องถิ่น จึงนำ กกต.ชุดที่ผ่านการสรรหามาแล้วเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ ที่ผ่านมาเราทำหน้าที่ด้วยความ เป็นกลาง การเมืองแทรกแซงไม่ได้ แต่ปัญหาขณะนี้ดูเหมือนจะเกิดมาจากปัญหาการเมือง ทำให้ กกต.ไม่สามารถ อยู่ตรงจุดไหนได้แม้แต่ตรงกลาง ดังนั้นหากผู้มีอำนาจแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างไร เราก็พร้อมปฏิบัติตาม ยิ่งแก้ ให้เร็วยิ่งดี เชื่อว่า กกต.ทั้ง 5 คนก็พร้อมจะไปเช่นกัน ไม่มีการเรียกร้องใดๆ ไม่อยากพูดแล้ว ยิ่งพูดก็ยิ่งเศร้า
ประชดเก็บข้าวของรอพ้นวาระ
ต่อข้อถามว่าหากต้องพ้นไปแล้วจะทำอะไรต่อ นางสดศรีกล่าวว่า ตอนนี้อายุกว่า 60 ปีแล้ว รู้สึกเหนื่อย อยากให้รัฐบาลกำหนดให้พ้นจากตำแหน่งให้เร็ว ยิ่งเร็วยิ่งดี จะไปทำอะไรตามประสาคนแก่ตามปัจฉิมวัย แต่จะไม่เข้าไปเล่นการเมืองแน่ ตอนนี้พวกเราเก็บของกันหมดแล้ว ไม่มีปัญหา ที่พูดไม่ได้ประชด พูดจริงๆ เมื่อถามอีกว่าถ้าเปิดให้สมัครใหม่จะเข้ารับการคัดเลือกเป็น กกต.อีกหรือไม่ นางสดศรีกล่าวว่า ไม่มี กกต.คนไหนคิดอยากสมัครอีกแล้ว ทำหน้าที่มา 2 ปีกว่ารู้สึกเหนื่อยใจมาก คิดว่าเรากำลังทำอะไรกันอยู่ และตอนนี้ประเทศแบ่งเป็น 2 ฝ่าย อยู่ตรงไหนก็ไม่ได้
“สมชัย” ระบุให้ดูที่ผลงาน
นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต. กล่าวว่า ไม่อยากแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ เพราะมีส่วนได้เสีย แต่การแก้รัฐธรรมนูญต้องดูว่าจะแก้อย่างไร เพื่อส่วนตัวหรือเพื่อส่วนรวม หากจะอ้างเรื่องการแก้ไขวาระการดำรงตำแหน่งขององค์กรอิสระนั้น ส่วนตัวเห็นว่าที่มาไม่สำคัญเท่ากับการกระทำ ใครทำหน้าที่นี้ก็อยู่ที่ผลงาน ใครมาทำหน้าที่นี้ก็เหมือนกัน ตนไม่ยึดติดกับตำแหน่ง อยู่ที่ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินว่าเราทำงานดีสมกับตำแหน่งหรือไม่ ถ้าทำไม่ได้ ทำให้งานเสีย ก็น่าจะเปิดโอกาสให้คนอื่นมาทำงาน “ผมยืนยันว่าการทำงานที่ผ่านมาไม่มีการเมืองเข้ามาแทรกแซง กกต. ผมเคารพตัวเองและมีศักดิ์ศรี ให้เกียรติให้ดุลพินิจซึ่งกันและกัน นอกจากนี้ยังไม่อยากมองว่ามาจากการพิจารณายุบพรรคของ กกต. หรือคดีของนายยงยุทธ ติยะไพรัช อย่างไรก็ตาม ผมก็ยังยืนยันว่า กกต.ชุดนี้ไม่ได้มาจาก คมช.”
ป.ป.ช.ออกตัวกลัวสำนวนคดีสะดุด
นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะมีการลดวาระการทำงานของ ป.ป.ช. ว่า ป.ป.ช.ไม่ได้คิดดื้อรั้นที่จะอยู่ต่อ แต่บทเฉพาะกาลของ รัฐธรรมนูญ 2550 กำหนดให้ ป.ป.ช.มีวาระการทำงาน 9 ปี ตอนนี้เหลืออีกประมาณ 7 ปี หากมีการแก้รัฐธรรมนูญลดวาระการทำงานจริง ป.ป.ช.ต้องได้รับผลกระทบแน่นอน เพราะทำงานอย่างตรงไปตรงมา หาก ป.ป.ช.ทำงานยาว มันก็น่ากลัวสำหรับเขา อย่างไรก็ตาม ไม่ถือว่า ป.ป.ช.มีที่มาจาก คมช. เพราะสถานภาพของ ป.ป.ช.เปลี่ยนไปแล้ว หลังจากการลงประชามติที่ประชาชนเสียงส่วนใหญ่ให้การยอมรับ ทั้งนี้หาก ป.ป.ช.ต้องหยุดการทำงานกะทันหัน จะทำให้คดีต่างๆหยุดชะงัก ซึ่งแต่ละคดีมีความซับซ้อน เป็นการทุจริต เชิงนโยบาย มีผู้ร่วมขบวนการที่ต้องสืบสวนจำนวนมาก หลายคดีอาจขาดอายุความ ถ้าเปลี่ยนชุดก็เหมือนกับต้อง ไปเริ่มต้นใหม่
แฉ พปช.สั่งไม่ได้เลยต้องโละทั้งชุด
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองเจตนาของพรรคพลังประชาชน อย่างไร ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญลดวาระการทำงานขององค์กรอิสระ นายวิชาตอบว่า คิดว่าเป็นวาระของพรรคพลังประชาชนอยู่แล้ว เรื่องการลดวาระการทำงานขององค์กร อิสระน่าจะเป็นเป้าหมายของพรรคพลังประชาชน ถ้าเปลี่ยน ป.ป.ช.ได้ก็คงสบายใจ เพราะคณะกรรมการ ป.ป.ช.ทั้ง 9 คน พูดจากับเขาไม่ค่อยได้ แต่เราก็คงไม่มีการเรียกร้องให้ ประชาชนออกมาเรียกร้องแทนเรา เพราะทุกอย่างต้องเป็น ไปตามกระบวนการ แต่ขอให้การดำเนินการทุกอย่างต้อง คิดถึงประเทศชาติบ้านเมืองเป็นหลัก
“หมอพลเดช” เตือนระวังเจอม็อบต้าน
นพ.พลเดช ปิ่นประทีป นายกสมาคมองค์กรสาธารณประโยชน์ อดีต รมช.การพัฒนาสังคมและความมั่นคง ของมนุษย์ ให้สัมภาษณ์ว่า รัฐบาลโดยพรรคพลังประชาชนพูดถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญในลักษณะเหมือนพูดข้าง เดียว ยอมรับว่ารัฐธรรมนูญที่ใช้อยู่มีช่องทางให้แก้ไขได้ แม้ จะเล่นตามกติกา แต่หากการเมืองเปลี่ยนขั้ว นักการเมืองก็ใช้ช่องทางแก้ไขอีก จะเกิดการสวิงกลับไปกลับมา ทั้งที่รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายใหญ่ หากถูกแก้กลับไปกลับมาจะเป็นหลักที่ไม่มั่นคง ภาพรวมน่ายอมรับใช้กติกานี้ไปสัก 5 ปี ค่อยมาทบทวนแก้ไข โดยให้ประชาชนมีบทบาท นักการเมืองอย่าอ้างว่าเป็นตัวแทนประชาชน เนื่องจากตอนเลือกตั้ง ไม่ได้บอกว่าจะเข้ามาแก้ไขรัฐธรรมนูญ ขอให้นักการเมืองอย่าดื้อรั้นดันทุรัง ไม่เช่นนั้นบ้านเมืองจะวิกฤติ อาจเกิด ความรุนแรงนอกสภา เพราะภาคประชาชนจะไม่อยู่เฉย เตรียมรับมือทั้งกลุ่มพันธมิตรฯ และพลังที่เป็นกลาง คนส่วนใหญ่ที่แอบไม่พอใจ เพราะรัฐบาลรีบร้อนแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้พวกตัวเองเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม สังคมรับไม่ได้