ไปเจอบทความนี้ที่เว็บหนังสือพิมพ์แนวหน้า ตอบได้โดนใจ โดยยกตัวอย่างได้ชัดเจนครับ --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
กับดักโจร (กวนน้ำให้ใส)
http://www.naewna.com/news.asp?ID=104425หลังจากที่ กกต.มีมติให้ดำเนินคดียุบพรรค สำหรับพรรคการเมืองที่มีกรรมการบริหารกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งจนได้รับใบแดง
คือ กรณีพรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาฯ
ส่วนกรณีพรรคพลังประชาชน ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาฯ ว่าจะให้ใบแดงแก่กรรมการบริหารพรรค
นายยงยุทธ ติยะไพรัช หรือไม่
ถ้าศาลฎีกาฯ มีคำพิพากษาตามคำร้องของ กกต. คือ ให้ใบแดงแก่นายยงยุทธ ก็เท่ากับว่า พรรคพลังประชาชน
ได้รับบัตรคิวที่จะต้องถูกดำเนินคดียุบพรรค ต่อไป
ปรากฏว่า นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคประชาชน ได้อาศัยตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พูดกระจายเสียงผ่านรายการ
สนทนาประสาสมัคร โดยอ้างว่า จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ได้วาง "กับดักทางการเมือง"
และสร้างขวากหนาม ต้องการให้พรรคการเมืองล้มหายตายจากไป
ไม่น่าเชื่อว่า ข้ออ้างแบบข้างๆ คูๆ ถูๆ ไถๆ เยี่ยงนี้ จะออกมาจากปากบุคคลระดับนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย
ไม่น่าเชื่อ ก็เพราะว่า นายสมัครเอง ยังพูดในรายการเดียวกันว่า "...เขียนไว้เป็นกับดักและสร้างขวากหนามไว้
ทีแรกก็ดักพรรคใหญ่พรรคเดียว แต่ 2 พรรคเล็กก็โดนเข้าไปด้วย ถ้ามันไม่มีเรื่องอะไรต่างๆ 3 เดือนก่อนเลิก
ก็ค่อยแก้รัฐธรรมนูญ พูดตรงๆ ถ้าหาก กกต.ไม่ให้ใบแดง ไม่โยงใยไปเข้าล็อค ถ้าตัดสินไปในทางอื่น
ก็ยังใช้รัฐธรรมนูญไปอีก 4 ปี ไม่ต้องไปแตะต้อง.."
นี่ก็เท่ากับว่า ที่ต้องการแก้รัฐธรรมนูญนั้น ก็เพื่อจะช่วยให้พรรคที่ประทำผิดตามกฎหมาย
ไม่ต้องถูกดำเนินคดียุบพรรคตามกฎหมาย ไช่ไหม
ปัดโธ่ ! เวลาพูดเพื่อจะหาแนวร่วมขอแก้รัฐธรรมนูญ ดันไปพูดหยิบยกเอาหลักการใหญ่โต
อ้างว่า รัฐธรรมนูญเป็นกับดักทางการเมือง เป็นขวากหนามที่ต้องการให้พรรคการเมืองล้มหายตายจากไป
ทำไมไม่พูดตรงไปตรงมา พูดให้ตรงจุดตรงจริงมากกว่านี้ คือ
รัฐธรรมนูญเขียนไว้เป็น "กับดักโจร" เขียนไว้เอาผิดกับนักการเมืองและพรรคการเมืองที่โกงเลือกตั้งอย่างเด็ดขาด
โดยไม่เลี้ยงเชื้อชั่วไว้ให้เป็นขวากหนามของการปฏิรูปการเมือง
ก็เพราะในความเป็นจริง ขณะที่ร่างรัฐธรรมฉบับนี้ ที่เขียนเป็นกับดักไว้เล่นงานกรรมการบริหารพรรคการเมือง
ที่ทุจริตเลือกตั้ง ให้นำไปสู่การยุบพรรคนั้น ไม่มีใครสามารถล่วงรู้อนาคตได้เลยว่า กรรมการบริหารพรรคการเมืองใด
จะทำทุจริตเลือกตั้ง
รัฐธรรมนูญเขียนไว้รุนแรง เพื่อแก้ปัญหาที่รุนแรงของการเมืองไทย คือ ปัญหาการโกงเลือกตั้งและการซื้อเสียง
ลองนึกถึงบ้านที่ติดตั้งกับดักป้องกันขโมย หรือกับดักโจร โดยเดินสายไฟฟ้าแรงสูงไว้รอบรั้วบ้าน แต่ก็ยังใจดี
เขียนคำเตือน ป่าวประกาศบอกล่วงหน้าเอาไว้ด้วยว่า ใครก็ตาม อย่าได้คิดจะมาปล้นหรือปีนขโมยบ้านนี้
ไม่งั้น เจอดีแน่ๆ
วันดีคืนดี ปรากฏว่า มีโจรมาขึ้นบ้าน แล้วติดกับดัก
โจรกลับจะมาชี้หน้าด่าระบบป้องกันขโมยว่า เข้มงวดเกินไป รัดกุมเกินไป อย่างนั้นหรือ ????
โจรควรจะกล่าวได้หรือไม่ว่า ระบบดังกล่าวจ้องเอาผิด จ้องเอากันให้ตาย เป็นอุปสรรคขวากหนาม
ของการโกงหรือการลักลอบเข้าไปยกเค้าบ้านชาวบ้าน
รัฐธรรมนูญ มาตรา 237 ก็เช่นกัน ไม่ได้เขียนให้เป็นกับดักพรรคการเมืองใดอย่างจำเพาะเจาะจง
ถ้ากรรมการบริหารพรรคการเมืองใด มีการดูแลกันอย่างดี สมกับการที่เป็นพรรคการเมืองอย่างแท้จริง
มีระบบกำกับ ตรวจสอบ ดูแลกันเอง มีระบบคัดคนที่น่าไว้ใจและที่คณะกรรมการบริหารทั้งหมด
พร้อมรับผิดชอบร่วมกัน เข้ามาเป็นกรรมการบริหารพรรค มิใช่เป็นแค่กลุ่มก๊วนการเมืองที่กวาดต้อน
มารวมกันอย่างหลวมๆ เพียงเพื่อจะบุกเข้ายึกครองอำนาจบ้านเมืองเป็นการเฉพาะกิจ
ถ้าไม่ได้ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ใครก็ไม่สามารถจะไปยุบพรรคการเมืองนั้นได้
และในความเป็นจริง พรรคการเมืองที่เขาเคารพกฎหมาย หรือในใจจริงๆ บางพรรค เขาอาจจะอยากโกง
แต่เนื่องจากกลัวบทลงโทษตามกฎหมาย เขาก็เลยไม่กล้าโกง และควบคุมกรรมการบริหารพรรคของเขา
ในอยู่ในร่องในรอย อยู่ใต้ขื่อแปบ้านเมือง เขาก็ไม่ต้องติดกับดัก
แต่ถ้าพรรคการเมืองหรือนักการเมืองรายใด รู้ๆ อยู่ว่ามันผิดกฎหมาย รู้แน่อยู่แก่ใจว่าโทษรุนแรง
แล้วยังบังอาจลงมือกระทำ ก็สมควรจะต้องรับโทษตามกฎหมาย มิใช่หรือ
ยิ่งกว่านั้น การวางหลักในเรื่องความรับผิดชอบร่วมกัน ก็ไม่ใช่ "กับดัก" และมิใช่เพิ่งจะมีในรัฐธรรมนูญฉบับนี้
โดยที่ให้กรรมการบริหารพรรคการเมืองต้องมีความรับผิดชอบร่วมกันต่อหน้าที่ ที่จะต้องกำกับดูแลมิให้คน
ของพรรคตนซื้อเสียงหรือโกงเลือกตั้ง มิใช่ตัวกรรมการบริหารพรรคลงมือโกงเสียเอง หากมีกรรมการบริหารพรรค
ผู้หนึ่งผู้ใดมีส่วนรู้เห็นหรือรู้แล้วไม่แก้ไข รัฐธรรมนูญจึงให้กรรมการบริหารพรรคทุกคนในฐานะที่มีอำนาจหน้าที่
รับผิดชอบโดยตรง จะต้องรับผิดชอบร่วมกัน
หลักการนี้ สอดคล้องกับหลักกฎหมายทั่วไปในหลายประเทศ เช่น ในสหรัฐอเมริกา เมื่อมีการจัดงานเลี้ยงที่บ้านของผู้ใด
หากมีผู้ไปร่วมงานเลี้ยงแล้วเมาสุราขับรถกลับบ้าน เจ้าบ้านจะต้องร่วมรับผิดชอบด้วย หรือกรณีผู้ใดอาศัยนั่งรถ
ไปกับคนขับที่เมาสุรา คนที่นั่งไปด้วยก็จะต้องร่วมรับผิดชอบ ในฐานปล่อยปละละเลยให้คนเมาขับรถ
ในประเทศไทย ก็มีหลักนี้ อาทิ กรณีนายจ้างต้องร่วมรับผิดกับลูกจ้างในทางการที่จ้าง (ม.420 ป.พ.พ.)
ทั้งๆ ที่ นายจ้างไม่ได้เป็นผู้กระทำละเมิดเอง แต่ก็ถูกฟ้องให้ได้รับผิดทางละเมิดได้ โดยไม่มีสิทธิปฏิเสธ
ความรับผิดโดยตรงว่าตนเองไม่ได้ทำละเมิดแต่ประการใด
หรือ ใน พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ 2551 ก็วางหลักในสมาชิกในองค์กรที่กระทำความผิด
เกี่ยวกับการค้ามนุษย์ จะต้องรับผิดชอบด้วย แม้มิได้เป็นผู้กระทำผิดเสียเอง
หรือในประมวลกฎหมายอาญา กรณี "อั้งยี่" (ซึ่งจะว่าไปแล้ว การทุจริตเลือกตั้งเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจรัฐ
โดยวิถีทางที่มิชอบด้วยรัฐ ธรรมนูญนั้น น่าจะรุนแรงกว่า เพราะเสมือนการปล้นอำนาจประเทศ) ก็ถึงกับกำหนด
ให้สมาชิกทุกคนต้องรับโทษ หรือเทียบเคียงกรณีหัวหน้า ผู้จัดการ หรือผู้มีตำแหน่งหน้าที่ในอั้งยี่หรือซ่องโจร
ต้องรับผิดในการกระทำของสมาชิกอั้งยี่หรือพรรคพวกซ่องโจรคนหนึ่งคนใดที่ได้ กระทำความผิด ซึ่งก็คือ
หลักการรับผิดชอบร่วมกัน คล้ายๆ กัน
ถ้าเราต้องการจะปฏิรูปการเมือง จะป้องกันมิให้คนไม่ดีเข้ามามีอำนาจ จึงวางกับดักโจร เพื่อเอาผิด
กับคนไม่ดีที่โกงเลือกตั้ง ไม่ได้จำเพาะเจาะจงว่าจะเอาผิดใครหรือพรรคใด โดยกำหนดโทษรุนแรง
เพื่อไม่ปล่อยให้เชื้อชั่วลอยนวลเป็นอุปสรรคและขวากหนามของการปฏิรูปการ เมืองในช่วงระยะเวลาหนึ่ง
ถ้าใครจะเป็นจะตาย ก็คงเป็นขวากหนามของการปฏิรูปการเมือง หรือเป็นพรรคพวกของคนไม่ดี
สารส้ม
วันที่ 15/4/2008