ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
19-04-2024, 19:13
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  เปิดคำทำนาย"นางสงกรานต์ทรงครุฑ"โบราณทัก! ข้าวยากหมากแพง-เกิดข้าศึกในบ้านเมือง 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
เปิดคำทำนาย"นางสงกรานต์ทรงครุฑ"โบราณทัก! ข้าวยากหมากแพง-เกิดข้าศึกในบ้านเมือง  (อ่าน 1591 ครั้ง)
oho
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 712


« เมื่อ: 13-04-2008, 20:05 »

เปิดคำทำนาย"นางสงกรานต์ทรงครุฑ"โบราณทัก! ข้าวยากหมากแพง-เกิดข้าศึกในบ้านเมือง
 
 http://www.komchadluek.net/2008/04/13/x_edu_e001_198082.php?news_id=198082




"พฤษภาคมนี้จะเกิดเหตุนองเลือด ปฏิวัติซ้อน!" คำทำนายของนายวารินทร์บัววิรัตน์เลิศ หรือโหรคมช.ชื่อดังทำเอาอุณหภูมิการเมืองในทำเนียบร้อนฉ่าไม่แพ้อากาศร้อนช่วงเดือนเมษายน ต้อนรับเทศกาลสงกรานต์

 ขณะที่นักการเมืองบางคนออกมาด่ายับว่าคิดไม่ดีกับบ้านเมือง โบราณว่า จิ้งจกร้องทักยังต้องฟัง หากมองอีกแง่ คำทำนายเหล่านี้เหมือนเตือนทุกคนไม่ให้ประมาท เหมือนกับ "นางสงกรานต์" ปีนี้ที่ทรงครุฑออกมาเตือนให้คนไทยระวังข้าวยากหมากแพง (ตอนนี้ข้าวราคากิโลกรัมละเกือบ30 บาท) เกิดเภทภัยมีศึกบ้านเมือง ผู้คนล้มตาย

คำทำนายของนางสงกรานต์น่าเชื่อถือแค่ไหนอมรรัตน์เทพกำปนาท นักวิชาการของสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติกระทรวงวัฒนธรรม ไปค้นประวัติมาเล่าสู่กันฟังว่า นางสงกรานต์ เป็นคติความเชื่ออยู่ในตำนานสงกรานต์ ซึ่งรัชกาลที่ 3 ทรงให้จารึกลงในแผ่นศิลาติดไว้ที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม(วัดโพธิ์) เป็นเรื่องเล่าถึงความเป็นมาของประเพณีดังกล่าวซึ่งเป็นอุบายเพื่อให้คนโบราณ ผู้ไม่รู้หนังสือได้รู้ว่า วันมหาสงกรานต์ คือ วันที่พระอาทิตย์ยกขึ้นสู่ราศีเมษ ซึ่งสมัยนั้นถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ตามสุริยคติตรงกับวันใดและเวลาใด






โดยสมมติผ่านนางสงกรานต์ทั้งเจ็ดเทียบกับแต่ละวันในสัปดาห์เพราะคนสมัยก่อนไม่มีปฏิทินเช่นสมัยนี้ การจะรู้ว่าวันเปลี่ยนปีนักษัตรใหม่ตรงกับวันใดจะต้องรอให้โหรคำนวณเสียก่อน ซึ่งแต่ละปีจะไม่ตรงกัน จากนั้นทางราชการก็จะออก "ประกาศสงกรานต์" ของปีนั้นๆไปป่าวประกาศแจ้งให้ราษฎรได้ทราบถึงวัน เวลาเปลี่ยนศักราชใหม่ กำหนดการพระราชพิธี ศาสนพิธี วันมงคล วันอวมงคลที่ควร/ไม่ควรประกอบกิจการเกณฑ์น้ำฝน และชื่อนางสงกรานต์ของปีนั้นๆ เป็นต้น

การประกาศสงกรานต์นี้นับว่ามีประโยชน์ยิ่งต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนที่ส่วนใหญ่มีอาชีพกสิกรรม เพราะสมัยโน้นยังไม่มี "กรมอุตุนิยมวิทยา" หรือสื่ออื่นใดที่จะบอกถึงสภาพดินฟ้าอากาศที่จำเป็นต่อการเพาะปลูกหรือแจ้งวันสำคัญต่างๆ ให้ทราบล่วงหน้า ประชาชนจะทราบเรื่องต่างๆ ข้างต้นก็จากประกาศสงกรานต์นี้เอง

ส่วนนางสงกรานต์คือใครตามตำนานเล่าว่า นางสงกรานต์เป็นเทพธิดาลูกสาวท้าวกบิลพรหม มีด้วยกันเจ็ดนาง และเป็นบาทบริจาริกา (สนม) ของพระอินทร์ เมื่อท้าวกบิลพรหมผู้บิดา ซึ่งเป็นผู้แสดงมงคลต่างๆ แก่มนุษย์ เกิดไม่พอใจธรรมบาลกุมารที่มาแข่งทำหน้าที่เดียวกับตน จึงไปท้าพนันตอบปริศนากับธรรมบาลกุมาร แล้วแพ้ จึงต้องตัดเศียรออกบูชาธรรมบาลกุมารตามสัญญา แต่เนื่องจากพระเศียรของพระองค์ตกไปอยู่ที่ใดก็จะเป็นอันตรายต่อที่นั้น ไม่ว่าจะเป็นบนอากาศ บนดิน หรือในน้ำ 





ดังนั้นธิดาทั้งเจ็ดจึงต้องนำพานมารองรับและนำไปประดิษฐานไว้ในถ้ำคันธชุลีณ เขาไกรลาส ครั้นถึงกำหนด 365 วันซึ่งโลกสมมติว่าเป็นปีหนึ่งเวียนมาถึงวันมหาสงกรานต์ เทพธิดาทั้งเจ็ดก็จะทรงพาหนะของตนผลัดเวรกันมาเชิญพระเศียรของบิดาออกแห่ โดยที่เทพธิดาทั้งเจ็ดนี้ปรากฏในวันมหาสงกรานต์เป็นประจำ จึงได้ชื่อว่า "นางสงกรานต์" ส่วนท้าวกบิลพรหมโดยนัยจะหมายถึงพระอาทิตย์ เพราะกบิลแปลว่า สีแดง

นางสงกรานต์ทั้งเจ็ดนางจะมีนามอาหาร อาวุธ และสัตว์ที่เป็นพาหนะต่างกันตามแต่ละวันในสัปดาห์ วันจันทร์นาม นางโคราคะ วันอังคารนาม นางรากษส วันพุธนาม นางมณฑา วันพฤหัสบดีนาม นางกิริณี วันศุกร์นาม นางกิมิทา วันเสาร์นาม นางมโหทร และวันอาทิตย์นาม นางทุงสะ

จากหนังสือตรุษสงกรานต์ของอาจารย์สมบัติพลายน้อย กล่าวถึงประกาศสงกรานต์ปี พ.ศ.2551 ไว้ว่า"ปีชวดเทวดาผู้ชาย ธาตุน้ำ สัมฤทธิศก จุลศักราช 1370 ทางจันทรคติเป็นปกติมาสวาร ทางสุริยคติ เป็นอธิกสุรทิน (อธิกสุรทินคือปีที่เดือนกุมภาพันธ์มี29 วัน/สัมฤทธิศกคือปีที่จุลศักราชลงท้ายด้วย0 ศูนย์)





วันที่13 เมษายนเป็น วันมหาสงกรานต์ ตรงกับวันอาทิตย์ ขึ้น 8 ค่ำเดือน 5 เวลา18 นาฬิกา24 นาทีนางสงกรานต์นามว่า ทุงสะเทวี ทรงพาหุรัด ทัดดอกทับทิม อาภรณ์แก้วปัทมราค ภักษาหารอุทุมพร (ผลมะเดื่อ) พระหัตถ์ขวาทรงจักรพระหัตถ์ซ้ายทรงสังข์ เสด็จนั่งมาเหนือหลังครุฑ เป็นพาหนะ

วันที่15 เมษายนเวลา 22 นาฬิกา53 นาที24 วินาทีเปลี่ยนจุลศักราชใหม่เป็น 1370 ปีนี้วันพุธเป็นธงชัยวันอังคารเป็นอธิบดี วันอังคารเป็นอุบาทว์ วันพฤหัสบดีเป็นโลกาวินาศ ปีนี้วันอาทิตย์เป็นอธิบดีฝน บันดาลให้ฝนตก 400 ห่าตกในโลกมนุษย์ 40 ห่าตกในมหาสมุทร 80 ห่าตกในป่าหินพานต์ 120 ห่าตกในเขาจักรวาล 160 ห่านาคให้น้ำ 4 ตัวเกณฑ์ธัญญาหารได้เศษ 2 ชื่อวิบัติข้าวกล้าในภูมินาจะได้ผลกึ่ง เสียกึ่ง เกณฑ์ธาราธิคุณ ตกราศีวาโย (ลม) น้ำน้อย

นักวิชาการวัฒนธรรมรายเดิมวิเคราะห์ให้ฟังว่าจากประกาศสงกรานต์ข้างต้น และดูตามคำพยากรณ์โบราณจะเห็นได้ว่า วันมหาสงกรานต์ปีนี้ตรงกับวันอาทิตย์ ท่านว่าพืชพันธุ์ธัญญาหารไม่สู้งอกงามนัก ส่วนวันจันทร์เป็นวันเนา มักจะเกิดความไข้ต่างๆ เกลือจะแพง นางพญาจะร้อนใจ วันอังคารเป็นวันเถลิงศก ข้าราชการทุกหมู่เหล่าจะมีความสุข มีชัยชนะแก่ศัตรูหมู่พาล ส่วนทางล้านนาว่า ถ้าวันสังกรานต์ล่อง (หรือวันมหาสงกรานต์) ตรงกับวันอาทิตย์แล้วปีนั้นข้าว หมาก เกลือจักแพง คนจักเป็นพยาธิ(โรคภัยไข้เจ็บ)  ข้าศึกจะมีแก่บ้านเมือง หนอนแมลงจักกินพืชไร่





"แถมนางสงกรานต์ท่านเสด็จมาในท่านั่งซึ่งอิริยาบถนี้เขาก็ว่าจะนำมาซึ่งความเจ็บไข้ ผู้คนล้มตายและจะเกิดเหตุเภทภัยต่างๆ อ่านโดยรวมแล้ว ดูท่าว่าจากวันปีใหม่สากลจนถึงปีใหม่แบบไทยคือวันสงกรานต์ปีนี้ มีแต่เรื่องชวนหดหู่ไม่น้อย ส่วนดีมีนิดเดียว และแม้จะไม่ดูคำทำนาย แต่จากสภาพเศรษฐกิจ ข้าวของเริ่มราคาแพง ตลอดจนดินฟ้าอากาศที่แปรปรวนผ่านมา ก็บ่งบอกอนาคตได้อยู่แล้ว ยิ่งมีความเชื่อสมัยก่อนมาตอกย้ำเช่นข้างต้น หลายคนคงแทบหมดหวัง หรือเกิดอาการท้อแท้ยิ่งขึ้น" อมรรัตน์กล่าว

อย่างไรก็ตาม ในแง่ดีของนางสงกรานต์ปีนี้ก็มีบ้าง หากย้อนไปดูนางทุงสะเทวี นางสงกรานต์ปีหนูนี้ ถ้าอ่านให้ดีจะพบว่า พระนางนั้นนอกจากจะดูไม่ดุแล้ว ยังทรงครุฑ ซึ่งเป็นพาหนะของพระนารายณ์ หรือพระวิษณุ ผู้เป็นหนึ่งในสามมหาเทพของพราหมณ์ และในพระหัตถ์ยังทรงจักรและสังข์ ที่เป็นอาวุธของพระนารายณ์อีกเช่นกัน ดังนั้น หากจะมองในด้านบวก นางทุงสะเทวีก็เป็นเสมือน "นอมินี" ของพระนารายณ์ที่ทรงมีหน้าที่ปกป้องคุ้มครองโลก และปราบปรามเหล่ายักษ์อสูรที่คอยมาสร้างความเดือดร้อนแก่มนุษย์ 

ส่วนภักษาหารที่เป็นผลมะเดื่อนี้ทางฮินดูถือเป็นไม้มงคล และตามหลักวิทยาศาสตร์ก็เป็นผลไม้ที่มีแคลเซียมสูง สัตว์ต่างๆ จึงชอบกิน อีกทั้งเปลือก ราก และผลของมะเดื่อ ก็มีสรรพคุณทางยาแก้ท้องร่วง ชะล้างบาดแผล สมานแผล ถอนพิษไข้ และเป็นยาระบายอีกด้วย ดังนั้น หากเรามีความเชื่อมั่นว่า "เมืองไทยไม่สิ้นคนดี" พร้อมยึดพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตคือ รู้จัก "พอ" ในการกินการอยู่ และใช้ชีวิตแล้ว ก็เชื่อว่าเหล่ามารไม่ว่าจะมาจากระบบทุนนิยม บริโภคนิยม ก็ไม่อาจมาทำร้ายเราได้





0 ผกามาศ ใจฉลาด 0 รายงาน


 ************************************
บันทึกการเข้า
oho
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 712


« ตอบ #1 เมื่อ: 13-04-2008, 20:12 »

อ้างถึง
พระนางนั้นนอกจากจะดูไม่ดุแล้ว ยังทรงครุฑ ซึ่งเป็นพาหนะของพระนารายณ์ หรือพระวิษณุ ผู้เป็นหนึ่งในสามมหาเทพของพราหมณ์ และในพระหัตถ์ยังทรงจักรและสังข์ ที่เป็นอาวุธของพระนารายณ์อีกเช่นกัน ดังนั้น หากจะมองในด้านบวก นางทุงสะเทวีก็เป็นเสมือน "นอมินี" ของพระนารายณ์ที่ทรงมีหน้าที่ปกป้องคุ้มครองโลก และปราบปรามเหล่ายักษ์อสูรที่คอยมาสร้างความเดือดร้อนแก่มนุษย์ 


******************************************
รอดูเหตุการณ์ว่าจะเป็นจริงตามโบราณว่าไว้หรือไม่???

1. เหตุการณ์จะเกิดหลังสงกรานต์ หลังวันที่ 13 เมษายน เป็นต้นไป --->

2. หลังวันที่ 13 เมษายน --> รอดูเหตุการณ์ปฏิวัติหรือไม่????????

3. หลังวันที่ 13 เมษายน --> รอฟ้าประทาน นายกคนดี เป็นศรีแก่บ้านแก่เมืองมาบริหารและปราบคนชั่วโกงบ้านขายเมืองขายชาติ ดังเช่น -->
อ้างถึง
หากจะมองในด้านบวก นางทุงสะเทวีก็เป็นเสมือน "นอมินี" ของพระนารายณ์ที่ทรงมีหน้าที่ปกป้องคุ้มครองโลก และปราบปรามเหล่ายักษ์อสูรที่คอยมาสร้างความเดือดร้อนแก่มนุษย์
[/size]
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
    กระโดดไป: