ร้อยแปดวิถีทัศน์ : ลงโทษ ยงยุทธ ติยะไพรัช คนเดียวไม่ได้ไชยันต์ ไชยพรกรณีที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้งให้ใบแดงหรือคดีทุจริตเลือกตั้งของนายยงยุทธ ติยะไพรัชนั้น สืบเนื่องมาจากการที่นายวิจิตร ยอดสุวรรณ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคชาติไทย (ขณะนั้น) นำหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอ ระบุว่า กำนัน 10 คน ในอำเภอแม่จัน วางตัวไม่เป็นกลาง เนื่องจากเดินทางไปพบนายยงยุทธ ที่กรุงเทพมหานคร ก่อนการเลือกตั้งวันที่ 23 ธันวาคม 2550 และในชั้นสอบสวน กำนันบางคนยอมรับไปพบนายยงยุทธ ซึ่งร้องขอให้ช่วยหาเสียงจริง โดยได้รับค่าตอบแทนคนละสองหมื่นบาท แม้ว่าตามหลักฐาน นายยงยุทธจะเป็นผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งเพียงผู้เดียว อย่างไรก็ดี ในกรณีของนายยงยุทธ ติยะไพรัช ซึ่งเป็น ส.ส.ระบบสัดส่วนของพรรคพลังประชาชน เขต 1 ซึ่งประกอบด้วย 11 จังหวัด จำนวนประชากรในกลุ่มจังหวัดรวม 7,615,610 คน ได้แก่ แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน ลำปาง ลำพูน แพร่ ตาก สุโขทัย กำแพงเพชร
การกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งของนายยงยุทธมิได้นำมาซึ่ง "ผลได้" สำหรับนายยงยุทธเพียงลำพังไม่ เพราะในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ส.ส.ระบบสัดส่วนนั้น ประชาชนลงคะแนนเพียงหมายเลขเดียวเพื่อเลือกผู้สมัครจำนวน 10 คน ที่นำเสนอโดยพรรคการเมืองพรรคใดพรรคหนึ่ง แม้ว่าประชาชนจะกาลงคะแนนเลือก ส.ส.ระบบสัดส่วนเพราะตัวนายยงยุทธ แต่ผู้ที่ได้รับประโยชน์ไปด้วยคือ ส.ส.พลังประชาชนคนอื่นที่ติดเข้ามาด้วย จะเห็นได้ว่า รายชื่อ ส.ส.พรรคพลังประชาชนที่ได้รับเลือกตั้งจากระบบสัดส่วนในเขต 1 คือ
รายชื่อ ส.ส. กลุ่มจังหวัดที่ 1
ที่ รายชื่อผู้ที่ได้รับเลือกตั้ง พรรค
1 นายยงยุทธ ติยะไพรัช พลังประชาชน
2 นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ พลังประชาชน
3 นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ พลังประชาชน
4 พ.ต.ท.กานต์ เทียนแก้ว พลังประชาชน
5 นายสัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์ พลังประชาชน
6 นายเทอดพงษ์ ไชยนันทน์ ประชาธิปัตย์
7 นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ ประชาธิปัตย์
8 พล.อ.พิชาญเมธ ม่วงมณี ประชาธิปัตย์
9 นายสุรสิทธิ์ ตรีทอง ประชาธิปัตย์
10 นายสุรเดช ยะสวัสดิ์ เพื่อแผ่นดินดังนั้น หากจะต้องมีการลงโทษนายยงยุทธฐานกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ย่อมไม่สมควรให้นายยงยุทธรับผิดคนเดียวได้ เพราะยังมีคนที่ "รับชอบ" จากการกระทำผิดของเขาไปแล้วถึง 4 คนดังรายชื่อข้างต้น ขณะเดียวกัน ในเวลาต่อมา แม้ว่าจะได้มีการร้องทุกข์กล่าวโทษเกี่ยวกับกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งของนายยงยุทธเกิดขึ้น กระนั้น ส.ส.พรรคพลังประชาชนทั้งพรรคต่างก็ร่วมกันยกมือสนับสนุนให้นายยงยุทธเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรอีกด้วย ซึ่งหมายความว่า พรรคพลังประชาชนมิได้รู้ร้อนรู้หนาวกับกรณีที่นายยงยุทธ กรรมการบริหารพรรคถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง เข้าข่ายปล่อยปละละเลยและมิได้ช่วยยับยั้งแก้ไข เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม
แม้ว่าจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 237 แล้วก็ตาม ความรับผิดและชอบร่วมกันของระบบ ส.ส.สัดส่วน ก็น่าจะยังคงอยู่ตามสามัญสำนึกปกติ เพราะการได้มาซึ่งความเป็น ส.ส.ของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ พ.ต.ท.กานต์ เทียนแก้ว และนายสัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์ ย่อมเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งของนายยงยุทธอย่างปฏิเสธไม่ได้ แม้ไม่มีการยุบพรรค แต่การได้มาซึ่งสมาชิกภาพสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของ 4 ท่าน นอกเหนือไปจากนายยงยุทธย่อมไม่สุจริตและเที่ยงธรรมอย่างเห็นได้ชัด
กฎหมายข้อบังคับและบทลงโทษเกี่ยวกับการเลือกตั้งนั้น มุ่งให้เกิดความรับผิดชอบร่วมกัน ต่อความเป็นพรรคการเมืองของสมาชิกพรรคทุกคนที่จะช่วยกันเป็นหูเป็นตาตักเตือนตรวจสอบวิธี การรณรงค์ต่อสู้เพื่อให้ได้รับการเลือกตั้ง อันจะนำมาซึ่งการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรม นักการเมืองควรรักษากติกาและสำนึกรับผิดชอบร่วมกันเป็นสำคัญ อันจะเป็นพลังในการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมทางการเมืองและยุติความคาดหวังผิดๆ ของประชาชนในอามิสสินจ้าง และของตอบแทนจากผู้สมัครรับเลือกตั้ง
หากคิดแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อยกเลิกมาตรา 237 วรรคสองที่มีข้อความว่า "ถ้าการกระทำของบุคคลตามวรรคหนึ่ง (การกระทำที่ผิดกฎหมายเลือกตั้ง) ปรากฏหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า หัวหน้าพรรคการเมืองหรือกรรมการบริหารของพรรคการเมืองผู้ใดมีส่วนรู้เห็น หรือปล่อยปละละเลย หรือทราบถึงการกระทำนั้นแล้ว มิได้ยับยั้งหรือแก้ไขเพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ให้ถือว่าพรรคการเมืองนั้นกระทำการเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการ ซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางรัฐธรรมนูญนี้ตามมาตรา 68 และในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ยุบพรรคการเมืองนั้น ให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของหัวหน้าพรรคการเมืองและกรรมการบริหารพรรคการเมืองดังกล่าว มีกำหนดเวลาห้าปีนับแต่วันที่มีคำสั่งให้ยุบพรรคการเมือง" ก็จะเป็นการทำลายเงื่อนไขในการสร้างความสำนึกรับผิดชอบร่วมกันของความเป็นพรรคการเมืองที่ดีในระบอบประชาธิปไตย ดังได้กล่าวไปข้างต้น
http://www.bangkokbiznews.com/2008/04/07/news_26119730.php?news_id=26119730