ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
16-03-2025, 06:49
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  ไชยันต์ ไชยพร : ลงโทษ ยงยุทธ ติยะไพรัช คนเดียวไม่ได้ 0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
ไชยันต์ ไชยพร : ลงโทษ ยงยุทธ ติยะไพรัช คนเดียวไม่ได้  (อ่าน 1513 ครั้ง)
Kittinunn
Aloha007
Global Moderator
ขาประจำขั้นที่ 3
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,127


ไปได้สวย...ด้วยเกียร์ต่ำ!!!


เว็บไซต์
« เมื่อ: 07-04-2008, 02:09 »

ร้อยแปดวิถีทัศน์ : ลงโทษ ยงยุทธ ติยะไพรัช คนเดียวไม่ได้
ไชยันต์ ไชยพร

กรณีที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้งให้ใบแดงหรือคดีทุจริตเลือกตั้งของนายยงยุทธ ติยะไพรัชนั้น สืบเนื่องมาจากการที่นายวิจิตร ยอดสุวรรณ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคชาติไทย (ขณะนั้น) นำหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอ ระบุว่า กำนัน 10 คน ในอำเภอแม่จัน วางตัวไม่เป็นกลาง เนื่องจากเดินทางไปพบนายยงยุทธ ที่กรุงเทพมหานคร ก่อนการเลือกตั้งวันที่ 23 ธันวาคม 2550 และในชั้นสอบสวน กำนันบางคนยอมรับไปพบนายยงยุทธ ซึ่งร้องขอให้ช่วยหาเสียงจริง โดยได้รับค่าตอบแทนคนละสองหมื่นบาท

แม้ว่าตามหลักฐาน นายยงยุทธจะเป็นผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งเพียงผู้เดียว อย่างไรก็ดี ในกรณีของนายยงยุทธ ติยะไพรัช ซึ่งเป็น ส.ส.ระบบสัดส่วนของพรรคพลังประชาชน เขต 1 ซึ่งประกอบด้วย 11 จังหวัด จำนวนประชากรในกลุ่มจังหวัดรวม 7,615,610 คน ได้แก่ แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน ลำปาง ลำพูน แพร่ ตาก สุโขทัย กำแพงเพชร

การกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งของนายยงยุทธมิได้นำมาซึ่ง "ผลได้" สำหรับนายยงยุทธเพียงลำพังไม่ เพราะในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ส.ส.ระบบสัดส่วนนั้น ประชาชนลงคะแนนเพียงหมายเลขเดียวเพื่อเลือกผู้สมัครจำนวน 10 คน ที่นำเสนอโดยพรรคการเมืองพรรคใดพรรคหนึ่ง แม้ว่าประชาชนจะกาลงคะแนนเลือก ส.ส.ระบบสัดส่วนเพราะตัวนายยงยุทธ แต่ผู้ที่ได้รับประโยชน์ไปด้วยคือ ส.ส.พลังประชาชนคนอื่นที่ติดเข้ามาด้วย จะเห็นได้ว่า รายชื่อ ส.ส.พรรคพลังประชาชนที่ได้รับเลือกตั้งจากระบบสัดส่วนในเขต 1 คือ

รายชื่อ ส.ส. กลุ่มจังหวัดที่ 1

ที่ รายชื่อผู้ที่ได้รับเลือกตั้ง พรรค

1 นายยงยุทธ ติยะไพรัช พลังประชาชน

2 นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ พลังประชาชน

3 นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ พลังประชาชน

4 พ.ต.ท.กานต์ เทียนแก้ว พลังประชาชน


5 นายสัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์ พลังประชาชน

6 นายเทอดพงษ์ ไชยนันทน์ ประชาธิปัตย์

7 นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ ประชาธิปัตย์

8 พล.อ.พิชาญเมธ ม่วงมณี ประชาธิปัตย์

9 นายสุรสิทธิ์ ตรีทอง ประชาธิปัตย์

10 นายสุรเดช ยะสวัสดิ์ เพื่อแผ่นดิน


ดังนั้น หากจะต้องมีการลงโทษนายยงยุทธฐานกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ย่อมไม่สมควรให้นายยงยุทธรับผิดคนเดียวได้ เพราะยังมีคนที่ "รับชอบ" จากการกระทำผิดของเขาไปแล้วถึง 4 คนดังรายชื่อข้างต้น

ขณะเดียวกัน ในเวลาต่อมา แม้ว่าจะได้มีการร้องทุกข์กล่าวโทษเกี่ยวกับกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งของนายยงยุทธเกิดขึ้น กระนั้น ส.ส.พรรคพลังประชาชนทั้งพรรคต่างก็ร่วมกันยกมือสนับสนุนให้นายยงยุทธเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรอีกด้วย ซึ่งหมายความว่า พรรคพลังประชาชนมิได้รู้ร้อนรู้หนาวกับกรณีที่นายยงยุทธ กรรมการบริหารพรรคถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง เข้าข่ายปล่อยปละละเลยและมิได้ช่วยยับยั้งแก้ไข เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม

แม้ว่าจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 237 แล้วก็ตาม ความรับผิดและชอบร่วมกันของระบบ ส.ส.สัดส่วน ก็น่าจะยังคงอยู่ตามสามัญสำนึกปกติ เพราะการได้มาซึ่งความเป็น ส.ส.ของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ พ.ต.ท.กานต์ เทียนแก้ว และนายสัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์ ย่อมเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งของนายยงยุทธอย่างปฏิเสธไม่ได้ แม้ไม่มีการยุบพรรค แต่การได้มาซึ่งสมาชิกภาพสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของ 4 ท่าน นอกเหนือไปจากนายยงยุทธย่อมไม่สุจริตและเที่ยงธรรมอย่างเห็นได้ชัด

กฎหมายข้อบังคับและบทลงโทษเกี่ยวกับการเลือกตั้งนั้น มุ่งให้เกิดความรับผิดชอบร่วมกัน ต่อความเป็นพรรคการเมืองของสมาชิกพรรคทุกคนที่จะช่วยกันเป็นหูเป็นตาตักเตือนตรวจสอบวิธี การรณรงค์ต่อสู้เพื่อให้ได้รับการเลือกตั้ง อันจะนำมาซึ่งการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรม นักการเมืองควรรักษากติกาและสำนึกรับผิดชอบร่วมกันเป็นสำคัญ อันจะเป็นพลังในการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมทางการเมืองและยุติความคาดหวังผิดๆ ของประชาชนในอามิสสินจ้าง และของตอบแทนจากผู้สมัครรับเลือกตั้ง

หากคิดแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อยกเลิกมาตรา 237 วรรคสองที่มีข้อความว่า "ถ้าการกระทำของบุคคลตามวรรคหนึ่ง (การกระทำที่ผิดกฎหมายเลือกตั้ง) ปรากฏหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า หัวหน้าพรรคการเมืองหรือกรรมการบริหารของพรรคการเมืองผู้ใดมีส่วนรู้เห็น หรือปล่อยปละละเลย หรือทราบถึงการกระทำนั้นแล้ว มิได้ยับยั้งหรือแก้ไขเพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ให้ถือว่าพรรคการเมืองนั้นกระทำการเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการ ซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางรัฐธรรมนูญนี้ตามมาตรา 68 และในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ยุบพรรคการเมืองนั้น ให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของหัวหน้าพรรคการเมืองและกรรมการบริหารพรรคการเมืองดังกล่าว มีกำหนดเวลาห้าปีนับแต่วันที่มีคำสั่งให้ยุบพรรคการเมือง" ก็จะเป็นการทำลายเงื่อนไขในการสร้างความสำนึกรับผิดชอบร่วมกันของความเป็นพรรคการเมืองที่ดีในระบอบประชาธิปไตย ดังได้กล่าวไปข้างต้น

http://www.bangkokbiznews.com/2008/04/07/news_26119730.php?news_id=26119730
บันทึกการเข้า

“ผมเขียนไปในบล็อกนั้น แบบข้างบนนี้เหมือนกัน นึกว่า จะโพสต์ ปรากฏว่า เขาบอกว่า ต้อง สมัครสมาชิกก่อน ผมขี้เกียจ เลยมาโพสต์ที่นี่แทน อ้อ ตอนเขียน ผมใส่คำว่า ทุเรศ และ น่าสมเพช ไปด้วย” (อ.สมศักดิ์ เจียมธีระสกุล-เว็บบอร์ดฟ้าเดียวกัน - ข้อความในเสรีไทย โดย Snowflake)

ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #1 เมื่อ: 07-04-2008, 11:04 »

ร้อยแปดวิถีทัศน์ : ลงโทษ ยงยุทธ ติยะไพรัช คนเดียวไม่ได้
ไชยันต์ ไชยพร

กรณีที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้งให้ใบแดงหรือคดีทุจริตเลือกตั้งของนายยงยุทธ ติยะไพรัชนั้น สืบเนื่องมาจากการที่นายวิจิตร ยอดสุวรรณ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคชาติไทย (ขณะนั้น) นำหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอ ระบุว่า กำนัน 10 คน ในอำเภอแม่จัน วางตัวไม่เป็นกลาง เนื่องจากเดินทางไปพบนายยงยุทธ ที่กรุงเทพมหานคร ก่อนการเลือกตั้งวันที่ 23 ธันวาคม 2550 และในชั้นสอบสวน กำนันบางคนยอมรับไปพบนายยงยุทธ ซึ่งร้องขอให้ช่วยหาเสียงจริง โดยได้รับค่าตอบแทนคนละสองหมื่นบาท

แม้ว่าตามหลักฐาน นายยงยุทธจะเป็นผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งเพียงผู้เดียว อย่างไรก็ดี ในกรณีของนายยงยุทธ ติยะไพรัช ซึ่งเป็น ส.ส.ระบบสัดส่วนของพรรคพลังประชาชน เขต 1 ซึ่งประกอบด้วย 11 จังหวัด จำนวนประชากรในกลุ่มจังหวัดรวม 7,615,610 คน ได้แก่ แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน ลำปาง ลำพูน แพร่ ตาก สุโขทัย กำแพงเพชร

การกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งของนายยงยุทธมิได้นำมาซึ่ง "ผลได้" สำหรับนายยงยุทธเพียงลำพังไม่ เพราะในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ส.ส.ระบบสัดส่วนนั้น ประชาชนลงคะแนนเพียงหมายเลขเดียวเพื่อเลือกผู้สมัครจำนวน 10 คน ที่นำเสนอโดยพรรคการเมืองพรรคใดพรรคหนึ่ง แม้ว่าประชาชนจะกาลงคะแนนเลือก ส.ส.ระบบสัดส่วนเพราะตัวนายยงยุทธ แต่ผู้ที่ได้รับประโยชน์ไปด้วยคือ ส.ส.พลังประชาชนคนอื่นที่ติดเข้ามาด้วย จะเห็นได้ว่า รายชื่อ ส.ส.พรรคพลังประชาชนที่ได้รับเลือกตั้งจากระบบสัดส่วนในเขต 1 คือ

รายชื่อ ส.ส. กลุ่มจังหวัดที่ 1

ที่ รายชื่อผู้ที่ได้รับเลือกตั้ง พรรค

1 นายยงยุทธ ติยะไพรัช พลังประชาชน

2 นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ พลังประชาชน

3 นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ พลังประชาชน

4 พ.ต.ท.กานต์ เทียนแก้ว พลังประชาชน

5 นายสัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์ พลังประชาชน


6 นายเทอดพงษ์ ไชยนันทน์ ประชาธิปัตย์

7 นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ ประชาธิปัตย์

8 พล.อ.พิชาญเมธ ม่วงมณี ประชาธิปัตย์

9 นายสุรสิทธิ์ ตรีทอง ประชาธิปัตย์

10 นายสุรเดช ยะสวัสดิ์ เพื่อแผ่นดิน


ดังนั้น หากจะต้องมีการลงโทษนายยงยุทธฐานกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ย่อมไม่สมควรให้นายยงยุทธรับผิดคนเดียวได้ เพราะยังมีคนที่ "รับชอบ" จากการกระทำผิดของเขาไปแล้วถึง 4 คนดังรายชื่อข้างต้น

ขณะเดียวกัน ในเวลาต่อมา แม้ว่าจะได้มีการร้องทุกข์กล่าวโทษเกี่ยวกับกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งของนายยงยุทธเกิดขึ้น กระนั้น ส.ส.พรรคพลังประชาชนทั้งพรรคต่างก็ร่วมกันยกมือสนับสนุนให้นายยงยุทธเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรอีกด้วย ซึ่งหมายความว่า พรรคพลังประชาชนมิได้รู้ร้อนรู้หนาวกับกรณีที่นายยงยุทธ กรรมการบริหารพรรคถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง เข้าข่ายปล่อยปละละเลยและมิได้ช่วยยับยั้งแก้ไข เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม

แม้ว่าจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 237 แล้วก็ตาม ความรับผิดและชอบร่วมกันของระบบ ส.ส.สัดส่วน ก็น่าจะยังคงอยู่ตามสามัญสำนึกปกติ เพราะการได้มาซึ่งความเป็น ส.ส.ของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ พ.ต.ท.กานต์ เทียนแก้ว และนายสัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์ ย่อมเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งของนายยงยุทธอย่างปฏิเสธไม่ได้ แม้ไม่มีการยุบพรรค แต่การได้มาซึ่งสมาชิกภาพสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของ 4 ท่าน นอกเหนือไปจากนายยงยุทธย่อมไม่สุจริตและเที่ยงธรรมอย่างเห็นได้ชัด

กฎหมายข้อบังคับและบทลงโทษเกี่ยวกับการเลือกตั้งนั้น มุ่งให้เกิดความรับผิดชอบร่วมกัน ต่อความเป็นพรรคการเมืองของสมาชิกพรรคทุกคนที่จะช่วยกันเป็นหูเป็นตาตักเตือนตรวจสอบวิธี การรณรงค์ต่อสู้เพื่อให้ได้รับการเลือกตั้ง อันจะนำมาซึ่งการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรม นักการเมืองควรรักษากติกาและสำนึกรับผิดชอบร่วมกันเป็นสำคัญ อันจะเป็นพลังในการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมทางการเมืองและยุติความคาดหวังผิดๆ ของประชาชนในอามิสสินจ้าง และของตอบแทนจากผู้สมัครรับเลือกตั้ง

หากคิดแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อยกเลิกมาตรา 237 วรรคสองที่มีข้อความว่า "ถ้าการกระทำของบุคคลตามวรรคหนึ่ง (การกระทำที่ผิดกฎหมายเลือกตั้ง) ปรากฏหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า หัวหน้าพรรคการเมืองหรือกรรมการบริหารของพรรคการเมืองผู้ใดมีส่วนรู้เห็น หรือปล่อยปละละเลย หรือทราบถึงการกระทำนั้นแล้ว มิได้ยับยั้งหรือแก้ไขเพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ให้ถือว่าพรรคการเมืองนั้นกระทำการเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการ ซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางรัฐธรรมนูญนี้ตามมาตรา 68 และในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ยุบพรรคการเมืองนั้น ให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของหัวหน้าพรรคการเมืองและกรรมการบริหารพรรคการเมืองดังกล่าว มีกำหนดเวลาห้าปีนับแต่วันที่มีคำสั่งให้ยุบพรรคการเมือง" ก็จะเป็นการทำลายเงื่อนไขในการสร้างความสำนึกรับผิดชอบร่วมกันของความเป็นพรรคการเมืองที่ดีในระบอบประชาธิปไตย ดังได้กล่าวไปข้างต้น

http://www.bangkokbiznews.com/2008/04/07/news_26119730.php?news_id=26119730



คณะกรรมการ กกต. น่าจะกังวลใจกับการวิพากษ์วิจารณ์
การลงโทษผู้ร่วมกระทำผิดที่ถูกกักขังในบ้านเลขที่ 111 กระมั่ง...

ทำให้หลีกเลี่ยงที่ลงโทษทั้ง 5 คน.....

บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
Suraphan07
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,128



« ตอบ #2 เมื่อ: 07-04-2008, 13:47 »

ถ้ามีเวลา จะเอาข้อความบางตอนของอาจารย์แก ไปย้ำให้ ลูกๆ หลานๆ
ที่ทำงานพิเศษ ช่วงปิดเทอม-นั่งปั่นกระทู้เชียร์แก้ รธน.อยู่ที่เว็ปบอร์ดใหญ่...


"กฎหมายข้อบังคับและบทลงโทษเกี่ยวกับการเลือกตั้งนั้น มุ่งให้เกิดความรับผิดชอบร่วมกัน ต่อความเป็นพรรคการเมืองของสมาชิกพรรคทุกคนที่จะช่วยกันเป็นหูเป็นตาตักเตือนตรวจสอบวิธี การรณรงค์ต่อสู้เพื่อให้ได้รับการเลือกตั้ง อันจะนำมาซึ่งการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรม นักการเมืองควรรักษากติกาและสำนึกรับผิดชอบร่วมกันเป็นสำคัญ อันจะเป็นพลังในการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมทางการเมืองและยุติความคาดหวังผิดๆ ของประชาชนในอามิสสินจ้าง และของตอบแทนจากผู้สมัครรับเลือกตั้ง"

 
   
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
    กระโดดไป: