ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
29-03-2024, 04:14
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  ระหว่างโหรกับสื่อ หมักด่าใครแรงกว่ากัน 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
ระหว่างโหรกับสื่อ หมักด่าใครแรงกว่ากัน  (อ่าน 1000 ครั้ง)
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« เมื่อ: 06-04-2008, 11:46 »

ระหว่างโหรกับสื่อ หมักด่าใครแรงกว่ากัน

เมื่อเช้า หมักจวกหมอดูในรายการ สนทนาประสาสมัคร มีรายการจวกโหรพอเป็นกระสาย ซักพักคงมีเนื้อหามาให้อ่าน

คำผรุสวาท'สมัคร สุนทรเวช' ตอนที่1
โดย ชฏา ไอยคุปต์
มติชน วันที่ 17 ธันวาคม 2550 เวลา 06:48:39 น.


ใกล้โค้งสุดท้ายการเลือกตั้งเข้ามาทุกขณะ การเมืองก็ยิ่งทวีความเข้มข้นขึ้นมาตามลำดับ และสิ่งที่เข้มข้นยิ่งกว่า 'วาระ'คือ'วาทะ' ของนักการเมือง บางคำถึงกับ 'สะดุ้ง'เพราะคำ 'ผรุสวาท' ของบรรดานักการเมืองที่สาดเสียเทเสียใส่กันอย่างไม่มีใครเกรงใคร ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม

ผู้ที่ควรจะกล่าวถึงมากที่สุดในการเอ่ยคำ 'ผรุสวาส'มากที่สุด หรือเจ้าของคำพูดเฉียบขาดดุดันตรงไปตรงมาไม่อ้อมให้เสียเวลาอย่าง นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ผู้ที่อาจจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำประเทศในอนาคต คำพูดต่างๆ ที่หลุดออกมาจากปากหัวหน้าพรรคพลังประชาชนนับตั้งแต่ก้าวขึ้นมาเป็นแม่ทัพทวีความดุเดือดขึ้นเป็นลำดับ เรียกความสะใจและความไม่พอใจของผู้ฟัง

ทุกครั้งที่ขึ้นเวทีปราศรัยประโยคเด็ดๆ ของหัวหน้าพรรคพลังประชาชนจะถูกนำมาพาดหัวและเป็นข่าวครึกโครมอยู่บ่อยครั้ง เมื่อครั้งหนังสือเรื่อง 'รัดทำมะนวยฉบับหัวคูณ' แม้ว่าหัวหน้าพรรคพลังประชาชนแทบจะไม่ได้เอ่ยอะไรเกี่ยวกับประโยคนี้ก็ตาม ทว่าหนังสือเล่มนี้ถูกแจกจ่ายในงานปฐมนิเทศผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคพลังประชาชนพร้อมกับเสียงวิพากษาวิจารณ์รัฐธรรมนูญแทบหาอะไรดีไม่ได้เลย

และในวันนั้นเองที่ผู้สื่อข่าวถึงกับงงงันกันไปทีเดียวด้วยท่าทางของนายสมัครที่มากระเซ้าเย้าแหย่ผู้สื่อข่าวที่ปรากฏให้เห็นยากมาก ทั้งที่เพิ่งจวกนักข่าวไปเมื่อวันวานว่า คำถามที่นักข่าวถามทำลายพรรค และตอกหน้าว่า 'เมื่อคืนไปร่วมเมถุนกับใครหรือไม่' และดูเหมือนว่าประโยคนี้จะกลายเป็นประเด็นที่ทำให้สื่อรุมเกาะติดอยู่พักหนึ่งกับคนที่คุณก็รู้ว่าเป็นใคร

เรื่องไม่ได้ยุติเพียงแค่นี้เมื่อ นายสมัคร คิดที่จะปรับความเข้าใจกับผู้สื่อข่าวในห้องแถลงข่าว แต่สิ่งแวดล้อมก็ดูไม่เป็นใจเหลือเกิน เมื่อสถานีโทรทัศน์ข่าวภาคค่ำช่องหนึ่งเสนอข่าวนายสมัครปะทะสื่อพอดี โดยปล่อยเสียงที่นายสมัครถามผู้สื่อข่าว 'เมื่อคืนคุณไปร่วมเมถุนกับใคร'

ผู้สื่อข่าวจึงถามว่าภาพนายสมัครที่ปรากฏเป็นข่าวจะทำให้เสียหายถึงขั้นประชาชนไม่ลงคะแนนเสียงให้หรือไม่ นายสมัคร กล่าวสวนทันทีว่า 'ไม่เห็นจะเสียหาย สันดานโทรทัศน์ เลวทราม ต่ำช้า ให้มันรู้ไป หากออกไปแล้วคนจะไม่เลือก'

และกล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า 'สื่อเป็นอย่างไร เป็นพ่อคนทั้งเมืองหรือไง คนที่ไม่เลือก ก็เพราะไม่เลือกอยู่แล้ว ถ้าไม่สุภาพก็ไม่เป็นไร ก็อย่ามาลงคะแนน ถูกต้องไหม นี่แหละผม รู้จักนิสัยนายสมัครแท้ๆ จะต้องเป็นอย่างนี้ ไม่ดัดจริต ผมประหลาดใจเลยว่าคำพูดอย่างนั้น ผมเป็นคนเลวหรือ แล้วคอยดูว่าพรรคพลังประชาชนจะแพ้หรือชนะการเลือกตั้ง จำคำวันนี้ไว้นะ ไอ้ที่บอกว่าเสียหายนั้น ผมถามมันเป็นคำสุภาพที่สุดแล้ว จะได้รู้จักว่าอะไรควร ไม่ควรบ้าง' จากที่จะมาดีก็เลยมาด่าแทน

ก่อนที่จะพูดต่อว่า 'หากครั้งหน้าถามอีกก็จะด่าอีก ไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับไหนห้ามไว้เลย ล่อกันสักที ถ้าหัวหน้าพรรคเป็นอย่างนี้แล้วพรรคมันจะเจ๊งนะ ให้รู้ไปเลยว่ามันเป็นอย่างนี้ ผมเป็นคนไม่ดัดจริต ไม่มีอะไรเสียหาย ปากกับใจตรงกันไม่มีอะไรอ้อมค้อม วิธีของผม แลกหมัดแล้วให้จบเลย จะได้รู้จักว่าอะไรควร ไม่ควรบ้าง  ก็เลยสั่งสอนไปเท่านั้นเอง' ถึงกระนั้นนายสมัครก็ไม่ได้เกรงว่าจะกลายเป็นปลาหมอแต่อย่างใด

ทุกครั้งที่เลี่ยงจะตอบคำถามก็ตอกกลับไปดื้อๆว่า 'ฟังภาษาไทยไม่รู้เรื่องหรือไง' เป็นงั้นไปหรือว่านักข่าวจะฟังภาษาของท่านไม่รู้เรื่องจริงๆ แต่สันดานของคนข่าวก็ไม่ย่อท้อที่จะดื้อดึงถามต่อไปอีกแต่แทนที่จะได้คำตอบกลับได้คำถามย้อนมา 'ถามหาหอกอะไร' เป็นอันว่าจบ

นายสมัครยังคงลับฝีปากอยู่ตลอดเวลานอกจาก 'เกาเหลา' กับนักข่าวแล้ว ขนาดองคมนตรีก็ยังไม่เว้น แม้ว่านักวิชาการอย่าง นายปริญญา เทวานฤมิตร อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ถึงกับเอ่ยว่าไม่สมควรอย่างยิ่งที่นายสมัครจะออกมาวิพากษ์วิจารณ์ประธานองคมนตรี เนื่องจากท่านไม่ได้ทำอะไรเสียหายและที่ท่านออกมาพูดก็นำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาเสนอเป็นแนวทางการดำเนินงานของชาติบ้านเมือง ท่านก็ทำหน้าที่ประธานองคมนตรีเมื่อเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไรท่านก็แก้ และว่า เป็นเรื่องไม่สมควรเพราะท่านเป็นถึงประธานองคมนตรี เหมือนคณะที่ปรึกษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

'ผมไม่รู้ว่านายสมัครไปกินดีหมี หัวใจเสือที่ไหนมาถึงกล้าออกมาวิพากษ์วิจารณ์' อาจารย์นิติศาสตร์กล่าว

คำเตือนหรือคำพูดเหล่านี้หาได้หยุดฝีปากกล้าของนายสมัครลงได้ กลับทวีความดุดันขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดบนเวทีปราศรัยที่วงเวียนใหญ่ด่า 'อีแอบผมขาว ไอ้คนหัวโจกคนนี้เป็นคนทำลายสถาบันอย่างแท้จริง' ที่ชอบด่าอดีตนายกฯว่า ไม่เคารพสถาบันและเอาสถาบันไปเหยียบย่ำเขา ไปพูดจากับไฮโซไฮซ้อจนทำให้เป็นชนวนนำไปสู่การรัฐประหาร' ด่าใครหว่า?

อีกหนึ่งเม็ดที่เก็บตกได้บ่อยๆ จากหัวหน้าพรรคคือคำว่า 'เฮงซวย' คำนี้หลุดออกมาเมื่อครั้งที่จัดปราศรัยที่บริเวณตลาดสดห้วยขวาง ขณะที่เดินไปคุยกับเจ้าของร้านโชคอนันต์ว่า 'ได้ดูข่าวเรื่องโพลที่ว่า พรรคประชาธิปัตย์จะชนะ แล้วแบบนี้โพลเฮงซวยหรือไม่' อีกหนึ่ง 'เฮงซวย' คำสบถของ'น้าหมัก' เพราะความหงุดหงิดด่ากราดอดีต ส.ส.ร.พวกบ้า คลอด 'รัฐธรรมนูญเฮงซวย'   

และอีกหนึ่งคำที่ได้ยินบ่อยๆ 'ทุเรศ' เมื่อครั้งที่พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรี ระบุสาเหตุยังไม่ประกาศยกเลิกกฎอัยการศึกในบางจังหวัดเพราะมีปัญหาเรื่องยาเสพติด นายสมัคร กล่าวว่า เป็นข้ออ้างที่ไม่มีเหตุผล ไม่อยากบอกว่า 'ทุเรศ' อยู่มาตั้งปีแล้วเหตุใดจึงไม่ปราบยาเสพติด

ขนาดหมอดูยังทนฟังไม่ค่อยได้ออกมาเตือยกลายๆ โดยนายลักษณ์ เรขานิเทศ โหรฟันธงชื่อดัง ยังได้ทำนายดวงของหัวหน้าพรรคพลังประชาชนที่มีเรื่องปากมาเชื่อมโยงกับดวงว่า พรรคพลังประชาชนจะได้รับการเลือกตั้งมากที่สุดล้านเปอร์เซ็นต์ นายสมัครจะได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี และจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว โดยอยู่บนพื้นฐานของความขัดแย้งที่น่ากลัว รัฐบาลจะอยู่ได้ไม่นาน แต่สิ่งที่ต้องระวังมากที่สุด คือ  เรื่องสุขภาพและปาก ที่ควรจะเปลี่ยนบุคลิกเป็นในลักษณะสมานฉันท์

ทว่าคำพูดเหล่านี้หากเจรจากันเองในแวดวงเพื่อนฝูงก็คงไม่แปลก แต่ที่แปลกก็มีอยู่คนเดียวที่กล้าพูดผ่านสื่อผ่านสาธารณชนอย่างไม่สนใจแผนกเซ็นเซอร์ที่ต้องคอยดูดเสียงออก

นี่คือ คำพูดของอดีตผู้ที่เคยตำแหน่งรัฐมนตรีมาหลายสมัยและยังเคยเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในอนาคตอาจได้รับตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดของประเทศ นายกรัฐมนตรี เชื่อแน่ว่าคำผรุสวาทที่ดุเดือดเผ็ดร้อนของนายสมัครยังมีอีกมากโขทีเดียว กว่าจะถึงวันเลือกตั้งหรือหากนายสมัครได้เป็นนายกรัฐมนตรี คนไทยก็คงได้ฟังกันถ้วนหน้าแน่ๆ

**********************************

'ผรุสวาท' สมัคร สุนทรเวช ตอนที่ 2
โดย ชฏา ไอยคุปต์

มติชน วันที่ 04 เมษายน 2551 เวลา 11:22:36 น.


ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา มีพ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 เป็นประธานการประชุม ช่วงการหารือก่อนเข้าสู่วาระการประชุม นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้ขอหารือว่า ได้รับร้องเรียนจากนักเรียนและผู้ปกครองมากมายถึงคำพูดของ "นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี"

"คำพูดของนายกฯผ่านสื่อที่มี บุคคลิกโผงผาง ใช้คำพูดไม่สุภาพ ไม่รื่นหู เช่นคำว่า “ทุเรศ” “ดัดจริต” “บ้านเมืองยำยำ” “ไอ้น่าโง่” หรือ ”ไอ้เด็กบ้ามาหาว่าผมเป็นอัลไซเมอร์” กลัวว่าเยาวชนจะเอาเป็นแบบอย่าง เพราะอาจคิดว่า คนระดับนายกฯยัง ออกมาพูดได้ หรือการที่นายกฯมีวิวาทะกับหนังสือพิมพ์ หรือคนที่เห็นต่างกับนายกฯ จึงอยากให้ประธานฯทำหนังสือเตือน แนะนำ หรือแสดงความคิดเห็นถึงนายกฯ ว่า ควรแสดงอาการสำรวมให้เหมาะสมกับที่ดำรงตำแหน่ง และอาจส่งหนังสือไปยังสถานีโทรทัศน์ว่า ถ้ามีคำให้สัมภาษณ์ไม่เหมาะสม อาจให้พิจารณางดออกอากาศหรือดูดเสียงทิ้งได้หรือไม่"

ควรหรือไม่ควรนายกรัฐมนตรีตัดสินใจเองได้ แต่ไม่ว่าผลจะออกมายังไง นายกฯคงออกมาโทษสื่ออีกตามเคยว่าถามนำจึงต้องตอบตามความจริง

ความจริงในแบบท่านนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของประเทศไทยไม่ได้เพิ่งจะแสดงออกมาเพราะในอดีตก่อนที่นายกฯจะก้าวขึ้นมานั่งเก้าอี้สูงสุดของฝ่ายบริหาร "ผรุสวาท" ก็เริ่มหลุดออกมาจากปากตั้งแต่สมัยที่เคยดำรงเป็นรองนายกรัฐมนตรีและผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานคร

สัญญาณเตือนให้นายกสงบปากสงบคำเลิกสรรหาคำมาสบถผ่านสื่อ มิได้เพิ่งจะมีขึ้น 'ผรุสวาท- สมัคร' ตอนที่ 1ทิ้งท้ายไว้ที่คำกล่าวตักเตือน ในช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งก่อนที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีจะพาพรรคพลังประชาชนชนะการเลือกตั้ง

ตามคำทำนาย นายลักษณ์ เรขานิเทศ โหรฟันธงชื่อดัง ยังได้ทำนายดวงของหัวหน้าพรรคพลังประชาชนที่มีเรื่องปากมาเชื่อมโยงกับดวงว่า พรรคพลังประชาชนจะได้รับการเลือกตั้งมากที่สุดล้านเปอร์เซ็นต์ นายสมัครจะได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี และจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว โดยอยู่บนพื้นฐานของความขัดแย้งที่น่ากลัว รัฐบาลจะอยู่ได้ไม่นาน แต่สิ่งที่ต้องระวังมากที่สุด คือ  เรื่องสุขภาพและปาก ที่ควรจะเปลี่ยนบุคลิกเป็นในลักษณะสมานฉันท์

ท่ามกลางการจับตามองการก้าวขึ้นเป็นผู้นำประเทศในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 25 ของประเทศไทย นายสมัคร สุนทรเวช ที่ทุกคนกำลังลุ้นกันว่าจะมีผรุสวาทหลุดออกมาให้ได้ยินอีกหรือไม่

....และแล้วไม่นานหลังจากที่นายกฯ พยายามรักษาท่าทีและอดทนอดกลั้นสำรวมกริยาวาจาให้สมกับตำแหน่งผู้นำประเทศ สื่อผู้ทำหน้าที่สุนัขเฝ้าบ้านได้ทำลายปราการกั้นเขื่อนน้ำลายนายกฯพัง จนสาดกระเซ็นมากระแทกหน้าสื่ออีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ได้เจาะจงคนใดคนหนึ่งสาดกระทบทั้งองค์รวม

หลังจากที่ถูกกระแหนะกระแหนว่าเป็นนอมินีพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อเริ่มแรกก็เหมือนจะประกาศยอมรับเอง แต่ภายหลังที่ทราบผลว่าอาจจะนำไปสู่การยุบพรรคนายกฯก็รีบปฏิเสธพัลวัล

กระทั่งพ.ต.ท.ทักษิณเดินทางกลับมาประเทศไทย เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ วันรุ่งขึ้นสื่อก็รุกถามประเด็น "นายกรัฐมนตรีซ้อน" ที่ทำให้ความอดทนอดกลั้นของ "นายกฯสมัคร" ยุติด้วยคำถามแทงใจดำ

"รู้สึกอย่างไรกับเสียงวิจารณ์เรื่องภาพผู้นำซ้อน"

นายสมัครกล่าวสวนขึ้นมาทันทีว่า "พวกคุณเขียนกันเองน่ะสิ หนังสือพิมพ์ไปเคยนั่งเก้าอี้ซ้อนกัน มันเป็นความคิดของคนระดับพวกคุณเท่านั้นแหล่ะ ขอย้ำเลยนะ เพราะพวกคุณคิดกันอย่างนั้น ต้องกระแทกแดกดัน พูดจาเสียดสีให้เสียให้หาย ทำไมคิดกันได้แค่นั้นเอง ความคิดมีอยู่ระดับแค่นั้นหรือ ทำไมไม่คิดอย่างคนธรรมดาเขาควรคิดบ้างล่ะ ก็นี่ก็คือนายกฯ นั่นก็อดีตนายกฯ ทำไมจะต้องมาแดกดัน จะเสี้ยมเขาควายให้ชนกัน ผมจะบอกให้ฟังนะ ผมก็ไม่ได้พูดจาอย่างนี้มานานแล้ว แต่ฟังดูแล้ว ผมอ่านดูแล้วก็อมยิ้มว่าทำไมสติปัญญาในการแสดงความคิดมีได้เพียงแค่นี้เหรอ ผมถามจริงๆ มีได้เพียงแค่นี้หรือ" 

" ผมรู้สึกว่าพวกคุณ (สื่อ) น่ะมีความคิดอ่านกันเพียงเท่านี้หรือ ระดับความคิดมีเท่านี้แค่นั้นใช่ไหม แสดงความคิด รู้สึกนึกคิดว่านายสมัครข่าวหายไปเลย ก็ผมไปประชุม ก็อยู่ แล้วก็มารับอียู ก็มาถ่าย แล้วมันหายยังไง ก็มีงานสองงานเมื่อวานนี้ ผมจะถามว่าระดับความคิดคุณน่ะคิดได้แค่นี้หรือ ผมถามหน่อยสิความคิดคุณน่ะคิดได้แค่นี้หรือ ที่บอกว่านายกฯ มี 2 คน มันเป็นไปได้อย่างไร คือคิดจากสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลย"

" ทำไมเป็นผู้สื่อข่าวมีความคิดเพียงเท่านี้เองหรือ คิดว่านายกฯ มี 2 คน ตัวจริงมา ตัวจริงหายไป มีแต่ไอ้คนแก่ไปเดิน ทำไมสติปัญญานักข่าวคิดได้แค่นี้หรือ มันน่าอายจริงๆ"

"มันน่าสงสารความคิดพวกคุณจริงๆ" 

จากนั้นดูเหมือนว่าผรุสวาทนายกฯจะทวีความเข้มข้นตามความร้อนแรงของเหตุบ้านการเมือง อีกครั้งที่ทำเนียบรัฐบาลในโอกาสนายกฯ พบสื่อมวลชนประจำสัปดาห์ เรื่องการตั้งข้อสังเกตการเจรจาซื้อน้ำมันดิบจากประเทศรัสเซียจะพบกับความยากลำบากในเรื่องการขนส่ง

นายกฯตอบว่า "ถ้าลำบากแล้วจะไปซื้อทำไม เรื่องนี้ยังไม่ได้ไปเจรจากันเลย เพียงแต่ทูตมาคุยกันบอกว่า นายวลาดิเมียร์ ปูติน อดีตประธานาธิบดีรัสเซีย บอกว่าจะให้ประเทศไทยเป็นสถานที่ที่จะเอาก๊าซและน้ำมันดิบมาไว้ เพื่อที่เพื่อนบ้านของไทยจะได้มาเอาไปใช้ ไทยก็บอกว่าถ้าได้ก็ดี และถ้าราคาต่ำกว่า 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลก็จะดี"

"บอกไม่ได้ ไม่มี  แค่คิดก็โง่แล้ว " นายสมัครกล่าว

เมื่อนักข่าวถามว่า "มั่นใจหรือไม่ว่าจะไม่มีปัญหาเรื่องเส้นทางขนส่ง นายสมัครตอบทันทีว่า "เป็นปัญหาแล้วเราจะไปซื้อมันทำ หอก!อะไร" หมดคำถาม

ส่วนข่าวที่ทำให้นายกฯต้องผรุสวาทดุเดือดอีกครั้งเมื่อศาลฎีการับคำร้องของคณะกรรมการการเลือกตั้งที่ให้ใบแดงกับนายยงยุทธ ติยะไพรัช ที่อาจจะส่งผลให้พรรคพลังประชาชนถูกยุบว่าไม่สงสารบ้านเมืองบางหรืออย่างไร

นายกฯบอกว่า " ไม่ต้องสงสารผมหรอก ผมมันคนธรรมดา ไม่เป็นอะไรก็ไม่ตายหรอกแต่บ้านเมืองมันตายเนี่ย ไม่สงสารบ้างหรือ ผมพูดอะไรไม่ได้แล้วตอนนี้ เพราะมีส่วนได้เสีย ผมก็พูดไปแล้วเมื่อวันอาทิตย์นึกว่าสมควรแก่เหตุแล้ว แต่จะเอากันให้ตายกันตรงนี้ก็เอาสิ! (นายสมัครพูดเสียงดัง) เอากันไหม เอากันให้ตายไปเลยไอ้พรรคการเมืองให้มันตายกันไป ไอ้พรรคการเมืองตายมันไม่เป็นไร แต่ประเทศชาติมันตาย กว่าจะล้มลุกคลุกคลาน กว่าจะเงยหัวขึ้นมาได้ พอเงยหน้าไปคบค้าสมาคมกับใครเขาได้ก็จะกลับอย่างเดิม จะเอากันให้ตายอีก อย่างนี้พอใจหรือยัง " ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากล่าวด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว

" มันสะใจอะไรกันหนักหนา มันเจ็บช้ำน้ำใจกันหนักหนา ปฏิวัติไปแล้ว ยึดอำนาจไปแล้ว จะฆ่ากันให้ตาย เอากันให้ตาย ก็เอาอีก พอหรือยัง "   

ผู้สื่อข่าวยังไม่ลดละ ถามต่อว่าในทางกฎหมายจะมีทางออกหรือไม่

นายสมัคร กล่าวว่า  " ข่าวที่ออกมาก็มีแต่ข่าวร้ายทั้งนั้น ลองคิดถึงหัวอกไอ้คนที่ต้องทำงานสิ ผมทำงานให้บ้านเมืองอยู่เวลานี้ เดินทางไปโน้นมานี่ ไปสภาฯก็ถูกสับโขก ไปประชุมต่างประเทศกลับมาตอบคำถามอีก" พร้อมกับถอนหายใจ "เฮ้อ!" ก่อนจะเปรียบเทียบ โดยยกตัวอย่าง "หาดทราบเปียกน้ำที่เราเอาไม้ไปขีดวงรอบตัวเองเอาไว้จากนั้นก็ตะโกนว่าออกไม่ได้ "โว้ย ๆ" ซึ่งเหมือนกับกฎหมายที่เขียนด้วยคน"

นอกจากมีคำ"ผรุสวาท" แล้วยังมี"คำคม"แถมด้วย

แต่ก็ไม่วายบ่นกับตัวเองว่า บ้านเมือง "ซวยอะไรหนักหนา"   

" บ้านเมืองของเรา กว่าจะเดินหน้ามาตรงนี้แทบตาย  แล้วจะเอากันให้ตาย มันทำไม มันมีใครเจ็บช้ำน้ำใจหนักหนาหรือ ไอ้พรรคการเมืองพรรคนี้มันทำความชอกช้ำใจให้ใครหรือ จึงคิดจะทำลายพรรคการเมือง 3 พรรคนี้ (พลังประชาชน ชาติไทย มัชฌิมาธิปไตย) คิดหน่อย ว่านี่มันทำลายบ้านเมือง มันอะไรกันหนักหนาเมืองไทย  เมืองนี้มัน "ซวย" อะไรหนักหนา ถึงจะต้องมีใครคิดจะเอาให้ตาย "
 
กระแสข่าวยุบพรรคกลายเป็นเรื่องใหญ่ที่ทำให้พรรคพลังประชาชนหาทางด้วยการแก้กฎหมายสูงสุดของประเทศ โดยยกเหตุผลในการแก้รัฐธรรมนูญเพราะ

"บ้านเมืองยำยำ"

นายสมัคร กล่าวว่า จะแก้ไขรัฐธรรมนูญให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะเห็นว่ามีมาตราที่จำเป็นต้องแก้ไขอีกจำนวนมาก โดยไม่จำเป็นต้องทำประชามติหรือประชาพิจารณ์ เพราะรัฐบาลได้รับเลือกจากประชาชนเสียงข้างมากแล้ว  ไม่ได้จะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อตัวเอง แต่เป็นเพราะเกิดกรณีการพิจารณาใบแดงของนายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานผู้แทนราษฎรและรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน"

" ขอให้เข้าใจว่าไม่ได้เห็นแก่ตัว ไม่ได้เอาแก่ตัว ไม่ได้เห็นแก่ได้ ไม่ได้เห็นแก่ตัวทั้งนั้น เห็นแก่บ้านเมืองยำยำเนี่ยะ" นายกฯสมัคร กล่าว

อย่างไรก็ตามต้องรอลุ้นว่าสภาจะนำเรื่องที่มีการหารือเกี่ยวกับ "วาจา" ของนายกฯเข้าที่ประชุมสภา ตั้งเป็นวาระแก้ไขซ่อมแซมคำให้สัมภาษณ์ของ "นายกฯสมัคร" ป้องกันเยาวชนเลียนแบบได้หรือไม่ หรืออาจจะมีการวางมวยกันเหมือนกับกรณีของนายการุณ โหสกุล ส.ส.พรรคพลังประชาชน ที่กระโดดถีบ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์

หลังจากที่ถกว่า"ถ่***" เป็นคำผรุสวาทหรือไม่ ยังทำให้คนตีกันได้ขนาดนี้ หากยกวาจาของนายกฯสมัครไปตีความในสภาฯ อาจจะชุลมุนวุ่นวายยิ่งกว่าสภาของไต้หวันที่ว่าอลหม่านไร้ระเบียบที่สุดในตอนนี้ก็เป็นได้

อย่างไรคงไม่ใช่เวลาที่จะมาซ้ำเติมคนเจ็บไข้ได้ป่วยเพราะนายกฯสมัคร เพิ่งจะฟื้นจากไข้หลังไปจกปลาร้าลาวจนทำให้ต้องนอนหยอดน้ำเกลือก็สาหัสพอแล้วแต่ยังมาโดนถล่มเรื่องปากอีก นายกฯจะท้อสักแค่ไหน

"โรคภัยเข้าทางปาก ภัยวิบัติก็ออกจากปาก"
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-04-2008, 11:50 โดย CanCan » บันทึกการเข้า

Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 06-04-2008, 11:54 »

'สมัคร' ฉุนจัด! ด่า 'โหรวารินทร์' เอาชื่อไปเอี่ยวปติวัติ ถามสด 'เดาแบบนี้ต้องการอะไร'
มติชน     วันที่ 06 เมษายน 2551 - เวลา 11:10:36 น. 
 
นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ 'สนทนาประสาสมัคร' ทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ในวันนี้ (6 เม.ย.) ถึงเรื่องที่มีการเสนอข่าวนำเอาตัวเองไปพัวพันกับทหาร และการที่นายวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ เจ้าสำนักสุขิโต ทำนายว่ากรรมของชาติบ้านเมืองยังไม่จบสิ้น จะเกิดความวุ่นวายจากฝ่ายรัฐบาลและผู้สูญเสียผลประโยชน์ ทำให้เกิดการปฏิรูปการปกครองโดยฝ่ายทหาร แผ่นดินจะเดือดร้อนจะวุ่นวายคนจะประหัตประหารกัน โดย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก มีโอกาสได้ขึ้นเป็นนายกฯ ว่า เรื่องนี้ตนคงไม่เอามาพูดในรายการ เพราะมีคนอื่นพูดมากแล้ว แต่เรื่องนี้คนพูดต้องคิดบ้างว่า การเอาชื่อนายกรัฐมนตรีไปพัวพันกับทหาร บอกว่าจะปฏิวัติตัวเอง คนนั้นคนนี้จะกลายมาเป็นนายกกรัฐมนตรี คนที่เป็นหมอดูมาดูเรื่องนี้ ควรจะคิดบ้างว่ารุกล้ำเกินคนอื่นไปหรือๆ ไม่ เพราะตนเองเสียหาย ที่มีว่ากันแบบนี้แต่ครั้งนี้จะยกผลประโยชน์ให้ไปก่อน

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า อยากให้คนที่เป็นหมอดูลองนั่งคิดดูก่อนว่า ที่พูดมานั้นมาเป้าหมายอะไร พูดออกมาทำไม หน้าที่ของหมอดูต้องเป็นแบบนี้ หมอดูคนอื่นยังหุบปากอยู่เฉยๆ ทำไมหมอดูคนนี้ต้องเคลื่อนไหว กำหนดให้คนโน้นคนนี้ ออกข่าวทำพิธีต่อชะตาให้แบบนี้ เพราะพรุ่งนี้ (7 เม.ย.) เขาจะทำพิธีกัน ประชาชนบางคนบอกไม่ไป ตนคิดว่าหมอดูคนนี้ประหลาดจริงๆ เพราะก่อนหน้านี้หมอดูคนนี้ก็เคยมีการยืนยันว่า ตัวนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เป็นนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายสมัครไม่มีทางได้เป็น แล้วสุดท้ายผลออกมาเป็นอย่างไร  แล้วที่ออกมาทำนายใหม่นี้ต้องการอะไร

นายสมัคร กล่าวอีกว่า ตนมองว่า เรื่องดังกล่าวนี้นี้ไม่เข้าท่า ทางด้านหนังสือพิมพ์ก็ประโคมข่าวนี้ใหญ่เลยว่า เก่งกาจ ยกย่องสรรเสริม ทั้งๆ ที่หมอดูทายผิดชัดๆ เรื่องแบบนี้ทำไม่ต้องเอาคนอื่นมาพัวพัน ไม่ว่าจะเป็น ผู้บัญชาการทหารบก หรือตัวนายกรัฐมนตรี ที่ออกข่าวนายกรัฐมนตรีไปพัวพันกับ ผบ.ทบ.ว่าเขาจะได้เป็นนายกวันข้างหน้า ทำไมต้องทำเอิกเกริกขนาดนั้น เขาต้องการอะไรถึงได้ทำแบบนี้ ผมไปทำอะไรให้ แล้วที่ทำนายออกมาแล้วผิดแบบนี้อายหรือไม่

''เรื่องทั้งหมดนี้ตนเองไม่อยากจะว่าอะไร แต่ถ้าไม่พูดในรายการนี้ ก็จะดูไม่ใช่รายการสนนทนาประสาสมัคร เพราะรายการนี้ต้องพูดแบบนี้ แสดงความเห็นแบบนี้ ทำให้เกิดความชัดเจน คนที่มาพูดก็ไม่ได้ส่องกระจกดูตัวเองเลย เป็นการอวดศักดาเปล่าๆ ไม่ได้ช่วยเหลือบ้านเมืองตรงไหน รายการในวันนี้เอาเวลาไปถวายให้เจ้าฟ้า เจ้าแผ่นดินเนื่องในวันจักรีไปหมดแล้ว ก็อยากจะบอกแค่ว่า ประชาชนอย่าไปทุกข์ร้อนคิดว่า นายสมัครต้องไปเที่ยวอาละวาด หรือไปฟาดฟันกับใครๆ โดยที่อยากจะบอกกับประชาชนก็ คือ เวลานี้บ้านเมืองกำลังเข้าที่เข้าทางแล้ว และตนก็จะทำหน้าที่ต่อไป'' นายกรัฐมนตรี กล่าว   

 
บันทึกการเข้า

เอกราช
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 826


กับคนที่ไร้ซึ่งจริยธรรม ยังจะสามารถสมาคมด้วยหรือ


« ตอบ #2 เมื่อ: 06-04-2008, 13:32 »

เฮ้อ! 
เซ็ง!

ตู มีผู้นำที่ วุฒิภาวะ
ต่ำเตี้ย เรี่ยราด
ไม่สมประกอบ เช่นนี้
บันทึกการเข้า

สภาพดินฟ้าอากาศที่ได้เปรียบมิสู้มีชัยภูมิที่มั่นคง
ชัยภูมิที่เป็นเลิศมิอาจเทียบได้กับความมีน้ำหนึ่งใจเดียวของผู้คน
天时不如地利,地利不如人和
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #3 เมื่อ: 06-04-2008, 13:39 »

สส. ฝ่ายรัฐบาล ยอมรับความ ถ่..อย...ของม้อบนปก. ได้ ยอมรับปากนายสมัครแบบ "ยำยำ" ได้

แต่ระคายหู กับปากเด็ก ๆ ในธรรมศาสตร์...มันก็แปลกดีนะ


รัฐมนตรีศึกษา สั่ง ครม. ตบปากตัวเองบ้างสิ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-04-2008, 13:41 โดย CanCan » บันทึกการเข้า

RiDKuN
Administrator
ขาประจำขั้นที่ 3
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,015



เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: 06-04-2008, 23:12 »

จะหยาบคายบ้างก็ไม่ว่า แต่ขอให้ประชาชนได้รับรู้ในสิ่งที่มีสิทธิจะรู้บ้าง
ไม่ใช่หยาบคายแล้วยังพูดพล่ามไร้สาระ เอาแต่ด่าคนนั้นคนนี้
สรุปแล้วประชาชนได้อะไร
บันทึกการเข้า

คนไม่มี "อุดมคติ" ไม่ใช่ "นักการเมือง"
gunner Dear GTO
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50



« ตอบ #5 เมื่อ: 08-04-2008, 06:23 »

เมื่อเช้าฟังข่าว  หมักแขวะหมอลักษณ์ 

โดยหมักพูดประมาณว่า "หมอลักษณ์ไปทำนายว่าอิสิทธ์จะได้เป็นนายก แล้วเดี๋ยวนี้เป็นไง ตรงตามทำพูดไว้มั้ย"


เอ....แต่ที่ผมจำได้  หมอลักษณ์เขาทำนายว่า หมักดวงถึงนายกมิใช่หรือ



ตกลง ไอ่ท่านหมัก แกขี้ลืม  หรือว่าผมขมองเสื่อมอ่ะ

บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
    กระโดดไป: