เรื่องจากพระราชพงศาวดาร
พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา เรื่อง พันท้ายนรสิงห์ เมื่อปี พ.ศ. 2247 สมเด็จพระเจ้าเสือ เสด็จโดยเรือพระที่นั่งเอกชัย จะไปประพาสเพื่อทรงเบ็ด ณ ปากน้ำ เมืองสาครบุรี เมื่อเรือพระที่นั่งถึงตำบลโคกขามซึ่งเป็นคลองคดเคี้ยวและมีกระแสน้ำเชี่ยวกราก พันท้ายนรสิงห์ ซึ่งถือท้ายเรือ พระที่นั่งมิสามารถคัดแก้ไขได้ทัน โขนเรือพระที่นั่งกระทบกับกิ่งไม้หักตกลงไปในน้ำ พันท้ายนรสิงห์จึงได้กระโดดขึ้นฝั่งแล้ว กราบทูลให้ทรงลงพระอาญา ตามพระกำหนดถึงสามครั้งด้วยกัน เนื่องจากในสองครั้งแรก สมเด็จพระเจ้าเสือทรง พระราชทานอภัยโทษ เพราะเห็นว่าเป็นอุบัติเหตุ สุดวิสัย แต่ท้ายสุดก็ได้ตรัสสั่งให้ ประหารชีวิตพันท้ายนรสิงห์ตามคำขอ แล้วสร้างศาลไม้ขนาดเล็ก ลักษณะเป็นศาลไม้ในสมัยปัจจุบัน หลังคามุงกระเบื้องดินเผาหางมน พื้นศาลเป็นไม้ยกชั้น 2 ชั้น มีเสารองรับ 6 เสา ฝาไม้ลูกประกนขนาดเล็ก
------------------
เรื่องพันท้ายนรสิงห์นี้ เป็นเรื่องที่เล่าขานกันมาแต่โบราณ โดยจุดมุ่งหมายเพื่อยกยย่องสรรเสริญความซื่อสัตย์ โดยเฉพาะต่อตัวบทกฏหมาย ซึ่งเป็นเครื่องรักษาสังคมให้อยู่กันโดยปกติสุข
มีนักประวัติศาสตร์หลายท่าน ได้มีความเห็นในพงศาวดารเรื่องนี้แตกต่างกันไป อีกทั้งยังมีนิยายที่เขียนขึ้นเพื่อใช้สำหรับการแสดง ซึ่งมีรายละเอียดปลีกย่อยตามแบบนิยายทั่วไป ทำให้เรื่องที่เป็นตำนานและเรื่องสร้างขึ้นปะปนกัน จนมีหลายคนหลงผิด ตัวอย่างเช่นชื่อของคู่ชีวิตของท่านพันท้าย ซึ่งไม่มีระบุไว้ในพงศาวดาร แต่ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้เรื่องราวที่เป็นนิยายเข้มข้นขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม สาระสำคัญของเรื่องพันท้ายนรสิงห์นี้ ตั้งใจจะยกย่องความสัตย์ซื่อ และการรักษา กฎ มากกว่ารักษา ชีวิต
ในปัจจุบัญ หากท่านใดได้เข้าไปสักการะศาลพันท้ายนรสิงห์หลังเก่า ที่ใกล้วัดโคกขาม จะพบศาลพันท้ายนรสิงห์ที่ได้รับการสร้างใหม่ อย่างสวยงาม และถ้าท่านเดินเล่นรอบศาล จะพบกระถางต้นไม้เซรามิกส์เป็นจำนวนมาก ที่ปลูกต้นไม่นานาพรรณไว้เพื่อความสวยงาม แต่หากก้มลงพิจารณาที่กระถาง จะพบชื่อของผู้บริจาค ซึ่งเมื่อท่านเห็นชื่อแล้วคงจะชะงัก เพราะเป็นชื่อของท่านอดีตผู้พิพากษาคนหนึ่ง ซึ่งปัจจุบัญเป็นอดีตนักการเมืองในบ้านเลขที่ 111 ซึ่งอดีต ท่านก็เคยสนับสนุนการแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อผลประโยชน์ของพรรคการเมือง เป็นการรักษา พรรคการเมือง มากกว่า รักษา กฏ
-----------------------------
จบเรื่องพันท้ายนรสิงห์ไว้ก่อน มาว่าด้วยเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ
ขณะนี้ มีความพยายามที่จะแก้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับปีพุทธศักราช 2550 ที่ได้ผ่านการลงประชามติจากประชาชน รับรองรัฐธรรมนูญมาเรียบร้อยแล้ว แต่เนื่องด้วยเกิดเหตุการที่ กรรมการบริหารพรรคการเมืองหลายพรรค ได้กระทำผิดตามที่รัฐธรรมนูญบัญัติไว้ และจะส่งผลให้ต้องรับโทษตามกฏหมาย ดูๆไปก็คล้ายเหตุการณ์ที่คลองโคกขาม เมื่อสามร้อยกว่าปีที่ผ่านมา
ครั้งนั้น ผู้กระทำผิดกฏ ยอมพลีชีพ เพื่อความถูกต้อง เพื่อให้กฏนั้นศักดิ์สิทธิ์ แต่ครั้งกระนี้ ผู้กระทำหิดกฎและพรรคพวก ต่างสุมหัวกันใช้อำนาจบาตรใหญ่ ใช้ความต่ำช้าในกมลสันดาน จะแก้กฏเพื่อให้ตนพ้นผิด ทั้งๆที่ความผิดนั้นมีโทษไม่ถึงประหารชีวิตด้วยซ้ำไป ความแตกต่างของคนรักชาติรักแผ่นดิน กับคนขายชาติขายแผ่นดิน จึงเห็นชัดกันในวันนี้
อีกทั้งเจ้าของกระถางเซรามิกส์ รอบศาลพันท้ายนรสิงห์ ก็อาจจะได้รับอานิสงค์พ้นผิด รวมกับสัมภเวสีอีก 111 ตน ด้วยการแก้ กฏ ไม่ยอมรับโทษ ตามที่ กฏ นั้นบัญญัติไว้
หากท่านพันท้ายนรสิงห์ เล็งเห็นความบัดซบของผู้คนสมัยนี้ ด้วยญาณวิถีใดๆก็ตาม ท่านคงอยากให้มีใครไปนำกระถางอัปยศเหล่านั้น ออกจากบริเวณศาลของท่านเป็นแน่แท้
--------------------------
จบก็แล้วกัน อนาถใจจริงๆ