ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
28-03-2024, 16:45
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  ==ไทยทำยุทธศาสตร์ข้าวตั้งแต่ปี 50 - มิ่งขวัญจะแถลงแก้ปัญหาข้าวทั้งระบบอะไรอีก?== 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
==ไทยทำยุทธศาสตร์ข้าวตั้งแต่ปี 50 - มิ่งขวัญจะแถลงแก้ปัญหาข้าวทั้งระบบอะไรอีก?==  (อ่าน 4975 ครั้ง)
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« เมื่อ: 25-03-2008, 12:53 »

เห็นมีข่าวลงกรุงเทพธุรกิจ ว่าคุณมิ่งขวัญจะแถลงแก้ปัญหาข้าวทั้งระบบ ฟังดูยิ่งใหญ่อลังการเหลือเกิน
ความจริงเขามีการวาง “ยุทธศาสตร์ข้าวไทยเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน” ไปตั้งแต่สมัยรัฐบาลสุรยุทธ์แล้ว
(เป็นอีกหนึ่งผลงานของสมัยรัฐบาลสุรยุทธ์นะครับ ไม่ใช่ไม่ได้ทำอะไรเลยอย่างที่มีบางคนคิดกัน)

ผมกำลังจับตาดูว่าคุณมิ่งขวัญจะทำอะไร มองในแง่ร้ายมี 2 ทางคือ 1. ลอกไอเดียสมัยรัฐบาลสุรยุทธ์
มาเป็นของตัวเอง  2. ทิ้งที่รัฐบาลสุรยุทธ์เคยวางเอาไว้แล้วเอาของตัวเองมาใส่แทน ทั้งที่ก่อนหน้านี้
ก็ไ่ม่เคยแสดงวิสัยทัศน์เรื่องข้าว หลักๆ มีแต่เรื่องท่องเที่ยวที่ตอนนี้คุณมิ่งแกก็เลิกพูดไปแล้ว

แค่ที่แย้มออกมาว่าจะเอาข้าวในมือรัฐบาลมาดั๊มราคาขายถูก ผมว่าก็เริ่มต้นมั่วๆ แล้ว ไม่ต่างจากเรื่อง
ขายหมูโลละ 98 บาท (รวมหัวโมเดิร์นเทรดถล่มเขียงหมูและมีปัญหาขาดแคลนหมูราคาถูกมาขาย)
กับเรื่องห้ามส่งออกลูกหมู (ที่กลับลำทันควันว่าให้ส่งออกแบบการค้าเสรี)
พรุ่งนี้มารอดูด้วยกันครับว่า "แก้ปัญหาข้าวทั้งระบบ" ของคุณมิ่งแกจะหมายถึงอะไร 

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
มิ่งขวัญแถลงแก้ปัญหาข้าวทั้งระบบ 26 มี.ค.
24 มีนาคม พ.ศ. 2551 14:18:00
http://www.bangkokbiznews.com/2008/03/24/WW02_0201_news.php?newsid=241647



มิ่งขวัญเตรียมแถลงแก้ปัญหาข้าวทั้งระบบ 26 มี.ค. หลังไล่พาณิชย์เช็กสต้อกข้าวรัฐบาล 2.1 ล้านตัน
เตรียมนำข้าวขายราคาถูกให้ประชาชน

กรุงเทพ ธุรกิจออนไลน์ : นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
กล่าวถึงสถานการณ์ราคาข้าวที่ปรับตัวสูงขึ้นว่า กระทรวงพาณิชย์อยู่ระหว่างรอข้อมูล หลังจากสั่งการ
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกระทรวงพาณิชย์ ออกตรวจสตอกข้าวในโกดังและที่อยู่ในการดูแลของ
องค์การคลังสินค้า (อคส.) ว่า ปริมาณข้าวยังอยู่ในสตอก 2.1 ล้านตันหรือไม่ รวมถึงมอบหมายให้
นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ศึกษาข้อกฎหมายว่า ถ้าภาครัฐจะนำข้าวราคาถูก
จำหน่ายให้ประชาชน จะสามารถทำได้หรือไม่ โดยจะแถลงสถานการณ์ราคาข้าวและแนวทางดูแล
อีกครั้งในวันที่ 26 มี.ค.นี้ ซึ่งเชื่อว่าทุกอย่างจะทำให้เป็นระบบ อยู่บนพื้นฐานความเป็นธรรม
ทั้งผู้บริโภค ผู้ประกอบการและเกษตรกร
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-03-2008, 13:21 โดย jerasak » บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #1 เมื่อ: 25-03-2008, 13:00 »

ส่วนข้างล่างนี้เอามาจากเอกสารเผยแพร่ของกรมการค้าภายใน เรื่องการจัดสัมมนา
“ยุทธศาสตร์ข้าวไทยเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน” เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550
ที่เมืองทองธานี มีตัวแทนจากภาคส่วนต่างๆ มาร่วมเป็นพันคน

มีการสรุปยุทธศาสตร์ 5 ปีในด้านต่างๆ คือ ด้านการผลิต ด้านการพัฒนาชาวนา
ด้านการจัดทำระบบตลาดและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ด้านการรักษาเสถียรภาพราคา
ด้านการตลาดต่างประเทศ และ ด้านลอจิสติกส์

พรุ่งนี้ดูกันครับว่าคุณมิ่งจะลอกรัฐบาลสุรยุทธ์ หรือทิ้งของเดิมออกของใหม่ 

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ยุทธศาสตร์ข้าวไทยเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
บทความเผยแพร่ โดย กรมการค้าภายใน

ข้าวเป็นอาหารหลักประจำชาติ และเป็นพืชเศรษฐกิจหลักที่สำคัญของไทย โดยมีผลผลิตประมาณปีละ
28.0-30.0 ล้านตันข้าวเปลือก คิดเป็นมูลค่าปีละประมาณ 180,000-200,000 ล้านบาท และเป็นสินค้าส่งออก
ที่สำคัญนำเงินตราเข้าประเทศประมาณปีละ 80,000-100,000 ล้านบาท ซึ่งไทยเป็นประเทศผู้ส่งออกข้าว
เป็นอันดับหนึ่งของโลก

ดังนั้น เพื่อให้มีการพัฒนาและแก้ไขปัญหาข้าวไทยอย่างเป็นระบบตั้งแต่การผลิตจนถึงตลาดปลายทาง
ให้เกษตรกรมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และมีความมั่นคงทางรายได้ อันจะเป็นการเสริมสร้างความเจริญเติบโต
ทางเศรษฐกิจให้ประเทศ กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงได้ร่วมกันจัดทำ
“ยุทธศาสตร์ข้าวไทย” ขึ้น โดยได้มีการจัดประชุมสัมมนาเรื่อง “ยุทธศาสตร์ข้าวไทยเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน”
ขึ้นเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2550 ณ ห้องแกรนด์ ไดมอนด์ บอลรูม อิมแพค เมืองทองธานี เพื่อระดมความคิดเห็น
ที่เป็นประโยชน์ในการจัดทำยุทธศาสตร์ข้าวไทย โดยมีนายกรัฐมนตรี (พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์) ได้ให้เกียรติ
เป็นประธานเปิดงาน ทั้งนี้ ฯพณฯ ได้มอบนโยบายของรัฐบาลในเรื่องข้าวให้แก่ผู้เข้าร่วมประชุม สัมมนาประมาณ
 1,000 คน จากทุกภาคส่วนทั้งเอกชนและภาครัฐ ประกอบด้วย เกษตรกรชาวนา ผู้ประกอบการค้าข้าว
ผู้ประกอบการโรงสี ผู้ส่งออก และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง

ยุทธศาสตร์ข้าวไทย ได้กำหนดระยะเวลาดำเนินการ 5 ปี ตั้งแต่ปี 2550-2554 โดย ได้มีการกำหนด
เป้าหมายการดำเนินการ ดังนี้

* ด้านการผลิต โดยมีการเพิ่มผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ จาก 439 กก. /ไร่ ในปี 2549/50 เป็น 529 กก. / ไร่
   ในปี 2553/54 และผลผลิตรวมจาก 29.432 ล้านตัน ในปี 2549/50 ให้เพิ่มขึ้น 15% ในปี 2553/54

* ด้านการพัฒนาชาวนา โดยการสร้างชาวนาชั้นนำ (Smart Farmer) จังหวัดละ 20 คน ในปี 2554 และ
   จัดตั้งศูนย์บริการข้อมูลข่าวสารและการเรียนรู้ของชาวนา อำเภอละ 1 แห่ง ในปี 2554

* ด้านการจัดทำระบบตลาดและพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยกระตุ้นกลไกตลาดและ ลดขั้นตอนการตลาด
   ซึ่งจะทำให้ราคาข้าวเปลือกภายในประเทศปรับตัวสูงขึ้น เฉลี่ยประมาณ 10% ภายใน 5 ปี และใช้
   กลไกบริหารความเสี่ยงด้วยการให้มีการค้าข้าวในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า 20% ของปริมาณส่งออก
   ไปต่างประเทศ ในปี 2554

* ด้านการรักษาเสถียรภาพราคา โดยการกำหนดราคาแทรกแซงให้ใกล้เคียงกับราคาตลาดหรือสูงกว่า
   ราคาตลาด ไม่เกิน 10% เพื่อให้สามารถลดปริมาณและวงเงินในการแทรกแซงตลาดข้าวเปลือกลงได้

* ด้านการตลาดต่างประเทศ โดยการเพิ่มปริมาณการส่งออก จาก 7.30 ล้านตัน มูลค่ารวม 2,057 ล้าน
   เหรียญสหรัฐ (278 เหรียญสหรัฐ/ตัน) ในปี 2545 -2549 เป็นปริมาณส่งออก 8.50 – 9.50 ล้านตัน
   มูลค่ารวม 2,600 – 2,850 ล้านเหรียญสหรัฐ (300 เหรียญสหรัฐ/ตัน) ในปี 2550 – 2554

* ด้านลอจิสติกส์ โดยการลดต้นทุนลอจิสติกส์ จาก 19% ของผลผลิตมวลรวม ของข้าวในปี 2550
   เหลือ 15% ของผลผลิตมวลรวมของข้าวในปี 2554

ทั้งนี้ จะได้มีการนำผลจากการประชุมสัมมนาครั้งนี้ไปรวบรวม สรุปผลเพื่อจัดทำ “ยุทธศาสตร์ข้าวไทย”
ให้ครบถ้วนสมบูรณ์ และนำเสนอคณะกรรมการนโยบายข้าวและคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป เมื่อได้รับ
ความเห็นชอบแล้วจะได้ประกาศเป็น “ยุทธศาสตร์ข้าวไทย” ต่อไป
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #2 เมื่อ: 25-03-2008, 13:11 »

ส่วนข้างล่างนี้เป็นบทความจากคอลัมน์ "เดินหน้าชน" ของ มติชนรายวัน เมื่อเดือนตุลา 2550
พูดถึง ยุทธศาสตร์ข้าวไทย ของรัฐบาลสุรยุทธ์ ชื่นชมว่าถึงรัฐบาลสุรยุทธ์จะถูกต่อว่าหลายเรื่อ
แต่ก็ต้องชื่นชม และขอสนับสนุน เรื่องข้าว ถ้ามีเวลาก็ลองอ่านดูนะครับ

บทความนี้เขียนขึ้นภายหลัง ที่ประชุม คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ
(กขช.) มีมติเห็นชอบร่างยุทธศาสตร์เมื่อ 6 สิงหาคม 2550 และในบทความ
ยังกล่าวถึงปัญหานโนบายแทรกแซงราคาข้าวเพื่อหาเสียงของนักการเมืองด้วย

หลังจากบทความนี้แล้วต่อมาในเดือนพฤศจิกายน 2550 ได้มีมติ ครม.เห็นชอบ
ยุทธศาสตร์ข้าว ระยะ 5 ปี พ.ศ. 2550-2554 ออกมาเรียบร้อยแล้วครับ

ในการหาเสียงเลือกตั้งปี 50 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ปชป. เคยรับปาก
กับผู้แทนชาวนาและโรงสี ว่าจะสานต่อยุทธศาสตร์ข้าวไทยของรัฐบาลสุรยุทธ์

แต่ไม่มีข้อมูลว่า คุณสมัคร และคุณมิ่งขวัญ เคยรับปากถึงเรื่องนี้เอาไว้หรือเปล่า
แต่เท่าที่รับทราบจากการติดตามมาตลอด ทั้ง 2 คนไม่เคยมีพูดถึงนะครับ 

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ยุทธศาสตร์ข้าวไทย
คอลัมน์ เดินหน้าชน โดย สราวุฒิ สิงห์เอี่ยม  มติชนรายวัน 
วันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2550 ปีที่ 30 ฉบับที่ 10805
http://www.nidambe11.net/ekonomiz/2007q4/2007october10p6.htm

แม้ว่ารัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ จะถูกต่อว่าต่อขานในหลายเรื่อง แต่ก็มีบางเรื่องที่ต้องขอชื่นชมและ
ขอสนับสนุน โดยเฉพาะเรื่องข้าว

มีตัวเลขสรุปออกมาแล้วว่าจากโครงการรับจำนำข้าวในช่วง 5 ปีของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
รัฐขาดทุนไปแล้วกว่า 5 หมื่นล้านบาท

ไม่รวมข้าวที่ค้างสต๊อคไว้อีกกว่า 4 ล้านตัน ที่คาดกันว่าจะขาดทุนอีกประมาณ 8 พัน - 1 หมื่นล้านบาท

ขณะที่รัฐบาลของ พล.อ.สุรยุทธ์ ซึ่งมีโครงการรับจำนำข้าวเช่นกัน แต่มีมาตรการดูแลที่เข้มงวด ที่สำคัญคือ
มีการอุดช่องโหว่ทุจริตต่างๆ ทำให้ลดการขาดทุนลงเหลือเพียง 3 พันล้านบาท

นอกจากนี้รัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ยังปรับเปลี่ยนโครงสร้างระดับนโยบายในการกำกับดูแลเรื่องข้าว
อย่างเป็นเรื่องเป็นราว และเป็นจริงจังมากขึ้น

โดยยุบคณะกรรมการนโยบายข้าว (กนข.) ที่กำกับดูแลเรื่องข้าวมาหลายสิบปี (แต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น)
แล้วเปลี่ยนมาเป็น คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ

แม้ว่า กนข. เดิมก็ระบุให้มีนายกฯเป็นประธาน แต่ที่ผ่านมามักจะมอบให้รองนายกฯที่กำกับดูแลด้านเศรษฐกิจ
เป็นประธาน กนข.แทน ทำให้การสั่งการในบางเรื่องไม่เบ็ดเสร็จเด็ดขาดเท่าที่ควร

แต่สำหรับ กขช. จะล็อคให้นายกฯ เป็นประธานโดยตำแหน่ง

ขณะที่กรรมการ กขช. นอกจากจะมีผู้แทนจากหน่วยงานจากต่างๆ มาร่วมแล้ว ที่น่าสนใจก็คือมีผู้แทน
จากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) มาเป็นกรรมการด้วย

ทั้งนี้ เพราะ กขช. จะเน้นการวิจัยและพัฒนาการผลิตและการตลาดข้าว เพื่อให้ทุกฝ่ายอยู่ได้อย่างเป็นธรรม
โดยเฉพาะชาวนาที่มักตกเป็นเบี้ยล่างในห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ของข้าวมาโดยตลอด

สภาพชาวนาในปัจจุบันค่อนข้างน่าเป็นห่วง รายได้ไม่แน่นอน และบ่อยครั้งที่ขาดทุน ไม่มีความมั่นคงในชีวิต

หากเป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ แล้ว จะหวังได้หรือว่ารุ่นลูกรุ่นหลานที่กำลังถูกสังคมบริโภคนิยมครอบงำนั้น
จะสืบทอดอาชีพทำนาของพ่อแม่ปู่ย่าตายายกันต่อไป

อย่าประมาทเชียว ไม่อย่างนั้นอีก 10-20 ปี ไทยเราที่เป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับหนึ่งของโลก ประมาณ 7-9 ล้านตัน
นำรายได้เข้าประเทศปีละประมาณ 8 หมื่น - 1 แสนล้านบาท อาจต้องเปลี่ยนไปเป็นผู้นำเข้าข้าวจากประเทศ
มากินแทน

อาชีพทำนาอาจกลายเป็นตำนาน และจัดแสดงโชว์ให้นักท่องเที่ยวทั้งต่างชาติและคนไทยด้วยกันเองได้ชมดูกัน

แต่เมื่อเห็นยุทธศาสตร์ข้าวไทย 5 ปี (2550-2554) ซึ่งที่ประชุม กขช.ครั้งแรกเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2550
เห็นชอบแล้วนั้น ก็พอจะเบาใจได้หน่อย

วิสัยทัศน์ในยุทธศาสตร์ที่ตั้งไว้คือ "ไทยเป็นผู้นำด้านคุณภาพข้าวและผลิตภัณฑ์เป็นหนึ่งของโลก เพื่อเกษตรกร
มีรายได้มั่นคง และผู้บริโภคมั่นใจ"

โดยมีกลยุทธ์การผลิต กลยุทธ์การส่งเสริมและสนับสนุนชาวนา กลุยุทธ์การจัดระบบตลาดและพัฒนาผลิตภัณฑ์
กลยุทธ์การรักษาเสถียรภาพราคา กลยุทธ์การตลาดระหว่างประเทศ

ทั้งนี้ กขช. ยังมีข้อสังเกตเพิ่มเติมให้ปรับปรุงยุทธศาสตร์ให้สมบูรณ์มากขึ้น คือเพิ่มแนวทางการพัฒนาคุณภาพชีวิต
ของชาวนาให้มีความชัดเจน และเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม

กำหนดหลักประกันรายได้ให้ชาวนาและแนวทางแก้ปัญหาหนี้สินอย่างชัดเจน การใช้ประโยชน์จากที่ดินและ
ระบบชลประทานที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า

มีการจัดงบประมาณเบื้องต้นให้ยุทธศาสตร์ข้าวไทยแล้วเกือบ 1 พันล้านบาท ซึ่งไม่มากเลย แถมออกจะน้อยไป
ด้วยซ้ำเมื่อเทียบกับเงินที่หายไปกับการรับจำนำข้าวหลายหมื่นล้านบาท

นอกจากนี้ตั้งคณะอนุกรรมการอีก 4 ชุด คือ 1.คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ข้าวแห่งชาติ ที่จะติดตาม
การดำเนินการยุทธศาสตร์ข้าวไทยให้เป็นไปตามเป้าหมาย 2.คณะอนุฯ กขช. ด้านการผลิต 3.คณะอนุฯ กขช.
ด้านการตลาด และ 4.คณะอนุฯ กขช. ระดับจังหวัด

จึงหวังว่า กขช. จะเป็นเสาหลักสำคัญให้ยุทธศาสตร์ข้าวไทยบรรลุวัตถุประสงค์ เพื่อที่ในอนาคตจะไม่ได้เห็น
อาชีพชาวนาต้องกลายเป็นแค่ตำนาน

และหวังอย่างยิ่งว่ารัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามานั้น คงสานต่อยุทธศาสตร์ข้าวไทยที่รัฐบาลชุดนี้วางไว้ โดยไม่นำ
การเมืองมาใช้หากินกับชาวนาอีก

อย่างน้อยก็มี "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนหนึ่งที่รับปากกับผู้แทนชาวนาและโรงสี
ว่าจะสานต่อยุทธศาสตร์ข้าวไทยของรัฐบาลชุดนี้

แต่ไม่รู้ว่าเมื่อถึงเวลานั้นจริงๆ แล้วจะบิดพลิ้วไปอย่างไร ยิ่งเป็นรัฐบาลผสมด้วยแล้ว ยิ่งหวั่นใจ

เพราะเห็นนโยบายหาเสียงของพรรคการเมืองบางพรรคที่ประกาศจะประกันราคาข้าวเท่าโน้นเท่านี้แล้วรู้สึก
หนาวๆ ร้อนๆ ว่า "วงจรอุบาทว์" จากมาตรการรับจำนำข้าวจะกลับมาอีก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-03-2008, 13:20 โดย jerasak » บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
ScaRECroW
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,000


สุสูสัง ลภเต ปัญญัง - ผู้ฟังดี ย่อมเกิดปัญญา


เว็บไซต์
« ตอบ #3 เมื่อ: 25-03-2008, 13:21 »

คราวก่อนเข้าไปบริหารรัฐวิสาหกิจชั้นดีที่ถูกแปรรูป ทำคุยว่าบริหารเก่งทำกำไรได้เยอะ จะได้พิสูจน์ฝีมือนังหนูผีก็คราวนี้แหละ  เหอะ ๆ จะได้รู้กันซะทีว่ามันจะแน่สักแค่ไหน
บันทึกการเข้า

Politic is nothing but the continuation of [the sin of] 7 by other means.

ท่านคิดว่า นรม. ควรทำอย่างไรเมื่อพบว่ากฏหมายบางฉบับมีช่องโหว่?
ก.ใช้อำนาจ นรม.ที่ได้รับมาจากประชาชนแก้กฏหมายเพื่อปิดช่องโหว่เหล่านั้น เพราะเป็นประโยชน์ของแผ่นดิน
ข.ฉวยโอกาสใช้ช่องโหว่เหล่านั้นเพื่อประโยชน์ของตนเองและคนรอบข้าง แล้วก็อ้างว่าคนอื่นเขาก็ทำกัน
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #4 เมื่อ: 25-03-2008, 13:25 »

สำหรับท่านที่สนใจเกี่ยวกับปัญหาข้าวไทยจริงๆ สามารถ download ฉบับยาว
ไปอ่านได้จากลิงค์นี้เป็นไฟล์ word ครับ ทั้งหมด 19 หน้าขนาดประมาณ 188KB
รับรองว่ามีเนื้อหาสาระดีมากครับ 

ยุทธศาสตร์ข้าวไทย แก้ไขโดย กรมการข้าว จากมติ กขช. 8 สิงหาคม 2550
http://seedcenter09.doae.go.th/image/fms/Rice_strategy.doc
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-03-2008, 13:27 โดย jerasak » บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #5 เมื่อ: 25-03-2008, 13:36 »

คราวก่อนเข้าไปบริหารรัฐวิสาหกิจชั้นดีที่ถูกแปรรูป ทำคุยว่าบริหารเก่งทำกำไรได้เยอะ จะได้พิสูจน์ฝีมือนังหนูผีก็คราวนี้แหละ  เหอะ ๆ จะได้รู้กันซะทีว่ามันจะแน่สักแค่ไหน

แน่จริงก็ไปแปรรูปแล้วบริหารการรถไฟให้มีกำไรดูสักทีสิครับ หรือเอาแค่ ขสมก.ก็ได้
ผมสิ้นศรัทธาธรรมไปตั้งแต่จับได้เรื่องแกมั่วฝันตัวเลขท่องเที่ยวแล้วครับ

ขนาดทำงานระดับสูงสุดคลุกคลีอยู่กับการท่องเที่ยวมานาน ยังมีตัวเลขมั่วๆ แบบนั้น
มาทำนโยบายบริหารประเทศ แล้วเรื่องข้าวที่ปัญหาซับซ้อนกว่ามากมายหลายเท่า
คุณมิ่งแกจะรู้เรื่องขนาด "แก้ทั้งระบบ" หลังเข้ามานั่งเก้าอี้แค่ไม่ถึง 2 เดือนได้ยังไง
แค่ไล่ศึกษาข้อมูลของเก่า แกก็โดนหามส่งโรงพยาบาลมาแล้ว
งานนี้ถ้าไม่ลอกของเก่าที่เขาทำไว้แล้ว อีกทางก็คือดั้นเมฆเอาเองแบบเร่งด่วนครับ 
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
ScaRECroW
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,000


สุสูสัง ลภเต ปัญญัง - ผู้ฟังดี ย่อมเกิดปัญญา


เว็บไซต์
« ตอบ #6 เมื่อ: 25-03-2008, 14:23 »

ระวังจะโดนหาว่าตั้งกระทู้เอง แล้วตอบเองนะครับ จะโดนข้อหาลอกเลียนแบบซะปล่าว ๆ
บันทึกการเข้า

Politic is nothing but the continuation of [the sin of] 7 by other means.

ท่านคิดว่า นรม. ควรทำอย่างไรเมื่อพบว่ากฏหมายบางฉบับมีช่องโหว่?
ก.ใช้อำนาจ นรม.ที่ได้รับมาจากประชาชนแก้กฏหมายเพื่อปิดช่องโหว่เหล่านั้น เพราะเป็นประโยชน์ของแผ่นดิน
ข.ฉวยโอกาสใช้ช่องโหว่เหล่านั้นเพื่อประโยชน์ของตนเองและคนรอบข้าง แล้วก็อ้างว่าคนอื่นเขาก็ทำกัน
Suraphan07
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,128



« ตอบ #7 เมื่อ: 25-03-2008, 21:06 »

นี่ถ้าเอาไปโพสต์ที่เว็บบอร์ดใหญ่ เหล่าลิ่วล้อของนายใหญ่นักการตลาด
คงดิ้นกันพลาดๆ หาว่ากล่าวหาทั้งๆ ที่ยังไม่ได้แถลง...

ถ้าเป็นชาวบ้านร้านช่อง ชาวไร่ ชาวนา ที่อ่านน้อย รู้น้อย ด้วยแล้ว
ได้ฟังแถลงแบบโชว์ภาพได้ คงยกนิ้วโป้งให้กันเป็นทิวแถว...


ขอบพระคุณ คุณจี ที่กรุณานำข้อมูลมาชวนให้ติดตาม...

บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #8 เมื่อ: 25-03-2008, 21:24 »

คืนนี้ขอยืมไปดักคอในโอเคเนชั่นครับ

เจ๊มิ่งแกถนัดเรื่อง "สี่เท่า"

งานนี้ไม่ทราบใครวางยาแกอีกหรือเปล่า

เที่ยวที่แล้วเอาตัวเลขส่งออกขิงแก่ไปสรุปผลงาน จนเป็นลมเป็นแล้ง


ถ้าคิดว่า นำข้าวในสต็อกออกขาย ผิดกฎหมายก็เจ๊งแล้วครับประเทศนี้

เพราะคนรับจำนำคือรัฐบาล ขายในสต็อคออกได้เร็ว ข้าวใหม่ก็ราคาใหม่ ชาวนาชอบอยู่แล้ว


เท่าที่ติดตามข่าว เจ๊แกจะให้ไปคุยกับบริษัทค้าปุ๋ย ถ้าไม่ลดราคาจะให้ภาครัฐนำเข้าปุ๋ยเอง ประมาณ หนึ่งล้านตัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-03-2008, 21:54 โดย CanCan » บันทึกการเข้า

jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #9 เมื่อ: 25-03-2008, 21:48 »

ระวังจะโดนหาว่าตั้งกระทู้เอง แล้วตอบเองนะครับ จะโดนข้อหาลอกเลียนแบบซะปล่าว ๆ

พอดีว่ามีเรื่องที่ต้องโพสอ้างอิงน่ะครับว่ารัฐบาลสุรยุทธ์เคยดำเนินการไปถึงขนาดมีมติ ครม. มีคณะทำงาน
มีแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี เสร็จเรียบร้อยไปหมดแล้วจริงๆ โดยเริ่มสัมมนาในเดือนกุมภา 50 และดำเนินการ
เรื่อยมาจนกระทั่งมีมติ ครม.เมื่อเดือนพฤศจิกา 50
ไม่ได้ตั้งใจจะตั้งเองตอบเองหรอกครับ เรื่องลอกเลียนยิ่งไม่กล้า
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #10 เมื่อ: 25-03-2008, 23:47 »

นี่ถ้าเอาไปโพสต์ที่เว็บบอร์ดใหญ่ เหล่าลิ่วล้อของนายใหญ่นักการตลาด
คงดิ้นกันพลาดๆ หาว่ากล่าวหาทั้งๆ ที่ยังไม่ได้แถลง...

ถ้าเป็นชาวบ้านร้านช่อง ชาวไร่ ชาวนา ที่อ่านน้อย รู้น้อย ด้วยแล้ว
ได้ฟังแถลงแบบโชว์ภาพได้ คงยกนิ้วโป้งให้กันเป็นทิวแถว...


ขอบพระคุณ คุณจี ที่กรุณานำข้อมูลมาชวนให้ติดตาม...


ยังไม่ได้กล่าวหานะครับ แต่ตั้งข้อสังเกตไว้ก่อนว่า
คุณมิ่งแกจะลอกยุทธศาสตร์ หรือจะแต่งใหม่เอาเอง
ผมเพิ่งเห็นข่าวเลยเอามาลงให้ช่วยกันจับตาดูครับ 
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #11 เมื่อ: 26-03-2008, 00:40 »

คืนนี้ขอยืมไปดักคอในโอเคเนชั่นครับ

เจ๊มิ่งแกถนัดเรื่อง "สี่เท่า"

งานนี้ไม่ทราบใครวางยาแกอีกหรือเปล่า

เที่ยวที่แล้วเอาตัวเลขส่งออกขิงแก่ไปสรุปผลงาน จนเป็นลมเป็นแล้ง


ถ้าคิดว่า นำข้าวในสต็อกออกขาย ผิดกฎหมายก็เจ๊งแล้วครับประเทศนี้

เพราะคนรับจำนำคือรัฐบาล ขายในสต็อคออกได้เร็ว ข้าวใหม่ก็ราคาใหม่ ชาวนาชอบอยู่แล้ว


เท่าที่ติดตามข่าว เจ๊แกจะให้ไปคุยกับบริษัทค้าปุ๋ย ถ้าไม่ลดราคาจะให้ภาครัฐนำเข้าปุ๋ยเอง ประมาณ หนึ่งล้านตัน

ตามไปดูที่โอเคเนชั่นแล้วนะครับ ยังไม่เห็นมีใครตอบอะไร
คงต้องรอดูผลพรุ่งนี้เป็นต้นไปอีกที

แต่กรอบเวลาของยุทธศาสตร์ข้าวไทยคือ 2550-2554
ไม่ใช่ 2550-2553 นะครับ เดี๋ยวจะไม่ครบแผน 5 ปี 
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
Caocao
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 557



« ตอบ #12 เมื่อ: 26-03-2008, 00:52 »

ผมว่าให้เจ๊แกกลับไปเป็นพ่อค้าอย่างเดิมหน่ะดีแล้ว ดูท่าจะอ่อนเอามากๆ มือไม่ถึง
บันทึกการเข้า

หลับเถิดทหารกล้า ปวงประชาจะคุ้มครอง
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #13 เมื่อ: 26-03-2008, 13:29 »

สรุปว่าผู้รอชมนโยบายคุณมิ่งพากันเซ็งครับ.. 

หลังจากมีข่าวโหมโรงมา 2 วัน พอถึงวันนี้จริงๆ กลายเป็นว่ายังไม่มีอะไรในกอไผ่แล้วครับ
เรื่องที่บอกว่าจะมี "แนวทางแก้ปัญหาข้าวทั้งระบบ" ก็ยังไม่มีอะไรออกมาในวันนี้

กลายเป็นมีกำหนดประชุมหารือกับ สมาคมชาวนาไทย และสมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ
ในปลายสัปดาห์นี้อีก โดยแนวทาง "แก้ปัญหาข้าวทั้งระบบ" ก็ต้องไปจัดทำหลังจากนั้นอีกที


ดูเหมือนตอนนี้จะโฟกัสอยู่แค่เรื่อง การปรับปรุงกฎหมายและข้อสัญญาระหว่างรัฐกับเอกชน
เพื่อจะเอาผิดกับผู้กระทำผิดทั้งทางแพ่งและอาญาได้มากขึ้น เป็นหลักเท่านั้นเอง

โดยในฝ่ายสมาคมชาวนาไทยก็จะเสนอเรื่องควบคุมราคาปุ๋ยเคมีในการประชุมกับ ก.พาณิชย์
เพราะราคาปุ๋ยที่เพิ่มขึนทำให้ต้นทุนต่อไร่ในการปลูกข้าวเพิ่มขึ้น และชาวนาไม่ได้ประโยชน์
อย่างเต็มที่จากสถานการณ์ราคาข้าวที่กำลังเพิ่มสูงขึ้น

ในอีกทาง ก.เกษตรฯ ก.คลัง และ ก.พาณิชย์ ก็กำลังจะมีมาตรการควบคุมราคาและ การนำเข้า
ปุ๋ยเคมีออกมา และประกาศว่ารัฐบาลอาจเป็นผู้นำเข้าปุ๋ยเคมีเสียเอง

ในขณะที่สมาคมชาวนาไทยก็ยังไม่แน่ใจกับ นโยบายข้าวของรัฐบาล ว่าจะทำอย่างไรแน่
และเกรงว่าจะมีการควบคุมราคาข้าว ที่ทำให้เกิดผลกระทบกับชาวนา

สรุปว่ามาตรการ "แก้ปัญหาข้าวทั้งระบบ" ที่ฟังดูยิ่งใหญ่อลังการนั้น เอาเข้าจริงกว่าจะได้เห็น-
คงอีกนานครับ คิดว่านโยบายที่จะออกมาก่อน คงจะเป็นเรื่องนโยบายเกี่ยวกับปุ๋ยมากกว่า


เพราะการปรับปรุงกฎหมายและข้อสัญญาระหว่างรัฐกับเอกชน ก็ถือเป็นเรื่องใหญ่ต้องใช้เวลา
คงอีกหลายเดือนกว่าจะเสร็จออกมาบังคับใช้ได้จริงๆ
ส่วนการ "แก้ปัญหาข้าวทั้งระบบ" ยิ่งเป็นเรื่องใหญ่กว่า ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้เห็นนะครับ 

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
“เจ๊มิ่ง” ผวาปัญหาข้าวแพง สั่งรื้อสต๊อกวันนี้-เล็งนำเข้าปุ๋ยราคาถูก
โดย ผู้จัดการออนไลน์    26 มีนาคม 2551 09:59 น.
http://www.manager.co.th/Business/ViewNews.aspx?NewsID=9510000036066

      
“มิ่งขวัญ” เรียกบิ๊ก ขรก.พาณิชย์ วันนี้เตรียมไล่บี้การแก้ปัญหาข้าว ครบวงจร “สมศักดิ์” ยอมรับ “สมัคร” สั่งกลางที่ประชุม ครม.ให้ 3 รมต.เศรษฐกิจ ร่วมแก้ปัญหาปุ๋ยแพง โดยจะมีการถกเพื่อนำเข้าแหล่งปุ๋ยราคาถูกในวันนี้
       
       วันนี้ (26 มี.ค.) มีรายงานข่าวแจ้งว่า นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะเรียกประชุมปลัดกระทรวงพาณิชย์ ผู้ตรวจกระทรวงพาณิชย์ และทีมงานตรวจสอบปริมาณข้าวซึ่งได้สั่งการให้ตรวจสอบ ตั้งแต่วันที่ 11-17 มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อรายงานตัวเลขข้าวในสต๊อกหลังการตรวจสอบ รวมถึงปัญหาการขโมยข้าว สถานการณ์ค้าข้าว เพื่อออกแนวทางหรือมาตรการในการดูแลข้าวทั้งระบบ โดยจะนำเรื่องดังกล่าวไปชี้แจงและรับฟังความคิดเห็นในการประชุมหารือกับ สมาคมชาวนาไทย และสมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ ในปลายสัปดาห์นี้เพื่อกำหนดเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาข้าวทั้งระบบ
       
       นอกจากนี้ ได้สั่งการให้ นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ทำการศึกษาและปรับปรุงกฎหมายและข้อสัญญาระหว่างรัฐกับเอกชนให้เข้มงวดและ รัดกุมกว่าที่มีในปัจจุบัน ในสัญญาองค์การคลังสินค้า (อคส.) กับเอกชน หรือสัญญากรมการค้าต่างประเทศกับเอกชน เพราะพบว่าเมื่อสัญญาจำนวนมากไม่อาจเอาผิดกับภาคเอกชนได้หรือรัฐร้องเรียน ได้น้อยกว่าค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจริง รวมถึงโทษปรับหรือจำคุกสำหรับผู้ทำความเสียหายให้รัฐนั้นต่ำทำให้เกิดการ กระทำผิดที่ซ้ำแล้วซ้ำอีก
       
       นายประสิทธิ์ บุญเฉย นายกสมาคมชาวนาไทย กล่าวว่า ในการประชุมร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ สมาคมจะเสนอให้กระทรวงพาณิชย์ดูแลปัญหาราคาปุ๋ยเคมี ที่ขณะนี้ราคาสูงขึ้นมาก ทำให้ต้นทุนการผลิตข้าวเพิ่มขึ้นเป็น 5,500 บาท/ไร่ จากเดิมประมาณ 4,000 บาท/ไร่ ซึ่งหากไม่มีแนวทางทำให้ราคาปุ๋ยเคมีลดลง ชาวนาไทยก็จะไม่ได้ประโยชน์จากราคาข้าวที่เพิ่มสูงขึ้นมากเป็นประวัติการณ์ ในขณะนี้ นอกจากนี้ ยังจะขอความชัดเจนในเรื่องนโยบายข้าวของรัฐบาล เพราะเกรงว่า กระทรวงพาณิชย์จะควบคุมราคาข้าวเหมือนสินค้าอื่นๆ และจะกระทบต่อชาวนาได้
       
       นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สั่งให้กระทรวงเกษตรฯ ตรวจสอบสต๊อกปุ๋ยว่ามีการกักตุนหรือคิดราคาแพงเกินจริงหรือไม่ เพราะปุ๋ยจัดอยู่ในสินค้าควบคุมที่ต้องดูแลไม่ให้กระทบเกษตรกร นอกจากนี้ ยังให้ 3 รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจ คือ กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรฯ หารือร่วมกันแก้ไขปัญหาปุ๋ยราคาแพง โดยให้กระทรวงพาณิชย์ไปเจรจากับผู้ค้าปุ๋ยที่นำเข้าจากต่างประเทศให้ลดราคา ให้เป็นธรรมต่อเกษตรกร หากไม่สามารถลดราคาได้ รัฐบาลจะเป็นผู้นำเข้าปุ๋ยจากต่างประเทศ สำหรับแนวทางทั้งหมด ถ้าได้ข้อสรุปจะเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาสัปดาห์หน้า
       
       แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การประชุมร่วมกันระหว่างกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อร่วมกันหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาราคาปุ๋ยเคมีในวันนี้ จะเป็นการหารือในระดับคณะทำงาน ซึ่งมีกระทรวงเกษตรฯ เป็นเจ้าภาพ
       
       “ประเด็นการหารือคงเป็นเรื่องการหาแหล่งนำเข้าปุ๋ยเคมีราคาถูก ตามข้อเสนอของกระทรวงเกษตรฯ ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์จะทำหน้าที่ติดตามสถานการณ์การค้าไม่ให้เกิดการกัก ตุน เพราะจะเกิดภาวะขาดแคลน โดยได้ออกประกาศให้ผู้ผลิต และผู้นำเข้าที่มีปุ๋ยเคมีในครอบครอง ต้องแจ้งปริมาณ และสถานที่เก็บ” แหล่งข่าวเปิดเผย
       
       แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ขณะเดียวกันก็จะติดตามราคาขายปลีกอย่างใกล้ชิด เพราะได้ข้อมูลว่า ผู้ค้าที่ซื้อจากหน้าโรงงานไปขายต่อจะคิดราคาสูงเกินจริง ซึ่งปุ๋ยเคมีเป็นสินค้าควบคุม การเปลี่ยนแปลงราคาต้องได้รับอนุญาตจากกรมการค้าภายใน แต่ราคาดังกล่าวเป็นราคาหน้าโรงงาน กรมไม่ได้ควบคุมราคาขายปลีก จึงเป็นช่องทางให้ผู้ค้าที่ซื้อจากโรงงานมาขายต่อค้ากำไรเกินควร
       
       ขณะที่ นายกสมาคมชาวนาไทย กล่าวว่า ในการประชุมร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ปลายสัปดาห์นี้ สมาคมจะเสนอให้กระทรวงพาณิชย์ดูแลปัญหาราคาปุ๋ยเคมีที่มีราคาสูงขึ้นมาก ทำให้ต้นทุนการผลิตข้าวเพิ่มขึ้นเป็น 5,500 บาทต่อไร่ จากเดิม 4,000 บาทต่อไร่
       
       “หากไม่มีแนวทางทำให้ราคาปุ๋ยเคมีลดลง ชาวนาไทยก็จะไม่ได้ประโยชน์จากราคาข้าวที่เพิ่มสูงขึ้นมากเป็นประวัติการณ์ ในขณะนี้ นอกจากนี้ ยังจะขอความชัดเจนในเรื่องนโยบายข้าวของรัฐบาล เพราะเกรงว่ากระทรวงพาณิชย์จะควบคุมราคาข้าวเหมือนสินค้าอื่นๆ และจะกระทบต่อชาวนาได้” นายประสิทธิ์ กล่าว
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #14 เมื่อ: 26-03-2008, 13:58 »

สำหรับมาตรการแก้ปัญหาราคาปุ๋ย คงจะออกมาในสัปดาห์หน้านะครับ โดยที่ตามข่าว คุณมิ่งขวัญ
มีหน้าที่เจรจาให้บริษัทขายปุ๋ยลดราคา
แต่เรื่องนี้ยังไม่ใช่การ "แก้ปัญหาข้าวทั้งระบบ" แต่อย่างใด เป็นการแก้ปัญหาราคาปุ๋ยเท่านั้น

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ครม.สั่งคลัง-พาณิชย์-เกษตรฯจับมือแก้ปัญหาปุ๋ยแพง
25 มีนาคม พ.ศ. 2551 14:40:00
http://www.bangkokbiznews.com/2008/03/25/WW02_0201_news.php?newsid=242042

ครม.มอบ“เกษตร-พาณิชย์-คลัง” ถกแนวทางแก้ปัญหา “ปุ๋ยราคาแพง” วันนี้ ขณะที่ “สมัคร” สั่งพาณิชย์ตรวจสอบ
สต็อกปุ๋ย-เจรจาผู้นำเข้าลดราคาไม่ต่ำกว่า 1 พันบาทต่อตัน

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ :

นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรกรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)
มอบหมายรัฐมนตรี 3 กระทรวง ได้แก่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และรัฐมนตรี
ว่าการกระทรวงการคลัง หารือกันในวันนี้ (26 มี.ค.) เพื่อหามาตรการแก้ปัญหาปุ๋ยราคาแพง พร้อมทั้งสรุปมาตรการ
เพื่อเสนอต่อที่ประชุมครม.ในสัปดาห์หน้า

นอกจากนี้ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ตรวจสอบสต็อกปุ๋ยทั่วประเทศว่า มีจำนวนเท่าใด
และมีการกักตุนปุ๋ยหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาพบว่าราคาปุ๋ยไม่ได้เพิ่มขึ้นทุกสัปดาห์ แต่ราคาเพิ่มขึ้นทุกวัน ทั้งนี้ หากพบว่ามีการ
กักตุนปุ๋ยก็จะมีการดำเนินการตามกฎหมายทันที ส่วนกรณีที่ปุ๋ยมีราคาแพงเกินจริง ก็จะให้มีการใช้กฎหมายเข้าไปควบคุมราคา
เนื่องจากปุ๋ยเป็นหนึ่งในรายการสินค้าควบคุมพิเศษ

นายสมศักดิ์ ระบุว่า การหารือของรัฐมนตรี 3 กระทรวงนั้น เบื้องต้นจะตรวจสอบว่าราคาปุ๋ยที่ผู้ประกอบการนำเข้านำเข้ามา
เมื่อรวมกับค่าขนส่ง ค่าบริหารจัดการและบวกกำไรสูงเกินความเป็นจริงหรือไม่ และราคาที่ขายในปัจจุบันเป็นธรรมหรือไม่
ซึ่งเมื่อได้สรุปแล้วกระทรวงพาณิชย์จะรับหน้าที่ไปต่อรองกับผู้นำเข้าปุ๋ย ให้ลดราคาลงมาในระดับไม่ต่ำกว่า 1 พันบาทต่อตัน
แต่หากผู้ประกอบการไม่ยอมรัฐบาลจะเป็นผู้นำเข้าปุ๋ยเอง

“หากเจรจากับผู้นำเข้าและขอให้ลดราคาปุ๋ยแล้ว แต่ผู้นำเข้าไม่ยอมลดราคาลงมาอย่างเป็นธรรม รัฐบาลโดยกระทรวงเกษตรฯ
จะผู้นำเข้าปุ๋ยจากประเทศต้นทางเข้ามา เช่น เกาหลีใต้ จีน และนำมาขายให้เกษตรกรในราคาที่เป็นธรรม ส่วน โดยคาดว่า
จะนำเข้าปุ๋ยไม่ต่ำกว่า 1 ล้านตัน และผมเชื่อว่าจะทำให้ปุ๋ยสูตรต่างๆลดลงจากราคาปัจจุบัน 35-40% ขณะที่กระทรวงการคลัง
มีหน้าที่หาแหล่งทุน”
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
Limmy
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,346


« ตอบ #15 เมื่อ: 26-03-2008, 19:16 »

วันนี้มีโอกาสได้ฟังเจ๊หนูผี เล่าแจ้งแถลงไขเรื่องการแก้ปัญหาข้าว

บอกตรง ๆ ครับ ไม่มีอะไรใหม่ทั้งสิ้น เจ๊แกคงยังไม่รู้ว่าข้าวมันไม่ได้หายไปไหน แต่มันเป็นสต๊อกลมมาตั้งแต่ต้น เคสเดียวกับลำไยผีในโกดัง

รับจ่ายเงินกันไป ไม่มีข้าวเก็บจริง เจ๊คงแกล้งโง่...เอ๊ะหรือว่าโง่จริงหว่า

ท่าทางเจ๊แกอยากอวดภูมิว่าดิฉันก็เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องข้าวคนนึง แต่ขอโทษ เรื่องข้าวที่เจ๊รู้ คงมีอยู่แค่ 2เรื่อง

1. กินข้าว

2. หุงข้าว (อันนี้ยังไม่แน่ใจครับ แม่บ้านสมัยนี้ บางคนก็หุงไม่เป็น  )
บันทึกการเข้า
เล่าปี๋
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,417


ทำดีได้ดีมีไฉน ทำชั่วได้ดีมีถมไป


« ตอบ #16 เมื่อ: 26-03-2008, 19:22 »




ครม.ขี้เหร่...จะเอาดีได้ยังไงครับ ?...
บันทึกการเข้า

ขงเบ้งดูดาว เฮอะเอ่อเอ้ย เมื่อดาวตก เสียวในหัวอกเมือเห็นดาว
ไม่พราวไสว  หรือว่าตัวเราจะหมดบุญ จึงเป็นไป
ดาวที่สดใสเมื่อก่อนนั้น  พลันมืดมัว....
Cherub Rock
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,183


น้องๆ ช่วยไปบอกผู้หญิงคนนั้นที ว่าเลิกมองผมได้แล้ว


« ตอบ #17 เมื่อ: 26-03-2008, 19:32 »

เจ๊หนูผี


หนู(ผี)ตกถังข้าวสาร

บันทึกการเข้า

"นายกรัฐมนตรีกำลังใช้รัฐสภาประกอบพิธีกรรมสถาปนาอำนาจของตนเองโดยเห็นรัฐสภาเป็นเพียงแค่ตรายาง และปล่อยให้มีการทำร้ายประชาชนถือว่าหมดความชอบธรรมแล้ว" รสนา โตสิตระกูล
Solidus
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,381



« ตอบ #18 เมื่อ: 26-03-2008, 19:35 »

ขำเรื่องควบคุมราคาปุ๋ย คาดว่าคงออกมาแบบเดียวกับหมูอีกตามเคย ตกลงเขานำเข้าปุ๋ยสำเร็จรูปกันหรือเนี่ยถึงได้ควบคุมราคาได้ นึกว่านำเข้าสารบริสุทธิ์แล้วนำมาผสมเองซะอีก
บันทึกการเข้า
Cherub Rock
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,183


น้องๆ ช่วยไปบอกผู้หญิงคนนั้นที ว่าเลิกมองผมได้แล้ว


« ตอบ #19 เมื่อ: 26-03-2008, 19:40 »

ขำเรื่องควบคุมราคาปุ๋ย คาดว่าคงออกมาแบบเดียวกับหมูอีกตามเคย ตกลงเขานำเข้าปุ๋ยสำเร็จรูปกันหรือเนี่ยถึงได้ควบคุมราคาได้ นึกว่านำเข้าสารบริสุทธิ์แล้วนำมาผสมเองซะอีก

คุมราคาปุ๋ย
คุมราคาหมู
คุมราคาซิมการ์ด


อีกหน่อยคงคุมราคาเควายเจล

บันทึกการเข้า

"นายกรัฐมนตรีกำลังใช้รัฐสภาประกอบพิธีกรรมสถาปนาอำนาจของตนเองโดยเห็นรัฐสภาเป็นเพียงแค่ตรายาง และปล่อยให้มีการทำร้ายประชาชนถือว่าหมดความชอบธรรมแล้ว" รสนา โตสิตระกูล
สมชายสายชม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,048


« ตอบ #20 เมื่อ: 02-04-2008, 01:05 »

ปี ๔๐ เศรษฐกิจตกต่ำ รองนายกฯ(ไอ้หมัก)บอกให้ประชาชน "กินโครงไก่ต้มฟัก"

ปี ๕๑ เนื้อหมูแพง นายกฯ(ไอ้หมัก)บอกให้ประชาชน "กินไก่แทนหมู"
ผู้สื่อข่าวน่าจะถามไอ้หมัก ว่า "แล้วถ้าข้าวแพง จะให้ประชาชนกินอะไร"   

...
บันทึกการเข้า
เล่าปี๋
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,417


ทำดีได้ดีมีไฉน ทำชั่วได้ดีมีถมไป


« ตอบ #21 เมื่อ: 02-04-2008, 06:44 »

ปี ๔๐ เศรษฐกิจตกต่ำ รองนายกฯ(ไอ้หมัก)บอกให้ประชาชน "กินโครงไก่ต้มฟัก"

ปี ๕๑ เนื้อหมูแพง นายกฯ(ไอ้หมัก)บอกให้ประชาชน "กินไก่แทนหมู"
ผู้สื่อข่าวน่าจะถามไอ้หมัก ว่า "แล้วถ้าข้าวแพง จะให้ประชาชนกินอะไร"   

...




ให้กินรำข้าวหรือแกลบ(เปลือกเมล็ดข้าว) ก็มีราคาซะแล้ว

หรือให้กินน้ำข้าว  เดี๋ยวนี้ใช้หม้อหุงข้าวไฟฟ้า น้ำข้าวก็ไม่มีจะกิน...






« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-04-2008, 06:50 โดย เล่าปี๋ » บันทึกการเข้า

ขงเบ้งดูดาว เฮอะเอ่อเอ้ย เมื่อดาวตก เสียวในหัวอกเมือเห็นดาว
ไม่พราวไสว  หรือว่าตัวเราจะหมดบุญ จึงเป็นไป
ดาวที่สดใสเมื่อก่อนนั้น  พลันมืดมัว....
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #22 เมื่อ: 03-04-2008, 00:18 »

บันทึกไว้เป็นหลักฐานในกระทู้นะครับ ว่าหลังจากคุณมิ่งประกาศจะแก้ปัญหาข้าวครบวงจรเมื่อสัปดาห์ก่อน
หลังจากนั้นยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น นอกจากออกมาแสดงวิสัยทัศน์เมื่อตอนปลายเดือนว่าชาวนาควรเก็บข้าวไว้
เก็งกำไร โดยบอกว่าข้าวจะราคาถึงตันละ 3 หมื่นบาท (ใครได้ยินก็ต้องคิดว่าหมายถึงชาวนาจะขายข้าวได้
ราคาตันละ 3 หมื่น)

ถัดมาแค่ 2 วัน ก็ออกมากลับลำบอกให้ชาวนารีบขายข้าว เพราะข้าวฤดูกาลใหม่กำลังจะเก็บเกี่ยวออกมา
เกรงว่าเดี๋ยวราคาจะตก แถมผมยังเห็นแกอุตส่าห์มั่วต่อทางทีวีว่าราคาข้าวไปถึง 3 หมื่นตามที่บอกแล้ว

ทั้งที่ราคาที่ไปขึ้นถึง 3 หมื่นมันคือ "ราคาข้าวสาร" ที่ส่งออกไปต่างประเทศ ไม่ไช่ "ราคาข้าวเปลือก"
ที่ชาวนาจะขายได้ และปกติราคาข้าวสารจะสูงกว่าข้าวเปลือกที่น้ำหนักเท่ากันประมาณ 50% อยู่แล้ว

...

แถมนอกเรื่องอีกหน่อยว่ามาตรการข้าวราคาถูกที่ออกมาเอาเข้าจริงก็ถูกไปได้เฉลี่ยแค่กิโลละบาทเดียว
โดยที่คนไทยกินข้าวเพียงประมาณเดือนละ 8 กิโล สรุปว่าประหยัดไปได้เดือนละ 8 บาท
(เฉพาะสำหรับคนที่แย่งซื้อได้สำเร็จ)

ที่สำคัญข้าวราคาประหยัดดังกล่าวก็ออกมาเพียงเดือนละ 1-2 หมื่นถุง ประหยัดได้ถุงละประมาณ 5 บาท
เท่ากับประหยัดได้สูงสุดทั้งโครงการเพียงประมาณ 1 แสนบาทต่อเดือนทั่วประเทศ ไม่ทราบจะทำทำไม
เสียเวลาคิดเปล่าๆ

งานระดับรัฐมนตรีพาณิชย์น่าจะเกิดผลเป็นมูลค่าระดับพันล้านขึ้นไป (ระดับร้อยล้านยังไม่น่าเสียเวลาดู)

และการแสดงวิสัยทัศน์ผิดๆ เรื่องให้ชาวนากักตุนข้าวก็แสดงความไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับข้าว (คุณมิ่งไม่รู้
ว่าต่อให้ชาวนาต้องการเก็บข้าวจริงๆ ก็ไม่มีที่เก็บ)

น่าคิดว่านโยบาย "แก้ปัญหาข้าวทั้งระบบ" ที่จะออกมา จะกลายเป็นการก่อปัญหาทั้งระบบหรือเปล่า 

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
“มิ่ง”กลับหลังหันแก้ข้าว บอกชาวนาให้ขายได้แล้ว
โดย ผู้จัดการรายวัน    1 เมษายน 2551 21:53 น.
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9510000039088

       “มิ่ง ขวัญ”แก้ข้าวเหมือนลิงแก้แห กลับหลังหันบอกชาวนาได้เวลาขายข้าวแล้ว หลังเคยยืนยันอย่าเพิ่งขายข้าว
เพราะราคาจะสูงขึ้นอีก ส่งผลกระทบหนักพ่อค้าปั่นราคาจนป่วนวงการ ขณะที่ครม.ไฟเขียวนำข้าว 5% บรรจุถุงขาย
ให้ประชาชนในราคาทุน ด้านเอกชนชี้ข้าวธงฟ้า เคยทำมาแล้วแต่ถูกสั่งเบรก ส่วนผู้ส่งออกย้ำอีกครั้ง หากรัฐหนุน
ส่งออกเสรี อีก 6 เดือนข้างหน้าเกิดวิกฤตข้าวแน่ คนไทยจะต้องกินข้าวราคาแพง เผลอๆไม่มีข้าวให้กิน
       
       นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุม ครม.เมื่อวานนี้ (1 เม.ย.) ว่า
ที่ประชุมครม.เห็นชอบให้กระทรวงพาณิชย์ นำข้าวสารในสต็อกของรัฐบาล มาทำข้าวสารบรรจุถุงในราคาต้นทุนออกมา
จำหน่ายให้กับผู้บริโภคในประเทศ โดยเป็นข้าวขาว 5% ทยอยออกจำหน่ายเดือนละ 10,000-20,000 ถุง ในราคาต้นทุน
ส่วนรายละเอียดทั้งหมด จะต้องเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการข้าวแห่งชาติหรือ กขช. เห็นชอบภายในเดือนเม.ย.นี้
ก่อนประกาศรายละเอียดต่อไป
       
       นอกจากนี้ขอฝากข้อความและส่งสัญญาณถึงชาวนาว่าได้เวลาขายข้าวออกมา แล้ว เพราะราคาข้าวในตลาดโลก
ขณะนี้อยู่ในระดับสูง โดยราคาข้าวสารในตลาดโลกขณะนี้ ข้าวเปลือกหอมมะลิราคาตันละ 16,000-17,000 บาท
ราคาส่งออกข้าวสารหอมมะลิ ตันละ 30,000 บาท และราคาข้าวเปลือกขาว ตันละ 12,000-13,000 บาท และราคาข้าว
ส่งออก ตันละ 22,500 บาท ส่วนราคาข้าวสารส่งออกของอินเดีย ประเภทข้าวบาสมาติ ราคาตันละ 54,000 บาท
ข้าวอินเดีย ตันละ 22,500 บาท
       
       "ถ้าถามผมว่าราคาข้าวจะขึ้นมากกว่านี้อีกหรือไม่ ผมตอบไม่ได้ แต่ราคาขณะนี้เป็นราคาคุ้มทุน มีกำไร และใน
ประวัติศาสตร์ของชาวนา ข้าวไม่เคยราคาสูงเท่านี้มาก่อน และที่ให้ดูราคาข้าวบาสมาติของอินเดีย ตันละ 54,000 บาท
ก็อย่าไปหวังเลยว่า ราคาข้าวของไทยจะสูงขนาดนั้น ขณะนี้ราคาส่งออกข้าวสารหอมมะลิตันละ 30,000 บาท มาถึงแล้ว
จากที่คิดว่าต้องใช้เวลา 1-3 เดือน แต่เพียง 1 สัปดาห์ ราคานี้ก็มาถึงจึงขอให้ชาวนาขายข้าวออกมาไม่เช่นนั้น ไม่รู้อนาคต
ราคาข้าวต่อไปจะเป็นเช่นใด"
       
       ทั้งนี้ช่วง 1-2 วันที่ผ่านมานายมิ่งขวัญ ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ราคาข้าวยังมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อีก 2-3 เท่า
จากปัจจุบัน เนื่องจากความต้องการซื้อข้าวจากต่างประเทศยังมีอีกมาก และทุกประเทศมุ่งเข้ามาซื้อข้าวจากไทย
หลังจากที่เวียดนาม และอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศผู้ส่งออกข้าวรายสำคัญประกาศงดส่งออกข้าว จึงขอให้เกษตรกรอย่าเพิ่งขาย
       
       "ตอนนี้ราคาข้าวมีค่ามากกว่าทอง ชาวนาอย่าเพิ่งรีบขาย หรือถ้าจะขายก็ให้เลือกราคาที่ตัวเองพอใจ แต่ถ้ามีปัญหา
เรื่องเงินทุน สัปดาห์หน้าผมกำลังจะคุยกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อช่วยเหลือในด้านเงินทุน
ให้กับชาวนา ส่วนพ่อค้า ก็อยากจะบอกว่า อย่าไปกดราคาข้าวชาวนา เพราะราคามันโชว์อยู่ทุกวัน" นายมิ่งขวัญกล่าว
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
Caocao
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 557



« ตอบ #23 เมื่อ: 03-04-2008, 00:40 »

ผมว่าถ้าจะแก้ปัญหาเรื่องข้าวแบบจริงๆจังๆคงต้องเริ่มแก้ที่ต้นเหตุของปัญหา ซึ่งผมพิจารณาแล้วว่าต้นเหตุของปัญหาก็คือตัวเจ๊มิ่งเองนั่นแหละ กับการให้ข่าวแบบเปลี่ยนรายวัน ให้ข่าวแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง งงกับแกจริงๆ
บันทึกการเข้า

หลับเถิดทหารกล้า ปวงประชาจะคุ้มครอง
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #24 เมื่อ: 03-04-2008, 02:58 »

ผมว่าถ้าจะแก้ปัญหาเรื่องข้าวแบบจริงๆจังๆคงต้องเริ่มแก้ที่ต้นเหตุของปัญหา ซึ่งผมพิจารณาแล้วว่าต้นเหตุของปัญหาก็คือตัวเจ๊มิ่งเองนั่นแหละ กับการให้ข่าวแบบเปลี่ยนรายวัน ให้ข่าวแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง งงกับแกจริงๆ

ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ไม่นาน คุณมิ่งแกก็มีเรื่องประกาศห้ามส่งออกลูกหมู
เป็นมาตรการออกมาไล่ๆ กับเรื่องหมูกิโลละ 98 บาท (ป่านนี้ยังขายอยู่ไหม?)

แต่หลังจากนั้นครู่เดียวก็กลับลำ ยกเลิกการห้ามส่งออกลูกหมูหน้าตาเฉย
อ้างว่าขัดกับการค้าเสรี ทั้งที่ตอนแรกก็เป็นคนสั่งเอง

คราวนี้มากลับลำ จากให้ชาวนาสต็อกข้าวกลายเป็นบอกให้เร่งขายข้าวอีก
ทั้งที่ตอนบอกให้สต็อกข้าว ชาวนาก็ไม่มีข้าวเหลือในมือแล้วอีกต่างหาก 

น่าคิดครับว่าปัญหาประเทศไทยอาจอยู่ที่ไม่สามารถหา รมว.พาณิชย์
ที่มีความสามารถมาบริหารประเทศอย่างมีประสิทธิภาพจริงๆ
 
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
Caocao
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 557



« ตอบ #25 เมื่อ: 03-04-2008, 03:50 »

ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ไม่นาน คุณมิ่งแกก็มีเรื่องประกาศห้ามส่งออกลูกหมู
เป็นมาตรการออกมาไล่ๆ กับเรื่องหมูกิโลละ 98 บาท (ป่านนี้ยังขายอยู่ไหม?)

แต่หลังจากนั้นครู่เดียวก็กลับลำ ยกเลิกการห้ามส่งออกลูกหมูหน้าตาเฉย
อ้างว่าขัดกับการค้าเสรี ทั้งที่ตอนแรกก็เป็นคนสั่งเอง

คราวนี้มากลับลำ จากให้ชาวนาสต็อกข้าวกลายเป็นบอกให้เร่งขายข้าวอีก
ทั้งที่ตอนบอกให้สต็อกข้าว ชาวนาก็ไม่มีข้าวเหลือในมือแล้วอีกต่างหาก 

น่าคิดครับว่าปัญหาประเทศไทยอาจอยู่ที่ไม่สามารถหา รมว.พาณิชย์
ที่มีความสามารถมาบริหารประเทศอย่างมีประสิทธิภาพจริงๆ
 

เมื่อ / วันก่อน มีชาวนาท่านหนึ่งออกมาแก้ลำเจ๊มิ่ง ว่าคำพูดเจ๊มันเป็นจริงไม่ได้ เพราะชาวนาไม่สามารถสต๊อกข้าวได้ เพราะไม่มีสถาณที่จัดเก็บ เล่นเอาฮาแตก เห็นชอบพูดประโยคที่ว่า เป็นปีทองของชาวนา นี่ขนดโชคช่วยเวียดนามเจอภัยธรรมชาติ สุดท้ายอยากถามเจ๊ ตกลงรู้รึยังว่าตอนนี้ข้าวมันไปสต๊อกอยู่ที่ใคร ชาวนาจะมีเงินมากขึ้นตามราคาคุยของเจ๊จริงเหรอ
บันทึกการเข้า

หลับเถิดทหารกล้า ปวงประชาจะคุ้มครอง
เล่าปี๋
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,417


ทำดีได้ดีมีไฉน ทำชั่วได้ดีมีถมไป


« ตอบ #26 เมื่อ: 03-04-2008, 07:16 »

บันทึกไว้เป็นหลักฐานในกระทู้นะครับ ว่าหลังจากคุณมิ่งประกาศจะแก้ปัญหาข้าวครบวงจรเมื่อสัปดาห์ก่อน
หลังจากนั้นยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น นอกจากออกมาแสดงวิสัยทัศน์เมื่อตอนปลายเดือนว่าชาวนาควรเก็บข้าวไว้
เก็งกำไร โดยบอกว่าข้าวจะราคาถึงตันละ 3 หมื่นบาท (ใครได้ยินก็ต้องคิดว่าหมายถึงชาวนาจะขายข้าวได้
ราคาตันละ 3 หมื่น)

ถัดมาแค่ 2 วัน ก็ออกมากลับลำบอกให้ชาวนารีบขายข้าว เพราะข้าวฤดูกาลใหม่กำลังจะเก็บเกี่ยวออกมา
เกรงว่าเดี๋ยวราคาจะตก แถมผมยังเห็นแกอุตส่าห์มั่วต่อทางทีวีว่าราคาข้าวไปถึง 3 หมื่นตามที่บอกแล้ว

ทั้งที่ราคาที่ไปขึ้นถึง 3 หมื่นมันคือ "ราคาข้าวสาร" ที่ส่งออกไปต่างประเทศ ไม่ไช่ "ราคาข้าวเปลือก"
ที่ชาวนาจะขายได้ และปกติราคาข้าวสารจะสูงกว่าข้าวเปลือกที่น้ำหนักเท่ากันประมาณ 50% อยู่แล้ว

...

แถมนอกเรื่องอีกหน่อยว่ามาตรการข้าวราคาถูกที่ออกมาเอาเข้าจริงก็ถูกไปได้เฉลี่ยแค่กิโลละบาทเดียว
โดยที่คนไทยกินข้าวเพียงประมาณเดือนละ 8 กิโล สรุปว่าประหยัดไปได้เดือนละ 8 บาท
(เฉพาะสำหรับคนที่แย่งซื้อได้สำเร็จ)

ที่สำคัญข้าวราคาประหยัดดังกล่าวก็ออกมาเพียงเดือนละ 1-2 หมื่นถุง ประหยัดได้ถุงละประมาณ 5 บาท
เท่ากับประหยัดได้สูงสุดทั้งโครงการเพียงประมาณ 1 แสนบาทต่อเดือนทั่วประเทศ ไม่ทราบจะทำทำไม
เสียเวลาคิดเปล่าๆ

งานระดับรัฐมนตรีพาณิชย์น่าจะเกิดผลเป็นมูลค่าระดับพันล้านขึ้นไป (ระดับร้อยล้านยังไม่น่าเสียเวลาดู)

และการแสดงวิสัยทัศน์ผิดๆ เรื่องให้ชาวนากักตุนข้าวก็แสดงความไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับข้าว (คุณมิ่งไม่รู้
ว่าต่อให้ชาวนาต้องการเก็บข้าวจริงๆ ก็ไม่มีที่เก็บ)

น่าคิดว่านโยบาย "แก้ปัญหาข้าวทั้งระบบ" ที่จะออกมา จะกลายเป็นการก่อปัญหาทั้งระบบหรือเปล่า 

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
“มิ่ง”กลับหลังหันแก้ข้าว บอกชาวนาให้ขายได้แล้ว
โดย ผู้จัดการรายวัน    1 เมษายน 2551 21:53 น.
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9510000039088

       “มิ่ง ขวัญ”แก้ข้าวเหมือนลิงแก้แห กลับหลังหันบอกชาวนาได้เวลาขายข้าวแล้ว หลังเคยยืนยันอย่าเพิ่งขายข้าว
เพราะราคาจะสูงขึ้นอีก ส่งผลกระทบหนักพ่อค้าปั่นราคาจนป่วนวงการ ขณะที่ครม.ไฟเขียวนำข้าว 5% บรรจุถุงขาย
ให้ประชาชนในราคาทุน ด้านเอกชนชี้ข้าวธงฟ้า เคยทำมาแล้วแต่ถูกสั่งเบรก ส่วนผู้ส่งออกย้ำอีกครั้ง หากรัฐหนุน
ส่งออกเสรี อีก 6 เดือนข้างหน้าเกิดวิกฤตข้าวแน่ คนไทยจะต้องกินข้าวราคาแพง เผลอๆไม่มีข้าวให้กิน
       
       นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุม ครม.เมื่อวานนี้ (1 เม.ย.) ว่า
ที่ประชุมครม.เห็นชอบให้กระทรวงพาณิชย์ นำข้าวสารในสต็อกของรัฐบาล มาทำข้าวสารบรรจุถุงในราคาต้นทุนออกมา
จำหน่ายให้กับผู้บริโภคในประเทศ โดยเป็นข้าวขาว 5% ทยอยออกจำหน่ายเดือนละ 10,000-20,000 ถุง ในราคาต้นทุน
ส่วนรายละเอียดทั้งหมด จะต้องเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการข้าวแห่งชาติหรือ กขช. เห็นชอบภายในเดือนเม.ย.นี้
ก่อนประกาศรายละเอียดต่อไป
       
       นอกจากนี้ขอฝากข้อความและส่งสัญญาณถึงชาวนาว่าได้เวลาขายข้าวออกมา แล้ว เพราะราคาข้าวในตลาดโลก
ขณะนี้อยู่ในระดับสูง โดยราคาข้าวสารในตลาดโลกขณะนี้ ข้าวเปลือกหอมมะลิราคาตันละ 16,000-17,000 บาท
ราคาส่งออกข้าวสารหอมมะลิ ตันละ 30,000 บาท และราคาข้าวเปลือกขาว ตันละ 12,000-13,000 บาท และราคาข้าว
ส่งออก ตันละ 22,500 บาท ส่วนราคาข้าวสารส่งออกของอินเดีย ประเภทข้าวบาสมาติ ราคาตันละ 54,000 บาท
ข้าวอินเดีย ตันละ 22,500 บาท
       
       "ถ้าถามผมว่าราคาข้าวจะขึ้นมากกว่านี้อีกหรือไม่ ผมตอบไม่ได้ แต่ราคาขณะนี้เป็นราคาคุ้มทุน มีกำไร และใน
ประวัติศาสตร์ของชาวนา ข้าวไม่เคยราคาสูงเท่านี้มาก่อน และที่ให้ดูราคาข้าวบาสมาติของอินเดีย ตันละ 54,000 บาท
ก็อย่าไปหวังเลยว่า ราคาข้าวของไทยจะสูงขนาดนั้น ขณะนี้ราคาส่งออกข้าวสารหอมมะลิตันละ 30,000 บาท มาถึงแล้ว
จากที่คิดว่าต้องใช้เวลา 1-3 เดือน แต่เพียง 1 สัปดาห์ ราคานี้ก็มาถึงจึงขอให้ชาวนาขายข้าวออกมาไม่เช่นนั้น ไม่รู้อนาคต
ราคาข้าวต่อไปจะเป็นเช่นใด"
       
       ทั้งนี้ช่วง 1-2 วันที่ผ่านมานายมิ่งขวัญ ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ราคาข้าวยังมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อีก 2-3 เท่า
จากปัจจุบัน เนื่องจากความต้องการซื้อข้าวจากต่างประเทศยังมีอีกมาก และทุกประเทศมุ่งเข้ามาซื้อข้าวจากไทย
หลังจากที่เวียดนาม และอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศผู้ส่งออกข้าวรายสำคัญประกาศงดส่งออกข้าว จึงขอให้เกษตรกรอย่าเพิ่งขาย
       
       "ตอนนี้ราคาข้าวมีค่ามากกว่าทอง ชาวนาอย่าเพิ่งรีบขาย หรือถ้าจะขายก็ให้เลือกราคาที่ตัวเองพอใจ แต่ถ้ามีปัญหา
เรื่องเงินทุน สัปดาห์หน้าผมกำลังจะคุยกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อช่วยเหลือในด้านเงินทุน
ให้กับชาวนา ส่วนพ่อค้า ก็อยากจะบอกว่า อย่าไปกดราคาข้าวชาวนา เพราะราคามันโชว์อยู่ทุกวัน" นายมิ่งขวัญกล่าว



คุณ  jerasak ครับ ข้อมูลเรื่องราคาสารภายในประเทศ

ขณะนี้ ข้าวหอมมะลิ กก.ละ 34-  35 บาทแล้วครับ.......

ส่วนข้าวเจ้านาปี กก.ละ 29 - 30 บาท...แกลบ(เปลือกข้าว)กก.ละ 1.10-1.20 บาท


ส่วนข้าวใหม่นาปรัง 5 - 15% กก.ละ 20 กว่าบาท ครับ...













« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-04-2008, 07:31 โดย เล่าปี๋ » บันทึกการเข้า

ขงเบ้งดูดาว เฮอะเอ่อเอ้ย เมื่อดาวตก เสียวในหัวอกเมือเห็นดาว
ไม่พราวไสว  หรือว่าตัวเราจะหมดบุญ จึงเป็นไป
ดาวที่สดใสเมื่อก่อนนั้น  พลันมืดมัว....
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #27 เมื่อ: 03-04-2008, 08:18 »


คุณ  jerasak ครับ ข้อมูลเรื่องราคาสารภายในประเทศ

ขณะนี้ ข้าวหอมมะลิ กก.ละ 34-  35 บาทแล้วครับ.......

ส่วนข้าวเจ้านาปี กก.ละ 29 - 30 บาท...แกลบ(เปลือกข้าว)กก.ละ 1.10-1.20 บาท

ส่วนข้าวใหม่นาปรัง 5 - 15% กก.ละ 20 กว่าบาท ครับ...


ขอบคุณครับ คุณเล่าปี๋

ไม่ทราบราคาที่บอกมาเป็นราคาข้าวสาร หรือราคาข้าวเปลือกครับ
พอจะอ้างอิงจากฐานข้อมูลที่ไหนได้บ้าง

เพราะผมดูจากเว็บสมาคมโรงสีข้าวไทย update ถึงวันที่ 2 เมษา 51

http://www.thairicemillers.com/index.php?option=com_content&task=view&id=617&Itemid=53

ราคาข้าวสารหอมมะลิ 100% ชั้น 1 ยังอยู่ที่ กก. ละ 30 บาทเท่านั้น
แต่ไม่มีรายงานเรื่องราคาแกลบจากสมาคมโรงสีข้าวไทยนะครับ

------------------------------------------------------------------------------------------
ราคาข้าวเปลือกของแต่ละจังหวัดประจำวัน  พุธ  ที่  2  เมษายน  2551

เพชรบุรี   ข้าวนาปรัง(ความชื้น 14% ใหม่ ) 12,000-13,000 บาท, (ความชื้น 25% ใหม่ ) 10,000-11,500 บาท
เชียงใหม่   ข้าวเหนียว(กข.6) 10,500 บาท,ข้าวหอมมะลิ(ใหม่) 15,000-15,500 บาท
พิจิตร      ข้าวนาปรัง 5%(ความชื้น 25%) 11,200 บาท
อุดรธานี   ข้าวเหนียว(กข.6) 11,500 บาท,(คละ) 11,000 บาท,ข้าวหอมมะลิ(ใหม่ 18%)16,000 บาท
อุบลราชธานี   ข้าวหอมมะลิ 17,000 บาท
นครราชสีมา   ข้าวเจ้า(นาปี) 13,000 บาท,ข้าวหอมมะลิ(ใหม่) 18,000  บาท
บุรีรัมย์   ข้าวหอมมะลิ(ใหม่) 16,500 บาท
สิงห์บุรี   ข้าวสุพรรณ 1 (ความชื้น 15%) 12,500 บาท,ข้าวหอมปทุมธานี 13,500 บาท
ตลาดกลาง ธ.ก.ส. ขอนแก่น   ข้าวหอมมะลิ(ใหม่) 16,800-18,000 บาท,ข้าวเหนียว(เมล็ดยาวใหม่) 10,900-12,000 บาท,
ข้าวเหนียว(เมล็ดสั้นใหม่) 9,500-11,000 บาท

------------------------------------------------------------------------------------------

ถ้าราคาที่อ้างอิงมาคือราคาข้าวสาร ก็ไม่ใช่ราคาข้าวเปลือกที่ชาวนาขายได้

แต่ถ้าราคาที่คุณเล่าปีอ้างอิงเป็นราคาข้าวเปลือกจริงๆ ก็เท่ากับว่าสีออกมา
จะได้ข้าวสารหอมมะลิราคาเกินลิตรละ 50 บาทนะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-04-2008, 08:21 โดย jerasak » บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
เล่าปี๋
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,417


ทำดีได้ดีมีไฉน ทำชั่วได้ดีมีถมไป


« ตอบ #28 เมื่อ: 03-04-2008, 19:25 »

ขอบคุณครับ คุณเล่าปี๋

ไม่ทราบราคาที่บอกมาเป็นราคาข้าวสาร หรือราคาข้าวเปลือกครับ
พอจะอ้างอิงจากฐานข้อมูลที่ไหนได้บ้าง

เพราะผมดูจากเว็บสมาคมโรงสีข้าวไทย update ถึงวันที่ 2 เมษา 51

http://www.thairicemillers.com/index.php?option=com_content&task=view&id=617&Itemid=53

ราคาข้าวสารหอมมะลิ 100% ชั้น 1 ยังอยู่ที่ กก. ละ 30 บาทเท่านั้น
แต่ไม่มีรายงานเรื่องราคาแกลบจากสมาคมโรงสีข้าวไทยนะครับ

------------------------------------------------------------------------------------------
ราคาข้าวเปลือกของแต่ละจังหวัดประจำวัน  พุธ  ที่  2  เมษายน  2551

เพชรบุรี   ข้าวนาปรัง(ความชื้น 14% ใหม่ ) 12,000-13,000 บาท, (ความชื้น 25% ใหม่ ) 10,000-11,500 บาท
เชียงใหม่   ข้าวเหนียว(กข.6) 10,500 บาท,ข้าวหอมมะลิ(ใหม่) 15,000-15,500 บาท
พิจิตร      ข้าวนาปรัง 5%(ความชื้น 25%) 11,200 บาท
อุดรธานี   ข้าวเหนียว(กข.6) 11,500 บาท,(คละ) 11,000 บาท,ข้าวหอมมะลิ(ใหม่ 18%)16,000 บาท
อุบลราชธานี   ข้าวหอมมะลิ 17,000 บาท
นครราชสีมา   ข้าวเจ้า(นาปี) 13,000 บาท,ข้าวหอมมะลิ(ใหม่) 18,000  บาท
บุรีรัมย์   ข้าวหอมมะลิ(ใหม่) 16,500 บาท
สิงห์บุรี   ข้าวสุพรรณ 1 (ความชื้น 15%) 12,500 บาท,ข้าวหอมปทุมธานี 13,500 บาท
ตลาดกลาง ธ.ก.ส. ขอนแก่น   ข้าวหอมมะลิ(ใหม่) 16,800-18,000 บาท,ข้าวเหนียว(เมล็ดยาวใหม่) 10,900-12,000 บาท,
ข้าวเหนียว(เมล็ดสั้นใหม่) 9,500-11,000 บาท

------------------------------------------------------------------------------------------

ถ้าราคาที่อ้างอิงมาคือราคาข้าวสาร ก็ไม่ใช่ราคาข้าวเปลือกที่ชาวนาขายได้

แต่ถ้าราคาที่คุณเล่าปีอ้างอิงเป็นราคาข้าวเปลือกจริงๆ ก็เท่ากับว่าสีออกมา
จะได้ข้าวสารหอมมะลิราคาเกินลิตรละ 50 บาทนะครับ




ต้องขอโทษคุณ jerasakและสมาชิกเสรีไทยครับ ผมพิมพ์ตกคำว่า ข้าว


ส่วนเรื่องอ้างอิง  ผมนำมาจากร้านขายส่งข้าวสาร


และโรงสีใกล้ๆบ้านครับ  ส่วนข้าวเปลือกเจ้าหอมปทุม(ชัยนาท,สิงห์บุรี,สุพรรณบุรี,อ่างทอง)


ความชื้น 25 % ขึ้นไป เรียกว่าเกี่ยวสดๆจากในนาข้าว


ราคาวันนี้(3 เม.ย)อยู่ที่  11,500 บาทถึง 12,000 บาท/ตันครับ


ราคาข้าวเปลือกหอมปทุม  ผมเช็คข่าวจากเพื่อนๆในวงการค้าข้าวเปลือกครับ


ส่วนราคาข้าวเปลือกเจ้าชนิดธรรมดา  เช่น ชัยนาท 1  สุพรรณ 1,2,3


ไม่ทราบราคาครับ  แต่ก่อนหน้า 2 -3วัน ราคาอยู่ที่ระดับใกล้เคียงกัน


เรื่องราคาข้าวสารนั้น อ่าน นสพ.ไทยรัฐ หน้าข่าวเศรษฐกิจ ก็มี แต่ราคา


จะล่าช้ากว่าประมาณ 1-2 วันครับผม...



 
 






« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-04-2008, 19:35 โดย เล่าปี๋ » บันทึกการเข้า

ขงเบ้งดูดาว เฮอะเอ่อเอ้ย เมื่อดาวตก เสียวในหัวอกเมือเห็นดาว
ไม่พราวไสว  หรือว่าตัวเราจะหมดบุญ จึงเป็นไป
ดาวที่สดใสเมื่อก่อนนั้น  พลันมืดมัว....
เล่าปี๋
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,417


ทำดีได้ดีมีไฉน ทำชั่วได้ดีมีถมไป


« ตอบ #29 เมื่อ: 03-04-2008, 19:49 »



คุณ jerasak ครับ ราคาข้าวของสมาคมโรงสีข้าวไทยนั้น

ราคารำข้าวขาว อยู่ที่ กก.ละ 10 บาท เอ...ทำไมราคาของสมาคม

แจ้ง อ่านแล้วน่าจะผิดครับ ส่วนราคา รำข้าวนึ่ง ผมไม่ทราบนะ

ระยะช่วงนี้ ข้าวนึ่ง ทางประเทศในแถบ ดูไบ ฯ ต้องการกันมาก

จึงส่งผลให้  ราคาข้าวสารเจ้า ทั้ง 100% 5% 15% ราคา

ไม่หนีห่างกันมาก อย่างเก่งราคา ต่อ 100 กก. ต่างกันแค่ 5-20 บาท

ทำให้ราคาปลายข้าว ทุกๆชนิดแพงตามไปด้วยครับ....
 







บันทึกการเข้า

ขงเบ้งดูดาว เฮอะเอ่อเอ้ย เมื่อดาวตก เสียวในหัวอกเมือเห็นดาว
ไม่พราวไสว  หรือว่าตัวเราจะหมดบุญ จึงเป็นไป
ดาวที่สดใสเมื่อก่อนนั้น  พลันมืดมัว....
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #30 เมื่อ: 03-04-2008, 23:07 »


คุณ jerasak ครับ ราคาข้าวของสมาคมโรงสีข้าวไทยนั้น

ราคารำข้าวขาว อยู่ที่ กก.ละ 10 บาท เอ...ทำไมราคาของสมาคม

แจ้ง อ่านแล้วน่าจะผิดครับ ส่วนราคา รำข้าวนึ่ง ผมไม่ทราบนะ

ระยะช่วงนี้ ข้าวนึ่ง ทางประเทศในแถบ ดูไบ ฯ ต้องการกันมาก

จึงส่งผลให้  ราคาข้าวสารเจ้า ทั้ง 100% 5% 15% ราคา

ไม่หนีห่างกันมาก อย่างเก่งราคา ต่อ 100 กก. ต่างกันแค่ 5-20 บาท

ทำให้ราคาปลายข้าว ทุกๆชนิดแพงตามไปด้วยครับ....
 

ราคาแต่ละแห่งคงจะไม่เท่ากันกระมังครับ หรืออาจลงข้อมูลผิดจริงก็ได้
ไม่รู้ว่าสมาคมโรงสีเอาข้อมูลมาจากไหนนะครับ

ประเทศไทยเรายังขาดแหล่งข้อมูลสาธารณะในอินเตอร์เน็ตที่ใช้งานได้จริง
ที่ทำดีๆ ก็ต้องจ่ายเงินซื้อ ทั้งที่น่าจะเป็นข้อมูลพื้นฐานของประเทศ

อย่างของสมาคมโรงสียังดีที่ฟรีและมีการ Update ข้อมูลทุกวัน

...

อีกแห่งที่รายงานราคาพืชผลเกษตรเป็นรายวัน
ก็คือ ตลาดกลางสินค้าเกษตรแห่งประเทศไทย
(แต่ถ้าจะดูรายละเอียดจริงๆ ก็ต้องจ่ายเงินครับ)

---------------------------------------------------------------------------------------
ราคาสินค้าการเกษตร ตลาดกลางสินค้าเกษตรแห่งประเทศไทย
http://www.talaadthai.com/price/

วันที่ 3 เมษายน 2551
ข้าวแข็ง ราคาขายส่งต่อกิโลกรัม       ต่ำสุด  18 บาท   สูงสุด  22 บาท
ข้าวหอมมะลิ ราคาขายส่งต่อกิโลกรัม  ต่ำสุด  22 บาท   สูงสุด  27 บาท
ข้าวเหนียว ราคาขายส่งต่อกิโลกรัม    ต่ำสุด  19 บาท   สูงสุด  21 บาท

---------------------------------------------------------------------------------------

ส่วนราคาส่งออกข้าวผมยังหาที่ดูดีๆ ไม่ได้ มีแต่ที่แยกเป็นรายเดือน
ของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เป็นไฟล์ excel ครับ

ตอนนี้เพิ่งถึงเดือนกุมภาพันธ์ 51 ข้อมูลย้อนหลังไปถึงปี 2545 นะครับ
(เว็บนี้ผมพบว่าบางทีลงข้อมูลในตาราง excel ผิดก็มี)

ข้อมูลปริมาณและมูลค่าการส่งออกข้าว
http://www.oae.go.th/statistic/export/1301RI.xls

ข้อมูลปริมาณและมูลค่าการส่งออกข้าวหอมมะลิ
http://www.oae.go.th/statistic/export/1301MA.xls

ข้อมูลปริมาณและมูลค่าการส่งออกข้าวหอมปทุมธานี
http://www.oae.go.th/statistic/export/Exrpt.xls
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-04-2008, 06:27 โดย jerasak » บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #31 เมื่อ: 04-04-2008, 19:47 »

ไปกันคนละทางอีกแล้ว นายกฯ สมัคร บอกว่าที่คุณมิ่งจะทำข้าวถุงราคาถูกขายคงไม่ต้องทำ
แถมบอกว่าให้ชาวนาขายข้าวได้ราคาบ้าง เรื่องนี้สอดคล้องกับที่่คุณธนินทร์พูดพอดี

พร้อมกันนี้คุณสมัครยังบอกว่าการตีข่าวเรื่องราคาขายแพงสร้างกระแสตระหนกมากเกินไปด้วย
แบบนี้ที่คุณมิ่งแกกำลังทำข้าวถุงราคาถูก (นิดหน่อย) มาขายก็ขัดกับความเห็นผู้นำรัฐบาล 

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
'สมัคร'ย้ำรัฐบาลมีข้าว2ล้าน รับรองคนไทยไม่อดข้าว
4 เมษายน พ.ศ. 2551 16:54:00

นายกฯเผยเหตุตีข่าวข้าวแพงสร้างกระแสตระหนกเกินไปคนแห่ซื้อเพิ่ม ยันรัฐบาลมีข้าวสำรอง2ล้านตัน
ชาวบ้านไม่อดแน่ ยกน้ำตาลทรายเคยโอดจะเป็นจะตาย 12บาทขึ้นเป็น20บาทต่อก.ก.ยังซื้อได้

กรุงเทพ ธุรกิจออนไลน์ : ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม
กล่าวถึงปัญหาข้าวสารขาดตลาดทำให้ราคาแพงว่า ข่าวที่ออกมาตื่นเต้นกันเกินไป ประชาชนก็ซื้อเพิ่ม
มากขึ้นกว่าเดิมที่เคยซื้อ เพราะกลัวว่าจะไม่มีข้าวกิน ทั้งๆ ที่ผลผลิตข้าวมีออกมาตลอด 2 วันก็ออกมาอีกแล้ว

ประเทศไทยปลูกข้าว 3- 4 เดือน ก็ได้ผลผลิตแล้ว เพราะฉะนั้นคงไม่มีทางที่คนไทยจะอดข้าว แต่ต่อไป
เมื่อข้าวขายดี ชาวนาก็จะเดือดร้อน เพราะมีบริษัทมาแย่งชาวนาปลูกข้าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าประชาชนไม่ต้องกักตุนข้าวใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีแน่นอน มีทั้ง
ข้าวเก่าและใหม่ด้วย ซึ่งการที่นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ จะเอาข้าวใส่ถุง
ไปขายลดราคานั้น คงไม่ต้องทำเช่นนั้น เพราะแม้ข้าวจะมีราคาแพงขึ้นบ้าง แต่ประชาชนก็ซื้อได้ ให้ชาวนา
ได้ราคาบ้าง
แต่เมื่อขณะนี้ข้าวออกมาจากชาวนาแล้ว เราก็รออุดหนุนข้าวใหม่

ต่อข้อถามว่า ถ้าประชาชนเดือดร้อนกับข้าวที่มีราคาแพงขึ้น จะแก้ปัญหาอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า
สมมุติถ้าข้าวเพิ่มขึ้นถุงละประมาณ 17 บาท 50 สตางค์ แล้วไม่มีข้าวขายเลย ราคา 200 ก็ซื้อ น้ำตาลทราย
เมื่อก่อนราคากิโลกรัมละ 12 บาท พอขึ้นไปราคา 14 บาท ก็บอกว่าจะเป็นจะตาย วันนี้ราคากิโลกรัมละ 20
ก็ซื้อกันหน้าตาเฉย ตนไม่ได้เข้าข้างใคร แต่ตัวเลขจริงไม่มีจะพูดจาอะไรคงไม่ได้ รู้แต่เพียงว่าเป็นเรื่องอุปสงค์
อุปทาน ซึ่งเป็นเพียงช่วงจังหวะเดียวเท่านั้น

"เป็นเพราะข่าวที่ออกมา คือถ้าคนไม่ไปซื้อมันก็ยังมีข้าวอยู่เยอะ แต่ข่าวออกมาตรงไหนหมดก็ไปถ่ายรูปออกมา
ผมไม่รู้สึกวิตก เพราะมีข้าวอยู่ 2 ล้านกว่าตัน ไม่มีใครอดและเป็นของรัฐบาลด้วย" นายสมัคร กล่าว
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
เล่าปี๋
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,417


ทำดีได้ดีมีไฉน ทำชั่วได้ดีมีถมไป


« ตอบ #32 เมื่อ: 04-04-2008, 21:17 »



 ขอขอบคุณคุณ jerasak สำหรับลิ้งค์ 3 เว็บ เรื่องข้อมูลเรื่องปริมาณการส่งออก ฯ ครับ


บันทึกการเข้า

ขงเบ้งดูดาว เฮอะเอ่อเอ้ย เมื่อดาวตก เสียวในหัวอกเมือเห็นดาว
ไม่พราวไสว  หรือว่าตัวเราจะหมดบุญ จึงเป็นไป
ดาวที่สดใสเมื่อก่อนนั้น  พลันมืดมัว....
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #33 เมื่อ: 06-04-2008, 01:43 »

คุณมิ่งกลับลำอีกแล้วครับ.. ประกาศเลิกนโยบายทำข้าวถุงราคาถูกออกมาขาย
เพราะเพิ่งรู้ว่าจะมีข้าวล็อตใหม่เข้าสู่ตลาดตามฤดูเก็บเกี่ยว (และตามที่ผมคำนวณ
ถ้าทำข้าวถุงราคาถูกมาขายก็ประหยัดได้แค่โลละบาท หรือเดือนละ 10 บาท/คน
ช่วยประหยัดได้แค่นี้เอาเวลาไปทำนโยบายอย่างอื่นดีกว่า)
สรุปว่าเป็นการหน้าแตกอีกครั้งในการออกนโยบายผิดพลาดของ รมว.พาณิชย์ คนนี้ 

...

ส่วนข้อสรุปจากที่ประชุมในการลดการขายข้าวล่วงหน้า และจะขายเมื่อมีสต็อก
อยู่ในมือแล้วเท่านั้น ผมเชื่อว่าน่าจะเป็นแนวทางที่ได้ตัดสินใจกันมาแล้วของ
กลุ่มผู้ส่งออกข้าวมากกว่า ไม่น่าจะมาจากไอเดียนักการตลาดอย่างคุณมิ่งขวัญ

เพราะแค่ระยะเวลาสั้นๆ ที่ผ่านมา ก็เห็นแล้วว่าคุณมิ่งไม่ได้เข้าใจเรื่องข้าวเลย
และตามที่ตั้งหัวกระทู้ไว้ว่าประเทศไทยมี ยุทธศาสตร์ข้าว มาตั้งแต่ปี 2550

แค่ทำตามนั้นให้เต็มที่ก็ดีมากแล้ว สงสัยไม่มีใครไปบอกคุณมิ่งกระมัง 

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
'มิ่งขวัญ'สต็อก2.1ล.ตันเลิกจุข้าวถุง-ยกออเดอร์ล่วงหน้า
5 เมษายน พ.ศ. 2551 19:40:00
http://www.bangkokbiznews.com/2008/04/05/WW10_WW10_news.php?newsid=246016

รมว.พาณิชย์ ถก13สมาคมกำหนดยุทธศาสตร์ข้าว เลิกจุข้าวถุงพาณิชย์ สต็อก2.1ล้านตันกินในประเทศ
รอข้าวนาปรัง6.5ล้านตันสู่ตลาด พร้อมยกเลิกออเดอร์ล่วงหน้า ลดเสี่ยงราคาผันผวน

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุม
ยุทธศาสตร์ตลาดข้าวไทย ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนจาก 13 สมาคมผู้เกี่ยวข้องตลาดข้าว นานกว่า 7 ชั่วโมง

โดยเขาระบุว่า ที่ระชุมได้ร่วมกันในการกำหนดยุทธศาสตร์การค้าข้าวไทยให้ได้ประโยชน์ตั้งแต่ ชาวนาจนถึง
ผู้ส่งออกให้สามารถส่งออกได้ราคาดีตามราคาตลาดโลกที่พุ่งสูงขึ้น อย่างต่อเนื่อง โดยผู้ส่งออกจะต้องปรับระบบ
การค้าด้วยการงดรับคำสั่งซื้อ และกำหนดราคาล่วงหน้า เพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านราคาผันผวน โดยจะรับออเดอร์
เฉพาะมีสินค้าอยู่ในมือก่อนจึงจะกำหนดราคาและส่งออกไปยัง ตลาดต่างประเทศ

ด้าน นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ กล่าวว่า การปรับระบบด้วยการไม่รับ
คำสั่งซื้อล่วงหน้าจะทำให้ผู้ประกอบการขาดทุนน้อย ลง และส่งออกได้ราคาที่เหมาะสมมากขึ้น

ขณะที่ รมว.พาณิชย์ ยังเปิดเผยอีกว่า ภาวะปริมาณข้าวยังมีเพียงพอต่อการบริโภคภายในประเทศอย่าง แน่นอน
แต่เพื่อเป็นการป้องกันการขาดแคลนในอนาคต กระทรวงพาณิชย์จะยังไม่นำข้าวในสต๊อกของรัฐบาลจำนวน
2.1 ล้านตันไปทำข้าวถุงจำหน่าย

แต่จะเก็บสต็อกไว้สำรองภายในประเทศ เนื่องจากเห็นว่าขณะนี้ข้าวเปลือกนาปรังฤดูกาลใหม่กำลังจะออกสู่ตลาด
อีกกว่า 6.5 ล้านตัน ซึ่งจะทำให้ความร้อนแรงของราคาข้าวถุงในประเทศลดลง

ด้าน นายสมฤกษ์ ตั้งพิรุฬธรรม นายกสมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทยกล่าวว่า ยืนยันจะมีข้าวถุงออกจำหน่าย
อย่างเพียงพอแน่นอน แต่ที่พบมีการขาดแคลนก่อนหน้านี้ เป็นเพราะมีการซื้อกักตุน เนื่องจากเกรงจะมีความขาดแคลน
ซึ่งมั่นใจว่าเป็นเพียงระยะสั้นเท่านั้น
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-04-2008, 01:56 โดย jerasak » บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #34 เมื่อ: 06-04-2008, 06:37 »

สำหรับท่านที่สนใจว่าเกิดความปั่นป่วนในระบบตลาดข้าวของไทยอย่างไรบ้าง
หลังจากคุณมิ่งออกมาทำนายเรื่องข้าวราคาตันละ 3 หมื่นเมื่อปลายเดือนก่อน
ก็ลองตามไปอ่านบทความของประชาชาติธุรกิจได้นะครับ 

http://www.matichon.co.th/prachachat/prachachat_detail.php?s_tag=02p0102030451&day=2008-04-03&sectionid=0201

------------------------------------------------------------------------------------------------
โวย"มิ่งขวัญ"ทำป่วนข้าวขาดตลาด ยักษ์ส่งออกถอดใจ-ข้าวถุงจ่อ200บ.
วันที่ 03 เมษายน พ.ศ. 2551 ปีที่ 31 ฉบับที่ 3989 (3189)

วง การข้าวป่วน เกิดวิกฤตข้าวหายไปจากตลาด หลัง "มิ่งขวัญ" ประกาศข้าว 30,000 บาทต่อตัน
โรงสีเหน็บ "มิ่งขวัญ" เข้าใจผิด ราคาข้าวสารไม่ใช่ข้าวเปลือก ด้านผู้ส่งออกหยุดส่งออกข้าวแล้ว
เตรียมหารือพาณิชย์กำหนดเพดานราคาแก้ปัญหาทั้งระบบ ผู้ผลิตข้าวถุงคาด ข้าวถุง 5 ก.ก. 200 บาท
ด้าน "มิ่งขวัญ" กลับลำส่งสัญญาณให้ชาวนาขายข้าวได้แล้ว

ในช่วงสัปดาห์ที่ ผ่านมา เกิดปรากฏ การณ์สำคัญอีกครั้งกับราคาข้าวของไทย หลังจากนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประกาศว่า ราคาข้าวจะทุบสถิติพุ่งไปถึง 30,000 บาทต่อตัน
ส่งผลให้ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิปรับตัวสูงขึ้นมาก จากช่วงต้นเดือนมีนาคมอยู่ที่ 13,000 บาทต่อเกวียน
พุ่งขึ้นเป็น 17,000 บาทต่อเกวียนในวันที่ 31 มีนาคม

อย่างไรก็ตาม แม้จะดูเหมือนเป็นข่าวดีที่ราคาข้าวพุ่งอย่างต่อเนื่อง แต่เหตุการณ์กลับกลายเป็นตรงกันข้าม
คำพูดของมิ่งขวัญกลับทำให้เกิดปรากฏการณ์ "ข้าวหายไปจากตลาด" ชาวนาไม่ขายข้าวให้โรงสี โดยอ้างว่า
โรงสีซื้อข้าวไปหมดแล้ว ขณะที่โรงสีอ้างว่าหาซื้อข้าวไม่ได้ จึงไม่สามารถขายข้าวให้หยง และทำให้ผู้ส่งออก
ไม่สามารถซื้อข้าวไปส่งออกได้ ทั้งที่ช่วงนี้เป็นช่วงที่ข้าวนาปรังกำลังออกจากท้องตลาด แต่ทุกคนที่เกี่ยวข้อง
ในวงการค้าข้าวกลับเก็บสต๊อกข้าวเพื่อรอวันที่ข้าวจะ ราคาพุ่งไปถึง 30,000 บาทต่อตัน

(..มีต่ออีกยาวที่เว็บประชาชาติธุรกิจ..)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-04-2008, 06:39 โดย jerasak » บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
สมชายสายชม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,048


« ตอบ #35 เมื่อ: 06-04-2008, 11:12 »

น่าจะมีคนหาข้อมูลว่า ถ้าผู้บริโภคซื้อข้าวสารราคา 100 บาท

ชาวนา, โรงสี, ผู้บรรจุถุง ร้านค้าปลีก ผู้ส่งห้างค้าปลีก, ห้างค้าปลีก, เป็นทอดๆ

หลังจากหักค่าใช้จ่ายแล้ว แต่ละทอดจะได้กำไรสุทธิกี่บาท

...
บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #36 เมื่อ: 06-04-2008, 11:26 »

สมัครนั่นแหละ รู้เรื่องข้าวดีที่สุดคนหนึ่งในเมืองไทย เพราะเคยทำข้าวถุงประชากรไทยออกขายมาก่อน

ข้าวถุงธงฟ้า ก็มาแนวเดียวกับสมัคร

งานนี้จะว่าไปสมัครไม่อยากแทรกแซงมากกว่า เพราะราคาข้าวสูงอยู่แล้ว

ข้าวในประเทศก็ยังพอเพียงสำหรับการบริโภค
บันทึกการเข้า

jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #37 เมื่อ: 07-04-2008, 20:40 »


 ขอขอบคุณคุณ jerasak สำหรับลิ้งค์ 3 เว็บ เรื่องข้อมูลเรื่องปริมาณการส่งออก ฯ ครับ

ไปเจอแหล่งข้อมูลดีๆ แล้วครับ.. 

ลิงค์ราคาขายส่งข้าว ผลิตภัณฑ์ และกระสอบป่าน - กรมการค้าภายใน
ดูราคาย้อนหลังเป็นรายวันได้ถึง 1 ปี นะครับ

http://www.dit.go.th/contentdetail.asp?TypeID=4&catid=134&id=960

ลิงค์ติดตามข้อมูล เดือนเมษายน-สิงหาคม 2551
http://www.dit.go.th/Rice_Product_Bag/April_August51.htm

มีข้อมูลทั้งราคาขายส่ง-ขายปลีกข้าวสาร และราคาข้าวเปลือกหลายจังหวัด
ล่าสุดเป็นข้อมูลวันที่ 31 มีนาคม - 4 เมษายน 2551 เปรียบเทียบราคาสูงต่ำ
สัปดาห์ก่อน และย้อนหลังทั้งสัปดาห์เอาไว้ด้วยครับ

http://www.dit.go.th/Rice_Product_Bag/2551/040451.pdf
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #38 เมื่อ: 12-04-2008, 08:49 »

เข้ามาบันทึก วาทะคุณมิ่ง ไว้เป็นหลักฐาน "ระบบการทำนาจะเปลี่ยนไปต่อไปชาวนาจะเป็นผู้กำหนดราคาขายได้มากขึ้น"
คุณมิ่งคิดไปถึงว่าต่อไปชาวนาจะเป็นผู้กำหนดราคาขายได้มากขึ้น ทั้งที่สถานการณ์ราคาข้าวในตอนนี้
เป็นสถานการณ์ชั่วคราวจากที่ประเทศผู้ส่งออกอื่นๆ มีปัญหาในการส่งออก ไม่ใช่เพราะไทยมีอะไรดีขึ้น

ในความเป็นจริงประเทศคู่แข่งของเราอย่างเวียดนามมีศักยภาพในการปลูกข้าวถึง 7 รอบในทุก 2 ปี
ด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่าประเทศไทยอย่างเทียบกันไม่ได้  ในขณะที่การผลิตข้าวกลุ่มคุณภาพต่ำของไทย
ที่มีปัญหาราคาตกต่ำมาตลอด เป็นข้าวกลุ่มเดียวกับเวียดนาม ที่ราคามันตกต่ำเพราะเราต้องขายแข่ง
กับคู่แข่งที่ต้นทุนถูกกว่า ถ้าไม่มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงพอเวียดนามกลับมาได้สภาพก็จะเหมือนเดิม

..และถ้าเราระดมผลิตข้าวออกไปชนกับล็อตใหม่ของเวียดนาม ตอนนั้นอาจเกิดอะไรขึ้นก็ได้..

ปัญหาเฉพาะหน้าก็คือจะหาน้ำที่ไหนมาให้พอปลูกข้าวมากๆ เมล็ดพันธุ์ก็ไม่พอ และยังมีปัญหาเพลี้ยอีก

...

ในส่วนของราคาข้าวที่คุณมิ่งบอกว่า เฉลี่ยแล้วคน จะกินข้าวมื้อละ ไม่เกิน 2.90 บาท นั้น
แสดงว่าคุณมิ่งคิดเอาว่าทุกคนหุงข้าวกินเอง ทั้งที่ราคาข้าวในร้านข้าวแกง 1 จานตอนนี้ไม่ต่ำกว่า 5 บาท
ตัวเลขที่พูดออกมาเป็นต้นทุนข้าวสารของร้านข้าวแกง แต่อย่างน้อยๆ คุณมิ่งก็ยอมรับออกมาแล้วว่าคิดผิด
เรืองจะทำข้าวธงฟ้าราคาถูก คงจะรู้แล้วว่าทำให้ถูกขนาดไหนก็ประหยัดไปได้แค่คนละ 10-20 บาท/เดือน
เอาเวลาไปลดค่าใช้จ่ายเรื่องอื่น หรือเพิ่มรายได้ให้ประชาชนดีกว่า
ตอนนี้ยังรอดูการ "แก้ปัญหาข้าวทั้งระบบ" เพราะไม่ใช่ทุกอย่างดีไม่้ต้องทำอะไรแล้วนะครับ 

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
'แจ๋ว'เก็บกระเป๋ากลับท้องนา
วันที่ 11 เมษายน 2551 เวลา 08:48 น
http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=160442&NewsType=1&Template=1

สินค้าเกษตรราคาดีเลิกทำงานรับใช้ผู้ส่งออกข้าวจ่ายชดเชยฉีกสัญญาทิ้ง

นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า แนวโน้มผู้ใช้แรงงานภาคเกษตรที่ย้ายมาทำงานในเมือง
โดยเฉพาะอาชีพคนรับใช้ มีโอกาสย้ายกลับบ้านเกิดทำอาชีพเกษตรกรเพิ่มขึ้น เพราะขณะนี้ราคาผลผลิตเกษตรมีราคาสูงต่อเนื่อง
โดยเฉพาะข้าวทำให้คนสนใจกลับไปทำนา โดยปัจจุบันราคาข้าวในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้นมาก วันที่ 10 เม.ย. 51 ข้าวหอมมะลิส่งออก
ตันละ 34,000-36,000 บาท ข้าวเจ้าส่งออกตันละ 26,400-26,700 บาท

“ระบบการทำนาจะเปลี่ยนไปต่อไปชาวนาจะเป็นผู้กำหนดราคาขายได้มากขึ้น พ่อแม่ที่กำลังทำนาอยู่ต่างจังหวัดก็จะเรียกลูก
ที่ขายแรงงานในเมืองกลับไป ช่วยทำนา เพราะมีรายได้ดี ประชากรทั่วประเทศเป็นชาวนาถึง 20 ล้านคน และจากภาวะราคาข้าวที่สูง
อาจทำให้คนงานในเมืองลด เพราะคนงานในบ้าน คนรับใช้ หรือรับจ้างในโรงงานอุตสาหกรรม หันกลับสู่แรงงานภาคเกษตร
ซึ่งเวลานี้ผมได้ยินเพื่อนผมเริ่มบ่นแล้วว่า คนรับใช้ขอลาออกเพื่อกลับบ้านไปทำนา”

สำหรับปัญหาข้าวรัฐบาลดูแลอย่างเต็มที่ ทั้งเรื่องปริมาณให้เพียงพอต่อความต้องการและไม่ให้ราคาแพงเกินไป และขอยืนยันว่า
ไม่มีความจำเป็นต้องนำข้าวในสต๊อกรัฐบาล 2.1 ล้านตัน ออกมาทำข้าวถุงราคาถูกจำหน่าย เพราะเฉลี่ยแล้วคน จะกินข้าวมื้อละ
ไม่เกิน 2.90 บาท
โดยรัฐขอเก็บไว้สำรองป้องกันการขาดแคลน เพราะอนาคตยังไม่แน่นอน ราคาข้าวยังมีโอกาสปรับขึ้นต่อได้
จึงไม่อยากเห็นความวุ่นวายเรื่องข้าวเหมือนในหลายประเทศที่เกิดขึ้น
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
Solidus
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,381



« ตอบ #39 เมื่อ: 13-04-2008, 16:39 »

นายกฯ ระบุต่างชาติปฏิเสธสั่งซื้อข้าวไทยเพราะปั่นราคา [13 เม.ย. 51 - 14:20]


นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวผ่านรายการ “สนทนาประสาสมัคร” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงและสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที เครือข่ายกรมประชาสัมพันธ์ ถึงเทศกาลสงกรานต์ วันนี้ (13 เม.ย.) ว่า ขณะนี้ต่างประเทศปฎิเสธไม่ซื้อข้าวจากประเทศไทย โดยกล่าวหาว่าประเทศไทยปั่นราคา หลังจากที่สื่อได้เสนอข่าวตอกย้ำถึงราคาที่ระบุว่าปัจจุบันสูงมากๆ ส่งผลให้ดูว่าข้าวไทยมีราคาที่สูง แต่หากพิจารณาตามความเป็นจริงราคาข้าวก็ไม่ได้แพงเกินไปกว่าเหตุ
 
นายก รัฐมนตรี กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ปัญหาราคาข้าวแพงนั้น แม้ว่าขณะนี้จะดูเหมือนว่าข้าวมีราคาสูงแต่ก็ยังอยู่ในวิสัยที่ซื้อได้ ซึ่งเป็นการเพิ่มรายได้ให้แก่ชาวนา ขณะเดียวกันรัฐบาลก็มีความคิดที่จะหาทางเพิ่มรายได้ให้แก่ประชาชน เพื่อให้มีรายรับพอๆ กับรายจ่ายและจะดำเนินการในอนาคต
บันทึกการเข้า
เล่าปี๋
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,417


ทำดีได้ดีมีไฉน ทำชั่วได้ดีมีถมไป


« ตอบ #40 เมื่อ: 13-04-2008, 16:51 »

ไปเจอแหล่งข้อมูลดีๆ แล้วครับ.. 

ลิงค์ราคาขายส่งข้าว ผลิตภัณฑ์ และกระสอบป่าน - กรมการค้าภายใน
ดูราคาย้อนหลังเป็นรายวันได้ถึง 1 ปี นะครับ

http://www.dit.go.th/contentdetail.asp?TypeID=4&catid=134&id=960

ลิงค์ติดตามข้อมูล เดือนเมษายน-สิงหาคม 2551
http://www.dit.go.th/Rice_Product_Bag/April_August51.htm

มีข้อมูลทั้งราคาขายส่ง-ขายปลีกข้าวสาร และราคาข้าวเปลือกหลายจังหวัด
ล่าสุดเป็นข้อมูลวันที่ 31 มีนาคม - 4 เมษายน 2551 เปรียบเทียบราคาสูงต่ำ
สัปดาห์ก่อน และย้อนหลังทั้งสัปดาห์เอาไว้ด้วยครับ

http://www.dit.go.th/Rice_Product_Bag/2551/040451.pdf



ต้องขอขอบคุณคุณ jerasak สำหรับลิ้งค์ ข้อมูลใหม่....






บันทึกการเข้า

ขงเบ้งดูดาว เฮอะเอ่อเอ้ย เมื่อดาวตก เสียวในหัวอกเมือเห็นดาว
ไม่พราวไสว  หรือว่าตัวเราจะหมดบุญ จึงเป็นไป
ดาวที่สดใสเมื่อก่อนนั้น  พลันมืดมัว....
55555
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,263



« ตอบ #41 เมื่อ: 16-04-2008, 20:18 »

นายกฯ ระบุต่างชาติปฏิเสธสั่งซื้อข้าวไทยเพราะปั่นราคา [13 เม.ย. 51 - 14:20]


นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวผ่านรายการ “สนทนาประสาสมัคร” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงและสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที เครือข่ายกรมประชาสัมพันธ์ ถึงเทศกาลสงกรานต์ วันนี้ (13 เม.ย.) ว่า ขณะนี้ต่างประเทศปฎิเสธไม่ซื้อข้าวจากประเทศไทย โดยกล่าวหาว่าประเทศไทยปั่นราคา หลังจากที่สื่อได้เสนอข่าวตอกย้ำถึงราคาที่ระบุว่าปัจจุบันสูงมากๆ ส่งผลให้ดูว่าข้าวไทยมีราคาที่สูง แต่หากพิจารณาตามความเป็นจริงราคาข้าวก็ไม่ได้แพงเกินไปกว่าเหตุ
 
นายก รัฐมนตรี กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ปัญหาราคาข้าวแพงนั้น แม้ว่าขณะนี้จะดูเหมือนว่าข้าวมีราคาสูงแต่ก็ยังอยู่ในวิสัยที่ซื้อได้ ซึ่งเป็นการเพิ่มรายได้ให้แก่ชาวนา ขณะเดียวกันรัฐบาลก็มีความคิดที่จะหาทางเพิ่มรายได้ให้แก่ประชาชน เพื่อให้มีรายรับพอๆ กับรายจ่ายและจะดำเนินการในอนาคต

แล้วทำไม ไม่ด่ากลับไป เหมือนกับ ทุก ๆ ครั้งที่ด่านักข่าวไทย......

ผมว่าลุงหมัก ลองไปดูเรื่องข่าวที่มันหายไปจากโกดัง ดีกว่า.....ไอ้พวกนี้หรือปล่าวที่มันเร่งหา เพื่อรีบส่งไปตามออเดอร์ที่รับปากไว้...ทำให้ข้าวขาดตลาด....

ราคาข้าวขึ้นราคา ผมไม่กังวลใจหรอก เพราะ ผมก็คงต้องจ่ายเพิ่ม อีกเดือนละไม่กี้ตัง.......

ส่วนเรื่อง ปุ๋ยแพงเนี่ย...อีตามิ่งขวัญไม่มีปัญญาแก้....ผมละเชื่อจริง ๆ .....ลองปล่อยเสรี นำเข้าดิ...เดี๋ยวผมจะเอาปุ๋ยถูก ๆ มาขายชาวนา ชาวไร่ ให้ดู

กลัวแต่ ไม่กล้า เพราะ ติดผลประโยชน์ กับบริษั่ท ฯ ยักษ์ใหญ่
บันทึกการเข้า
เล่าปี๋
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,417


ทำดีได้ดีมีไฉน ทำชั่วได้ดีมีถมไป


« ตอบ #42 เมื่อ: 16-04-2008, 21:43 »

นายกฯ ระบุต่างชาติปฏิเสธสั่งซื้อข้าวไทยเพราะปั่นราคา [13 เม.ย. 51 - 14:20]


นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวผ่านรายการ “สนทนาประสาสมัคร” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงและสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที เครือข่ายกรมประชาสัมพันธ์ ถึงเทศกาลสงกรานต์ วันนี้ (13 เม.ย.) ว่า ขณะนี้ต่างประเทศปฎิเสธไม่ซื้อข้าวจากประเทศไทย โดยกล่าวหาว่าประเทศไทยปั่นราคา หลังจากที่สื่อได้เสนอข่าวตอกย้ำถึงราคาที่ระบุว่าปัจจุบันสูงมากๆ ส่งผลให้ดูว่าข้าวไทยมีราคาที่สูง แต่หากพิจารณาตามความเป็นจริงราคาข้าวก็ไม่ได้แพงเกินไปกว่าเหตุ
 
นายก รัฐมนตรี กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ปัญหาราคาข้าวแพงนั้น แม้ว่าขณะนี้จะดูเหมือนว่าข้าวมีราคาสูงแต่ก็ยังอยู่ในวิสัยที่ซื้อได้ ซึ่งเป็นการเพิ่มรายได้ให้แก่ชาวนา ขณะเดียวกันรัฐบาลก็มีความคิดที่จะหาทางเพิ่มรายได้ให้แก่ประชาชน เพื่อให้มีรายรับพอๆ กับรายจ่ายและจะดำเนินการในอนาคต



ผมคิดตรงข้ามกับทั่น นายกฯ ครับ

ราคาข้าวไทยที่ขึ้นผมคิดว่ามี 4 สิ่งที่ประกอบกัน  ผิดถูกก็ขอออกตัวก่อนนะครับ

กรุณาอย่าเชื่อผมมากนัก

1.เกิดจากต่างประเทศประสบปัญญหา ผลผลิตตกต่ำ

2. ผู้บริโภคในภายในประเทศ ซื้อกักตุน กลัวจะต้องซื้อข้าวสารที่แพง

   เช่นบางครอบครับ  ทานข้าวกันแค่เดือนละ 25 ก.ก. แต่ซื้อเผื่อเพิ่มขึ้น เป็น  50 -100 ก.ก.

3. บางคลังสินค้า  ที่รับฝากข้าวสารไว้  ได้แอบลักเอาข้าวสารออกไปขายก่อน

    พอเริ่มมีการตรวจจับกันได้  โกดังคลังสินค้าที่ยังไม่ได้โดนตรวจ  ก็จำเป็น

    ต้องซื้อหาข้าวสาร  มาใส่โกดัง แทนของเก่า ที่ขายไปแล้ว โดยไม่คาดคิดว่าข้าวสารจะมามีราคาสูง

4. ข้อนี้ผมคิดว่าตัวสำคัญเลย  ที่ว่ามีการปั่นราคาไหม ?

    เชิญทุกๆท่านที่สนใจ  ตลาดขายล่วงหน้าดูสิครับ  ราคาวันนี้ซื้อกัน 25 บาทกว่าต่อ กิโลกรัม

    กับตลาดขายล่วงหน้า (ส่วนการส่งมอบนั้น ผมก็ยังไม่ได้ศึกษาว่า ส่งมอบวันไหน เดือนไหน)

    ราคาส่งมอบอยู่ที่ 30 บาทกว่าต่อกิโลกรัม (ทุกท่านที่สนใจลองตามลิ้งค์ครับ )


    http://www.afet.or.th/v081/thai/


 เว็บนี้ผมเพิ่งจะได้รับทราบจากเพื่อน ในวงการ  ถ้า คคห.ของผมคาดเดาผิด  ก็ขอกราบขออภัยครับ 


   





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-05-2008, 08:21 โดย เล่าปี๋ » บันทึกการเข้า

ขงเบ้งดูดาว เฮอะเอ่อเอ้ย เมื่อดาวตก เสียวในหัวอกเมือเห็นดาว
ไม่พราวไสว  หรือว่าตัวเราจะหมดบุญ จึงเป็นไป
ดาวที่สดใสเมื่อก่อนนั้น  พลันมืดมัว....
login not found
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,523



« ตอบ #43 เมื่อ: 16-04-2008, 22:52 »

ต้องขอตอบว่า "ไทยปั่นราคา"
เพราะในตลาดมันจะมีลำดับขั้นของราคาที่จะ"ไต่"และ"กระโดด" ตามข่าวที่ออกมา
แต่ไม่มีทางพุ่งขึ้นสองเท่าในสองอาทิตย์(จริงๆไม่ถึงด้วยซ้ำ)แน่ๆ
และต้นเหตุของการปั่นราคา ไม่ใช่เพราะผู้ส่งออกครับ
เพราะผู้ส่งออกขายของแบบขายล่วงหน้า ปั่นราคาแบบนี้ขาดทุนย่อยยับแน่ๆ
คนที่เป็นต้นเหตุที่แท้จริงคือรัฐมนตรีทำงานไม่เป็นแต่อยากมีผลงานคนนึง
ออกมาให้ข่าว และจงใจแทรกแซงปั่นราคาข้าวเพื่อสร้างผลงาน

ผลงานที่ได้ก็คือ
คือชาวนาได้ปลายหาง(ของเก่าจำนำไว้มีน้อยเพราะขายใช้หนี้ไปบางส่วนแล้ว ของใหม่ก็ปลูกไม่ทัน)
และโรงสีของใครบางคนที่ซื้อข้าวตุนก่อนหน้านี้เหมือนจะรู้ข่าวล่วงหน้าไว้กำไรสองเท่าทันที
บันทึกการเข้า
เล่าปี๋
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,417


ทำดีได้ดีมีไฉน ทำชั่วได้ดีมีถมไป


« ตอบ #44 เมื่อ: 17-04-2008, 07:12 »

ต้องขอตอบว่า "ไทยปั่นราคา"
เพราะในตลาดมันจะมีลำดับขั้นของราคาที่จะ"ไต่"และ"กระโดด" ตามข่าวที่ออกมา
แต่ไม่มีทางพุ่งขึ้นสองเท่าในสองอาทิตย์(จริงๆไม่ถึงด้วยซ้ำ)แน่ๆ
และต้นเหตุของการปั่นราคา ไม่ใช่เพราะผู้ส่งออกครับ
เพราะผู้ส่งออกขายของแบบขายล่วงหน้า ปั่นราคาแบบนี้ขาดทุนย่อยยับแน่ๆ
คนที่เป็นต้นเหตุที่แท้จริงคือรัฐมนตรีทำงานไม่เป็นแต่อยากมีผลงานคนนึง
ออกมาให้ข่าว และจงใจแทรกแซงปั่นราคาข้าวเพื่อสร้างผลงาน

ผลงานที่ได้ก็คือ
คือชาวนาได้ปลายหาง(ของเก่าจำนำไว้มีน้อยเพราะขายใช้หนี้ไปบางส่วนแล้ว ของใหม่ก็ปลูกไม่ทัน)
และโรงสีของใครบางคนที่ซื้อข้าวตุนก่อนหน้านี้เหมือนจะรู้ข่าวล่วงหน้าไว้กำไรสองเท่าทันที


จะเป็นคนไทยปั่นราคากันเองหรือคนต่างชาติ


ผมคิดว่ามีความเป็นไปได้ทั้งนั้นครับ  แต่มาเจอเว็บที่มีการซื้อ-ขาย


ล่วงหน้า ของข้าวสาร  ยางพารา  มันสัมปะหลัง แล้ว ผมหล่ะเสียววูบ


นึกถึงเรื่องการปั่นราคาหุ้น ของตลาดหลักทรัพย์  ทั้งหลายในโลกเลยครับ






บันทึกการเข้า

ขงเบ้งดูดาว เฮอะเอ่อเอ้ย เมื่อดาวตก เสียวในหัวอกเมือเห็นดาว
ไม่พราวไสว  หรือว่าตัวเราจะหมดบุญ จึงเป็นไป
ดาวที่สดใสเมื่อก่อนนั้น  พลันมืดมัว....
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #45 เมื่อ: 29-04-2008, 12:17 »

คุณมิ่งกลับลำ จะไปเอาข้าวในสต็อคมาทำข้าวถุงธงฟ้าอีกแล้วครับ 

ตอนที่ยกเลิกแผนทำข้าวถุงธงฟ้าก็บอกว่าแต่ละคนจ่ายแพงขึ้นนิดเดียว
ผ่านมาไม่นานเปลี่ยนใจกลับลำไปทำข้าวถุงธงฟ้าอีกแล้ว

ไม่ทราบว่าคุณมิ่งแกคิดได้เสร็จเรียบร้อยหรือยังว่าจะใช้ฐานความคิดไหนแน่
ระหว่างข้าวแพงประชาชนเดือดร้อน กับ ประชาชนจ่ายแพงขึ้นแค่นิดเดียว


...

ตอนนี้ปัญหาเกิดขึ้นแล้วเนื่องจากชาวนาขายข้าวในมือจนหมดตามที่คุณมิ่งบอก
และอีกส่วนก็ขายออกไปหมดก่อนในราคาถูกๆ โดยที่คุณมิ่งมาบอกเอาทีหลัง

กลายเป็นขายข้าวเปลือกได้โลละสิบกว่าบาท แต่ต้องซื้อข้าวสารโลละ 40 บาท
ถ้าตอนนั้นมีคนเตือนให้เก็บบางส่วนไว้กินเองก็จะประหยัดเงินได้ครอบครัวละ
หลายหมื่นบาทในปีนี้ (ถ้าอยู่กันสิบคน กินข้าวเดือนละ 100 กิโล  = 4 พัน/เดือน
หรือ 4.8 หมื่นบาทต่อปี ขณะที่ต้นทุนผลิตข้าวเปลือกกิโลละไม่ถึง 10 บาท ถ้าคิดเป็น
ข้าวสารก็ประมาณโลละ 15 บาทเท่านั้น เกิดส่วนต่างถึง 3 หมื่นบาทต่อปี)

ที่ไปกันใหญ่คือ นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.เกษตร กลับบอกว่า ข้าวในสต๊อค
2.1 ล้านตันดังกล่าว จะเก็บไว้เป็นหลักประกันความมั่นคงด้านอาหารของประเทศ
โดยจะไม่นำออกมาจำหน่าย

ก็ประหลาดดี ทำอย่างกับไม่ได้อยู่ใน ครม.เดียวกันเสียอย่างนั้น 

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
'มิ่งขวัญ'ชู'ข้าวถุงธงฟ้ามหาชน' ไฟเขียวเอาข้าวในสต๊อครบ. 2.1 ล.ตัน ขายถูกกว่าตลาด
วันที่ 28 เมษายน 2551 เวลา 21:36:30 น.
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?id=28901&catid=5

มติ กขช.ให้นำข้าวในสต๊อครัฐบาล 2.1 ล้านตัน มาบรรจุถุงขายราคาต่ำกว่าท้องตลาด 15%
ชง ครม.เห็นชอบวันนี้ เริ่มวางขายใน 1 สัปดาห์หน้าจนกว่าราคาในตลาดจะนิ่ง ก่อนทยอย
ซื้อกลับมาในปริมาณเท่าเดิม

นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แถลงเมื่อวันที่ 28 เมษายน
ภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ที่มีนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี
เป็นประธานว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้นำข้าวในสต๊อคของรัฐบาลที่เป็นข้าวหอมมะลิและข้าวขาวประเภทต่างๆ
จำนวน 2.1 ล้านตัน บรรจุถุงออกจำหน่ายในชื่อ 'ข้าวถุงธงฟ้ามหาชน' มีราคาถูกกว่าข้าวถุงในท้องตลาดมากกว่า
15% โดยจะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบในวันที่ 29 เมษายน จากนั้นจะเริ่มดำเนินการได้ภายใน
1-2 สัปดาห์ สำหรับแนวทางดำเนินงานนั้น จะใช้การทยอยขายให้ประชาชนโดยใช้ราคาเฉลี่ยของข้าวที่ซื้อมา
ในขณะนั้นเพื่อ ป้องกันตลาดปั่นป่วน จากนั้นจะค่อยๆ ซื้อข้าวตามราคาตลาดกลับมาในปริมาณเท่ากับจำนวน
ที่นำออกขาย เพื่อเก็บไว้ในสต๊อคของประเทศ ส่วนช่องทางการจัดจำหน่ายข้าวถุงจะผ่านผู้ว่าราชการจังหวัด
องค์การบริหารส่วนตำบล พาณิชย์จังหวัด หอการค้าจังหวัด กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และธนาคารเพื่อการเกษตร
และสหกรณ์การเกษตร

'คนบริโภคข้าวเริ่มรู้สึกว่าข้าวขึ้นราคามาก ถ้าเราออกข้าวถุงมาน่าจะทำให้ราคาในตลาดข้าวทั่วไปเริ่มลดลง
เกิดความสมดุลในท้องตลาด เบื้องต้นเราจะขายไปเรื่อยๆ จนกว่าราคาข้าวในท้องตลาดจะนิ่ง และเป็นไปตาม
กลไกตลาดอย่างแท้จริง' นายมิ่งขวัญ กล่าว

นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวถึงข้าวถุงของรัฐบาลว่า ควรรอดูจังหวะเวลา
ที่เหมาะสมเพื่อป้องกันไม่ให้ข้าวที่ออกมากระทบกับชาวนา ที่ปลูกข้าวนาปรังและผลผลิตยังไม่ออกมา ซึ่งอาจ
ทำให้ราคาขายข้าวเปลือกถูกลงและทำให้ชาวนาได้รับปัญหา

นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ที่ประชุม กขช.ได้หารือถึงการเพิ่ม
กำลังการผลิต การพัฒนาปรับปรุงพันธุ์ข้าวเพื่อให้ได้ผลผลิตต่อไร่ที่สูงขึ้นให้เพียงพอต่อ ความต้องการของตลาด
สำหรับจำนวนข้าวในสต๊อค 2.1 ล้านตัน จะเก็บไว้เป็นหลักประกันความมั่นคงในด้านอาหารของประเทศ จะไม่นำ
ออกมาจำหน่าย
ดังนั้น กระทรวงพาณิชย์จะต้องบริหารจัดการเรื่องข้าวถุงให้เพียงพอต่อความต้องการ บริโภคของ
ประชาชนในประเทศ อาจซื้อข้าวใหม่เพิ่มขึ้น

นายสมศักดิ์กล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ตรวจสอบราคาปุ๋ยที่มีการนำเข้าจาก
อินโดนีเซียอยู่ที่ประมาณ 9,000 บาท เมื่อคิดรวมค่าบริหารจัดการ ค่าบรรจุภัณฑ์และกำไรแล้วน่าจะมีราคาจำหน่าย
อยู่ที่ 1 หมื่นต้นๆ แต่ปัจจุบันกลับพบว่าราคาในท้องตลาดที่ภาคเอกชนขายสูงถึง 17,000-18,000 บาท/ตัน
ที่อาจจะเป็นไปได้ที่จะมีการค้ากำไรเกินควร

วันเดียวกัน ที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค จัดงานเวทีสาธารณะ 'วิกฤตอาหาร วิกฤตเศรษฐกิจไทย : ข้าวแพง ชาวนาได้ประโยชน์จริงหรือ?'
ที่สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) มีตัวแทนชาวนาจากจังหวัดต่างๆ เข้าร่วม ส่วนใหญ่ยืนยันตรงกันว่า
แม้ราคาข้าวปรับตัวสูงขึ้นมาก แต่ชาวนากลับไม่ได้ประโยชน์จากราคาที่สูงขึ้น เพราะขายข้าวเปลือกไปหมดตั้งแต่
เดือนธันวาคม 2550-มกราคม 2551

นางกัญญา อ่อนศรี เกษตรกรปลูกข้าวนาปีแบบเกษตรอินทรีย์ จ.สุรินทร์ กล่าวว่า ราคาข้าวเปลือกหน้าโรงสีกิโลกรัมละ
7-8 บาท ปัจจุบันอยู่ที่กิโลกรัมละ 20 บาท เป็นราคาที่สูงที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ กลุ่มที่ได้ผลประโยชน์ คือ กลุ่มพ่อค้า
ผู้ส่งออก และโรงสี ปีนี้ชาวนาสุรินทร์เจ็บหนักที่สุด ขายข้าวเปลือกราคาถูกกิโลกรัมละ 17 บาท ต้นทุนผลิตกิโลกรัมละ
8-9 บาท แต่ซื้อข้าวสารกินกิโลกรัมละ 40 บาท ที่พูดกันว่าปีนี้ชาวนารวยขายข้าวได้ราคาก็ไม่จริง

นางกิมอั้ง พงษ์นารายณ์ เกษตรกรทำข้าวนาปรัง จ.ชัยนาท กล่าวว่า เกษตรกรในเขตชลประทานภาคกลางได้ประโยชน์
จากราคาข้าวสูงขึ้น เพราะทำนาปรัง สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ในช่วงปลายเดือนเมษายนนี้ แต่เชื่อว่าเกษตรกรจะได้
ประโยชน์แค่ปีนี้ปีเดียว ปีถัดไป อาจจะขาดทุน เพราะการปลูกข้าวมีความเสี่ยง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-04-2008, 03:06 โดย jerasak » บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
เล่าปี๋
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,417


ทำดีได้ดีมีไฉน ทำชั่วได้ดีมีถมไป


« ตอบ #46 เมื่อ: 29-04-2008, 19:14 »



ครม.ขี้เหร่...จะเอาดีได้ยังไงครับ ?...
คุณมิ่งกลับลำ จะไปเอาข้าวในสต็อคมาทำข้าวถุงธงฟ้าอีกแล้วครับ 

ตอนที่ยกเลิกแผนทำข้าวถุงธงฟ้าก็บอกว่าแต่ละคนจ่ายแพงขึ้นนิดเดียว
ผ่านมาไม่นานเปลี่ยนใจกลับลำไปทำข้าวถุงธงฟ้าอีกแล้ว

ไม่ทราบว่าคุณมิ่งแกคิดได้เสร็จเรียบร้อยหรือยังว่าจะใช้ฐานความคิดไหนแน่
ระหว่างข้าวแพงประชาชนเดือดร้อน กับ ประชาชนจ่ายแพงขึ้นแค่นิดเดียว


...

ตอนนี้ปัญหาเกิดขึ้นแล้วเนื่องจากชาวนาขายข้าวในมือจนหมดตามที่คุณมิ่งบอก
และอีกส่วนก็ขายออกไปหมดก่อนในราคาถูกๆ โดยที่คุณมิ่งมาบอกเอาทีหลัง

กลายเป็นขายข้าวเปลือกได้โลละสิบกว่าบาท แต่ต้องซื้อข้าวสารโลละ 40 บาท
ถ้าตอนนั้นมีคนเตือนให้เก็บบางส่วนไว้กินเองก็จะประหยัดเงินได้ครอบครัวละ
หลายหมื่นบาทในปีนี้ (ถ้าอยู่กันสิบคน กินข้าวเดือนละ 100 กิโล  = 4 พัน/เดือน
หรือ 4 หมื่นบาทต่อปี ขณะที่ต้นทุนผลิตข้าวสารกิโลละไม่ถึง 10 บาท ถ้าคิดเป็น
ข้าวสารก็ประมาณโลละ 15 บาทเท่านั้น เกิดส่วนต่างถึง 3 หมื่นบาทต่อปี)

ที่ไปกันใหญ่คือ นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.เกษตร กลับบอกว่า ข้าวในสต๊อค
2.1 ล้านตันดังกล่าว จะเก็บไว้เป็นหลักประกันความมั่นคงด้านอาหารของประเทศ
โดยจะไม่นำออกมาจำหน่าย

ก็ประหลาดดี ทำอย่างกับไม่ได้อยู่ใน ครม.เดียวกันเสียอย่างนั้น 

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
'มิ่งขวัญ'ชู'ข้าวถุงธงฟ้ามหาชน' ไฟเขียวเอาข้าวในสต๊อครบ. 2.1 ล.ตัน ขายถูกกว่าตลาด
วันที่ 28 เมษายน 2551 เวลา 21:36:30 น.
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?id=28901&catid=5

มติ กขช.ให้นำข้าวในสต๊อครัฐบาล 2.1 ล้านตัน มาบรรจุถุงขายราคาต่ำกว่าท้องตลาด 15%
ชง ครม.เห็นชอบวันนี้ เริ่มวางขายใน 1 สัปดาห์หน้าจนกว่าราคาในตลาดจะนิ่ง ก่อนทยอย
ซื้อกลับมาในปริมาณเท่าเดิม

นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แถลงเมื่อวันที่ 28 เมษายน
ภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ที่มีนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี
เป็นประธานว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้นำข้าวในสต๊อคของรัฐบาลที่เป็นข้าวหอมมะลิและข้าวขาวประเภทต่างๆ
จำนวน 2.1 ล้านตัน บรรจุถุงออกจำหน่ายในชื่อ 'ข้าวถุงธงฟ้ามหาชน' มีราคาถูกกว่าข้าวถุงในท้องตลาดมากกว่า
15% โดยจะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบในวันที่ 29 เมษายน จากนั้นจะเริ่มดำเนินการได้ภายใน
1-2 สัปดาห์ สำหรับแนวทางดำเนินงานนั้น จะใช้การทยอยขายให้ประชาชนโดยใช้ราคาเฉลี่ยของข้าวที่ซื้อมา
ในขณะนั้นเพื่อ ป้องกันตลาดปั่นป่วน จากนั้นจะค่อยๆ ซื้อข้าวตามราคาตลาดกลับมาในปริมาณเท่ากับจำนวน
ที่นำออกขาย เพื่อเก็บไว้ในสต๊อคของประเทศ ส่วนช่องทางการจัดจำหน่ายข้าวถุงจะผ่านผู้ว่าราชการจังหวัด
องค์การบริหารส่วนตำบล พาณิชย์จังหวัด หอการค้าจังหวัด กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และธนาคารเพื่อการเกษตร
และสหกรณ์การเกษตร

'คนบริโภคข้าวเริ่มรู้สึกว่าข้าวขึ้นราคามาก ถ้าเราออกข้าวถุงมาน่าจะทำให้ราคาในตลาดข้าวทั่วไปเริ่มลดลง
เกิดความสมดุลในท้องตลาด เบื้องต้นเราจะขายไปเรื่อยๆ จนกว่าราคาข้าวในท้องตลาดจะนิ่ง และเป็นไปตาม
กลไกตลาดอย่างแท้จริง' นายมิ่งขวัญ กล่าว

นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวถึงข้าวถุงของรัฐบาลว่า ควรรอดูจังหวะเวลา
ที่เหมาะสมเพื่อป้องกันไม่ให้ข้าวที่ออกมากระทบกับชาวนา ที่ปลูกข้าวนาปรังและผลผลิตยังไม่ออกมา ซึ่งอาจ
ทำให้ราคาขายข้าวเปลือกถูกลงและทำให้ชาวนาได้รับปัญหา

นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ที่ประชุม กขช.ได้หารือถึงการเพิ่ม
กำลังการผลิต การพัฒนาปรับปรุงพันธุ์ข้าวเพื่อให้ได้ผลผลิตต่อไร่ที่สูงขึ้นให้เพียงพอต่อ ความต้องการของตลาด
สำหรับจำนวนข้าวในสต๊อค 2.1 ล้านตัน จะเก็บไว้เป็นหลักประกันความมั่นคงในด้านอาหารของประเทศ จะไม่นำ
ออกมาจำหน่าย
ดังนั้น กระทรวงพาณิชย์จะต้องบริหารจัดการเรื่องข้าวถุงให้เพียงพอต่อความต้องการ บริโภคของ
ประชาชนในประเทศ อาจซื้อข้าวใหม่เพิ่มขึ้น

นายสมศักดิ์กล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ตรวจสอบราคาปุ๋ยที่มีการนำเข้าจาก
อินโดนีเซียอยู่ที่ประมาณ 9,000 บาท เมื่อคิดรวมค่าบริหารจัดการ ค่าบรรจุภัณฑ์และกำไรแล้วน่าจะมีราคาจำหน่าย
อยู่ที่ 1 หมื่นต้นๆ แต่ปัจจุบันกลับพบว่าราคาในท้องตลาดที่ภาคเอกชนขายสูงถึง 17,000-18,000 บาท/ตัน
ที่อาจจะเป็นไปได้ที่จะมีการค้ากำไรเกินควร

วันเดียวกัน ที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค จัดงานเวทีสาธารณะ 'วิกฤตอาหาร วิกฤตเศรษฐกิจไทย : ข้าวแพง ชาวนาได้ประโยชน์จริงหรือ?'
ที่สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) มีตัวแทนชาวนาจากจังหวัดต่างๆ เข้าร่วม ส่วนใหญ่ยืนยันตรงกันว่า
แม้ราคาข้าวปรับตัวสูงขึ้นมาก แต่ชาวนากลับไม่ได้ประโยชน์จากราคาที่สูงขึ้น เพราะขายข้าวเปลือกไปหมดตั้งแต่
เดือนธันวาคม 2550-มกราคม 2551

นางกัญญา อ่อนศรี เกษตรกรปลูกข้าวนาปีแบบเกษตรอินทรีย์ จ.สุรินทร์ กล่าวว่า ราคาข้าวเปลือกหน้าโรงสีกิโลกรัมละ
7-8 บาท ปัจจุบันอยู่ที่กิโลกรัมละ 20 บาท เป็นราคาที่สูงที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ กลุ่มที่ได้ผลประโยชน์ คือ กลุ่มพ่อค้า
ผู้ส่งออก และโรงสี ปีนี้ชาวนาสุรินทร์เจ็บหนักที่สุด ขายข้าวเปลือกราคาถูกกิโลกรัมละ 17 บาท ต้นทุนผลิตกิโลกรัมละ
8-9 บาท แต่ซื้อข้าวสารกินกิโลกรัมละ 40 บาท ที่พูดกันว่าปีนี้ชาวนารวยขายข้าวได้ราคาก็ไม่จริง

นางกิมอั้ง พงษ์นารายณ์ เกษตรกรทำข้าวนาปรัง จ.ชัยนาท กล่าวว่า เกษตรกรในเขตชลประทานภาคกลางได้ประโยชน์
จากราคาข้าวสูงขึ้น เพราะทำนาปรัง สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ในช่วงปลายเดือนเมษายนนี้ แต่เชื่อว่าเกษตรกรจะได้
ประโยชน์แค่ปีนี้ปีเดียว ปีถัดไป อาจจะขาดทุน เพราะการปลูกข้าวมีความเสี่ยง



ก็ ครม.ขี้ริ้วขี้เหร่ ไงครับ คุณ jerasak..




บันทึกการเข้า

ขงเบ้งดูดาว เฮอะเอ่อเอ้ย เมื่อดาวตก เสียวในหัวอกเมือเห็นดาว
ไม่พราวไสว  หรือว่าตัวเราจะหมดบุญ จึงเป็นไป
ดาวที่สดใสเมื่อก่อนนั้น  พลันมืดมัว....
northstar
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 635


« ตอบ #47 เมื่อ: 30-04-2008, 01:35 »

เพราะไอ้พวกเดรัจฉานนี่เอง... แผนปั่นราคาข้าว  แต่ก่อน 50 ปอนด์(22.72 กก) ประมาณ $28...ตอนนี้ก็ $42-46... 
ไอ้พวกทาสที่มีหน้าที่แก้รัฐธรรมนูญก็ทำกันไป ส่วนไอ้พวกทาสที่มีหน้าที่หาผลประโยช์ก็หาไป...กอบโกยให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้... เพราะมีโอกาสนี้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น  งานนี้มีแต่อยู่กับตายเท่านั้น... พวกมันจู่โจมทุกรูปแบบอย่างเห็นได้ชัด... กรุณาจำหน้าอ้ายพวกเดรัจฉานนี้ไว้ให้ดีนะครับ... ประชาชนลุกฮือเมื่อไหร่...มันหนักกว่าทหารยิ่งนัก...
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
    กระโดดไป: