ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
20-04-2024, 14:47
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  ปี 40 อเมริกาเทศนาไทย MORAL HAZARD วันนี้มันทำเอง !! 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
ปี 40 อเมริกาเทศนาไทย MORAL HAZARD วันนี้มันทำเอง !!  (อ่าน 4022 ครั้ง)
AsianNeocon
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,277


中華萬歲﹗ LONG LIVE CHINA!


เว็บไซต์
« เมื่อ: 19-03-2008, 13:46 »

... และทำตรงกันข้ามกับที่มันเทศนาคนอื่นทั้งสิ้น

ปี 40 มันบอกว่า ต้องขึ้นภาษี ขึ้นดอกเบี้ย พร้อมกับแบ๊งก์ไหนอ่อนแอต้องปล่อยให้เจ๊งไป แล้วให้ต่างชาติเข้ามาซื้อ

วันนี้แบ๊งก์ใหญ่อันดับ 5 กำลังเจ๊ง แบ๊งก์ชาติมันกลับไปการันตีหนี้เน่าขนาด 3 หมื่นล้าน  เท่ากับให้เงินแบ๊งก์คู่แข่งไปเทคโอเวอร์ได้หน้าตาเฉย

มันเทศนาคนอื่นว่า ให้หยุดการกีดกันทางการค้า และต้องเปิดเสรีทุกอย่าง แต่วันนี้อเมริกาทำตรงกันข้ามหมด มีหนี้ ไม่ยอมจ่าย และหลงตัวเองคิดว่า ลดดอกเบี้ยยังไง  พิมพ์เงินประวิงเวลาไปเรื่อย แลกกับเงินเฟ้อ ทุกคนก็คงต้องช่วยกันอุ้มดอลล่าร์ให้มัน เท่ากับถือระเบิดไว้ในมือแล้วประกาศจะทำลายให้หมดทั้งระบบเศรษฐกิจ หากทุกคนไม่ช่วยกันอุ้ม

ก็ดีเหมือนกัน อย่าลืมว่า ถึงจุดหนึ่งก็มีคนทนไม่ไหวเหมือนกัน ทางเลือกอื่นในโลกมีเยอะแยะ ทั้ง เยน แคเนเดี้ยน ยูโร หยวน
บันทึกการเข้า

Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 19-03-2008, 13:49 »

เหอๆๆๆ ถ้ามีใครไปเล่น หยวน เมื่อไหร่ ล่ะก็คงจะสนุกพิลึก 
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
นทร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,441



เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 20-03-2008, 16:36 »

คอยดูกันต่อไปครับว่าจะเป็นโดมิโนรึเปล่า

เรื่อง double standard อเมริกาเป็นหนึ่งไม่รองใครอยู่แล้ว
บันทึกการเข้า

"ประชาชน อย่าทิ้งประเทศชาติ"
narong
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 654



เว็บไซต์
« ตอบ #3 เมื่อ: 22-03-2008, 23:51 »

http://www.thaipost.net/index.asp?bk=thaipost&post_date=18/Mar/2551&news_id=155961&cat_id=200

เปลวสีเงิน

คนปลายซอย


18 มีนาคม 2551    กองบรรณาธิการ

ความซับซ้อนที่ไทยอาจต้องซมซาน


มีพรรคพวก  หรือเรียกให้เห็นกล้ามหน่อยก็ "ลูกน้องเก่า" โทรมาชวน "เมื่อไหร่จะลงไปเมืองกาญจน์ล่ะ   อยากให้ไปซื้อที่ปลูกบ้านอยู่ด้วยกันซักไร่-ครึ่งไร่ ราคาถูกๆ ไม่กี่หมื่นเอง แค่นี้ป๋าคงพอมีบ้างหรอก"

แน่ะ..มันพูดแบบรู้จริง  แต่ดูถูกชะมัด ผมโกรธไม่ลง เพราะยังรักไม่ลืม รับปากว่าจะไป  และตั้งใจว่าจะต้องไปแน่ๆ ไม่ใช่เพราะอยากไปซื้อที่หรอก แต่อยากไปเจอหน้าพร้อมลูกตาครบน่ะ!

ก็คนเคยอยู่ด้วยกันตั้งสิบกว่าปี  ชนชั้นคน-สำหรับผมมีชนชั้นเดียว  คือชนชั้นแห่งสหาย นับวัยจากต้นไปหาปลาย ถึงวันนี้ผมก็คงอยู่อีกไม่กี่หมื่นวันนัก

แต่ถ้านับจากปลายไปหาต้น ผมก็เพิ่งจะผ่านวัย "นมแตกพาน" มาไม่กี่ปีนี่เอง ดังนั้น ถ้าจะพูดถึงเรื่องตาย นับว่าเป็น "โลกใหม่" ที่ยังไกลลิบๆ

ฉะนั้น สะสมมิตรสหายไว้ดีกว่า ขี้หมู-ขี้หมา บวชนาคก็ยังมีเพื่อนขี้เมารำหน้านาค ถึงตาย-ก็ยังมีเพื่อนมาตั้งวงไฮโลเขย่ากริ๊กๆ หน้าโลงเป็นเพื่อนผี

และร้อนอย่าง  ๓-๔ วันมานี้ ร้อนเหมือนมีพระอาทิตย์ค้างตากแดดอยู่บนหลังคาบ้าน  ก็ตั้งใจจะไปเมืองกาญจนบุรี  ใครเขาว่าเมืองกาญจน์ร้อน ก็ช่างเหอะ

สำหรับผม..ไม่!

ไปเมืองกาญจน์ทีไร   ร้อนแต่กาย  ส่วนใจก็ร้อนบ้าง-อุ่นๆ บ้างไปตามเรื่องตามราว  เหมือนกับไป ๓ จังหวัดใต้ ความจริงส่วนใหญ่ไปแค่ ๒ จังหวัด คือยะลา-ปัตตานี

ใครว่าน่ากลัว?!

แต่สำหรับผม  เคยบอกพรรคพวกว่า  มาเห็นแล้ว  ถ้าเป็นได้  ก็อยากย้ายบ้านมาอยู่ที่ปัตตานี หรือไม่ก็ที่นราธิวาส

ด้วยเหตุผลเดียวคือ ชอบน่ะ!

ไม่ใช่ดัดจริต   มันรู้สึกอย่างนั้นขึ้นมาเอง   สำหรับที่ยะลา ก็ยังไม่รู้สึกเหมือนอย่างนั้น  ก็ไม่ทราบเพราะอะไร  นี่เห็นการระเบิดที่โรงแรม  CS ปัตตานี กับที่กลางเมืองยะลาวันก่อน ก็นำมาย้อน "สอบถามตัวเอง" อีกครั้ง "ความรู้สึกนั้นเปลี่ยนไปหรือยัง?"

คำตอบคือ..ยังครับ!

๓  จังหวัดใต้น่ากลัวมั้ย ผมบอกทุกท่านตรงๆ ว่า "น่าสนิทใจมากกว่าน่ากลัว"

แต่ถ้าถามว่า ตอนนี้ "อันตรายมั้ย?"

ตอบตรงๆ ว่า..อันตรายครับ!

"ความน่ากลัว" กับ "อันตราย" มันต่างกัน  หลายๆ อย่างไม่เห็นน่ากลัว อย่างลูกระเบิด  มันน่าเอามาโยนเล่น สมัยสงครามเวียดนาม จอมพลถนอมมีนโยบาย "รบนอกบ้านดีกว่ารบในบ้าน"

เอาเมืองไทยยกให้เป็น "ฐานทัพอเมริกัน" ก็ไม่เห็นมีใครกลัว แถมจะมีแต่คนรัก (เงินอเมริกัน-ผัวอเมริกัน) เสียด้วยซ้ำ

แต่ใครบ้างล่ะที่ไม่ยอมรับว่า  การเอา "ฐานทัพต่างชาติ" มาไว้ในบ้านของเรา มันไม่อันตราย?

ถ้าไม่อันตราย ทำไมสหรัฐจึงไม่ยอมให้จีน หรือรัสเซีย เอาฐานทัพไปตั้งไว้ในดินแดนสหรัฐของเขาบ้างล่ะ?

เมื่อ ๕-๖ ปีก่อน ประเทศไทยให้สิงคโปร์เช่าฐานทัพหลายแห่ง อ้างว่าเพื่อการฝึกร่วม  เพื่อการพัฒนาในเชิงวิชาการ ไม่ใช่เพื่อการทหาร-การรบทัพจับศึกกับใคร ก็ต่างๆ นานา  สุดแต่จะสรรหาคำสวยๆ มาใช้แทนคำแสลงหูว่า ไทยให้สิงคโปร์เช่าแผ่นดินตั้งฐานทัพ!

ถ้าจำไม่ผิด  ตอนที่เป็นข่าว  เห็นทางบิ๊กๆ ทางทหารเขาบอกว่า สิงคโปร์มีจิตศรัทธาบริจาค   เอฟ ๑๖ ให้ไทยชั่งกิโลขายด้วย นอกเหนือข้อตกลง และสัญญิงสัญญาที่คนไทยทั้งชาติไม่มีโอกาสได้รู้เห็นว่า

ในสมัยรัฐบาลทักษิณ  ไปทำข้อตกลงยกแผ่นดินไทยในส่วนที่เป็น "ฐานทัพ" หลายแห่งในประเทศ  ไม่ว่าที่โคราช  เมืองกาญจน์ อุดรธานี ฯลฯ ให้เขาเช่าโดยเหตุผลและรายละเอียดอย่างไรบ้าง?

เรื่องไทยให้สิงคโปร์เช่าฐานทัพมาอยู่ในไทย ดูแล้วไม่น่ากลัว เพราะเราไม่รู้เรื่องนี้กันมากนักอย่างหนึ่ง และไม่น่ามีอะไรมากกว่าหากินทาง "เก็บค่าเช่า" อย่างหนึ่ง

แต่ถามว่า "อันตรายมั้ย!?"

ถ้าไม่อันตราย  มาเลย์คงให้สิงคโปร์เช่าไปแล้ว  ไม่น่าต้องเปลืองเวลา  เปลืองน้ำมันเครื่องบิน เปลืองค่าขนส่ง มาเช่าฐานทัพอยู่ในไทยมิใช่หรือ?

สิงคโปร์นี่ เห็นชาวโลกเขาแปลคำว่า "หุ้นส่วนทางเศรษกิจและความมั่นคงในภูมิภาค" แปลว่า สิงคโปร์เป็นนอมินีให้สหรัฐ สหรัฐเลี้ยงไต้หวัน สหรัฐเลี้ยงซาอุฯ สหรัฐเลี้ยงอิสราเอล ก็ด้วยเหตุผล  และเงื่อนไขแผ่ขยายอาณาจักร "ทุนนิยมเสรี" คานอิทธิพลจีน รัสเซีย แถมด้วยหวังครอบครองแหล่งพลังงาน

เพื่อการเกิดใหม่ของ "จักรวรรดินิยมอเมริกัน"

ด้วยนิยาม  ๑  โลก  ๑ อำนาจ ๑ คำสั่ง ภายใต้ ๑ จักรวรรดินิยมอเมริกัน!

ในอาเซียนนี้  สิงคโปร์ก็เหมือนไต้หวัน เหมือนซาอุฯ เหมือนอิสราเอล ที่สหรัฐใช้เป็นฐานเพื่อการเล่นเกมขยายอำนาจ-ขยายอิทธิพล การเมือง การทหาร การเศรษฐกิจนั่นแหละ

และที่ลืมไม่ได้เด็ดขาดคือ   สนับสนุนการค้าที่เป็น "กลุ่มทุน" ที่แบ็กอัพ "การเมืองสหรัฐ" โดยตรง!

ระวังเหตุการณ์ที่ ๓ จังหวัดใต้ เราจะกำลังถูก "มือที่มองไม่เห็น" ผสมโรงในเหตุการณ์  เพื่อสร้างเงื่อนไขจำเพาะ  แล้วจะมีปิศาจในคราบนักบุญเสนอตัวเข้ามาด้วยความปรารถนาดี

ดูอย่างอิรักซิ  อ้างว่าชาวอิรักกระหายประชาธิปไตย จะไปโค่นล้มซัดดัม แล้วสถาปนาประชาธิปไตยให้

จนบัดป่านนี้ ชาวอิรักกินเลือด กินลูกปืนแทนประชาธิปไตย แล้วสหรัฐกินทรัพยากรน้ำมันเพลินคนเดียว

ก็ดูซี..ยึดได้ปุ๊บก็เรียก "ขาใหญ่" ประเทศและบริษัทกลุ่มทุน  เข้าไปจับจองแหล่งน้ำมัน แหล่งค้าในอิรัก..เรียบ!

"ติมอร์ตะวันออก" เหมือนกัน  "ต่างชาติ" อาศัยเงื่อนไขศาสนา-เชื้อชาติภายในของเขา  เข้าไปเป็น "ลิ่ม" ตอกจนแผ่นดินเขาแตก  ต้องแยกออกมาตั้งเป็นประเทศ "ติดมอร์ตะวันออก" จนได้

แล้วใครได้..ทุกวันนี้?

ไม่รู้เหมือนกัน  รู้แต่ว่า "ติมอร์ตะวันออก"  เป็นแหล่งสมบูรณ์ด้วยทรัพยาการน้ำมัน เมื่อแยกมาแล้ว คนติมอร์ก็ไม่ได้

แต่ "ออสเตรเลีย" ชาติหนึ่งละที่..ได้ไปเต็มๆ!

ออสเตรเลียที่เป็น "ชาติร่วมรบ"  เคียงบ่า-เคียงไหล่กับ "สหรัฐ-อังกฤษ" นับแต่วินาทีแรกที่  "ประธานาธิบดีบุช" ตะโกนให้โลกเลือกข้างใน "สงครามบุกอิรัก"

เอาภาพเก่าๆ  มาย้อนดูมันก็แปลก ตอนทักษิณขึ้นเป็นนายกฯ หาช่องจะไปถ่ายรูปคู่กับบุช  ก็มีการจับ "ฮัมบาลี" ในประเทศไทย แล้วนายกฯ ไทยก็ใส่พานเป็นเครื่องบรรณาการในการขอเข้าเฝ้าบุช

จากนั้น สภานการณ์ ๓ จังหวัดใต้ก็ปะทุหนัก แล้วลามเรื้อรังจนถึงทุกวันนี้!?

เวียนมาถึงมีรัฐบาลใหม่   ก็รัฐบาลทักษิณในคราบ "สมัครนอมินี" นี่แหละ ประเทศไทยสร้างวีรกรรมอีกแล้ว  จับพ่อค้าอาวุธชาวรัสเซียหลายสัญชาติ  นัยว่าตัวร้ายโลกพอๆ กับ "บินลาดิน" ในโรงแรมกลางกรุงเทพฯ

ก็จับตามใบสั่งสหรัฐเพื่อเอาตัวส่งไปเขาอีกนั่นแหละ!

หลังจากจับไม่กี่วัน  เหตุการณ์  ๓  จังหวัดใต้ก็เอะอะ เปรี้ยงปร้าง ยุทธการตอบโต้ก็รุนแรงขึ้นทันที

อย่าลืมว่าโรงแรม CS ปัตตานี นั้น ถือเป็นสัญลักษณ์ "ใจกลาง" ตัวเมือง ไม่ว่าระดับไหนมาปัตตานี  ก็  CS นี้แห่งเดียวที่ทำให้ผู้มาเยือนมั่นใจ-สบายใจว่า

"ปลอดแล้วทุกประการ"

แต่เมื่อ CS ไม่ปลอดภัยเสียแล้ว แสดงให้เห็นว่าโจรก่อการร้ายจะเดินเข้า-เดินออก ฆ่าใคร ระเบิดเล่นที่ไหนก็ทำได้ ทุกที่-ทุกเวลา หมายความว่า ใจกลางเมืองแตกแล้ว

ประเทศไทยก็ "หมดท่า" ในสายตาคนภายนอก!

อย่าลืมว่า "บินลาดิน" นั่นน่ะ  คือลูกมือสหรัฐที่สหรัฐจ้างให้รบต้านรัสเซียในสงครามอัฟกานิสถาน และตัวบินลาดินกับพ่อประธานาธิบดีบุช ก็คบหานับถือกันเหมือนพ่อกับลูก

บ้านบุชที่อเมริกาก็เหมือนบ้านบินลาดิน   และบ้านบินลาดินในซาอุฯ  ก็เหมือนบ้านบุช  และสหรัฐมีเทคโนโลยีสูงสุด ค้นหาทุกสิ่งในโลกได้ด้วยเทคโนโลยีนั้น

ดูอย่าง "ซัดดัม" ขดเป็นด้วงอยู่ในรูดิน  สหรัฐยังตามเจอ ขุดมาฆ่าทิ้งซะ!

แต่บินลาดิน  ระเบิดอาคารแฝด "เวิลด์เทรด" กลางนิวยอร์ก  จนบัดป่านนี้ เครื่องมือเทคโนโยลีขี้หมาสหรัฐยังตามหาบินลาดินไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน? ฉะนั้น ทุกคน ทุกสถานการณ์ เชื่อใจ-วางใจ-ไว้ใจ กับใคร และกับอะไรไม่ได้เลย!

แม้กระทั่ง "วิกฤติเศรษฐกิจสหรัฐ" ที่กำลังจะดึงให้โลกทั้งใบจมคว่ำ ด้วยกลไกง่ายๆ แค่ "ทำให้ดอลลาร์อ่อน" ก็จะตายกันทั้งโลกอย่างที่เป็นอยู่ขณะนี้ มันไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเองหรอก

มันเป็นไพ่อีกใบที่สหรัฐใช้หักเหเพื่อ "เปลี่ยนกลไกโลก" เท่านั้น!

คอยดูเถอะ  พวกประเทศ "ขาเล็ก" แต่ชอบตามแห่หน้าไพ่ประเทศ "ขาใหญ่" จะตายกันเกลื่อนบ่อน  แก้ปัญหาเศรษฐกิจโดยพาประเทศไปผูกขา-ผูกคออยู่กับเกม "ทุนนิยมเสรี" อันเป็นเครื่องมือเขมือบโลกแห่งยุคโลกาภิวัตน์  จะแขวนคอตายอย่างน่าทุเรศ  ณ  วันนี้  ยังมีใครจำ "เศรษฐกิจพอเพียง" ได้บ้าง ไหน..ขอเสียงหน่อยครับ.
 
บันทึกการเข้า

ผู้ที่ไม่สามารถจะใช้คนดี
ก็ย่อมจะใช้คนไม่ดีหรือคนเลว
ถ้าไม่เชื่อผู้ซื่อสัตย์หวังดีต่อตน
ก็จะต้องไปเชื่อคนประจบสอพลอ
narong
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 654



เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: 22-03-2008, 23:52 »

http://www.thaipost.net/index.asp?bk=thaipost&post_date=19/Mar/2551&news_id=156000&cat_id=200

เปลวสีเงิน

คนปลายซอย


19 มีนาคม 2551    กองบรรณาธิการ

จะแก้เศรษฐกิจไทยหรือใครกันแน่?




รัฐบาลท่านกำลัง "กู้เศรษฐกิจ" แบบ ปวดหัวก็ให้ยาแอสไพริน ปวดเมื่อยก็ทายาหม่อง ปวดท้องก็ให้กินยาธาตุ เรียกว่า "รักษาตามอาการ" เป็น "หมอยากลางบ้าน" ที่เก่งจริงๆ  แต่อยากจะบอกชาวบ้านว่า การรักษาแบบนี้ มันแค่ปะทะ-ปะทังอาการเท่านั้นครับ นอกจากไม่หายแล้วยัง..ตายแล!

ถ้ารัฐบาลยังเอา  "เศรษฐกิจโลก-เศรษฐกิจสหรัฐ" เป็นตัวตั้งในการกำหนดนโยบาย และเป็นเข็มทิศชี้ทางนำเศรษฐกิจประเทศละก็ เราต้องพบกับคำว่า

"ไปไม่กลับ-หลับไม่ตื่น-ฟื้นไม่มี" แน่ๆ!

มีนักการเมืองบางคน  จำไม่ได้แล้วว่าไทยหรือเทศ เขาวาดภาพให้ประเทศด้อยพัฒนา และกำลังพัฒนาได้เคลิ้มว่า "เศรษฐกิจระบบทุนนิยมเสรี เหมือนทะเล"

นั่นคือ ไม่ว่าเรือรบ หรือเรืออีแปะ เมื่อน้ำทะเลขึ้น เรือก็ลอยขึ้นเสมอกันทุกลำ เมื่อน้ำลง เรือเล็ก-เรือใหญ่ ก็จะลงเสมอกันทุกลำ"

เป็นอุปมา-อุปไมย ให้เห็นว่า "ระบบทุนเสรี" คือการทำให้พื้นที่โลกทั้งใบ เป็นเวทีแห่งความเสมอภาค มันแฟร์ มันยุติธรรม มันจะรวยไปด้วยกัน พร้อมๆ กัน ไม่มีใครได้เปรียบ-เสียเปรียบใคร

ไทยเราก็เชื่ออเมริกัน เปลี่ยนประเทศจากระบบ "สังคมเกษตรกรรม" ไปเป็นระบบ "สังคมอุตสาหกรรม" เริ่มจากยุคจอมพลสฤษดิ์  ธนะรัชต์

นี่ก็ ๕๐ ปีเข้าไปแล้ว!

ก็ตอบกันเอาเองนะครับว่า ในความรวยเอา-รวยเอาของ "สหรัฐและกลุ่มทุน" เป็นความรวยจากการ "เอารัด-เอาเปรียบ" ประเทศบริวารหรือเปล่า

ดูจากไทยเราเองก็ได้ว่า ยามสหรัฐรวย ไทยเคยรวยเสมอภาคกับเขามั้ย?

แต่ตอนนี้ สหรัฐหัวหน้าใหญ่ระบบทุนเสรีกำลังจนตรอก กลับเฉลี่ยความฉิบหายให้กับ "เหยื่อระบบทุนเสรี" ถ้วนหน้า รวมทั้งไทยด้วย

มันไม่เป็นอย่างทฤษฎี "เรือใหญ่-เรือเล็กในทะเล" นี่ครับ มันกลายเป็นว่าเมื่อน้ำขึ้น พวกเรือรบ คือประเทศใหญ่ บรรทุกได้มาก แถมยังแล่นน้ำบานไปคนเดียว

รวยคนเดียวยังไม่พอ ยังสร้างคลื่นลูกโต  ซัดเรือเล็ก-เรือน้อยคว่ำ "ลอยตุ๊บป่อง" ไปตามๆ กัน!

นั่นก็ยังพอลอยคออยู่ได้ แต่พวกเรือเล็กหน้าโง่บางลำ-บางประเทศนี่ซี แทนที่จะแล่นไปด้วยกำลังเครื่องจักรตัวเอง กลับเอาโซ่ไปคล้องติดเป็น "เรือพ่วง" ไปกับเรือใหญ่

ด้วยเหิมเกริม ดีใจว่า เรือใหญ่ถึงไหน  เรือเล็กเราก็ไปถึงด้วย ทุ่นทั้งแรง-ทุ่นทั้งเวลา โดยลืมไปสนิทว่า

การเอาโซ่ล่ามติดเรือใหญ่ นั้น ตอนน้ำขึ้นก็ยังเป็นกระดี่ได้น้ำอยู่หรอก แต่ตอนน้ำลงนี่ซี

เรือใหญ่-เขายังสามารถใช้ท้องเกยตื้นรอน้ำขึ้นได้ แต่ "เรือเล็ก" ที่ผูกติดกับเรือใหญ่

"แขวนคอตาย" ต่องแต่ง!

ต้องไม่ลืมว่า เศรษฐกิจการค้า มันเรื่องของ "ปลาใหญ่กินปลาเล็ก" ในเมื่อทั้งปลาใหญ่-ปลาเล็ก ต้องว่ายหากินอยู่ในทะเลผืนเดียวกัน เราก็ต้องยอมรับในความเป็นจริงตามกลไกธรรมชาตินั้น

นั่นก็คือ ที่ประเทศขาใหญ่อย่างสหรัฐชูระบบ "ทุนนิยมเสรี" ขึ้นมา ด้วยอ้างว่าเป็นระบบที่ให้โอกาส "เพื่อการเข้าถึง" กับทุกประเทศสมาชิกอย่างเสรี

แต่โลกที่เป็นจริงมันมีซะที่ไหนล่ะ สหรัฐรวมถึงกลุ่มประเทศผู้นำทางเศรษฐกิจ ที่เรียกกันว่า G8 เขาใช้คำว่า "การค้าเสรี" เป็นแครอต

แล้วสร้างแบงก์โลก  ยูเสด ไอเอ็มเอฟ ดับเบิลยูทีโอ และ ฯลฯ ขึ้นมาเป็น "ปากทาง" ล่อให้เดินเข้าไป

เมื่อเหยื่อเดินเข้ามาแทะแครอต เจ้าองค์กรโลกเหล่านี้มันจะงัดเงื่อนไขสัญญา พร้อมทั้งตั้งกฎกติกาเป็นมาตรการกีดกันทางการค้า กำหนดมาตรฐานสินค้าต่างๆ นานา โดยเฉพาะกับสินค้าเกษตร สินค้าประมง ชนิดที่ "พ่อมัน" ก็ยังปฏิบัติไม่ได้

ใช้เป็นสติก "ทุบหัว"!

ประเทศเราแทบฉิบหายขายตัวจนถึงวันนี้ ไม่ใช่เพราะไปหลงแครอตเขาดอกหรือ  ที่ต้องออก "กฎหมายขายชาติ ๑๑ ฉบับ" ก็เพราะ IMF เครื่องหมายกลุ่มทุนสหรัฐ มันบีบบังคับให้เราต้องทำตามมัน

ไม่อย่างนั้น มันก็ไม่ยอมให้เงินกู้มาแก้พิษ "โรคต้มยำกุ้ง" เมื่อปี ๔๐!

บังคับให้ต้องเอารัฐวิสาหกิจชั้นดีแปรรูป  ขายหุ้นให้ต่างชาติ อย่างเช่น กฟผ. ปตท. เป็นต้น

บังคับให้ต้องเอามหาวิทยาลัยรัฐออกนอกระบบ โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยที่สอนทางการแพทย์ ที่เขาหวังใช้เป็นฐานด้านงานวิจัย เพื่อผลทางธุรกิจบริษัทผลิตยาผูกขาด

เรื่องสิทธิบัตรและการค้ายาของสหรัฐ ต้องทราบกันไว้นะครับว่า บริษัทยานี่แหละ "กลุ่มทุนใหญ่" ที่ร่ำรวย และหนุนหลังการเมืองสหรัฐ ไม่ว่าเดโมแครต หรือรีพับลิกันมาทุกยุค-สมัย

เงินใช้หาเสียง "ประธานาธิบดีบุช" นั่นก็เถอะ มาจากกลุ่มพ่อค้ายาเป็นหลัก งานแรกที่นั่งเป็นประธานาธิบดี ก็คืองานออกกฎหมายให้พวกพ่อค้ายากลุ่มทุนเขานี่แหละ

ฉะนั้น อย่าแปลกใจไปเลยที่แค่ไทยเราจะทำ CL ยา เรื่องยังต้องไปถึงทำเนียบขาว  งัดสิทธิพิเศษทางพิกัดอัตราภาษีศุลกากรทางการค้า ที่เรียกว่า GSP มาขู่

ทั้งเรื่องเกษตร   กรุยทางให้ปลูกพืช  GMO เพื่อผูกขาดขายเมล็ดพันธุ์ เรื่องป่าชุมชน เรื่องความมั่นคงทางการทหาร เรื่องใช้ไทยเป็นที่ทิ้งสารเคมี วัตถุอันตราย

ทั้งเรื่องทำเอฟทีเอ แอบแฝงหวังฮุบป่าไม้เขตร้อนชื้นอย่างเมืองไทยอันหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งจะมีค่าทางงานวิจัยยาใหม่ๆ จากพืชสมุนไพรในอนาคตมูลค่ามหาศาล

นี่แค่ตัวอย่างนะครับ ซึ่งเราจะเห็นว่า แผนสร้าง "จักรวรรดินิยมสหรัฐ" ขึ้นใหม่ครั้งนี้ เขาวางแผนเป็นขั้น เป็นตอน ต่อเนื่องมานานแล้ว จะเรียกว่า ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ เรื่อยมาก็ว่าได้

รูปธรรมก็ผ่านองค์กรโลกที่เขาตั้งขึ้นเป็นเครื่องมือ เช่น  แบงก์โลก ไอเอ็มเอฟ ในภาพของ "องค์กรเพื่อการช่วยเหลือ" เหล่านี้แหละ

อย่างไทยเรา เริ่มสู่ความเป็นทาสระบบทุนเต็มสูบ ก็ตั้งแต่ปี ๒๔๓๐ ที่ระบบทุนสหรัฐหลอกล่อให้ไทยเป็นตลาดเงินเสรี หวังครองความเป็นประเทศศูนย์กลางทางการค้า-การเงินในภูมิภาค

เป็นเสือกะบากตัวที่ ๕ อะไรทำนองนั้น!

กระทรวงคลังยุคนั้น  ประกาศออกใบสินเชื่อวิเทศธนกิจกรุงเทพ  ที่เรียกกันว่า BIBF ให้แก่แบงก์พาณิชย์ทั้งในและนอกประเทศ แล้วคนไทยก็ยืดอกกันยกใหญ่ว่า

"ไทยสู่ยุคทองการเงิน" แล้ว (โว้ย)!

แบงก์ปล่อยกู้กันแหลก  เงินไม่มีไม่เป็นไร ไปกู้เงินฝรั่งดอกถูกเข้ามาปล่อยกู้ไปเล่นหุ้น ซื้อที่ดิน โดยไม่มีความเสี่ยง เพราะค่าเงินบาทฟิกซ์ตายตัว เรียกว่าทั้งคนกู้และคนปล่อยกู้..มั่วกันเมามัน

เพียงไม่กี่ปี โลกาภิวัตน์ของไทยก็ถึงคราวโลกาวิบัติในปี ๔๐ ก็จะเห็นว่า จุดเริ่มก็เพราะฝรั่งมันหลอกให้เปิดประตูบ้าน แล้วเขาก็ให้ "จอร์จ โซรอส" มาปล้นซะเรียบ!

เอาเข้าจริง  จอร์จ โซรอส ก็คือคนในขบวนการ "อำนาจเดียวครองโลก" ที่อดีตประธานาธิบดีบุชเป็นหัวหน้าใหญ่นั่นแหละ หาใช่ใครอื่นไม่ จำกันได้มั้ยล่ะ ตอนที่นายกฯ ไทย พ.ศ.๒๕๔๑ ไปสหรัฐ

ก็ต้องไปขึ้นเวที Council on Foreign Relations ที่รู้จักกันในชื่อย่อว่า "องค์กร CFR" และนายกฯ ไทยก็ต้องจับมือกับ "จอร์จ โซรอส" คนที่ทำให้ไทยวิบัติในสงคราม "ทุบค่าเงินบาท"

ก็จะเห็นว่าเศรษฐกิจประเทศไทย เดินลงหลุมที่ "กลุ่มทุนเสรีนิยม" โดยสหรัฐขุดดักไว้ ผ่านตลาดเงิน-ตลาดอุตสาหกรรมการค้า มีตลาดหุ้น "ตลาดดาวโจนส์" เป็นร่างทรงบอกทิศ เป็นดัชนี้ชี้เศรษฐกิจให้บ้าตามแต่ละวัน

ทุกวันนี้ ไปดูผู้ชำนาญการเศรษฐกิจจอตู้ทั้งหลายเขาซีครับ ในสมองมีทัศนคติเป็นฐานเหมือนกันหมดว่า..ใครมาสร้างบรรยากาศให้ "เงินนอก" ไม่เข้ามาเล่นหุ้นไทย ถือว่าเป็นผู้บ่อนทำลายชาติ!

ใครจะบริหารประเทศ โกง-กิน ยำยำตำบอน ผิด-ถูกอย่างไร..ช่างมัน ขออย่างเดียวทำให้ตลาดหุ้นขึ้นได้

ถือว่าดี ถือว่าเก่ง คนไทยยอมรับนับถือ!!

ครับ..เศรษฐกิจสหรัฐคือเศรษฐหกิจโลก ระบบทุนนิยมเสรีถึงจุดวิบัติตามวงรอบของมันแล้ว แล้วไทยเรายังบริหารแบบเอาโซ่ไปผูกติดกับเรือรบเกยตื้นอยู่อีกหรือ?

คนที่พูดถึงแนวทางไทยผ่านภาวะเศรษฐกิจที่เข้าท่า ผมว่า "นายสันติ วิลาสศักดานนท์" ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย  พูดแต่ละครั้งอยู่บนฐานที่ควรรับฟังมากกว่าเพื่อน

ไทย-ไม่ใช่ประเทศ "อุตสาหกรรมเครื่องจักร" เพื่อการส่งออกหรอกครับ มองไปรอบตัว ไม่เห็นเหล็ก ไม่เห็นน้ำมัน ไม่เห็นเทคโนโลยี ไม่เห็นงานวิจัย ไม่เห็นนักวิทยาศาสตร์ ไม่เห็นโนฮาว

เห็นแต่นาข้าว เห็นแต่เรือกสวน เห็นแต่ทะเล ห้วย หนอง คลอง บึง เห็นแต่กุ้ง หอย ปู ปลา เห็นแต่พืช-ผัก-ผล-ไม้ เห็นแต่วัว-ควาย ไก่-เป็ด

ก็เชิญตรองกันเถอะครับว่า ยังอยากจะเป็นเสือเศรษฐกิจตัวที่ ๕ ในภูมิภาค   ด้วยการลากถูลู่ถูกังประเทศไปตามระบบ "ทุนนิยมเสรี" เหมือนเดิม อันไทยไม่มีต้นทุนและความชำนิชำนาญด้านนั้นเลย หรือว่าจะหันมาใช้ "จุดแข็ง" ของประเทศตัวเองด้าน "เกษตรอุตสาหกรรม" โดยนำชาติให้รอดก่อนด้วยนโยบาย "เศรษฐกิจพอเพียง"

ข้าวเปลือกเกวียนละ  ๑  หมื่นแล้ว  ชนิดไม่ต้องพึ่งน้ำยารัฐบาลเลย ตั้งโรงเรียนควาย สอนคนไถนา ดีกว่าให้ตั้งโรงงาน ก็ต้องวานให้สมัครคิดหน่อย.
บันทึกการเข้า

ผู้ที่ไม่สามารถจะใช้คนดี
ก็ย่อมจะใช้คนไม่ดีหรือคนเลว
ถ้าไม่เชื่อผู้ซื่อสัตย์หวังดีต่อตน
ก็จะต้องไปเชื่อคนประจบสอพลอ
narong
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 654



เว็บไซต์
« ตอบ #5 เมื่อ: 22-03-2008, 23:57 »




http://www.khunnamob.net/board/show.php?Category=khunnamob&No=634&forum=6&page=3&PHPSESSID=7046b36baaecccd88a54464bdd803b43

สาวลึกสายพันธุ์ "เบเกอร์ บอตต์ส-ทักษิณ" จากหุ้นส่วนธุรกิจ สู่ "ลูกค้า" ล็อบบี้ยิสต์

แม้รัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ จะแสดงท่าทีชัดว่า ไม่สนใจจะตอบโต้การดำเนินการของ บริษัท เบเกอร์ บอตต์ส (Baker Botts L.L.P) ซึ่งสวมบททนายหน้าหอให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เรียกร้องให้นักลงทุนต่างประเทศ บอยคอตการลงทุนในประเทศ ประกอบกับบทบาทของบริษัทกฎหมาย เฉกเช่น เบเกอร์ บอตต์ส ซึ่งผันตัวมาทำหน้าที่นักวิ่งเต้น หรือล็อบบี้ยิสต์ ให้กับ "ลูกค้า" ไม่ถือเป็นเรื่องแปลก และใหม่ ก่อนหน้านี้ ยูเอสเอ ฟอร์ อินโนเวชั่น (USA for Innovation) องค์กรไม่แสวงผลกำไรที่สนับสนุนการพัฒนานวัตกรรม ก็เคยสวมบทคล้ายๆ กันนี้ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ด้านสิทธิบัตรยา ให้กับกลุ่มอุตสาหกรรมเวชภัณฑ์ชั้นนำในสหรัฐมาแล้ว ผ่านล็อบบี้ยิสต์คนดัง "เคน อาเดลแม" อย่างไรก็ตาม ชื่อเสียงและความเป็นมาของเบเกอร์ บอตต์ส หรือ เบเกอร์ แอนด์ บอตต์ส อันเป็นชื่อเดิมเมื่อแรกก่อตั้ง ในปี 1840 กลับน่าสนใจยิ่ง เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คนไทยได้ยินชื่อบริษัทนี้ ก่อนหน้านี้ไม่นาน นาย กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ นักการเมืองพรรคประชาธิปัตย์ ให้ข้อมูลว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ว่าจ้าง บริษัทที่ปรึกษากฎหมายแห่งนี้ ทำหน้าที่ช่วยพัฒนาและใช้กลยุทธ์ในประเด็นการเมือง และกฎหมายระหว่างประเทศต่างๆ ที่มีผลต่อทักษิณเนื่องจากผลจากการรัฐประหาร 19 กันยายน ยิ่งกว่านั้น ยังเป็นที่ทราบกันดีว่า เป็นของนายเจมส์ เอ.เบเกอร์ ที่ 3 อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศคนดังของสหรัฐ

 แต่ในขณะเดียวกัน นายเบเกอร์มีชื่อระบุเป็นผู้ร่วมก่อตั้งและที่ปรึกษาอาวุโส ของกลุ่มบริษัท คาร์ไลล์ กรุ๊ป (Carlyle Group) สื่อมวลชนต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงเดอะ เนชั่นของสหรัฐ ได้ตั้งข้อสังเกตถึงบทบาทอันน่าคลางแคลงใจของนายเบเกอร์ บริษัท เบเกอร์ แอนด์ บอตต์ส และกลุ่มคาร์ไลล์ในหลายๆ กรณี โดยเฉพาะบทบาทในฐานะทูตพิเศษของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช จูเนียร์ เพื่อไปดำเนินการเรื่องหนี้ของอิรัก พร้อมกับมีการเปิดโปงเอกสารสำคัญที่ระบุถึงการดำเนินการในลักษณะผลประโยชน์ทับซ้อนของนาย เบเกอร์ และกลุ่มคาร์ไลล์ กรุ๊ป ที่นายเบเกอร์ถือหุ้นอยู่ 180 ล้านดอลลาร์ (อ้างอิงข้อมูลปี 2547 โดยเดอะ เนชั่น ของสหรัฐ) โดยกลุ่มคาร์ไลล์ได้พยายามหาทางให้รัฐบาลคูเวตค้ำประกันการลงทุน 1 พันล้านดอลลาร์เป็นกรณีพิเศษ โดยใช้อิทธิพลในฐานะทูตพิเศษของนายเบเกอร์ ประชาชาติธุรกิจได้รวบรวมข้อมูลเอกสารอิเล็กทรอนิกส์จำนวนหนึ่ง พบสายสัมพันธ์ที่เชื่อมโยง ระหว่างนายเจมส์ เบเกอร์ และ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งแสดงถึงระดับความแน่นแฟ้น ที่มาจากความเป็น "ลูกค้า" และบริษัทที่ปรึกษาด้านกฎหมาย โดยมีกลุ่มคาร์ไลล์ เป็นเสมือน "ข้อต่อ" สำคัญของวงจรความสัมพันธ์ของบุคคลทั้งคู่

อ้างอิงบทวิเคราะห์ของเอเชีย ไทมส์ (Asia Time online) เรื่อง Carlyle"s tentacles embrace Asia โดยทิม เชอร์ร็อค ตีพิมพ์เผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ www.atimes.com เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2545 ให้ข้อมูลที่น่าสนใจ 2 ประการ โดยประกาศแรก นายจอร์จ ดับเบิลยู. บุช ซีเนียร์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งในช่วงปี 2542 มีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาอาวุโส ฝ่ายเอเชีย ของคาร์ไลล์ กรุ๊ป ได้ทาบทามอดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลในภูมิภาคเอเชียจำนวนหนึ่ง มาร่วมงาน เพื่อช่วยในการหานักลงทุนให้กับ Asia Fund ของคาร์ไลล์ และระบุบริษัทที่มีศักยภาพ ซึ่งกองทุนเอเชีย ฟันด์ ของคาร์ไลล์น่าจะเข้าไปลงทุนซื้อ ในฐานะคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านการลงทุน (Carlyle Advisory Board) ของคาร์ไลล์ กรุ๊ป ประจำภูมิภาคเอเชีย เอเชีย ไทมส์ ระบุว่า "บางรายเป็นอดีตผู้นำรัฐบาลของหลายประเทศ ในจำนวนนั้น รวมถึงอดีตประธานาธิบดีฟิเดล รามอส ของฟิลิปปินส์ และนายอานันท์ ปันยารชุน ของไทย" เอเชีย ไทมส์ ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ไว้ในวงเล็บต่อมาว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน เพื่อนที่มีสายสัมพันธ์กับอดีตประธานาธิบดีบุชมายาวนาน ได้ลาออกจากกองทุนเอเชีย ฟันด์ ของคาร์ไลล์ก่อนหน้าที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเพียงแค่ 1 ปี

 น่าสนใจว่า แม้แต่นายเจมส์ เบเกอร์เอง ซึ่งมีชื่อว่า เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง และที่ปรึกษาอาวุโส ของคาร์ไลล์ กรุ๊ป ก็อยู่ในบอร์ดที่ปรึกษา ประจำเอเชีย เช่นกัน อีกประการหนึ่ง คือ ในช่วงปี 2542 ซึ่งเป็นปีที่ไทย เกาหลีใต้ และประเทศอื่นๆ ในเอเชีย "อยู่ในภาวะจวนเจียนใกล้ล้มละลาย" อดีตประธานาธิบดีบุช ซีเนียร์ ได้จัดประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาอาวุโส ประจำเอเชีย เป็นนัดแรก ที่กรุงเทพฯ เพื่อหารือถึงศักยภาพในการลงทุนของต่างประเทศ ในภูมิภาคนี้นับจากนั้น คาร์ไลล์ ได้กลายเป็นหนึ่งในนักลงทุนต่างประเทศรายใหญ่สุดในเกาหลีใต้และไต้หวัน ผ่านกองทุนที่จัดตั้งเพื่อการลงทุนในเอเชียโดยเฉพาะ อาทิ กองทุน Asia Buyout Fund และกองทุน Asia Venture Fund เป็นต้น จากความเกี่ยวโยงในแง่ธุรกิจในอดีต ดูเหมือนความสัมพันธ์นายเจมส์ เบเกอร์ และ ดร.ทักษิณ กำลังเป็นที่จับตามองอีกครั้ง แต่ในสถานะที่เปลี่ยนไป โดยบริษัทที่ปรึกษาด้านกฎหมาย ของนายเบเกอร์ กำลังให้ความช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ในฐานะ "ลูกค้า" ที่มาใช้บริการของบริษัท ในการประชาสัมพันธ์ข้อมูลที่เป็นด้านบวกให้กับอดีตนายกรัฐมนตรี และเคลื่อนไหวอย่างเป็นทางการ เพื่อเรียกร้องให้นักลงทุนต่างประเทศ บอยคอตต์การลงทุนในประเทศ โดยอ้างว่า "การยึดทรัพย์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยคณะกรรมการที่ถูกแต่งตั้งโดยผู้นำการก่อรัฐประหาร แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้า ครั้งใหญ่ของคณะทหารไทย ในความพยายามที่จะบดขยี้ กฎ กติกา และหลักนิติธรรม อันเป็นที่ยอมรับทั่วไปในสากลโลก"

 และเป็น "...การกระทำของคณะทหารเป็นการแสดงถึงความตั้งใจที่จะเป็นผู้กระทำฝ่ายเดียว ด้วยความอาฆาตพยาบาท ต่อผู้ถูกกระทำคือ ดร.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นลูกความของเรา แม้ว่า ดร.ทักษิณ จะประกาศ ย้ำแล้วย้ำอีก ถึงเจตนาที่จะช่วยเหลือในกระบวนการสมานฉันท์ ซึ่งเป็นกระบวนการที่จำเป็นต่อประเทศไทย ในการกลับสู่ประชาธิปไตยและความมีเสถียรภาพ" เบเกอร์ บอตต์ส แอล. แอล. พี. ทิ้งท้ายไว้ในแถลงการณ์ว่า บริษัทของเขาเป็นตัว แทนทางกฎหมายที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ ให้หาวิถีทางอันเป็นไปได้ตามกติกาสากลทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ ในการปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ข้อมูลโดยสังเขป ที่น่าสนใจของบริษัท เบเกอร์ แอนด์บอตต์ส ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ.1840 เป็นสำนักงานกฎหมายชั้นนำ มีสำนักงานอยู่ใน ออสติน ปักกิ่ง ดัลลัส ดูไบ ฮ่องกง ฮุสตัน ลอนดอน มอสโก นิวยอร์ก ริยาร์ด และวอชิงตัน มีทนายความในสังกัดประมาณ 750 คน เบเกอร์ บอตตส์ ให้บริการทางกฎหมายทุกประเภทแก่ลูกความ ทั้งในระดับท้องถิ่น ประเทศ และนานาชาติ

 ส่วนกลุ่มคาร์ไลล์ กรุ๊ป ก่อตั้งเมื่อปี 1987 มีลักษณะธุรกิจตามที่ระบุไว้ใน www.thecarlylegroup.com ว่า เป็นบริษัทลงทุนส่วนบุคคลระดับโลกที่มีเงินภายใต้การบริหาร 31 พันล้านดอลลาร์ คาร์ไลล์ลงทุนในการซื้อกิจการ, การร่วมทุน, อสังหาริมทรัพย์, และการเก็งกำไรในภาคพื้นเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ ในกิจการทางอากาศและการป้องกัน, รถยนต์และการเดินทาง, ผู้บริโภคและการขายปลีก, พลังงานและพลังงานกล, การดูแลรักษาสุขภาพ, อุตสาหกรรม, เทคโนโลยีและบริการทางธุรกิจ, และการโทรคมนาคมและสื่อ ตั้งแต่ปี 2530 เป็นต้นมาบริษัทได้ลงทุนไปทั้งหมด 1.43 หมื่นล้านดอลลาร์ ในธุรกรรม 414 รายการ ด้วยราคาซื้อทั้งหมดที่ 4.95 หมื่นล้านดอลลาร์ คาร์ไลล์ กรุ๊ป มีพนักงานมากกว่า 600 คน ใน 13 ประเทศ ในเครือข่ายบริษัทคาร์ไลล์ทั้งหมดมีรายได้มากกว่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์ และมีพนักงานมากกว่า 131,000 คนทั่วโลก มีหลุยส์ เกิร์สเนอร์ จูเนียร์ อดีต ประธานไอบีเอ็ม เป็นประธานบริษัท

http://www.matichon.co.th/prachachat/prachachat_detail.php?s_tag=02p0102180650§ionid=0201

บันทึกการเข้า

ผู้ที่ไม่สามารถจะใช้คนดี
ก็ย่อมจะใช้คนไม่ดีหรือคนเลว
ถ้าไม่เชื่อผู้ซื่อสัตย์หวังดีต่อตน
ก็จะต้องไปเชื่อคนประจบสอพลอ
(ลุง)ถึก สไลเดอร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,026



« ตอบ #6 เมื่อ: 22-03-2008, 23:57 »

ดอลลาร์ขาดตลาดแล้ว
มีใครกว้านซื้อไปบ้าง ตรวจสอบด่วน.....

 
บันทึกการเข้า

(ลุง)ถึก สไลเดอร์
narong
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 654



เว็บไซต์
« ตอบ #7 เมื่อ: 23-03-2008, 00:05 »

ดอลลาร์ขาดตลาดแล้ว
มีใครกว้านซื้อไปบ้าง ตรวจสอบด่วน.....

 

บันทึกการเข้า

ผู้ที่ไม่สามารถจะใช้คนดี
ก็ย่อมจะใช้คนไม่ดีหรือคนเลว
ถ้าไม่เชื่อผู้ซื่อสัตย์หวังดีต่อตน
ก็จะต้องไปเชื่อคนประจบสอพลอ
narong
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 654



เว็บไซต์
« ตอบ #8 เมื่อ: 23-03-2008, 00:10 »



[size=1ุ4pt]A Conversation with Thaksin Shinawatra, Prime Minister of Thailand [Rush Transcript; Federal News Service, Inc.[/size]
http://www.cfr.org/publication/11482/conversation_with_thaksin_shinawatra_prime_minister_of_thailand_rush_transcript_federal_news_service_inc.html
บันทึกการเข้า

ผู้ที่ไม่สามารถจะใช้คนดี
ก็ย่อมจะใช้คนไม่ดีหรือคนเลว
ถ้าไม่เชื่อผู้ซื่อสัตย์หวังดีต่อตน
ก็จะต้องไปเชื่อคนประจบสอพลอ
(ลุง)ถึก สไลเดอร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,026



« ตอบ #9 เมื่อ: 23-03-2008, 00:19 »

ผมว่างานนี้ แม้วรวยเละอีกเช่นเคยครับคุณณรงค์
เพราะมันมีเงินเยอะ แค่นั้นเอง
  กษัตริย์สวีเดนหมดไปแล้ว200ล้านบาทภายในอาทิตย์เดียว เพราะพระองค์ท่านยังอุ้ม
บริษัทเก่าแก่ของสวีเดนคงไม่ต้องบอกว่าเป็นบริษัทอะไร หุ้นตกรูดมหาราชเลยครับ
  พระองค์ท่านยังไม่ฉวยโอกาสเหมือนพวกHere ทั้งหลาย ไม่ขายหุ้นทิ้ง เพราะพระองค์ท่านถือว่า
มันเป็นบริษัทคู่บ้านคู่เมืองครับ

 
บันทึกการเข้า

(ลุง)ถึก สไลเดอร์
ดอกฟ้ากับหมาวัด
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,042



« ตอบ #10 เมื่อ: 23-03-2008, 00:25 »

ตอนนี้ใครมีเงินออมดอกเบี้ยฝากประจำต่ำกว่าเงินเฟ้อ

แนะนำให้ลงทุนในหุ้น PTTAR, IRPC , EGCO , DELTA

ถือยาวๆ ดีกว่าฝากแบงค์มากมายเลย

ป่าวใบ้หวยนะ
บันทึกการเข้า

***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ

      น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
(ลุง)ถึก สไลเดอร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,026



« ตอบ #11 เมื่อ: 23-03-2008, 00:31 »

ผมบอกญาติๆให้ซื้อทองเก็บเอาไว้ตั้งแต่เมื่อ3ปีก่อน
ส่วนผมเองมีทองอยู่2ไห ฝังดินแล้วทำลายแทงเอาไว้
  ปรากฏว่าลายแทงโดนหนูแทะ เลยไม่รู้จะทำไง
แถวๆบ้านมันกลายเป็นคอนโดฯไปหมดแล้ว....... เอิ้กกกกก

 
บันทึกการเข้า

(ลุง)ถึก สไลเดอร์
narong
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 654



เว็บไซต์
« ตอบ #12 เมื่อ: 23-03-2008, 00:32 »

ผมว่างานนี้ แม้วรวยเละอีกเช่นเคยครับคุณณรงค์
เพราะมันมีเงินเยอะ แค่นั้นเอง

แบงค์กงเต๊กมากกว่าครับลุง เพราะดอลลาร์ไม่มีทองคำสำรองค้ำประกัน มีแต่ FED



http://www.heart7.net/site.html

http://video.yahoo.com/watch/411826

http://www.geocities.com/rebornempowered/mandrake/mandrake.htm#Anchor-flowchart
บันทึกการเข้า

ผู้ที่ไม่สามารถจะใช้คนดี
ก็ย่อมจะใช้คนไม่ดีหรือคนเลว
ถ้าไม่เชื่อผู้ซื่อสัตย์หวังดีต่อตน
ก็จะต้องไปเชื่อคนประจบสอพลอ
ดอกฟ้ากับหมาวัด
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,042



« ตอบ #13 เมื่อ: 23-03-2008, 00:38 »

ผมบอกญาติๆให้ซื้อทองเก็บเอาไว้ตั้งแต่เมื่อ3ปีก่อน
ส่วนผมเองมีทองอยู่2ไห ฝังดินแล้วทำลายแทงเอาไว้
  ปรากฏว่าลายแทงโดนหนูแทะ เลยไม่รู้จะทำไง
แถวๆบ้านมันกลายเป็นคอนโดฯไปหมดแล้ว....... เอิ้กกกกก

 




อิจฉา....จริงๆ ตอนนี้ทองบาทละหมื่นสี่พันกว่า

ราคาเพิ่งตกไปจากหมื่นห้าพัน

สองไห หนักเท่าไหร่ ไม่มีใครรู้

ลุงถึกฯ จะนิ่งดูดายได้ไงคะ เค้าว่ากันว่า ราคาทองคำอีกสักปีนึงต่อไป จะมีมูลค่า ที่ราคาบาทละสองหมื่น

รีบไปตามหาลายแทงโดยด่วน พอรวยแล้วอย่าลืมสมาชิกเสรีไทยฯนาคะ  อิ อิ
บันทึกการเข้า

***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ

      น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
(ลุง)ถึก สไลเดอร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,026



« ตอบ #14 เมื่อ: 23-03-2008, 00:59 »

ภาวนา ขอให้มันเป็นอย่างที่คุณณรงค์บอกก็แล้วกัน
 
บันทึกการเข้า

(ลุง)ถึก สไลเดอร์
Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #15 เมื่อ: 24-03-2008, 09:39 »

ผมว่างานนี้ แม้วรวยเละอีกเช่นเคยครับคุณณรงค์
เพราะมันมีเงินเยอะ แค่นั้นเอง

แบงค์กงเต๊กมากกว่าครับลุง เพราะดอลลาร์ไม่มีทองคำสำรองค้ำประกัน มีแต่ FED



http://www.heart7.net/site.html

http://video.yahoo.com/watch/411826

http://www.geocities.com/rebornempowered/mandrake/mandrake.htm#Anchor-flowchart

ว่าแต่ว่า ไอ้แบ๊งดอลล่าเนี่ย ทำไมต้องมีปิรามิดด้วยอ่ะ งง

หรือว่า ตูอ่าน เทวา กับ ซาตาน และ ดาวินชี่โค๊ด มากไปหว่า?
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
narong
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 654



เว็บไซต์
« ตอบ #16 เมื่อ: 24-03-2008, 11:21 »

ลองไปหาหนังสือเล่มนี้มาอ่านก่อนครับ
เพราะข้อมูลส่วนมากจะเป็นภาษาอังกฤษ
และซับซ้อนมาก ไม่ค่อยมีคนแปลเป็นไทย




บันทึกการเข้า

ผู้ที่ไม่สามารถจะใช้คนดี
ก็ย่อมจะใช้คนไม่ดีหรือคนเลว
ถ้าไม่เชื่อผู้ซื่อสัตย์หวังดีต่อตน
ก็จะต้องไปเชื่อคนประจบสอพลอ
narong
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 654



เว็บไซต์
« ตอบ #17 เมื่อ: 24-03-2008, 11:22 »

สงครามล้างโลก และ รวมบทความ จุดไฟในนาคร ของ ชัชรินทร์ ไชยวัฒน์
http://www.khunnamob.net/board/show.php?Category=khunnamob&forum=6&No=609&picfolder=mXT0HkNN&PHPSESSID=67e9860c0dec9d5e94da5321a003d074#top

บันทึกการเข้า

ผู้ที่ไม่สามารถจะใช้คนดี
ก็ย่อมจะใช้คนไม่ดีหรือคนเลว
ถ้าไม่เชื่อผู้ซื่อสัตย์หวังดีต่อตน
ก็จะต้องไปเชื่อคนประจบสอพลอ
narong
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 654



เว็บไซต์
« ตอบ #18 เมื่อ: 24-03-2008, 11:32 »

http://www.siammilitarylodge.org/


หรือว่า ตูอ่าน เทวา กับ ซาตาน และ ดาวินชี่โค๊ด มากไปหว่า?

เป็นนิยายของกลุ่มฟรีเมสัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-03-2008, 11:34 โดย narong » บันทึกการเข้า

ผู้ที่ไม่สามารถจะใช้คนดี
ก็ย่อมจะใช้คนไม่ดีหรือคนเลว
ถ้าไม่เชื่อผู้ซื่อสัตย์หวังดีต่อตน
ก็จะต้องไปเชื่อคนประจบสอพลอ
Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #19 เมื่อ: 24-03-2008, 11:39 »

ลองไปหาหนังสือเล่มนี้มาอ่านก่อนครับ
เพราะข้อมูลส่วนมากจะเป็นภาษาอังกฤษ
และซับซ้อนมาก ไม่ค่อยมีคนแปลเป็นไทย






โว๊วววว

แล้วจะไปหาอ่านได้ที่ไหนเนี่ย 

คุณณรงค์มีให้ยืมไม๊ครับ 

http://www.siammilitarylodge.org/


หรือว่า ตูอ่าน เทวา กับ ซาตาน และ ดาวินชี่โค๊ด มากไปหว่า?

เป็นนิยายของกลุ่มฟรีเมสัน

ว่าแต่ว่า ไอ้ 2 อันนี้มันคืออะไรอีกล่ะครับ 
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
narong
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 654



เว็บไซต์
« ตอบ #20 เมื่อ: 24-03-2008, 11:49 »

คุณณรงค์มีให้ยืมไม๊ครับ 

ลองหาตามร้านหนังสือทั่วไปครับแต่อาจจะหายากหน่อย ส่วนใหญ่ผมค้นจากเน็ทเป็นภาษาอังกฤษไม่ได้ซื้อ

ส่วนแหวนก็เป็นสัญญลักษณ์ของกลุ่มฟรีเมสันและเวปของฟรีเมสันในไทย
บันทึกการเข้า

ผู้ที่ไม่สามารถจะใช้คนดี
ก็ย่อมจะใช้คนไม่ดีหรือคนเลว
ถ้าไม่เชื่อผู้ซื่อสัตย์หวังดีต่อตน
ก็จะต้องไปเชื่อคนประจบสอพลอ
Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #21 เมื่อ: 24-03-2008, 12:00 »

--------

ส่วนแหวนก็เป็นสัญญลักษณ์ของกลุ่มฟรีเมสันและเวปของฟรีเมสันในไทย[/color][/size]

มีด้วยเหรอเนี่ย 
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
หน้า: [1]
    กระโดดไป: