http://www.thaipost.net/index.asp?bk=thaipost&post_date=19/Mar/2551&news_id=156000&cat_id=200เปลวสีเงิน
คนปลายซอย
19 มีนาคม 2551 กองบรรณาธิการ
จะแก้เศรษฐกิจไทยหรือใครกันแน่?
รัฐบาลท่านกำลัง "กู้เศรษฐกิจ" แบบ ปวดหัวก็ให้ยาแอสไพริน ปวดเมื่อยก็ทายาหม่อง ปวดท้องก็ให้กินยาธาตุ เรียกว่า "รักษาตามอาการ" เป็น "หมอยากลางบ้าน" ที่เก่งจริงๆ แต่อยากจะบอกชาวบ้านว่า การรักษาแบบนี้ มันแค่ปะทะ-ปะทังอาการเท่านั้นครับ นอกจากไม่หายแล้วยัง..ตายแล!
ถ้ารัฐบาลยังเอา "เศรษฐกิจโลก-เศรษฐกิจสหรัฐ" เป็นตัวตั้งในการกำหนดนโยบาย และเป็นเข็มทิศชี้ทางนำเศรษฐกิจประเทศละก็ เราต้องพบกับคำว่า
"ไปไม่กลับ-หลับไม่ตื่น-ฟื้นไม่มี" แน่ๆ!
มีนักการเมืองบางคน จำไม่ได้แล้วว่าไทยหรือเทศ เขาวาดภาพให้ประเทศด้อยพัฒนา และกำลังพัฒนาได้เคลิ้มว่า "เศรษฐกิจระบบทุนนิยมเสรี เหมือนทะเล"
นั่นคือ ไม่ว่าเรือรบ หรือเรืออีแปะ เมื่อน้ำทะเลขึ้น เรือก็ลอยขึ้นเสมอกันทุกลำ เมื่อน้ำลง เรือเล็ก-เรือใหญ่ ก็จะลงเสมอกันทุกลำ"
เป็นอุปมา-อุปไมย ให้เห็นว่า "ระบบทุนเสรี" คือการทำให้พื้นที่โลกทั้งใบ เป็นเวทีแห่งความเสมอภาค มันแฟร์ มันยุติธรรม มันจะรวยไปด้วยกัน พร้อมๆ กัน ไม่มีใครได้เปรียบ-เสียเปรียบใคร
ไทยเราก็เชื่ออเมริกัน เปลี่ยนประเทศจากระบบ "สังคมเกษตรกรรม" ไปเป็นระบบ "สังคมอุตสาหกรรม" เริ่มจากยุคจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์
นี่ก็ ๕๐ ปีเข้าไปแล้ว!
ก็ตอบกันเอาเองนะครับว่า ในความรวยเอา-รวยเอาของ "สหรัฐและกลุ่มทุน" เป็นความรวยจากการ "เอารัด-เอาเปรียบ" ประเทศบริวารหรือเปล่า
ดูจากไทยเราเองก็ได้ว่า ยามสหรัฐรวย ไทยเคยรวยเสมอภาคกับเขามั้ย?
แต่ตอนนี้ สหรัฐหัวหน้าใหญ่ระบบทุนเสรีกำลังจนตรอก กลับเฉลี่ยความฉิบหายให้กับ "เหยื่อระบบทุนเสรี" ถ้วนหน้า รวมทั้งไทยด้วย
มันไม่เป็นอย่างทฤษฎี "เรือใหญ่-เรือเล็กในทะเล" นี่ครับ มันกลายเป็นว่าเมื่อน้ำขึ้น พวกเรือรบ คือประเทศใหญ่ บรรทุกได้มาก แถมยังแล่นน้ำบานไปคนเดียว
รวยคนเดียวยังไม่พอ ยังสร้างคลื่นลูกโต ซัดเรือเล็ก-เรือน้อยคว่ำ "ลอยตุ๊บป่อง" ไปตามๆ กัน!
นั่นก็ยังพอลอยคออยู่ได้ แต่พวกเรือเล็กหน้าโง่บางลำ-บางประเทศนี่ซี แทนที่จะแล่นไปด้วยกำลังเครื่องจักรตัวเอง กลับเอาโซ่ไปคล้องติดเป็น "เรือพ่วง" ไปกับเรือใหญ่
ด้วยเหิมเกริม ดีใจว่า เรือใหญ่ถึงไหน เรือเล็กเราก็ไปถึงด้วย ทุ่นทั้งแรง-ทุ่นทั้งเวลา โดยลืมไปสนิทว่า
การเอาโซ่ล่ามติดเรือใหญ่ นั้น ตอนน้ำขึ้นก็ยังเป็นกระดี่ได้น้ำอยู่หรอก แต่ตอนน้ำลงนี่ซี
เรือใหญ่-เขายังสามารถใช้ท้องเกยตื้นรอน้ำขึ้นได้ แต่ "เรือเล็ก" ที่ผูกติดกับเรือใหญ่
"แขวนคอตาย" ต่องแต่ง!
ต้องไม่ลืมว่า เศรษฐกิจการค้า มันเรื่องของ "ปลาใหญ่กินปลาเล็ก" ในเมื่อทั้งปลาใหญ่-ปลาเล็ก ต้องว่ายหากินอยู่ในทะเลผืนเดียวกัน เราก็ต้องยอมรับในความเป็นจริงตามกลไกธรรมชาตินั้น
นั่นก็คือ ที่ประเทศขาใหญ่อย่างสหรัฐชูระบบ "ทุนนิยมเสรี" ขึ้นมา ด้วยอ้างว่าเป็นระบบที่ให้โอกาส "เพื่อการเข้าถึง" กับทุกประเทศสมาชิกอย่างเสรี
แต่โลกที่เป็นจริงมันมีซะที่ไหนล่ะ สหรัฐรวมถึงกลุ่มประเทศผู้นำทางเศรษฐกิจ ที่เรียกกันว่า G8 เขาใช้คำว่า "การค้าเสรี" เป็นแครอต
แล้วสร้างแบงก์โลก ยูเสด ไอเอ็มเอฟ ดับเบิลยูทีโอ และ ฯลฯ ขึ้นมาเป็น "ปากทาง" ล่อให้เดินเข้าไป
เมื่อเหยื่อเดินเข้ามาแทะแครอต เจ้าองค์กรโลกเหล่านี้มันจะงัดเงื่อนไขสัญญา พร้อมทั้งตั้งกฎกติกาเป็นมาตรการกีดกันทางการค้า กำหนดมาตรฐานสินค้าต่างๆ นานา โดยเฉพาะกับสินค้าเกษตร สินค้าประมง ชนิดที่ "พ่อมัน" ก็ยังปฏิบัติไม่ได้
ใช้เป็นสติก "ทุบหัว"!
ประเทศเราแทบฉิบหายขายตัวจนถึงวันนี้ ไม่ใช่เพราะไปหลงแครอตเขาดอกหรือ ที่ต้องออก "กฎหมายขายชาติ ๑๑ ฉบับ" ก็เพราะ IMF เครื่องหมายกลุ่มทุนสหรัฐ มันบีบบังคับให้เราต้องทำตามมัน
ไม่อย่างนั้น มันก็ไม่ยอมให้เงินกู้มาแก้พิษ "โรคต้มยำกุ้ง" เมื่อปี ๔๐!
บังคับให้ต้องเอารัฐวิสาหกิจชั้นดีแปรรูป ขายหุ้นให้ต่างชาติ อย่างเช่น กฟผ. ปตท. เป็นต้น
บังคับให้ต้องเอามหาวิทยาลัยรัฐออกนอกระบบ โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยที่สอนทางการแพทย์ ที่เขาหวังใช้เป็นฐานด้านงานวิจัย เพื่อผลทางธุรกิจบริษัทผลิตยาผูกขาด
เรื่องสิทธิบัตรและการค้ายาของสหรัฐ ต้องทราบกันไว้นะครับว่า บริษัทยานี่แหละ "กลุ่มทุนใหญ่" ที่ร่ำรวย และหนุนหลังการเมืองสหรัฐ ไม่ว่าเดโมแครต หรือรีพับลิกันมาทุกยุค-สมัย
เงินใช้หาเสียง "ประธานาธิบดีบุช" นั่นก็เถอะ มาจากกลุ่มพ่อค้ายาเป็นหลัก งานแรกที่นั่งเป็นประธานาธิบดี ก็คืองานออกกฎหมายให้พวกพ่อค้ายากลุ่มทุนเขานี่แหละ
ฉะนั้น อย่าแปลกใจไปเลยที่แค่ไทยเราจะทำ CL ยา เรื่องยังต้องไปถึงทำเนียบขาว งัดสิทธิพิเศษทางพิกัดอัตราภาษีศุลกากรทางการค้า ที่เรียกว่า GSP มาขู่
ทั้งเรื่องเกษตร กรุยทางให้ปลูกพืช GMO เพื่อผูกขาดขายเมล็ดพันธุ์ เรื่องป่าชุมชน เรื่องความมั่นคงทางการทหาร เรื่องใช้ไทยเป็นที่ทิ้งสารเคมี วัตถุอันตราย
ทั้งเรื่องทำเอฟทีเอ แอบแฝงหวังฮุบป่าไม้เขตร้อนชื้นอย่างเมืองไทยอันหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งจะมีค่าทางงานวิจัยยาใหม่ๆ จากพืชสมุนไพรในอนาคตมูลค่ามหาศาล
นี่แค่ตัวอย่างนะครับ ซึ่งเราจะเห็นว่า แผนสร้าง "จักรวรรดินิยมสหรัฐ" ขึ้นใหม่ครั้งนี้ เขาวางแผนเป็นขั้น เป็นตอน ต่อเนื่องมานานแล้ว จะเรียกว่า ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ เรื่อยมาก็ว่าได้
รูปธรรมก็ผ่านองค์กรโลกที่เขาตั้งขึ้นเป็นเครื่องมือ เช่น แบงก์โลก ไอเอ็มเอฟ ในภาพของ "องค์กรเพื่อการช่วยเหลือ" เหล่านี้แหละ
อย่างไทยเรา เริ่มสู่ความเป็นทาสระบบทุนเต็มสูบ ก็ตั้งแต่ปี ๒๔๓๐ ที่ระบบทุนสหรัฐหลอกล่อให้ไทยเป็นตลาดเงินเสรี หวังครองความเป็นประเทศศูนย์กลางทางการค้า-การเงินในภูมิภาค
เป็นเสือกะบากตัวที่ ๕ อะไรทำนองนั้น!
กระทรวงคลังยุคนั้น ประกาศออกใบสินเชื่อวิเทศธนกิจกรุงเทพ ที่เรียกกันว่า BIBF ให้แก่แบงก์พาณิชย์ทั้งในและนอกประเทศ แล้วคนไทยก็ยืดอกกันยกใหญ่ว่า
"ไทยสู่ยุคทองการเงิน" แล้ว (โว้ย)!
แบงก์ปล่อยกู้กันแหลก เงินไม่มีไม่เป็นไร ไปกู้เงินฝรั่งดอกถูกเข้ามาปล่อยกู้ไปเล่นหุ้น ซื้อที่ดิน โดยไม่มีความเสี่ยง เพราะค่าเงินบาทฟิกซ์ตายตัว เรียกว่าทั้งคนกู้และคนปล่อยกู้..มั่วกันเมามัน
เพียงไม่กี่ปี โลกาภิวัตน์ของไทยก็ถึงคราวโลกาวิบัติในปี ๔๐ ก็จะเห็นว่า จุดเริ่มก็เพราะฝรั่งมันหลอกให้เปิดประตูบ้าน แล้วเขาก็ให้ "จอร์จ โซรอส" มาปล้นซะเรียบ!
เอาเข้าจริง จอร์จ โซรอส ก็คือคนในขบวนการ "อำนาจเดียวครองโลก" ที่อดีตประธานาธิบดีบุชเป็นหัวหน้าใหญ่นั่นแหละ หาใช่ใครอื่นไม่ จำกันได้มั้ยล่ะ ตอนที่นายกฯ ไทย พ.ศ.๒๕๔๑ ไปสหรัฐ
ก็ต้องไปขึ้นเวที Council on Foreign Relations ที่รู้จักกันในชื่อย่อว่า "องค์กร CFR" และนายกฯ ไทยก็ต้องจับมือกับ "จอร์จ โซรอส" คนที่ทำให้ไทยวิบัติในสงคราม "ทุบค่าเงินบาท"
ก็จะเห็นว่าเศรษฐกิจประเทศไทย เดินลงหลุมที่ "กลุ่มทุนเสรีนิยม" โดยสหรัฐขุดดักไว้ ผ่านตลาดเงิน-ตลาดอุตสาหกรรมการค้า มีตลาดหุ้น "ตลาดดาวโจนส์" เป็นร่างทรงบอกทิศ เป็นดัชนี้ชี้เศรษฐกิจให้บ้าตามแต่ละวัน
ทุกวันนี้ ไปดูผู้ชำนาญการเศรษฐกิจจอตู้ทั้งหลายเขาซีครับ ในสมองมีทัศนคติเป็นฐานเหมือนกันหมดว่า..ใครมาสร้างบรรยากาศให้ "เงินนอก" ไม่เข้ามาเล่นหุ้นไทย ถือว่าเป็นผู้บ่อนทำลายชาติ!
ใครจะบริหารประเทศ โกง-กิน ยำยำตำบอน ผิด-ถูกอย่างไร..ช่างมัน ขออย่างเดียวทำให้ตลาดหุ้นขึ้นได้
ถือว่าดี ถือว่าเก่ง คนไทยยอมรับนับถือ!!
ครับ..เศรษฐกิจสหรัฐคือเศรษฐหกิจโลก ระบบทุนนิยมเสรีถึงจุดวิบัติตามวงรอบของมันแล้ว แล้วไทยเรายังบริหารแบบเอาโซ่ไปผูกติดกับเรือรบเกยตื้นอยู่อีกหรือ?
คนที่พูดถึงแนวทางไทยผ่านภาวะเศรษฐกิจที่เข้าท่า ผมว่า "นายสันติ วิลาสศักดานนท์" ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พูดแต่ละครั้งอยู่บนฐานที่ควรรับฟังมากกว่าเพื่อน
ไทย-ไม่ใช่ประเทศ "อุตสาหกรรมเครื่องจักร" เพื่อการส่งออกหรอกครับ มองไปรอบตัว ไม่เห็นเหล็ก ไม่เห็นน้ำมัน ไม่เห็นเทคโนโลยี ไม่เห็นงานวิจัย ไม่เห็นนักวิทยาศาสตร์ ไม่เห็นโนฮาว
เห็นแต่นาข้าว เห็นแต่เรือกสวน เห็นแต่ทะเล ห้วย หนอง คลอง บึง เห็นแต่กุ้ง หอย ปู ปลา เห็นแต่พืช-ผัก-ผล-ไม้ เห็นแต่วัว-ควาย ไก่-เป็ด
ก็เชิญตรองกันเถอะครับว่า ยังอยากจะเป็นเสือเศรษฐกิจตัวที่ ๕ ในภูมิภาค ด้วยการลากถูลู่ถูกังประเทศไปตามระบบ "ทุนนิยมเสรี" เหมือนเดิม อันไทยไม่มีต้นทุนและความชำนิชำนาญด้านนั้นเลย หรือว่าจะหันมาใช้ "จุดแข็ง" ของประเทศตัวเองด้าน "เกษตรอุตสาหกรรม" โดยนำชาติให้รอดก่อนด้วยนโยบาย "เศรษฐกิจพอเพียง"
ข้าวเปลือกเกวียนละ ๑ หมื่นแล้ว ชนิดไม่ต้องพึ่งน้ำยารัฐบาลเลย ตั้งโรงเรียนควาย สอนคนไถนา ดีกว่าให้ตั้งโรงงาน ก็ต้องวานให้สมัครคิดหน่อย.