เปลวสีเงิน
คนปลายซอย
17 มีนาคม 2551 กองบรรณาธิการ
ประธานวุฒิสภา"ประสพสุข บุญเดช" ก็เป็นบุญแหละครับ ไม่ใช่บุญของ "นายประสพสุข บุญเดช" ที่ได้รับเลือกจากวุฒิสมาชิกให้เป็น "ประธานวุฒิสภา" แต่ต้องถือว่าเป็นบุญของประเทศ ที่ในที่สุด "ต้นแฝก" ได้ถูกเลือกให้ปลูกขึ้นที่ชายตลิ่ง ท่ามกลางภาวะ "น้ำป่ากัดเซาะ" หนัก
ผมก็หวังว่าวุฒิสภาชุดนี้จะทำหน้าที่ "วุฒิสภารากแฝก" ทำหน้าที่ยับยั้ง "ตลิ่งประเทศพัง" ได้อยู่นะครับ
แต่จะได้แค่ไหนก็ไม่รู้ เพราะเมื่อค่ำวันศุกร์ ท่าน ส.ว. "อนุศาสน์ สุวรรณมงคล" เจ้าของโรงแรม C.S. ปัตตานี หวิดเป็น "รากแฝก" ที่แหลกกระจุยไปเพราะฝีมือโจร ๓ จังหวัดใต้!
ตรงที่บึ้มนั่นน่ะ ผมไปทีไรก็นั่ง "กินชาชัก" อยู่ตรงนั้น เพราะโปร่ง-โล่งสบายดี ไปใหม่อีก ก็จะไปนั่งตรงนั้นอีก มันจะชักคา "ชาชัก" ก็ให้มันชักไป
อย่าถึงตายละกัน!
คงไม่มีอะไรเป็นความเห็น-ความห่วงไปถึงรัฐบาล โดยเฉพาะกับผู้นำที่ชื่อ "สมัคร สุนทรเวช" เพราะท่าน กทร. "เก่งทุกเรื่อง" อยู่แล้ว นอกจากฝาก "กันลืม" ไว้นิดว่า
ยะลา-ปัตตานี-นราธิวาส ยังเป็น ๓ จังหวัดที่นับรวมอยู่ในจำนวน ๗๖ จังหวัดของประเทศไทยนะครับ
อย่าเผลอนึกล่ะว่า "โจรใต้มันยึดไปตั้งนานแล้ว!?"
ยังไม่รู้จะทำอย่างไร ก็รีบเอามาพูดออกโทรทัศน์ไว้ก่อน ไม่งั้น เดี๋ยวโจรมันยึด ๓ จังหวัดใต้ไปได้จริงๆ ไอ้โครงการที่ท่านจะให้ทหารไปปลุกผีตั้ง "องค์การผลิตอาหารสำเร็จรูป" หรือ อสร.ขึ้นน่ะ
จะเสียหน้ายิ่งกว่าถูก "ผู้ว่าฯ อภิรักษ์" ชิงตัดหน้า แสดงสปิริตชิงลาออกก่อนซะอีก!
ย้อนกลับพูดถึงเรื่องตำแหน่ง "ประธานวุฒิสภา" กันต่อ ความจริงชื่อ "ประสพสุข" พูดได้ว่า "ใหม่แกะกล่อง" นี่ถ้าท่านไม่เข้าตลาดการเมือง ป่านนี้ ชาวบ้านทั่วไปก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ประเทศไทยมีคนชื่อ "ประสพสุข" คนนี้อยู่ด้วย
ชีวิตท่านคลุกอยู่กับกฎหมายมาตลอด จบกฎหมายก็สอนกฎหมาย จากสอนก็ไปเป็นผู้พิพากษา เป็นประธานศาล เป็นอธิบดี เรียกว่า "สถิตยุติธรรม" จนเกษียณเมื่อปี ๔๘
อ้อ..จะว่าไม่เคยการเมืองเสียเลยก็ใช่ที่ เพราะตามประวัติ ท่านเคยได้อังกระไอการเมืองอยู่บ้างเหมือนกัน
คือในช่วงปี ๒๕๓๓ "อาจารย์ประภาสน์ อวยชัย" เป็นรัฐมนตรียุติธรรม ท่านได้มาทำหน้าที่ "เลขานุการรัฐมนตรี" อยู่พัก!
ปีนี้ท่านอายุ ๖๓-๖๔ ขวบ อยู่ในวัยกำลังน่าใช้งาน เรียนธรรมศาสตร์รุ่นเดียวกับ "นายบัญญัติ บรรทัดฐาน" พื้นเพเป็นคนพิจิตร แต่ไม่ต้องไปโยงอะไรถึง "เสธ.หนั่น" ท่านหรอก เพราะคนละคุ้งละแควกัน
ผมมีโอกาสได้พบกับผู้อาวุโสในแวดวงตุลาการท่านหนึ่ง เลียบเคียงถาม "เบื้องลึก" ของท่านประธานวุฒิสภาคนใหม่ ก็ถามตามสันดานสื่อแหละครับ เพราะจะเชื่อ "ธาตุแท้" ของคนจากแค่ได้อ่าน "ประวัติแจก" ตามหน้าหนังสือพิมพ์ โดยไม่แง้มฉาก
มันดูจะ (มัก) ง่ายไปหน่อย จริงไหมครับ?!
ก็ได้รับคำยืนยันว่า "พรหมจรรย์" ท่านยังอยู่ และไม่เคยส่อแววหลุกหลิก ว่าชอบคบชู้สู่ชายกับนักการเมืองสันดานหว่านสินบนคนไหน ฉะนั้น การที่สมาชิกวุฒิสภากว่าครึ่งเลือกท่านเป็นประธานครั้งนี้
ได้ "ประธานพรหมจารีย์" ไปซิงๆ!
ผมดูหน้าท่านจากโทรทัศน์ จากหนังสือพิมพ์ ก็น่าจะอย่างนั้นครับ แต่กลัวอยู่อย่าง คนที่คุ้นเคยอยู่กับงาน "อำนาจเชิงเดี่ยว" ที่ไม่มีใครกล้าขัดขืน-โต้แย้ง-ท้าทายคำสั่งมาก่อน
พอมาอยู่ในหน้าที่ที่จะเจอทั้ง "อารยขัดขืน" และ "อนารยขัดขืน" ในระบบงานการเมือง โดยเฉพาะในตำแหน่ง "ประธานวุฒิสภา" ซึ่งเป็นงานด้านกฎหมายเหมือนกันก็จริง แต่มันคนละแบบปฏิบัติกันเลยนั้น
จากที่ไม่มีใครกล้าท้าทาย ไม่มีใครกล้าโต้แย้ง ไม่มีใครกล้าขัดขืน ก็จะกลับเป็นตรงกันข้ามทั้งหมด
แล้วยังแถม..เต็มไปด้วยคนที่จะใส่ร้ายป้ายสี และคนที่มากอำนาจ-มากบารมี จะเอาทั้งวิชาเทพ ทั้งวิชามาร และทั้งพระเจ้าเงินตรามากด มาบีบ มาหว่าน มาล่อ เพื่อจะ..ล่อท่าน!
ผมก็ไม่แน่ใจว่า ท่านประธานจะตบะแข็ง หนีบพรหมจารีย์ไว้ได้ขนาดไหน แต่ถ้าตบะไม่แตกต่อการการยั่วทุกรูปแบบ ก็ขออย่าให้ "สติแตก" หนีลงจากเก้าอี้ไปก่อนก็แล้วกัน
วุฒิสภาทั้งหมดมี ๑๕๐ ท่าน แต่ที่ประชุมเลือกประธานกันเมื่อวันศุกร์ที่ ๑๔ มีนา.มี ๑๔๔ ท่าน เพราะที่เหลือยังติดด่าน กกต.อยู่
ปรากฏว่า นายประสพสุข ส.ว.สรรหา ได้ ๗๘ เสียง นายทวีศักดิ์ คิดบรรจง ส.ว.จากบุรีรัมย์ ได้ ๔๕ เสียง พลเอกเลิศรัตน์ รัตนวานิช ส.ว.สรรหา ได้ ๑๕ เสียง พล.ต.ท.มาโนช ไกรวงศ์ ส.ว.สุราษฎร์ธานี ๖ เสียง
ที่น่าจำตัวเลขไว้ก็คือ "๔๕ เสียง" ของนายทวีศักดิ์ ท่านคงทราบแล้วว่านายทวีศักดิ์คือ ส.ว.ที่โจษขานกันว่า ได้รับการวางตัวจาก "สมุนมือที่มองเห็น" ผลักดันให้เป็น "ท่านประธานที่เคารพ"
แต่แพ้ให้นายประสพสุขที่ไม่มีข่าวแจกเบนซ์ แจกเงินเดือนอุปถัมภ์ตลอดอายุงานไปตั้ง ๓๓ เสียง!
จะให้พูดว่าอย่างไรดีล่ะ เห็นจะต้องพูดว่า "องค์พระสยามเทวาธิราช" มีจริงก็แล้วกัน?
อันที่จริงผมเข้าใจ และเห็นใจท่านทวีศักดิ์ในกรณีนี้มาก ผมเชื่อว่าท่านไม่ได้ทำ และไม่มีพฤติกรรมอย่างที่เป็นข่าวเรื่อง "ซื้อเสียง ส.ว." ร้อยเปอร์เซ็นต์
ท่านไม่ได้ทำ แต่จะมีคน "ทำให้ท่าน" หรือเปล่านั้น ท่านย่อมรู้ดีด้วยตัวเองอยู่แล้ว ฉะนั้น อย่าหวั่นไหว แค่เห็นควันไฟก็นึกว่าไหม้จากหลังคาบ้านตัวเอง?
"ทำใจ" เถอะครับ นี่คือการเมืองยุคเศรษฐีเมืองไทยได้เป็นเจ้าของทีมฟุตบอลอังกฤษ ถือเสียว่าเป็นข่าว "ฉลองพระบวชใหม่" ก็แล้วกัน
ถ้าเปรียบเป็นพระ ท่านประสพสุข มีภาพเหมือนพระป่า สายวิปัสสนาธุระในสายตาคนทั่วไป ส่วนท่านทวีศักดิ์ เหมือนพระบ้าน ที่ต้องจัดงานหาเงินเข้าวัดประจำ แถมมีมัคนายกชื่อ "เนวิน ชิดชอบ"
แล้วอย่างนี้ ก็ต้องทำใจให้ชินกับข่าว "ปากหอย-ปากปูนะ..ผมว่า
ขนาดพระประธานในโบสถ์ ปูน-ทองเหลืองแท้ๆ มนุษย์ยังนินทาเลย ขลังบ้าง ไม่ขลังบ้าง งามบ้าง ไม่งามบ้าง
แล้วมนุษย์อย่างอดีตผู้ว่าฯ อยู่บุรีรัมย์ตลอดกาล เช่นท่าน มันจะไปเหลือเร๊อะ!
แต่ว่าก็ว่าเถอะ ผลงานท่านตอนเป็นผู้ว่าฯ บุรีรัมย์ ผู้คนเขายังติดตาไม่จางเลยครับที่จัด "ครม.ทักษิณสัญจร" ที่ปราสาทพนมรุ้ง เมื่อปี ๒๕๔๘ มันแสนยิ่งใหญ่ และอภิมหาอลังการอะไรปานนั้น เถอะ..อายุ ส.ว.มีตั้ง ๕ ปี แถมเคยมีผลงานดีๆ ฝากไว้กับอดีตนายกฯ ทักษิณ ความดีมันจะสูญหายไปทางเสีย?
ผมไล่เลียงดูแล้ว จังหวัดภาคเหนือทั้งหมด ๑๗ จังหวัด ภาคอีสานทั้งหมด ๑๙ จังหวัด รวมทั้ง ๒ ภาค ๓๖ จ.ว.เท่ากับมี ส.ว.๓๖ ท่าน
แต่ ส.ว.ยังไม่ถึงพรรษาทางการเมือง มี ส.ว.อื่นๆ อีกตั้ง ๔๕ เสียงยอมเป็นพระอันดับให้ เท่ากับมุ้งท่านคลุม ส.ว.๑ ใน ๓ มันเป็นตัวเลขที่ "พลิกแพลง-ยื้อยุด" เกมสภาได้มากอยู่
และที่สำคัญ มันสามารถเป็นเชื้อต่อแข้งต่อขา-ขยายพันธุ์ ชนิดมองข้ามท่าน-คนชื่อ "ทวีศักดิ์" ไม่ได้จริงๆ!
นี่มองบนฐาน "ส.ว.คนหนึ่ง" ผู้มาจากอดีตข้าราชการมหาดไทยเกษียณ เทียบกับอีกหลายท่านก็นับว่า ชื่อ-ชั้นยังธรรมดา ไม่หวือหวามีผลงานสะดุดตา-สะดุดใจให้คนทั้งประเทศได้รู้จักสรรพคุณ
แต่แค่ออกสตาร์ทยังแรงขนาดนี้ แถมจ๊อกกี้แข็ง ก็อยากให้ท่านทวีศักดิ์ รักษาตัวไว้ อนาคตใสแจ๋วครับ
ครับ..ก็อย่าลืมกันว่า "วุฒิสภา" นั้น ในหลายๆ หน้าที่อันรัฐธรรมนูญ ปี ๕๐ กำหนด หน้าที่หนึ่งคือ ต้นกำเนิดอำนาจ "องค์กรอิสระ" ทั้งหลาย คนที่เป็น "ประธานวุฒิสภา" นั้น
คือคนที่ต้อง "คัดทั้งหัว-คัดทั้งท้าย"!
ฉะนั้น ได้ตัวประธานวุฒิสภาอย่างนี้ จึงถือว่าได้คนเหมือน "ตัวนำ-กองทัพต้นแฝก" ทำหน้าที่หยั่งรากยึดดินคือประเทศไว้ มันมีความหมายยิ่งกว่า เอาขยะมาถมสร้างเขื่อน!
ภาระแรกที่รออยู่ "ศาลรัฐธรรมนูญ" ยังว่างตุลาการอยู่ทั้ง ๙ ท่าน ก็ประธานวุฒิสภานี้แหละครับจะเป็นผู้รับไม้จากคณะกรรมการสรรหา จากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา และจากที่ประชุมใหญ่ตุลาการศาลปกครองสูงสุด
แล้วทำหน้าที่สุดท้าย พุทธาภิเษกให้ "ศาลรัฐธรรมนูญ" มีลมหายใจ และเคลื่อนไหวกลไกต่อไปได้ด้วย ๙ ตุลาการ
นับจากนี้ "เรื่องตีความ" จะเป็นปัญหาใหญ่โตของบ้านเมืองยุคเข้าสู่วงรอบ "สู่ศตวรรษใหม่" ของสังคมไทย
ฉะนั้น การที่ได้ "ประธานวุฒิสภา" ที่ทุกฝ่าย คือทั้ง ส.ว.เอง และทั้งสังคมส่วนใหญ่ในภาคประชาชน เห็นหน้า-เห็นชื่อแล้วคลายความครัดเคร่ง "ด้วยเครียด" บนความระแวงระไวลงไปได้บ้าง ก็ถือว่าบ้านนี้-เมืองนี้..ยังมีบุญในบาปครับ.
|  |
http://www.thaipost.net/index.asp?bk=thaipost&post_date=17/Mar/2551&news_id=155901&cat_id=200ทำความรู้จักกันโหน่ยยย
ปล.ที่จริงตอนแรกผมไม่ชอบใจ สว.ลากตั้งซักเท่าไหร่
แต่คิดอีกที ...ลูกผีลูกคนแบบนี้อาจจะดีก็ได้
