ยอมรับตรงๆเลยครับว่า ความรู้สึกตอนแรกที่เกิดรัฐประหาร 19 กันยาฯ นั้น
ผมรู้สึกทั้งอัปยศ อดสู และหวาดหวั่นว่า เราจะกลับไปสู่ยุคทหารครองเมืองอีกครั้ง
ผมแค้นพันธมิตร ที่"
ตอนนั้น ผมรู้สึกว่า" มีส่วนในการเรียกร้องรัฐประหาร
ยิ่งตอนแรกที่ได้ยินกฏอัยการศึก(ห้ามชุมนุมห้าคน) เห็นคุณฉลาด วรฉัตร โดนจับ เห็นแท็กซี่กามิกาเซ่ ยิ่งหวั่นใจ? ว่า นี่แม่ง? สิ่งที่ คมช.มันทำต่างกะทักษิณตรงไหน?
แต่แล้วหลังจากนั้นสี่ห้าเดือน ผมเห็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองทำได้มากขึ้น ทั้งคนวันเสาร์ และสารพัดม็อบเริ่มปรากฏตัว แล้วคนที่โดนจับก็ถูกปล่อยตัวออกมาหลายคน...โดยไม่ได้ถูกห้าม ผมเริ่มมีข้อสงสัยว่า สิ่งที่ผมกลัวนั้นจริงหรือ?
จนกระทั้ง นปก.เริ่มมีท่าทีห่ามมากขึ้น ถึงขนาดไปบุกบ้านพลเอกเปรมแล้วตะโกนด่า(ทั้งๆที่อีกไม่กี่วัน พวกเขาก็จะมีโอกาสแสดงสิทธิ์บนเวทีโหวตรัฐธรรมนูญแล้ว) ชักหวั่นใจอีกรอบ นี่มันจะนองเลือดอีกหรือเปล่าฟะเนี่ย? แต่ก็ยังไม่ได้เชียร์ฝ่ายไหน(เพราะสับสนมากกว่า)
แต่พอเห็นท่าทีการสลายม็อบที่คลาสสิค(ไม่มีม็อบคนไหนบาดเจ็บสาหัส มิหนำซ้ำเจ้าหน้าที่บางคนยังเจ็บกว่าอีก) ของเจ้าหน้าที่แล้ว
ทำให้ผมเห็นได้ว่า รัฐบาลจากรัฐประหารไม่จำเป็นจะต้องบ้าเลือดเสมอไป
มาอ่านมุมมองของเอ็นจีโอคนนึง(คุณวีรศักดิ์ เขียนถึงคุณสมบัติ บุญงามอนงค์)ให้มุมมองที่เฉียบคมสุดๆ ทิ่มแทงพวกหัวเอียงซ้ายได้สะเด็ด
เค้าตั้งประเด็นว่า รัฐบุรุษที่พวกหัวเอียงซ้าย(เช่น จรัล ดิษ)ยกย่อง อย่าง อ.ปรีดี ก็ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง(โดยตรง)นี่นา
โดนครับ โดนใจเต็มๆ