จากการให้สัมภาษณ์ที่TTV วันที่ โดยอ.สมเกียรติ อ่อนวิมล สัมภาษณ์ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ* รัฐบาลต่อทำเพื่อประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง คุณอภิสิทธิ์มองว่าปัญหาหลายเรื่องมันเกี่ยวข้องกัน ไม่ว่าจะเศษรฐกิจ การเมือง ของแพง ฟังแล้วดูอภิสิทธิ์จะเป็นห่วงเรื่องเศษรฐกิจ การศึกษา และจริยธรรม มากกว่าหัวข้ออื่นๆ และยังมองว่า รัฐบาลต่อไปจะต้องรับบทหนักมาก เพราะปัญหามันซับซ้อนหลายอย่าง แต่อย่างไรก็ตาม การวางตัวจะต้องเพื่อประชาชนจริงๆ ไม่ใช่เพื่อให้มีประโยชน์กับตัวเองด้วย...
[Wadoiji : ความเห็นส่วนตัว ตรงนี้ก็ไม่มีอะไรจะแย้ง เชื่อมั่นว่ารัฐบาลที่หน้าที่ทำงานเพื่อปชช.อยู่แล้ว แต่วิธีการทำให้เป็นเช่นนั้นจริงๆ คงต้องขึ้นอยู่กับผู้นำว่าจะปรับปรุงคนที่ตัวเองคุมได้ได้มากน้อยแค่ไหน...] * เน้นการพัฒนาบุคลากร (ประชาชน) คุณอภิสิทธิ์มองปัญหาเศรฐกิจกับการศึกษา เป็นเรื่องที่เชื่อมโยงกัน 2-3ปีที่ผ่านมา อาจมองว่าเศษรฐกิจดี แต่จริงๆมันดีทั่วโลก ดังนั้น การสร้างฐานการศึกษาให้แข็งแรงทั่วถึง ย่อมส่งผลถึงบุคลากร และบุคลากรที่มีคุณภาพ ก็จะช่วยทำให้เศษรฐกิจไทยแข็งแรงอย่างยั่งยืนจริงๆ การพัฒนาคนจึงถือเป็นหัวใจที่สำคัญที่สุด
การปฏิรูปการศึกษาในปัจจุบันไม่ประสบความสำเร็จ ดังนั้นนโยบายที่สำคัญที่สุดของปชป.ในตอนนี้คือการศึกษา
[Wadoiji : จริงๆมันก็เน้นการศึกษามานานแล้วล่ะ... ปชป.เนี่ย... แต่มักจะได้เป็นรบ. มาทำงานอย่างจริงจังในยุคที่เศรษฐกิจป้อแป้มั่ง โดนไล่ก่อนมั่ง ซึ่งเรื่องการศึกษาเนี่ย มันเห็นผลจริงๆนั้นช้า จะมาเอาเร็วๆอย่างที่รบ. ทักษิณทำแอดมิชชั่น มันก็จะเป็นอย่างที่เห็นนั่นแล เพราะการศึกษามันมีหลายปัจจัย ละเอียดอ่อนมาก และสำคัญมาก] * เรื่องที่สำคัญที่สุด คือการศึกษา การเรียนฟรี12ปี(เว้นค่าเสื้อผ้า ค่าหนังสือเรียน)ในปัจจุบันยังไม่ฟรีจริง มีค่าจิปาถะมากมาย
แต่ปัญหาใหญ่จริงๆที่ปชป.มองคือ ทุกคนในสังคมกำลังแข่งกัน เพื่อให้ได้ปริญญา และจำนวนมากที่จบออกมาไม่มีงานทำหรือได้งานไม่ตรงกับที่เรียนมา ปชป.ต้องการปรับแนวทางตรงนี้อย่างมาก ต้องปรับทั้งการศึกษาสายอาชีพ ที่ควรจะปรับปรุงมากกว่านี้อีกเยอะ มหาลัยมีเยอะขึ้น แต่สังคมเราต้องการคนจากตรงนั้นมากหรือเปล่า (Wadoiji : ขอสรุปง่ายๆว่า ซัพพลายมาก แต่ดีมานด์น้อย คนมีมาก แต่งานมีน้อย) สำคัญคือค่านิยมของสังคมที่คิดว่าคนต้องเรียนจบปริญญาถึงจะดี ตรงนี้แม้จะเป็นเรื่องการศึกษา แต่ก็เกี่ยวพันถึงเศษรฐกิจด้วยที่สำคัญคือจริยธรรม ซึ่งตกต่ำลงมาก การศึกษาก็ต้องสอนให้คนคิด อย่างให้เกิดเส้นทางหลากหลายในการศึกษา
จุดนี้พิธีกรได้แสดงถึงความเป็นห่วง ว่าการศึกษาเป็นเรื่องที่ค่อนข้างนามธรรม การที่ปชป.เอาเรื่องนี้เป็นห,ักไปใช้หาเสียง อาจจะค่อนข้างยากที่จะสื่อสาร แต่อภิสิทธิ์มองว่า คนไทยจะยากดีมีจนอย่างไรก็ดิ้นรนให้ลูกได้เรียน แสดงว่าสังคมไทยมองการศึกษาเป็นเรื่องใหญ่อยู่แล้ว เราจึงต้องทำการศึกษาให้ชัดเจน ว่าลูกหลานเขาจบมาจะทำมาหากินอะไร หากปชป.จะทำเมกกะโปรเจ็ก ก็ต้องเป็นเมกกะโปรเจ็กการศึกษา เพราะการลงทุนใดก็ไม่สำคัญเท่าการลงทุนเพื่อพัฒนาบุคลากร
[Wadoiji : เอาการศึกษาเป็นประเด็นหาเสียงหลัก มันก็ยากจริงๆน่ะแหละ เพราะปชช.ชอบมองไอ้ที่จับต้องได้มากกว่าเยอะ แต่จริงๆหวังเรื่องการศึกษาของปชป.ไว้มาก โดยเฉพาะในยุคอภิสิทธิ์ เรียกได้ว่าหวังเรื่องนี้ไว้มากที่สุด เพราะมองการศึกษาไทยมานานแล้ว มีแต่เรื่องบ้าๆบอๆทั้งนั้น ไม่ค่อยทีรบ.ไหนลงมาทำอย่างจริงจัง ให้มันเข้าที่เข้าทางเสียที...] * นโยบายด้านเศรษฐกิจในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า แน่นอนว่าจะรอพัฒนาคนให้เสร็จเพื่อเศษรฐกิจในอนาคตคงไม่ได้ เพราะเศษรฐกิจในปัจจุบันก็ต้องมีทางแก้ไขไปก่อน ตอนนี้สภาพสับสนไปหมด ต่างคนต่างทำ ไม่มีทิศทางที่ชัดเจนเรื่องนโยบายการบริหารเศรษฐกิจแบบมหภาพ ตอนนี้มีปัญหาหลายอย่าง ทั้งของแพง น้ำมัน ดอกเบี้ย อัตราแลกเปลี่ยน(ค่าเงินบาท) เช่น ค่าไฟฟ้าล่าสุดที่ปรับขึ้นล่าสุด ก็ต้องปรับเพราะเกี่ยวข้องการการแปรรูปกฟผ. (แต่ศาลตัดสินไปแล้ว) หากปรับสูตรตรงนี้ ก็ลดค่าไฟได้ ทุกอย่างมีทางแก้ของมัน หากไม่นำผลประโยชน์ส่วนตัวมาเกี่ยวข้องให้เสียงาน
และก็เป็นโอกาสดีที่จะปรับนโยบายหลัก ๆ อย่างเช่นนโยบายการแปรรูปให้เห็นว่าต่อไปนี้ไม่ได้นะ แปรรูปเพื่อมาหวังเอากำไรให้เกิดขึ้นในบริษัทที่แปรรูปแต่เสร็จแล้ว คนไทยแบกรับภาระกันทั้งประเทศอันนี้ไม่ถูกต้อง
ในเรื่องของทุนนิยมเราต้องเอาทุนนิยมมารับใช้คน ความหมายก็คือว่าคนที่เป็นรัฐบาลต้องวางกติกา ต้องกำกับ ต้องออกแบบในเรื่องต่าง ๆ ให้การแข่งขันในทางธุรกิจมันเกิดประโยชน์กับประเทศกับส่วนรวม ไม่ใช่เกิดกำไรอย่าง เช่นเอากฟผ.ไปขายหุ้นเนี่ยไม่ควรทำ แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่ให้เอกชนเข้ามาลงทุนในการไฟฟ้า มาได้ มาผลิตไฟฟ้าได้ มาลงทุนตั้งโรงไฟฟ้าได้ แต่รัฐบาลต้องยังเป็นผู้ควบคุมเรื่อง ซื้อไปไฟฟ้าแล้วเอามาขายให้ประชาชนอย่างไร
[Wadoiji : ตรงนี้มองว่าดีแล้ว ที่มองการศึกษาเป็นวางแผนเพื่อระยะยาว และส่วนนี้เป็นวางแผนแก้ปัญหาระยะสั้น พูดตรงๆว่าคิดเหมือนกันเป๊ะเลย ว่าน่าจะวางการศึกษาให้ดี แต่ตอนนี้ เวลานี้ ก็ต้องมีอะไรมาแก้ปัญหาให้ปชช.ด้วย] * โทรคมนาคม : ต้องแข่งขันมุ่งสู่ประโยชน์สังคม โทรคมฯ ก็ดี ในส่วนของสื่อสารมวลชนก็ดี วันนี้ต้องมาปรับให้เข้ามาสู่การแข่งขัน แล้วก็เป็นการแข่งขันที่มุ่งไปสู่ประโยชน์ของสังคมซึ่งมันทำ จริง ๆ มันทำได้ถ้ามันไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน ถ้าคนเข้าไปทำไม่มีผลประโยชน์ในทางธุรกิจ ไม่มีผลประโยชน์ที่ว่าจะต้องไปช่วยใคร แกล้งใคร แล้วก็ยึดประโยชน์ของสังคมเป็นสำคัญ มันไม่ใช่เรื่องยากเลย กฎหมายของเราพร้อมอยู่แล้ว อยู่ที่การใช้อำนาจตรงนั้นเท่านั้นเอง
การถือหุ้น กฎหมายปัจจุบันของเราไปที่ 49 นั้นไม่เป็นไร ถ้า 49 จริง แต่ว่าถ้าเป็น 49 หลอก ก็คือว่า ต่างชาติมาถือ 49 แล้ว ยังมาถือผ่านคนไทยแล้วในที่สุดควบคุมได้ อันนี้ยอมไม่ได้ ต้องมีการตรวจสอบที่ชัดเจน
[Wadoiji : ประโยชน์ทับซ้อนนี่ค่อนข้างวางใจอภิสิทธิ์อยู่แล้ว แต่เรื่องการตรวจสอบคนอื่น ไม่รู้จะทำได้ดีขึ้นแค่ไหน] * เศรษฐกิจคุณภาพคืออะไร? (เศรษฐกิจคุณภาพ อีกหนึ่งนโยบายของปชป.) ที่ผ่านมามองแต่ตัวเลขเยอะ แต่ที่สำคัญจริงๆคือคุณภาพ คุณภาพทางเศรษฐกิจเกิดขึ้นได้ก็คือเราไปสร้างอาชีพ ไปสร้างรายได้ ไปสร้างโอกาส นโยบายต้องกลับมาตรงนี้ เพราะฉะนั้นนโยบายบางเรื่องซึ่งรัฐบาลนี้เขาเริ่มไปแล้ว จะเรียกประชานิยมอะไรก็แล้วแต่ เราต้องมาทำให้เป็นนโยบายที่หมุนไปสู่เศรษฐกิจคุณภาพ
เรื่องเงินกองทุนหมู่บ้านนั้นดี แต่ควรมองจุดเด่นแต่ละพื้นที่แล้วส่งเสริมในสิ่งที่เขามีอยู่แล้วไปเลย เช่นอีสาน ทุ่งกุลา เขาเด่นเรื่องข้าวหอมมะลิ ก็ไปเลย มีรูปธรรมเลยการส่งเสริมเรื่องสิทธิประโยชน์อะไรอย่างไร เมืองที่อยู่ชายแดนจะเป็นหนองคาย ค้าขายชายแดน เอาเลยส่งเสริมเลยว่าเขาได้สิทธิอะไรพิเศษเพื่อหนุนการค้าตรงนั้น ทำให้เขาไม่ต้องทิ้งวิถีชีวิตท้องถิ่นเขา
แต่เข้าไปทำในลักษณะนี้แล้ว ไม่ใช่ว่าผมหรือใครนั่งอยู่กรุงเทพฯ แล้วมานั่งชี้นิ้ว แต่เราจะใช้สมัชชาประชาชนให้เป็นประโยชน์ คือเชิญคนที่เกี่ยวข้องมาร่วมแสดงความเห็น เอาคนในพื้นที่มา ให้มหาลัยต่างๆมาช่วย ที่ผ่านมาเราไปให้ความหวังกับคนว่าเราจะรวยขึ้นมาได้เพราะว่ามีเงินไปให้เขากู้ มันไม่ใช่ สุดท้ายเอาหนี้ใหม่ไปล้างหนี้เก่า มันก็ไม่มีวันจบ เราต้องไปดูแต่ละพื้นที่ เขามีโอกาสของเขา แต่ว่าต้องเข้าไปส่งเสริมสนับสนุน คนที่อยู่กรุงเทพฯ หน่วยงาน กระทรวง ทบวง กรม ไม่มีทางรู้ดีไปกว่าพื้นที่จริง ๆ หรอก
พิธีกรแย้งว่า แต่ปชช. ชอบที่มีคนมาให้ยืม แล้วตอนคืนก็ไม่จู้จี้ ปล่อยๆไปมั่งนะ ทุนนิยมนี่อาร์เจนติน่าพิสูจน์มาแล้วว่าเสียหายระยะยาว อภิสิทธิ์มองว่า ประชาชนต้องการให้รัฐบาลตอบสนองความต้องการของเขา ๙ึ่งจริงๆเป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องทำ ทุนนิยมมีข้อดี เราต้องเลือกสิ่งที่ดีเอาไว้ด้วย ต้องปรับปรุงนโยบายที่มีอยู่แล้ว ส่วนแผนที่รองรับตรงนี้กำลังจัดทำวาระประชาชน (อีกไม่นานเกินสัปดาห์สองสัปดาห์คงได้นำออกมานำเสนอ)
[Wadoiji : ตรงทุนนิยมนี่บางคนบอกว่าลอกทรท.มา แต่ข้าพเจ้ามองว่า ทุกรบ. หากหยิบนโยบายรบ.เก่าที่มีจุดดีมาปรับปรุงมันก็ดี ปกติก็ทำกันอยู่แล้ว และจริงๆอภิสิทธิ์ก็คงจำเป็นต้องทำ เพราะไม่งั้นปชช. ที่ชอบทุนนิยมมากๆอาจต่อต้านได้ จึงใช้วิธีพบกันครึ่งทาง ด้วยการนำมาปรับปรุง ดีกว่าปล่อยให้เกิดผลกระทบดังปัจจุบัน] * นโยบายการเกษตร ถ้าเราไปบอกว่ามีนโยบายรากหญ้า แก้ปัญหาให้เขา แต่ปรากฏว่านโยบายเขตการค้าเสรีฆ่าเขาอยู่จริงๆ ไม่มีประโยชน์ อย่างที่ตอนนี้เกษตรกรภาคเหนือเจออยู่ จากเขตการค้าเสรีจีน นโยบายที่จะไปช่วยบอกเอาเงินไปให้ ไม่มีประโยชน์แล้ว เพราะวิถีชีวิตตรงนั้น การทำเกษตรตรงนั้นมันล่มสลายไปเลย เพราะฉะนั้นมันจะต้องเป็นนโยบายที่สอดคล้องกันทั้งระบบ คำพูดที่ว่ามีคู่ขนานมันไม่ใช่
(เรื่องการค้าเสรีนี้ ปชป.ขออภิปรายเรื่องการค้าเสรีในสภาก็ไม่ได้สักครั้งเดียว ใน6ปีที่ผ่านมา)
การค้าเสรีมันต้องมีส่วนร่วมทั้งหมด เพราะคนที่ได้ก็มี คนเสียก็เยอะ ถ้าไม่รู้กันก่อนเลย คนที่จะได้ก็ไม่เตรียมตัว คนที่เสียพอได้รับผลกระทบก็สายไปแล้ว เพราะฉะนั้นกระบวนการที่ดีต้องมีส่วน ทั้งสภา ทั้งองค์กรธุรกิจ ทั้งเกษตรกร ทั้งประชาชน ต้องรู้เลย และมาช่วยกำหนดให้รัฐบาลเลยว่าเรื่องนี้ยอมได้ไม่ได้ ซึ่งอันนี้ผมคิดว่าต้องมีการค่อยๆปรับ ของสหรัฐเป็นเช่นนั้น(ตัวอย่างที่ดีในแง่การมีส่วนร่วมของปชช.)
[Wadoiji : FTAนี้ จริงๆก็ควรมี เพราะทุกประเทศก็เริ่มเปิดเสรีเข้าหากันแล้ว เพียงแต่เราต้องมองส่วนที่ได้รับผลกระทบด้วย... ต้องช่วยเหลือเขาด้วย ไม่ใช่เห็นว่าดีต่อคนส่วนใหญ่ ก็ปล่อยทำไป ไม่สนใจคนที่ได้รับผลกระทบ จุดนี้คิดว่ามองได้ถูกทางดีแล้ว เรื่องการมีส่วนร่วมของปชช. เป็นสิ่งที่ปชป.ยุคอภิสิทธิ์ตั้งใจทำมาตลอด ทดลองมาแล้ว หากจะนำมาปรับใช้งานจริง น่าจะทำได้ดี เพราะการทดลองทำก็ออกมาดีแล้ว] * จัดการปัญหาผลประโยชน์ที่ทับซ้อนต้องเริ่มจากพรรคฯ ต้องมีการประกาศให้ชัดเจน เรื่องทรัพย์สิน หรือธุรกิจที่นักการเมืองแต่ละคนมี อันไหนได้ อันไหนห้าม ต้องชัดเจน ถ้ากฎหมายทำได้ยิ่งดี แต่ว่าไม่ต้องคอยกฎหมาย อภิสิทธิ์ตั้งใจว่าจะให้ส.ส.ของพรรคเป็นตัวอย่างเสียก่อน ประกาศไปเลย เวลาไปประมูลก็ทำได้ เอาให้โปร่งใส ให้คนตรวจสอบได้ รวมทั้งคนในครอบครัว ก็ต้องดูว่าความสัมพันธ์เป็นอย่างเกี่ยว เกี่ยวข้องการการทุจริตอย่างไร
บางเรื่องเห็นตามนสพ. แต่ไปไม่ถึงศาล ศาลจะทำอะไรก็ไม่ได้ต้องมีการฟ้อง ตรงนี้ศาลบ่นว่าอึดอัดสำคัญคือทำอย่างไร เราแก้กฎหมายเสียใหม่ว่าความผิดที่เป็นการทุจริตโดยเฉพาะในส่วนนักการเมือง ประชาชนเป็นผู้เสียหาย ประชาชนฟ้องเลย ไม่ต้องรอราชการที่อาจเกรงใจคนใหญ่คน
เรื่องการมีผลประโยชน์ทับซ้อนและไม่เปิดเผยและผิด ต้องเป็นความผิด เพราะทุจริตเชิงนโยบาย ซึ่งความจริงมันผิดกฎหมาย ปปช.อยู่ แต่ขณะนี้มันมีช่องว่างเยอะ หากแก้ให้มาผิดตรงนี้ด้วย ก็จะเป็นแนวทางที่จะช่วย ได้
[Wadoiji : อันนี้คงโดนใจหลายคน หึหึ ระวังคนในพรรคก่อนน้อ เพิ่งรู้ว่าศาลอึดอัดนะเนี่ย สงสัยอภิสิทธิ์เพิ่งไปคุยตอนเกิดเรื่องสามศาลตัดสิน2เม.ย ] * ปฏิรูปการเมือง ต้องผูกมัดได้แล้ว! (พิธีกร) การทำความไม่ดี แม้จะไม่ผิดกฎหมาย ถือเป็นความผิดของผู้ที่เป็นนักปฏิรูปการเมือง เพราะฉะนั้นอะไรที่รู้สึกว่าไม่ดี ไม่ต้องไปตรวจกฎหมายหรอก ก็ลาออก หรือไม่ก็รับผิด
อภิสิทธิ์แย้งว่า นั่นก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศที่เจริญแล้ว ปฏิรูปการเมืองนั้นเห็นว่าทุกพรรคควรจะผูกมัดตัวเองได้แล้ว เรื่องรัฐธรรมนูญเรื่องอะไร แล้วเราก็อยากให้คนกลางมาทำก็ว่ากันไป แต่ประเด็นที่พูดเรื่องปฏิรูปการเมือง ปฏิรูปเรื่องจิตสำนึก ผมมองว่าเรื่องจิตสำนึก แล้วการเรียกหาความรับผิดชอบ แต่จริงๆแล้วในต่างประเทศก็ไม่มีที่ไหนเขียนในกฎหมาย มันเป็นวัฒนธรรม
สื่อมีบทบาทสำคัญ สื่อสารมวลชน ถ้าไม่เป็นอิสระ ถ้าไม่เป็นกลางในความหมายคือว่า สามารถที่จะนำเสนอได้ทุกแง่ทุกมุม ถ้าตรงนี้ไม่เกิด มันก็ยิ่งยาก เพราะว่าความเลวร้ายทั้งหลายที่เกิดขึ้น ถ้าผู้มีอำนาจจะเป็นอำนาจเงิน หรืออำนาจรัฐมาบอกให้สื่อปิดเงียบไว้ ดังนั้นกระแสสังคมมันก็ไม่เกิด วัฒนธรรมที่ต้องมารับผิดชอบต่อสังคมมันไม่เกิด (ผลกระทบเป็นลูกโซ่ หากสื่อถูกปิด)
เพราะฉะนั้นเรื่องปฏิรูปสื่อมีความสำคัญมาก และต้องทำ ต่อมาให้ความเป้นธรรมกับนักการเมืองบ้าง เพราะนักการเมืองเขาก็อยู่ในระบบ ตรงนี้มันมีอีกหลายอย่างที่ต้องแก้ โดยเฉพาะหัวใจสำคัญที่สุดคือเรื่องของการใช้เงินในทางการเมือง ระดมมาอย่างไร รับบริจาคอย่างไร ใช้ทำอะไรได้บ้าง ตรงนี้ก็ต้องแก้ไข
ในต่างประเทศ เขาไม่อนุญาตให้พรรคการเมืองพึ่งเงินจากคนไม่กี่คน เพราะนั้นจะทำให้พรรคการเมืองไม่ใช่พรรคการเมืองของประชาชนอันนี้ต้องแก้ ของเราไม่มีเพดานเลย ใครอยากจะบริจาคเป็นเจ้าของพรรคการเมืองสมบูรณ์แบบทำได้เลย อันนี้ประเทศประชาธิปไตยไม่มีที่ไหนเขายอมให้
ทุกพรรคควรมาร่วมกันแล้วบอกว่าเราจะไม่ใช่เงินซื้อเสียง เราจะบอกกับประชาชนว่าเลือกที่นโยบาย เราจะบอกว่าถ้าใครรับเงินจากเราอย่ามาคบกับเรา ประกาศไปเลยแล้วก็ไม่ทำสิ่งที่เลวร้ายเหล่านั้น และให้ประชาชนรู้ว่าเขาเป็นเจ้าของตัวเรา
การคอร์รัปชั่นบางทีเกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะนักการเมืองจะทำให้ตัวเองร่ำรวยขึ้น แต่เพราะนักการเมืองบอกว่ามันต้องใช้จ่ายเงิน เพื่อที่จะเป็นนักการเมืองกันต่อไป อันนี้อันตราย (เพราะการเป็นนักการเมือง ก็ใช้เงินค่อนข้างมาก)
[Wadoiji : ตรงนี้ยาวแฮะ ตรงนี้เรื่องสื่อปชป.ก็คงเปิดอิสระเหมือนเดิม เรื่องซื้อเสียง ใครให้เงิน คุณไม่ต้องไปเลือกเขา อันนี้คิดตรงกัน ตรงนี้อ่านแล้ว รู้สึกเหมือนอภิสิทธิ์อยากจะบอกว่า พรรคการเมืองที่มีนายทุนเป็นหัวหน้าพรรคนี่ต่างประเทศถือว่าไม่เป็นประชาธิปไตยเลย... เข้าใจถูกมั้ยเนี่ย] * จังหวัดตัวอย่าง กับเรื่องจริยธรรม อภิสิทธิ์คิดรูปแบบว่าเวลาเราทำจังหวัดตัวอย่าง ทำให้มันหลากหลาย ทำไมไม่เอาจังหวัดที่ปลอดภัยที่สุด ตั้งเป็นเป้า ไปดูพฤติกรรมหรือโครงสร้าง ครอบครัวหย่าร้างน้อยที่สุด รัฐบาลต้องคิดถึงเป้าหมายอย่างนี้บ้าง ไม่ใช่เอะอะอะไรก็รายได้ต่อหัว การเติบโตทางเศรษฐกิจ พอเราเริ่มตั้งเป้า แล้วเราเริ่มพูดถึงนโยบายอย่างนี้แล้ว ขั้นตอนอื่นๆมันจะค่อยๆตามมา นโยบายต้องกำหนดลงไปว่ามีเป้าหมายอื่นด้วย ซึ่งจะเป็นพื้นฐานที่ดีในการทำนโยบายสังคม
[Wadoiji : มาเรื่องจริยธรรมแล้ว คงวิธีคล้ายๆเดิม คือมองแต่ละพื้นที่ แล้วแก้ปัญหาให้ตรงจุด...] * นโยบายเฉพาะภาค เรื่องการแข่งขันเป็นการแข่งขันทั้งประเทศ และพรรคประชาธิปัตย์ก็ได้รับการสนับสนุนจากภาคใต้มาก จากคนกรุงเทพก็มาก แต่ภาคอื่นก็เป็นเรื่องของนโยบายที่ต้องไป และนโยบายที่พูดถึงวาระประชาชน
ต้องมีนโยบายหยิบความเข้มแข็ง หยิบโอกาสที่มีเฉพาะแต่ละพื้นที่ไปนำเสนอให้เป็นรูปธรรม เอาง่ายๆคือดูจุดอ่อนจุดแข็งแต่ละภาค แต่ละพื้นที่ พรรคการเมืองที่เข้าไปบริหารประเทศทรัพยากรที่ใช่ไม่ใช่ของตัวเอง เป็นของคนทั้งประเทศ และก็อย่ามาแบ่งเหนือ แบ่งใต้ แบ่งไทย พุทธ ไทย มุสลิม คือต้องเป็นคนของประชาชนทั้งประเทศ พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลผ่านมา 2 ครั้ง ให้ความเป็นธรรมกับทุกภาค และก็คนใต้เขาก็คิดว่านั่นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เช่นตอนนั้นทำโครงการถนน 4 เลน ก็ต้องได้ทุกภาค
[Wadoiji : อืม มองแต่ละพื้นที่ แล้วทำงาน ปรับปรุงให้ตรงจุด ก็คิดว่าดี แต่เวลาที่ทำจะพอหรือเปล่า? อันนี้ไม่แน่ใจ กลัวจะเกิดความล่าช้าในบางพื้นที่] * ปัญหา 3 จังหวัดภาคใต้ มันเกิดจากความไว้เนื้อเชื่อใจกันมันหายไป มันหายไปเพราะความผิดพลาด
1. ในการยุบหน่วยงาน ศอบต.
2. สองก็คือว่ามีการไปละเมิดสิทธิที่เกิดขึ้น
3. มันมีเหตุการณ์หลายเหตุการณ์ ที่ไม่น่าจะเกิดและก็กลายเหมือนกับกลายเป็นแผลความค้างคาใจอยู่จนกระทั่งมันก็เป็นเหยื่อให้คนที่เขามีวาระของความรุนแรง และชาวบ้านก็ไม่อยู่ในฐานะที่จะมาไว้ใจกลไกของรัฐที่จะมาช่วยแก้ปัญหา
ฉะนั้นการฟื้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ว่าผมว่ารัฐบาลและผู้นำต้องทำให้เห็นว่าจริงใจ อภิสิทธิ์จึงเคยประกาศไปแล้วในวันที่ประกาศวาระประชาชนต่อหน้าทูตต่างประเทศว่า อุ้มฆ่าจะต้องหมด
และขณะเดียวกันทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย เท่าเทียมกัน แล้วจะต้องมีการรื้อฟื้นกลไกซึ่ง ทำให้ทุกหน่วยงานและที่สำคัญคือการมีส่วนร่วมของประชาชน เข้ามาช่วยกันพัฒนามาบริหารพื้นที่ตรงนั้นจริง ๆ นั่นคือสิ่งที่ ศอบต. ตั้งไว้ เพื่อการนี้ ไปยุบมันเสีย มันก็เสียดุลย์
และก็กลายเป็นเรื่องของตำรวจบ้าง กลายเป็นเรื่องของทหารบ้าง จริง ๆ มันไม่ใช่ถ้าเราดึงทุกคนมาช่วยทำ แล้วก็ยอมรับความหลากหลายในวิถีชีวิต แล้วความจริงแล้ว เขาอยู่ด้วยกันด้วยดีมาโดยตลอด ไปช่วยเหลือกันเวลามีงานศาสนา อยู่กันได้ เราอย่าไปทำอะไรให้มันเกิดความแตกแยก เราให้เขาใช้วิถีชีวิตของเขา บนความไว้เนื้อเชื่อใจกันและก็มีคนเข้าไปพัฒนาบริหาร บนความเข้าใจและการมีส่วนร่วมนั่นคือหัวใจ
แล้วมันจะหมด ความหวาดระแวงมันจะหมด แล้วก็จะรู้ว่าจริง ๆ เนี่ย ทุกคนก็ต้องสิ่งเดียวกันคือความสงบสุข ความสันติสุข
[Wadoiji : เรื่องคนใต้ ปชป.รู้ดี ^^ ว่าแต่อภิสิทธิ์เป็นคนภาคกลางมิใช่หรือ... ปัญหาภาคใต้คงใช้วิธีสันติวิธี เพราะดูอภิสิทธิ์คงไม่ชอบใช้กำลังอยู่แล้ว ปัญหาใต้ถ้าถึงมือปชป. ส่วนตัวไม่ห่วงเท่าไหร่] สรุปแล้วไม่ห่วงการศึกษากับภาคใต้ หากถึงมือปชป. แต่เศรษฐกิจนี่ไม่แน่ใจ อภิสิทธิ์ดูค่อนข้างเก็บจุดเล็กจุดน้อย (เช่นการให้ความสำคัญกับคนที่ได้รับผลกระทบ) บางทีช้าไปอาจมีผลเสีย
แต่บอกตรงๆว่า ช้า ยังดีกว่าเร็ว แล้วฉาบฉวย จนเกิดปัญหาภายหลัง
ละเอียด ดีกว่าไม่รอบคอบแน่นอน... (กระทบท่านผู้นำไทยคนใดมั้ยเนี่ย...)
โดยรวมค่อนข้างคิดตรงกับอภิสิทธิ์แทบทุกเรื่อง แต่เรื่องเศรษฐกิจนี่ไม่ทราบ ไม่ชำนาญการพอ... แต่ชอบปชป.ยุคนี้ และสนับสนุน เพราะความเห็นตรงกัน เลยสนับสนุน
อ่านเนื้อหาเต็มๆได้ที่นี่
http://www.democrat.or.th/doc/abhisit170506.doc เนื้อหาด้านบนสรุปเอาเอง ตัดต่อมั่งตามความเข้าใจ เพราะขี้เกียจพิมพ์ ยาวเหลือเกิน... หากอ่านของจริงแล้วเนื้อหาที่สรุปมาเบี่ยงเบนตรงไหนช่วยกันแก้ด้วยน้อ
นี่ยังไม่หมด เพราะรายละเอียดจริงๆ อภิสิทธิ์ยังไปเตรียมให้เป็นรูปเป็นร่างอยู่... รอกันอีกหน่อย
ปล. เปิดเทอมแล้ว ไม่ค่อยว่างนะคะ โชคดีเป็นเสาร์อาทิตย์เลยยังพอเจียดเวลามาสรุปให้ได้เพราะบางคนเรียกร้องเหลือเกิน เอาลิงค์มาประเคนถึงที่ยังไม่ยอมไปอ่านเอง... แต่เอาน่ะ เพื่อเสนอนโยบายแทนท่านหัวหน้าพรรค (ผู้น่าหมั่นไส้) ยอมสรุปให้ก็ได้
แต่วิเคราะห์คงไม่ไหวน้อ ความรู้ยังต้อยต่ำ แต่ความตั้งใจเพื่อพรรคเกินร้อย (แต่ขอทำการบ้านก่อนได้มะ - -* ขอทำงานก่อนได้มะ เห็นใจคนวัยเรียนมั่งได้มะ ฮึ่ย!!)