การเมือง - ข่าว
แม้วตามจิกคมช.ทำลายชาติวางยาง'สมัคร'-เตรียมเดินสายเคลียร์ทหาร
5 มีนาคม 2551 กองบรรณาธิการ
"ทักษิณ" วางมือทางการเมืองแค่ผายลม ให้สัมภาษณ์สื่อฝรั่งโจมตี คมช.-ขิงแก่ยับ ซัดรัฐประหารทำลายภาพลักษณ์ เลี่ยงบาลีไม่ขอรับตำแหน่งที่ปรึกษารัฐบาลหมัก ขอเป็นอาจารย์แทน เตรียมเดินสายคุยกับทหารเคลียร์ปัญหาคาใจ เผยเหตุพลังประชาชนชนะการเลือกตั้งเพราะประชาชนไม่คิดว่าคนที่เขาเคารพรักจะเลวขนาดนั้น ซัด "พวกที่อยู่บนยอด" ไม่เคยสร้างรากฐานให้ประเทศ ครม.ขิงแก่โวยอย่าหาแพะ ขณะที่ คมช.เงียบกริบ!
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์เอมี แคซมิน ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์ ของอังกฤษประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เมื่อวันจันทร์ ระบุว่า การรัฐประหารและความไม่แน่นอนทางการเมืองได้ทำลายภาพลักษณ์ของประเทศไทยอย่างร้ายแรง รัฐบาลจากการเลือกตั้งชุดใหม่ของไทยจะเผชิญความยากลำบากในการเรียกความมั่นใจของนักลงทุนกลับคืนมา
"สถานการณ์ค่อนข้างลำบากภายหลังการรัฐประหาร ความไม่แน่นอนทางการเมืองจะเป็นปัญหาใหญ่สำหรับนักลงทุน"
พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า ตนได้ปฏิเสธคำขอของ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รัฐมนตรีคลังที่จะเชิญตนเป็นที่ปรึกษาเพื่อหลีกเลี่ยงการสร้างปัญหาให้แก่รัฐบาลใหม่ "ถ้าผมเข้าไปช่วยรัฐบาล ผมอาจสร้างปัญหามากกว่าแก้ปัญหา" และว่า "เอกภาพในการบังคับบัญชาเป็นเรื่องสำคัญมาก ถ้าโครงสร้างที่เป็นทางการถูกแย่งที่ด้วยโครงสร้างที่ไม่เป็นทางการ องค์กรนั้นจะไม่สามารถบริหารได้ดี"
อดีตนายกรัฐมนตรีเชื่อว่าประเทศไทยจะสามารถหลบเลี่ยงภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวของสหรัฐได้ และว่า ไทยควรใช้โอกาสที่ค่าเงินบาทแข็งในการซื้อสินค้าทุนจากต่างประเทศ แทนที่จะบ่นเรื่องผลกระทบต่อการส่งออก "เราต้องฉวยโอกาสที่เงินบาทแข็งและดอลลาร์อ่อนในการนำเข้าสินค้าทุนและเครื่องจักร เราใช้เทคโนโลยีเก่าๆ มาหลายปีแล้ว ถึงเวลาต้องลงทุนเสียที"
พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า ความวุ่นวายทางการเมืองในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา รวมทั้งการรัฐประหาร ได้ทำลายภาพลักษณ์ของประเทศไทยในสายตาของนานาชาติเป็นอย่างมาก ซึ่งต้องใช้เวลาในการฟื้นฟู "ความมั่นใจเป็นสิ่งที่แพงมากในแง่เศรษฐกิจ เมื่อความมั่นใจหายไป ต้องใช้เงินมากมายในการเรียกกลับคืน และต้องใช้เวลามากด้วย"
อดีตนายกฯ บอกว่า พร้อมจะเป็น "อาจารย์" หรือไปพูดคุยกับนักลงทุน กลุ่มนักธุรกิจและทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลเกี่ยวกับสถานะของประเทศในเศรษฐกิจโลก
การสร้างเสถียรภาพทางการเมืองนั้น
พ.ต.ท.ทักษิณเผยว่า มาถึงตอนนี้น่าจะทำได้แล้ว
ต้องเริ่มพูดคุยกับฝ่ายที่เคยเป็นปฏิปักษ์กับตน
โดยเฉพาะทหาร พวกเขาก็รู้ เราให้อภัยในทุกเรื่อง
เราไม่รู้สึกเป็นศัตรูกับพวกเขา ให้อภัยทุกคน
ตนไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ฉะนั้นไม่ต้องวิตก
พ.ต.ท.ทักษิณยังพูดถึงการรัฐประหารวันที่ 19 กันยายนว่า แม้เรามีรัฐประหาร ระบอบกษัตริย์ของไทยมีความเข้มแข็งมาก และได้รับเคารพอย่างมากทั้งในและนอกประเทศ ฉะนั้นจึงไม่เหมือนประเทศอื่น แน่นอนเราได้รับผลกระทบ แต่ไม่มากเมื่อเทียบกับประเทศอื่น เป็นเรื่องยากที่จะทำนายว่าจะไม่เกิดรัฐประหารอีกในอนาคต ตนบอกไม่ได้สำหรับอนาคตอันใกล้ อาจมีรัฐประหารอีกก็ได้ แต่คงอีกหลายปี ไม่ใช่ตอนนี้
อดีตนายกฯ กล่าวถึงประชาชนที่ลงคะแนนให้พรรคพลังประชาชนว่า "
เพราะผมถูกรังแกเยอะเหลือเกิน และพวกเขาไม่เชื่อว่าคนคนหนึ่งจะเลวได้ขนาดนั้น ไม่คิดว่าคนที่พวกเขาเคารพรักจะเลวได้ขนาดนั้น พวกเขาแค่ต้องการให้ผมได้รับความยุติธรรมแค่นั้นเอง"
กับนายสมัครนั้นเขาบอกว่า ติดต่อนานๆ ครั้ง ในฐานะเพื่อนที่ดีคนหนึ่ง
พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวถึงทรัพย์สินของครอบครัวชินวัตรที่ได้จากกำไรในการขายหุ้นชินคอร์ป 1.9 พันล้านเหรียญฯ ว่า "สิ่งที่พวกเขาทำนั้นผิดกฎหมายอย่างแท้จริง แต่ภายใต้ระบอบเผด็จการคุณทำได้ทุกสิ่งที่คุณต้องการ นั่นอาจมีเป้าหมายเพื่อป้องกันไม่ให้ผมใช้เงินของผมช่วยพรรคพลังประชาชนในการเลือกตั้ง อีกประการก็คือ พวกเขาไม่ต้องการให้ผมเคลื่อนไหว แต่มันผิดกฎหมายชัดๆ แน่นอนว่าเราจะฟ้อง เพื่อให้ได้ทรัพย์สินคืนมา"
"ผมพยายามจะสร้างประเทศจากฐานราก จากรากหญ้า แต่พวกที่อยู่บนยอด พวกนี้มักจะสนุกสนานกับผลประโยชน์ที่ได้จากรัฐบาลที่อ่อนแอ พวกเขาไม่เคยสร้างพื้นฐานหรือรากฐานอะไรเลย แต่เราอยากจะอยู่นานกว่านี้ เพื่อสร้างประเทศทั้งประเทศขึ้นมาจากฐานรากขึ้นไป พวกเขาอาจคิดว่า "แล้วเมื่อไหร่คุณถึงจะมาหาฉันล่ะ? ยังก่อน" พวกเขาเลยไม่ชอบใจ แต่ที่จริงแล้ว เมื่อฐานรากแข็งแรง ส่วนยอดจะยิ่งแข็งแรงมากๆ แต่พวกเขารอไม่ไหว
ผู้สื่อข่าวไฟแนนเชียลไทมส์ เอมี แคซมิน ซึ่งได้สัมภาษณ์ พ.ต.ท.ทักษิณในกรุงเทพฯ เสนอบทวิเคราะห์ว่า แม้ พ.ต.ท.ทักษิณบอกว่าเลิกยุ่งเกี่ยวกับการเมืองแล้ว แต่เขายังมีความเห็นอย่างแข็งกร้าวต่อรัฐธรรมนูญที่ร่างขึ้นภายหลังการรัฐประหาร "ถ้าสภาผู้แทนราษฎรไม่ทำอะไรเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ผมถือว่าสภาชุดนี้ไม่ซื่อสัตย์กับประชาชน (อ่านรายละเอียดคำต่อคำหน้า 4)
ขณะที่คนในรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ไม่พอใจนักที่ พ.ต.ท.ทักษิณซึ่งยืนยันหลายครั้งว่าเลิกเล่นการเมืองกลับให้สัมภาษณ์โจมตีทางการเมือง
นพ.พลเดช ปิ่นประทีป อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า มาถึงวันนี้แล้วไม่ควรจะโทษใคร เมื่อสถานการณ์เป็นอย่างนี้แล้วเราควรจะคิดว่าจะนำพาประเทศไปอย่างไรดีกว่า ไม่ใช่มาหาแพะ เพราะรัฐบาลชุดที่แล้วมีข้อจำกัดหลายอย่าง ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ทำให้ต่างประเทศไม่ค่อยจะยอมรับ ทำให้การติดต่อก็พบกับเงื่อนไข ก็น่าเห็นใจทีมเศรษฐกิจรัฐบาลที่แล้ว
"เราเป็นรัฐบาลชั่วคราว เรารู้ตัวเองตลอดเวลาว่าไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ไม่มีความชอบธรรม จึงไม่สามารถทำอะไรได้มาก ดังนั้นเรื่องการที่ทำให้รัฐบาลนี้ยากลำบากให้การฟื้นความเชื่อมั่นกับต่างประเทศนั้น ผมคิดว่ามันไม่แฟร์ เราเข้ามาทำหน้าที่ในช่วงเปลี่ยนผ่านเท่านั้นเอง แต่จะตำหนิก็ไม่เป็นไร โดยเฉพาะท่านนายกฯ สุรยุทธ์ ท่านใจกว้าง วิจารณ์ได้ไม่เดือดร้อน"
เมื่อถามว่ามองอย่างไรที่ พ.ต.ท.ทักษิณระบุว่าจะวางมือทางการเมือง แต่ยังออกมาวิพากษ์วิจารณ์ นพ.พลเดชตอบว่า ไม่เหมาะสม เพราะบอกว่าจะไม่ยุ่งก็ควรจะไม่ยุ่งเกี่ยว แต่ก็คงจะอดพูดไม่ได้ แต่นานๆ ก็น่าจะคิดได้ด้านนายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ทำไมถึงมาโทษรัฐบาลสุรยุทธ์ ทำไมไม่พูดถึงเรื่องการส่งออก ที่มีการส่งออกสูงเป็นประวัติการณ์ที่รัฐบาลสุรยุทธ์ทำได้ ตนไม่อยากจะโต้ตอบอะไร เพราะไม่ได้รับผิดชอบด้านเศรษฐกิจ ฝ่ายเศรษฐกิจจะโต้ตอบได้
อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ บอกว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณประกาศวางมือทางการเมือง แต่มาให้สัมภาษณ์ทางการเมืองนั้น ก็รู้ๆ อยู่ว่าอะไรเป็นอะไร ส่วนตัวก็ไม่อยากแสดงความเห็นอะไร เพราะหมอดูทักว่าให้ระวังเรื่องวาจาที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.วินัย ภัททิยกุล ปลัดกระทรวงกลาโหมและอดีตเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ปฏิเสธที่จะให้ความเห็น
พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร รองปลัดกระทรวงกลาโหมและอดีตผู้ช่วยเลขาธิการ คมช. ขออนุญาตไม่ให้ความเห็นอะไรในช่วงนี้ เพราะไม่อยากให้คนทั้งหลายเข้าใจตนผิด ดังนั้นจึงไม่อยากให้ความเห็น รอให้ถึงเวลาจำเป็นจริงๆ แล้วจึงค่อยระดมความคิดเห็นกันใหม่ ตอนนี้เป็นจังหวะที่ควรจะเฝ้ามองดูกันไปก่อน
เมื่อถามถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณระบุผ่านสื่อต่างประเทศว่า คมช.เป็นต้นเหตุทำให้ประเทศชาติพัง พล.อ.สพรั่งตอบว่า ตอนนี้ใครอยากพูดอะไรก็พูดไป รอให้เหตุการณ์ลงตัว และมีความชัดเจนกว่านี้จะรู้ว่าใครพูดจริงพูดเท็จ ช่วงนี้ขอเก็บเนื้อเก็บตัวก่อน
ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ทุกฝ่ายมีหน้าที่ช่วยกันทำให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้า แต่หากย้อนกันไปย้อนกันมา ก็จะยิ่งตอบโต้กันไปไกล ดังนั้นสิ่งที่ดีที่สุดในขณะนี้คือ ทุกคนเดินไปข้างหน้า ขณะนี้ไม่ว่าปัญหาจะมาอย่างไร แต่เมื่อปัญหามาอยู่ตรงนี้แล้ว รัฐบาลก็ควรเร่งแก้ไข
"
ผมไม่แน่ใจว่าคุณทักษิณพูดแทนรัฐบาลได้หรือไม่ แต่พรรคการเมืองทุกพรรคที่หาเสียงมา ก็ไม่มีพรรคไหนที่บอกว่าจะแก้ปัญหาไม่ได้ เมื่อตอนหาเสียงพูดด้วยความมั่นใจ แล้วประชาชนให้การสนับสนุนมา ก็ต้องเดินหน้าแก้ไขปัญหาต่อไป" และว่า จะต้องดูว่าสิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณพูดว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง จะปฏิบัติตามนั้นหรือไม่นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เปิดเผยว่า ในวันที่ 5 มีนาคม แกนนำพันธมิตรฯ จะประชุมตั้งแต่เวลา 10.00 น. ที่บ้านท่าพระอาทิตย์ วาระในการหารือคงเป็นเรื่องการประเมินสถานการณ์ ทิศทางและแนวโน้มการทำงานของรัฐบาล ซึ่งเริ่มออกนอกลู่นอกทางเร็วเกินคาด และการกำหนดบทบาทของพันธมิตรฯ ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งคงต้องพูดถึงการทำงานควบคู่หรือเชื่อมประสานกับองค์กรแนวร่วมอื่นๆ ทั้งองค์กรภาคประชาชน กลุ่มนักวิชาการ กลุ่มชนชั้นกลางและพลังเงียบ และทิศทางการทำงานกับคนยากคนจนและคนระดับล่าง ซึ่งคงต้องเป็นแผนงานระยะยาว
ที่โรงแรมเอสซีปาร์ค หลังมีกระแสข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะเดินทางไปเป็นประธานการประชุมสมาคมกอล์ฟฯ ในฐานะนายกสมาคมกอล์ฟอาชีพแห่งประเทศไทย แต่ปรากฏว่าจนถึงเวลา 14.00 น.ก็ยังไม่เดินทางมาร่วมประชุม โดยเจ้าหน้าที่สมาคมกอล์ฟฯ แจ้งกับสื่อมวลชนว่า พ.ต.ท.ทักษิณโทร.มาแจ้งว่าจะไม่มาร่วมประชุม
...............................................................................................................................................................................
เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณประกาศวางเมืองทางการเมือง ไม่ยุ่งแล้ว แต่ได้มีการสัมภาษณ์วิจารณ์ คมช.
ร.ท.กุเทพกล่าวว่า เป็นการวิจารณ์โดยสุจริต ไม่เข้ามายุ่งทางการเมือง แต่สามารถที่แสดงความคิดเห็นทางการเมือง อยากให้แยกออกจากเรื่องทางการเมือง และวิพากษ์วิจารณ์ คมช.มานานแล้ว
นายนพดล ปัทมะ รมว.การต่างประเทศ เปิดเผยว่า ช่วงเช้าได้โทรศัพท์พูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อสอบถามสารทุกข์สุกดิบ ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณสบายดี และยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณยังอยู่ใน กทม. สาเหตุที่ไม่ปรากฏตัวต่อสาธารณะ เข้าใจว่าต้องการลดบทบาท ไม่อยากให้เป็นข่าว และอยากใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่กับครอบครัวเงียบๆ
นายดนุพร ปุณณกันต์ หนึ่งในคณะติดตามของ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่อยากให้มีข่าวหรือความเคลื่อนไหว เพราะไม่อยากให้ถูกมองว่ามีนายกรัฐมนตรี 2 คน หรือต้องการกลับมามีอำนาจทางการเมืองอีก และล่าสุด พ.ต.ท.ทักษิณท่านยังสบายดี และยืนยันว่าท่านอยากมีเวลาใช้ชีวิตส่วนตัวเหมือนประชาชนทั่วไปในการอยู่กับครอบครัว.http://www.thaipost.net/index.asp?bk=thaipost&post_date=5/Mar/2551&news_id=155386&cat_id=501ทักษิณทำให้บริวารหนักใจ....
พูดอย่างหนึ่ง กระทำอย่างหนึ่ง....
ต้องคอยแก้ตัวให้.....