ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
05-07-2025, 01:10
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 7 8 9 10 11 12
เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง  (อ่าน 65150 ครั้ง)
สหายนำชัย
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 84


« ตอบ #150 เมื่อ: 06-03-2008, 12:30 »

กระทู้นี้สับสนตั้งแต่ชื่อกระทู้แล้ว

ประเด็นก็สับปรับ หาหลักไม่เจอ
พล่ามไปทั่ว  ไม่รู้อะไรจริงอะไรเท็จ
ไปฟังคนไร้การศึกษา ( และอาจจะเมา ) พูดมาแค่คนสองคน เอามาเหมารวมว่า เป็นความคิดของคนอีสาน

ขอทีเถอะพี่

ประเด็นเรื่องภาค โดยเฉพาะการดูถูกคนภาคอีสาน อย่าเอามาโพสต์อีกเลย
มันกินแหนงแสลงใจกันเปล่า ๆ
บันทึกการเข้า

เพราะ...

   ผมเชื่อมั่นในความเป็นคน
   ผมเชื่อมั่นในอำนาจและการตัดสินใจของประชาชน
   ผมเชื่อมั่นในสิทธิเสรีภาพทางความคิดและการกระทำ อันหลากหลาย 
 
เหตุนี้.... ผมจึงเชื่อมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตย
   
...นิรนาม...
สหายนำชัย
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 84


« ตอบ #151 เมื่อ: 06-03-2008, 12:44 »

ได้โอกาสดีกว่าชาวบ้านเค้าหน่อย เลยกลายเป็นเทวดา เป็นผู้มีความรู้เก่งกาจกันไปหมด

พอเค้าไม่เชื่อขี้ปากก็ไปลากมาว่าเค้าโง่ ด้อยการศึกษา พวกที่เรียนมาแบบนี้ น่าจะคืนปริญญาเค้าไปซะ

มหาวิทยาลัยไหน สอนให้รังเกียจประชาชน นี่คือความเห็นแก่ตัวที่ไม่ยอมรับระบอบประชาธิปไตย

เมื่อไหร่จะเลิกคิดว่า ใครไม่เลือกพวกกูคือพวกโง่

นี่แหละความแตกต่างระหว่างการเรียนเอาปริญญาเพื่อความรู้แต่ไม่ติดปัญญาให้ตัวเอง

การศึกษาแบบด้อยคุณภาพ เลยกลายเป็นพวกกูเก่ง กูดี กูถูกต้อง

ความรู้ที่เรียนมามันก็แค่กระผีกหนึ่งของความรู้ในจักรวาล

สิ่งที่คนกรุงไม่รู้ ในโลกของต่างจังหวัดยังมีอีกเยอะ

แล้วอย่าสะเออะไปว่าเค้าโง่

พวกที่เชื่อว่า โกงไก้แต่ต้องทำงาน มันก็พวกในกรุงยุคนี้เยอะแยะไม่ใช่หรือ




เก๋า ๆ ๆ ๆ ๆ   สุดยอด



 
บันทึกการเข้า

เพราะ...

   ผมเชื่อมั่นในความเป็นคน
   ผมเชื่อมั่นในอำนาจและการตัดสินใจของประชาชน
   ผมเชื่อมั่นในสิทธิเสรีภาพทางความคิดและการกระทำ อันหลากหลาย 
 
เหตุนี้.... ผมจึงเชื่อมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตย
   
...นิรนาม...
isa
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 151



« ตอบ #152 เมื่อ: 06-03-2008, 12:44 »

และเพื่อเป็นการส่งท้ายก่อนจาก
ผมจะขอให้ Definition ของอาการ "หลงลาว" ที่พูดถึงบ่อยๆไว้ ณ ที่นี้ว่ามันเป็นยังไง โดยยกตัวอย่าง
ตัวผมเอง ซึ่งเป็นคนใต้ใจดำที่มีอาการ "หลงลาว" จนต้องฉีดยากินยากันอยู่หลายปี แม้ปัจจุบันก็ยัง
ไม่หายขาด ดูดิ๊ อย่างลุงแคนที่ออกมาสะบัดสะบิ้งเถียงไม่เข้าประเด็นแบบนี้ ผมก็ยังทั้งรักทั้งหลงแกเลย
...ไงๆก็รักลา-ว!

เนื่องจากลาวเป็นสารเสพย์ติดที่น่ารักโดยธรรมชาติ จึงไม่แปลกที่จะมีผู้มีอาการหลงลาวกันมากมาย แม้แต่ฝรั่งมังค่า ญี่ป่งญี่ปุ่น ก็ยังหลงลาวจนเสียผู้เสียคนมาแล้ว แต่การเสพลาวมากเกินไปจะมีผลข้างเคียงรุนแรงมากมาย

ตัวอย่างอาการหลงลาวจากตัวอย่างผมเองที่เคยเป็นสมัยอยู่ร้านอาหารไทยที่ญี่ปุ่น (กุ๊กเป็นคนอีสานหมดครับ)

1.   เวลาที่คุณอยู่ในวงลาว คุณจะรู้สึกว่าลาวช่างน่ารัก เฮฮา สนุกสนาน ร้องรำทำเพลงเบิกบานใจ จนคุณรู้สึกเหม็นขี้หน้าคนญี่ปุ่นในแมนชั่นห้องติดๆที่มาเคาะประตูเตือนด้วยความฉุนว่ามันช่างไม่รู้จักกาละเทศะ โดยลืมไปสนิทว่านี่มันตีสามเข้าไปแล้ว และไอ้หมอนั่นเป็นพนักงานบริษัทที่ต้องตื่นไปทำงานตั้งกะตีห้า (และห้องของลาวก็โดนเจ้าของคอนโดเตือนไม่ต่ำกว่า 10 ครั้งแล้ว)
2.   เวลาที่ลาวเล่นพนันกับทุกอย่างที่ขวางหน้า คุณจะรู้สึกสนุกสนานไปด้วย และรู้สึกว่าลาวช่างไม่มีความเครียด ไม่วอรี่กับอะไรเลย ชีวิตช่างเสรีไร้กังวลจนน่าอิจฉาจนคุณลืมเอะใจตอนที่ลาวมาสะกิดขอยื้มเงินคุณที่เหลือเพียงน้อยนิดตั้งกะกลางเดือน
3.   เวลาที่อยู่กับลาว ลาวจะช่างสรรหาของกินมามากมายและชวนคุณให้เข้าร่วมวง คุณจะรู้สึกว่าลาวช่างมีน้ำใจ จนคุณฉุนเวลาที่เท็นโจ้ หรือผู้จัดการร้านมาด่าว่ามันช่างแล้งน้ำใจจริงๆ โดยที่ลืมไปสนิท (เหมือนกัน) ว่าเนื้อที่เอามาทำซกเล็กก็เนื้อของร้าน ทั้งพริกทั้งเครื่องปรุงก็ของบริษัท แล้วผู้จัดการที่น่าสงสารนั่นก็แค่ทำหน้าที่ของมันเท่านั้นเอง
4.   เวลาที่ลาวขอความช่วยเหลือจากคุณ หน้าตาลาวจะน่าสงสารมาก เหมือนแมวตาแป๋ว พุซ อิน บูธในเรื่องเชร็ค จนคุณรู้สึกว่าเป็นหน้าที่ที่พระเจ้ามอบมาให้คุณที่จะปกป้องลาว จนคุณออกหน้าเถียง และเอาคอไปขึ้นเขียงเพื่อลาว ทั้งๆที่คนที่เราไปทะเลาะด้วย เค้าก็แค่รักษากฎและผลประโยชน์ของบริษัทอย่างถูกต้อง

ฯลฯ

เอาแค่นี้ละ ต้องไปทำงานต่อแล้ว
   สำหรับวิธีแก้อาการหลงลาว หากคุณไม่ใช่ลาว ขอแนะนำให้งดเสพลาวสักระยะ อ่านหนังสือ คอลัมน์ หรือดูรายการทีวีที่มีประโยชน์ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ งดเว้น ลาบ ส้มตำ ซกเล็กอย่างเด็ดขาด พักผ่อนเยอะๆ และรับประทานยาตามที่แพทย์แนะนำ
   สำหรับท่านที่เป็นลาวอยู่แล้ว ควรหลีกเลี่ยงการอ่านหนังสือพิมพ์ คอลัมน์ หรือดูรายการทีวีที่มีลักษณะโปรโมทรากหญ้า หรือแฝงแนวคิดฝ่ายซ้าย แยกตัวออกห่างๆรากหญ้าสักพัก อ่านหนังสือเกี่ยวกับภาคธุรกิจเยอะๆ
ทำความดีโดยการบริจาคผ่านองค์กรที่ไม่ใช่ตัวบุคคล รับประทานอาหารถูกส่วน ถ่ายให้เป็นเวลา และทานยาตามที่แพทย์แนะนำ

   สำหรับลุงแคนนั้น ข่อยซอยบ่ได้เด๊... คันว่าหลงลาวหน้ามืดตามัวเถิงกับพาลมาเคียดคนเมืองจังซี่ หมอเพิ่นว่ากะด่อกระเดี่ยฮิมตายแล้วแน... จองศาลาสวดอย่างเดียวเด๊ ลุงเด๊!

   ไปละเด้อลุงเด้อ...จังได๋กะฮักลุงคือเก่าน่ะแหละ...จากคนใต้ใจดำคนเก่าเด๊ลุงเด๊!
บันทึกการเข้า
personal jesus
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 632



« ตอบ #153 เมื่อ: 06-03-2008, 12:45 »


ถ้าไม่เห็น ประเด็นที่เป็นจริง แล้วคิดแก้ไข
หนทาง ยังมืดมน มัวแต่คิดว่า คนอื่นเค้าดูถูกภาคตัวเอง
กันอยู่นั่นแหละ กี่รุ่นมาแล้วล่ะ?

ความเห็น ข้อคิดดีๆ เหมือนไร้ประโยชน์ใน บางคน
เหมือน สุภาษิต ที่ว่า สีซอให้ควายฟัง  และ ไม่ต่างจากตักน้ำรด (หัว) ตอ ..
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-03-2008, 12:47 โดย enjoy the silence » บันทึกการเข้า

Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #154 เมื่อ: 06-03-2008, 13:48 »

"พรรคเทวดา แก้ไม่ได้หรอกครับ

เพราะเป็นปัญหาของมนุษย์โลก"


อ้อ...อาหารเสริมนิด ๆ จังหวัดอุบล สส. ก็ไม่มาก แต่ มี 4 พรรคการเมือง

เป็นรัฐมนตรีไปแล้ว 3 คน 3 พรรค

ส่วนพรรคเทวดา มี สส. 4 คน ไม่รู้เที่ยวหน้าจะเป็นยังไง


ท่าทางจะสูญพันธุ์
บันทึกการเข้า

isa
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 151



« ตอบ #155 เมื่อ: 06-03-2008, 13:57 »

...อดใจไม่ไหว

เห็นลุงแคนพยายามซักไซ้เรื่องหัวกระทู้นัก ผมก็เลยเฉลยให้ตรงนี้ละกันว่าทำไมถึงได้มีหัวกระทู้แบบนี้

เพราะว่าสหายเก่าของลุงกำลังงัดความคิด "เปิบข้าวทุกคราวคำ จงสูจำเป็นอาจิณ" สมัยเขมรพลพตขึ้นมาเป็นอาวุธ เพื่อดิสเครดิตการเมืองภาคประชาชนของคนเมืองไงครับ แล้วก็ปลุกระดมรากหญ้าทั่วประเทศให้ลุกขึ้นมาเป็นศัตรูกับคนเมือง เพื่อให้กระบวนการตรวจสอบง่อยเปลี้ยเสียขา

เรามาเทียบชนบทกับเมืองกันดีกว่ามั้ย เพื่อการพัฒนาแบบ Dual Track จริงๆไง

บุคลากร
-   คนเมืองที่ใช้งานได้ ต้องได้รับการศึกษาอย่างต่ำ ป.ว.ส. หรือปริญญาตรี ใช้งบประมาณเฉพาะของครอบครัวในการผลิตประมาณ 2 ล้านบาทต่อหัว
-   ชาวนา หรือชาวสวน ที่ใช้การได้ จบป. 4 ก็พอ ต้นทุนการผลิตต่ำ สามารถให้การศึกษาผ่านการอบรมในท้องถิ่นได้โดยผ่านวิทยากร  เรียนรู้ผ่านประสบการณ์ ไม่มีต้นทุน

ผลผลิต
-   เมืองจะผลิตภาษีเงินได้, เงินภาษีมูลค่าเพิ่ม ค่าธรรมเนียม ทั้งของบุคคลและขององค์กร รายได้จากเมืองขึ้นอยู่กับการหมุนเวียนของเงิน ยิ่งมีการหมุนเวียนมาก ก็ยิ่งผลิตภาษีได้มาก (ลองนึกภาพว่าทุกครั้งที่ควักเงินจากกระเป๋า จะเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ทันทีดูสิ) ภาษีนี้จะใช้ในกระบวนการพัฒนา ขับเคลื่อนระบบราชการ การเมือง ว่าจ้างงาน และอื่นๆ
-   ชนบทผลิต ผลผลิตทางการเกษตร วัตถุดิบ ประชากรรุ่นใหม่จำนวนหนึ่งที่จะพัฒนาขึ้นมาเป็นคนเมือง แต่ให้ผลผลิตทางภาษีต่ำ

รายได้
-   คนเมืองจะมีรายได้ประจำแน่นอนในแต่ละเดือนตามความสามารถทำงานและตำแหน่งงาน คนเมืองส่วนมากจึงใช้ชีวิตแบบชีวิตเงินผ่อน ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
-   คนชนบท รายได้จะมาเป็นรายปีหรือ ครึ่งปีหลังจากขายพืชผลได้ หลังจากฤดูเก็บเกี่ยวอาจมีรายได้เพิ่มจากการรับจ้างแรงงาน

สภาพชีวิต
-   ชีวิตคนเมืองมีการแข่งขันสูง มีความเครียดสูง ชีวิตขึ้นอยู่กับเวลา จะต้องมีการเรียนรู้และพัฒนา ทำงานที่ต้องอาศัยแรงกาย
-   คนชนบท มีอิสระมากกว่า การทำงานไม่ขึ้นอยู่กับเวลา มีการใช้แรงงานค่อนข้างมาก (ปัจจุบันมีการใช้เครื่องจักรเพื่อผ่อนแรง)

การใช้ชีวิต
-   ชีวิตคนเมืองเต็มไปด้วยค่าใช้จ่าย แค่ย่างเท้าออกนอกบ้านก็มีค่าใช้จ่ายทันทีเป็นหลักร้อยหลักพัน เงินจึงเป็นปัจจัยจำเป็นสำหรับทุกอย่างที่คนเมืองขาดไม่ได้ เด็ดขาด
-   คนชนบท จะใช้เงินสำหรับซื้อปัจจัยจำเป็น อาทิ สบู่ ยาสีฟัน เครื่องปรุงอาหาร เสื้อผ้า แต่เงินไม่ใช่ของจำเป็นมากนักในชีวิตประจำวัน คนชนบทจึงมีชีวิตอยู่ได้แม้จะขาดแคลนเงิน
-   คนเมืองจำเป็นต้องสวมเสื้อผ้าสวยๆ เพราะเป็นหน้าตาขององค์กร และจำเป็นในการติดต่อกับองค์กรอื่น
-   คนชนบท ใส่อะไรก็ได้อย่าให้โป๊เวลาทำงาน แต่เวลาจีบสาวหรือเที่ยวงานวัด หรือเข้าเมืองก็แต่งให้สวยหน่อย

สุขภาพ
-   ภาวะทุโภชนามาคู่กับคนเมืองในลักษณะโรคอ้วน เพราะไม่มีอาหารสุขภาพให้กิน ต้องทนกินอาหารไขมันสูง ปรุงไม่ถูกสุขลักษณะ เพราะไม่มีเวลาจะทำกินเอง และอาหารชีวภาพก็แพงหูฉี่กว่าอาหารธรรมดา
-   สภาวะทุโภชนาของคนชนบท ไม่ได้มาจากไม่มีให้กิน แต่ปัจจุบันมาจากกินพิเรนๆ เช่น เนื้อดิบๆ ปลาปั๊กเป้า กินเหล้าบ่อยเกินเหตุ ฯลฯ อาหารชีวภาพมีให้ที่ปลายรั้ว ลำบากแค่เก็บ
-   ชีวิตคนเมืองที่นั่งโต๊ะทำงาน ขาดพื้นที่และเวลาออกกำลังกาย ขณะที่หากจะออกกำลังกายก็ต้องไปเป็นสมาชิกฟิตเนสที่เสียเงินจำนวนมาก
-   คนชนบท แค่ไถนาก็ได้ออกแรง เดินไปชวนเพื่อนบ้านกินเหล้าก็ได้ออกแรง

ความบันเทิง
-   เนื่องจากคนเมืองมีเวลาจำกัด การแสวงหาความสุขจึงเป็นการบำบัดความเครียดที่ค่อนข้างฉาบฉวย เช่น เที่ยวกลางคืน เดินห้าง ดูหนัง  ดูทีวี หากต้องการสัมผัสธรรมชาติก็ต้องรอพักร้อนนู่นแหละ แล้วไปเที่ยวต่างจังหวัดไกล ถ้ารวยมากๆถึงจะมีปัญญาไปเที่ยวเมืองนอก
-   คนชนบท ธรรมชาติมีให้สัมผัสใกล้ตัวจนเบื่อ คนชนบทจึงชอบงานวัด หมอลำซิ่ง คาราโอเกะมุงจาก หรือดูทีวีละครน้ำเน่า

เอาแค่นี้ละ

ลุงก็เห็นว่าทั้งคนเมือง ทั้งคนชนบท ต่างคนต่างก็ทำหน้าที่ของตัวเอง มีหน้าที่บทบาทต่างกัน และอยู่ร่วมกันแบบน้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า คนเมืองขาดคนชนบท ก็ไม่มีผลผลิตทางการเกษตรเข้ามาบริโภค ขณะที่คนชนบท หากขาดคนเมือง ก็จะขาดงบประมาณพัฒนาถนนหนทาง ประกันราคาพืชผล บริการสังคมอย่างโรงพยาบาล โรงเรียน หรือหน่วยงานรัฐอื่นๆ ตลอดจนงบประมาณที่ผ่านอบต. อ.บ.จ. ทั้งหลาย เราต่างคนต่างอยู่ ทำหน้าที่ของแต่ละคนกันดีอยู่แล้ว ชีวิตแต่ละแบบก็มีข้อดี ข้อเสียแตกต่างกัน

แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นตอนนี้ก็คือมีไอ้ชั่วซากเดนคอมฯ ที่ไปเสี้ยมคนชนบทให้มาทะเลาะคนเมือง มีนายทุนชั่วๆที่ไปยั่วยุให้คนชนบทอยากเสพสุขแบบคนเมืองที่จำเป็นต้องใช้เงิน อยากมีรถ มีมือถือ อยู่บ้านหลังใหญ่ติดแอร์ ใส่เสื้อผ้าสวยๆแบบคนเมือง อยากตัวขาว ทาหน้าขาว ซึ่งมันขัดกับชีวิตคนชนบท ขัดกับรายได้ และแน่นอนว่าไม่มีปัญญาหามาได้ด้วยตัวเอง ทั้งๆที่คนชนบทก็มีความบันเทิงในรูปแบบของตัวเองอยู่แล้ว และจุดนี้แหละที่ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นเพื่อสูบภาษีจากเมืองลงสู่ชนบท ในสิ่งที่เกินจำเป็น

และเพื่อทำให้การตรวจสอบภาคเมืองง่อยเปลี้ย แนวคิด "เปิบข้าว ทุกคราวคำ" ของเหล่าผีคอมมิวนิสต์ก็ถูกโหมโรงขึ้นมาอีกครั้ง โดยไม่เกรงว่าคนไทยจะฆ่ากันเอง

เห็นลุงหลงลมไปกับพวกนี้ ถามลุงหน่อยสิครับ สภาพของเขมรปัจจุบันเป็นยังไง หลังจากที่พวกเขมรแดงโง่เง่าเอาชาวนามา ฆ่าคนเมืองจน***นเตียน จนปัจจุบัน ใครจะเสียภาษีพัฒนาประเทศครับ ใครจะเป็นคนดึงดูดทุนภายนอกเข้ามาครับ เขมรตอนนี้มีเงินจากไหนครับ ถ้าไม่แบมือขอยูเอ็น ขอเวียดนาม หรือจากบ่อนคาสิโนชายแดน และเขมรต้องเสียเวลาอีกกี่ปี และงบประมาณอีกเท่าไหร่จึงจะพัฒนาคนเมืองรุ่นใหม่ขึ้นมาได้อีกครั้ง
เพื่อจะขับเคลื่อนประเทศให้ทัดเทียมชาติอื่น  ไอ้ที่โจมตีคนเมืองกันอยู่โครมๆตอนนี้ ถามจริงๆเหอะ อาศัยรากหญ้ากับทุนนิยมคาสิโนเนี่ยนะ จะไปแข่งกับเวียดนาม อยากหัวเราะให้ท้องแตก!

...อยู่ดีๆอยากดึงประเทศให้ถอยหลังเข้าคลองรึไงครับ สหายทั้งหลาย

บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #156 เมื่อ: 06-03-2008, 14:07 »

มาอีกแล้ว ไม่ชอบเพลงเปิบข้าว แล้วเอาไปฝันเป็นตุเป็นตะเป็นกละเป็นเกลื้อน

รัฐบาลก่อนๆ ก็บอกว่าชาวนาเป็นกระดูกสันหลังของชาติ แล้วแต่จะยกยอกันแบบไหน

ตกลงกินข้าวลงไปในกะเพาะทุกวันนี้ ไม่มีบุญคุณกันใช่มั๊ย

เจ้าสัวใหญ่ซีพี เคยบอกว่า แค่คนกรุงซื้อข้าวสารแพงขึ้นกิโลละบาทสองบาท ชาวนาก็ลืมตาอ้าปากได้แล้ว

มันจริงของเค้าหรือเปล่า เพลงก็มีมานานนับ ๓๐ ปี ทำไมไม่มีปัญหาการเมือง

ดันมาเป็นปัญหาการเมืองตอนนี้ เหมาเองหรือเปล่า

หรือจะห้ามเปิดเพลงไปเลยดีมั๊ย


เอางี้ ไม่ชอบเพลง ""เปิบข้าว"" เอาเพลง "ไม่ใช่แฟนทำแทนไม่ได้" ไปฟังเล่นๆ

เผื่อจะชอบขึ้นมาบ้าง...อ้อ...ฟังแล้วอย่าบ้าตามเพลงล่ะ ตั้งสติให้ดีๆ


อ้อ...ปัญหาการเมืองคือ สส.ของพรรคสอบตกใช่มั๊ย เลยเป็นปัญหา

วิธีจะได้ สส. ในอีสานก็แล็คเช่อร์ให้ฟังหลายรอบแล้ว จำไปใช้สิ เผื่อจะแก้ปัญหา สส.มีน้อยได้บ้าง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-03-2008, 14:20 โดย CanCan » บันทึกการเข้า

isa
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 151



« ตอบ #157 เมื่อ: 06-03-2008, 14:14 »

ลุงแคนคับ...

ผมพยายามจะฮาๆนะครับ...
ไม่อยากซีเรียสกะลุง

ผมกินข้าวคนบ้านลุง คนบ้านลุงเอาเงินภาษีผมไปประกันราคาข้าว
เอาไปจับสลากรถแทรกเตอร์ เอาไปทำ 30 บาทรักษาทุกโรค
เจ๊ากันรึยังครับ?

แต่ว่าตอนเด็กผมกินข้าวอยู่แถวใต้นะครับ น่าจะเป็นข้าวสารเมืองนครมากกว่า
พอเข้ากรุง ผมก็ไม่ได้กินข้าวหอมมะลินะครับ เพราะตอนนั้นบ้านลุงยังเป็นทุ่งกุลาร้องไห้อยู่เลย
ผมก็กินข้าววัด น่าจะมาจากแถวๆปทุมนี่แหละ

ถ้าจะกินของคนบ้านลุง ก็คงเป็นไส้กรอกอีสาน ซกเล็ก ส้มตำอะไรประมาณเนี้ยครับ
ผมก็ว่าจ่ายตังค์ไปให้เค้าแล้วนา

อ้อ! ตอนนี้ผมกินเสต๊ก กินเอ็มเค กินซิสเลอร์ตอนต้นเดือน แต่หลังวันที่ 15
ผมโจ้มาม่าล้วนๆครับ ฮิๆ...

แต่ผมเสียภาษีให้คนบ้านลุงเดือนละตก 4 พัน ยังไม่นับรวมภาษีมูลค่าเพิ่มนะครับ
นับแต้มกันแล้วคนบ้านลุงติดหนี้ผมอยู่นะครับ

แล้วถามจริงๆเหอะครับ ลุงไม่เห็นจริงเหงอ ว่าสหายเก่าของลุงในพปช.ทำอะไรอยู่น่ะ
ไงๆผมจะได้งัดเพลงหนักแผ่นดินขึ้นมาเปิดสู้มัน

แล้วเวลาผมโค้งลุง อย่าลืมออกมาเต้นด้วยล่ะ!
ผมสไตล์แร็ปนะ ลุงอาจจะตามยากหน่อย...อิๆ

ต่ออีกนี้-ด  คำว่า "หน้าที่" - "บุญคุณ" - "น้ำใจ" ถ้าแยกกันให้ออกก็ดีนะคับ
เวลาเจอคนที่สับสนสามคำเนี้ย ผมปวดหัวตึ้บ ทุกที้ ทุกที...




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-03-2008, 14:24 โดย isa » บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #158 เมื่อ: 06-03-2008, 14:26 »

มาอีกแล้วประเด็นภาษี อธิบายไปทีแล้ว เรื่องความเป็นธรรมเรื่องภาษี

ยังมีหน้ามาบอกว่าภาษีของคุณอีก มันไม่ใช่นะ ภาษีรายได้ส่วนบุคคล คือภาษีของคนมีโอกาสทำเงินมากกว่าเกณฑ์

ส่วนภาษีการค้า ภาษีแว็ต ก็จ่ายกันทุกคน ทำไมไปคิดว่าเสียภาษีมากแล้วต้องได้ประโยน์มาก

เอาเปรียบโอกาสชาวบ้านจากภาษีประชาชน ไปตั้งมหาวิทยาลัย เรียนถูกๆ ยังไม่รู้อีกว่า

มันก็เป็นภาษีหรือรายได้ของประเทศชาติ เป็นของส่วนรวมที่ชาวนาก็มีสิทธิ์เป็นเจ้าของเงินนั้นเหมือนกัน


เอ้อ...การบอกว่าประเทศชาติเอาภาษีของคุณไปพัฒนาทั้งประเทศตามความเหมาะสมนี่ถือเป็น "การทวงบุญคุณ" หรือเปล่าครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-03-2008, 14:31 โดย CanCan » บันทึกการเข้า

isa
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 151



« ตอบ #159 เมื่อ: 06-03-2008, 14:43 »


แหม เถียงกะลุงเนี่ยผมเสียงานจริงๆ

ประเด็นเรื่องข้าวสารแพงน่ะ คนเมืองที่อยู่ปลายเหตุน่ะไม่ได้รู้อิโหน่อิเหน่หรอกครับ ลุ้ง
ไปโทษยี่ปั๊วซาปั๊วของซีพีโน่น อย่าโยนกลองให้คนเมือง ทำไมถึงจ่ายเพิ่มนิดหน่อยไม่ได้

ตอนนี้ข้าวแกงในเมืองน่ะ ขึ้นราคาไปจานละ 5 บาท 10 บาท
ข้าวแกงโรงอาหาร 30 บาทเดี๋ยวนี้มีแต่วิญญาณหมูครับลุง

ส่วนเรื่องภาษีน่ะ คนเมืองเค้าไม่ได้รังเกียจที่จะเสียอยู่แล้วครับ
แล้วก็ความสะดวกที่คนเมืองเค้าได้น่ะ เค้าซื้อเองล้วนๆนะครับ ไม่ใช่ได้จากรัฐบาล
หรืออย่างอะไรที่สร้างให้คนเมือง รัฐก็ได้เงินคืนครับผม
อย่างเอาภาษีไปสร้างทางด่วน โทลเวย์ แมร่งก็เก็บค่าทางด่วน
เอาไปสร้างรถไฟฟ้า มันก็เก็บตังค์นะครับลุงไม่ใช่ขึ้นฟรีๆ
ไอ้ห้าง โรงหนังทั้งหลายแหล่ รัฐก็ไม่ได้สร้าง เอกชนมันสร้างมาหาตังค์เราอีกที

รถรา บ้านช่อง ก็ซื้อเองหมด ลุงเห็นยังว่าจริงๆแล้วคนเมืองน่ะเค้าเข้มแข็งขนาดไหน
ไม่เคยหวังพึ่งรัฐสักนิด รัฐน่ะแหละเอาเงินภาษีไปแล้วทำตัวดีๆหน่อย
ไอ้บัตร 30 บาทน่ะไม่เคยใช้ ขนาดประกันสังคมจ่ายเดือนละ 700 ได้แค่ยาพารายังเจอมาแล้วเลยละลุ้ง
จ่ายสดแล้วเบิกบริษัทดีกว่า

พวกผมไม่รังเกียจหรอกลุง ถ้าภาษีมันจะกลายเป็นอะไรที่มันถาวรในบ้านลุง
เป็นอ่างเก็บน้ำ เป็นระบบชลประทาน เป็นการอบรมการเกษตร
เป็นการประกันราคาข้าว เป็นยุ้งฉางกลาง แบบจ่ายไปแล้วเห็นผลเป็นรูปธรรมน่ะ
แต่ เป็นจับสลากแจกแทรกเตอร์เนี่ย รับยากว่ะลุง
เอาภาษีเราไปสร้างฐานเสียงเงี้ย ขี้เดียดชิบหาย
หรือเอาไปร้อยล้าน หัวคิวแด๊กซะยี่สิบเปอร์เซ็น เบี้ยบ้ายรายทาง
กว่าไปถึงที่ เหลือไม่ถึงครึ่ง แบบนี้มันก็รับยากอยู่นะลุงนะ

ขนาดผมอยากได้รถปิ๊คอัพ ยังต้องกินมาม่ากันพุงกางเล้ย

ขนาดพ่อแม่ผมเค้ายังไม่เคยทวงบุญคุณผมเล้ย...แล้วใครเนี่ย มาทวงบุญคุณอยู่เหยงๆ...

งงแสด...
 
บันทึกการเข้า
watson
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 393


« ตอบ #160 เมื่อ: 06-03-2008, 14:44 »


ตกลงกินข้าวลงไปในกะเพาะทุกวันนี้ ไม่มีบุญคุณกันใช่มั๊ย



นี่ไงครับตรรกะของคนอีสานที่ว่าปลูกข้าวให้คนกรุงกินก็เลยถือว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง
คนกรุงเขาซื้อข้าวกินนะครับไม่ใช่ขอข้าวกินถึงจะต้องเป็นบุญเป็นคุณกัน
คุณขับรถไปเติมน้ำมัน อย่างนี้แขกโอเปกก็มีบุญคุณกับคุณสิครับ
คนเลี้ยงหมู คนเชือดหมู คนขายหมู ก็มีบุญคุณล้นเหลือกับคุณด้วย
คุณมีไฟใช้ มีคอมพ์ใช้มานั้งตอบกระทู้ อย่าลืมไปขอบพระคุณพนักงาน กฟผ ด้วยล่ะ

แล้วสิงค์โปรมันไม่มีที่นา แต่มีข้าวกิน อย่างนี้มันเป็นหนี้บุญคุณชาวนาไทยบ้างหรือเปล่า




เอาเปรียบโอกาสชาวบ้านจากภาษีประชาชน ไปตั้งมหาวิทยาลัย เรียนถูกๆ ยังไม่รู้อีกว่า

มันก็เป็นภาษีหรือรายได้ของประเทศชาติ เป็นของส่วนรวมที่ชาวนาก็มีสิทธิ์เป็นเจ้าของเงินนั้นเหมือนกัน


มหาฯลัยเรียนถูก ๆ เขาไม่ได้ห้ามลูกชาวนาเรียนนะครับ ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันในการสอบเข้า
บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #161 เมื่อ: 06-03-2008, 15:00 »

มาอีกแล้วสิทธิ์ในการสอบเข้าเรียนเท่าเทียมกัน

จะให้นักเรียนบ้านหนองหมาว้อ มาแข่งเด็กอินเตอร์

นี่แหละวิธีคิดแบบเห็นแก่ตัวของคนกรุง

ท่าทางต้องขอให้ไปอ่านรัฐธรรมนูญหมวดแนวนโยบายแห่งรัฐให้เข้าใจให้ลึกซึ้งซะละมั๊ง

เออ...เด็กบ้านนอกเกิดมาครบ 32

เด็กลูกคนมีเงิน เกิดมามีอวัยวะ 40 หรือไง

ถึงได้เรียนอนุบาลดีๆ มีพี่เลี้ยงตั้งแต่ 3 ขวบ

ซื้อหนังสือ ซื้อคอมให้เล่นตั้งแต่ 5 ขวบ

ส่งเรียนพิเศษทุกวัน แบบนี้มันเป็นธรรมในเรื่องโอกาสหรือเปล่า

แล้วจะมาบอกว่าให้โอกาสสอบเข้าทุกคน โธ่ ค่ารถไฟราคาถูกๆ ยังไม่มีปัญญาหาให้ลูกมากรุงเทพเล้ย..


พอเค้าจะมีทุนการศึกษาให้คนจน อ้าว คนรวยก็มาเรียกร้องขอสิทธิ์อีก มันอะไรกันครับ

บันทึกการเข้า

isa
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 151



« ตอบ #162 เมื่อ: 06-03-2008, 15:04 »

ต่ออีกนิด...

รู้มั้ยครับลุงแคน เมื่อก่อนมุมมองผมก็คล้ายๆกับลุงนี่แหละ
ตอนผมไปญี่ปุ่นใหม่ๆ ผมโคตรเกลียดคนญี่ปุ่นเลย...

รู้สึกว่ามันเป็นทุนนิยมที่มากอบโกยเอาจากประเทศกำลังพัฒนา มาหลอกใช้แรงงาน
แต่ตอนหลังความรู้สึกมันก็เปลี่ยน แล้วก็เห็นว่าจริงๆแล้วเราก็เป็นพันธมิตรกัน
ญี่ปุ่นอาศัยแรงงานบ้านเราก็จริง แต่มันก็สร้างตำแหน่งงาน สร้างเงินสะพัด
สร้างตลาดใหม่ๆ ทำให้เงินทองหมุนเวียน ประเทศเราก็มีภาษีสำหรับใช้พัฒนาประเทศ

แต่ตอนนี้ทุนที่เราควรจะเกลียดก็คือทุนนิยมคาสิโนต่างหากล่ะครับ
ทุนพวกนี้จะเข้าไปซื้อหุ้นเทคโอเวอร์บริษัทต่างๆ ไล่คนลดคน ผ่านสิ่งที่เรียกว่ารีเอ็นจิเนียร์ริ่ง
บีบคอคนที่อยู่ให้ทำงานหนักๆ แล้วก็แต่งตัวเข้าตลาดหุ้น ขายเอากำไร
หรือไม่ก็อย่างพวกเฮดฟันด์ที่เข้าไปปั่นหุ้น ปั่นค่าเงินในประเทศต่างๆ พอได้กำไรแล้วก็เผ่น
ทุนนรกพวกนี้ไม่ได้สร้างให้เกิดรายได้ ไม่ได้สร้างให้เกิดการจ้างงานอะไรเลย

และไอ้ทุนนรกพวกนี้แหละครับ ที่พยายามปั่นหัวรากหญ้าบ้านลุงให้เป็นเครื่องมืออยู่
ทั้งๆที่หลังจากมันยึดทุกอย่างเสร็จสรรพ จะมีพวกมันเท่านั้นแหละที่รวยเด่อยู่พวกเดียว
และพร้อมจะขายประเทศให้ใครก็ได้ที่เข้ามาซื้อต่อ ลองเล็งดูไปที่พวกหัวแถวของขบวนการเหลี่ยม
จะเห็นความคิดนี้ชัดแจ๋วเลย

ทุนนิยมกับสังคมนิยม จริงๆแล้วมันเดินไปด้วยกันได้ ดูอย่างจีนเป็นตัวอย่างสิครับ
ถ้ามันเอามาใช้อย่างเหมาะสม ภาคเมืองก็ผลิตภาษี ผลิตรายได้สำหรับพัฒนาประเทศ
ส่วนภาคชนบทก็เป็นเบาะรองรับเวลาที่ภาคเมืองเกิดปัญหา เป็นแหล่งรับคน ผลิตคน
ผลิตอาหาร ถ้าสองภาควิ่งควบคู่ไปด้วยกัน ก็ไร้ปัญหา ดูอย่างอเมริกาก็ได้
ไม่มีใครบ้าเอาเมืองใหญ่อย่างชิคาโก หรือนิวยอร์กไปครอบใส่เมืองทุกเมืองหรอกครับ
ถ้าอยากได้ความเจริญแบบเมืองก็เข้าเมืองไปสิ ใครว่าอะไรล่ะ
แต่ถ้าเบื่อเมือง ก็มีชนบทรองรับ

คนที่ปั่นหัวคนสองภาคส่วนให้ทะเลาะกันน่ะ มีแต่พวกโจรปล้นประเทศเท่านั้นแหละครับ


 

อีกหน่อยเถอะ

รู้สึกลุงจะติดภาพการเรียนมหาลัยไปหน่อยมั้ยครับ
ถ้าเอ็นทรานซ์สู้เด็กในเมืองไม่ได้ ทำไมไม่เรียนรามล่ะครับ
สุโขทัยก็มี จบมาก็ปริญญาเท่ากัน แล้วเวลาทำงาน
มันอาจมีผลแค่ตอนสมัครงานที่แรก แต่หลังจากมีประสบการณ์งานแล้ว
จบมาจากที่ไหนก็เท่ากันละครับ อยู่ที่รักความก้าวหน้าแค่ไหนเท่านั้นแหละ
พี่ผมก็จบรามตั้งสองคน ตอนนี้ก็รุ่งไปทั้งคู่

แล้วก็อย่าดูถูกคนระดับปวช. ปวส. สิครับ
สมัยผมอยู่มหาลัย มีเพื่อนๆสมัยชั้นม.ที่เข้าเรียนอาชีวะ
เรายังคิดว่าดีกว่ามัน

เดียวนี้พวกมันเป็นเจ้าของกิจการ
มีอยู่คนเป็นที่ปรึกษาบริษัท เงินเดือนเป็นแสน
เข้าบริษัทอาทิตย์ละสองสามหน ที่เหลือก็ตีกอล์ฟ
ผมเงินเดือนแค่ครึ่งเดียวของมันยังต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำ

การศึกษาไม่ได้ตัดสินคนนะครับลุงแคน
ความสามารถไม่ได้ขึ้นอยู่กับการศึกษาล้วนๆ


 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-03-2008, 15:11 โดย isa » บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #163 เมื่อ: 06-03-2008, 15:09 »

ทำไมไปคิดว่า ใช้ภาษีพัฒนาประเทศแล้วต้องถาวร

เอาเงินไปค้ำหนี้เน่าของแบ็งค์ มันเงินภาษีของใครครับ

คุยกับผมเสียเวลางานแต่ได้ปัญญากลับไปก็คุ้มนะ

บางทีความคิดโง่ๆ ในสิ่งที่ตนไม่รู้ก็จะได้รู้

อ้อ...ทีหลังไม่อยากคุยกับผมอย่าใส่ชื่อผมลงไปในกระทู้

คนไทยเค้าถือรู้มั๊ย...มันไม่สุภาพ

เออ..ถามไปทีแล้วเรื่องภาษีของคุณ...ทวงบุญคุณหรือเปล่า ไม่เห็นตอบ
บันทึกการเข้า

isa
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 151



« ตอบ #164 เมื่อ: 06-03-2008, 15:18 »

...แหม งอนอีกละ ไม่ได้บ่นว่าไม่อยากคุยกับลุ้ง แต่คุยแล้วมันยืดเยื้อ เสียงาน เข้าใจป่ะ

เรื่องภาษีที่อุดหนี้เน่าแบ๊งค์น่ะ ลุงดูสัดส่วนภาษีของประเทศหน่อยเถอะครับ ภาษีเกินครึ่งมาจากไหน
ภาษีส่วนของภาคลุงน่ะ แค่จ่ายในภาคก็ไม่พอแล้วครับ ไม่ต้องเอาเนื้อหนูมาปะเนื้อช้างหรอก (พูดแบบนี้จะโดนงอนอีกมั้ยเนี่ย)

แล้วเรื่องบุญคุณน่ะ คนเมืองเค้าไม่คิดกันครับ เค้าคิดเรื่อง "หน้าที่"  ภาษีที่เราจ่ายไปมี "หน้าที่" ต้องทำอะไร นักการเมืองที่เอาภาษีไปมี "หน้าที่" ต้องทำอะไร ถ้าเอาไปทำผิดหน้าที่ก็มีฉุนกันละครับ

ส่วนที่เหลือก็คือน้ำใจที่จะเผื่อแผ่กันเล็กๆน้อยๆเท่าที่จะทำได้เพื่อให้ชีวิตในเมืองมันรื่นรมย์ขึ้นหน่อย

คนเมืองน่ะไม่มีเวลาจะมานั่งคิดเล็กคิดน้อยเรื่องบุญคุณใครหรอกครับ
สมมุติว่าคนที่มีบุญคุณกับลุงโกงบริษัทที่ลุงเป็นเจ้าของอยู่ ลุงจะคิดถึงบุญคุณโดยเก็บเค้าไว้
โกงบริษัทต่อ หรือจะไล่ออก และมีน้ำใจช่วยเหลือเค้าตามสมควรล่ะครับ

...ความคิดคนเมืองกับคนชนบทต่างกันครับลุง
บันทึกการเข้า
เข้าสู่ระบบ
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 26


« ตอบ #165 เมื่อ: 06-03-2008, 15:21 »

ผมขอผ่ากลางวงอีกครั้ง

ผมขอพูดด้วยข้อความเดิม



พูดด้วยใจจริง มันเป็นลักษณะความเชื่อในอีสานบางส่วน ด้วยเมื่อได้เงินค่าตอบแทน(ซึ่งส่วนใหญ่กว่าจะได้เงินต้องใช้แรงงานเหนื่อย) เมื่อได้เงินเป็นความเชื่อว่าต้องตอบแทน เสมือนเป็นหนึ้บุญคุณ เป็นความเชื่อส่วนใหญ่ของคนถิ่นนั้นไป ซึ่งผิดกับคนภาคใต้ พ่อผมบอกว่า ใครให้เป็นตัวเงิน เสมือนถือว่าเป็นดูถูก กันเป็นต้น  
บันทึกการเข้า
watson
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 393


« ตอบ #166 เมื่อ: 06-03-2008, 15:24 »

มาอีกแล้วสิทธิ์ในการสอบเข้าเรียนเท่าเทียมกัน

จะให้นักเรียนบ้านหนองหมาว้อ มาแข่งเด็กอินเตอร์

นี่แหละวิธีคิดแบบเห็นแก่ตัวของคนกรุง

ท่าทางต้องขอให้ไปอ่านรัฐธรรมนูญหมวดแนวนโยบายแห่งรัฐให้เข้าใจให้ลึกซึ้งซะละมั๊ง

เออ...เด็กบ้านนอกเกิดมาครบ 32

เด็กลูกคนมีเงิน เกิดมามีอวัยวะ 40 หรือไง

ถึงได้เรียนอนุบาลดีๆ มีพี่เลี้ยงตั้งแต่ 3 ขวบ

ซื้อหนังสือ ซื้อคอมให้เล่นตั้งแต่ 5 ขวบ

ส่งเรียนพิเศษทุกวัน แบบนี้มันเป็นธรรมในเรื่องโอกาสหรือเปล่า

แล้วจะมาบอกว่าให้โอกาสสอบเข้าทุกคน โธ่ ค่ารถไฟราคาถูกๆ ยังไม่มีปัญญาหาให้ลูกมากรุงเทพเล้ย..


พอเค้าจะมีทุนการศึกษาให้คนจน อ้าว คนรวยก็มาเรียกร้องขอสิทธิ์อีก มันอะไรกันครับ



ไม่ต้องไปอ่านรัฐธรรมนูญ ก็รู้ครับว่าไม่มีข้อไหนห้ามไม่ให้ลูกชาวนาสอบเข้ามหาฯลัยของรัฐ แล้วก็ไม่มีข้อไหนที่จำกัดสิทธิในการศึกษาของลูกชาวนาให้ด้อยกว่าลูกคนกรุง
ก็ในเมื่อเกิดมาครบ 32 เท่ากันทำไมลูกชาวนาจะไม่มีปัญญาสอบเข้ามหาลัยกับเค้าบ้างล่ะ (นอกจากจะ "ไม่มีปัญญา" จริง ๆ)
ไอ้โรงเรียนอินเตอร์เทอมละห้าแสนน่ะ จะมีลูกคนกรุงหาเช้ากินค่ำสักกี่คนจะได้เรียน นอกจากลูกของพวกนายทุน
ไอ้โรงเรียนดี ๆ ที่ว่าน่ะมันดีกว่ากันยังไง มันก็หลักสูตรเดียวกันของกระทรวงศึกษา โรงเรียนรัฐก็เรียนฟรี
มาอ้างความยากจน มาอ้างโอกาส
คนเราถ้าตั้งใจที่จะพัฒนาตัวเองน่ะ เอาอุปสรรคแค่นี้มาใช้เป็นข้ออ้างไม่ได้หรอกครับ แต่ถ้าขี้เกียจเรียน หวังแต่พึ่งคนอืน ก็คงพออ้าจได้มังครับ
บันทึกการเข้า
เข้าสู่ระบบ
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 26


« ตอบ #167 เมื่อ: 06-03-2008, 15:25 »

ผ่ากลางวงต่อ

คนไทยไม่ว่า คนเหนือ คนอีสาน คนใต้ คนภาคกลาง คนภาคตะกวันออก มีวัฒนธรรม ความเชื่อหลักๆ เหมือนกัน มาจากพื้นฐานทางศาสนาพุทธ

เพียงแต่ในท้องที่ไหน ได้พัฒนา ความคิดทางเมืองการเลือกตั้งไป ก่อน ซึ่งหากมองกันไป ปัจจุบัน กทม.เป็นนำการพัฒนา ภาคใต้ตามไปติดๆ ภาคกลางกำลังตามมา ต่อไป ภาคตะวันออก ภาคเหนือ ภาคอีสาน ตามลำดับ การเมืองต่อไปก็พัฒนาไปเป็นการตัดสินตามข้อมูล ข่าวสาร การตัดสินใจ ตามใจตัวเอง ไมมีผุ้มีอิทธิพลท้องถิ่นจูงใจ ชักนำ เหมือนคน กทม. เป็นส่วนใหญ่(จะมีผุ้มีอิทพลท้องถิ่นคนไหนใน กทม.ที่จะถูกใจได้ ซึ่งแทบเป็นไปน้อยมากหรือแทบมีไม่ผล) ที่ต้องยึดข่าวสาร ข้อเท็จจริง หรือ กระแส เป็นหลัง ผมว่า การเมืองเจริญ สังคมเจริญขึ้น ก็จะพัฒนาความคิดทางเมืองไป เหมือนลักษณะ การตัดสินใน กทม. เพราะเป็นกระแส ข่าวสารหลัก ในการกระจาย สู่ภูมิภาค แล้วแต่ ภาคไหนจะได้ รับข้อมูล การตัดสิน ความเชื่อหรือเปลี่ยนแปลงทัศนคติ ได้มากกว่ากัน
บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #168 เมื่อ: 06-03-2008, 15:26 »

เค้าไปใช้นอกแนวนโยบายแห่งรัฐหรือเปล่าครับ

ตกลงทวงบุญคุณเรื่องภาษีใช่มั๊ย

ผมจะได้คิดว่า คุณก็คิดทวงบุญคุณไม่ต่างจากชาวนาหรอก
บันทึกการเข้า

เข้าสู่ระบบ
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 26


« ตอบ #169 เมื่อ: 06-03-2008, 15:32 »

เฮ้!!! ทั้งสองคน ฟังผมอยู่หรือเปล่า 

ผมขุดข้อมูลเดิมๆมาให้ดูอีกรอบ เพื่อการผ่ากลางวง

1.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีบุคคลิกแบบว่า อะไรที่ทำแล้วคุ้มค่ากว่าก็จะไปทางนั้น ถ้าภาษาชาวบ้านก็เห็นแก่เงิน (ขอโทษสำหรับคนที่อยู่ภาคนี้แล้วไม่ได้มีบุคคลิกตามที่กล่าวมานะค่ะ) ฐานเสียงเลยมีว่าใครให้มาก เลือกคนนั้น ไว้อยู่แล้ว

2.ภาคเหนือ บุคคลิกจะเป็นแบบ คนซื่อๆ ไม่มีพิษมีภัย อาจจะมีปัจจัย5เข้ามาก็ถือว่าส่วนน้อย(อาจจะมีบางส่วนแหกคอกบ้าง เพราะทุกคนไม่จำเป็นต้องเหมือนกันเสมอไป) ฐานเสียงก็คงอาจจะเป็นฐานเสียงเดิมๆ

3.ภาคใต้ บุคคลิกเด่นที่ผมมองจากพ่อเลยคือ รักพวกพ้องมากๆ ใครที่ได้เป็นเพื่อนกับคนใต้ถือว่ามีเพื่อนที่ดีที่สุดพร้อมจะตายแทนกันได้ (ส่วนคนที่ไม่ใช่เพื่อน พวกเขาก็จะไม่สนใจอะไรเลย) ฐานเสียงเลยเทให้พวกพ้องของเขา

4.ภาคต่างๆที่เหลือ ยังไม่มีคนรู้จักดีพอ เลยไม่ขอพูด

5.ส่วนกรุงเทพฯ เป็นเหมือนSalad Bowl หรือชามสลัด คนจากหลายภาคมารวมกันที่นี่ เพราะไม่ได้มีแต่คนกรุงเทพ บวกกับเข้าถึงข่าวสารข้อมูลได้ง่ายมาก แต่ที่ได้สส.ปชป เยอะก็เพราะได้ฐานจากท่านผู้ว่าอภิรักษ์ เป็นทุนเดิม บวกกับกระแสเบื่อ ประชานิยมแจกแหลกมั้ง
บันทึกการเข้า
เข้าสู่ระบบ
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 26


« ตอบ #170 เมื่อ: 06-03-2008, 15:34 »

โปรดอ่านข้อความเดิมอีกครั้งหนึ่ง 

คนไทยไม่ว่า คนเหนือ คนอีสาน คนใต้ คนภาคกลาง คนภาคตะกวันออก มีวัฒนธรรม ความเชื่อหลักๆ เหมือนกัน มาจากพื้นฐานทางศาสนาพุทธ

เพียงแต่ในท้องที่ไหน ได้พัฒนา ความคิดทางเมืองการเลือกตั้งไป ก่อน ซึ่งหากมองกันไป ปัจจุบัน กทม.เป็นนำการพัฒนา ภาคใต้ตามไปติดๆ ภาคกลางกำลังตามมา ต่อไป ภาคตะวันออก ภาคเหนือ ภาคอีสาน ตามลำดับ การเมืองต่อไปก็พัฒนาไปเป็นการตัดสินตามข้อมูล ข่าวสาร การตัดสินใจ ตามใจตัวเอง ไมมีผุ้มีอิทธิพลท้องถิ่นจูงใจ ชักนำ เหมือนคน กทม. เป็นส่วนใหญ่(จะมีผุ้มีอิทพลท้องถิ่นคนไหนใน กทม.ที่จะถูกใจได้ ซึ่งแทบเป็นไปน้อยมากหรือแทบมีไม่ผล) ที่ต้องยึดข่าวสาร ข้อเท็จจริง หรือ กระแส เป็นหลัง ผมว่า การเมืองเจริญ สังคมเจริญขึ้น ก็จะพัฒนาความคิดทางเมืองไป เหมือนลักษณะ การตัดสินใน กทม. เพราะเป็นกระแส ข่าวสารหลัก ในการกระจาย สู่ภูมิภาค แล้วแต่ ภาคไหนจะได้ รับข้อมูล การตัดสิน ความเชื่อหรือเปลี่ยนแปลงทัศนคติ ได้มากกว่ากัน
บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #171 เมื่อ: 06-03-2008, 15:39 »

อืมม...ท่าทางคุณเข้าระบบมีหลักคิดดีครับ

ช่วยอธิบายเรื่องคนอุบลเลือก  4 พรรคการเมืองให้ฟังหน่อยครับ
บันทึกการเข้า

เข้าสู่ระบบ
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 26


« ตอบ #172 เมื่อ: 06-03-2008, 15:42 »

อืมม...ท่าทางคุณเข้าระบบมีหลักคิดดีครับ

ช่วยอธิบายเรื่องคนอุบลเลือก  4 พรรคการเมืองให้ฟังหน่อยครับ


ไม่ล่ะครับ คุณลุง ผมไม่รู้เรื่องดีพอ เอาเป็นลุง หาผลคะแนนให้ผมหน่อยได้ไหมครับ เผื่อดูอะไรออก
บันทึกการเข้า
qazwsx
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,359


นักธุรกิจและตำรวจ ต้องออกไปจากการเมือง


« ตอบ #173 เมื่อ: 06-03-2008, 15:44 »



บ่มีอันหยัง
แค่พาอีนางเข้ามาเซิ้ง
ว่าแต่เหล่าอีนางกระโปรงเหี่ยนของผมงามก่อ ?
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-03-2008, 15:47 โดย qazwsx » บันทึกการเข้า

isa
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 151



« ตอบ #174 เมื่อ: 06-03-2008, 15:46 »

...แหมลุง! โทษทีนะ ผมก็เขียนยาว ลุงคงขี้เกียจอ่านล่ะสิ

ย้ำอีกทีว่าแนวคิดในเมืองน่ะ คนสัมพันธ์กันโดย "หน้าที่" ครับ
คนทำงานก็มีหน้าที่ต้องเสียภาษี ถึงผมจะร้องจ๊ากทุกเดือนที่เห็นจำนวน
ภาษีบนซองเงินเดือน (และจะร้องดังเป็นพิเศษในเดือนที่โบนัสออก)
แต่ผมก็ยักไหล่ แล้วก็จ่ายภาษีไปตามปกติ

ถึงผมจะทำรายได้มากมายให้กับบริษัท แต่นั่นก็เป็นหน้าที่ที่ผมต้องทำ
ถ้าผมทำดีมาก บริษัทก็ขึ้นเงินเดือนให้ เรามีหน้าที่โต้ตอบกันในลักษณะนี้
จะถือว่าผมมีบุญคุณต่อบริษํท หรือบริษัทมีบุญคุณต่อผมไม่ได้

และภาษีที่ออกมา นักการเมืองก็มีหน้าที่ที่จะกระจายภาษีไปตามความจำเป็นและความเป็นธรรม
จะเอาไปอัดลงที่ใดที่หนึ่งเพราะ "ใครเลือกกู กูบริการก่อน" น่ะ มันไม่ใช่ประชาธิปไตยครับ
อย่างเล่นเอาแทร็กเตอร์อัดกันเป็นคันๆ บริการรับส่งถึงที่น่ะ มันเป็นความจำเป็น
หรือการบริการเพื่อหวังผลทางการเมืองครับ

ลุงหรือคนบ้านลุงอาจจะชอบ แต่คนบ้านอื่นที่เค้าเสียภาษีเหมือนกัน เป็นประชาชนเท่ากัน
เค้าจะมองยังไงครับ แม้แต่คนเมือง บริการแบบนี้ก็ต้องควักกระเป๋าตัวเองนะครับ ต้องดิ้นรนหาเงินเอง
หรือแม้แต่เรื่องการศึกษาที่ว่า ค่าติวเตอร์ ค่าเรียนพิเศษ ค่าเล่าเรียน มาจากไหนครับ ถ้าไม่ใช่กระเป๋าพ่อแม่
ถึงเป็นคนเมืองก็มีซีดครับ คนเมืองไม่ได้รวยไปทุกคนนะครับลุง

การพัฒนาที่ถูกต้องก็คือเปิดทางให้ทุกคนเข้าถึงโอกาสได้
แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องเอาโอกาสไปโยนแหมะบนตักใครบางคนโดยเสน่หาครับ
 




บันทึกการเข้า
เข้าสู่ระบบ
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 26


« ตอบ #175 เมื่อ: 06-03-2008, 15:49 »

ฟังผมอยู่มั้ย isa????

คนไทยไม่ว่า คนเหนือ คนอีสาน คนใต้ คนภาคกลาง คนภาคตะวันออก มีวัฒนธรรม ความเชื่อหลักๆ เหมือนกัน มาจากพื้นฐานทางศาสนาพุทธ

เพียงแต่ในท้องที่ไหน ได้พัฒนา ความคิดทางเมืองการเลือกตั้งไป ก่อน ซึ่งหากมองกันไป ปัจจุบัน กทม.เป็นนำการพัฒนา ภาคใต้ตามไปติดๆ ภาคกลางกำลังตามมา ต่อไป ภาคตะวันออก ภาคเหนือ ภาคอีสาน ตามลำดับ การเมืองต่อไปก็พัฒนาไปเป็นการตัดสินตามข้อมูล ข่าวสาร การตัดสินใจ ตามใจตัวเอง ไมมีผุ้มีอิทธิพลท้องถิ่นจูงใจ ชักนำ เหมือนคน กทม. เป็นส่วนใหญ่(จะมีผุ้มีอิทพลท้องถิ่นคนไหนใน กทม.ที่จะถูกใจได้ ซึ่งแทบเป็นไปน้อยมากหรือแทบมีไม่ผล) ที่ต้องยึดข่าวสาร ข้อเท็จจริง หรือ กระแส เป็นหลัง ผมว่า การเมืองเจริญ สังคมเจริญขึ้น ก็จะพัฒนาความคิดทางเมืองไป เหมือนลักษณะ การตัดสินใน กทม. เพราะเป็นกระแส ข่าวสารหลัก ในการกระจาย สู่ภูมิภาค แล้วแต่ ภาคไหนจะได้ รับข้อมูล การตัดสิน ความเชื่อหรือเปลี่ยนแปลงทัศนคติ ได้มากกว่ากัน
บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #176 เมื่อ: 06-03-2008, 15:54 »

อุบล มี สส. 4 พรรคการเมือง

3 พรรคการเมืองได้ รมต.พรรคละ 1 คน รวม 3 รมต. ( มท.2 มท.3 ท่องเที่ยว )

ปชป.ปักหลักที่นั่น 4 ที่นั่ง ( สส.เขต 3 คน สัดส่วน 1 คน ) แต่ไม่ได้เป็นรัฐบาล

สส. ปชป. เค้าใช้วิชาเดียวกันกับพวกพรรคอื่นๆ อีก 3 พรรคมั๊ยครับ


แบบนี้จะสังเคราะห์เข้าทฤษฎีไหนครับ
บันทึกการเข้า

isa
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 151



« ตอบ #177 เมื่อ: 06-03-2008, 15:59 »

สวัสดีตอนเย็นครับปู่เย็น

สวัสดีคุณเข้าสู่ระบบ อ่านความเห็นของคุณอยู่ครับ
ขอบคุณที่เข้ามาเป็นกรรมการ แต่ไม่ต้องห่วง มวยคู่นี้ชกกันเปาะแปะ
แค่พอไม่ให้กรรมการไล่ลง

งั้นผมขอแตะมือปู่เย็น สลับตัวออกไปนอกเวทีล่ะ
อย่าทะเลาะกันเอาเป็นเอาตายนา
เห็นคนแก่ตีกันแล้วกลัวใจ

ปล. การเมืองระบบพรรคนั้นช่างมันครับ
แล้วผมก็ไม่ใช่แฟน ป.ช.ป.ด้วย
เป็นแค่พรรคยืนโรงที่ใช้เลือกถ้าไม่มีตัวเลือกที่ดีกว่า
ตามประสาคน กุงเต้บ คับลุง
ผมสนใจการเมืองภาคประชาชนมากกว่าครับ
บันทึกการเข้า
Pig.Army
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 374


Anti พาล-มิต


« ตอบ #178 เมื่อ: 06-03-2008, 16:03 »

เอ้า......ๆๆๆ
.
.
สรุปให้เลยครับ..
จขกท. ฉลาด และ แสนรู้ที่สุดใน จักรวาล....
ไม่มีใครเทียมเทียบได้ คนภาคไหนๆก็สู้ ภาค เจ้าของกระทู้ไม่ได้....
.1000000 ปีจะมีคน ฉลาด ขนาดนี้เกิดขึ้นมาในโลก...... เป็นบุญของ ประเทศที่มีคนอย่างคุณอยู่...
 แต่จะเป็นบุญคุณมากกว่าถ้า หยุดๆๆได้แล้ว ไปดูถูกคนอื่นน่ะ มันไม่ดีหรอก...
.
.
คุณจบอะไรมา...
.
.
ถ้าจบ ดร.
.
ทำไร่ นา  เก่งเหมือน คนทำ ไม่ได้เรียนหนังสือที่ทำไร่ นา ไหม
.
.
เหมือนกันคุณก็มีจุดด้อยที่เขาไม่มี  แล้วเขาก็มีจุดเด่นที่คุณไม่มี...คนทั้งโลกให้ดีเลิศเหมือน จขกท.  คงไม่ได้หรอก ..
.
งั้นไปซื้อเกาะใหม่ๆแล้วขนคนที่ฉลาดๆแบบนี้ไปอยู่เถอะ จะได้ถูกใจ จขกท..
.
.
จริงป่ะ
.

.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-03-2008, 16:05 โดย Pig.Army » บันทึกการเข้า

  สงสัยจะดัง เลยมีคนเอาชื่อไปแอบอ้าง  ตัวจริงเสียงจริงมีคนเดียวน่ะครับ ถ้าพิมพ์แล้ว ไม่จุดเยอะๆ......ไม่ใช่ผมน่ะครับ

 (ขออภัยในบางประโยค อาจจะรุนแรงและแทงใจดำไปหน่อย)
เข้าสู่ระบบ
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 26


« ตอบ #179 เมื่อ: 06-03-2008, 16:05 »

อุบล มี สส. 4 พรรคการเมือง

3 พรรคการเมืองได้ รมต.พรรคละ 1 คน รวม 3 รมต. ( มท.2 มท.3 ท่องเที่ยว )

ปชป.ปักหลักที่นั่น 4 ที่นั่ง ( สส.เขต 3 คน สัดส่วน 1 คน ) แต่ไม่ได้เป็นรัฐบาล

สส. ปชป. เค้าใช้วิชาเดียวกันกับพวกพรรคอื่นๆ อีก 3 พรรคมั๊ยครับ


แบบนี้จะสังเคราะห์เข้าทฤษฎีไหนครับ

คนมีหลากหลายบุคคลิก ฐานเสียงก็เลยแตกแยกออกไปครับ อาจเป็นเพราะอยากลองของใหม่ เบื่อของเดิมๆประมาณนั้น
บันทึกการเข้า
qazwsx
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,359


นักธุรกิจและตำรวจ ต้องออกไปจากการเมือง


« ตอบ #180 เมื่อ: 06-03-2008, 16:07 »

อ้าว...เฮ้ย

ใครพาออกมหาสมุทร ?

แล้วประเด็น "คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุงเทพ ฯ" มันหายไปไหนวะ ?

กรูไม่สนใจหรอกนะโว้ยว่าใครจะมีพิ้นฐาน
มีหนี้สิน
มีบุญคุณ ( ที่ต้องเอาประเทศชาติไป ) ทดแทน


แค่่อยากบอกให้ "คนอีสาน" รับรู้ว่า
คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุงเทพ ฯ
กับคนใต้
กับคนเหนือ
กับคนภาคกลาง

เพราะ
พวกคุณเป็นหนี้ - เป็นลูกหนี้
เอาตัวเองไปเป็นหนี้ชิวิต - หนี้บุญคุณ ของไอ้พวกนักการเมือง
แล้วอยู่ ๆ จู่ ๆ คุณจะมาอ้างห่า - อ้างเหวอะไร
ว่าพวกผมเป็นหนี้ข้าวหอมมะลิ - หนี้ปลาร้า - หนี้แรงงานกรรมกร - หนี้ของการอดอยากทุกข์ยาก ( ที่ต่างคนต่างก็มีเวรกรรมในลักษณะอันเป็นของเขา ) ของพวกคุณ

ท้วยส์...


คนอีสานทุกระดับ
ควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณ
กับคนกรุงเทพ ฯ
กับคนใต้
กับคนเหนือ
กับคนภาคกลาง
ซะที
ได้ไหม ?


โว้ยยยยยย
บันทึกการเข้า

เข้าสู่ระบบ
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 26


« ตอบ #181 เมื่อ: 06-03-2008, 16:09 »

สวัสดีตอนเย็นครับปู่เย็น

สวัสดีคุณเข้าสู่ระบบ อ่านความเห็นของคุณอยู่ครับ
ขอบคุณที่เข้ามาเป็นกรรมการ แต่ไม่ต้องห่วง มวยคู่นี้ชกกันเปาะแปะ
แค่พอไม่ให้กรรมการไล่ลง

งั้นผมขอแตะมือปู่เย็น สลับตัวออกไปนอกเวทีล่ะ
อย่าทะเลาะกันเอาเป็นเอาตายนา
เห็นคนแก่ตีกันแล้วกลัวใจ

ปล. การเมืองระบบพรรคนั้นช่างมันครับ
แล้วผมก็ไม่ใช่แฟน ป.ช.ป.ด้วย
เป็นแค่พรรคยืนโรงที่ใช้เลือกถ้าไม่มีตัวเลือกที่ดีกว่า
ตามประสาคน กุงเต้บ คับลุง
ผมสนใจการเมืองภาคประชาชนมากกว่าครับ


งั้นต่อแล้วกัน

1.(จากที่เดิมที่ไปขุดมา)คนอีสาน มักออกไปทำงาน นอกบ้าน ใช้แรงงาน ไปเช้า เย็นกลับ กลับ หรือทำงานที่บ้าน(ทำไร่ ทำนา แทบทั้งวัน ไม่ค่อยมีโอกาศติดตาม ข่าวสาร ทางเมือง หรือไม่เกาะติด อาจผิดกับคนใต้ ที่ตัดยางกลางคืนกลางวันกินน้ำชานั่งคุย แข่งนก เที่ยวหมู่บ้านหรือแทบไม่ค่อยใช้แรงงานเพราะส่วนหนึ่งจ้างเขา เช่นเจ้าของส่วนใหญ่ ก็จ้างคนอื่นตัดยางแทน โดยแบ่งกัน 50-50% เจ้าของก็สบายไว้เอายางขายอย่างเดียว หรือคน กทม.มีเวลาติตตามข่าวสาร คนในท้องถิ่น ตามลักษณะการประกอบอาชีพไม่เหมือนกัน ก็เลยต้องเชื่อผู้นำท้องถิ่น

2.ขนบธรรมเนียม หรือแนวปฏิบัติของมักจะเป็นไปในลักษณะอุปถัมภ์ ช่วยเหลือพึ่งพากัน ยามตกทุกข์ได้ยาก เขาย่อมศรัทธาในตัวบุคคลเหล่านั้นที่มาช่วยเหลือ หยิบยื่นให้เขา ยามตกยาก ตรงนี้ลบความรู้สึกเขาได้ยาก ถึงแม้คนที่มาช่วยเขาจะปล้น ฆ่าใครมา เพราะเขาถือว่าเขาอยู่รอด มีกินอยู่ได้เพราะคนคนนั้น เขาย่อมตอบแทนคุณกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ฉะนั้นคนแปลกหน้าที่ไม่เคยช่วยเหลือหยิบยื่นให้เขา ถึงแม้จะเป็นคนดีดุจเทพลงมาเกิด เขาก็คงไม่ให้ความสนใจ

เท่าที่มองเห็น ตอนนี้ผมว่า2ข้อที่ผมพูดนั่นแหละ เรื่องสมานฉันท์ รักชาติ คงไม่ต้องพูดถึง เพราะเป็นนามธรรม จับต้องไม่ได้ การที่มีคนมาร้องห่มร้องไห้ตอนมารับ ที่สนามบินนั่นเป็นเพราะทุกคนเสียผลประโยชน์อันพึงมีพึงได้ไป นั่นก็แสดงให้เห็นถึงความเห็นแก่ตัวของมนุษย์เราไม่มีใครมองถึงประเทศชาติอย่างปากพูดทุกคนคงทราบดี

บันทึกการเข้า
เข้าสู่ระบบ
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 26


« ตอบ #182 เมื่อ: 06-03-2008, 16:12 »

อ้าว...เฮ้ย

ใครพาออกมหาสมุทร ?

แล้วประเด็น "คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุงเทพ ฯ" มันหายไปไหนวะ ?

กรูไม่สนใจหรอกนะโว้ยว่าใครจะมีพิ้นฐาน
มีหนี้สิน
มีบุญคุณ ( ที่ต้องเอาประเทศชาติไป ) ทดแทน


แค่่อยากบอกให้ "คนอีสาน" รับรู้ว่า
คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุงเทพ ฯ
กับคนใต้
กับคนเหนือ
กับคนภาคกลาง

เพราะ
พวกคุณเป็นหนี้ - เป็นลูกหนี้
เอาตัวเองไปเป็นหนี้ชิวิต - หนี้บุญคุณ ของไอ้พวกนักการเมือง
แล้วอยู่ ๆ จู่ ๆ คุณจะมาอ้างห่า - อ้างเหวอะไร
ว่าพวกผมเป็นหนี้ข้าวหอมมะลิ - หนี้ปลาร้า - หนี้แรงงานกรรมกร - หนี้ของการอดอยากทุกข์ยาก ( ที่ต่างคนต่างก็มีเวรกรรมในลักษณะอันเป็นของเขา ) ของพวกคุณ

ท้วยส์...


คนอีสานทุกระดับ
ควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณ
กับคนกรุงเทพ ฯ
กับคนใต้
กับคนเหนือ
กับคนภาคกลาง
ซะที
ได้ไหม ?


โว้ยยยยยย

โถคุณปู่ครับ

ดูเอาตามจริงแล้วกันอีกครั้งนะครับ

1.คนอีสาน มักออกไปทำงาน นอกบ้าน ใช้แรงงาน ไปเช้า เย็นกลับ กลับ หรือทำงานที่บ้าน(ทำไร่ ทำนา แทบทั้งวัน ไม่ค่อยมีโอกาศติดตาม ข่าวสาร ทางเมือง หรือไม่เกาะติด อาจผิดกับคนใต้ ที่ตัดยางกลางคืนกลางวันกินน้ำชานั่งคุย แข่งนก เที่ยวหมู่บ้านหรือแทบไม่ค่อยใช้แรงงานเพราะส่วนหนึ่งจ้างเขา เช่นเจ้าของส่วนใหญ่ ก็จ้างคนอื่นตัดยางแทน โดยแบ่งกัน 50-50% เจ้าของก็สบายไว้เอายางขายอย่างเดียว หรือคน กทม.มีเวลาติตตามข่าวสาร คนในท้องถิ่น ตามลักษณะการประกอบอาชีพไม่เหมือนกัน

2.ขนบธรรมเนียม หรือแนวปฏิบัติของมักจะเป็นไปในลักษณะอุปถัมภ์ ช่วยเหลือพึ่งพากัน ยามตกทุกข์ได้ยาก เขาย่อมศรัทธาในตัวบุคคลเหล่านั้นที่มาช่วยเหลือ หยิบยื่นให้เขา ยามตกยาก ตรงนี้ลบความรู้สึกเขาได้ยาก ถึงแม้คนที่มาช่วยเขาจะปล้น ฆ่าใครมา เพราะเขาถือว่าเขาอยู่รอด มีกินอยู่ได้เพราะคนคนนั้น เขาย่อมตอบแทนคุณกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ฉะนั้นคนแปลกหน้าที่ไม่เคยช่วยเหลือหยิบยื่นให้เขา ถึงแม้จะเป็นคนดีดุจเทพลงมาเกิด เขาก็คงไม่ให้ความสนใจ

เท่าที่มองเห็น ตอนนี้ผมว่า2ข้อที่ผมพูดนั่นแหละ เรื่องสมานฉันท์ รักชาติ คงไม่ต้องพูดถึง เพราะเป็นนามธรรม จับต้องไม่ได้ การที่มีคนมาร้องห่มร้องไห้ตอนมารับ ที่สนามบินนั่นเป็นเพราะทุกคนเสียผลประโยชน์อันพึงมีพึงได้ไป นั่นก็แสดงให้เห็นถึงความเห็นแก่ตัวของมนุษย์เราไม่มีใครมองถึงประเทศชาติอย่างปากพูดทุกคนคงทราบดี
บันทึกการเข้า
Pig.Army
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 374


Anti พาล-มิต


« ตอบ #183 เมื่อ: 06-03-2008, 16:13 »

อ๋อ..ลืมๆ
.
.
ถ้า พรรค ที่ได้เป็นรัฐบาล ไม่ถูกใจ จขกท... คงไม่ดีไปหมด..
.
.
ถ้าพรรคในใจ. จขกท. ได้ คง จะดี ใช่ป่ะ...ฮิฮิ...ปลงๆ ซะมั่งเถอครับ
..
.
บันทึกการเข้า

  สงสัยจะดัง เลยมีคนเอาชื่อไปแอบอ้าง  ตัวจริงเสียงจริงมีคนเดียวน่ะครับ ถ้าพิมพ์แล้ว ไม่จุดเยอะๆ......ไม่ใช่ผมน่ะครับ

 (ขออภัยในบางประโยค อาจจะรุนแรงและแทงใจดำไปหน่อย)
qazwsx
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,359


นักธุรกิจและตำรวจ ต้องออกไปจากการเมือง


« ตอบ #184 เมื่อ: 06-03-2008, 16:14 »

ผมก็สนใจเฉพาะประเด็นนี้เท่านั้นล่ะ

จะเหนือ ใต้ อีสาน อีห่า อีเหว
ภูมิภาคหรือกำพืดสันดานมาแต่ไหน 
ไม่สำคัญ

จะเงี่ยนการเมือง หน่ายการเมือง อย่างไร
ก็ไม่สำคัญ

แต่การที่ไอ้คนภูมิภาคหนึ่งมันจะอ้างว่ามีบุญคุณเหนือภูมิภาคหนึ่ง
มันไม่เหมาะไม่สมควรหรอก


ถ้าติดสันดานไพร่ทาส กำหนัดที่จะเป็นขี้ข้า
ก็อย่าเที่ยวได้เอาสันดานไพร่ทาส  กำหนัดที่จะเป็นขี้ข้า
ไปเที่ยวแจกจ่ายให้คนอื่น ๆ ภูมิภาคอื่น ๆ เขาเลย

บันทึกการเข้า

Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #185 เมื่อ: 06-03-2008, 16:15 »

ก่อนมีไทยรักไทย คนอุบลก็เลือกแบบนี้ครับ กระจายไปทุกพรรค ทั้งกิจสังคม ชาติไทย ปชป. ความหวีงใหม่

อ้อ..สำหรับ ปชป. มีพิเศษหน่อยคือ สส. อุบล เป็นแกนหลักก่อตั้งพรรค ปชป. มาแต่ตั้งพรรคครับ

ตอนนั้นพรรคสะตอสามัคคียังไม่เกิดครับ มีแต่ปชป. ที่เป็นพรรคของคนกรุงกับคนอีสาน

ตอนนั้น ปชป. เป็นพรรคติดดิน ไม่ใช่พรรคเทวดาครับ ชาวอีสานถึงได้นิยม

อย่างอุดรธานี ก็เคยกวาด สส.จังหวัดเดียว 9-10 คนมาแล้ว

แต่ตอนนี้เป็นพรรคเทวดา...คนอุบลเทใจให้แค่นี้ก็นับว่าบุญโข
บันทึกการเข้า

isa
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 151



« ตอบ #186 เมื่อ: 06-03-2008, 16:23 »

ใจเย๊น ปู่เย็นครับ
พักกินน้ำกินท่าก่อน

คุณเข้าสู่ระบบ ผมเข้าใจความคิดของคุณดีครับ
นั่นคือภาพในระยะยาว ซึ่งเราคิดว่ามันน่าจะเป็น
และก็อยากให้มันเป็น

ปัญหาก็คือในระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่สิ่งเราจะอยากให้เป็นเกิดขึ้นนี่แหละ
จะมีอุบัติเหตุการเมืองอะไรเกิดขึ้นบ้าง
เพราะการประสานสามฝ่าย คือ รากหญ้า & ทุนนิยมสามานย์ & ซ้ายเดิม
และเราจะป้องกันได้ยังไง
นั่นก็คือการซาวเสียงหาชนชั้นกลางอยู่ในตอนนี้

และปรากฎการณ์ในหัวเมืองใหญ่ๆในอีสาน ผมก็ว่าไม่แปลก
ที่คนในหัวเมืองใหญ่จะกลายเป็นชนชั้นกลางไปแล้วเป็นส่วนใหญ่
ผลการเลือกตั้งจึงเป็นแบบนั้น

เพียงแต่เราอย่าติดกับความคิดเดิมๆ ที่อดีตฝ่ายซ้ายนำมาปลุกระดมเพื่อสร้างความแตกแยก
ในบ้านเมืองในขณะนี้ มองให้เห็นความแตกต่าง ดูว่าจะแก้ไข หรือปรับเปลี่ยนมันยังไง
เพื่อรักษาน้ำใจระหว่างคนต่างภาค ต่างส่วน ตรงนั้นแหละสำคัญ

...และสำหรับคุณมิตรสหายฝ่ายทักษิณทั้งหลาย
เชิญพักผ่อน กินน้ำกินท่า โวยวายไปตามประสาคุณตามสบายครับ
แต่ต้องขออภัยหากผมจะขอไม่คุยด้วย
...ผมสามารถคุยกับคนได้ทุกระดับการศึกษา ทุกระดับชั้นของสังคม เราเสมอภาคกันโดยความเป็นมนุษย์และหน้าที่ต่อสังคม
แต่ผมไม่ขอคุยกับคนที่ระดับคุณ่ธรรมและจริยธรรมต่ำกว่ามนุษย์ครับ!!
   


 


บันทึกการเข้า
เข้าสู่ระบบ
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 26


« ตอบ #187 เมื่อ: 06-03-2008, 16:29 »

ผมก็สนใจเฉพาะประเด็นนี้เท่านั้นล่ะ

จะเหนือ ใต้ อีสาน อีห่า อีเหว
ภูมิภาคหรือกำพืดสันดานมาแต่ไหน 
ไม่สำคัญ

จะเงี่ยนการเมือง หน่ายการเมือง อย่างไร
ก็ไม่สำคัญ

แต่การที่ไอ้คนภูมิภาคหนึ่งมันจะอ้างว่ามีบุญคุณเหนือภูมิภาคหนึ่ง
มันไม่เหมาะไม่สมควรหรอก


ถ้าติดสันดานไพร่ทาส กำหนัดที่จะเป็นขี้ข้า
ก็อย่าเที่ยวได้เอาสันดานไพร่ทาส  กำหนัดที่จะเป็นขี้ข้า
ไปเที่ยวแจกจ่ายให้คนอื่น ๆ ภูมิภาคอื่น ๆ เขาเลย



มันก็จริงของปู่ ดูอย่างสหรัฐ คนรัฐไอโอว่าเขายังไม่ทวงบุญคนนิวยอร์กเลย
แต่มันเกิดจากการเลือปฏิบัติมากกว่า
เพราะ คนอีสานถูกลดแลกแจกแถมมาตลอด พอไม่ได้ก็ทวงบุญคุณ แต่ก็โทษเขาไม่ได้
เพราะไอ้หลายๆคนลดแลกแจกแถม เพราะหวังเพียงตำแหน่ง ลาภ ยศ และประโยชน์ส่วนตน เท่านั้นเอง
กอปรกับถูกปลูกฝังเรื่องบุญคุณจนเข้มข้น
ดูอย่างหนังหลายๆเรื่องสิ ลูกหลานชาวอีสานไปทำงานในกรุง ต้องส่งเงินมาให้ทางบ้านผลาญ ไม่ส่งมาให้ก็ว่าอกตัญญู ดูพ่อผมไม่ต้องส่งไปให้ย่าที่พัทลุง ก็ไม่ใครว่า(เพราะมีอา2คนดูแลแล้ว)
หรืออย่างผู้หญิงคนนึงจากเชียงรายถูกพ่อแม่ขาย ให้กับนายหน้า
ถูกหลอกไปขาย ส่งเงินมาให้ จากกระต๊อบ เป็นบ้านหลังใหญ่
เธอหนีออกมาได้ แต่เธอติดเอดส์ พอเธอกลับบ้าน พ่อแม่เธอกลับขับไล่ไสหัวไปอยู่กระต๊อบกลางนา
เพราะคำว่าบุญคุณแท้ๆ ถึงได้วุ่นวายขนาดนี้
บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #188 เมื่อ: 06-03-2008, 16:35 »

เหอ เหอ ทวงบุญคุณจากเพลง "เปิบข้าว" เหรอ อิ อิ

เจ้าของกระทู้ก็ทวงบุญคุณเรื่องเสียภาษีเยอะ ฮ่า ฮ่า

ระนาบเดียวกัน
บันทึกการเข้า

isa
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 151



« ตอบ #189 เมื่อ: 06-03-2008, 16:37 »

ลุงแคนท่าทางจะแค้นฝังหุ่นน่าดูเรื่องพรรคประชาธิปัตย์

ลุงครับ อยากให้ลุงมองต่างมุมนี้ดนึง แล้วถามตัวเองนิดนึงนะ

คุณภาพสส.พรรคความหวังใหม่ คุณภาพสส.พรรคชาติพัฒนา
หรือพรรคอื่นๆที่บัดนี้ไม่มีอีกต่อไปแล้ว ก่อนที่มันจะหายมลายสูญ
มันเป็นยังไงครับ

เกมการเมืองอีสานที่ผ่านมาเป็นการเมืองระหว่างมุ้งเห็นกันชัดๆ
กัดกันพัลวัน สมัยพี่จิ๋วก็ต้องหวานเจี๊ยบซะจนแทบจะไม่เป็นองค์
และในที่สุด พรรคทั้งหลายแหล่ที่ว่านั้นก็หายไป โดนดูดเข้าไป
สู่ปีกพปช. หมดสภาพพรรค เหล่าขุนพลตัวเอ้ อย่างกร อย่างสุวัจน์
หมดอนาคต

มันเกิดอะไรขึ้นครับลุง?

แทนที่ลุงจะแค้นเคืองว่าคนใต้โขมยพรรคประชาธิปัตย์ไปจากคนอีสาน
ถามตัวเองนิดนึงนะฮะ ว่าถ้าประชาธิปัตย์ยังอยู่อีสาน
ชะตากรรมมันจะเป็นแบบเดียวกับความหวังใหม่ ชาติพัฒนา กิจสังคม
ที่ล้มหายตายจากไปแล้วหรือไม่ พรรคเหล่านี้ตอนที่รุ่งๆ บางพรรคเหนือกว่าประชาธิปัตย์ซะอีก

ลองมองต่างมุมนิดดีมั้ย ว่าอย่างน้อยคนใต้กับคนกรุงเค้าก็ยังช่วยเซฟพรรคเก่าแก่พรรคนี้
เอาไว้เป็นพรรคเทวดาให้คนหมั่นไส้ได้น่ะ


 
บันทึกการเข้า
Puggi
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 182


« ตอบ #190 เมื่อ: 06-03-2008, 16:51 »

เหอ เหอ ทวงบุญคุณจากเพลง "เปิบข้าว" เหรอ อิ อิ

เจ้าของกระทู้ก็ทวงบุญคุณเรื่องเสียภาษีเยอะ ฮ่า ฮ่า

ระนาบเดียวกัน


 จะ แลกมุมมอง จากชนชั้นกลาง
 เรื่องภาษี ไม่ได้โวยวายอะไร  แต่ ไม่เข้าใจว่า  ภาษี ควรจะใช้ให้เกิดประโยชน์ แต่ โดนนักการเมือง พวกนั้น

 เอามาใช้หาเสียงกับรากหญ้า ซึ่ง ทำแต่ละอย่าง มัน  สูญเปล่าไม่มีประโยยชน์   หาก ทำแล้วต่อยอดไม่ว่าเลย

  สุดท้าน   วงจร ก็เป็นว่า เราเสียภาษี  แต่ว่า โดนพวกนักการเมือง เอาไปใช้เป็นฐานเสียงตัวเอง หว่านไปกับ อะไรที่ไม่เกิดประโยชน์

 พวกชาวบ้านก็ รอกันแค่นี้     แล้วเมื่อไหร่จะหลุดจากวงจรนี้ได้


 
บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #191 เมื่อ: 06-03-2008, 16:53 »

อืมม..ลืมบอกไป เพลงเปิบข้าวมาจากผลงานของจิตร ภูมิศักดิ์

ปชป. ยุคแรกเริ่มก็สังคมนิยมนิด ๆ บางคนก็คอมมูนิสต์ไปเลย

เดี๋ยวนี้ที่ยังเหลือๆ อยู่ใน ปชป. ก็ยังมีอยู่บ้าง อย่าง สุทัศน์ เงินหมื่น ก็มาจากพรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทย

ก็ใช้เพลงพวกนี้แหละดึงชาวบ้าน ดึงความทุกข์ยาก ความลำบาก เข้าเป็นพวก ก็ ปชป. ทั้งนั้น

ตอนนี้สุทัศน์หนีไปปักหลัก อำนาจเจริญ ก็แยกจากอุบลพอมีลุ้น ส่วนยโสธร ก็พอมีเชื้อพอสู้สูสี ก็แยกจากอุบลนั่นแหละ

ถ้าจะคุยเรื่องพวกนี้ต้องหาสาเหตุ ทำไมคนอีสานเกลียด ปชป.

ทำไมตอนป๋าเปรมเป็นนายก คนอีสานถึงเลือก ปชป. ต้องวิเคราะห์กันให้หนัก

ไม่งั้นก็จะเป็นตาบอดคลำช้างไปเรื่อยๆ เพราะความไม่รู้ ไม่รู้ว่าบริบทการเมืองอีสานเป็นมายังไง

ตอน ปชป. ได้สส.อีสานเยอะๆ เค้าใช้กลยุทธ์หรือยุทธวิธีแบบไหน

พวกที่สักแต่ว่ากดแป้นคอมพ์ได้ ก็เที่ยวด่าคนนั้นคนนี้ ผมว่าไร้สาระมากกว่า

แบบนี้ต้องจับไปสัมนาซักปี อาจดีขึ้นมาบ้าง...แต่ไม่รับประกันว่าจะหายหรือเปล่า

กลัวไปแล้วโดนลูกปืนยัดปากซะก่อน


บันทึกการเข้า

isa
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 151



« ตอบ #192 เมื่อ: 06-03-2008, 17:08 »

...สัมนาแบบพลพตน่ะเหรอครับ ผมขอตัวบายละลุง

ผมไม่ศรัทธามาร์กซิสม์ แค่อ่านข้อเขียนแนวคิดพวกซ้ายผมก็เห็นรูกลวงโบ๋โจ๋แล้ว
แค่เอาปัญหาทุกอย่างบีบลงในแนวคิดเรื่องชนชั้น มันก็เหมือนลากอูฐผ่านรูเข็มนั่นแหละครับ
ไม่งั้นตอนนี้คอมมิวนิสต์ไม่สูญพันธุ์หรอก

ดันเอาระบบความเชื่อศาสนาออกไปจากระบบชีวิต สุดท้ายก็ต้องปั้นศาสดาเหมาขึ้นมาแทน
เอาสารนิพนธ์เหมาแทนคัมภีร์ไบเบิ้ล แล้วมันจะต่างกันตรงไหน พอถึงวันนี้ก็ต้องรื้อศาสดาลง
โยนคัมภีร์ทิ้ง

ผมเชื่อในการพัฒนาวิถีพุทธมากกว่า ออกจะเป็นพุทธแนวเซ็น ลุยๆหน่อยแบบญี่ปุ่น
เพราะมันปรับมาใช้กับชีวิตประจำวันได้ง่ายดี ช่วยเพิ่มผลิตภาพด้วย

แล้วก่อนจะตาย ผมว่าท่องพุทโธ ๆ กับท่อง คาร์ล มากซ์ ๆ  หรือ เหมาๆ น่ะ ถ้าโลกหน้ามีจริง
ท่องแบบแรกโอกาสไปสู่สุคติมีเยอะกว่านา ผมไม่แน่ใจหรอกว่าศาสดาเหมาจะอยู่ขุมไหนตอนนี้
ก็เล่นฆ่าคนซะเยอะแบบนั้น

ลุงแก่กว่าผมนา...ไงๆลุงก็ไปก่อน เลือกท่องให้ถูกล่ะ...เหอะๆ เดี๋ยวจะหาว่าเด็กไม่เตือน

 

บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #193 เมื่อ: 06-03-2008, 17:13 »

ก่อน 14 ตุลา หรือช่วง 6 ตุลา

ปชป.ก็ประกาศตัวว่าเป็นพรรค"สีชมพูอ่อนๆ" ก็คือสังคมนิยมนั่นแหละ

ที่ทะเลาะกับสมัคร ก็เรื่องซ้าย เรื่องขวา

เลขาพรรคก็เป็นคนทางเหนือบ้าง กทม.บ้าง

ปชป. ก็เดินแนวซ้าย ใช้เพลงเปิบข้าวนี่แหละ แสดงตัวตนว่าเป็นพรรคของชาวนา ผู้ใช้แรงงาน ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ

รวมทั้งได้คะแนนเสียงจากนิสิตนักศึกษาหัวก้าวหน้า

พอได้ดีมีสุข ก็ลืมทุกข์ของชาวนา พอเค้าไม่เลือกแล้วยังกลับไปด่าเค้าอีก

เป็นไปได้ถึงเพียงนี้แล้วคิดว่าคนอีสาน คนเหนือ เค้าจะยังยินดีกับพรรคนี้อยู่อีกหรือ
บันทึกการเข้า

Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #194 เมื่อ: 06-03-2008, 17:22 »

อืมม..ท่าทางจะเข้าใจลัทธิการเมืองไม่แตกฉาน

เลยไม่รู้ว่า "ซ้าย" คืออะไร

สังคมนิยม รัฐสวัสดิการ พวกนี้ซ้ายทั้งนั้น

เคยศึกษาแนวนโยบาย ปชป. 2,000 หรือเปล่า ที่ดร.เอนก ( คอมเก่า ) เป็นคนร่าง

เคยอ่าน จากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน ของ ดร.ป๋วย มาบ้างหรือเปล่า

เคยศึกษาเค้าโครงเศรษฐกิจของท่านปรีดีมาบ้างมั๊ยครับ

ซ้ายจริงๆ น่ะ ไม่กลวงหรอก คุณไปเจอพวกซ้ายปลอมๆ นะสิ

ซ้ายจริงๆ เค้ารักประชาชน รักความเป็นธรรมในสังคม

แต่ผมไม่ทราบว่าคุณเข้าใจคำว่า "ความเป็นธรรมในสังคม" มากน้อยขนาดไหน

อ้อ...รู้หรือเปล่า นายชวน หลีกภัย เคยถูกกล่าวหาว่าเป็นคอมมูนิสต์

ต้องหนีหัวซุกหัวซุน
บันทึกการเข้า

Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #195 เมื่อ: 06-03-2008, 17:28 »

อ้อ...แล้วรู้หรือเปล่า ปชป. เสนอนโยบายอะไรแก้ไข "ประชานิยม" ลองๆ ไปหาอ่านบ้างนะ เผื่อจะแตกฉานการเมืองขึ้นมาบ้าง

นโยบายรากหญ้าของ ปชป.ยุคนี้คืออะไร ลองไปหาดูนะครับ
บันทึกการเข้า

qazwsx
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,359


นักธุรกิจและตำรวจ ต้องออกไปจากการเมือง


« ตอบ #196 เมื่อ: 06-03-2008, 17:30 »

เหอ เหอ ทวงบุญคุณจากเพลง "เปิบข้าว" เหรอ อิ อิ

เจ้าของกระทู้ก็ทวงบุญคุณเรื่องเสียภาษีเยอะ ฮ่า ฮ่า

ระนาบเดียวกัน



ถ้าคิดได้แค่นี้ลุง Can ก็ปิดหูปิดตาตัวเองแล้วล่ะ
...รับรู้ไว้นะลุง Can ว่าทุกวันนี้คนอีสาน ไม่ว่าจะเป็นแท็กซี่ แม่ค้า ลูกจ้าง หรือแม้แต่พวกที่เรียกตัวเองว่า "ศิลปิน"
ต่างพูดกันในทำนองว่า

"โอ๊ย...ถ้ากรุงเทพ  ถ้าไม่มีคนอีสานนะ  ไม่มีไอ้ตึกสูง ๆ ดี ๆ อย่างที่เห็นนี่หรอก"
"คนกรุงเทพ ฯ ทำอะไรเป๊น  หุงหาข้าวปลากินกันเองยังไม่เป็นเล้ย  ถ้าไม่มีคนอีสานมาทำให้ก็กินแต่มาม่า"
"พวกทำงานในออฟฟิสสบายตายห่า  ไม่ต้องตากแดดตัวดำ  ห้าโมงก็เลิกงานกลับบ้านเปิดแอร์นอน"

โดยเฉพาะไอ้พวก "ศิลปินนัักแสดง" ไม่ว่าจะเป็นพวกตลก - หมอลำขาย CD  หรือแม้แต่พวกแบกไข่หมา ฯลฯ
บางทีก็ "พูดออกทีวี" ในรายการขาย CD ตอนดึก ๆ  ว่า
"เข้ามาสร้างความเจริญให้กรุงเทพ ฯ แล้วก็อย่าหลงแสงสีอยู่ในกรุงเทพ ฯ เด้อ"
...ความเจริญเหี้eอะไรของมรึง ! ...คิดว่าคนกรุงเทพ ฯ อยากได้นักหรือไอ้ตึกใหญ่ ๆ ที่จอดรถพ่นควันเหม็น ๆ พวกนั้นน่ะ ?
...ความเจริญแบบที่ผู้คนจากถิ่นไหน ๆ ก็เข้ามาสิงสู่ ส้องเสพย์ "ได้" เหมือนกันหมด  แต่ "ทิ้ง" ความสกปรกโสมม - ไร้ระเบียบ ไว้ให้คนกรุงเทพ ฯ ต้องทนทุกข์ทรมานน่ะรึ ??
...ความเจริญแบบที่มีกะหรี่ั้กรามเหลี่ยม ๆ ดั้งหัก ๆ เดินแอ่นให้ฝรั่งจับนมเรื่อยไปตามถนนราชดำเนิน ถึงถนนข้าวสาร - วัดบวร ฯ นั่นใช่่ไหม ?
...ความเจริญแบบที่ต้องทนฟังเสียงเพลง + เสียงร้องคาราโอเกะ และเสียงเอะอะเอ็ดตะโรตอนดึก ๆ  ใช่ไหม ?
...ฯลฯ

แล้วก็ไม่ต้องอื่นไกล  ไอ้วงโปงลางสะเหนียด นี่ก็ตัวดีนัก
ชอบซะจริงกับการเอาวัฒนธรรมอีสานมาทำเป็นตลก
...แล้วก็สรุปเอาเอง หรือยัดเยียดข้อสรุปเอาเองนั้นให้คนทั่วไปเข้าใจว่า 
"คนกรุงเทพดูถูกดูหมิ่นคนอีสาน  หรือเข้าใจว่าคนอีสานซื่อบื้อ"


จากนั้นก็เกิดพวก "อีสานรักเผ่าพันธุ์" ที่็จับเอาอารมณ์ซึ่ง "คนอีสานสร้างกันเอง - หลอกหลอน - ปั่นหัว - ล้างสมองกันเอง" ขึ้นมาใช้เป็น "จุดรวมใจ"
...กล่าวหาว่า "ไอ้พวกกรุงเทพแหม้งเห็นแก่ตัว"
...กล่าวหาว่า "ไอ้พวกกรุงเทพฯแหม้งดูหมิ่นพวกเรา"
...กล่าวหาว่า "ไอ้พวกกรุงเทพแหม้งปล้นชิงเอาความสุขสบายและความเจริญมั่งคั่งของพวกเราไปหมด"

ถามจริงเหอะ ?
ใครเขาไปเอาอะไรของพวกอีสานอย่างมรึงมาวะ ?


สุดท้าย :
ข้าวที่ผมใช้ช้อนตักกิน เกือบทั้งหมดเป็นข้าวที่ปลูกในปทุม ฯ สุพรรณ ฯ ว่ะ
...ถ้าชาวนาไทยไม่ปลูกข้าว หันเป็นหาผัวฝรั่งหรือเป็นกุ๊ยรับจ้างไอ้แม้วกันหมด  กระทั่งไม่มีการผลิตข้าวในประเทศไทยเลย   ผมก็ยินดีกินข้าวที่ปลูกโดยชาวนาเขมร - เวียดนาม
หรือแม้แต่ข้าวที่ส่งมาจากอเมริกา
...โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าราคาถูกกว่า และไม่ต้องถูกใครจิกหัวให้สำนึกในบุญคุณ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-03-2008, 23:52 โดย qazwsx » บันทึกการเข้า

isa
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 151



« ตอบ #197 เมื่อ: 06-03-2008, 17:38 »

...ผมเชื่อในประวัติศาสตร์ที่ลุงเล่ามาว่าเป็นความจริงครับ

แต่ลุงกรุณาดูลักษณะฐานเสียงที่เปลี่ยนไปด้วยนะครับ
ยุคนั้นประชาธิปไตยลงไปถึงระดับชาวไร่ชาวนาใช่เป่า
ถึงขนาดมีระดับผู้นำชาวนา ใช่มั้ยครับ

แต่ถามจิ๊ดนึงว่าสิ่งที่ครอบงำคนชั้นชาวไร่ชาวนาในปัจจุบัน
มันเป็น "ประชาธิปไตย" หรือ "บริโภคนิยม" กันแน่เอ่ย
บทบาทผู้นำสังคมมันเลยเปลี่ยน แทนที่จะเป็นเรียกร้องความเป็นธรรม
มันเลยเพี้ยนเป็นม็อบต่อรอง ม็อบรับจ้าง

จนกลายเป็นว่าม็อบอีสานมีลักษณะที่ขาดความเป็นธรรมชาติที่สุด
มีลักษณะจัดตั้งสูงจนคนขาดความเชื่อถือ

ผมว่าที่เราทะเลาะกันอยู่เนี่ย ก็ยังงงๆกันอยู่เลยระหว่าง "สิทธิประชาธิปไตย"
กับ "สิทธิที่จะบริโภค" ธรรมชาติฐานเสียงมันเปลี่ยน ตัวพรรคที่เลือกก็เปลี่ยน
ลุงไม่คิดงั้นมั่งเหงอ?

ถ้าคำพูดแค่ครั้งเดียวของประชาธิปัตย์ทำให้คนอีสานแค้นฝังหุ่นขนาดนั้น
ลองนึกถึงคำพูดบิ๊กจิ๋ว ป๋าเหนาะ ป๋าชัย หรือใครหลายๆคนที่ทำให้คนกรุง
อึ้งแดกจนแทบจะเปลี่ยนทีวีใหม่มาแล้วหลายครั้งหลายคราดูสิครับ

เอาแค่คำว่า "โกงเหรอ ไหนใบเสร็จล่ะ""  ที่ได้ยินจนเป็น*****หูจากรัฐบาล
ที่สส.อีสานเป็นเสียงส่วนใหญ่ก็สุดจี๊ดแล้วละครับ
ประชาธิปัตย์ถึงจะน่าหมั่นไส้ขนาดไหนก็ยังไม่หน้าด้านขนาดนี้นครับ


จนปัจจุบันเราก็ยังให้อภัยเขาเหล่านั้น แม้จะผะอืดผะอมเต็มที

กับป๋าหมัก เราก็ยังเคยให้โอกาสแก

มันก็มีแนวคิดสองอย่างแหละ
1. ประชาธิปัตย์เปลี่ยน คนเลยไม่เลือก
2. ธรรมชาติของคนเลือกเปลี่ยน คนเลยไม่เลือก

แล้วแต่จะเชื่อเนาะลุงเนาะ...


ผมรุ้ว่านัยชวนเคยหนีเข้าป่าแล้วก็เขียนเย็นลมป่า แต่ไม่เคยอ่าน
ซ้ายอ่อนๆน่ะเป็นสิ่งดีครับลุงแคน ทั่นปรีดีก็ซ้ายอ่อนๆ
แต่หมู่นี้เจอแต่ซ้ายเกรียนๆซะจนหุดหิด

อย่างจาตุรนต์ หมอมิ้ง หมอเลี้ยบ เงี้ย
ลุงว่ามันซ้ายแบบไหนล่ะ

ซ้าย 14 ตุลา กับซ้าย 6 ตุลาต่างกันมากมั้ย ถามเพราะอยากรู้จริงๆนะเนี่ย
แต่ผมว่าซ้าย 6 ตุลาแม่งน่ากระทืบว่ะ
อยู่ดีๆหาเรื่องทำตัวเองให้โดนมวลชนทิ้งซะงั้น
เกรียนไม่เข้าเรื่อง


 





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-03-2008, 17:52 โดย isa » บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #198 เมื่อ: 06-03-2008, 17:46 »

ไร้สาระน่า...สอนนักเรียนไม่เข้าใจ น่าจะพิจารณาว่า เด็กโง่ หรือครูไม่มีปัญญา

รู้มั๊ย นโยบายสังคมเข้มแข็ง หมอประเวศ วสี เสนอมาตั้งแต่ปี 35 ไม่มีนักการเมืองเทวดาหน้าไหนสนใจ

พอปี 40 มีวิกฤติ ก็เสนออีก พรรคเทวดาก็ไม่สน

พอหน้าเหลี่ยมมันจะทำพรรคการเมือง ก็ไปขอคุย ขอนโยบาย ขอแนวทาง

ท่านก็ให้มา แถมเป็นที่ปรึกษาให้ แต่หน้าเหลี่ยมมันเอาไปทำครึ่งเดียว ยังได้คะแนนเพียบ

ว่างๆ ก็ไปศึกษาซะ เผื่อจะได้มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน พอจะคุยการเมืองกับเค้าได้บ้าง


ลองไปดูซิ นโยบายของดร.เอนก ทำไว้ให้ ไปเก็บไว้ไหน

เผื่อจะเข้าใจ "สองนคราประชาธิปไตย" ขึ้นมาบ้าง
บันทึกการเข้า

Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #199 เมื่อ: 06-03-2008, 17:55 »

เอ้อ...เคยได้ยินเรื่อง นโยบายเงินผัน ของคึกฤทธิ์มั๊ย

เอ้อ...เคยได้ยินเรื่องนักเรียนขึ้นรถเมล์ฟรีมั๊ย

เอ้อ...เคยได้ยินเรื่อง จอมพล ส. ใช้เงินหวยมาทำนโยบายรากหญ้ามั๊ย

เอ้อ...เคยได้ยินนโยบาย กองทุน กขคจ. ของ ปชป. มั๊ย

เคยได้ยินเรื่อง คนจนรักษาฟรี คนพอมีต้องประกันครอบครัวละ 500 มั๊ย

ถ้าไม่เคยได้ยิน ก็รีบไปศึกษา เผื่อจะได้รู้ว่า ปชป. ก็ทำมาก่อนทั้งนั้น


ตกลงรู้หรือยังว่า ซ้ายๆ ขวาๆ นี่มันอะไรกัน
บันทึกการเข้า

หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 7 8 9 10 11 12
    กระโดดไป: