ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
19-03-2024, 21:01
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1] 2 3 4 5 6 7 8 ... 12
เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง  (อ่าน 59343 ครั้ง)
isa
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 151



« เมื่อ: 04-03-2008, 10:50 »

...ว่าจะไม่พูดแล้ว แต่ข้อความ SMS หรือข้อความในคอลัมน์จากผู้อ่านตามหนังสือพิมพ์ ด่าคนกรุงเสียจนอดไม่ไหว

ถ้าบทความนี้จะกระทบกระเทือนใจเพื่อนๆอีสานในนี้ก็ต้องขออภัยด้วย แต่ในฐานะเพื่อนร่วมประเทศต้องขอสะกิดเตือนกันนิด ไม่ได้หมายความเฉพาะรากหญ้า แต่หมายถึงคนอีสานชั้นปัญญาชนและนักวิชาการอย่างลุงแคนด้วย  ให้ออกจากกับดักความคิดเดิมๆเสียที

ข้อแรก  คนกรุงในยุคนี้ไม่ได้เป็นแค่ "เจ้าคนนายคน" อย่างในอดีตอย่างที่เข้าใจกัน แต่คนกรุงกว่าครึ่ง คือลูกหลานของคนต่างจังหวัดทั้งนั้น และไม่ได้เข้ามาอย่างเจ้าคนนายคน แต่สะพายกระเป๋าใบเดียวเข้ามาเป็นเด็กหอ เข้ามาเป็นเด็กวัด ดิ้นรนสู้ชีวิตสร้างฐานะกันขึ้นมาแทบทุกคน การเอาบทบาทเจ้าขุนมูลนายศักดินามาครอบให้กับคนกรุงจึงเป็นความคิดที่ตกยุคไปแล้ว

ข้อสอง กรุงเทพฯ อาจจะสูบทรัพยากรทั้งสิ่งของ เงินทอง บุคคล จากต่างจังหวัดเข้ามาก็จริง แต่กรุงเทพฯ ก็เป็นแหล่งทรัพยากรให้คนต่างจังหวัดเข้ามาตักตวงด้วยเช่นกัน และหากดูจากการดำรงชีวิต ขณะที่ลูกหลานคนต่างจังหวัดอื่นๆ เข้ามาเรียนหนังสือ ทำงาน อยู่อาศัย และกลายเป็นทรัพยากรพลเมืองให้กับกรุงเทพฯ สร้างรายได้ สร้างภาษี ให้กับกรุงเทพฯ แต่คนอีสานจำนวนมากที่ยังใช้ชีวิตในลักษณะโยโย่ เข้ามาตักตวงทรัพยากรของกรุงเทพฯ ส่งกลับไปยังต่างจังหวัด ทุกๆเดือน โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงวันหยุดใหญ่ๆ จะมีเงินสะพัดลงสู่อีสานนับร้อยล้านพันล้าน  จึงถือว่าเมืองกรุงก็ตอบแทนให้กับคนอีสานอย่างเท่าเทียมกัน  จึงน่าจะถามมากกว่าว่าทรัพยากรของเมืองกรุงปริมาณมหาศาล (ซึ่งดูดมาจากภาคอื่นๆด้วย) เมื่อลงไปสู่ภาคอีสานแล้วทำไมจึงซึมหายๆเหมือนฝนตกบนแผ่นดินอีสาน ไม่เหลือร่องรอย หรือถ้าจะทวงบุญคุณ ก็ลองไปทวงกับซาอุฯ ดูไบฯ บาร์เรน ที่คนอีสานไปขายแรงงานดูบ้างไหม? แล้วก็ขอถามคำถามเดียวกันแหละ ขณะที่รัฐได้ภาษีจากตรงนี้ แต่เงินกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือจากภาษีที่ลงสู่อีสานนั้น หายไปไหนหมด  ไม่ได้ทำให้อีสานเจริญขึ้นเลยหรือไง?

ข้อสาม คนอีสานชอบบ่นด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจว่าเป็นชนชั้นล่างของสังคม แต่ขณะที่คนต่างจังหวัดอื่นๆเข้ามาแสวงหาโอกาสได้ และคนอีสานจำนวนไม่น้อยก็ประสบความสำเร็จในสังคมเมืองกรุง แต่ขณะที่เหล่าคนพลัดถิ่นจากต่างจังหวัดทั้งหลายเข้าสู่เมืองกรุงด้วยกระเป๋าใบเดียว เข้ามาไขว่คว้าโอกาสเหมือนกัน แต่ทำไมมีแต่คนอีสานรากหญ้าที่คว้าโอกาสไม่ได้ สาเหตุเพราะอะไร...

1.   คนต่างจังหวัด หรือแม้คนอีสานเองที่ประสบความสำเร็จ เพราะครอบครัวเป็น Back Up ส่งลูกหลานมาหาความรู้ และสร้างโอกาสให้ตัวเอง ขณะที่คนอีสานที่ล้มเหลว เพราะมีครอบครัวเป็นภาระ ส่งลูกหลานเข้ามาเพื่อหารายได้ส่งครอบครัวที่มีหน้าที่บริโภคอย่างเดียว โดยไม่คิดจะนำรายได้ที่ได้มาไปต่อยอด...หรือเปล่า? ทำให้เด็กหนุ่มเด็กสาวสูญเสียโอกาสที่จะหาความก้าวหน้าด้วยตัวเองอย่างคนต่างจังหวัดอื่นๆ

2.   การใช้ชีวิตลักษณะโยโย่ที่ย้ายตามทรัพยากรที่ดีกว่า ขาด Loyalty ต่อสังคมที่ตนทำงานอยู่ ทำให้คนอีสานเมืองเป็นผู้อพยพตลอดกาล ที่ไม่ฝังตัวในสังคมให้นานพอที่จะสร้างความเชื่อมั่นในสังคม จนผลักดันตัวเองขึ้นไปอยู่ในระดับชั้นที่สูงขึ้นได้หรือเปล่า?

3.   การใช้ชีวิตแบบพึ่งพากันจนสุดโต่ง คนที่เป็นพี่ใหญ่ของครอบครัว จะต้องรับผิดชอบน้องๆทั้งตระกูล คนที่เป็นสามี นอกจากจะต้องเสียค่าสินสอดที่แพงจนเหลือเชื่อ แล้วยังต้องรับภาระทั้งหมดของครอบครัวภรรยา คนใดในสังคมที่มีฐานะพอลืมตาอ้าปากได้ ก็จะโดนรุมขอพึ่งพิง จนกลายเป็นลักษณะเตี้ยอุ้มค่อม จนสูญเสียโอกาสที่จะผลักดันตัวเองให้ก้าวหน้าในสังคมหรือไม่? และจากค่านิยมนี้ กลายเป็นความเคยชินว่าคนที่มีมากกว่ามีหน้าที่จะต้องแบกรับภาระคนที่มีน้อยกว่า จนคนที่เป็นผู้ให้จนเคยชิน หรือคนที่เป็นผู้รับจนเคยตัว ก็พลอยคิดเหมารวมว่าคนภาคอื่นๆที่มีมากกว่า ก็ควรมีหน้าที่แบกรับภาระของคนอีสานด้วยสิ...หรือไม่? แนวคิดการเมืองของอีสาน แทนที่จะเป็นการทำเพื่อประเทศ ในระยะยาว จึงกลายเป็นการเข้ามาตักตวงทรัพยากรส่วนกลางลงไปสู่ท้องถิ่นหรือไม่

4.   การมีค่านิยมหวังรวยทางลัด ทำให้การหารายได้ของคนอีสานจำนวนมากมุ่งหวังการรวยเร็ว ขาดพัฒนาการที่ต่อเนื่อง แม้จะทำมาค้าขายก็ทำๆเลิกๆ แม้ค่านิยมเรื่องหาสามีฝรั่ง ก็เป็นแค่ทางลัดไปสู่ความอยู่ดีกินดี การทุ่มเททำงาน หรือการพัฒนาตัวเองไปตามลำดับขั้นเพื่อความก้าวหน้าระยะยาวในองค์กร หรือในระบบธุรกิจ จึงเป็นสิ่งที่ขัดกับความรู้สึกกับคนอีสานรากหญ้า ...จึงทำให้สูญเสียโอกาสที่จะก้าวหน้าในสังคมเมือง...หรือไม่?

5.   คนอีสานรากหญ้ามีค่านิยมเรื่องความรักสนุก รักสบาย และวัตถุนิยมจัด ดูจากการตั้งวงกินเลี้ยงที่มีกันแทบจะทุกโอกาส การนำเงินที่ลูกหลานทำงานอย่างเหนื่อยยากส่งมาให้ใช้จ่ายกันอย่างฟุ่มเฟือยสุรุ่ยสุร่าย คิดเพียงว่าหมดไปก็หาใหม่ได้ ทำให้ระบบเศรษฐกิจคนอีสานรากหญ้ามีเพียงการ หามา – จ่ายไป แต่ขาดการอดออม การลงทุน การหมุนเวียนที่จะสร้างฐานะที่มั่นคงให้กับตัวเอง คนอีสานรากหญ้าจึงรวยไม่ทน แต่จนถาวร...หรือไม่?

...ที่สะกิดเตือนนี้ ก็แค่อยากจะบอกว่าขณะที่คนอีสาน หรือนักวิชาการอีสาน ชี้นิ้วกล่าวโทษคนกรุงหรือคนภาคอื่นว่าเป็นสาเหตุในความทุกข์ยากของตน ก็อย่าลืม 4 นิ้วที่เหลือที่ชี้เข้าหาตัวเองด้วย ว่าแท้จริงแล้ว สาเหตุมาจากตัวเองหรือเปล่า และในฐานะคนพลัดถิ่นในกรุงด้วยกันแต่อยู่คนละภาค ที่เป็นทั้งเพื่อน ทั้งพี่ ทั้งหัวหน้างาน ทั้งเจ้าของบ้านเช่า ทั้งลูกค้า ของคนอีสานที่คุ้นเคยเห็นนิสัยกันมานาน อยากจะโค้ดคำพูดของคนอีสานที่ประทับใจมาจนปัจจุบันว่า

   "ไม่มีใครหลอกลาวได้หรอก มีแต่ลาวนั่นแหละ หลอกลาวด้วยกัน (และหลอกตัวเองด้วย)"

และต่ออีกนิด... คนกรุง หรือคนภาคอื่นไม่ได้รังเกียจอีสานรากหญ้าเพราะสิ่งที่พวกคุณเป็น แต่รังเกียจในสิ่งที่พวกคุณทำ



 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-03-2008, 10:55 โดย isa » บันทึกการเข้า
login not found
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,523



« ตอบ #1 เมื่อ: 04-03-2008, 11:14 »

ความผิดคนอื่นเท่าภูเขา ก็แบบนี้
ไม่เห็นว่าตัวเองต่างหากที่เป็นสาเหตุของความยากจน สส. อบต. ก็เลือกเข้าไปเองทั้งนั้น
รับสินบนเพื่อให้ลงคะแนนเสียง นักการเมืองแทนที่จะต้องรับใช้ประชาชนก็เลยกลายเป็นนายจ้าง
กดหัวลูกจ้าง(ประชาชน)ไว้เพื่อที่จะได้สูบผลประโยชน์ต่อไปได้เรื่อยๆ
อยากจะเลิกจน ต้องเิลิกทำตัวเป็นลูกจ้าง ประกาศตัวให้เป็นนายนักการเมืองเสียที
ไม่ใช่ทำงานในฐานะลูกจ้างแอบขโมยของโดยทุจริตจากประเทศชาติ
แล้วยังจะมาทวงบุญคุณในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยทำซะอีก

บันทึกการเข้า
qazwsx
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,359


นักธุรกิจและตำรวจ ต้องออกไปจากการเมือง


« ตอบ #2 เมื่อ: 04-03-2008, 11:31 »

คิดว่าอีกสักเดี๋ยวคุณจะต้องโดน "เรียงหน้าอัด"

ทำใจหน่อยก็แล้วกัน
ปัจจุบันนี้คนอีสานเป็นกลุ่มบุคคลพิเศษ ชนิดใครจะตำหนิติเตือนอะไรก็ไม่ได้ทั้งนั้น  วิพากย์วิจารณ์อะไรก็ไม่ได้ทั้งนั้น
เพราะไมว่าจะพิจารณาด้านไหนคนอีสานก็วิเศษวิโสเหนือคนภาคอื่นทั้งหมด 
โดยเฉพาะ "ไอ้พวกคนกรุงเทพฯ"
...ซึ่งทั้งโง่  ทั้งขี้เกียจ  ง่อยเปลี้ยเสียขา ทำอะไรเองไม่เป็นสักอย่าง

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-03-2008, 11:39 โดย qazwsx » บันทึกการเข้า

เพื่อนร่วมชาติ
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 777


« ตอบ #3 เมื่อ: 04-03-2008, 13:19 »

เอ่อ คือว่า...

ตอนนี้คนอีสานยิ่งมีบุญคุณล้นเหลือต่อคนกรุงเทพฯนะครับ

เพราะขณะที่คนกรุงเทพฯหน้ามืดตามัว ขาดสติ หันไปเลือกหนุ่มหล่อเป็นนายกฯ คนอีสานนี่แหละยังมีสติ รู้ว่าทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับประเทศไทยคือหมักเมถุน ถ้าไม่ได้คนอีสาน ป่านนี้ประเทศคงเละคามือหนุ่มหล่อไปแล้ว

แถมถ้าไม่ได้คนอีสาน อภิมหาวีรบุรุษอย่างบักเหลี่ยมก็คงยังเสวยสุขอยู่ที่ลอนดอน คนอีสานนี่แหละที่นำให้ท่านเหลี่ยมกลับมาโปรดคนไทยอีกครั้ง

นี่ยังไม่พูดถึงเหลิมลูกกำนัน หมอนชอนไชยา น้องเพ็ญหน้าหวาน ฯลฯ ที่คนไทยต่างได้มือฉมังเหล่านี้เข้ามาบริหารชาติบ้านเมือง

เจ้าของกระทู้ยังไม่สำนึกบุญคุณคนอีสานอีกเหรอ 

ป.ล. ที่พูดนี่หมายถึงคนอีสานที่มีบุญคุณทางการเมืองกับคนกรุงเท่านั้นนะครับ ใครที่ไม่ได้เลือกพลังเมถุน ก็ถือว่าไม่มีบุญคุณกับคนกรุงในเรื่องนี้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-03-2008, 13:24 โดย เพื่อนร่วมชาติ » บันทึกการเข้า
ScaRECroW
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,000


สุสูสัง ลภเต ปัญญัง - ผู้ฟังดี ย่อมเกิดปัญญา


เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: 04-03-2008, 13:35 »

ผมเชื่อว่าคนอิสานส่วนหนึ่งเป็นแบบที่ จขกท.ว่ามา  แต่จะเป็นส่วนใหญ่หรือส่วนน้อยผมไม่ทราบ ใจก็อยากให้เป็นส่วนน้อยอะครับ
บันทึกการเข้า

Politic is nothing but the continuation of [the sin of] 7 by other means.

ท่านคิดว่า นรม. ควรทำอย่างไรเมื่อพบว่ากฏหมายบางฉบับมีช่องโหว่?
ก.ใช้อำนาจ นรม.ที่ได้รับมาจากประชาชนแก้กฏหมายเพื่อปิดช่องโหว่เหล่านั้น เพราะเป็นประโยชน์ของแผ่นดิน
ข.ฉวยโอกาสใช้ช่องโหว่เหล่านั้นเพื่อประโยชน์ของตนเองและคนรอบข้าง แล้วก็อ้างว่าคนอื่นเขาก็ทำกัน
sleepless
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 525


Sleepless


« ตอบ #5 เมื่อ: 04-03-2008, 15:43 »

หลายคนอึกอัดใจและรำคาญกับบางคนที่ทำราวกับว่า 1 เสียงของตัวเองมีค่ามากกว่า 1 เสียงของคนอื่น....กติกาก็บอกชัดเจนว่าทุกคนมีสิทธิ 1 เสียงเท่ากันหมดทุกคน แต่พวกขี้แพ้หรือแพ้ไม่เป็นบางคนกลับเล่นการเมืองข้างถนนออกมาข่มขู่รัฐบาลและสร้างความวุ่นวายไม่รู้จบ จนคนทั่วโลกเค้ามองว่าปชต.แบบไทยๆก็คือ การเมืองข้างถนนที่ใครก็ได้ใช้ม๊อบล้มรัฐบาล


งามหน้าจริงๆ!!

หากเสียงแต่ละคนมันเท่ากันจริงๆ ก็คงไม่มีใครออกมาสนับสนุนรถถังหรอก

ที่เป็นอยู่ มันมีคนอยู่ไม่กี่คนที่มีเสียงมากกว่าคนอื่นๆ ทั้งประเทศ แล้วสร้างภาพมายาให้เหมือนคนทั้งประเทศมีเสียงเท่ากัน

คนเพียงหยิบมือเดียว สูบเลือดชนชั้นกลางไปเป็นของตัวเอง แล้วโปรยเศษที่เหลือให้ชนชั้นล่างเพื่อเป็นแรงกดดันชนชั้นกลางให้ต้องคอยส่งบรรณาการอยู่ตลอดเวลา

ลำพังชนชั้นล่างจะหลงไปกับภาพมายาที่ว่านี้ก็ยังไม่เท่าไหร่ เพราะตนเองเป็นผู้ได้รับประโยชน์จากเศษอาหารที่โปรยมาล่อ

แต่ที่น่าสงสารมากๆ ก็คือชนชั้นกลางบางคนที่ตัวเองกำลังโดนสูบเลือดอยู่ แต่ไปหลงติดกับภาพมายาที่เขาสร้างเอาไว้ให้ คิดฝันเอาว่าตนเองจะได้ประโยชน์จากผู้ที่มาสูบเลือดตัวเองอยู่ อันนี้โง่หนักกว่ารากหญ้าเสียอีก
บันทึกการเข้า
Petakhons
น้องใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2



« ตอบ #6 เมื่อ: 04-03-2008, 21:17 »

                
                  เรียนผู้ตั้งกระทู้คุณหรือคนอืนทีตั้งกระทู่ที่มีความพยายาม จะยั่วยุโดยการโพสเปิดกระทู้ทีมีลักษณะใก้ลเคียงกัน หลายกระทู้จะอะไรกันนักหนาแค่การแสดงความคิดเห็นทำไม ไม่พยายามเอาใจเขามาใส่ใจเราไม่รู้ซิ เหตุผลที่คุณกล่าวมาเป็นมุมมองที่อคติไปหรือเปล่าครับ....แสดงว่าคุณมองแค่กรอบเดียวเป็นปัจจุบันไป  ประวัติศาสตร์ขาติไทยยาวนะคุณอาจจะละเลย เคยรู้ไหมที่คุณว่ามาเป็นผลกระทบจากอะไรการหลั่งไหลของคนต่างจังหวัดโดยเฉพาะคนอีสานทำไมหละไม่กระจาย ความเจริญไปละอะไรๆๆๆๆๆๆๆก็กรุงเทพแล้วผิดเหรอก็ข่อย อีพ่อ อีแม่ ข่อยมาเฮ้ดงาน มาพ้อกันในเมียงแล่วพากันไป สวัสดีครับ 4444   ก็รางรถไฟมันยาวมาตามรางรถไฟนิ 5555555   แต่คุณก็คิดไม่ผิดหรอกเพียงแต่ไม่รอบคอบและอคติ คงต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่ง ควรเอาอดีตภูมิหลังมาศึกษาบ้างก็จะดี  
         
                  [/color เอาแค่ไม่กี่ร้อยปีสมัยก่อนเขาต้อนคนลาว(อีสาน)เข้ามาใช้งานต่างๆงานดีด้วยงานกุลีทั้งนั้นในเมืองหลวง สถานภาพระหว่างคนบางกอกกับคนลาวแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงความรู้สึกต่ำต้อยจึงมีอยู่ทั่วไปในชาวลาวเคยได้ยินไหมสักหน้าผากหริอสักเลขบนหน้าผาก  เพื่อกำหนดสถานภาพคนอีสาน พลเมืองชั้นสอง โดยเฉพาะชายลาวจะต้องถูกสักหน้าผากเพื่อให้ง่ายต่อการจดจำในการเกณฑ์เอามาใช้งานให้กับราชสำนักในเมืองหลวง ความไม่เท่าเทียมกันระหว่างคนที่เรียกตนเองว่าไทยหรือสยามกับคนที่เรียกว่าตนเองว่าลาว เอาแค่เนี่ยแหละพับผ่าซิ!  นี่แหละความรู้สึกที่ไม่เท่าเทียมกันทางสังคมความรู้สึกต่ำต้อยของคนอีสานในสมัยก่อน  เพิ่งจะมาให้ความสำคัญเมื่อ  ภัยจากมหาอำนาจฝรั่งเศ- ตอนสงครามอินโดจีนเข้ามาเริ่มมีการปรับปรุงการปกครองประเทศ ถึงเริ่มที่จะมองให้ความสำคัญกับชาวอีสาน ทำไมหล่ะครับคนอีสานจะรู้สึกอย่างคุณพูดก็ไม่เห็นจะแปลกนี่ครับ ผมเองก็ได้ยินบ่อยไป พวกนักวิชาการบางคนตามมหาวิทยาลัยในกรุงเทพ ชอบออกมามองออกมาวิพาษก์วิเคราะห์ การแสดงออกของกลุ่มคนอีสาน มักจะค่อนข้างเหยียดต่อการแสดงออกทางสังคมหรือการแสดงออกทางการเมืองและแม้แต่ ผลของการเลือกตั้ง.....ที่ผ่านมาว่ากันไปนะหากประสงค์และปรารถนาจะให้หัวขวานบิ่นปัจจุบันด้ามขวามก็ไม่คอยดีโปรดอย่าลืมนะครับต้นทุนความอัดอั้นในประวัติศาสตร์ของคนอีสานมีสูงเขาบอกเขาเล่าให้คนรุ่นปัจจุบันอยู่เสมอเพียงแต่เขายังไม่รู้สึกคับแค้นใจและกดดันเหมือนอย่างในอดีต  แต่ถ้าความพยายามของคนไม่กี่คนทำให้เป็นประเด็นปัญหาลุกลามออกไปก็ไม่แน่นะครับหรือต้องการจะแบ่งกันอย่างสิ้นเชิงหละเอา บ่ 
                 
               แนวความคิดแบบเนี้ยแหละที่เป็นบ่อนทำลายคนในชาติ........มองอะไรได้เป็นฉากๆแต่ฉากที่มอง มองอย่างอคติและแคบมากๆ  ความรู้สึกแบบเนี่ยแหละถ้ามีมากสะสมมากขยายออกไปมากเหมือนอย่างที่กำลังพยายามเป็นอันตราย ใคร่ขอร้องชาวกรุงเทพส่วนใหญ่ที่ใจเป็นธรรม โปรดได้บอกคนกรุงเทพบางคน และนักวิชาการบางท่านในมหาวิทยาลัยในกรุงเทพได้ เปลี่ยนความคิดที่เหยียดรวมทั้งพฤติกรรมการแสดงออกทางการเมืองต่อชาวอีสาน แม้กระทั่งการเรียกร้องอะไรใดๆก็ตามของคนอีสาน(รวมถึงคนในชนบทภาคอื่นๆด้วย) อย่าถามเลยว่าใครกล่าวเยอะครับเยอะมากสมัยก่อนทักษิณจะโดน ปะ-ติ-วัด ได้ยินบ่อยมากทั้งข่าวโทรทัศน์  ตามหนังสือพิมพ์(นอสอพอ) เพราะอาจทำให้เป็นเงื่อนไขระเบิดเวลาทำลายชาติรู้บ้างไหมเงื่อนไขทางสังคมความเท่าเทียมกันในด้านต่างๆ เนี่ยแหละที่สะสม  ทำให้ด้ามขวานของไทย(3 จว.ชายแดนภาคใต้)ต้องการความเข้าใจเช่นเดียวกับ คนอีสานแต่แตกต่างกันที่การแสดงออก            
              โปรดอย่าได้วิเคราะห์อย่าได้กำหนดคนอื่นนักเลย โปรดอย่าชี้นำทางความคิดและที่สำคัญชอบเอาความรู้สึกของตัวเองไปตัดสินปัญหาของคนอื่น  ไม่พยายามที่จะมองอย่างเข้าใจในปัญหาของว่าเขามองอย่างไร.....เขาคิดจะแก้ปัญหาของเขาอย่างไรและมีอะไรที่จะช่วยเขาได้บ้างๆได้โปรดเถิด..อย่าได้พยายามเอาวัฒนธรรมทางความคิดมากดมาข่มกันเลยครับสิ่งที่แสดงออกของคุณหรืออีกหลายๆคนไม่ได้มองอะไรอย่างเข้าใจ.มองการกระทำของคนอื่น ต่ำต้อยเพราะในที่สุดแล้ว สิ่งทีกดสิ่งที่ข่มก็จะหาทางออกตามธรรมชาติของมันเองเหมือนวางดินน้ำมันบนฝ่ามือลองกดลองบีบดูสิตอนแรกๆดินน้ำมันจะอ่อนไปตามแรงบีบแต่ถ้าบีบมากๆเข้าที่สุดแล้วดินน้ำมันก็จะเล็ดรอดออกมาตามร่องนิ้วมือ เช่นดียวกับสิ่งที่คุณและอีกหลายๆคนกำลังพยายามกันอยู่และปฎิบัติต่อชาวอีสานเหมือนดินน้ำมัน                                                                    
                                                         
                                                                                                 ผีแดงตาโขน  Petakhons


* 12814734.gif (9.31 KB, 96x96 - ดู 702 ครั้ง.)

*  (3.98 KB, 60x50 - ดู 531 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-03-2008, 23:56 โดย Petakhons » บันทึกการเข้า
qazwsx
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,359


นักธุรกิจและตำรวจ ต้องออกไปจากการเมือง


« ตอบ #7 เมื่อ: 04-03-2008, 21:37 »

เรียนผู้ตั้งกระทู้ที่คุณมากล่าวนะที่ร้ายก็คือคุณมีความพยายามที่จะยั่วยุโดยการโพสเปิดกระทู้หลายกระทู้เหลือเกินจะอะไรกันนักหนาก็แค่การแสดงความคิดเห็นทำไมคุณไม่เอาใจเขาไมใส่ใจเราหละไม่รู้ซิ.....แสดงว่าคุณมองแค่กรอบปัจจุบัน...ประวัติศาสตร์ขาติไทยยาวนะแต่คุณอาจจะไม่ได้นำเอามาใช้บ้างเลยมุมมองของคุณอาศัยแค่เบื้องหน้าที่เห็นเป็นปรากฎการณ์ในสังคมปัจจบันเป็นตรรกทีสัมผัสได้ถามหน่อยแล้วไผสิสร้างความสดวกสบายให้กรุงเทพเจริญเอาเจิรญเอาอยู่เมืองเดียวไม่กระจายไปละความเจริญ-ไปละอะไรก็กรุงเทพผิดเหรอก็มาตามรางรถไฟนิ 5555555 แต่คุณก็คิดไม่ผิดหรอกที่คุณคิดแต่คุณแค่ขาดความรอบคอบคงต้องใช้เวลาอิกสักระยะหนึ่ง เอาอดีตภูมิหลังมาศึกษาบ้างแค่ไม่มีร้อยปีแล้วสมัยก่อน เขาต้อนคนลาว (อีสาน)เข้ามาใช้งานสถานภาพระหว่างคนบางกอกกันคนลาวแตกต่างกันเคยได้ยินไหม สักหน้าผาก เป็นสัญลักษณ์ไว้เพื่อไว้ใช้งานเอาแค่เเนี่ยแหละพับผ่าซิ ความรู้สึกที่เท่าเทียมกันของคนในชาติในสมัยก่อนไม่มี มากนักหรอก เพิ่งจะให้ความสำคัญเมื่อภัยจากบักสีดาฝรั่งเศ- ในสงครามอินโดจีนเข้ามาเริ่มมีการปรับการปกครองประเทศและเริ่มที่จะมองให้ความสำคัญกับคนอีสาน ทำไมหละครับคนอีสานถ้าจะรู้สึกอย่างคุณพูดก็ไม่เห็นจะแปลกนี่ครับเพราะผมเองก้ได้ยินบ่อยที่นักวิชาการบางคนในมหาวิทยาลัยมองอะไรวิเคราะห์อะไรมักจะค่อนข้างเหยียดต่อการแสดงออกทางการเมืองหรือแม้แต่ผลของการเลือกตั้ง.....ว่ากันไปนะหากประสงค์จะให้หัวขวานบิ่นปัจจุบันด้ามขวามก็ไม่คอยดีอย่าลิมนะต้นทุนในประวัติศาสตร์ของคนอีสานมีสูงนะความพยายามเล็กของคนไม่กี่คนอย่าให้เป้นเครืองกำหนดที่รุกลามออำไปเลยจะไม่เป้นผลดีกับใครหรอก อย่าได้พยายามเลยหรือว่าต้องการจะแบ่ง...กันอย่างสิ้นเชิงหละ  แนวความคิดแบบเนี้ยแหละที่เป็นบ่อนทำลายคนในชาติมานักต่อนักแล้ว.................มองอะไรได้เป็นฉากๆแต่ฉากที่มองเป็นกรอบที่มองอย่างอคติและแคบเกินไปครับ  ความรู้สึกแบบเนี่ยแหละถ้ามีมากสะสมมากเป็นอันตรายเป็นระเบิดเวลาใครๆก็ได้ยินอยู่บ่อยๆครับไม่ได้ขอร้องในชาวกรุงเทพและนักวิชาการบางท่านในมหาวิทยาลัยแต่ควรจะเปลี่ยนแนวความคิดที่เหยียดความคิดเหยียดพฤติกรรมการแสดงออกทางการเมืองหรือการเรียกร้องอะไร ใดก็ตาม ของคนอีสานหรือคนในชนบทภาคอื่นๆอย่าถามเลยว่าใคร เยอะครับสมัยก่อนทักษิณจะโดนปะ-ติ-วัด ได้ยินบ่อยมากทั้งข่าวโทรทัศน์  ตามนอสอพอ เป็นเงื่อนไขระบิดเวลาทำลายชาติรู้บ้างไหมเงื่อนไขทางสังคมความเท่าเทียมกันในด้านต่างๆ เนี่ยแหละที่ ด้ามขวานของไทย ต้องการความเข้าใจเพราะเราชอบเอาความรู้สึกของตัวเองไปตัดสินปัญหาของคนอื่น เนี่ยเราไม่มองอย่างเข้าใจในปัญหาของว่าเขามองอย่างไร........... เขาคิดจะแก้ปัญหาของเขาอย่างไร

                                                                                      Petakhons "ผีตาโขน"

ผมอ่านภาษาไทยของคุณแล้วพบปัญหา คือ ไม่ค่อยจะเข้าใจครับ
ไม่ทราบว่ามีใครเป็นอย่างผมหรือเปล่า
คือไม่ทราบว่ามุขยประโยคอยู่ตรงไหนบ้าง - ลำดับขั้นกระทงความ และอันใดเป็นบริบทของมันบ้าง

สงสัยว่าความรู้ทางวิชาการใช้ภาษาไทยของผมคงจะโบราณไปเสียแล้ว 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-03-2008, 21:43 โดย qazwsx » บันทึกการเข้า

มารุจัง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,761


@^____^@


« ตอบ #8 เมื่อ: 04-03-2008, 21:48 »

5555 กำลังนึกว่า เราอ่านไม่รู้เรื่องอยู่คนเดียวหรือเปล่าหว่า
คือไม่เข้าใจจุดประสงค์ของ Petakhons เลย
อ่านแล้วก็งง

นึก ๆ อยู่ว่า.. เอ.. ต้องการสื่ออะไรหว่า หรือว่าเราไม่เข้าใจคนเดียว
กำลังมึนเลย
เหอเหอเหอ
บันทึกการเข้า


ประชาธิปไตย มิได้จบอยู่แค่การเลือกตั้ง
ปล.รูปจากเวบ ผจก.
Solidus
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,381



« ตอบ #9 เมื่อ: 04-03-2008, 22:22 »

ผมอ่านภาษาไทยของคุณแล้วพบปัญหา คือ ไม่ค่อยจะเข้าใจครับ
ไม่ทราบว่ามีใครเป็นอย่างผมหรือเปล่า
คือไม่ทราบว่ามุขยประโยคอยู่ตรงไหนบ้าง - ลำดับขั้นกระทงความ และอันใดเป็นบริบทของมันบ้าง

สงสัยว่าความรู้ทางวิชาการใช้ภาษาไทยของผมคงจะโบราณไปเสียแล้ว 
เช่นกันครับ ผมก็ไม่ค่อยจะเข้าใจเหมือนกัน
บันทึกการเข้า
personal jesus
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 632



« ตอบ #10 เมื่อ: 04-03-2008, 22:35 »




เขียนได้น่าอ่าน น่ารับฟัง และพิจารณา

ถ้าใครโกรธ แสดงว่า จขกท พูดถูก
 
บันทึกการเข้า

login not found
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,523



« ตอบ #11 เมื่อ: 04-03-2008, 23:27 »

อ่านข้อความของคุณผีตาโขนหลายรอบ
พอจะจับความได้ว่า สังคมกดขี่บังคับหาผลประโยชน์จากคนอีสาน
เมื่อคนอีสานออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมก็ไม่ได้ความสนใจ

ผมก็เป็นคนอีสานผมกลับมองเห็นอีกด้านที่คุณไม่ยอมพูดถึง
การชุมนุมเรียกร้องขอความเป็นธรรม ล้วนมีสาเหตุมาจากตัวคนอีสานเอง
ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรม การดำเนินชีวิต ค่านิยมผิดๆ ความเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว
การขาดความรู้ความเข้าใจ เป็นขี้ข้าให้นักการเมืองหลอก
เมื่อไม่ได้ตามคำสัญญาก็ออกมา "ขอ"สิ่งที่เขาคิดว่าควรได้
หลายๆครั้งในสมัยแม้วครองเมือง ก็เป็นเครื่องมือแสดงพลังสรา้งความชอบธรรมให้กับแม้ว
โดยแลกกับเงินไม่กี่บาท ทั้งๆที่คนเหล่านั้นก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเขาจ้างไปทำอะไร
หากเข้ากรณีข้างต้นแม้ชาวอีสานจะทำอะไรไปมากมายก็ต้องนับว่าทรยศแผ่นดิน
ไม่ถือว่ามีบุญคุณใดใดห้องออกมาป่าวร้องขอความเป็นธรรม

ถามว่ามีไหมที่การเรียกร้องจากคนอีสานจะมาจากความเดือดร้อนจริงๆ ตอบว่ามีแต่น้อยครับ
เพราะคนอีสานจะถูกสอนมาให้อดทน ทนได้ก็ทน ทนไม่ได้ก็ต้องทนห้ามมีปากเสียง
และจากการขาดการรวมกลุ่ม ขาดความรู้ และขาดผู้นำที่ใส่ใจปัญหาของชุมชน
การเรียกร้องจึงเป็นไปในรูปแบบไร้ทิศทางไร้พลัง เมื่อไม่มีหลังก็ต้องกลับไปทนอย่างเก่า
เข้าทำนอง "โง่ จน เจ็บ" แถมด้วย "ดื้อด้าน เจ็บไม่จำ"

ถ้าจะเลิกจน ให้เลิกพฤติกรรมที่ว่าให้ได้ หัดเรียนรู้ ทนให้มันถูกเรื่อง
เดี๋ยวก็รวยเองไม่ต้องมาเสียเวลาเรียกร้องกราบตีนหมักให้เสียเกียรติคนอีสาน
บันทึกการเข้า
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #12 เมื่อ: 04-03-2008, 23:58 »

ผมไม่วิพากษ์วิจารณ์'ชาวอิสาน' เป็นอย่างไร เพราะไม่รู้จริง ๆ....

แต่อยากจะบอกเป็นจุด ๆ เป็นประเด็น ๆ ว่า ชาวอิสานที่ลงคะแนนเสียงให้นักการเมืองอิสานด้วยกัน
หรือ'ลูกเขยอิสาน' นั้นทำให้การเมืองไทยไม่เปลี่ยนแปลง ไม่พัฒนาการไปทางที่ดีงาม....

นักธุรกิจการเมือง นักการเมืองเลว ๆ ซึ่งมีทุกพื้นที่ของประเทศไทย ได้ใช้ดินแดนอิสาน คนอิสาน
ที่สามารถเลือก สส. มากถึง 135 คน สส.สัดส่วนอีกจำนวนหนึ่ง และ สว.อีกจำนวนหนึ่ง....

และดินแดนภาคเหนือ ทำให้ได้คะแนนเสียงข้างมากจัดตั้งรัฐบาลได้.....

ชาวอิสานและชาวเหนือในชนบทตั้งรัฐบาล ชาวกรุงและหัวเมืองใหญ่ขับไล่รัฐบาล....

ผมคนหนึ่งที่ขอคัดค้าน  หนึ่งคนหนึ่งเสียง เสมอภาคกัน เป็นความถูกต้อง
คุณภาพของการคิด การแสดงออก และการรักษาสิทธิของตนเองของคนไทยแตกต่างกับชาวตะวันตก
ที่เจริญแล้ว เช่นชาวยุโรป ชาวอเมริกัน และชาวญี่ปุ่น เป็นต้น...


ถ้าไม่พูด'รากหญ้า' ก็ขอวิจารณ์ สส.อิสานที่เป็นคนชั้นนำ มีคุณภาพ มีคุณธรรม
และจริยธรรมต่ำกว่า สส.ภาคอื่น โดยเฉพาะกรุงเทพฯและภาคใต้.....

ปล. จะว่า สส.กทม.ไร้คุณภาพ ไร้คุณธรรม และไร้จริยธรรม มีไหม... Question

มีให้เห็นโดยเฉพาะ รัฐมนตรีรัฐบาลนอมินี ไม่ว่าจะเป็น' เหลิม ดาวเทียม' 'ทนายหน้าหอ' เป็นต้น




บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
aiwen^mei
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,732



« ตอบ #13 เมื่อ: 05-03-2008, 00:40 »

ทั่นหมักเป็นคนกรุงเทพฯ ส่วนทั่นเหลี่ยมเป็นคนเชียงใหม่ แต่ได้รับเสียงท่วมท้นจากภาคอีสาน  Mr. Green

อ่านที่ท่านเจ้าของกระทู้ว่ามาแล้ว ส่วนตัวไม่ทราบชัด แม้ได้ไปอีสานประจำ แต่ส่วนใหญ่อยู่ในตัวจังหวัดซึ่งมองแบบผ่าน ๆ ก็เจริญรุ่งเรืองดี  เลยสงสัยว่า ถ้าแก้ภัยแล้งซ้ำซากของอีสานได้ มันคงจะช่วยให้เขตชนบทของอีสานดีขึ้นหรือป่าว นโยบายลดแลกแจกแถมก็อาจจะได้ผลน้อยลง

แต่มีหลายข้อที่วิจารณ์นั้น ตรงกับคนรุ่นอากงอาม่าเมื่อหลายสิบปีก่อนใช้ตำหนิคนที่พวกท่านเรียกว่า "ฮวงนั้ง" อยู่เหมือนกัน ในขณะที่พวกท่านก็จะถูก "ฮวงนั้ง" เรียกว่า "เจ๊ก" บางข้อยังมีผลจนถึงทุกวันนี้

ทำนองเดียวกับที่คนผิวสีในอเมริกาถูกวิพากษ์วิจารณ์จากคนผิวขาวด้วยกระมัง  ส่วนคนผิวขาวก็ตกอยู่ในสภาพที่ถูกวิจารณ์ไม่ต่างกัน  Lips are sealed

หลายปีก่อน ได้อ่านหนังสือแปลเล่มหนึ่ง มีชื่อว่า "จีนอัปลักษณ์" เขียนโดยคนจีนแผ่นดินใหญ่แท้ ๆ  อ่านแล้วนึกว่าเป็นผู้คนในประเทศสารขัณฑ์เสียอีก แต่ความจริง มันก็เป็นคุณลักษณะด้านลบของมนุษย์ธรรมดาทั่ว ๆ ไป

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-03-2008, 00:45 โดย aiwen^mei » บันทึกการเข้า

有缘千里来相会,无缘对面不相逢。
(ก้อนหิน) ละเมอ
Moderator
ขาประจำขั้นที่ 3
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,041



เว็บไซต์
« ตอบ #14 เมื่อ: 05-03-2008, 01:49 »

ผมก็คนอีสาน แล้วก็เห็นถึงสภาพจริงหลายๆ อย่างเป็นอย่างที่ จขกท. บอกแทบทั้งสิ้น
- รสนิยมหาผัว(สามี)ฝรั่ง
- กินเหล้า ฉลองบ่อย
- เล่นการพนัน ไม่ค่อยอดออม
- ทำงานหนักจริง แต่ก็ใช้หนัก เงินก็ไม่เหลือ
- ชอบพึ่งพิง ว่างๆ ก็ก่อม็อบมาขอให้รัฐบาลช่วยเหลือ
- ไม่มีหัวคิดพัฒนา รู้ว่าปีนี้พืชอะไรราคาดี ก็จะแห่กันไปปลูก แล้วราคาก็ตก (ตามอุปสงค์-อุปทาน) แล้วก็ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลพยุงราคา
ฯลฯ
บันทึกการเข้า

Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #15 เมื่อ: 05-03-2008, 02:53 »

เพิ่งเข้ามาอ่านกระทู้นี้ แค่หัวกระทู้ก็คิดเอง เออเอง ว่าไปเรื่อย มันเลยไม่มีค่าพอที่จะร่วมเสวนา

ไม่มีใครเค้าจะรุมด่าคุณหรอกถ้าสมองคิดได้แค่นี้ก็ต้องปลงๆ กันไป

เท่าที่ผมอ่านกระทู้นี้คิดว่าเจ้าของกระทู้ยังต้องเรียนต้องอ่านอีกเยอะครับ

ท่าทางจะยังไม่จบมัธยม

เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาทางการเมือง อะไรคือปัญหาทางการเมืองและทำไมต้องหลีกเลี่ยง

คนอีสานทุกระดับ พวกไหนบ้าง ใครคิดว่าตนเองมีบุญคุณกับคนกรุง ช่วยหาที่อ้างอิงมาให้หน่อย

แบบนี้เรียกตั้งกระทู้พล่อยๆ ไร้สาระ ไม่มีที่มาที่ไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-03-2008, 03:04 โดย CanCan » บันทึกการเข้า

Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #16 เมื่อ: 05-03-2008, 03:14 »

อ้อ..คนอีสานพวกไหนส่ง SMS

คนอีสานพวกไหนวิพากษ์วิจารณ์ตามหนังสือพิมพ์

ถามจริงๆ ว่ารู้จักอีสาน คนอีสาน ความเชื่อ การใช้ชีวิตความเป็นอยู่ ทัศนคติ ความเชื่อ ระบบอุปถัมป์ ในอีสานดีพอหรือยังถึงกล้าวิพากษ์แบบนั้น


สงสัยไปทะเลาะกับเด็กมัธยมมาใช่มั๊ย สารภาพมาซะดีๆ อิ อิ
บันทึกการเข้า

isa
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 151



« ตอบ #17 เมื่อ: 05-03-2008, 09:11 »

นั่น...ลุงแคนเข้ามาตะแบงอีกตามเคย... คนอีสานก็ล้อมรอบตัวผมอยุ่นี่แหละ...รอบบ้าน รอบคอนโด ในรถแท็กซี่ ในที่ทำงาน ผมไม่ต้องไปหาไกลหรอก กรณีศึกษามันอยู่รอบตัวนี่แหละ แค่ลุงถอดแว่น "หลงลาว" ของลุงออก ก็จะมองเห็นภาพเดียวกัน

…ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านกันเยอะกว่าที่คิดไว้ครับ

ผมไม่มีความสามารถที่จะเอาหัวมุดตำรา พล่ามทฤษฎีออกมาเป็นเรื่องเป็นราวหรอก แต่ผมยึดสิ่งที่เห็นอยู่ใน REAL WORLD และเชื่อว่า "วิถีประชา" เป็นปัจจัยสำคัญในพัฒนาการของสังคมที่ไม่อาจมองข้าม และสถาบันครอบครัวที่เป็นหน่วยย่อยที่สุดในสังคม มีความสำคัญที่สุดในการพัฒนาของชาติ นั่นก็คือผมเชื่อในการพัฒนาแบบ Bottom Up มากกว่า Top Down อย่างที่หลายๆคนเป็นกัน ผู้นำประเทศหรือนักวิชาการทำได้แค่ชี้นำ อยู่ที่ประชาชนว่าจะฉลาดหรือโง่พอที่จะเชื่อ และมีความสามารถพอที่จะเดินตาม หรือจะหยุดเดินในกรณีที่ถูกชี้ไปลงเหวไหม

และที่สำคัญ เท่าที่มองเห็น พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม ไม่ว่าจะเป็นระดับครอบครัวไปจนถึงระดับชาติ จะต้องอาศัยคนอย่างน้อยสามรุ่นคนด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นจีนไต้หวัน ฮ่องกง สิงคโปร์ ญี่ปุ่น เกาหลี หรือเพื่อนใกล้ๆตัวเราอย่างเวียดนาม

เราจะเห็นคนจีนรุ่นปู่รุ่นบุกเบิกที่อดทน เสียสละ ทำงานหนักวางรากฐานให้กับคนรุ่นถัดไป ที่ชีวิตไม่เคยพบกับความสุขสบาย กินแค่ข้าวต้มกับก้อนกรวดต้มเกลือ คนญี่ปุ่นยุคหลังสงครามโลกที่อดทนทำงานหนัก คนสิงคโปร์ ฮ่องกง ไต้หวันรุ่นแรกๆที่เป็นแค่กุลีแรงงานราคาถูก คนเกาหลีและเวียดนามที่เจ็บปวดจากสงครามแบ่งแยกประเทศ และรุ่นถัดมาคือรุ่นที่ต้องตื่นแต่เช้า อดทนทำงานร่วมกับรุ่นพ่อรุ่นแม่ เรียนรู้งานเพื่อขยับขยายกิจการ แม้จะสบายขึ้นบ้างแต่ก็ยังเหน็ดเหนื่อย จนมาถึงรุ่นลูกที่มีกิจการฐานะมั่นคง

พวกเราชนชั้นกลางคนไทยเองก็ไม่ได้ด้อยกว่ากัน เราก็มีคนรุ่นปู่ย่าที่เป็นชาวไร่ชาวนา ข้าราชการชั้นผู้น้อย ที่เห็นความสำคัญของการศึกษา กระเบียดกระเสียนเอาเงินทองที่หาได้ยากในต่างจังหวัด ซึ่งจะด้อยค่าลงอีกเมื่ออยู่ในเมืองกรุง ให้รุ่นพ่อแม่ คือรุ่นคนอายุ 30-50 ปีเข้ามาเรียนในตัวเมือง ในเมืองกรุง และคนรุ่นเรานี่แหละที่อดทน อดออม ตั้งหน้าตั้งตาเล่าเรียน ตั้งใจทำงาน ไม่ให้ทรัพยากรที่คนรุ่นปู่ย่าส่งมาให้ต้องสูญเปล่า จนสร้างฐานะรากฐานที่มั่นคงให้กับคนรุ่นลูกหลานต่อไป คนรุ่นลูกจึงมีหน้าที่แค่เรียนหนังสือ จบไปทำงานสูงๆได้โดยไม่ต้องลำบาก เพราะความเสียสละของคนรุ่นแรก ความอดทนและอดออมของคนรุ่นที่สอง ดังที่ได้กล่าวแล้ว

คราวนี้มาถึงคนระดับรากหญ้า เอาเถอะ อาจจะมีคนบางกลุ่มที่เข้าไม่ถึงโอกาส ที่ลำบากจริงๆ ซึ่งผมไม่รวมพวกท่านเข้าในกลุ่มที่จะกล่าวถึง แต่จุดเริ่มต้นของคนรุ่นปู่ย่าของท่านรากหญ้าทั้งหลายก็ไม่ได้ต่างจากคนรุ่นผมหรอก ปู่ย่าตายายของผมก็เป็นชาวไร่ ชาวนา หรือชนชั้นกลางระดับล่างสุดเหมือนกัน แต่ที่ต่างกันก็คือขณะที่เศรษฐกิจไทยเริ่มเติบโต คนรุ่นปู่ย่าของท่านส่งคนรุ่นพ่อรุ่นแม่เข้ากรุงมาเพื่ออะไร มาเพื่อศึกษา มาเพื่อหางานทำหาโอกาสก้าวหน้า หรือมาแค่กอบโกยทรัพยากรอย่างเดียว

โอกาสทางเศรษฐกิจของไทยไม่ได้มีแค่ครั้งเดียว แค่เฉพาะยุคคนรุ่นเรา นับจากการเติบโตแบบวูบวาบแถวอุดร อุบล ช่วงสงครามเวียดนาม ช่วงแรงงานไทยทะลักไปตะวันออกกลาง ช่วงเศรษฐกิจไทยโชติช่วงชัชวาลสมัยพลเอกเปรม ช่วงเศรษฐกิจฟองสบู่สมัยชาติชาย ช่วงแรงงานไทยทะลักไปญี่ปุ่น ภาพที่ผมเห็นคือแรงงานรากหญ้าปริมาณมหาศาลที่โถมเข้าใส่แหล่งทรัพยากรราวกับฝูงตั๊กแตนปาทังก้า อีกภาพคือสาวรากหญ้าจำนวนมากมายที่หลั่งไหลเข้าสู่ธุรกิจค้ากาม ทุกแหล่งที่ทรัพยากรไปกระจุกตัวอยู่ 

แต่ทรัพยากรที่ได้มาแต่ละครั้งมันหายไปไหน ก็ถูกส่งกลับไปยังครอบครัว ส่งไปเลี้ยงคนรุ่นปู่ย่า  ด้วยข้ออ้างของความกตัญญู เลี้ยงดูญาติมิตรเพื่อนบ้านที่ไม่ได้ทำงาน โดยข้ออ้างของความมีน้ำใจ ตลอดจนลูกหลานที่บ้าน โดยไม่คิดจะนำไปต่อยอด ที่เหลือก็ถูกใช้หาความสำราญอย่างฟุ่มเฟือยโดยข้ออ้างของคนสุขนิยม  คลับ บาร์ ร้านลาบส้มตำ ร้านคาราโอเกะ การพนัน แถวภาคอีสาน หรือบ้านหลังใหญ่โตที่พ่อแม่ได้จากการค้านาผืนน้อยของสาวดอกคำใต้ ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็น ทรัพยากรและพลังงานของคนรุ่นที่สองที่ควรจะถูกใช้เพื่อพัฒนาอนาคตของชาติ ก็ถูกทั้งคนรุ่นแรก รุ่นที่สอง และการผสมโรงของรุ่นที่สาม ละลายหายไปในลักษณะนี้

...ในวันที่เนชั่นถูกล้อม ผมยืนอยู่ที่ป้ายรถเมล์นอกบริษัท มองคนหน้าตาท่าทางบอกชัดเจนว่าเป็นคนท้องไร่ท้องนา ยืนจับมือกันล้อมหน้าบริษัท สายตามองเด็กสาวหน้าใส ผิวพรรณดี ในชุดพนักงานออฟฟิศสะสวยในบริษัทด้วยท่าทางชื่นชมระคนริษยา และท่านคงเชื่อสนิทใจตามที่ถูกผู้นำซากเดนคอมมิวนิสต์ปลุกระดมมาว่านี่คือลูกหลานของนายทุนขุนศึก ชนชั้นศักดินา มูลนาย ที่กดขี่ข่มเหงท่าน ท่านถึงได้เคียดแค้นถึงขนาดไม่ยอมให้ผู้หญิงท้องและผู้หญิงป่วยออกจากบริษัทไปหาหมอ  แต่ท่านรู้ไหมว่า เด็กๆพวกนั้น จริงๆแล้วก็คือคนรุ่นลูกรุ่นหลาน ที่มีปู่ย่าตายายที่ผิวพรรณดำเกรียม มือเท้าหยาบกระด้าง ไม่ต่างจากพวกท่านในวันนี้ แต่ปู่ย่าของพวกเรายอมเสียสละเงินทอง เสียสละความสุขส่วนตัวที่ควรจะได้กินของดีๆ ได้อยู่บ้านหลังโตๆ เจียดเงินส่งคนรุ่นพวกเรา ที่นอนห่มจีวรพระ กินข้าวก้นบาตร นุ่งกางเกงตูดขาดไปโรงเรียน ขยัน อดทน และอดออม จึงได้มีพวกเขาคนรุ่นใหม่ที่แวดล้อมด้วยความสุขสบายในวันนี้

...หากท่านจะกล่าวโทษ ก็จงกล่าวโทษคนรุ่นปู่ย่าท่านเถิดที่เห็นแก่ความสบายเฉพาะหน้า โทษคนรุ่นท่านเถิดที่เห็นแก่ความสนุก และความสุขเฉพาะหน้า ไร้วิสัยทัศน์ที่จะอดออมไว้เผื่ออนาคต ทำให้คนรุ่นลูกหลานของท่านเผชิญหน้ากับอนาคตที่ไม่แน่นอนในวันนี้ และสืบทอดความเป็นรากหญ้าต่อไป

...และขอฝากว่า ถ้าว่างๆ (และอ่านหนังสือออก) ก็อย่าลืมหานิทานอีสปเรื่องตั๊กแตนกับมดง่ามมาอ่านซะบ้าง...จะได้หายฟุ้งซ่าน


บันทึกการเข้า
ScaRECroW
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,000


สุสูสัง ลภเต ปัญญัง - ผู้ฟังดี ย่อมเกิดปัญญา


เว็บไซต์
« ตอบ #18 เมื่อ: 05-03-2008, 09:34 »

สุสูสัง ลภเต ปัญญัง
บันทึกการเข้า

Politic is nothing but the continuation of [the sin of] 7 by other means.

ท่านคิดว่า นรม. ควรทำอย่างไรเมื่อพบว่ากฏหมายบางฉบับมีช่องโหว่?
ก.ใช้อำนาจ นรม.ที่ได้รับมาจากประชาชนแก้กฏหมายเพื่อปิดช่องโหว่เหล่านั้น เพราะเป็นประโยชน์ของแผ่นดิน
ข.ฉวยโอกาสใช้ช่องโหว่เหล่านั้นเพื่อประโยชน์ของตนเองและคนรอบข้าง แล้วก็อ้างว่าคนอื่นเขาก็ทำกัน
isa
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 151



« ตอบ #19 เมื่อ: 05-03-2008, 09:45 »

...อันนี้ถึงลุงแคนโดยเฉพาะ

ผมไม่อ่านคอมเมนท์ของลุงหรอก เพราะขี้เกียจเสียอารมณ์กับอาการ "หลงลาว" ของลุง เวลาที่ลุงมีอาการแบบนี้ ลุงจะเสียฟอร์มมาก เหมือนผู้เฒ่าวัยทองประจำเดือนไม่มาไม่มีผิด ลุงเป็นนักวิชาการนะครับ เวลามองภาพประเทศไทยก็ควรมองให้ทั่ว แสดงความเห็นให้มีมาด อย่าใช้วิธีแบบนังอะไรจ๊ะ ระดับลุงน่ะไม่ได้โลว์ขนาดนั้น อย่าโคลสอัพไปที่อีสานอย่างเดียว เราคือคนไทยทั้งประเทศที่จะต้องรับผิดชอบประเทศไทยร่วมกัน เรื่องหลงลาวนะ ยกให้หม่ำจ๊กมกคนเดียวก็เกินพอแล้ว แล้วที่มีปัญหากันอยู่ในตอนนี้ ก็มาจากคนบ้านลุงน่ะแหละ ถึงจะเสียหน้าหน่อย ยอมรับมันอย่างลูกผู้ชายไม่ดีเหรอ เราจะได้เดินหน้าไปด้วยกันได้ ไม่ใช่อ้างทฤษฎีนี่โน่นชวนกันให้หลงทางอยู่นั่นแล้ว ผมว่ากรณีแบบนี้ผมคุยกับลุงถึก สไลเดอร์ง่ายกว่านะ เพราะอย่างน้อยลุงถึกแกก็ยอมรับความจริง

แล้วก็อย่ายกทฤษฎีโน่นทฤษฎีนี่มาคุยกับผมเลย แค่อ่านของพวกนิธิ พวกมติชนนี่ผมก็เบื่อแทบจะอ้วกอยู่แล้ว ผมก็แค่เก็บข้อมูลใกล้ตัวนี่แหละ อย่างเรื่องเมียยกเครือญาติมาถล่มผัวเนี่ย แค่เคสเครือญาติลูกน้อง หรือคนเช่าบ้านเนี่ย รวมๆก็เกือบ 20 เคสเข้าไปแล้ว ที่หมาดๆนี่เลย ผัวไปทำงานโคราช เมียอยู่บ้านแอบคืนดีกับผัวเก่า ผัวใหม่เลยไม่ยอมส่งค่าเช่าบ้านให้ คนบ้านลุงเหมือนกันและ REAL WORLD ของจริง เล่นจริงเจ็บจริง ดีแต่ไม่มาฆ่ากันในบ้านเช่าผม

ผมเป็นคนขี้เกียจขับรถ เวลาไปไหนมาไหนผมก็นั่งแท็กซี่ซะเป็นส่วนใหญ่ แล้วก็ชอบคุยกันทุกครั้งที่ขึ้นรถ ก็ได้ข้อมูลมาเพียบ แท็กซี่หลายคนที่ผมถามว่าทำไมไม่กลับบ้านช่วงปีใหม่ สงกรานต์ เข้าพรรษา เค้าสารภาพว่าไม่อยากกลับเพราะเวลากลับทีต้องซื้อของฝากญาติคนโน้นคนนี้ หมดเงินเป็นหมื่น แล้วกลับไปก็นั่งๆนอนๆไม่ได้ทำอะไร มีแต่คนมาตะโกนชวนกินเหล้า พอเช้าก็ตั้งวงกันแล้ว แถมขนาดในหมู่บ้านชนบท เดี๋ยวนี้มีการสั่งแกงถุงส่งตามบ้านถุงละ 10 บาทกันแล้ว ผมฟังแล้วยังอึ้ง พนักงานบริษัทอย่างพวกเรา ที่กินข้าวราดแกง หิ้วแกงถุงกันเพราะต้องเอาเวลาไปทำงาน หรือเหนื่อยจากการทำงาน มันก็ให้อภัยได้ แต่คนต่างจังหวัดที่มีเวลาเหลือเฟือ กินแกงถุง ฟังแล้วมันเกินไปมั้ยล่ะ

ลูกน้องในกองผมคนหนึ่ง มีเมียเป็นคนอุตรดิษฐ์ มันบอกว่าพ่อตาแม่ยายมันใช้เงินแค่เดือนละ 500 บาท เพราะปลาก็มีในบ่อ ผักก็มีชายรั้ว เดือนๆไม่รู้จะซื้ออะไร แต่ถ้าอยู่ชนบท แต่ยังซื้อแกงถุงๆละ 10 บาท มื้อนึงก็ 30-40 บาท วันละร่วมร้อยบาท เดือนนึงก็สามพัน ถามหน่อยว่าชาวไร่ชาวนามีรายได้ให้ใช้ขนาดนั้นเชียวเหรอครับ แถมค่าเหล้าที่ตั้งวงกันทุกวัน แต่ละเดือนปาเข้าไปเท่าไหร่ ห้าพันหกพัน คนอีสานรวยขนาดนั้นเชียวหรือ

ตอนนี้ผมบริจาคทุนการศึกษาให้เด็กแถวภาคกลางตอนเหนือ 2 คน เดือนละ 450 บาท ผมแทบยังไม่อยากเชื่อว่าเงินแค่ไม่ถึงพันของผมจะสำคัญกับอนาคตเด็กสองคนถึงขนาดนั้น  แล้วเงินห้าหกพันที่ผลาญไปกับความสะดวกสบายที่ทำเองก็ทำได้ มันจะดีกว่าไหมถ้าเอาไปใช้กับอนาคตของลูกหลาน

ขณะที่มองภาพหนึ่ง เราก็ไม่ควรลืมมองภาพย้อนกลับด้วย อย่างคุณไปอีสาน มีคนเอาแกงวัวแกงควายมาให้กินทุกวัน ขณะที่ปลาบปลื้มกับน้ำจิตน้ำใจของเขา ลุงก็ควรจะมองย้อนกลับไปด้วยว่ามันเอาวัวเอาควายที่ไหนมาแกงนักหนา แล้วมันจะเอาวัวควายที่ไหนไถนา...ต้องมองให้ครบ 360 องศา ถึงจะสมเป็นนักวิชาการ

ผมเป็นแค่พนักงานบริษัท ขี้เกียจทะเลาะกับนักวิชาการอย่างลุง แต่ผมว่าพักนี้พวกนักวิชาการจะเอาหัวซุกตำราพล่ามไม่ยอมดูสิ่งรอบข้างกันเป็นแถวๆ จนบ้านเมืองจะชิบหายอยู่เนี่ย

...ตอนที่ลุงพาลทะเลาะกับคนใต้ในบอร์ดนี้ครั้งที่แล้ว ผมไปเที่ยวเชียงคานซะเลยไม่ได้แจมด้วย ดูลุงดี๊ด๊ามากเลยนะครับ เสียด๊าย ผมไม่อยู่
ไม่งั้นงานนี้มีแหล่ม...

...แต่ผมไม่ทะเลาะกะลุงละ เสียงาน... ถึงจะเกลียดรากหญ้า แต่ไงๆผมก็รักลาวแบบลุงนะ...จุ๊บๆ....



 
บันทึกการเข้า
eAT
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,066



« ตอบ #20 เมื่อ: 05-03-2008, 09:51 »

เท่าที่สัมผัสมา เชื่อว่าที่เขียนมาเป็นเรื่องจริงทั้งหมด แต่ว่าไม่รู้ว่า
จำนวนมากน้อยแค่ไหน แต่ขอเพิ่มเติมว่า เรื่องที่ล้มทับญาติที่มี
รายได้ดี ได้ยินแทบทุกภาค ยกเว้น ภาคใต้เท่านั้นที่ยังไม่เคยได้ยิน
ลองหาประวัติพวกนักร้อง ตลก ดูสิ เมื่อมีเงินเมื่อไหร่ เป็นต้องถูกญาติ
ล้มทับ เข้ามาเกาะวันๆ ไม่ทำอะไร

ส่วนเรื่องม๊อบเนชั่น อันนี้เห็นชัดอยู่แล้ว เพราะนักข่าวไปถามออกทีวี
เลยนะครับ ประท้วงเนชั่น บ.ทำถ่านไฟฉาย ม๊อบอีสานมันเลยไม่มีค่า
ในสายหลายๆ คน เพราะมันแยกไม่ออกว่า ม๊อบของจริง หรือม๊อบรับจ้าง

คนอีสานเหมือนคนโง่ ไม่ใช่เพราะคนอื่นไปสวมเขาให้หรอก แต่เป็นพวก
เดียวกัน สวมเขากันเองมากกว่า
บันทึกการเข้า
isa
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 151



« ตอบ #21 เมื่อ: 05-03-2008, 10:14 »

...แล้วก็อันนี้ขอแย็ปสกัดหนึ่งหมัด เพื่อปลดการ์ดและสกัดไม่ให้ลุงแคนไม่ทันปล่อยหมัดชุดต่อไป...

ทฤษฎีภาคสังคมอะไรทั้งหลายแหล่ มันก็แค่ความคิดของนักวิชาการที่แต่ละคนคิดขึ้นมาเอามาเถียงกันโก้ๆ ขืนมัวแต่งัดทฤษฎีมาคุยกัน ลงท้ายก็แค่เป็นการผลัดกันสำเร็จความใคร่ทางวิชาการ ต่างคนต่างก็มานั่งชื่นชมยกยอปอปั้นกันเอง เห็นแล้วชวนให้คลื่นเหียนเปล่าๆ

พนักงานบริษัทอย่างผมขอเสนอแค่สองคำก็คือ "จุดสัมผัส" และ "ผลสัมฤทธิ์"

ทฤษฎีจุดสัมผัสก็คือไม่ว่าหน่วยสังคม หน่วยงาน หรือหน่วยธุรกิจของคุณ ต่อให้มันดีเด่ วิลิศมาหราขนาดไหน แต่เมื่อมันไปปะทะกับสังคมอื่นแล้วเกิดเสียดทาน เกิดปัญหาขึ้นมา ก็ต้องมาทบทวน พิจารณาว่าจะปรับโครงสร้างทั้งหมด หรือหากคิดว่าดีแล้ว ก็ปรับเฉพาะตรงส่วนจุดสัมผัสกับต่างสังคม ไม่ให้มันเกิดความขัดแย้ง

สมมุติว่ากองของผม ใช้สไตล์งานแบบสตีฟ จ๊อบ ใส่เสื้อยืดมาทำงาน ไม่ต้องตอกบัตรเข้า ทำงานสบายๆ ประชุมแบบเดินไปคุย ซึ่งผมชอบของผมแบบนี้ แต่ถ้าผมไปประชุมกับแผนกอื่นที่เค้าเฮี้ยบ ผมก็ต้องยอมใส่สูท กลับมาอยู่ที่กองผมก็ถอดสูทใส่เสื้อยืดตามเดิม

หรืออย่างครอบครัวคนอีสานที่ลุงมองว่าดีเลิศประเสริฐนัก มีการเอื้ออารี พึ่งพากันแปดทิศ ลุงชอบแบบนี้ แต่ขณะที่สาวอีสานไปมีแฟนหนุ่มภาคอื่นที่วัฒนธรรมต่างกัน ลองดูหน่อยว่าเล่นขนไปพึ่งกันทั้งครัวแบบนั้น คนสังคมแบบอื่นเค้าจะร้องจ๊ากหรือเปล่า... ในส่วนตัวผมเอง สาวอีสานต่อให้หยาดฟ้ามาดินขนาดไหน ผมก็พูดตรงๆว่าต้องขอบาย ไม่ใช่รังเกียจ แต่กลัวระบบครอบครัวของอีสาน ผมไม่อยากลดฐานะและศํกดิ์ศรีปัจเจกชนของผมลงไปเป็นแค่ตัวปั๊มเงินให้กับระบบพึ่งพา อันนี้ก็ต้องปรับ พึ่งพาแต่พองาม เฉพาะเวลาจำเป็น จะได้ไม่หมางน้ำใจกัน

ทฤษฎีผลสัมฤทธิ์ก็คือ ต่อให้ตัวคุณ หน่วยงานของคุณ หน่วยสังคมของคุณ ดีเลิศประเสริฐศรีแค่ไหน แต่หากมันพาองค์กรโดยรวมไปถึงเป้าหมายไม่ได้ มันก็ไร้ประโยชน์

สมมุติว่าเป็นลุงเป็นพ่อที่ดี ตอนเช้าลุงไปส่งลูกไปโรงเรียนทุกวัน ตอนเย็นลุงไปรับลูกรับเมีย แถมทำกับข้าวเช้าเย็น ซักผ้าให้ด้วย แต่ลุงตอกบัตรสาย แถมแว้บกลับบ้านก่อนทุกวัน บริษัทเค้าจะเลี้ยงลุงไว้มั้ย ถามจริง? อ้อ ลืมไป ลุงเป็นคอลัมน์นิสต์นี่นะ นั่งทำงานอยู่บ้านก็ได้ ถึงไม่เข้าใจระบบสังคมเมือง สังคมคนทำงาน

ก็เหมือนกัน ต่อให้สังคมอีสานที่ลุงชื่นชอบดีขนาดไหน แต่เมื่อมันเข้ามารวมกับสังคมภาคอื่นที่มีลักษณะแตกต่าง ถ้ามันกลายเป็นตัวถ่วง ตัวผลาญทรัพยากร ตัวยับยั้งความก้าวหน้า แถมจะลากประเทศไปลงเหว ลุงจะยอมรับความจริงและปรับเปลี่ยนมั้ยล่ะ

...แล้วว่างๆ ลุงดูทีวีซะมั่งนะ ไอ้ SMS ที่ว่ามันคือข้อความโง่ๆที่วิ่งอยู่ข้างล่างที่เห็นแล้วจี๊ดทุกทีน่ะ แล้วก็ข้อความตอบจดหมายจากบก.ในหน้าแรกของนิตยสารรายสัปดาห์ด้วย อ่านแล้วจี๊ดดีเหมือนกัน...

...เอาแค่นี้แหละ พอหอมปากหอมคอนะครับลุง!
 

สำหรับท่านอื่นๆ สังคมรากหญ้ามีในทุกภาคละครับ แม้แต่ภาคใต้ก็มี แต่มันไปกระจุกตัวที่ภาคเหนือตอนบนกับภาคอีสานใต้เยอะเป็นพิเศษเท่านั้นเอง
บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #22 เมื่อ: 05-03-2008, 10:42 »

ตาบอดคลำช้าง เจอหางก็บอกว่าช้างเป็นเส้นๆ

มายาคติ เห็นรูปดโป๊ก็เกิดอารมณ์

ถ้าใช้ระนาบความรู้สึกไปวัดคนอื่น ก็รังแต่จะแตกแยกเพราะความปากเปราะ

ถ้าไปพูดลักษณะนี้ที่ชายแดนใต้ สงสัยได้กินกระสุนปืนแทนข้าว ว่ามั๊ย
บันทึกการเข้า

eAT
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,066



« ตอบ #23 เมื่อ: 05-03-2008, 10:58 »

ลุงแคน ยืนยันใช่ไหม สิ่งที่พบเห็นมา เป็นเพียงแค่มายาคติ
ไม่มีคนอีสานคนใดที่เป็นอย่างที่พบเห็น!!!!

ม๊อบอีสานที่มาลุยเนชั่น มาเพราะใจ เพราะต้องการประท้วง
เนชั่น ไม่ใช่ประท้วงโรงงานถ่านไฟฉาย!!!!


ใครที่หลงในมายาคติ ซักงงซะแล้ว
บันทึกการเข้า
isa
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 151



« ตอบ #24 เมื่อ: 05-03-2008, 11:19 »

...เถียงข้างๆคูๆอีกตามเคย

ไม่ต้องไปพูดแถวชายแดนใต้หรอก แถวนั้นพี่ๆผมไปซะเบื่อแล้ว

ปัญหาในตอนนี้อยู่ที่ว่าคนบ้านลุงตีความหมายของคำว่า "ความเจริญ" ว่ายังไง

แล้วอย่าลืมว่า "ความเจริญ" ที่พูดถึง ไม่ได้มาจากต้นทุนของคนบ้านลุงอย่างเดียว
แต่มาจากคนทั้งชาติ เพราะคนบ้านลุงอย่างเดียวไม่มีปัญญาทำเองหรอก ภาษีแค่จึ๋งเดียว ตังค์ก็เอาไปเลี้ยงแม่ยายหมด

ความเจริญในสายตาของคนบ้านลุง เท่าที่เห็น และถูกหยิบยกมาเป็นประเด็นการเมืองโดยฝ่ายรัฐบาลหรือนักวิชาการบ้านลุง
มันไม่ใช่ "ความจำเป็น" แต่เป็น "ความสะดวกสบาย" ที่อยากมีเท่าคนเมือง อยากมีทีวี อยากมีตู้เย็น อยากมีมือถือ
อยากมีรถยนตร์ นานๆไปก็คงอยากมีไอพ็อด อยากมีทีวีแอลซีดี มั้ง เพราะความโลภของคนมันไม่สิ้นสุดหรอก
และมันก็คงไม่ผิดถ้าซื้อหาด้วยต้นทุนของตัวเอง

และความเจริญในสายตาของนักวิชาการบ้านลุง ที่เห็นก็ไม่ได้เป็นอะไรที่ต่างไปจากการนำเอาแหล่งงาน
เอาแหล่งรายได้ อย่าง รถไฟสี่ราง โรงงาน ลงไปสู่ภาคอีสาน ซึ่งแน่นอน ก็อยู่บนต้นทุนของคนทั้งประเทศเช่นกัน

แต่อยากถามหน่อยว่าลุงเคยได้ยินคำเรียกร้องในลักษณะเดียวกันนี้จากคนภาคอื่นไหมครับ
มีแต่คนที่ปฏิเสธ ไม่อยากได้โรงงาน ไม่อยากได้โรงไฟฟ้า ถ้าขอก็แค่ถนนดีๆ โรงพยาบาลดีๆก็พอ
ไม่ว่าจะเป็นคนภาคกลาง ภาคใต้ หรือคนภาคเหนือที่มีความคิด ก็ตะขิดตะขวงใจที่จะเอาเมืองไป
สวมให้กับชนบทของพวกเขา เพราะตัวเมืองเอง ก็เป็นสังคมที่อุดมไปด้วยคนแปลกหน้า เต็มไปด้วยสารพัด
ปัญหาสังคม ปัญหาอาชญากรรม ปัญหาสิ่งแวดล้อม ที่สุดท้ายคนท้องถิ่นก็จะต้องย้ายหนี
เปิดทางให้กับคนต่างถิ่น สภาพเช่นเดียวที่เกิดกับกรุงเทพฯ หรือเชียงใหม่ในขณะนี้

ซึ่งความคิดที่ผ่านมา มันก็พิสูจน์ตัวเองถึงแนวคิดของคนอีสาน ไม่ว่าจะเป็นรากหญ้า หรือนักวิชาการ
ความเจริญ ก็คือแหล่งทรัพยากร แหล่งจับปลา แหล่งกอบโกย ซึ่งผมเองไม่เห็นว่ามันจะต่างอะไรกับ
แคมป์ทหารอเมริกายุคสงครามเวียดนาม ไซต์งานที่ซาอุ โรงงานในกรุงเทพฯ ต่างกันก็เพียงแค่
มันอยู่ใกล้บ้านกว่าแทนที่จะอยู่ต่างถิ่นแค่นั้นเอง และถ้าตลาดของอุตสาหกรรมนั้นปิดตัวลง ต่อให้โรงงานนั้นตั้งอยู่หน้าบ้านลุง
มันก็ไร้ประโยชน์ และสิ่งที่มันทิ้งไว้ให้คือมลพิษ ปัญหาสังคม และเมืองร้าง
คนภาคอื่นที่เขารู้ปัญหา เขาถึงกันให้มันอยู่ไกลๆ อยู่ในโซนของมันก็พอไงครับ

และตราบใดที่คนรากหญ้า ยังสนุกอยู่กับเศรษฐกิจแบบได้มา-จ่ายไป ไม่มีการออม เมื่อวันที่งานเลี้ยงเลิกรา
บ่อน้ำเหือดแห้ง ต่อให้โรงงานเป็นพันๆโรง รถไฟสี่รางกี่สายในอีสานก็ช่วยไม่ได้ คนที่จะอยู่รอดก็เพียงคนที่เก็บผักริมรั้ว
จับปลาในบ่อ ใช้เงินเดือนละ 500 บาทเป็นเท่านั้นแหละ (ผมโดนคนขับแท็กซี่บ้านลุงหัวเราะเยาะเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงใส่หน้าหลายหนแล้ว)

...แล้วก็ถ้าจะเถียงแบบงอนๆแบบนี้อีก

เราก็ต่างคนต่างหลับตาคลำช้าง มองความจริงคนละด้านเหมือนกันละลุง
ถ้าต่างฝ่ายต่างไม่ยอมรับความจริงอีกฟาก เราก็ไม่มีวันได้เห็นช้างทั้งตัว
ผมอาจจะคลำหาง แต่ผมเห็นนะว่าลุงกำลังคลำไข่ช้างเพลินอยู่ เพราะช้างหางชี้สั่นดิ๊กๆเลย

แล้วก็ความจริงเป็นสิ่งระคายหูเสมอ... แต่พูดแบบผมแถวชายแดนใต้น่ะไม่ได้กินกระสุนปืนแทนข้าวหรอก
แต่ไปกินเหล้าเมายาแล้วร้องเพลงหนวกหูชาวบ้านต่างหากล่ะ...ตายไปแปดศพแล้ว
คนบ้านลุงน่ะ ชอบนักละ เรื่องเมาแล้วร้องเพลงหนวกหูแบบเนี้ย...เตือนๆกันเองดีกว่ามั้ง...ฮิๆ

 
บันทึกการเข้า
Puggi
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 182


« ตอบ #25 เมื่อ: 05-03-2008, 11:22 »

ที่พบเจอก็แบบที่คุณ isa บอกมาทั้งนั้น   ไม่รู้ว่าเค้าเป็นพวกส่วนมากหรือส่วนน้อย ของคนอีสานเหมือนกัน

รู้แต่ว่า ความคิด และวัฒนธรรม แบบนี้ ที่พบเจอมา มันจะทำให้ ประเทศ ไม่รอด และแย่ในระยะยาว 

อย่าว่าแต่อีสานเลย  แถว สวน ของผมภาคกลาง ก็ชักจะคล้ายๆ กันละ เมื่อก่อนไม่เป็นเดี๋ยวนี้ รู้สึกชักเริ่มคอยเศษเงินมากขึ้นเรื่อยๆ

บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #26 เมื่อ: 05-03-2008, 11:33 »

ฮั่นแน่...ถามหาคำจำกัดความเชียว

คิดเองเออเอง ว่าคนนั้นคิดยังงั้น คนนี้คิดยังงี้ เป็นพยาธิในท้องเค้าเหรอ


ตกลงรู้หรือยังช้างตัวเหมือนอะไร
บันทึกการเข้า

qazwsx
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,359


นักธุรกิจและตำรวจ ต้องออกไปจากการเมือง


« ตอบ #27 เมื่อ: 05-03-2008, 12:53 »

ฮั่นแน่...ถามหาคำจำกัดความเชียว

คิดเองเออเอง ว่าคนนั้นคิดยังงั้น คนนี้คิดยังงี้ เป็นพยาธิในท้องเค้าเหรอ


ตกลงรู้หรือยังช้างตัวเหมือนอะไร

ช้างก็ตัวเหมือนคนอีสานไงล่ะ



...เดินดุ่ย ๆ ตามคำบัญชาของคนเลี้ยงเข้ามาในเมืองใหญ่
...เป็นช้างขอทาน  ที่ทำงานให้คนเลี้ยงซึ่งแท้แล้วเป็นเพียง "คนกินแรงช้าง"
...บ้างก็ขี้โรคผอมโกรก - ขี้หูขี้ตาแฉะ  แถมยังต้องเสี่ยงชีวิตถูกรถชนแข้งขาหัก
...ทั้ง ๆ ที่ตัวเองหิวจะตายห่-  แต่กลับต้อง "หาเงินให้ไอ้คนเลี้ยง" ที่นั่งขี่สบาย ๆ อยู่บนคอ
...เข้ามาตัวสองตัวยังพอทำเนา  นี่เหมากันเข้ามาทั้งจังหวัด  มากเข้าก็ทำเอาการจราจรติดขัด  ผู้คนด่ากันพรึม

แต่ไอ้พวกคนเมืองก็ต้อง "รู้สำเหนียกและรู้สำนึก" ในบุญคุณ "ช้าง" ใช่ไหม ?
...ท่านอุตส่าห์สร้างบ้านสร้างเมืองให้ไดมีที่้ซุกหัวอยู่มาจนถึงทุกวันนี้
...ท่านจะขี้เยี่ยว หรือตกมัน ไล่กระทืบไล่เหยียบบ้าง  ก็อย่าไปโกรธขี้งโกรธเคือง
...ช้างเป็นสัตว์วิเศษ และมีบุญคุณเหนือ "คนไทยทั้งหมดทั้งมวล" นั่นล่ะ
...แม้ว่าตัวไหนจะไม่เคยออกรบกับพม่ารามัญ  ไม่เคยชักลากซุงออกจากป่า  ก็ต้องเป็นลูกหลานเหลน "วีรคชา - บรรพช้าง" ทั้งนั้น
...ไอ้พวกคนเมืองไม่อยาก่ไหว้ก็ไม่่ว่ากัน  แต่พวกมึงไม่มีสิทธิมาสั่งสอนตักเตือนกูนะโว้ยยย

บัดนั้นแล้ว...
ช้างก็ยังคงต้องเดินโต๋เต๋  ร้อนตัว - ร้อนตีน เป็น "ขอทานเลี้ยงนาย" อยู่ในเมืองใหญ่ อีกต่อไป


เอ้า...เชิด ( มาไงหว่า )
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-03-2008, 12:57 โดย qazwsx » บันทึกการเข้า

Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #28 เมื่อ: 05-03-2008, 13:05 »

มีตาก็พร่ามัว ไม่เคยมองอะไรด้วยตาสองข้าง

ม้อบพันธมิตรที่เข้มแข็ง ไม่ใช่อีสานเหรอ ไหงไปมองแค่ม้อบจตุจักร

ม้อบขี้หมาที่สนามหลวงไม่ใช่พวกกรุงเทพเหรอ

พวกลิ่วล้อเล่นเน็ตในราชดำเนินเป็นไงบ้าง

พวกตาบอดคลำช้างก็แบบนี้แหละ

รู้หนึ่ง ไม่รู้สอง ขึ้นชื่อว่ามนุษย์ ก็อวดวิเศษ กูพูดต้องถูกต้อง

กำปั้นทุบลงดินมันก็ดังตุ๊บทุกทีนั่นแหละ

คนที่บอกว่าเป็นชาวกรุง อยู่กรุงเทพนานกว่าผมมั๊ยน้อ...

ทำไมแอบอ้างเอาเป็นความเห็นคนกรุงเทพ

มันก็แค่คนกรุงเทพคนหนึ่งที่รู้เท่าหางอึ่ง
บันทึกการเข้า

Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #29 เมื่อ: 05-03-2008, 13:17 »

พวกหลงโง่ ด่าภาคโน้นภาคนี้ แม้ในกรุงก็ใช่ว่าจะเห็นเหมือนกัน

การเมืองมันเป็นเรื่องความชอบส่วนตน กทม.ที่โง่ๆ ยังอีกเยอะ

อีสานที่เห็นต่างจากพรรคทักษิณก็อีกเยอะแยะ

หัดมองอะไรด้วยตาสองข้างบ้าง บางทีขูดอคติออกให้หมด คิดว่าเค้าคือคนไทยเหมือนกัน

เพียงแต่มีโอกาสน้อยกว่าใครหลายคน และอย่าด่วนสรุปว่าความคิดตัวเองถูกต้อง

ยิ่งเรื่องภาคโน้นภาคนี้เลิกซะที ขี้เหม็นพอๆ กันนั่นแหละน่า
บันทึกการเข้า

ScaRECroW
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,000


สุสูสัง ลภเต ปัญญัง - ผู้ฟังดี ย่อมเกิดปัญญา


เว็บไซต์
« ตอบ #30 เมื่อ: 05-03-2008, 13:21 »

ควันโขมงเลย
บันทึกการเข้า

Politic is nothing but the continuation of [the sin of] 7 by other means.

ท่านคิดว่า นรม. ควรทำอย่างไรเมื่อพบว่ากฏหมายบางฉบับมีช่องโหว่?
ก.ใช้อำนาจ นรม.ที่ได้รับมาจากประชาชนแก้กฏหมายเพื่อปิดช่องโหว่เหล่านั้น เพราะเป็นประโยชน์ของแผ่นดิน
ข.ฉวยโอกาสใช้ช่องโหว่เหล่านั้นเพื่อประโยชน์ของตนเองและคนรอบข้าง แล้วก็อ้างว่าคนอื่นเขาก็ทำกัน
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #31 เมื่อ: 05-03-2008, 13:38 »

ยังไม่รู้อีกไอ้ตัวชั่วไอ้ตัวโง่ มันอยู่ในกรุงเทพนี่แหละ

ถ้ามันเก่งมันจะเลือกพวกทักษิณเข้ามาทำไมเยอะแยถึงสองสมัย

แม้สมัยนี้ก็ยังมีโง่ๆ อีกเยอะเลย ในกรุงเทพนี่แหละจ้า โง่ด้วยรับทรัพย์ทำงานให้เค้าด้วย
บันทึกการเข้า

isa
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 151



« ตอบ #32 เมื่อ: 05-03-2008, 13:48 »

...ผมก็ไม่ได้ว่าผมพูดถูกทั้งหมดนี่ค้าบ ลุงแคน แต่มันก็คือความจริงอันหนึ่งใช่มั้ยล่ะ


ที่สำคัญที่สุด ผมไม่อยากให้ทุกคนคิดว่าผมตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาเพื่อดูถูกคนอีสาน

ผมไม่เคยสงสัยคะแนนเสียงอีกหลายหมื่นในแต่ละจังหวัดอีสาน ที่ไม่ได้เลือกพ.ป.ช.
ผมไม่เคยสงสัยพลังของคนอีสานที่กล้ายืนตรงกันข้ามกับความไม่ถูกต้อง
ผมไม่เคยสงสัยจิตสำนึกคนชั้นกลางที่อยู่ในคนอีสานเหล่านั้น
...เพียงแต่เสียงของคุณน้อยกว่าเท่านั้นเอง

และผมไม่คิดที่จะผลักดันคนอีสานที่จะต้องกอดคอต่อสู้ไปด้วยกันในตอนนี้หรือในอนาคต
ให้ไปยืนอยู่ในฝั่งตรงกันข้ามอย่างแน่นอน


แต่ที่ผมชี้ให้เห็น ก็เป็นการสะกิดให้รู้ว่า ศัตรูที่คุณจะต้องต่อสู้จริงๆนั้นคืออะไร
และสะกิดให้นักวิชาการซ้ายทั้งหลาย ที่บัดนี้ก็คงจะเถียงกันไม่เลิกหลังจากเถียงกันจนป่าแตกแล้ว
ว่าสังคมไทยมันเป็นศักดินาแบบไหนกันแน่
มาเห็นว่า รูปแบบของสังคมไทย มันไม่ใช่   ...ชนชั้นกรรมาชน -> ชนชั้นกลาง +  ชนชั้นศักดินา
อย่างที่เขียนกันในประชาไทย ในราชดำเนิน ในมติชน หรือแม้แต่โผล่ในทีวีเป็นบางครั้ง


แต่มันเป็น

-ไพร่ในสังคมเดิม -> ชนชั้นกลาง -> ชนชั้นเจ้าของทุน (นิยมแบบยั่งยืน) -> ชนชั้นเจ้าของ ทุน (นิยมคาสิโนสามานย์) ต่างหากล่ะ

เราเป็นประเทศที่มือตะกายดาวด้วยความโลภ ขณะที่เท้ายังติดอยู่ในโคลน และตอนนี้ไอ้หัวแถวที่นิยมทุนนิยมคาสิโนแบบรวยเร็วเจ๊งเร็ว
ก็ไปสมคบกับไอ้ท้ายแถวที่รสนิยมตรงกันที่ความอยากรวยเร็ว
จะลากประเทศไทยไปสู่หายนะ ก็เลยกลายเป็น พลังไพร่รากหญ้า & ทุนนิยมผีบุญ ก็เท่านั้น

และลักษณะของไพร่รากหญ้าที่ผมยกมา ก็มีอยู่ทุกหัวระแหง แต่ที่ไหนมีมาก ก็ถ่วงความเจริญได้มาก แต่หวยไปออกแถวบ้านลุงเยอะหน่อย
เคสสตั๊ดดี้ก็เลยกลายเป็นคนแถวบ้านลุงซะเยอะ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าคนอีกเกือบครึ่งของภาคอีสาน จะไม่ใช่พลังแท้จริงของประเทศหรอกนะ
แล้วผมก็ไม่ได้หมายถึงพวกพลังแถวหน้าที่ออกมาเย้วๆด้วย แต่พวกพลังเงียบที่แฝงอยู่ ก็มีทั้งพลังชนชั้นกลาง ทั้งพลังไพร่ปะปนอยู่
ฝ่ายไหนมีมากกว่า ก็ฉุดลากประเทศไปในทางที่ตัวเองต้องการ

สิ่งที่เพื่อนๆเสี่ยวอีสานควรทำ ไม่ใช่แค่ต้านทักษิณอย่างเดียว แต่ต้องพยายามแปรสภาพพลังไพร่ใกล้ตัว ให้กลายมาเป็นชนชั้นกลางด้วย
ซึ่งดูจากปริมาณคะแนนเสียงเลือกตั้งที่ไม่ได้ห่างกันเท่าไหร่แล้ว ผมเชื่อว่าเพื่อนๆทำได้ในไม่ช้า

ชนชั้นกลางไม่ได้มีอยู่แต่ในกรุงหรือภาคธุรกิจครับ มันอยู่ที่จิตสำนึก แค่คุณยืนหยัดพึ่งตัวเองได้ มีจิตสำนึกรับผิดชอบสังคมโดยรวม
มีวิสัยทัศน์ไกลเกินหัวแม่เท้า ก็เป็นชนชั้นกลางได้แล้ว

และสะกิดเตือนไม่ให้หลงลมนักวิชาการให้หลงไปตามเกมของฝ่ายเหลี่ยม ที่หากเอาชนะไม่ได้ก็พยายามดิสเครดิตฝ่ายตรงกันข้าม
ทุกรูปแบบ

ลุงแคนครับ แค่คำว่า "ยิ่งเรียนยิ่งโง่" ที่ลุงเอ่ยในกระทู้โน้น ผมก็ข้องใจลุงซะแล้ว
นี่มันเป็นคำพูดของฝ่ายเหลี่ยมที่ใช้ดิสเครดิตคนมีการศึกษานะครับ
คำพูดนี้จะใช้ได้กับคนไม่กี่กลุ่มอย่าง...

1.นักวิชาการมหาวิทยาลัย ที่เอาแต่พล่ามไปตามทฤษฎี ตามตำรา ไม่ยอมเงยหน้ามาเรียนรู้โลกภายนอก
ยิ่งเรียนสูงเท่าไหร่ยิ่งรู้แคบเท่านั้น
2. พวกที่อกหักจากการศึกษามาตรฐาน เอามาใช้บลั๊ฟคนที่การศึกษาสูงกว่า อย่างช่างกวนปูนที่หัวเราะเยาะวิศวกรที่กวนปูนไม่เป็น
พวกปัญญาอ่อนแบบนี้ผมเห็นมาเยอะจนเบื่อแล้วครับ อยากเบิ๊ดกะโหลกมากกว่า วิศวกรเค้าให้มาควบคุมการสร้างอาคารทั้งหลังโว้ย
ไม่ใช่มากวนปูนแข่งกะเอ็ง

ถ้าการศึกษาไม่จำเป็น ในภาคธุรกิจคงไม่ต้องมีการอบรม การสัมนากันให้วุ่นวายหรอกครับ ยิ่งเป็นผู้บริหาร แม้แต่ระดับกระจอกๆอย่างผม
ยังต้องอัพเดทตัวเองเป็นประจำ ไม่งั้นตามสังคมไม่ทัน

ถ้าจะหัวเราะเยาะคนเมืองเพราะปลูกข้าวไม่เป็น มันปัญญาอ่อนครับ ของแค่นี้ ฝึกไม่ถึง 2 สัปดาห์ก็เป็น
ว่าแต่ช่วยไล่พวกทุนรากหญ้าไปเรียน MBA หน่อยเถอะครับ ผมละรกหูรกตาเหลือเกินกับม็อตโต้
"รวยแล้วเลิก" เนี่ยแหละ เค้ามีแต่ "โตแล้วแตก แตกแล้วโต" ไอ้นี่พอรวยหน่อยก็ปิดร้านหนีเอาดื้อๆ
พอตังค์หมดก็มาเปิดใหม่ ต้องมาแข่งกับเจ้าใหม่ๆอีก มาสร้างฐานลูกค้าใหม่อีก

...หยั่งงี้แหละ ถึงได้รวยไม่ทน แต่จนถาวรไง!!

 






บันทึกการเข้า
qazwsx
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,359


นักธุรกิจและตำรวจ ต้องออกไปจากการเมือง


« ตอบ #33 เมื่อ: 05-03-2008, 13:53 »

โธ่ โถ ๆๆๆ

ใครเขาไปว่า "คนอีสานแบบลุง Can"
เขากำลังพูดถึง "คนอีสานของทักษิณ" ต่างหาก
คนอีสานแบบลุง Can นั้น อยู่ที่ไหนก็เป็น "คน (ไทยที่ ) มาจากอีสาน"
ส่วนคนอีสานของทักษิณ นั้น  อยู่ที่ไหนก็เป็น "คนอีสาน ( ของทักษิณ )"

ว่าแล้ว...เชิด ( อีกรอบ )
บันทึกการเข้า

Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #34 เมื่อ: 05-03-2008, 13:58 »

นี่แหละเค้าเรียกยิ่งเรียนยิ่งโง่

ความรู้เท่าหางอึ่ง ดันบอกว่าเรียนทำนา 2 อาทิตย์ก็เป็นแล้ว

อย่าแสดงความโง่อีกเลยครับ ความโง่คือความไม่รู้นั่นแหละ


ยิ่งทัศนคติแบบนี้ ไปทำอะไรก็ไม่สำเร็จหรอกครับ เพราะจะโดนมือโดนเท้าคนร่วมงาน เฉาตายก่อน

รู้หรือเปล่าตั้งกระทู้มั่วมาก เอาแค่หัวกระทู้ก็ขาดทั้งข้อมูล หลักฐาน วิธีคิด ไม่ได้เรื่อง

ถ้าคนกรุงฉลาด ทำไมเลือกทักษิณถึง สองสมัย
บันทึกการเข้า

ScaRECroW
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,000


สุสูสัง ลภเต ปัญญัง - ผู้ฟังดี ย่อมเกิดปัญญา


เว็บไซต์
« ตอบ #35 เมื่อ: 05-03-2008, 14:02 »

ผมสงสัยมานานแล้ว ใครช่วยตอบได้ไหม

ทำไม คนที่เห็นแตกต่าง ไม่มองมุมเดียวกับเรา ไม่คล้อยตามเรา ถึงได้โง่หมดเลย

ถ้าคนที่เห็นแตกต่างโง่ทุกคน ที่มาสุมหัวตอบโต้กันอยู่เนี่ย ฉลาดทุกคน แล้วก็โง่ทุกคนด้วย
บันทึกการเข้า

Politic is nothing but the continuation of [the sin of] 7 by other means.

ท่านคิดว่า นรม. ควรทำอย่างไรเมื่อพบว่ากฏหมายบางฉบับมีช่องโหว่?
ก.ใช้อำนาจ นรม.ที่ได้รับมาจากประชาชนแก้กฏหมายเพื่อปิดช่องโหว่เหล่านั้น เพราะเป็นประโยชน์ของแผ่นดิน
ข.ฉวยโอกาสใช้ช่องโหว่เหล่านั้นเพื่อประโยชน์ของตนเองและคนรอบข้าง แล้วก็อ้างว่าคนอื่นเขาก็ทำกัน
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #36 เมื่อ: 05-03-2008, 14:05 »

โธ่ โถ ๆๆๆ

ใครเขาไปว่า "คนอีสานแบบลุง Can"
เขากำลังพูดถึง "คนอีสานของทักษิณ" ต่างหาก
คนอีสานแบบลุง Can นั้น อยู่ที่ไหนก็เป็น "คน (ไทยที่ ) มาจากอีสาน"
ส่วนคนอีสานของทักษิณ นั้น  อยู่ที่ไหนก็เป็น "คนอีสาน ( ของทักษิณ )"

ว่าแล้ว...เชิด ( อีกรอบ )

ขอดูจำนวนสส. ปี 44 และ 48 ของกรุงเทพมาดูหน่อยสิ

อยากรู้ว่าคนกรุงเทพโง่แค่ไหน
บันทึกการเข้า

isa
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 151



« ตอบ #37 เมื่อ: 05-03-2008, 14:10 »

... รู้มั้ย รักลุงตรงที่ขี้งอนนี่แหละ
คนลาวแบบลุงมีความประหลาดตรงนี้แหละ
ทั้งๆที่ผมโดนสารพัด ทั้งก่อปัญหามาให้ในที่ทำงาน ยืมเงินแล้วเบี้ยว
หนีค่าเช่าบ้าน เอาโทรศัพทไปแอบโทรทางไกล
แต่ไงๆก็เกลียดลาวไม่ลงสักที... สงสัยจะหลงเสน่ห์ลาว

อ้อ! ผู้ชายอีสานที่เคยเจอเนี่ย หลายคนเจ้าชู้สะบัดครับ ยิ่งคนไหนหน้าตาเรียบร้อย
พูดจาสุภาพด้วยแล้ว ยิ่งระดับเมพ พวกเจ้าชู้แถวปักษ์ใต้น่ะ ชิดซ้ายตกคลองครับ
ขนาดมีเมียที่บ้านอยู่สาม พวกไปญี่ปุ่นยังหวดไปอีกสอง
(รับผิดชอบกันหน่อยนะจ๊ะ)



เข้ากระทู้ดีกว่า...
ความโง่มาก่อนความฉลาดครับลุงแคน
ไม่ว่าจะเรื่องไหนก็ตาม เราต้องโง่ก่อน
แล้วถึงค่อยฉลาด... มันเป็นธรรมชาติของกระบวนการเรียนรู้

เพราะคนกรุงโง่แล้วค่อยฉลาดเราถึง "เลือก" แล้วค่อย "ไล่"
ไงครับ

แต่คนที่โง่ถาวรนั้น คือ "เลือก" แล้วยังไม่เสือก "ไล่"
แถมยังไปด่าคนที่ "ไล่" ว่า "โง่" อีก

แบบนี้เค้าเรียกว่าโง่ถาวรโดยไร้ทางแก้ครับ
[/size]

 
บันทึกการเข้า
ScaRECroW
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,000


สุสูสัง ลภเต ปัญญัง - ผู้ฟังดี ย่อมเกิดปัญญา


เว็บไซต์
« ตอบ #38 เมื่อ: 05-03-2008, 14:10 »

ถ้าใช้ สส. กทม.ปี 44 เป็นตัวตั้งนะครับ
ผมโง่มาก ผมเลือก ทรท. ด้วย
บันทึกการเข้า

Politic is nothing but the continuation of [the sin of] 7 by other means.

ท่านคิดว่า นรม. ควรทำอย่างไรเมื่อพบว่ากฏหมายบางฉบับมีช่องโหว่?
ก.ใช้อำนาจ นรม.ที่ได้รับมาจากประชาชนแก้กฏหมายเพื่อปิดช่องโหว่เหล่านั้น เพราะเป็นประโยชน์ของแผ่นดิน
ข.ฉวยโอกาสใช้ช่องโหว่เหล่านั้นเพื่อประโยชน์ของตนเองและคนรอบข้าง แล้วก็อ้างว่าคนอื่นเขาก็ทำกัน
qazwsx
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,359


นักธุรกิจและตำรวจ ต้องออกไปจากการเมือง


« ตอบ #39 เมื่อ: 05-03-2008, 14:11 »

นี่แหละเค้าเรียกยิ่งเรียนยิ่งโง่

ความรู้เท่าหางอึ่ง ดันบอกว่าเรียนทำนา 2 อาทิตย์ก็เป็นแล้ว

อย่าแสดงความโง่อีกเลยครับ ความโง่คือความไม่รู้นั่นแหละ


ยิ่งทัศนคติแบบนี้ ไปทำอะไรก็ไม่สำเร็จหรอกครับ เพราะจะโดนมือโดนเท้าคนร่วมงาน เฉาตายก่อน

รู้หรือเปล่าตั้งกระทู้มั่วมาก เอาแค่หัวกระทู้ก็ขาดทั้งข้อมูล หลักฐาน วิธีคิด ไม่ได้เรื่อง

ถ้าคนกรุงฉลาด ทำไมเลือกทักษิณถึง สองสมัย



เข้ามาแก้ตัว...
สมัยแรก  เป็นเพราะ "ไม่เลือกแมงสาบ" งัยงับ...  เพราะเข็ด...เหม็นกลิ่นแมงสาบ
สมัยที่ 2  ตกหลุมตัณหานิยม "ติดใจในรสสวาท" ที่ตักขี้ทำให้งับ ( แต่สมัยที่ 2 นี้น้องแบมก็ได้เข้ามานะ...เย้ )
สมัยที่ 3  ตักขี้แพ้ No Vote เพียบเลยงับ...ทั้ง ๆ ที่แทบจะมมีพรรคของตักขี้พรรคเดียว
สมัยสุดท้าย  ตักขี้หลุดเข้ามา 9 ตัวงับ...เฉพาะเขต "ของเค้า" นั่นแล

ก็ "โง่" ครั้งเดียวล่ะงับ  โง่เพราะหูหนวกตาบอด - ผลประโยชน์มันปิดหูบังตา



แล้วก็เลยเถิดไปสมัยเลือกพู่ว่า ฯ ตะหมูกบานนะงับ
...คราวนั้น "จำเป็นต้องเทคะแนนให้ไอ้หมัก" งับ
...เพราะเกรงว่า "อีหน่อย" จะมา
ก็ลองสมมติว่าหน่อยไม่ลง  แล้วหมัก "รับว่าเป็นนอมินี" ของตักขี้สิงับ
...รับรองว่าทุกวันนี้หมักไม่ได้เป็นโดดเดี่่ยวกระเจี๊ยวยู่ผู้น่าทุเรศ  ลูกจ้างตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของตักขี้ ซึ่งมีคดีอาญาคอรัปชั่นในการจัดซื้อจัดจ้างรถดับเพลิง - เรือดับโพลง เป็นแบ็คอัพ หรอกงับ...

คงได้แต่ "กินไป บ่นไป น้อยใจไป รอวันแก่ตายไป...ตามยถากรรม"
บันทึกการเข้า

Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #40 เมื่อ: 05-03-2008, 14:16 »

ยอมรับว่าโง่ละสิ

คนไหนเลือกพวกสัดสวนของพลังประชาชนในเขต กทม.และปริมณฑล

นี่ขนาดมีคนมีจุดเทียนแห่งปัญญาแล้วนะ ยังไม่หายโง่

โง่กลางกรุงนี่แหละครับ
บันทึกการเข้า

qazwsx
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,359


นักธุรกิจและตำรวจ ต้องออกไปจากการเมือง


« ตอบ #41 เมื่อ: 05-03-2008, 14:20 »

ยอมรับว่าโง่ละสิ

คนไหนเลือกพวกสัดสวนของพลังประชาชนในเขต กทม.และปริมณฑล

นี่ขนาดมีคนมีจุดเทียนแห่งปัญญาแล้วนะ ยังไม่หายโง่

โง่กลางกรุงนี่แหละครับ



ม้ายช้ายยยยยย
อ่ายพวกนั้นม่ายช่ายคนกุงเต้บบบบ
พวกมานเป็นพวก รากหย้าาาาาาา

( เอาสีข้างแถกไปตามร่องน้ำตื้น ๆ ซะจนน้ำขุ่น )
บันทึกการเข้า

isa
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 151



« ตอบ #42 เมื่อ: 05-03-2008, 14:21 »



อย่าลืมสิครับลุง ว่าคนกรุงยุคนี้คือใคร...

ก็ลูกหลานคนต่างจังหวัดทั้งนั้นแหละ...คนที่ลุงด่าว่าโชว์โง่ อาจจะไปโดนลูกหลานคนข้างบ้านลุงก็ได้นา สิบอกไห่

...แล้วก็แถมอีกนิด

ที่ออกมาถล่มรากหญ้าไปทางบ้านลุง ก็เพราะฐานทัพใหญ่ของตัวเชี่ย
มันอยู่แถวอีสานใต้นี่ครับ อยู่กันตรงนั้นทั้งก๊ก ก่อหวอดกันตรงนั้น แล้วก็กำลังปลุกระดมเหยงๆ
แล้วก็คนกลุ่มที่ผมระบุมานี่แหละ เป็นแหล่งระดมพลอย่างดีของพวกมันเลย
ที่อื่นมันแค่ก๊วนจิ๊บๆ แล้วไอ้แนวความคิดคอมๆ ที่ทำให้จี๊ดๆทั้งหลายแหล่
ก็มาจากก๊วนนั้นแหละ ทั้งก๊ก ที่เหลือมันก็ลิ่วล้อ

แล้วลุงออกอาการเมาหมัดออกมาเต้นก๋าปกป้องบ้านลุงทำไมเนี่ย?  ไม่เห็นเหรอว่าตัวเชี่ยมันแอบหลังลุง
แลบลิ้นหลอกพวกเราอยู่น่ะ


 
บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #43 เมื่อ: 05-03-2008, 14:33 »

ออกอ่าวไทยแล้วเหรอ ตกลงใครคือคนกรุงเทพ

แค่ขอข้อมูลเลือกตั้งของ กทม. ปี 44 48 50 ทำเอาหายโง่เลยเหรอ..

เหตุผลที่เลือก ทักษิณยุคแรกเพราะเกลียด ปชป. เหรอ...อ้อ...

แล้วถ้าพี่น้องอีสานเค้าไม่เลิกเกลียด ปชป. เค้าก็เลือกทักษิณเพราะเหตุนี้ได้มั๊ยล่ะ

ในเมื่อเค้าชอบนโยบายรากหญ้า ชอบเล่นหวย ชอบกู้เงินล่ะ

ยิ่งเกลียด ปชป. เป็นทุน เค้าก็เลือกตรงข้ามไม่ได้เหรอ
บันทึกการเข้า

Gemini
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 193



« ตอบ #44 เมื่อ: 05-03-2008, 14:43 »

ครั้งก่อน ที่ลุงแคนซดหมัดกับพวกปักษ์ใต้ แบบ 10 รุม 1
มันส์มาก ลุงแคนพลิ้ว ฟุตเวิร์ค ออกหมัดทำคะแนน สวย

แต่งวดนี้ นอนน้อย ร่างกายไม่แข็งแรง เป่า
ฟอร์มเก่า หายหมดเลย
จะบอกว่าสู้ไม่ได้ ก็ไม่เชิง เพราะไม่เห็นสู้เลย เอาแต่วิ่งหนีแล้วด่าเค้าไปข้าง ๆ คู ๆ

กองเชียร์ผิดหวังอ่า
 
บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #45 เมื่อ: 05-03-2008, 14:44 »

อีสานใต้ บุรีรัมย์เหรอ โคราชเหรอ

อ้าวไปด่าพวกชัยวัฒน์ได้ไง พวกเยิ้วๆ เดี๋ยวนี้ก็พวกอีสานใต้ พวกชัยวัฒน์ทั้งนั้น

พวกนี้โง่เหรอ

เอาข้อมูลมายันดีกว่า แถออกข้างๆ มันไม่งามนะ

คนกรุงเทพยุคนี้เป็นใคร ฮ่า ฮ่า...เอาเข้าไป

ความโง่นี่มันไม่ปราณีใครจริงๆ ด้วย


เออพวกอีสานที่เลือกเพื่อแผ่นดิน ชาติไทย และพวกที่ไม่เลือกพลังประชาชน เอาไปไว้ไหน

ทำไมมองการเมืองตื้นเขินจัง

แบบนี้จะไปเถียงใครเค้าได้
บันทึกการเข้า

isa
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 151



« ตอบ #46 เมื่อ: 05-03-2008, 14:45 »

...แล้วอีกอย่างหนึ่งนะครับ
ที่ผมเห็นตั้งแต่ต้นยก
ผมเห็นแต่ลุงแย็ปแล้วเต้นวนไปรอบๆ
แค่เบี่ยงเบนไปทางโน้นทางนี้
ดิสเครดิตผม

แต่ลุงไม่ได้โต้หมัดกับผมตรงๆเลยที่ผมบอกว่า

"ความคิดที่อ้างกันตลอดมาว่าคนอีสานด้อยโอกาสที่จะเข้าถึงทรัพยากรนั้น ขี้หกทั้งเพ!!"

ในความเป็นจริงแล้วผมเห็นคนอีสานไปอยู่ทุกที่ที่มีทรัพยากร แม้จะเป็นคนอีสานรากหญ้าขนาดไหน
คนอีสานกระจายตัวไปตามตลาดแรงงานทั่วโลก ถ้าคุณไปเมืองนอกแล้วได้ยินเสียงคนไทยคุยกัน ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นคนอีสาน
ลองนึกถึงรายได้มหาศาลที่จะเข้ามาจากตรงนั้นในแต่ละเดือน ลงสู่อีสานโดยตรง

ผู้หญิงอีสานมากมายมีสามีต่างประเทศ ดึงเงินตราต่างประเทศลงสู่อีสานโดยตรง

ถ้าเทียบโอกาสในการเข้าถึงแหล่งทรัพยากรด้วยกัน คนภาคอื่นล้าหลังกว่าคนอีสานชนิดสิบเอาหนึ่ง

แต่สาเหตุที่คนอีสานจำนวนมากไม่อาจไปไกลกว่านั้นได้ ก็เพราะ "จก แล้ว จร" หรือเปล่าครับลุง
แทนที่จะอยู่นาน ก้าวขึ้นไปตามลำดับขั้น เพื่อเข้าถึงแหล่งทรัพยากรนั้นให้ได้ลึกขึ้น

คนอีสานส่วนหนึ่ง เป็นจ.ป.ล. ผมไม่สงสัยในความเป็นชนชั้นกลางของคนไทยเชื้อจีน ไม่ว่าจะเป็นภาคไหน
จริงๆแล้วตามประวัติศาสตร์ พวกนี้เข้าระบบชนชั้นกลางก่อนไปแล้ว ขณะที่คนไทยทั้งชาติยังติดอยู่กับระบบไพร่อยู่เลย

มีชนชั้นกลางจำนวนมากพอสมควรในอีสานในปัจจุบันที่เป็นคนอีสานแท้ๆ และผมจะชื่นใจมากๆถ้ารู้ว่าทรัพยากร
ที่มาจากต่างประเทศ หรือมาจากต่างถิ่นเหล่านั้น คือส่วนที่ฟูมฟักคนรุ่นนี้ขึ้นมา

แต่ผมคงจะอกหักมากๆ ถ้ารู้ว่าทรัพยากรส่วนที่ทุ่มลงไปแล้วหายวับไปในพริบตานั้น หายลงไปทางรากหญ้า...
เพราะทางที่จะแก้ไขประเทศให้มาสู่ระนาบที่มันควรจะเป็น คงยังอยู่อีกไกล

ไปก่อนละลุง...งานเสียอีกแล้ว...เถียงกับลุงทีไร ยาวทุกที

ปล. กับความเห็นส่งท้ายของลุง... ถ้าเรารู้ว่าคนจำนวนมากเลือกโจรเข้ามาปกครองประเทศ
ที่จะปล้นทุกอย่างไปจากลูกหลานของเรา แลกกับเศษเงินเล็กๆน้อยๆที่โจรจะโปรยให้
เราจะยกย่องเขาว่ารู้จักใช้สิทธิ์ตามประชาธิปไตย
หรือเรียกเขาว่าไอ้หน้าโง่ดีล่ะลุง?


 





บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #47 เมื่อ: 05-03-2008, 14:51 »

ครั้งก่อน ที่ลุงแคนซดหมัดกับพวกปักษ์ใต้ แบบ 10 รุม 1
มันส์มาก ลุงแคนพลิ้ว ฟุตเวิร์ค ออกหมัดทำคะแนน สวย

แต่งวดนี้ นอนน้อย ร่างกายไม่แข็งแรง เป่า
ฟอร์มเก่า หายหมดเลย
จะบอกว่าสู้ไม่ได้ ก็ไม่เชิง เพราะไม่เห็นสู้เลย เอาแต่วิ่งหนีแล้วด่าเค้าไปข้าง ๆ คู ๆ

กองเชียร์ผิดหวังอ่า
 

แค่คุณอ่านหัวกระทู้ก็น่าจะรู้แล้วว่ากระทู้มั่ว ๆ

ตอบถามหาข้อมูลง่ายๆ มายันก็จบแล้ว

ก็บอกแล้วความโง่ไม่ปราณีใครหรอก มีทุกที่ ทุกสังคม

ยิ่งในเว็บบอร์ดยิ่งเยอะ โง่แล้วอวดฉลาด เยอะไป
บันทึกการเข้า

login not found
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,523



« ตอบ #48 เมื่อ: 05-03-2008, 14:57 »

เอ....ตามตรรกะของลุงแคน
แปลว่าคนอีสานโง่นะครับ
โง่ซ้ำซาก และก็โง่ไม่เลิกอีกด้วย

เพราะคนอีสานก็ยังเลือกนายทุนจากภาคอื่นมากดขี่ตัวเอง
เป็นอย่างนี้มาทุกสมัย และตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่
ถ้าอย่างนั้น...คนอีสานจะมาบ่ออะไรละครับว่าโดนกดขี่


ปล.ผมไม่เคยเป็นควายที่เลือกแม้วซักที แค่อยู่ในภาคที่มีคนเลือกแต่แม้วทุกๆทีเฉยๆ
บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #49 เมื่อ: 05-03-2008, 15:01 »

"เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเมือง คนอีสานทุกระดับควรเลิกคิดว่าตัวเองมีบุญคุณกับคนกรุง "

หัวกระทู้นี้ คิดเองจริงๆ เหรอครับ

ถามจริงๆ ใช้สมองส่วนไหนคิดครับ


อ้อ...พวกมายกธงช่วยทักษิณนี่ก็โง่มาตั้งแต่คราวซุกหุ้นสิ
บันทึกการเข้า

หน้า: [1] 2 3 4 5 6 7 8 ... 12
    กระโดดไป: