หลังจากอ่านถึงตรงนี้ผมก็ยังคงเชื่อเหมือนเดิม ว่าจะไม่มีใครคิดล้มสถาบันฯ
เป้าหมายตามข้อความในปฏิญญาฟินแลนด์ มีความสมเหตุผลมากที่สุดแล้วนั่นคือมุ่งลดสถานะความสำคัญและบทบาทของสถาบันลง ไม่ใช่มุ่งแตกหัก
ซึ่งจะไม่เกิดผลดีอะไรเลย เพราะเป้าหมายของเขาคือการครองอำนาจรัฐ
โดยมีสถาบันฯ เป็นเพียงสัญลักษณ์
อีกประการหนึ่งที่เหมือนการวิเคราะห์ทั้งหมดในกระทู้จะมองข้ามไปก็คือ
สถาบันฯ และเครือข่ายผู้จงรักภักดีไม่ได้อยู่เฉยๆ เป็นเป้านิ่งอย่างเดียว
แต่สามารถมีความเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลง เพื่อรับมือกับสถานการณ์
ฝ่ายประสงค์ร้ายต่างหากที่ต้องระวังตัวกลัวพลาดพลั้ง เพราะตลอดเวลา
กำลังกระทำผิดกฎหมายสูงสุดของประเทศ
ผมเชื่อว่าถ้าจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรจริงๆ จึงไม่น่าจะเป็นการเปลี่ยน
ระบอบการปกครองแผ่นดิน แต่จะเป็นการปรับเข้าสู่สมดุลย์ใหม่มากกว่า...
สำหรับผู้ที่กังวลหากมีการเปลี่ยนรัชกาล ผมอยากให้ความเห็นเอาไว้ว่า
เรื่องนี้อาจเปรียบเทียบได้กับการที่คนธรรมดาบวชเป็นพระ แต่มีระดับ
ของสถานะความสำคัญสูงกว่ามากๆ ในเมื่อขนาดคนธรรมดาที่อาจเคย
รับรู้กันว่าเป็นคนบกพร่อง เมื่อผ่านพิธีการบวชแล้วยังได้รับการกราบไหว้
นับถือว่าเป็นพระ แล้วการขึ้นครองราชย์จะมีระดับความสำคัญมากกว่า
ไปถึงขนาดไหนในความรู้สึกของชาวบ้าน
ในทางกลับกันที่พระได้รับการกราบไหว้ก็เพราะรักษาศีลสูงกว่าสามัญชน
พระมหากษัตริย์ก็ทรงมีข้อกำหนดมากมายมหาศาลในการดำรงพระองค์
แม้พวกเราจะศรัทธาในองค์รัชกาลที่ 9 แต่เราก็ไม่จำเป็นจะต้องคาดหวัง
ว่าพระมหากษัตริย์ต่อไปทุกรัชกาลจะต้องทรงบำเพ็ญทุกสิ่งเหมือนองค์
รัชกาลที่ 9 ทุกประการ เราต้องการเพียงให้ทรงเป็นพระประมุขของชาติ
สมตามโบราณราชประเพณีเป็นเบื้องต้น ส่วนที่จะเหนือไปกว่านั้นย่อมขึ้น
อยู่กับการที่จะทรงบำเพ็ญพระบารมีต่อไปหากทุกอย่างปรับเปลี่ยนให้อยู่ในสมดุลย์ได้ ผมยังมองไม่ออกว่าจะมีใคร
"หาที่ตาย" คิดเปลียนแปลงการปกครองในรูปแบบ
มากที่สุดก็คงพยายามแทรกแซงที่เนื้อหา ซึ่งจะทำได้หรือไม่เพียงใด
ยังเร็วเกินไปที่จะประเมิน แต่ผมสรุปเอาไว้ก่อนสำหรับพวกเราทุกคน..
ว่าสิ่งหนึ่งที่เราสามารถทำได้ตั้งแต่นี้ต่อไปก็คือ การช่วยให้ประชาชน
ได้รู้เท่าทันแผนการณ์ชั่วร้ายพวกนี้ และไม่ตกเป็นเหยื่อของการชวนเชื่อ
เพื่อหวังผลในการโจมตีสถาบันสำคัญของชาติในอีกทางหนึ่งผมก็อยากให้พวกเราวางใจในสถาบันฯ โดยเฉพาะกระแส
ข่าวเรื่องการสมานฉันท์อะไรต่างๆ ว่าหากมีขึ้นจริงก็เป็นการตัดสินใจที่ดี
เหมาะสมกับสถานการณ์ประเทศมากที่สุดแล้ว หากฝ่ายใดสามารถจัดการ
อีกฝ่ายได้แน่นอนคงไม่มีใครปล่อยให้รอด แต่ในเมื่อจะเป็นการนำประเทศ
และประชาชนเข้าไปเสียง ก็จำเป็นต้องเลือกทางที่ดีที่สุด
ไม่อยากให้มองทุกอย่างเลวร้ายไปหมดจนไม่เหลือความศรัทธาครับ
และที่สำคัญอย่าสิ้นศรัทธาในตัวเอง รวมทั้งควรเชื่อมั่นอยู่เสมอว่า
นอกจากตัวเรายังมีคนอื่นมากมายที่มีสติปัญญาและหวังดีต่อประเทศชาติอนาคตประเทศส่วนหนึ่งก็อยู่ในมือพวกเราครับ ไม่ใช่มีแค่คนหน้าเหลี่ยมๆ นานทีนะ ที่ผมจะกล้ายก คคห.ของคุณจีฯ ขึ้นมาพิเคราห์เป็นการเฉพาะ
แต่ครั้งนี้ ผมเห็นทีจะต้องขออนุญาต
คุณจีฯ ครับ
สถานการณ์ในทุกวันนี้มันไม่เหมือน "เมื่อก่อน" อีกแล้ว
โลกในวันนี้ขนาดเท่าเดิม ผู้คนเยอะขึ้น
แต่ "สังคม" ที่ผู้คนเลือกเอาตัวเข้าไปซุกอยู่ด้วยความปรารถนาจะได้รับการตอบสนอง
ไม่ว่าจะเป็นการสนองตอบต่อ "ทิฐิอัตตา"
ไม่ว่าจะเป็นการสนองตอบต่อ "โลกียวิสัย"
ไม่ว่าจะเป็นการสนองตอบต่อ "ภวสันดาน"
...ขนาดของมันเล็กลง แถมยังคับแคบ ไ่ม่เอื้อเฟื้อต่อบุคคลอื่นใด
( นอกเสียจากว่าผู้มาใหม่จะต้องทำตัวพินอบพิเทา หรือจัดหาประโยชน์ใด ๆ มาสังเวยให้แก่คนมาก่อน อันเป็นพฤติการเดียวกับคนป่า หรือกลุ่มแก๊ง ซ่องโจร )
ซึ่งพฤติกรรมแบบนี้ ทำให้พวกเขาไม่รู้จัก - ไม่มีคำว่า "ศรัทธา" อยู่ในจิตใจหรอกครับ
ทั้งต่อบุคคล ต่อสถาบัน องค์กร หรือแม้แต่ระบอบใด ๆ
วลีที่ว่า ...ศูนย์รวมดวงใจของคนทั้งแผ่นดิน...เป็นอย่างไร
...ไม่เข้าใจหรอกครับ
เพราะความหมายของ "แผ่นดิน" คืออะไร
...ยังตอบไม่ได้เลย
( หรือถ้าตอบได้ ก็คงเป็นไปในทำนองการให้ความหมายทางภูมิศาสตร์ - เกษตรกรรม - Logistics ที่เน้นที่ "การผลิต - การเพิ่มมูลค่า )
เมื่อไม่ีมี "ศรัทธา ( คนสมัยนี้แยกไม่ออกระหว่างคำว่า "ซาบซึ้ง + ประทับใจ" กับ "ปิติยินดี + ศรัทธา" )"
ก็อย่าถามหาคำว่า "( จงรัก ) ภักดี"
แล้วก็อย่าถามถึง "เทิดทูนไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อม"
...เพราะคนรุ่นใหม่จะ "งง ๆ" แล้วตอบว่า "ทูนไว้ทำไมให้หนักหัว ?"
สิ่งที่เราเข้าใจ อาจจะเป็นสิ่งที่ไม่มีใครเห็นคุณค่า
...ไม่เห็นคุณค่าซะจนไม่นำเข้าไปไว้ในสมองหรือหัวใจของพวกเขา
หากคุณจี ฯ อยากรู้ว่า "พวกเด็ก ๆ สมัยนี้" เขาคิดเห็นกันอย่างไร
ต่อสถาบันกษัตริย์
ต่อทักษิณ ชินวัตร
...ลองเข้าไปดูตามแช้ทรูม + เว็บบอร์ด ของวัยรุ่น
จะลองเข้าเว็บบอร์ดของโรงเเรียนต่าง ๆ ก็ได้ ( สวนกุหลาบ ฯ นี่ล่ะตัวดีเลย )
...แล้วคุณจี ฯ จะสลดหดหู่ + สังเวชใจ
จนอาจจะต้องมาปลงอย่างผม ว่า
"เออ...แล้วแต่พวกมรึงเถิด จงปิดหูปิดตา ( Ignorant ) แล้วรับรู้แต่ความสนุก เสพย์และสิงสู่สิ่งที่คนรุ่นก่อน ๆ ทำไว้ให้อิ่มหมีพีมันซะตั้งแต่วันนี้เถอะ"
"เพราะเมื่อถึงวันที่มือซึ่งปิดหูปิดตาพวกเธอไว้ ไม่ว่าจะเป็นมือของพวกเธอเอง หรือเป็็นมือของบุคคลที่พวกเธอยกย่องชื่นชม ถูกเอาออกไป วันนั้นพวกเธอจะได้เห็นความเป้นจริง อันมีแต่ความว่างเปล่า - ไม่เหลืออะไรให้เธอได้นำไปใช้สร้างความสนุก หรือแม้แต่ใช้ซุกหัว - ใช้ยาไส้"
"เมื่อถึงวันนั้น ไม่ว่าพวกเธอจะก่นด่าคนรุ่นฉันว่าโง่เง่า ไม่เอาใจใส่ ไม่สร้างสมสิ่งที่เธอใช้เสพย์และสิงสู่ไว้ให้มากพอ อย่างไร พวกเธอย่อมมีสิทธิทำได้ตามความพอใจ เหมือนอย่างที่พวกเธอมักตำหนิติเตียนคนอื่น - ใครต่อใครมาโดยตลอด"
"เนื่องจากวันนั้น - เวลานั้น พวกฉันคงจากโลกนี้ไปแล้ว ด้วยหนทางที่ฉันเชื่อและศรัทธา ในขณะที่อีกฝ่ายซึ่งปรนเปรอให้พวกเธอรับรู้แต่ความสนุก เสพย์สุขและสิ่งสู่อย่างสบายบนสิ่งที่พวกเธอวางใจมอบไว้ในมือพวกเขา...เขากำลังแอบหัวเราะและยิ้มให้กันและกัน"
"...ด้วยความขบขันแกมสมเพชเวทนา ในชะตากรรมอันเกิดเนื่องมาจากความไม่รู้สึกไม่รู้สาของพวกเธอ"
( *คนรุ่นใหม่แยกไม่ออกระหว่างพฤติกรรมไม่รู้สึกไม่รู้สา - Ignorant กับพฤติกรรมไร้เดียงสา - Innocent )