ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
25-04-2024, 12:35
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  จับตาปรับ ครม. 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
จับตาปรับ ครม.  (อ่าน 964 ครั้ง)
พรรณชมพู
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,073


« เมื่อ: 29-02-2008, 18:06 »

http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9510000024941

เป็นบทความที่ดีมากอันหนึ่ง ขอยกมาทั้งหมดเลยนะคะ

อ้างถึง

จับตาปรับ ครม.! โดย สิริอัญญา

ก่อนอื่นก็ต้องขอแสดงความยินดีกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ได้เดินทางกลับมาตุภูมิ หลังจากที่ต้องไปเร่ร่อนจรจัดอยู่ในต่างประเทศถึงปีเศษ ทั้งนี้เพราะว่าถึงจะมั่งมีทรัพย์สินเงินทองและข้าทาสบริวารสักเท่าไหน และอยู่ในถิ่นที่เจริญรุ่งเรืองสักเพียงใดก็ไม่มีวันสุขกายสบายใจเหมือนอยู่ในบ้านเราเลย
       
        ความจริงก็ไม่เคยมีใครคัดค้านหรือขัดขวางการเดินทางกลับประเทศไทย ถึงมีบ้างก็เป็นเพียงความเห็นของคนเฉพาะผู้เฉพาะราย แต่ที่ไม่เดินทางกลับประเทศไทยนั้นดูไปแล้วน้ำหนักคงจะอยู่ที่ความรู้สึกหวาดกลัวว่าจะไม่ปลอดภัย
       
        ความรู้สึกกลัวว่าจะไม่ปลอดภัยนี้เห็นได้ชัดเจน แม้การเดินทางกลับประเทศไทยในครั้งนี้ก็ต้องมีเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้คนจำนวนมากไปดูแลอารักขา แม้กลับมาแล้วก็ยังต้องไปนอนในโรงแรมซึ่งมีทางหนีทีไล่มากมายหลายทาง สะท้อนให้เห็นชัดถึงจิตใจที่ไม่ค่อยปกติในขณะนี้
       
        ก็เป็นธรรมดาของทุกคนที่ต้องหวาดกลัวต่อความตาย แต่ถ้าความหวาดกลัวมากเกินไปจนกลายเป็นความวิตกทุกข์ร้อนกระวนกระวายก็จะไม่เป็นสุข เหมือนกับคนที่เกิดความเจ็บไข้หนักหนาสาหัสจนเห็นความตายได้ชัด แต่เมื่อได้ฝึกฝนอบรมจิตใจไว้บ้างก็สร่างคลายลง
       
        สมัยหนึ่งในพุทธกาล เป็นวันเพ็ญเดือน 4 หลังจากทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์ได้หนึ่งเดือน พระเจ้าอาชาตศัตรูมหาราชแห่งแคว้นมคธซึ่งยิ่งใหญ่เกรียงไกรมากที่สุดในอินเดียยุคนั้นได้เสด็จไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า โดยมีขบวนช้างถึง 500 เชือก มีข้าราชบริพารและหน่วยรักษาความปลอดภัยเป็นจำนวนมาก
       
        เมื่อเสด็จไปถึงสวนของหมออาชีวกซึ่งได้ถวายให้เป็นที่ประทับของพระผู้มีพระภาคเจ้า พระเจ้าอาชาตศัตรูสังเกตเห็นบรรยากาศเงียบสงบสงัดวิเวกวังเวงนัก ไม่สมกับคำรับรองที่ว่ามีพระอรหันต์อยู่ในที่นั้นถึง 1,250 รูปเลย จึงทรงหวาดระแวงว่าจะถูกลวงไปสังหาร
       
        แม้ปานนั้นแล้วความกลัวยังเข้าครอบงำถึงปานนี้ จึงทรงตรัสถามหมออาชีวกว่าลวงพระองค์มาฆ่าหรือ? หมออาชีวกก็ถวายบังคมตอบว่า ไม่ได้ลวง ไม่ได้หลอกพระองค์เลย พระตถาคตเจ้าพร้อมพระอรหันต์ 1,250 รูป ล้วนอยู่ในสวนนี้
       
        พระเจ้าอาชาตศัตรูก็ข่มพระทัยเสด็จเข้าไปจนถึงที่ที่พระบรมศาสดาทรงประทับอยู่ ในที่สุดก็ได้ทรงตรัสถามปัญหาธรรมที่สำคัญยิ่ง คือผลธรรมดาธรรมชาติของการอุปสมบทในพระธรรมวินัยของพระตถาคต ดังที่ปรากฏในสามัญผลสูตรนั้น
       
        พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กำลังตกอยู่ในอันตรายในประการที่สำคัญและมีเหตุอันควรหวาดหวั่นพรั่นใจ แต่หากได้ทำความเข้าใจและหลีกพ้นออกมาเสียจากวังวนนั้น ชีวิตก็จะมีความสุขกายสุขใจ
       
        อันตรายประการแรก คือการมีคนรักมาก ส่งเสริมสนับสนุนมากจนล้นพ้นเกินกว่านักการเมืองใดๆ แม้กระทั่งนายกรัฐมนตรีคนใดๆ จะรับไว้ได้ ขณะเดียวกันก็มีคนไม่ชอบใจกระทั่งเกลียดชังเป็นจำนวนมากเหมือนกัน สภาพเช่นนี้จึงเหมือนกับอยู่ท่ามกลางภูเขาไฟสองลูกที่ระเบิดกระหนาบเข้ามา
       
        ในที่สุดจะชนะก็เป็นได้ จะแพ้ก็เป็นได้ แต่จะได้อะไรขึ้นมา จะหนีความเกิด ความแก่ ความเจ็บ ความตายไปได้หรือ? มีแต่ความยุ่งยากลำบากใจไม่มีที่สิ้นสุด เพราะทั้งคนรัก คนชังเขาไม่ได้ร่วมได้ร่วมเสียด้วย คนที่เสียหายอยู่คนเดียวก็คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งหากชะดีชะร้ายก็จะลุกลามไปถึงครอบครัวอีก
       
        อันตรายประการที่สอง คนส่วนใหญ่ของประเทศไทยมีความเชื่อว่าจังหวะก้าวเดินต่างๆ ล้วนแสวงหาอำนาจทางการเมือง ไอ้ที่จะวางมือนั้นไม่มีทางเป็นไปได้ ความจริงความเท็จเป็นประการใดยากที่ใครจะรู้ แต่ความเชื่อต่างหากที่เป็นโลกธรรม แล้วชักนำให้ทุกอย่างเป็นไป
       
        เมื่อเป็นอย่างนี้ ความกลัว ความหวาดระแวง ความคิดป้องกันอันตรายของทุกผู้ทุกฝ่ายก็จะเกิดขึ้น อุปมาดั่งต่างคนต่างก็ถือปืนขึ้นไกไว้พร้อม หรือน้าวธนูไว้เต็มเหนี่ยวแล้ว เหลือแต่ปัญหาว่าจะนานช้าประการใดที่จะรั้งไว้ไหวเท่านั้น นี่เป็นสัจธรรมที่ประวัติศาสตร์การเมืองทั่วโลกได้บ่งบอกไว้ชัดเจนแล้ว
       
        เว้นแต่จะมีเจตนาดังที่ปรากฏในคำวินิจฉัยของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ แต่ถ้าหากว่าไม่ได้มีเจตนาเช่นว่านั้นก็สามารถถอยออกจากวังวนเช่นว่านั้นได้ด้วยการกระทำให้เป็นที่ประจักษ์ซึ่งไม่ยากไม่ลำบากเลย
       
        อันตรายประการที่สาม คนส่วนใหญ่เชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร คือเจ้าของพรรคพลังประชาชนตัวจริง เมื่อเป็นรัฐบาลแล้วคนทั้งหลายต่างก็มุ่งหวังว่าจะเกิดบรรยากาศความปรองดองเพื่อนำความสงบสุขกลับคืนประเทศและฟื้นฟูประเทศ และหวังตั้งใจจะได้เห็นการสนองกระแสรับสั่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการส่งเสริมให้คนดีมีอำนาจในบ้านเมือง และในการที่รัฐบาลจะต้องทำงานเพื่อประชาชน 60 กว่าล้านคนของประเทศไทย
       
        แต่ปรากฏว่าเหตุการณ์ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง ข้อเท็จจริงเป็นที่ประจักษ์ชัดว่ามีการส่งเสริมสนับสนุนให้คนไม่ดีมีอำนาจในบ้านเมือง กระทั่งบางตำแหน่งแหล่งที่ยังสามารถกล่าวได้ว่าส่งเสริมให้คนชั่วมีอำนาจในบ้านเมือง
       
        คนดีก็ย่อมทำดี คนไม่ดีก็ย่อมทำไม่ดี แล้วผลก็ย่อมเกิดขึ้นแก่คนที่เขาเชื่อว่าเป็นเจ้าของพรรค
       
        การเลือกตั้งผ่านพ้นไปแค่ 2 เดือน แทนที่บรรยากาศสงบสันติจะเกิดขึ้นในแผ่นดิน และต่อยอดผลพวงของการเลือกตั้งให้เกิดความเชื่อมั่นและเสถียรภาพ กลับถูกทำลายไปอย่างสิ้นเชิง ดังปรากฏการณ์สำคัญเพียงบางเรื่อง เช่น
       
        ปรากฏการณ์ที่ กกต. ลงมติว่ามีการโกงการเลือกตั้ง จนเป็นเหตุให้ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติต้องประกาศพักการทำหน้าที่ ได้ทำลายความบริสุทธิ์และเที่ยงธรรมในการเลือกตั้งลงอย่างสิ้นเชิง
       
        ปรากฏการณ์สนับสนุนและนำคนไม่ดีหรือคนชั่วให้มีอำนาจในบ้านเมือง จนถึงขนาดมีการกล่าวขานกันว่าประเทศไทยในวันนี้เป็นยุคอันธพาลครองเมือง ได้ทำให้เค้าลางของความรุนแรงปรากฏขึ้นทั่วประเทศ
       
        ปรากฏการณ์ที่รัฐมนตรีบางคนประพฤติตนเป็นรัฐมนตรีนอมินี ตระบัดสัตย์ต่อคำถวายสัตย์ ไม่ปฏิบัติหน้าที่เป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
       
        ปรากฏการณ์ที่มีการขายชาติ ขายชีวิตคนไข้และประชาชน ได้ก่อผลสะเทือนทั่วประเทศทั้งในภาครัฐและประชาชน ทำลายคำกล่าวที่ว่าประเทศไทยไม่มีคนกล้าพลีชีพลงไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว กรณีนี้ได้ทำให้กลุ่มผู้ป่วยโรคเอดส์ โรคมะเร็ง และโรคร้ายแรงต่างๆ ที่หมดหวังในชีวิตเพราะไม่สามารถเข้าถึงยาแล้วมีความหวังจากผลการทำงานของกระทรวงสาธารณสุขในยุคที่ผ่านมา ความหวังนั้นได้ดับมอดลงไปแล้ว มีแต่ความตายรออยู่เบื้องหน้า นี่คือที่มาของเหตุการณ์พลีชีพที่อาจจะเกิดในประเทศไทยในระยะไม่ไกลจากนี้แล้ว
       
        อย่าดูถูกคนใกล้ตายว่าจะไม่มีความรู้สึกคิดอ่านเป็นวีรบุรุษของประเทศชาติและประชาชนเป็นอันขาด
       
        ปรากฏการณ์ส่งสัญญาณยกแผ่นดินไทยให้ผู้ก่อการร้ายในรูปเขตปกครองพิเศษ หรือปรากฏการณ์แบ่งแยกประชาชน แบ่งแยกประเทศเป็นภาคอีสาน ภาคเหนือ ล้วนเป็นสิ่งที่ไม่มีใครไหนในแผ่นดินนี้ยอมรับได้
       
        ปรากฏการณ์ส่งสัญญาณฆ่าตัดตอนอีก 5,000 คน โดยท้าทายความรู้สึกของผู้คนอย่างเหิมเกริมลำพองนั้นเป็นเรื่องดีแล้วหรือ?
       
        ปรากฏการณ์แทรกแซงกระบวนการยุติธรรมโดยเฉพาะในดีเอสไอ เป็นเรื่องใหญ่หลวงร้ายแรง และเป็นจุดชนวนระเบิดมาทุกยุคทุกสมัย พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ฟื้นคืนการเคลื่อนไหวอีกครั้งหนึ่ง ไม่ใช่เพราะตรงจุดนี้ดอกหรือ?
       
        เหล่านี้เป็นตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ ที่ถือได้ว่าเป็นอันตรายที่โถมทับเข้ามายัง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งถึงแม้จะต้องให้ความเป็นธรรมก่อนว่ายังไม่มีหลักฐานว่าเป็นผู้กระทำหรือบงการ แต่การกระทำของผู้คนในพรรคพลังประชาชน ในขณะที่ผู้คนเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร คือผู้มีอำนาจที่แท้จริงของพรรคนี้นั้น ทำให้หลีกเลี่ยงความรับผิดชอบได้โดยยาก
       
        สภาพเช่นนี้ได้ทำให้บรรยากาศประเทศไทยกลับเข้าสู่ภาวะความขัดแย้งและการต่อสู้ที่แหลมคมมากขึ้นเรื่อยๆ ดังที่ผู้นำทางความคิดของสังคมหลายท่านได้ออกมาเตือนว่าประเทศไทยกำลังไปสู่กลียุคอีกครั้งหนึ่ง
       
        ดังนั้นยามนี้ไม่ต้องพูดถึงการฟื้นฟูเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นใดๆ อีกแล้ว สถานการณ์จะไปสู่ทิศทางเพียงสองอย่างเท่านั้น คือ มีการระงับหรือหยุดยั้งการเดินไปสู่หนทางกลียุคนั้นเสีย หรือไม่ต่างก็ซ่องสุมกำลังและอำนาจในทุกรูปแบบเพื่อเตรียมการประหัตประหารกันต่อไป
       
        ทุกผู้ทุกฝ่ายต่างก็มีหน้าที่ที่ต้องนำบ้านเมืองเข้าสู่ความสงบสุข แต่ถ้าบ้านเมืองยังคงมีพวกอันธพาลเกะกะระรานเช็กบิลกดขี่ข่มเหงทำลายคนอื่นอยู่อย่างไม่หยุดยั้ง ก็เป็นที่หวังได้เลยว่ากลียุคจะเกิดขึ้นแน่ในอีกไม่นานจากนี้ไป แล้วใครล่ะที่จะตกอยู่ในภาวะอันตรายที่สุดของประเทศนี้?
       
        อย่าคิดว่าพวกขี้ไก่ 4-5 คนที่หงอฝ่อไปกราบขอขมาลาโทษจะเป็นตัวแทนหรือความรู้สึกนึกคิดของคนไทยทั้งประเทศ หากคิดเช่นนั้นก็จะทำให้การประเมินสถานการณ์ผิดพลาด คนที่จำใจสู้ คนที่จำเป็นต้องสู้ คนที่ไม่อยากเดินทางไปปรโลกคนเดียว หรือคนที่วีระกล้าหาญล้วนมีอยู่ในประเทศนี้ทั้งนั้น
       
        ไม่เห็นหรือว่าชาวบ้านที่ไม่มีอาวุธอยู่กับมือก็มิได้ขี้ขลาดตาขาวเหมือนพวกขี้ไก่ 4-5 คนที่ว่านั้นเลย ข้อสำคัญคือสถานการณ์ในวันนี้ไม่ใช่สถานการณ์เหมือนเมื่อครั้งรัฐบาลทักษิณทะเลาะเบาะแว้งกับคุณสนธิ ลิ้มทองกุล แต่ประการใด
       
        ตอนนี้มิตรมากกว่า หรือศัตรูมากกว่ากันแน่? มิตรในที่เปิด ศัตรูในที่ลับ อย่างไหนจะมากกว่ากันแน่? คนที่ไม่พอใจมีแค่เฉพาะพวกพันธมิตรฯ หรือขยายตัวไปถึงพวกไหนต่อไหนแล้ว
       
        พวกที่สร้างความดีด้วยการใช้ปากเพื่อประโยชน์ตน พวกประจบสอพลอ พวกยุยงปลุกปั้น พวกสร้างศัตรูให้นาย ล้วนมีมาทุกยุคทุกสมัย และทำเอาเจ้านายล้มหายตายจากไม่รู้เท่าใดต่อเท่าใดแล้ว คนพวกนี้มีแต่ขี้กับไส้ และหากินกับความฉิบหายของเจ้านายทั้งนั้น
       
        จะเป็นคนใช้คนพวกนี้ หรือจะยอมให้คนพวกนี้ใช้สอยเป็นเครื่องมือ จึงเป็นเรื่องน่าคิดของคนที่เป็นผู้นำคน
       
        ตอนนี้นักวิเคราะห์ข่าวต่างประเทศกำลังจับจ้องการปรับคณะรัฐมนตรีตาเป็นมัน ซึ่งสอดคล้องกับข่าวที่แพลมออกมาว่ามีการประชุมเพื่อปรับปรุงคณะรัฐมนตรีไปหนหนึ่งแล้ว เป็นแต่ว่าพวกที่ประชุมนั้นไม่ใช่นายกรัฐมนตรี
       
        แล้วนายกรัฐมนตรีจะไม่มีความคิดที่จะปรับคณะรัฐมนตรีดอกหรือ? ย่อมมีแน่ เพราะในวันนี้นายสมัคร สุนทรเวช ถือตนว่าเป็นหัวหน้ารัฐบาลโดยชอบด้วยกฎหมาย และต้องการให้รัฐมนตรีทุกคนเป็นรัฐบาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่ใช่เป็นรัฐมนตรีนอมินี
       
        ดังนั้นการปรับคณะรัฐมนตรีจึงมีแนวโน้มว่าจะเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คาดคิด และทันทีที่มีเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น สถานการณ์ทางการเมืองของประเทศไทยก็จะก้าวไปสู่ขั้นใหม่
       
        ดีไม่ดีอาจจะได้เห็นนักการเมืองพรรคเดียวกันขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ในขณะที่พรรคฝ่ายค้าน พรรคร่วมรัฐบาล และบางส่วนในพรรคแกนนำสนับสนุนนายกรัฐมนตรี หรือมิฉะนั้นก็จะได้เห็นสถานการณ์ที่นายกรัฐมนตรีลาออกแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
       
        จะเป็นประการใด อีกไม่นานเกินรอคงได้เห็นแน่.

-----------------

ฝุ่นตลบ ผงคลีฟุ้งทั่วอากาศ ทุกฝ่าย ทุกเหล่า เตรียมพร้อมแล้วค่ะ  ใครจะออกอาวุธก่อนกัน ใครจะเอาเลือดทาแผ่นดิน ศึกคราวนี้คงถึงจุดชี้ขาด ไม่ค้างคาเหมือนที่แล้วมา

ไม่มีเจ๊า มีแต่เจ๊ง และแน่นอนต้องมีฝ่ายหนึ่งได้ชัย

จะได้อยู่กันแบบเดิม หรือแผ่นดินพลิก ได้เลือกผู้นำโดยตรง คราวนี้ถึงเวลาชี้ขาดแล้ว

คณาธิปไตยครองเมือง บ้านเมืองกลับสู่สภาพเหมือนครั้งเมื่อยุค 2475 - 2478 เกจิอาจารย์ที่แหงนดูดาวเป็น ต่างอุทาน เจ้าแห่งการปฎิวัติเปลี่ยนแปลง กลับมาอยู่ยังที่เดิมเหมือนเมื่อ 75 ปีที่ผ่านมา

เรียกได้ว่า กลียุค

หมอดูรายที่ทายได้แม่น (มาหนึ่งครั้ง) ว่าจะมีคนไร้แผ่นดินอยู่ กล่าวว่า เมษายน - พฤษภาคมนี้ เป็นวิกฤติของสยามประเทศ ก็คอยดูกันไปค่ะ 
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
    กระโดดไป: