เกาหลีก็มีกรณีคล้ายๆ ไทยเราเหมือนกัน ทั้งขายหุ้นให้ลูกราคาถูกๆ และไม่จ่ายภาษี

ซัมซุงใหญ่กว่าชินคอร์ปมากมาย เทียบ 73,000 ล้านบาท (ประมาณ 2 พันล้านดอลล่าร์)
กับ 280,000 ล้านดอลล่าร์แล้วต่างกันกว่าร้อยเท่า ชินคอร์ปกลายเป็นธุรกิจเล็กๆ ไปเลย
แต่ของเขามีการดำเนินคดีไปตามกระบวนการปกติ ในขณะที่ของเราถ้าไม่มีการรัฐประหาร
คดีคงไม่มีโอกาสไปถึงศาลอย่างทุกวันนี้
ก็ดีที่จะได้มีอะไรเปรียบเทียบกัน ระหว่างเกาหลีกับไทยจะตัดสินเหมือนกันไหม 
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
สอบลูกบิ๊ก “ซัมซุง” คดีซื้อขายหุ้นต่ำกว่าราคาตลาด [29 ก.พ. 51 - 03:35]
http://www.thairath.co.th/news.php?section=international&content=80642เมื่อ 28 ก.พ.นายลี แจ ยอง วัย 39 ปี ลูกชายของนายลี กุน ฮี วัย 66 ปี ประธานกลุ่มบริษัทซัมซุง
เดินทางไปที่สำนักงานอัยการอิสระในกรุงโซล เกาหลีใต้ ตามหมายนัดเพื่อให้ปากคำเรื่องอื้อฉาว
ครอบครองทรัพย์สินมิชอบด้วยกฎหมาย และความผิดปกติในธุรกิจอื่นๆ ท่ามกลางกองทัพสื่อรุมทำข่าว
เนืองแน่นนายลี ซึ่งเป็นผู้บริหารสูงสุดของบริษัทซัมซุง อิเลคทริกส์ ธุรกิจหลักของเครือซัมซุง เปิดเผย
ก่อนเข้าพบทีมสอบสวนว่า เขาได้ยินได้ฟังเกี่ยวกับข้อวิตกและการคาดหมายจากตัวเขาและบริษัทซัมซุง
มาบ้างแล้ว เขาจะให้ความร่วมมือต่อการสอบสวนเรื่องนี้ด้วยความจริงใจ
การสอบสวนสืบเนื่องมาจากข้อกล่าวหาของอดีตหัวหน้าทนายความคนหนึ่งของเครือธุรกิจซัมซุงที่ว่า
ซัมซุงก่อตั้งกองทุนขึ้นมาเพื่อติดสินบนอัยการ เจ้าหน้าที่รัฐ และผู้สื่อข่าว สำหรับนายลี ผู้ลูก ถูกสอบ
ย้อนไปเมื่อปี 2538 เรื่องการโอนสวนสนุก “เอเวอร์แลนด์” ซึ่งก็อยู่ภายใต้ธงซัมซุง ศาลพบว่านายลี ผู้พ่อ
ขายหุ้นเอเวอร์แลนด์ให้นายแจ ยอง และลูกสาวอีก 2 คน ราคาหุ้นละ 7,700 วอน หรือแค่ 1 ใน 10
ของราคาตลาดอันเป็นการขายในราคาต่ำกว่าจริง เพื่อเอื้อประโยชน์ต่อเครือญาติ และไม่ได้จ่ายภาษีด้วย
ก่อนหน้านี้ ศาลก็ตัดสินชี้มูลความผิดในคดีข้างต้นกับผู้บริหารซัมซุง 2 คน เมื่อปี 2548 เมื่อปีที่แล้วผู้บริหาร
2 คนนี้ก็ถูกพบว่าพัวพันข้อทุจริตอีกหลายเรื่อง ด้านบริษัทซัมซุงปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและอยู่ระหว่างอุทธรณ์คดี
สื่อเกาหลีใต้ต่างจับตาดูว่าการสอบสวนจะขยายผลไปถึงนายลี ผู้พ่อหรือไม่ ซึ่งกว่าจะได้ข้อสรุป ก็อาจ
ใช้เวลาจนถึงปลายเดือนเมษายนศกนี้
ทั้งนี้ ซัมซุงถือว่าเป็นเครือบริษัทรายใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้ มีทรัพย์สินรวมกันมูลค่า 280,800 ล้านดอลลาร์
มีมูลค่าส่งออกเมื่อปีที่แล้ว 66,300 ล้านดอลลาร์ หรือมากกว่า 20% ของมูลค่าส่งออกโดยรวมของประเทศ
วันเดียวกัน ศาลตัดสินยกคำฟ้องคดีแพ่ง ซึ่ง “บูล็อก” หรือสำนักงานขนส่งแห่งชาติอินโดนีเซีย เป็นโจทก์
ฟ้องเรียกค่าเสียหาย 550,000 ล้านรูเปียจากนายทอมมี ซูฮาร์โต ลูกชายคนเล็กของนายซูฮาร์โตอดีตผู้นำ
อิเหนาผู้ล่วงลับ และจำเลยอื่นๆในข้อหาคอรัปชัน พร้อมสั่งให้บูล็อก จ่ายค่าเสียหายแก่นายทอมมีเป็นเงิน
5,000 ล้านรูเปีย (ราว 17,600,000 บาท) อันเป็นผลจากการฟ้องกลับของนายทอมมี.