ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
24-04-2024, 10:16
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  == เยื่อรัก ใยแค้น ในแวดวงการเมืองไทย - โดย สิริอัญญา == 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
== เยื่อรัก ใยแค้น ในแวดวงการเมืองไทย - โดย สิริอัญญา ==  (อ่าน 2068 ครั้ง)
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« เมื่อ: 25-02-2008, 01:55 »

มีเหตุให้ไม่ได้เข้าเน็ต และเข้าเน็ตไม่ได้เสียหลายวันเลยครับ บางครั้งเข้าได้ก็มีปัญหาโพสอะไรไม่ได้
วันนี้พอจะโพสได้บ้าง ไปเจอบทความล่าสุดของ สิริอัญญา เล่าถึงเยื่อรักใยแค้นตั้งแต่ยุคหลัง 6 ตุลา 19
ก็เลยเอามาฝากกันอ่านนะครับ

..ไหนๆ ช่วงนี้ก็มีแต่คนพูดถึงเหตุการณ์ตอนสมัย 6 ตุลา 19 เพราะคุณสมัครมั่วข้อมูลขึ้นมาก่อน..

คุณสมัครกับมือที่มองไม่เห็น มีเยื่อรักใยแค้นกันมาก่อนยาวนานถึงเกือบ 30 ปี แม้จะหลุดพ้นคดีมาได้
และแม้ต่อมามีช่วงเวลาหนึ่งที่คุณสมัครได้ร่วมเป็นรัฐมนตรีในสังกัดกว่า 3 ปี แต่ก็ไม่ได้รับเลือกให้
ดำรงตำแหน่งตำแหน่งต่อในสมัยถัดมา แต่ต้องไปเป็นฝ่ายค้านแทน

ไม่แปลกที่จะมีเรื่องเยื่อรักใยแค้นกันมายาวนาน แม้แต่การตัดสินใจรับตำแหน่งนายกฯ ให้ใครเขาว่า
เป็นแค่นายกฯ นอมินี ก็อาจมีเหตุผลหนึ่งมาจากเยื่อรักใยแค้น
ก็อ่านเก็บไว้เป็นข้อมูลนะครับ มีกล่าวถึงอดีตนายกฯ ชวน และใครต่อใครอีกหลายคนเสียด้วย 

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เยื่อรัก ใยแค้น ในแวดวงการเมืองไทย
โดย สิริอัญญา    24 กุมภาพันธ์ 2551 23:55 น.
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9510000022663

ตอนนี้ยังคงป่วยด้วยโรคตับอยู่ ข้อมูลต่างๆ คงจะไม่สมบูรณ์เท่าใดนัก ดังนั้นเพื่อไม่ให้บังเกิดจุดอ่อน
ในการแสดงความคิดความเห็นจนเป็นที่เย้ยหยันกัน ก็ควรจะได้พูดถึงเรื่องเก่าๆ ที่อาจนำพาและก่อตัว
เป็นสถานการณ์ใหม่ทางการเมืองไทยในทุกวันนี้
       
        เพราะเท่าที่นอนฟังการอภิปรายนโยบายของรัฐบาลนั้น ครั้นเมื่อได้ยินนักการเมืองเก่าเขาเท้าความหลัง
ประดาบกันจนเลือดเดือดแล้วก็ดูเหมือนว่าจะเป็นที่สนใจของผู้คน
       
        แล้วใครจะนึกบ้างว่าคนที่แสดงบทบาทเป็นหลักสำคัญๆ ในวันอภิปรายวันแรกนั้นล้วนเป็นพวก
นิติศาสตร์ธรรมศาสตร์รุ่นเดียวกันทั้งนั้น
       
        ท่านอดีตนายกรัฐมนตรีชวน หลีกภัย ท่านนายกรัฐมนตรีสมัคร สุนทรเวช ท่านประธานมีชัย ฤชุพันธุ์
ทั้งสามท่านนี้เป็นนักเรียนกฎหมายธรรมศาสตร์รุ่นเดียวกัน และดูเหมือนว่าท่านอดีตประธานอุทัย พิมพ์ใจชน
ท่านปกิต พัฒนกุล ก็อยู่ในรุ่นเดียวกันนี้แหละ
       
        ท่านเหล่านี้อยู่ในวงการการเมืองไทยมาช้านาน มีเส้นสายโยงใย ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านประวัติศาสตร์
การเมืองมาค่อนข้างยาวนาน จนอาจกล่าวได้ว่าเป็นผู้อาวุโสทางการเมืองของประเทศไทยในรุ่นนี้
       
        ดังนั้นความรู้และประสบการณ์ตลอดจนเกียรติภูมิทางการเมืองจึงไม่มีสิ่งใดเป็นที่น่าสงสัย และความจริง
ก็ควรที่ท่านเหล่านี้จะร่วมกันสร้างสรรค์บ้านเมืองของเราให้ร่มเย็นเป็นสุข ดังบทเพลงบทหนึ่งอันเป็นบทเพลงเชียร์
ประจำมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ว่า “รวมพลัง น้ำใจ ประณามเหล่าพาล อธรรมหรือจะทนทาน วิญญาณเพชรปานเราได้”
หรือคำขวัญในยุคหลังที่ว่า “เรารักธรรมศาสตร์ เพราะธรรมศาสตร์สอนให้เรารักประชาชน”
       
        คนทั้งปวงย่อมหวังตั้งความปรารถนาให้บรรดาท่านผู้อาวุโสทางการเมืองเหล่านี้ได้ร่วมจิตร่วมใจสมานฉันท์
ปรองดองกัน สนองกระแสพระราชดำรัสในวันที่ทรงพระราชทานแก่คณะรัฐมนตรีที่เข้าเฝ้าฯ ให้บังเกิดความสำเร็จให้จงได้
       
        นี่คือผลพวงอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นในวันอภิปรายนโยบายของรัฐบาล และเป็นผลพวงของคนที่เคยเป็นพวกพ้อง
เดียวกันมา เกิดกินอยู่ในชายคาเดียวกันมา
       
        แล้วคนทั้งหลายก็สงสัยว่าทำไมท่านนายกฯ สมัคร สุนทรเวช จึงพร่ำย้ำพูดย้ำทำย้ำกล่าวหาไปยังมือที่มองไม่เห็น
จนเป็นเรื่องน่าเบื่อเต็มทีแล้ว และขณะเดียวกันผู้คนก็สงสัยว่าหลังจากการเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว
ท่านนายกฯ สมัคร สุนทรเวช ก็ประกาศตนเป็นรัฐบาลในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเรียกร้องให้คณะรัฐมนตรี
สนองกระแสพระราชดำรัสให้เป็นผลสำเร็จ
       
        ทั้งยังกำชับเป็นพิเศษสำหรับบางคนด้วยว่า ไม่สมควรที่จะนำพระราชกระแสบางเรื่องที่รับสั่งโดยเฉพาะ
ออกไปพูดภายนอก
       
        ดังนั้นในสถานการณ์ชุลมุนและสับสนอยู่นี้ ก็ควรจะได้รู้เรื่องเบื้องลึกเบื้องหลังอันเป็นรอยรักใยแค้นแต่อดีต
เพื่อจะได้เข้าใจสิ่งที่เป็นไปได้ง่ายเข้า
       
        ท่านนายกฯ สมัคร สุนทรเวช จะเกี่ยวข้องอะไรในเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 หรือไม่เป็นเรื่องที่ท่านจะต้อ
งพูดจารับหรือปฏิเสธเอาเอง แต่ที่พูดได้ก็คือท่านได้เป็นรัฐมนตรีในระบบเผด็จการของพลเรือเอกสงัด ชะลออยู่
หัวหน้าคณะปฏิรูปฯ
       
        โดยได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในขณะที่มีอายุน้อยกว่านัก ดังนั้นความเป็นที่มาของ
รัฐมนตรีว่ามีที่มาจากสรวงสวรรค์หรือจากความฝันของหัวหน้าคณะปฏิรูปฯ หรือเพราะผลงานใดๆ จึงอยู่ในความสงสัย
กังขาของประชาชนตั้งแต่บัดนั้นมา
       
        เพราะจู่ๆ อยู่ดีๆ ไหนเลยที่คนอายุ 30 จะโผล่พรวดขึ้นเป็นเสนาบดีกระทรวงใหญ่ของบ้านเมืองได้
       
        รัฐบาลชุดนั้นเขาเรียกกันว่ารัฐบาลหอย และคณะปฏิรูปฯ ทำหน้าที่เป็นเปลือกหอย รัฐบาลทำหน้าที่เป็นเนื้อหอย
โดยมีท่านอาจารย์ธานินทร์ กรัยวิเชียร เป็นนายกรัฐมนตรี
       
        ในขณะนั้นท่านอาจารย์ธานินทร์ กรัยวิเชียร ยังคงเป็นผู้พิพากษา โดยเคยเป็นศิษย์คนสำคัญของ
ท่านบุศย์ ขันธวิทย์ อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา ท่านจบกฎหมายจากประเทศอังกฤษ และเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องคอมมิวนิสต์
ของ กอ.รมน. ในขณะนั้นด้วย
       
        มีวิทยากรมากมายหลายสาขาอาสาเป็นวิทยากรในการต่อสู้ทางความคิดกับลัทธิคอมมิวนิสต์ และในกลุ่มนั้น
จะมีท่านนายกฯ สมัคร สุนทรเวช อยู่หรือไม่ ก็จำไม่ได้แล้ว
       
        รัฐบาลหอยใช้อำนาจเผด็จการอย่างเข้มงวด ในที่สุดก็ถูกปฏิวัติตกจากเก้าอี้ไป โดยนายทหาร จปร. รุ่นที่ 7
คือรุ่นของพลตรีมนูญกฤต รูปขจร พลเอกพัลลภ ปิ่นมณี พลตรีจำลอง ศรีเมือง นี่แหละ สนับสนุนให้พลเอกเกรียงศักดิ์
ชมะนันทน์ เป็นนายกรัฐมนตรีสืบต่อมา และพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ แม่ทัพภาคที่ 2 ในขณะนั้นก็ได้รับตำแหน่ง
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
       
        กระทรวงมหาดไทยได้รื้อฟื้นการตรวจสอบการทุจริตของรัฐบาลก่อนหน้าในโครงการใหญ่ 2 เรื่อง คือ
โครงการโรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่นโครงการหนึ่ง และโครงการเงินกู้ธนาคารโลกในการก่อสร้างถนนกว่าร้อยสาย
ในภาคอีสานอีกโครงการหนึ่ง มีคุณหญิงท่านหนึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนงานที่สำคัญอย่างยิ่ง
       
        มีการจับกุมดำเนินคดีครั้งใหญ่ในข้อหาเรื่องทุจริต แต่พอเอาเข้าจริงคนที่ตกเป็นจำเลยก็มีแต่ข้าราชการ
ระดับปลัดกระทรวง รองปลัดกระทรวง ระดับอธิบดี และเอกชน ในขณะที่ฝ่ายการเมืองหลุดคดีเบื้องต้นไปได้หมด
       
        ในเรื่องนั้นสื่อมวลชนได้ลงข่าวคราวอย่างกว้างขวางต่อเนื่องเป็นเวลายาวนานในทำนองที่ว่าเป็นการกวาดล้าง
การทุจริตของกระทรวงมหาดไทยที่มีพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นผู้รับผิดชอบทางการเมือง และคนที่ได้รับผลกระทบ
มากที่สุดคืออดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แต่ในที่สุดผลคดีก็ไปไม่ถึง
       
        ในชั้นศาล ศาลยกฟ้องคดีทั้งหมด แต่รอยรักใยแค้นยังคงฝังใจบรรดาผู้เกี่ยวข้องไม่สร่างคลาย เพราะสำคัญว่า
พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ คือผู้นำในการกวาดล้างการทุจริตครั้งนั้น ความอาฆาตจองเวรจึงติดตามต่อเนื่องมา
       
        ดังนั้นอะไรที่จะโยนไปให้มือที่มองไม่เห็นได้ จึงย่อมเกิดขึ้นได้เป็นธรรมดา แต่ที่น่าเกลียดอยู่หน่อยหนึ่งก็คือ
แม้การปล่อยข่าวว่าสมาชิกบ้าน 111 จะมาเป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจก็ยังโยนไปให้มือที่มองไม่เห็น
       
        จึงทำให้การกล่าวหามือที่มองไม่เห็นเป็นเรื่องเหลวใหล แต่ใครเล่าจะรู้รอยแค้นนี้?
       
        พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ในทุกวันนี้เป็นประธานองคมนตรี เป็นรัฐบุรุษที่มีคุณูปการใหญ่หลวงต่อบ้านเมือง
เป็นผู้ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งด้วยพระองค์เอง และได้รับราชการสนองพระเดชพระคุณ
มาเป็นเวลาช้านาน
       
        ไม่เป็นวิสัยที่ใครไหนก็ตามที่มีความจงรักภักดีจะจาบจ้วงล่วงเกินโดยไร้เหตุผล
       
        ในบรรดาคณะองคมนตรีในวันนี้ นอกจากพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ดำรงตำแหน่งเป็นประธานองคมนตรีแล้ว
ยังมีนายธานินทร์ กรัยวิเชียร อดีตนายกรัฐมนตรีซึ่งท่านนายกฯ สมัคร สุนทรเวช เคยร่วมรัฐบาลอยู่กับท่านหลังเหตุการณ์
6 ตุลาคม 2519 ดำรงตำแหน่งองคมนตรีอยู่ด้วย
       
        คนที่ท่านนายกฯ สมัคร สุนทรเวช เคารพนับถือก็เป็นองคมนตรี คนที่ท่านอาจารย์ธานินทร์ กรัยวิเชียร เคารพนับถือ
ก็เป็นประธานองคมนตรี ล้วนอยู่ใต้ฟ้าเดียวกัน ล้วนมีหน้าที่ทำนุบำรุงอาณาประชาราษฎรให้ร่มเย็นเป็นสุขด้วยกัน
       
        คนจีนบอกว่า “หวงเหอมาจากสวรรค์” ในขณะที่คนอินเดียก็บอกว่า “คงคามาจากสวรรค์” ทั้งหวงเหอและคงคา
ล้วนมาจากสวรรค์ทั้งนั้น ล้วนต้องหล่อเลี้ยงพืชพันธุ์ธัญญาหารและชีวิตทั้งปวงให้ร่มเย็นเป็นสุขด้วยกันทั้งนั้น
       
        ในวันนี้รัฐบาลของท่านนายกฯ สมัคร สุนทรเวช ก็คือรัฐบาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว การที่นายกรัฐมนตรี
เรียกร้องต่อคณะรัฐมนตรีให้สนองกระแสพระราชดำรัสจึงเป็นเรื่องที่ชอบที่ควร
       
        อำนาจนั้นไม่จีรังยั่งยืน ชีวิตนี้ไม่จีรังยั่งยืน แต่ความดี ความชั่วจีรังยั่งยืน
       
        ในฐานะทายาทของมหาเสวกผู้ภักดีต่อพระราชจักรีวงศ์ ท่านนายกฯ สมัคร สุนทรเวช จะต้องทำให้การปฏิบัติ
เป็นที่ประจักษ์และเกิดความเชื่อมั่นแก่ประชาชนว่ารัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างแท้จริง
เป็นรัฐบาลของประชาชนอย่างแท้จริง
       
        ต้องใช้การปฏิบัติที่เป็นจริงพิสูจน์ว่ารัฐบาลนี้ไม่ใช่ตัวแทนหรือนอมินีของใครคนใดคนหนึ่ง ไม่ใช่เจว็ดของใคร
คนใดคนหนึ่ง และต้องไม่จำนนต่อแรงบีบคั้นอันไม่ถูกต้องทั้งปวง
       
        พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า วะโส อิสริยัง โลเก อันแปลว่าอำนาจเป็นใหญ่ในโลก อำนาจนี้มีความยิ่งใหญ่กว่า
เหนือกว่าอำนาจของพ่อค้า ขุนนาง ข้าราชการ และประชาชนทั้งปวง
       
        รัฐบาลของท่านนายกฯ สมัคร สุนทรเวช เป็นผู้ครองอำนาจรัฐนี้ จึงไม่มีสิ่งใดที่จะต้องยำเกรงในการทำความถูกต้อง
ให้เกิดขึ้นในบ้านเมือง
       
        เพราะอำนาจนี้เมื่อได้ใช้โดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยามแล้วก็จะก่ออานุภาพและพลานุภาพ
อย่างใหญ่หลวงในการ “ประณามพาล พิทักษ์ธรรม” และนำความร่มเย็นเป็นสุขสู่ราชอาณาจักรนี้
       
        ผู้มีความเป็นธรรมทั้งปวงย่อมยืนเคียงข้างสนับสนุนรัฐบาลที่ว่านี้ แม้จะถูกบั่นทอนบีบคั้นประการใดก็ย่อมไม่มี
ภยันตรายใดไปแผ้วพานได้เป็นมั่นคง
       
        การเมืองเป็นเรื่องของการต่อรองก็จริงอยู่ แต่ความถูกต้องก็ต้องมีอยู่ ความสัตย์สุจริตและการคำนึงถึงประโยชน์
ของประเทศชาติและประชาชนก็ต้องมีอยู่
       
        อีกไม่นานคงได้เห็นความจริงกันว่ารัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลของใคร? คือเป็นรัฐบาลนอมินีหรือเป็นรัฐบาล
ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และหากการไม่เป็นไปตามครรลองคลองธรรมที่พึงเป็นแล้ว ผู้ใดก่อกรรมอันนั้น
ก็ย่อมต้องรับผลแห่งวิบากกรรมเป็นธรรมดา
       
        เราได้แต่ตั้งใจหวังและเอาใจช่วยให้รัฐบาลนี้กอบกู้ฟื้นฟูชาตินำพาชาติบ้านเมืองสู่ความร่มเย็นเป็นสุขสืบไป
และนำพาชาติไปตลอดรอดฝั่งจนครบเทอม
       
        และด้วยความหวังว่าประชาชนจะไม่ผิดหวัง!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-02-2008, 01:58 โดย jerasak » บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 25-02-2008, 03:02 »


ย้อนรอยความแค้น ป๋าหมาก VS ป๋าเปรม

http://www.oknation.net/blog/canthai/2007/12/02/entry-1

ย้อนรอยความขัดแย้ง ป๋าหมากVSป๋าเปรม ( 2 )
http://www.oknation.net/blog/canthai/2007/12/01/entry-2
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-02-2008, 17:56 โดย CanCan » บันทึกการเข้า

drop
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 737



« ตอบ #2 เมื่อ: 25-02-2008, 06:52 »

การเมืองเป็นเรื่องของการต่อรองก็จริงอยู่ แต่ความถูกต้องก็ต้องมีอยู่ ความสัตย์สุจริตและการคำนึงถึงประโยชน์
ของประเทศชาติและประชาชนก็ต้องมีอยู่



พฤติกรรมและพฤติการณ์ กลายเป้นว่า  บิดเบือนทุกอย่างเพื่อ คน ๆ เดียว 

น่าสมเพชแท้ ๆ  หวังว่า  บทความนี้ คงเตือนสติพวกมันได้  แต่หากไม่ได้ 

หายนะ ย่อมตามมาอย่างแน่นอน

 
บันทึกการเข้า

A  Few  Good  Men

Downey: What did we do wrong? We did nothing wrong.

Dawson: Yeah, we did. We were supposed to fight for the people who couldn't fight for themselves. We were supposed to fight for Will.

************************
I  only  want  to  fight  for  my  country as  long as  I ' m alive. I  do nothing  wrong  .  The tyrant  is  still  the  tyrant, I  have  to  expel  them  in  every  step  of  life. When the  time  come,  the  tyrant   will  absolutely  extinguish. That  ‘ s  the   dharma  truth.
Caocao
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 557



« ตอบ #3 เมื่อ: 25-02-2008, 07:50 »

ใครๆก็รู้ หมักชอบงานปูน สร้างๆ รื้อๆ ย้ายๆ ทำอยู่แค่นี้ หลังๆเห็นเริ่มปรับปรุง จากโปคเจ๊คย้ายเขาดินคราวก่อน คราวนี้ย้าย DSI อีกหน่อยย้าย เสรี ขยับไปอีก ย้าย คตส. พัฒนาแค่ไหนดูเอา โครงการระดับชาติทั้งนั้น
บันทึกการเข้า

หลับเถิดทหารกล้า ปวงประชาจะคุ้มครอง
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: 25-02-2008, 18:07 »

ถ้าอยากรู้ว่า นิติมธ.01 คิดยังไงกับ สมัคร สุนทรเวช

ลองเสิร์ชคำว่า "นิติ มธ.01" ดูซีครับ
บันทึกการเข้า

พรรณชมพู
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,073


« ตอบ #5 เมื่อ: 25-02-2008, 18:29 »

ว่ากันว่า  ลูกพระยานั้น แค้น ลูกแม่ค้าพุงปลา เป็นยิ่งนัก เส้นทางเดินของสองคนนี้ มาบรรจบกันครั้งแรกในรั้วโดม ในยามที่มีความเป็นอยู่เกือบจะเท่าเทียมกัน ลูกแม่ค้าพุงปลานั้นเป็นเด็กวัด ลูกพระยานั้นก็ตกยาก ในรั้วมหาวิทยาลัยนั้นเล่า ลูกแม่ค้าพุงปลาร่ำเรียนไปได้อย่างเรียบร้อย แต่ลูกพระยาเกือบถูกลบชื่อออกจากมหาวิทยาลัย เมื่อจบการศึกษา ลูกแม่ค้าพุงปลาก็ทำงานไปตามความรู้ที่จบมา แต่ลูกพระยาไปเป็นเซลลแมน

เมื่อเข้าสู่วงการเมือง ลูกแม่ค้าพุงปลาก็แซงหน้าในพรรคการเมือง ที่บังเอิญให้มาร่วมพรรคกันเข้าอีก เมื่อกรรมหล่นทับลูกพระยา หลังเหตุการ 6 ตุลาคม ลูกแม่ค้าพุงปลาถึงกับต้องลี้ภัยเข้าป่า แต่หลังจากนั้นก็กลับเข้ามารุ่งเรืองทางการเมือง จนได้เป้นถึงหัวหน้าพรรคเก่าแก่ของประเทศ ในขณะที่ลูกพระยาล้มลุกคลุกคลานกับพรรคการเมืองของตนเอง และสิ้นพรรคไปในที่สุด

เกือบจะสิ้นหวังแล้ว กรรมก็หล่นทับเป็นครั้งที่สอง ครั้งแรกนั้นรับกรรมไปได้ปีกว่า จนจบกรรมไปด้วยอาการเกือบเอาตัวไม่รอด คราวที่สองนี้ จะจบอย่างไรก็ไม่ต้องคาดเดา เห็นอยู่แล้วว่ามีแต่เส้นทางลงเหว ส่วนลูกแม่ค้าพุงปลานั้น จบชีวิตการเมืองไปอย่างสวยงามแล้ว

แข่งเรือแข่งพายนั้นแข่งกันได้ แต่แข่งบุญแข่งวาสนานั้นแข่งกันไม่ได้ โบราณก็สอนไว้ เกิดมาเป็นลูกพระยาก็นับว่าบุญนักหนา แต่คนเรานั้นเส้นทางชีวิตข้างหน้า ต้องกำหนดด้วยการกระทำของตนเอง ลูกแม่ค้าพุงปลาได้ทำไว้ให้ดูเป็นเยี่ยงอย่างแล้ว ชาติกำเนิดไม่อาจเทียบ แต่การกระทำเหนือกว่าจนอีกฝ่ายเทียบไม่ได้เช่นกัน

สมัยโบราณนั้น พระบรมราชโองการสั่งให้ตาย ก็ต้องตาย วันนี้ลูกพระยารับพระบรมราชโองการ ให้ทำดีเพื่อบ้านเมือง เพื่อคน 68 ล้านคน แต่ถ้ามุ่งกระทำความชั่วเพื่อคนชั่วคนเดียว ศักดิ์ศรีของลูกพระยา ก็สู้ลูกแม่ค้าพุงปลาไม่ได้

ไม่ว่าจะในชาตินี้ หรือในสัมปรายภพ


ขออัญเชิญบทพระราชนิพนธ์ในล้นเกล้าล้นกระหม่อม พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้พระราชทานบรรดาศักดิ์ให้ เสวกเอก พระยาบำรุงราชบริพาร มาใหอ่านกันค่ะ

อ้างถึง
พฤษภกาสร                               อีกกุญชรอันปลดปลง

โททนต์เสน่งคง                          สำคัญหมายในกายมี

นรชาติวางวาย                           มลายสิ้นทั้งอินทรี

สถิตทั่วแต่ชั่วดี                          ประดับไว้ในโลกา

ความดีก็ปรากฏ                         กิติยศฤาชา

ความชั่วก็นินทา                        ทุรยศยินขจร

 

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-02-2008, 18:34 โดย พรรณชมพู » บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #6 เมื่อ: 25-02-2008, 20:07 »

สายใยไทยทั้งเมือง


วันเสาร์ ที่ 1 ธันวาคม 2550
ย้อนรอยความแค้น ป๋าหมาก VS ป๋าเปรม
Posted by Canไทเมือง , ผู้อ่าน : 644 , 20:19:18 น.   


เห็นท่าศึกที่ถูกตีฝ่ายเดียวจากฝ่ายการเมือง คงดำเนินไปอีกนาน
นั่นเพราะฝ่ายการเมือง พูดเก่ง พูดมาก พูดทุกที่ที่มีโอกาส ผิดบ้างถูกบ้างแต่ก็ไม่ถูกโต้ตอบ
เพราะฝ่าย "ป๋าเปรม" นั้น ฉายา "เตมีย์ไบ้" ย่อมมิใช่จะได้มาโดยง่าย
สาเหตุแขวะรายวันในห้วงนี้ บางคนอาจมองว่า เป็น "ยุทธศาสตร์การเมือง" ช่วงหาเสียง
แต่เหตุร้าวลึกมิใช่เพิ่งจะมีมาตั้งแต่ตอนนี้

25-26 ปีที่แล้ว...

เพราะตลอดระยะเวลาที่ "ป๋าเปรม" เป็นนายกนั้น พรรคปชป. ได้ชื่อว่า "สะตอสามัคคี"
ย่อมปิดโอกาส"ป๋าหมาก" ในทุกที่ทุกเวลา และนี่เป็นอีกเหตุหนึ่งที่สร้างความร้าวลึก
ซึ่งจะว่าไป แค่ป๋าเปรม" ยกพระราชดำรัส "ให้สนับสนุนคนดี ไม่สนับสนุนคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจ"
เนื้อหาของพระราชดำรัสฯองค์นี้ ย่อมเป็นที่ซึมซับกันทั่วไป

แม้แต่กกต. ก็อัญเชิญมาเป็นมิ่งขวัญและอุดมการณ์ในการทำงาน
............................................................................................

ผมมีบทความเก่าๆ มาให้ช่วยกันพินิจพิจารณา และแสวงหาคำตอบ เกี่ยวกับการตามล้างตามเช็ด"ป๋าเปรม" ของคนปากเสียเช่น "ออหมัก" ดังนี้

............................................................................................

หนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ฉบับหนึ่ง เขียนบทความชื่อดังกล่าวข้างบน ผมจึงขอนำเนื้อหา มาลงให้อ่าน ดังนี้

“ฮือฮากันมาตั้งแต่วันที่คำสั่งเลขที่ 748/2521 ของพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย สั่งให้มีการสอบสวนหาข้อเท็จจริง เกี่ยวกับการใช้เงินมากกว่าความจำเป็น ของโครงการเงินกู้ ในการพัฒนาชนบท จากธนาคารโลก ของสำนักงานเร่งรัดพัฒนาชนบท (รพช.) กระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคม สมัยรัฐบาลเกรียงศักดิ์ 1

สาเหตุที่เรื่องดังกล่าว “โด่ง-โป่ง” ออกมานั้น มีสาเหตุด้วยกัน 2 กรณี คือ

1. การคอร์รัปชัน หรือ ลักษณะของ “เสือนอนกิน” ที่บริษัทที่ปรึกษา “หากิน” อยู่กับหน่วยงานของรัฐ นั้น ทำกันมานานเป็นแรมปี ซึ่งส่งผลให้รัฐต้องเสียหาย และสูญเงินไปกับบริษัทที่ปรึกษาเหล่านี้ จำนวนไม่น้อย รวมทั้งสัญญาที่ “ประโยชน์” ตกอยู่กับบริษัทที่ปรึกษา ภายใต้การรู้เห็นเป็นใจของเจ้าหน้าที่ มากกว่าจะผลักดันให้ผลประโยชน์ทั้งหมด ตกอยู่กับการพัฒนาประเทศ อย่างแท้จริง ทำให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทนไม่ได้ และ “โวย” ออกมาในที่สุด ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป

2. เกี่ยวกับกรณีบริษัทวิศวกรที่ปรึกษา TEC. และ รพช.นั้น นอกจาก TEC. จะเป็นบริษัทวิศวกรที่ปรึกษา ที่ “หากิน” กับหน่วยงานราชการมานานแล้ว ยัง “โยง” ไปถึงนักการเมืองอย่าง “สมัคร …..” ที่อดีตเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีมหาดไทย และเป็นผู้ “อนุมัติ” ในสัญญาระหว่าง TEC. กับ รพช.

ด้วยความ “ดัง” ของนักการเมืองผู้นี้ ในฐานะคนของประชาชน ดังนั้นข่าวเกี่ยวกับตัวเขา และ “ญาติ” รับผิดชอบโครงการเงินกู้ดังกล่าว จึงพลอย “ดัง" ไปด้วย

ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ที่รับผิดชอบเกี่ยวกับโครงการเงินกู้ธนาคารโลกรายนี้ ทั้งหมด คือ

1. นายส. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยขณะนั้น ในฐานะผู้ “อนุมัติ” สัญญา ระหว่าง TEC. กับ รพช.

2. นายช. ปลัดกระทรวงมหาดไทยในขณะนั้น ซึ่งลงนาม “เห็นควร” กับสัญญาดังกล่าว ฯลฯ

โครงการผูกขาดของ TEC. เมื่อวันที่ 7 ก.ย. 2522 รพช. ได้ขอบอกเลิกสัญญาที่กระทำไว้กับ TEC. เนื่องมาจาก บริษัทวิศวกรที่ปรึกษาดังกล่าว กระทำผิดสัญญา ซึ่งทาง รพช. จะได้มอบให้ทางกรมอัยการเป็นโจทก์ ฟ้องเรียกค่าเสียหายมากว่า 28 ล้านบาท (ตามสัญญานี้ โครงการจะสิ้นสุดลง ณ วันที่ 6 ก.พ. 2525)

เนื่องจากข่าวนี้ เกิดขึ้นเนื่องมาจากสมัยที่ ออหมัก เป็น รมว.มท. หรือ มท.1 ที่กลายเป็นข่าว เพราะพลเอกเปรม ฯ รมช.มหาดไทย หรือ มท.2 ในรัฐบาลต่อมา สั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน ดังกล่าวแล้ว และผู้บริหารของ รพช. ก็เคยถูกกล่าวหาเรื่องทุจริต จนถูกดำเนินคดีมาแล้ว แต่ขณะนี้ผมยังนึกชื่อไม่ออก

ลองเอาไปถามออหมักหน่อยครับ….เคยมีเรื่องแบบนี้หรือไม่ ท่าน พลเอกเปรม ได้ตรวจสอบเรื่องนี้จริงหรือไม่

ท่านผู้อ่านอย่าเพิ่งเชื่อผมนะครับ ช่วยกันสืบค้นเรื่องนีดู อาจจะกระจ่างใจในที่สุด

เห็นปากดีนัก เลยลองกระชากลากไส้ออกมาให้ดูเล่น ๆ
บางทีเราคนนอกก็มองว่า เอ๊ะ นายสมัคร มีอะไรนักหนากับ"ป๋าเปรม" ถึงได้ "แขวะ" ไปได้ในทุกเรื่อง


ทั้งๆ ที่เรามองแล้ว ที่ป๋าเปรมพูดนั้นล้วนแต่เป็นเรื่องจริง เรื่องที่ประชาชนควรกระทำในเวลาเลือกตั้ง

การขอร้องให้ประชาชนเลือกคนดีเข้าสู่อำนาจ มันบาดหัวใจก็แต่เฉพาะคนเลวเท่านั้นครับ
 
แคน ไทเมือง
Permalink : http://www.oknation.net/blog/canthai
บันทึกการเข้า

Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #7 เมื่อ: 25-02-2008, 20:20 »

สายใยไทยทั้งเมือง


 วันอาทิตย์ ที่ 2 ธันวาคม 2550
ย้อนรอยความขัดแย้ง ป๋าหมากVSป๋าเปรม ( 2 )
Posted by Canไทเมือง , ผู้อ่าน : 493 , 14:44:50 น.   

เมื่อวานนี้ผมเปิดประเด็น "ย้อนรอยความขัดแย้ง" ระหว่าง "ป๋าหมาก VSป๋าเปรม" เพื่อให้ท่านผู้อ่านลองๆ ลำดับเรื่องราวว่า

ทำไมคนที่ชื่อ "สมัคร สุนทรเวช" ถึงได้จองล้างจองผลาญกับการพูดการจาของ  "ป๋าเปรม" มาตลอด

มันมีอะไรลึกซึ้ง ซึ่งคนทั่วไปมองยังไงก็มองไม่ออกมาว่า

การยกพระราชดำรัส "ให้สนับสนุนคนดีให้มีอำนาจ" จึงเสมือนตีงูเข้าที่ขนดหาง
ของผู้คนทางฝั่ง "รักแม้ว"และคนอย่างนายสมัคร สุนทรเวช

ยิ่งมาได้หัวหมูทะลวงฟันที่ชื่อ "สมัคร สุนทรเวช" เข้าไปอีกก็เสมือนผู้มีบารมี ณ กรุงลอนดอนมองเกมขาด

เมื่อวานนี้ผมเปิดประเด็น การเซ็นต์สัญญา รพช. ที่มีเรื่องราวอื้อฉาว ก็เพราะว่าเปิดไปเจอเรื่องที่ "นายวีระ มุสิกพงศ์"บันทึกไว้เมื่อปี 2521
ในหนังสือ "สันดานรัฐมนตรี" ( ที่มีรูปผลชมพู่อยู่หน้าปก )

พลิกไปหน้า 136 ก็เจอเรื่อง "ความสัมพันธ์กับบุคคลบางคน"
คุณวีระ มุสิกพงศ์บันทึกเอาไว้ว่า

....บุคคลบางคนทีมีความผูกพันกับท่านรัฐมนตรีอย่างชนิดแทบจะแยกกันไม่ออก ที่ควรกล่าวถึงในที่นี้สองคนคือ
นายดิเรก อารยะโกศล และนายประดลเดช กัลยาณมิตร....

คนแรกนั้นพอท่านรัฐมนตรีขึ้นมามีอำนาจ ก็ฝากฝังให้คนแรก อยู่ในกทม. ในตำแหน่งใหญ่โต คือตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานตลาด
ภายหลังถูกแม่ค้า ร้องเรียนมากมาย รวมทั้งมีเรื่องฉาวโฉ่ เรื่อง ตลาดสดห้วยขวาง
ว่ากันว่าเป็นเรื่องสัญญาของคนสร้างตลาดกับเรื่องการแบ่งปันผลประโยชน์กับ กทม.

อันเป็นที่มาของความขัดแย้งกับ นายธรรมนูญ เทียนเงิน ในภายหลัง

ภายหลังท่านผู้นี้ก็ได้รับตำแหน่งเป็นกรรมการอะไรต่อมิอะไรมากมาย เช่นกรรมการโรงหมู กรรมการการเคหะแห่งชาติเป็นต้น

คุณวีระได้ยก ข้อเขียนของ "บาแดง" แห่งสยามรัฐ ฉบับวันที่ 1 ก.พ. 2521 จนถึง 4 ก.พ. 2521 ( 4 วันติดๆ)
เปิดโปงความไม่ชอบมาพากลของผู้คนที่ใกล้ชิดท่านรัฐมนตรีปม.

และท้ายบท คุณวีระ มุสิกพงศ์ ตบท้ายว่า..."นายประดลเดช" นั้นเล่า ก็เป็นญาติข้างฝ่ายภรรยาของท่านรัฐมนตรี เดิมเป็นนายช่างใหญ่อยู่ รพช.

พอท่านรมต.ได้เป็นใหญ่ นายประดลเดช ก็ได้เป็นสมาชิกสภาปฏิรูป กรรมการการประปานครหลวง กรรมการการเคหะแห่งชาติ กรรมการจัดซื้อรถยกสำหรับ กทม.

นายประดลเดช มีความสัมพันธ์อย่างไม่ออกหน้าอยู่กับบริษัท T.E.T. ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาของ ร.พ.ช. และต่อมาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นบริษัทวิศวกรที่ปรึกษาของการทางพิเศษชุดที่ท่านรัฐมนตรีแต่งตั้งตัวผู้ว่าฯ อีกแห่งหนึ่ง

ทางร.พ.ช.นั้นได้รับเงินกู้จากธนาคารโลก ประมาณ 500 ล้านบาท เพื่อดำเนินการจัดซื้อเครื่องกลในการก่อสร้างถนนและเจาะน้ำบาดาล
แต่นายประดลเดช คนสนิทของ นายประสงค์ สุขุม เลขาธิการรพช. ได้มีการขัดแย้งกันอย่างรุนแรงกับลูกพี่เสียก่อนด้วยเรื่องนี้

จึงทำให้ท่ารัฐมนตรี ( ป.ม.) สั่งให้ปลัดกระทรวงย้ายเลขาธิการ รพช. ไปเสียจากหน่วยงานที่มีงบประมาณนับพันล้าน ไปอยู่สำนักนโยบายและแผนมหาดไทย ซึ่งมีงบประมาณ ปีละประมาณ 7 ล้านบาท

ภายหลัง นายประสงค์ สุขุม ได้มาเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย จึงมีการ "เอาคืน" อีกครั้ง

เรื่องนี้ นายสมัคร สุนทรเวช ก็เขียนใน "สันดานหนังสือพิมพ์" ตอนหนึ่งว่า...

"หรือไม่เขาก็อยู่ในตำแหน่งดีๆ ตั้งสิบปีคุมเงินเป็นพันล้าน ดันมาย้ายไปอยู่ในตำแหน่งผู้อำนวยการ ที่มีงบประมาณปีละ 7 ล้านบาท...จะไม่ให้คนที่ถูกเข้ายังงี้วิ่งพล่านออกเผาไอ้รัฐมนตรีว่าการได้ยังไง...

( หมายเหตุ นายสมัครเล่าเรื่องตนเองเป็นคนย้ายนายประสงค์ สุขุม แล้วถูกรื้อฟื้นเรื่องขึ้นมาสอบสวนโดยคำสั่ง พลเอกเปรมฯ ทำนองว่า เป็นแค่การแก้แค้นของนายประสงค์ )

ส่วนเลขาธิการการทางพิเศษ ท่านรัฐมนตรี (ป.ม.) ก็ย้ายกลับไปที่กรมทางหลวง ตั้งคนของตัวเองเข้ามา เพื่ออนุมัติโครงการทางด่วนที่มีงบประมาณ 3,000 ล้านบาท ส่วนหนึ่งของโครงการนี้ คือเงินกู้จากต่างชาติ

ที่สำคัญ การกำหนดราคาค่าก่อสร้าง ดันไปขึ้นกับ บริษัท ที.อี.ที. ว่าจะกำหนดราคาอย่างไร

นายวีระ มุสิกพงศ์ลงท้ายว่า...

"ก็ลองคิดกันเล่นๆ ดูเถิดว่า มันจะมีอะไร หรือไม่มีอะไรในกอไผ่ ?"

สำหรับผมนั้นคิดแล้วครับ คิดว่า...มีอะไรในกอไผ่นอกจาหน่อไม้แน่นอน...
เพียงแต่มันหลบๆ ซ่อนๆ จับไม่มั่น คั้นไม่ตาย แค่นั้นเอง...

ผิดถูก คุณสมัคร ก้ไปเคลียร์กับนายวระ มุสิกพศ์ กันเอาเองนะครับ
ใครโกหก ใครไม่โกหก ผมก็งงไปหมดแล้ว

******************
ตัดฉากกลับมาถึงความขัดแย้งระหว่าง "ป๋าหมากVSป่าเปรม" ก็คงต้องย้อนไปสมัยที่ท่าน รัฐมนตรี ป.ม. ดำรงตำแหน่งนั้น
ความขัดแย้งจะมาด้วยเรื่องอะไร ก็ไม่ทราบชัด...แต่...

แต่...การที่ท่านรัฐมนตรี (ป.ม.) ถูกเครื่องยิงระเบิด M72 ในจังหวัดลำปาง ( ภายหลังการสอบสวน ชี้เป้าไปที่ พ.อ. ประจักษ์ สว่างจิตร )

รวมทั้ง ท่านรัฐมนตรี ป.ม. ขึ้น ฮ. ไปทางปราจิณบุรี ก็โดนยิงด้วยจรวจชายแดน ( แต่รอดมาได้ )

ว่ากันว่า...ผู้บังคับการทหารที่ปราจิณบุรี ก็คือ พ.อ.ประจักษ์ สว่างจิตร อีกนั่นเอง

แม้ในการอภิปรายในการตั้งกระทู้ถามเรื่อง การอารักขาบุคคลสำคัญของประเทศในสภาฯ
และเกิดมติมหาชน เรียกร้องให้รัฐมนตรีมหาดไทย ออกมาแสดงความรับผิดชอบ ก่อนการปฏิวัติไล่รัฐบาลหอย 1 เดือน

ก็โดย "พ.อ.ประจักษ์ สว่างจิตร" อีกนั่นเอง

ก็ในเมื่อรู้กันอยู่ว่า "ลูกพี่" ของ จปร.7 นั้นไม่ใช่ใครที่ใหน ก็คือเจ้านายของ พลตรีจำลอง ศรีเมือง ( ประธานรุ่น จปร.7 )

พลตรีจำลอง ศรีเมือง ที่ภายหลัง มาขับไล่นายสมัครจนทำให้ พรรคประชากรไทยแทบจะสูญพันธุ์ ก็คือเขาคนนี้

ซึ่งมี "ลูกพี่ใหญ่" ชื่อว่า "พลเอกเปรม ติณสูลานนท์" คนนั้นนั่นเอง

นี่ไม่นับพวก "สะตอสามัคคี" ที่มีฐานอยู่ในพรรค ปชป. ที่ไม่ยอมถอยให้นายสมัครแม้แต่ก้าวเดียว

จนถึงวันนี้...นี่คือ "ตำนานแค้นฟ้าสั่ง"...ที่ยังหลงเหลืออยู่ในโลกการเมืองไทย

การที่ไปอ้างบุญอ้างคุณ กับนายบรรหาร กรณีโดน พรรค ปชป. ถลกหนังเรื่องสัญชาติ

มันก็แค่การหักหน้าของนายสมัคร ที่มีต่อพรรค ปชป. เท่านั้นเองแหละครับ

จะว่าไปแล้ว ไม่ต้องอ้อมค้อม ศัตรูของทักษิณและศัตรูของนายสมัคร สุนทรเวชก็คือคนๆ เดียวกันนั่นเอง

.........................................

ความดี มักจะอยู่ตรงข้ามความชั่ว

และคนดี มักจะอยูตรงข้ามคนชั่ว เสมอมา... 

แคน ไทเมือง



http://www.oknation.net/blog/canthai/2007/12/02/entry-1
Permalink : http://www.oknation.net/blog/canthai
บันทึกการเข้า

ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #8 เมื่อ: 26-02-2008, 01:08 »

ใครๆก็รู้ หมักชอบงานปูน สร้างๆ รื้อๆ ย้ายๆ ทำอยู่แค่นี้ หลังๆเห็นเริ่มปรับปรุง จากโปคเจ๊คย้ายเขาดินคราวก่อน คราวนี้ย้าย DSI อีกหน่อยย้าย เสรี ขยับไปอีก ย้าย คตส. พัฒนาแค่ไหนดูเอา โครงการระดับชาติทั้งนั้น


สมัยก่อนนี้เสนาบดี'หมัก เมถุน'ชอบ'ตู้เย็น'
เวลาพ่อค้าส่งตู้เย็นฯไปให้...
พ่อค้าต้องดูแลเป็นพิเศษ
ต้องเอากระดาษแดงอัดภายในให้แน่น ๆ
กันเสทือนด้วย.....ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-02-2008, 01:13 โดย ปุถุชน » บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
สมชายสายชม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,048


« ตอบ #9 เมื่อ: 26-02-2008, 01:23 »


เกือบจะสิ้นหวังแล้ว กรรมก็หล่นทับเป็นครั้งที่สอง ครั้งแรกนั้นรับกรรมไปได้ปีกว่า จนจบกรรมไปด้วยอาการเกือบเอาตัวไม่รอด คราวที่สองนี้ จะจบอย่างไรก็ไม่ต้องคาดเดา เห็นอยู่แล้วว่ามีแต่เส้นทางลงเหว ส่วนลูกแม่ค้าพุงปลานั้น จบชีวิตการเมืองไปอย่างสวยงามแล้ว


คุณชวนลงจากหลังเสือมาเจ็ดปีแล้ว

ส่วน "ไอ้หมัก" เพิ่งจะปีนขึ้นหลังเสือ

ขอให้กรรมตามสนองแบบเมื่อครั้ง ๖ ตุลา   

...
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
    กระโดดไป: