http://www.thaipost.net/index.asp?bk=thaipost&post_date=23/Feb/2551&news_id=154954&cat_id=200เปลวสีเงิน เรื่อยๆ มาเรียงๆ แบบเลี่ยงๆ ๖ ตุลา
23 กุมภาพันธ์ 2551 กองบรรณาธิการ
บ้าน-ไม่มีเสา ก็ตั้งอยู่ไม่ได้ ต้นไม้-ไม่มีราก ก็มีชีวิตอยู่ไม่ได้ คน-ไม่สนเรื่องชาติกำเนิด ก็ยากเป็นคน "ประเทศชาติ" ก็เหมือนกัน
ถ้าไม่ยึดประวัติศาสตร์ มันจะเป็นประเทศชาติอยู่ได้อย่างไร?
ผมเคยดูข่าวต่างประเทศอยู่บ่อยๆ ที่ญี่ปุ่น พอใครขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี สิ่งหนึ่งและสิ่งแรกที่เขายึดเป็นประเพณีปฏิบัติสืบต่อกันมา
ต้องไปคารวะ "ศาลเจ้ายาสุกุนิ"
แล้วทางประเทศจีนก็คอยจ้องตาเขม็ง นายกฯ ญี่ปุ่นไปคารวะปุ๊บ ก็จะออกข่าวประท้วง พร้อมแสดงปฏิกิริยาไม่พอใจปั๊บ
ต่างฝ่ายต่างก็ยึดในประเพณีปฏิบัติของประเทศตัวเองเคร่งครัด หัวเด็ดตีนขาดนายกฯ ญี่ปุ่นก็ต้องไปคารวะศาลเจ้า และก็หัวเด็ดตีนขาดอีกเหมือนกันที่จีนก็ต้องคอยประท้วง
เพราะนั่นคือ "ศักดิ์ศรีสัญลักษณ์"
สัญลักษณ์แต่ละวงรอบ แห่งเส้นทางแต่ละเผ่าพันธุ์ที่อัดแน่นกันแต่ละชั้นสืบเนื่องยาวนานต่อๆ มา อันเรียกว่า "บรรพชนชาติ"
ไม่ว่าจะทำในรูปแบบไหน ล้วนเป็นการพิทักษ์เทิด "ประวัติศาสตร์" คือรากของชาติตัวเองที่ต้องศึกษาและรักษาทั้งสิ้น!
ผมไม่ได้ตั้งใจมาคุยเรื่อง "ศาลเจ้ายาสุกุนิ" จึงไม่ขอขยายความให้ยืดยาวนะครับ เผอิญเห็นท่าน "นายกฯ สมัคร" ต้องใช้ลีลา "วัวพันหลัก" ในการตอบคำถามนักข่าวกรณี ๖ ตุลา ๑๙ วานนี้
ทุลัก-ทุเลเต็มที ก็อยากจะช่วยท่านเท่าที่จะทำได้!
คือท่านอายุมากแล้ว ๖ ตุลา ๑๙ ก็นานมาแล้ว ท่านอาจเลอะๆ เลือนๆ ในเหตุการณ์ อย่างนักข่าวเอารูปที่ท่านยืนอยู่ข้างหลังจอมพลประภาส จารุเสถียร ไปให้ท่านดู ท่านก็ร้องแบบเก๋-ไก๋ว่า
"โอ้โห นั่นผมเหรอ ผมยังไม่รู้เลย ไปยืนที่ไหน เมื่อไหร่ ทำไมถึงจำไม่ได้ ไหน..กางหนังสือพิมพ์ให้ดูหน่อย ผมไม่เห็น ผมไม่ได้รับรูปนี้"
นักข่าวเดี๋ยวนี้ก็ทำการบ้านกันมาดีผิดหู-ผิดตา และชักรู้ทางมวยท่านนายกฯ ก็สกัดแย็บตามติดไปอีกชุดว่า
"ท่านยังยืนยันใช่ไหมว่า ไปยืนสนามหลวง และเห็นคนตายเพียงคนเดียวใช่หรือไม่?"
เจอเข้าปากครึ่ง-จมูกครึ่งหมัดนี้ ทำเอา "โมฮัมหมัด อาลี" ต้องอมเลือดตีกรรเชียงกรูดๆ ปัดป่ายเปะปะไปตามสัญชาตญาณนักชกเท่านั้นว่า
"รู้หรือไม่ว่า ข่าวออกมาบอกว่ามีคนถูกเผาที่สนามหลวง ใครก็ไปดูว่าจริงหรือไม่ เพราะอยากไปดูว่าจริงหรือไม่ว่ามีการเอายางมาวางแล้วจุดไฟเผา ใครๆ ก็ไปดูทั้งนั้น ผมอยู่ในกรุงเทพฯ ก็ไปดู หรือสื่อคิดว่ามากกว่า ๑ คน"
นักข่าวเห็นออกอาการเป๋ รัวหมัดใส่อีกชุดทันทีว่า
"มีการระบุว่านายกฯ เคยไปพูดกับนักศึกษาไทยในฝรั่งเศสเมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๐ ว่ามีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก?"
ก็ไม่เสียทีที่เป็นถึงระดับแชมป์โลก โมฮัมหมัดเอาหลังแตะเชือกแล้วฉากแว้บ
ปลิ้นตัวจากมรสุมหมัดไปน้ำขุ่นๆ "เวลานี้ผ่านมาแล้ว ๓๑ ปี ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าพูดไปอย่างนั้น ทำไมผมพูดไปอย่างนั้นก็ไม่ทราบ"
นักข่าวขยิกติด ทิ่มขวาตรงเข้าไปอีกหมัด "จนถึงขณะนี้ทราบข้อมูลเพิ่มเติมหรือไม่ว่า มีคนตายมากกว่า ๑ คน?"
หมัดนี้พิงเชือกไปเลยครับ ชูมือขอยุติการชกไปดื้อๆ
"ผมบอกแล้วว่า จะไม่พูดเรื่องนี้แล้ว ก็จะไม่พูด และเชื่อว่าไม่ใช่ความเสียหายอะไรที่พูดไปอย่างนั้น ผมพูดกับผู้สื่อข่าวต่างประเทศ เมื่อเขาถาม ผมก็ตอบ เป็นสิทธิเสรีภาพของผมแท้ๆ"
นี่แหละครับ อาการเพลี่ยงพล้ำชนิดไม่เคยปรากฏมาก่อนที่เกิดขึ้น ผมก็เป็นห่วงท่าน ความจริงช่วงรอยต่อ "รัฐบาล ม.ร.ว.พลตรีเสนีย์ ปราโมช" กับรัฐบาลหอย "นายธานินทร์ กรัยวิเชียร" ตอน ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙ ช่วงนั้นเหตุการณ์แต่ละวันค่อนข้างไปเร็ว
ถึงแม้ "ท่านนายกฯ สมัคร" จะเป็นตัวละครมีตำแหน่งอยู่ทั้ง ๒ ด้าน คือทั้งด้านถูกปฏิวัติและด้านปฏิวัติ แต่การเปลี่ยนข้างนั้น ใช้เวลาเป็นรอยต่อแคบจริงๆ เพราะฉะนั้น ท่านอาจจะเบลอๆ จำไม่ได้ว่าได้ทำอะไร ได้พูดอะไรไปบ้าง และอยู่ข้างไหนกันแน่ตอนนั้น วันนี้ผมจึงอยากนำบันทึกแต่ละช่วงสั้นๆ ในรอยแต่พลิกขั้ว-พลิกข้างมากระตุ้นต่อมความจำให้ท่าน
-๑๙ ก.ย.๑๙ จอมพลถนอม กิตติขจร บวชเป็นเณรจากสิงคโปร์เข้าไทย มาบวชเป็นพระอยู่วัดบวรนิเวศวิหาร
-๒๓ ก.ย.๑๙ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช นายกรัฐมนตรี ประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกฯ
-๒๕ ก.ย.๑๙ นายอุทัย พิมพ์ใจชน ประธานรัฐสภา ประชุม ๔ พรรคร่วม มีมติให้ ม.ร.ว.เสนีย์เป็นนายกฯ ต่ออีกวาระ และนำความขึ้นกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
-๒๕ ก.ย.๑๙ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้ ม.ร.ว.เสนีย์ เป็นนายกรัฐมนตรี
ก็ขอแทรกให้ทราบนะครับว่า ครม.ของรัฐบาล ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช แห่งพรรคประชาธิปัตย์นี้ มีนายสมัคร สุนทรเวช และนายสมบุญ ศิริธร ฉายาหมูหิน ร่วมเป็นรัฐมนตรีช่วยกระทรวงมหาดไทย และท่านเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ในขณะนั้น
ในช่วงนี้ นับจากจอมพลถนอมบวชเข้าประเทศไทย บรรยากาศ "ซ้ายพิฆาตขวา-ขวาพิฆาตซ้าย" ตึงเครียด เข้มข้นมาก นิสิตนักศึกษา-ประชาชนไม่ยอม เดินขบวนชุมนุมประท้วง พลุ่งพล่านทั้งเมือง
เมื่อ ม.ร.ว.เสนีย์ได้รับโปรดเกล้าฯ กลับเข้ามาเป็นนายกฯ ก็ต้องฟอร์ม ครม.ใหม่อีก ข่าวมีว่า ครม.ใหม่นี้จะไม่มีชื่อนายสมัคร-นายสมบุญเป็นรัฐมนตรีอีก ฉะนั้น ในปฏิทินบันทึกจึงมีว่า
-๑ ต.ค.๑๙ นายสมบุญ ศิริธร และนายสมัคร สุนทรเวช รัฐมนตรีช่วยมหาดไทย ได้ยื่นหนังสือถึง ม.ร.ว.เสนีย์ ว่าหากมีการเปลี่ยน หรือย้ายให้ไปอยู่กระทรวงอื่น จะไม่ยอมรับตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีชุดใหม่
-๓ ต.ค.๑๙ ม.ร.ว.เสนีย์กล่าวว่า เมื่อนายสมัคร กับนายสมบุญ ไม่เต็มใจรับตำแหน่งใหม่ ก็จะไม่แต่งตั้งให้
-๔ ต.ค.๑๙ ศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย ชุมนุมการต่อต้านการกลับมาของพระถนอมที่สนามหลวง มีนักศึกษา-ประชาชนเข้าร่วมจำนวนมาก ต่อมาย้ายไปชุมนุมที่ลานโพธิ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
-๕ ต.ค.๑๙ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรัฐมนตรี และ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
-๕ ต.ค.๑๙ กลุ่มผู้รักชาติชุมนุมประท้วงที่หน้าทำเนียบรัฐบาล คัดค้านการตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ซึ่งนายสมัคร สุนทรเวช และนายสมบุญ ศิริธร รัฐมนตรีช่วยมหาดไทย ไม่ได้รับการแต่งตั้ง
-๖ ต.ค.๑๙ กลุ่มต่อต้านศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย และประชาชน พยายามบุกเข้าธรรมศาสตร์ เกิดการยิงต่อสู้ ตำรวจเข้าเคลียร์พื้นที่
มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก
-๖ ต.ค.๑๙ พล.ร.อ.สงัด ชลออยู่ หัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน เข้ายึดอำนาจการปกครองแผ่นดินจากรัฐบาล ม.ร.ว.เสนีย์ เมื่อเวลา ๑๘.๐๐ น.
-๘ ต.ค.๑๙ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายธานินทร์ กรัยวิเชียร เป็นนายกรัฐมนตรี
ครับ..ที่ผมลำดับเหตุการณ์ไปตามวันให้ท่านเห็น ก็เพื่อคลายความจำสับสนน่ะครับ เพราะช่วงรอยต่อรัฐบาลใหม่ ม.ร.ว.เสนีย์เข้าทำหน้าที่ กับช่วงทหารเข้ายึดอำนาจเป็น "รัฐบาลหอย" มีนายธานินทร์เป็นนายกฯ
เรียกว่า "วันชนวัน"!
หลายคน อาจรวมถึงเจ้าตัวคือ "นายสมัคร" เองด้วย อาจเบลอไปว่า เอ๊ะ..แล้วในบรรยากาศ ๖ ตุลา เราเป็นรัฐมนตรีอยู่ในรัฐบาลฝ่ายไหนกันแน่?
นายสมัครเป็นรัฐมนตรีอยู่ทั้งฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายปฏิวัตินั่นแหละครับ เพียงตกร่องอยู่ช่วงที่ ม.ร.ว.เสนีย์ลาออก และกลับเข้าเป็นใหม่ นายสมัครก็ว่างอยู่ระหว่างฟอร์ม ครม.ใหม่ จาก ๒๓ กันยา ถึง ๕ ตุลา ที่มีพระบรมราชโองการฯ แต่งตั้ง ครม.ชุดใหม่ โดยไม่มีชื่อนายสมัคร แค่ ๑๑-๑๒ วันเท่านั้น
แต่จากวันที่ ๖ ต.ค.ที่ พล.ร.อ.สงัดปฏิรูปล้มรัฐบาล ม.ร.ว.เสนีย์ และนายธานินทร์มาเป็นนายกฯ รัฐบาลปฏิรูปวันที่ ๘ ต.ค.
นายสมัคร-จากอดีตรัฐมนตรีช่วยมหาดไทยของพรรคประชาธิปัตย์ "ซ้ายอ่อนๆ" ก็ข้ามฟากมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของฝ่าย "ขวาจัด" เต็มตัว
ครับ..ค่อยๆ จัดเส้นประสาทให้เข้าที่ "ทีละน้อย" ก่อนนะครับ จะได้จำความหลัง-หายเลอะเลือน เพื่อตอบข้อสงสัยของนักข่าวรุ่นลูกๆ หลานๆ ที่ชอบซักกันอยู่เรื่อยว่า "ตายกี่คนกันแน่?" ได้แม่นยำ ท่านจำชื่อ "สุรินทร์ มาศดิตถ์" รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ สมัยนั้นได้ใช่ไหมครับ แล้ววันจันทร์ ถ้าไม่มีอะไรติดขัด..ไม่ชัด ก็คงมีใครต้อง "ช็อค" กันไปข้างแหละครับ. เฮี้ยหมักจำอะไรไม่ได้ แตวิญญูชน ่คนดี ๆ ที่ยังจำได้ ย่อมมี และเคารพผู้ตาย