ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
20-04-2024, 06:59
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  'พระพยอม'แนะอย่าเลือกนักการเมืองอภิปรายตีรวน ย้ำฟื้นฝอยหาตะเข็บกัน 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
'พระพยอม'แนะอย่าเลือกนักการเมืองอภิปรายตีรวน ย้ำฟื้นฝอยหาตะเข็บกัน  (อ่าน 3064 ครั้ง)
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« เมื่อ: 21-02-2008, 20:58 »

'พระพยอม'แนะอย่าเลือกนักการเมืองอภิปรายตีรวน ย้ำฟื้นฝอยหาตะเข็บกัน
 
21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 18:36:00
 
“พระพยอม”ชี้นักการเมืองคนไหนอภิปรายนโยบายรัฐบาลทำให้เสียบรรยากาศ เลือกตั้งครั้งหน้าอย่าเลือกเข้ามา ระบุมีการโยกโย้ ตีรวน เรื่องราวในอดีต และอนาคตที่ยังมาไม่ถึง ย้ำไม่รู้ว่าจะไปฟื้นฝอยหาตะเข็บกันทำไม

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว กล่าวว่า ในการอภิปรายนโยบายรัฐบาลที่ผ่านมาแทนที่จะจบก็ไม่จบ มีการอภิปรายโยกโย้ ตีรวนกันไปมา เรื่องราวในอดีตที่ผ่านไปแล้ว และอนาคตที่ยังมาไม่ถึง ไม่รู้ว่าจะไปฟื้นฝอยหาตะเข็บกันทำไม
" การบอกว่า นโยบาย 4 ปีรัฐบาลแถลงผิดพลาด ต้องแถลง 6 เดือน เพราะจะต้องยุบสภา ตกลงก็ไม่ต้องเดินหน้าอะไรกันเลย ดังนั้นฝากให้ญาติโยมว่า ในการเลือกตั้งครั้งหน้าใครที่ทำให้เสียบรรยากาศอย่าเลือกเข้ามา"พระพยอม กล่าว


นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกฯและรมว.คลัง กล่าวว่า การอภิปรายนโยบายที่ผ่านมาเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ รัฐบาลโดยนายกฯพร้อมน้อมรับข้อมูลของสมาชิกมาปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น เชื่อว่านโยบายหลาย ๆเรื่องต้องใช้เวลา  แต่หลายเรื่องสามารถปฏิบัติให้เห็นผลได้ทันที เช่น นโยบายด้านเศรษฐกิจ ที่จะทำให้เห็นผลใน 6 เดือน ส่วนมาตรการสำรอง 30% นั้น ขณะนี้ตนรอข้อมูลจากผู้ว่าการ ธปท.อยู่ คาดว่าจะส่งมาให้เร็วๆ นี้ เมื่อได้รับข้อมูลแล้วจะรีบตัดสินใจทันที
 http://www.bangkokbiznews.com/2008/02/21/WW10_WW10_news.php?newsid=232080


หลวงตาบัว และ หลวงพ่อคูณวัดบ้านไร่เคยเลือกข้าง เลือกฝ่ายมาแล้ว
ถึงคราวพระพยอมจะเลือกข้าง เลือกฝ่ายฤา..... Question



บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
jrr.
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 670


« ตอบ #1 เมื่อ: 21-02-2008, 22:18 »


ก่อนหน้าก็ไม่เห็นมีใครจะไปฟื้นฝอยหาตะเข็บกัน

แล้วใครล่ะไปโกหกคำโตกับนักข่าวต่างประเทศ...จนทำให้เป็นเรื่อง
ให้คนเขาต้องฟื้นฝอยหาตะเข็บน่ะ.........

ไอ้คนผิดศีลเห็นๆไม่ด่า...ดันไปด่าคนที่เขาแย้งให้พูดความจริง...สาธุ !!!
บันทึกการเข้า
Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 21-02-2008, 22:38 »

'พระพยอม'แนะอย่าเลือกนักการเมืองอภิปรายตีรวน ย้ำฟื้นฝอยหาตะเข็บกัน
 
21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 18:36:00
 
“พระพยอม”ชี้นักการเมืองคนไหนอภิปรายนโยบายรัฐบาลทำให้เสียบรรยากาศ เลือกตั้งครั้งหน้าอย่าเลือกเข้ามา ระบุมีการโยกโย้ ตีรวน เรื่องราวในอดีต และอนาคตที่ยังมาไม่ถึง ย้ำไม่รู้ว่าจะไปฟื้นฝอยหาตะเข็บกันทำไม

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว กล่าวว่า ในการอภิปรายนโยบายรัฐบาลที่ผ่านมาแทนที่จะจบก็ไม่จบ มีการอภิปรายโยกโย้ ตีรวนกันไปมา เรื่องราวในอดีตที่ผ่านไปแล้ว และอนาคตที่ยังมาไม่ถึง ไม่รู้ว่าจะไปฟื้นฝอยหาตะเข็บกันทำไม
" การบอกว่า นโยบาย 4 ปีรัฐบาลแถลงผิดพลาด ต้องแถลง 6 เดือน เพราะจะต้องยุบสภา ตกลงก็ไม่ต้องเดินหน้าอะไรกันเลย ดังนั้นฝากให้ญาติโยมว่า ในการเลือกตั้งครั้งหน้าใครที่ทำให้เสียบรรยากาศอย่าเลือกเข้ามา"พระพยอม กล่าว


นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกฯและรมว.คลัง กล่าวว่า การอภิปรายนโยบายที่ผ่านมาเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ รัฐบาลโดยนายกฯพร้อมน้อมรับข้อมูลของสมาชิกมาปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น เชื่อว่านโยบายหลาย ๆเรื่องต้องใช้เวลา  แต่หลายเรื่องสามารถปฏิบัติให้เห็นผลได้ทันที เช่น นโยบายด้านเศรษฐกิจ ที่จะทำให้เห็นผลใน 6 เดือน ส่วนมาตรการสำรอง 30% นั้น ขณะนี้ตนรอข้อมูลจากผู้ว่าการ ธปท.อยู่ คาดว่าจะส่งมาให้เร็วๆ นี้ เมื่อได้รับข้อมูลแล้วจะรีบตัดสินใจทันที
 http://www.bangkokbiznews.com/2008/02/21/WW10_WW10_news.php?newsid=232080


หลวงตาบัว และ หลวงพ่อคูณวัดบ้านไร่เคยเลือกข้าง เลือกฝ่ายมาแล้ว
ถึงคราวพระพยอมจะเลือกข้าง เลือกฝ่ายฤา..... Question





ไหนว่าพระห้ามยุ่งการเมืองไง 
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
Solidus
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,381



« ตอบ #3 เมื่อ: 21-02-2008, 22:52 »

น่าถามพระท่านตรง ๆ ไปเลยว่าสนับสนุนให้คนพูดโกหกหรือไม่
บันทึกการเข้า
Cylonn
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 137


« ตอบ #4 เมื่อ: 22-02-2008, 10:59 »

พูดถึงพระพยอมให้นึกถึงตอนโดนโกงที่ สอนคนอื่นได้แต่ปฎิบัติเองไม่เป็น ข่มกิเลสไม่เป็น ผงเข้าตาเขี้ยไม่ออก พาลพะโลประทั่ว คนไม่เกี่ยวข้องก็โดนด่ากราดเดือดร้อนไปด้วย

ก็แค่คนห่มผ้าสีกลัก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-02-2008, 07:11 โดย Cylonn » บันทึกการเข้า
ไม่อยากสมานฉันท์กับคนชั่ว
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 592


เตือนให้นึกถึง Icarus ผู้ไม่ประมาณตน


« ตอบ #5 เมื่อ: 22-02-2008, 17:41 »

อืมม  ตกลงพระพยอมบอกว่า เราไม่ควรเลือกคนที่อภิปรายแบบฟื้นฝอยหาตะเข็บ

แล้วคนที่พูดโกหกล่ะ  ควรเลือกมันมั้ย  ทำไมท่านพยอมไม่พูดถึง

เหมือนตอนเจ้าหน้าที่ที่ดินโกงที่ท่านไป ท่านด่าใหญ่  ถึงพวกเขาจะโกงแต่เขาก็ทำงานนะ อย่าลืม


บันทึกการเข้า
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #6 เมื่อ: 23-02-2008, 23:20 »

จาตุรนต์ย้ำ'สมัคร'พูด 6 ตุลาตาย1คนไม่จริง จี้ศึกษาข้อมูลใหม่
 
23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 11:34:00
 
(Update)"จาตุรนต์"ระบุการที่"สมัคร"พูดว่ามีคนตายเพียงคนเดียว6ตุลาฯ ไม่ตรงความเป็นจริง ย้ำให้"นายกฯ"ศึกษารวบรวมข้อมูลก่อนสรุปบทเรียน แนะชำระประวัติศาสตร์ต้องไม่ใช่แก้แค้นแบบคิดบัญชีให้เกิดความขัดแย้ง

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย และอดีตคนเดือนตุลาฯ นำกลุ่มคนเดือนตุลา อาทิ นายเกรียงกมล เลาหะไพโรจน์ นายวรรณชัย ไตรแก้ว นายกุลชีพ วรพงษ์ นายอำนาจ สถาวรฤทธิ์ นายสมบูรณ์ สิมะแสงยาภรณ์ มาร่วมแถลงข่าวกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศต่อเหตุการณ์ 6 ต.ค.2519 ว่าเห็นผู้เสียชีวิตเพียงคนเดียว ซึ่งไม่ตรงกับความเป็นจริง นายจาตุรนต์ กล่าวว่าจะขอแถลงข่าวให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ 6 ต.ค.2519 ซึ่งในขณะนั้นตนเป็นนักศึกษาอยู่ เป็นกรรมการกลางศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย และเป็นนายกสโมสรมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แล้วก็ได้มีส่วนร่วมเป็นแกนนำในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย

ในขณะนั้นระหว่างและก่อนวันที่ 6 ต.ค.2519 ตนอยู่ที่เชียงใหม่ มีการชุมนุมนักศึกษาประชาชนอยู่เหมือนกัน ที่นั่นไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรง เพียงแต่เกือบจะมี ตนก็ได้เป็นผู้สลายการชุมนุมไปเมื่อตอนสายๆ ของวันที่ 6 ต.ค. 2519เพื่อหลีกเลี่ยงการที่อาจจะถูกปราบปราม

นายจาตุรนต์ กล่าวว่าการที่มาให้ความเห็นในวันนี้ ความจริงก็สืบเนื่องมาจากประเด็นสำคัญ ประเด็นหลักอยู่ที่ว่า การที่นายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์ตอบคำถามผู้สื่อข่าว และมีใจความว่าในเหตุการณ์ 6 ต.ค. 2519นั้น ท่านเห็นคนตาย 1 คน หลังจากนั้นดูเหมือนจะพูดซ้ำทำนองเดียวกันอีกด้วย

จากนั้นก็มีการหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาพูดในที่ประชุมร่วมรัฐสภา ตอนรัฐบาลแถลงนโยบาย ซึ่งก็ดูเหมือนว่า มีการขยายประเด็นไปมากกว่าเรื่องการพูดว่า มีคนตายคนเดียว เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องที่ผู้คนสนใจมาก ในการอภิปรายแถลงนโยบายของรัฐบาล ก็ดูเหมือนเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่อันดับแรก ทั้งๆที่ไม่ใช่เรื่องนโยบายรัฐบาล และก็ยังมีเรื่องค้างอยู่เป็นที่สนใจอยู่ ดังนั้นคิดว่าควรได้ให้ความเห็นต่อเรื่องนี้

นายจาตุรนต์ กล่าวอีกว่า ประเด็นแรกที่จะให้ความเห็น คือการที่ท่านนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า เห็นคนตายเพียงคนเดียว เห็นว่าเป็นการพูดที่เป็นปัญหาอยู่ คือว่าถึงแม้ว่าในขณะนั้น ในวันนั้นท่านเห็นคนตายเพียงคนเดียว แต่ก็น่าจะสามารถหาข้อมูลที่ค้นพบ ที่ผู้อื่นพบเห็นที่มีการค้นพบศึกษารวบรวมข้อมูลกันมาแล้ว ว่ามีคนตายจำนวนมาก และยังมีการจับกุมคุมขังนักศึกษาประชาชนอีกจำนวนมาก

นายจาตุรนต์ กล่าวต่อว่า การพูดว่าเห็นคนตายเพียงคนเดียว แม้จะเป็นข้อเท็จจริงส่วนตัว แต่ก็ไม่ตรงกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น อาจจะทำให้คนอีกจำนวนที่ฟังท่านนายกพูดก็คิดไปว่า เหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 นั้น เป็นเรื่องที่ไม่ได้หนักหนาร้ายแรงอะไร ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้น ก็ต้องหมายความว่า สังคมไทยก็ไม่ได้จำเป็นต้องเรียนรู้สรุปบทเรียนอะไรจากเหตุการณ์ 6 ตุลา

“ผมยังคิดว่ายังอยากเห็นท่านนายกฯ ศึกษารวบรวมข้อมูล ขอข้อมูลจากสื่อมวลชน จากนักวิชาการ จากผู้ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับเรื่องประวัติศาสตร์ในช่วงนี้ และก็แสดงออกถึงการรับรู้รับทราบว่า มีคนตายมากจริง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการสรุปบทเรียนของสังคมไทย”นายจาตุรนต์ กล่าว

นายจาตุรนต์ กล่าวว่า เมื่อทุกฝ่ายทราบชัดเจน ยอมรับตรงกันว่ามีการเสียชีวิตจำนวนมาก มีการจับกุมคุมขังนักศึกษาประชาชนจำนวนมาก การสรุปบทเรียนก็จะเป็นอย่างถูกต้องมากขึ้น และได้ประโยชน์มากขึ้น อย่างไรก็ตามในเรื่องเหตุการณ์ 6 ต.ค. 2519 นี้ ถ้าพูดเฉพาะบางแง่มุมที่สำคัญเหตุการณ์นี้ในวันนี้ได้เกิดเรื่องที่สังคมไทย จะต้องสรุปบทเรียนก็คือ มีการปราบปรามฆ่านักศึกษาประชาชน ตามข้อเท็จจริงที่มีผู้ศึกษาไว้ ซึ่งอาจจะสอบถามยืนยันได้จากญาติพี่น้องของผู้ที่เสียชีวิต

“น่าจะมีผู้เสียชีวิตไปไม่ต่ำว่า 41 คน มีการจับกุมคุมขังนักศึกษาประชาชนอีกไม่ต่ำกว่า 3 พันคน เป็นการปราบปรามนักศึกษาประชาชนที่โหดร้ายทารุณมากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ ของสังคมไทยในยุคหลังๆนี้”นายจาตุรนต์ กล่าว

อดีตแกนนำนศ.เดือนตุลา กล่าวอีกว่า เหตุการณ์ในวันนี้ ถ้าเราจะสรุปบทเรียนที่สำคัญก็คือ ได้เกิดการแก้ปัญหา หรือเกิดการที่รัฐของประเทศไทยเข้าไปจัดการ การมีความคิดเห็นที่ขัดแย้งแตกต่างกันในสังคม โดยใช้ความรุนแรงเข้าจัดการ และในวันเดียวกันในตอนค่ำ ผู้มีอำนาจทั้งหลาย โดยเฉพาะผู้มีกำลังอาวุธอยู่ในมือ ก็ได้ทำการรัฐประหารยึดอำนาจ เปลี่ยนการปกครองจากที่เป็นประชาธิปไตยอยู่ก่อนหน้านั้น ให้เป็นการปกครองแบบเผด็จการที่ล้าหลัง ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่ปกครองแบบเผด็จการอยู่หลายปี ทำให้ประเทศไทยต้องล้าหลังไม่เป็นอารยะประเทศ

ทั้งนี้บทเรียนที่สำคัญก็คือ การแก้ปัญหา การเข้าไปจัดการความแตกต่างทางความคิดอุดมการณ์ โดยใช้ความรุนแรง และเกิดการยึดอำนาจรัฐประหาร นำประเทศไปสู่ระบอบเผด็จการที่ล้าหลัง

“เกี่ยวข้องกันกับว่าคนตายมากตายน้อย ก็คือถ้าหากบอกว่าตาย 1 คน หรือถ้าบอกว่าที่เกิดการปราบปรามกัน เกิดยิงกัน ฆ่ากัน เป็นเพราะตำรวจเมาแล้วทำปืนลั่น มันก็จะกลายเป็นว่า มันเป็นเรื่องที่ไม่หนักหนาอะไร  ไม่จำเป็นต้องสรุปบทเรียนอะไร ฉะนั้นที่ถูกก็คือว่าถ้าเราคิดจะศึกษาประวัติศาสตร์ในเรื่องนี้ เราต้องเข้าใจข้อเท็จจริงตามจริง เพื่อที่จะได้ข้อสรุปดังกล่าว ข้อสรุปที่ว่านี้สังคมไทยได้สรุปกันไปแล้ว”นายจาตุรนต์ กล่าว

อดีตแกนนำ นศ.เดือนตุลา กล่าวว่า หลังเหตุการณ์ 6 ต.ค.2519 ที่นอกจากทำให้ประเทศเป็นเผด็จการแล้ว ยังทำให้เกิดการรบราฆ่าฟันของคนไทยกันเอง มีการเสียชีวิต เสียเลือดเนื้ออีกเป็นพันพันคนหลังจากนั้น กว่าที่สังคมไทยจะหาความยุติความขัดแย้งครั้งนั้นได้ ใช้เวลาหลายปี และในการยุติความขัดแย้งหลัง 6 ต.ค.2519ได้ก็เกิดจากการที่สังคมไทยโดยทุกฝ่ายเห็นว่า จะแก้ปัญหาความแตกต่างทางความคิดอุดมการณ์ได้ ต้องทำให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย แล้วก็ต้องส่งเสริมให้ทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างสันติ ทุกฝ่ายสามารถที่จะดำเนินการทางการเมืองของตนได้โดยสันติวิธีในระบอบประชาธิปไตย

“เมื่อมีข้อสรุปในเรื่องของการออกกฎหมายนิรโทษกรรม ผู้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ 6 ต.ค.2519ทุกฝ่าย มีนโยบายที่ส่งเสริมให้ผู้ที่มีความเห็นแตกต่างกัน สามารถกลับมาอยู่ในสังคมได้อย่างปกติสุข เกิดข้อสรุปของนักศึกษาประชาชนที่ต่อสู้ด้วยกำลังอาวุธ ก็ไม่ใช่ทางออกของประเทศ ทุกฝ่ายก็สามารถที่จะกลับมาร่วมกันพัฒนาประเทศแก้ปัญหาประเทศได้โดยสันติวิธี และที่สำคัญก็คือในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งนั่นเป็นข้อสรุปที่สังคมไทยได้ข้อสรุปไปแล้ว เป็นข้อสรุปที่ดีมากที่จะทำให้ประเทศพัฒนาก้าวหน้าต่อไป”นายจาตุรนต์ กล่าว

นายจาตุรนต์ กล่าวถึงการชำระประวัติศาสตร์ว่า ควรจะมีอีกหรือไม่ ความจริงก็มีคนศึกษามีข้อสรุปไว้แล้วพอสมควร แต่การชำระประวัติศาสตร์ของประเทศไทย ก็มีปัญหาพื้นฐานอยู่ตลอดมา ก็คือว่าเรามักจะสอนวิชาประวัติศาสตร์กันแบบให้คนท่องจำ และบังคับให้คนต้องเชื่อไปทางหนึ่ง ใครจะศึกษาอะไรที่แตกต่างออกไป เมื่อแตกต่างมากๆไม่ตรงกับผู้มีอำนาจหรือไม่ตรงกับคนส่วนใหญ่ในสังคม ก็จะถูกมองว่าเป็นตัวปัญหา ถ้าหากว่าจะชำระประวัติศาสตร์กันเพิ่มเติมอีก ตนคิดว่าเป็นเรื่องดี แต่ว่าควรจะต้องส่งเสริมให้นักประวัติศาสตร์ นักวิชาการหรือผู้ที่สนใจทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นประชาชน หรือสื่อมวลชนที่ต้องการศึกษาเรื่องนี้เพิ่มเติม ก็ควรจะส่งเสริมให้ทำเพิ่มเติม และก็ไม่ควรจะทำเฉพาะเหตุการณ์ 6 ต.ค. 2519ควรจะทำกับเหตุการณ์สำคัญๆที่เกิดขึ้นในประเทศนี้ เพื่อให้เท็จจริงปรากฏ

“ถ้าพูดเฉพาะในกรณี 6 ต.ค.2519 ถ้าเราจะศึกษาเพื่อสรุป เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่เป็นประโยชน์ควรจะชำระประวัติศาสตร์กันอย่างไร ผมคิดว่าเราควรจะได้ให้ข้อเท็จจริง ได้ความเป็นจริง และได้บทเรียนที่มีคุณค่าต่อสังคม เพื่อให้สังคมเดินไปข้างหน้า และก็ไม่ควรเป็นการชำระประวัติศาสตร์เพื่อให้เกิดการคิดบัญชี ให้เกิดการทำลายล้างหรือประหัต ประหารกัน หรือชำระประวัติศาสตร์เพื่อเป็นเครื่องมือทางการเมืองของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพื่อประหัตประหารอีกฝ่ายหนึ่ง”นายจาตุรนต์ กล่าว

นายจาตุรนต์ กล่าวอีกว่า ทั้งเหตุการณ์ตุลาฯ เหตุการณ์พฤษภาฯปี2535 และอีกหลายเหตุการณ์ในอดีต ถ้าจะหาผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ผู้กระทำผิด อาจจะหาได้เป็นหลายๆร้อยคน หรือเป็นพันคน ถ้าสังคมไทยมาชำระประวัติศาสตร์มาค้นคว้าเรื่องเหล่านี้ โดยจะเอาผู้เกี่ยวข้องทั้งหลายมาคิดบัญชีกัน ก็เท่ากับว่าเรากำลังหักล้างข้อสรุปที่ดีของสังคมไทยที่ได้สรุปไปแล้วว่า ในกรณีอย่างนี้สิ่งที่ควรทำก็คือว่าเรามาคิดกันใหม่ว่าการแก้ปัญหา การจัดการกับความแตกต่างทางความคิดไม่ใช่การเข้าประหัตประหารกัน แต่ควรจะเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายมีเวทีมีหนทางวิถีทางที่จะยืนยันหรือดำเนินการตามอุดมการณ์ตามความคิดของตนโดยสันติวิธีและอยู่ร่วมกันอย่างปกติสุขได้

“ฉะนั้นการชำระประวัติศาสตร์ ถ้าจะทำกันผมก็เห็นด้วยว่า ควรจะทำเพิ่มเติม แต่ควรจะมีหลักคิดในการที่จะชำระประวัติศาสตร์ที่ดี และเป็นประโยชน์ต่อสังคมต่อไป”นายจาตรุนต์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า หลักคิดที่ดีที่บอกมันสอดคล้องกับสภาวะสังคมในขณะนี้หรือไม่ เนื่องจากเรื่องนี้เกิดจากการให้สัมภาษณ์ของนายกฯ ซึ่งมันไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ในส่วนที่เป็นการให้สัมภาษณ์ ตนพูดแล้วว่าเป็นปัญหาอยู่ อาจจะทำให้คนสรุปบทเรียนเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ผิดพลาด คลาดเคลื่อนไป ก็เลยทำให้คนอาจจะไม่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับความผิดพลาดของสังคมในอดีตได้เท่าที่ควร ซึ่งตนก็เห็นว่านายสมัคร น่าจะแก้เสีย

เมื่อถามว่า การแก้นี้หมายถึงการออกมาขอโทษ ตามที่หลายฝ่ายเรียกร้องหรือเปล่า นายจาตุรนต์ กล่าวว่า การแก้หมายถึงว่า ท่านได้ข้อมูล ที่เป็นที่รับรู้รับทราบ เชื่อได้ว่ามีคนตายมาก

ต่อข้อถามว่า แสดงว่าไม่จำเป็นต้องขอโทษ นายจาตุรนต์ ย้อนถามว่า ขอโทษในประเด็นไหน ถ้าในประเด็นที่ออกมาพูดอย่างนั้น เมื่อแก้แล้วก็อาจพูดว่า ที่พูดไปไม่ได้มีเจตนาอย่างนี้ แสดงความเสียใจ หรือขออภัย ที่อาจทำให้คนเข้าใจผิดถ้าคลาดเคลื่อนไป อันนี้ก็เป็นเรื่องทำได้ แต่ที่เป็นประเด็นกันอยู่ตนเข้าใจว่า มันเกินจากนั้น เวลานี้ฝ่ายที่วิพากษ์วิจารณ์ โดยที่หยิบยกประเด็นขึ้นมาในสภา นอกสภา หรือที่จ้องทำประเด็นกันต่อ ตนเข้าใจว่าไม่ได้ต้องการแค่ขอโทษ ในประเด็นนี้แต่ต้องการใช้มาเป็นเครื่องมือทางการเมือง และหวังผลมากกว่านั้น ซึ่งในประเด็นนี้ตนก็ไม่เห็นด้วยที่จะมาไล่เรียงดูว่า ใครที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ 6 ตุลา หรือพฤษภา อะไรก็ตาม แล้วจะต้องมาทำลายล้างคิดบัญชีกัน เพราะถ้าใช้หลักนี้ ตนเชื่อว่ามันจะนำไปสู่ความขัดแย้ง ปัญหาในสังคมอีกมากมายเต็มไปหมด ถ้าเราใช้หลักว่าต้องฟื้นเหตุการณ์ในอดีตทุกเหตุการณ์ แล้วมาดูว่าใครมีตำแหน่งอะไรกันอยู่บ้าง แล้วจะจัดการกับคนเหล่านั้นอย่างไร ถ้าไปถึงขั้นนี้ ตนคิดว่าไม่น่าจะเป็นประโยชน์ต่อสังคมไทย

เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้ได้มีการพูดคุยกับนายสมัครหรือไม่ในประเด็นเรื่องนี้ นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ไม่ได้คุยกัน ตนไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะได้คุยอะไรกับนายกรัฐมนตรีบ่อยๆได้

เมื่อซักว่า มองว่านายสมัครบิดเบือนข้อมูลเรื่องนี้เพราะสาเหตุอะไร นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ อาจจะเป็นเรื่องที่เคยตอบไว้แบบนี้ เมื่อถามมาก็ตอบแบบนี้อีก แต่ว่าก็ต้องยอมรับว่า เมื่อพูดแบบนี้ก็ต้องยอมรับให้คนเข้าใจคลาดเคลื่อนไปได้ อาจจะรู้สึกไปได้ว่า ท่านต้องการให้คนเข้าใจว่า ในเหตุการณ์นี้มีคนตายแค่นั้น แค่คนเดียวเท่านั้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการพูดคุยกันในกรรมการสมัย 6 ตุลา หรือไม่ว่า ท่าทีต่อไปจะดำเนินการอย่างไร นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ไม่ได้คุย และคิดว่าคงไม่คุยกัน เพราะว่าผู้ที่เกี่ยวข้อง ผู้นำนักศึกษา 6 ตุลา ส่วนใหญ่ ล้วนแต่เป็นผู้ที่ถูกกระทำ จับคุก หนีเอาชีวิตรอด หลบๆ ซ่อนในอดีต ในปัจจุบันก็มีความคิดในทางการเมืองที่ต่างๆ กันไปอีก จะเห็นได้ว่าในช่วงหลังก็จะมีที่สนับสนุน คมช.ในการยึดอำนาจ หรือหลังยึดอำนาจก็มีไม่เห็นด้วย และคัดค้านก็มี ก็อยู่ในจุดที่จะมาคุย หารือทางการเมืองในประเด็นต่างๆ อะไรก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก

เมื่อถามว่า หากนายกฯ ไม่ออกมาขอโทษ หรือแสดงความรับผิดชอบ จะปล่อยให้ประวัติศาสตร์ถูกนายสมัครบิดเบือนไปเลยหรือ นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ก็ไม่ควรปล่อย ผู้ที่มีข้อมูลมีความรู้ ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ก็ควรจะเปิดเผย นำมาวิพากษ์วิจารณ์ สู่การทำให้สังคมได้รับรู้เรียนรู้มากยิ่งขึ้น เมื่อซักว่าแสดงว่าไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย

นายจาตุรนต์ กล่าวว่า คำว่ารับผิดชอบคืออะไร ตนคิดว่าทางการเมืองนายสมัครก็ต้องรับผิดชอบไป ก็คือคนที่ไม่เห็นด้วยก็คงลดความนิยมท่านไป คนที่เห็นว่าท่านผิดที่มาพูดอย่างนี้ ก็คงจะวิจารณ์ต่อไปและขาดความนิยมไป ไม่ร่วมมือกับท่านในบางเรื่อง ถ้าเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ทีสุด บางคนก็อาจจะไม่ร่วมมือกับท่านก็ได้ ก็จะเป็นอย่างนั้น

เมื่อถามว่า จะฝากอะไรกับคนเดือนตุลาในตอนนี้ ที่อยู่ในฟากรัฐบาลว่า ให้ช่วยออกมาสะกิดนายกฯสมัคร นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ก็คงไม่มีอะไร ข้อมูลไปให้เสียก็ได้ ให้ข้อมูลบ้าง แต่นายกฯ ก็บอกว่าจะหยุดพูดเรื่องนี้ ตอนนี้เราก็คิดว่าถ้าท่านจะพูดอีก ก็ให้พูดแก้เสียให้ตรงกับข้อเท็จจริง

ต่อข้อถามว่า จะนำข้อมูลไปให้นายกฯ หรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า ไม่ต้อง ข้อมูลก็เป็นที่ปรากฏอยู่แล้ว หนังสือพิมพ์ก็ลงอยู่แล้ว ตนก็วิจารณ์ไป ก็ถือว่าวิจารณ์อย่างมิตร ทำไมถึงต้องเป็นมิตร ก็คือความจริงตนกับนายสมัคร ในอดีตก็อยู่คนละขั้วกัน แต่ต่อมาเมื่อตนเข้ามาอยู่ในการเมืองแบบรัฐสภา ร่วมงานกับนายสมัคร เคยร่วม ครม.เดียวกันอยู่บ้าง ก็ไม่ได้ทำงานร่วมกันอะไรมากนัก แล้วก็มาทำงานเป็นฝ่ายค้านร่วมกัน ก็อาจจะร่วมกันมากขึ้นอีกหน่อย เราต่างก็เป็นนักการเมืองในระบบรัฐสภา ที่บอกว่าวิจารณ์อย่างมิตร ก็เป็นเพราะว่า หลังเหตุการณ์วันที่ 19 กันยา นายสมัคร ก็ไม่ได้แสดงความเห็นอะไรมากนัก จนกระทั่งมารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังประชาชน มาถึงตอนนั้นนายสมัครก็พูดวิพากษ์วิจารณ์ คมช.หนักอยู่ ไม่เห็นด้วยกับการยึดอำนาจรัฐประหาร ไม่เห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญ ที่ไม่เป็นประชาธิปไตย และพูดในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ซึ่งพรรคพลังประชาชนมีนโยบายว่า ต่อต้านรัฐประหาร แก้รัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย แก้กฎหมายเผด็จการทั้งหลาย

“ ในแง่นี้ผมเห็นว่า พรรคพลังประชาชนก็ดี หัวหน้าพรรคพลังประชาชนก็ดี ก็เป็นผู้ที่ผมซึ่งต้องการจะต่อสู้เพื่อให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย ต้องการเห็นการแก้รัฐธรรมนูญ การแก้กฎหมายที่เป็นเผด็จการ ก็ต้องอาศัยพรรคพลังประชาชน และหัวหน้าพรรคพลังประชาชน คือนายสมัครอยู่ อันนี้ก็เลยเห็นว่า ก็ต้องอาศัยพรรคพลังประชาชน และนายสมัคร ผลักดันเพื่อทำเรื่องเหล่านี้ และก็หวังว่า พรรคพลังประชาชนและนายสมัครที่เป็นหัวหน้าและเป็นนายกรัฐมนตรี จะทำตามที่ได้แถลงไว้ในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง แต่ทีนี้ถ้าหากมาติดปัญหานี้จนกระทั่งท่านอยู่ในสถานะลำบากขึ้น ลำบากขึ้น ท่านก็จะทำเรื่องที่สัญญากับประชาชนไว้ไม่ได้ ที่วิจารณ์อยากให้ท่านปรับ แก้ คำพูดเสีย ปัญหานี้ก็จะได้ลดน้อยลงไป แล้วจะได้มีเวลาไปทำ เรื่องที่สัญญาไว้กับประชาชน “ นายจาตุรนต์ กล่าว

เมื่อถามว่า ในส่วนของการเปิดเวทีเพื่อหาข้อสรุป นายสมัครควรไปร่วมเวทีด้วยหรือไม่ นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ไม่จำเป็น แต่เวทีที่ว่าควรเป็นเรื่องที่นักวิชาการ นักประวัติศาสตร์ ผู้ที่สนใจเข้าไปร่วม และรัฐบาลจะช่วยให้มีการจัดสัมมนาได้สะดวกขึ้น เผยแพร่ได้ มากขึ้น ให้สังคมได้ศึกษาเรียนรู้ ไม่ควรไปคาดหวังว่า เราจะเกิดการชำระประวัติศาสตร์และเป็นข้อสรุปของรัฐบาลใดรัฐบาลหนึ่ง หรือกรม กระทรวงใด แล้วบอกว่าให้ประชาชนชาวไทยเชื่อคิดตามนั้น อันนี้ไม่ได้ ถ้าเราไปทำอย่างนั้นกลับจะไปทำผลเสียต่อสังคมเพราะว่า มันมีอีกหลายเรื่องที่รัฐ หรือผู้มีอำนาจอยู่ใน กรม กระทรวงต่างๆ เขาสรุปไม่เหมือนนักประวัติศาสตร์ แล้วเขาก็ไม่ค่อยเปิดโอกาสให้นักประวัติศาสตร์ หรือคนที่มีความรู้ ได้เสนอความเห็นที่แตกต่างอะไร เพราะฉะนั้นในเรื่องประวัติศาสตร์ก็ต้องส่งเสริมให้เกิดความรู้อย่างกว้างขวาง ให้คนคิดเห็นต่างกันได้ เมื่อคิดเห็นต่างกัน ประชาชนจะเชื่ออย่างไร ก็เป็นความคิดเห็นของประชาชนแต่ละคนไป แต่การส่งเสริมให้เกิดการศึกษาค้นคว้ามันเป็นเรื่องดี ที่ควรจะทำ และไม่ควรจะทำเฉพาะเรื่อง 6 ตุลา ด้วย ควรจะทำในอีกหลายๆเรื่อง

นายจาตุรนต์ กล่าวอีกว่า เวทีการหาข้อเท็จจริง อันที่จริงมันไม่ต้องทำอะไรมากแล้ว ข้อเท็จจริงมันเป็นที่ทราบเป็นที่ปรากฎ คนที่เชื่อตามข้อเท็จจริงเหล่านั้น หมายถึงการที่มีการศึกษาค้นคว้าไว้ เขาก็เชื่ออย่างนั้นกันไปแล้วเอกสารเหล่านี้ก็ยังมี คนรุ่นใหม่ที่จะมาหาความรู้ก็สามารถทำได้อยู่แล้ว ขณะนี้มันไม่ได้มีประเด็นว่าขณะนี้ตายกี่คน เพียงแต่ว่าพอมีการให้สัมภาษณ์อย่างนี้ขึ้นมาอาจทำให้มีคนไม่รู้หรืออยากจะรู้เลยเข้าใจสับสนไป ตกลงมันไม่ใช่เรื่องใหญ่หรือ “ การพูดว่าตายเพียงคนเดียวนั้นเป็นปัญหา ผมไม่ได้บอกว่าตายกี่คนไม่ใช่ประเด็น ตายกี่คนก็เป็นประเด็น แล้วมันก็มาประเด็นตรงที่ว่าถ้าสรุปว่าตายแค่คนเดียว สมมุติว่าทำให้คนในสังคมคิดว่า ตายแค่คนเดียวมันก็ไม่ต้องสรุปอะไรกันมาก เพราะมันเป็นเรื่องเล็กๆ ไม่ใหญ่ แต่ที่สำคัญมันยังอยู่ที่ว่า จะสรุปกันเพื่ออะไร จะชำระประวัติศาสตร์หรือหาข้อเท็จจริงเรื่องนี้กันเพื่ออะไรกันแน่ ในขณะที่สังคมไทยได้เรียนรู้มาอย่างมีค่าแล้ว ในประมาณ 30 ปีมานี้ว่า เราควรจะสรุปเหตุการณ์ 6 ตุลา ว่า สังคมไม่ควรจะจัดการกับความขัดแย้งแตกต่างทางความคิดอุดมการณ์โดยใช้ความรุนแรง และสังคมไม่ควรจะไปยินดี ชื่นชอบ นิยมชมชอบการรัฐประหารยึดอำนาจ ที่นำประเทศไปสู่เผด็จการที่เลวร้าย 6 ตุลาคืออันนี้ และต้องเปิดโอกาสส่งเสริมให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย ส่งเสริมให้บ้านเมืองแก้ปัญหาต่างๆ โดยสันติวิธี ส่งเสริมผู้ที่มีความคิดเห็นแตกต่างกันอยู่ร่วมกันในสังคม มีที่ยืน เวที ที่จะใช้ความคิดเห็นที่แตกต่างนั้นได้ ข้อสรุปนี้มีคุณค่าต่อสังคมไทยมากอยู่แล้ว ไม่ควรเปิดเวทีเพื่อหวังใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง เพื่อประหัตประหารใครก็ตาม เพราะคำว่าประหัตประหาร ทำลายล้างกันมันเกิดขึ้นได้กับทุกฝ่าย ฝ่ายที่เห็นดีเห็นงาม กับการปราบ ก็บอกว่าต้องปราบผู้นำนักศึกษา หรือนักศึกษา ประชาชนหนักเข้าไปอีก อันนั้นคงไม่น่าเป็นประโยชน์กับใคร “ นายจาตุรนต์ กล่าว

เมื่อถามว่า การชำระล้างประวัติศาสตร์เรื่องนี้  มีความเคลื่อนไหวทั้งจากฝ่ายตรงข้าม และฝ่ายเดียวกัน โดยเฉพาะจาก 111 คน เพื่อเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี นายจาตุรนต์ กล่าวว่า อันนี้ไม่ทราบ ตนไม่เคยคิดไปไกลขนาดนั้น ไม่น่าจะเป็นไปได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะกระทบไปถึงเสถียรภาพเก้าอี้นายกฯ หรือไม่ หากไม่ยอมแก้ไขเรื่องนี้ หากนายกฯ พูดแค่เพียงว่า ไม่ยอมตอบคำถามเรื่องนี้อีกแล้ว

นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ประเมินไม่ถูก ดูจากโทนความสนใจต่อประเด็นนี้ในคนรุ่นปัจจุบัน มีความรับรู้เรื่องนี้น้อย ตนคิดว่าตำแหน่งนายกฯ และการทำงาน ของคณะรัฐมนตรี และรัฐบาล ประชาชนทั้งประเทศก็คงประเมินจากหลายเรื่องประกอบกัน ความคิดเห็นในอดีตที่เป็นปัญหา ก็เป็นเรื่องหนึ่ง การทำตามนโยบาย ที่แถลงไว้ต่อการเลือกตั้ง ทำตามนโยบายที่แถลงไว้ต่อรัฐสภา หรือไม่ ได้ผลอย่างไรดีหรือไม่ดีก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งในการนำมาคิดประเมิน ถ้าหากทำไม่ดีในทุกๆเรื่องก็ย่อมมีผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาล มากหรือน้อย ก็ขึ้นอยู่กับการกระทำหลายเรื่องประกอบกัน ในเวลานี้ ตนเชื่อว่าคนส่วนหนึ่งก็เชื่อในคำพูด 6 ตุลา ซึ่งเขาก็มีเหตุผล ซึ่งเราก็ต้องเคารพในความเห็น ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์อยู่ ในขณะเดียวกันก็มีคนอีกจำนวนมากเร่งอยากให้ รัฐบาลต้องแก้ปัญหาประเทศ คนแบบตนก็อยากให้รีบแก้รัฐธรรมนูญ ทำให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น มีอีกหลายคนก็คงจะติดตามตรวจสอบรัฐบาลนี้ในแง่มุมต่างๆ ตามแต่ความสนใจของแต่ละคน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในฐานะคนเดือนตุลา รู้สึกเจ็บปวดกับคำพูดของนายกฯ ในครั้งนี้หรือไม่ นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ตนได้พูดไปแล้ว ว่าตนไม่ได้พูดไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก ตนพูดว่ามันจะมีผลต่อความคิด การเรียนรู้ต่อสังคมไทยอย่างไร
 

http://www.bangkokbiznews.com/2008/02/23/WW10_WW10_news.php?newsid=232509



นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย และอดีตคนเดือนตุลาฯ นำกลุ่มคนเดือนตุลา อาทิ นายเกรียงกมล เลาหะไพโรจน์ นายวรรณชัย ไตรแก้ว นายกุลชีพ วรพงษ์ นายอำนาจ สถาวรฤทธิ์ นายสมบูรณ์ สิมะแสงยาภรณ์ มาร่วมแถลงข่าวกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศต่อเหตุการณ์ 6 ต.ค.2519 ว่าเห็นผู้เสียชีวิตเพียงคนเดียว ซึ่งไม่ตรงกับความเป็นจริง.............

จาตุรนต์และพวก รู้ว่า 'หมัก เมถุน' โกหกพกลม....
แต่'หมอรักษาความอ้วน' บอกไม่รู้'หมัก เมถุน' โกหกพกลม......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-02-2008, 10:13 โดย ปุถุชน » บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #7 เมื่อ: 24-02-2008, 00:36 »

อ้าว ย้ายข้างกันแล้วเหรอ 
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
taecu
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 63



« ตอบ #8 เมื่อ: 24-02-2008, 01:38 »

  อ้าว

คนพูดโกหก มันผิดตั้งแต่ศีลห้าเลยไม่ใช่ครับท่าน

ยิ่งเป็นผู้ใหญ่ ผู้โตในบ้านเมือง

ต่อไปผมจะสอนลูกหลาน ว่าอย่าพูดโกหกยังไงเนี้ย

ถ้าเด็กมันตอกหน้าว่า ใครๆๆเค้าก็โกหกเพื่อตัวเองทั้งน่าน

จะมีศีลข้อสามที่ท่องๆๆๆไปกันไปทำไม 

ศีลข้อนี้เอาออกดีไหม
บันทึกการเข้า

เราต้องการความจริงจากท่าน
ไม่ใช่ต้องการคำโกหกจากท่าน
morning star
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,119


don't let them make up your mind


« ตอบ #9 เมื่อ: 24-02-2008, 08:08 »

     





                   ไม่มีรัฐบาลไหนในโลกนี้ ล้มเพราะ่ฝ่ายค้านหรอก นอกจากเพราะตัวเอง





บันทึกการเข้า

อย่าเดินตามใคร เพราะเรามีจุดมุ่งหมายของเราเอง
(ก้อนหิน) ละเมอ
Moderator
ขาประจำขั้นที่ 3
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,041



เว็บไซต์
« ตอบ #10 เมื่อ: 24-02-2008, 09:12 »

ตอนหลวงตาบัวด่าแม้ว เห็นพวกราชดำเนินบอกว่าไม่ใช่กิจของสงฆ์
แต่กรณีนี้ ไม่เห็นว่าไง
มาตรฐานอยู่ตรงไหนวุ้ย
บันทึกการเข้า

Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #11 เมื่อ: 24-02-2008, 09:19 »

ตอนหลวงตาบัวด่าแม้ว เห็นพวกราชดำเนินบอกว่าไม่ใช่กิจของสงฆ์
แต่กรณีนี้ ไม่เห็นว่าไง
มาตรฐานอยู่ตรงไหนวุ้ย

มาตรฐานของ รดน อยู่ที่ว่าใครพูด และ พูดเพื่อใคร อิอิอิอิ
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
login not found
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,523



« ตอบ #12 เมื่อ: 24-02-2008, 09:35 »

ตอนเลือกตั้งพวกฝ่ายค้านไม่ได้ขุดเรื่องนี้ขึ้นมาโจมตีนะครับ
จะโจมตีเฉพาะคดีปัจจุบัน เช่น นอมินี รถดับเพลิงเท่านั้น
จริงๆคนขุดคุ้ยเป็นนักข่าวต่างประเทศต่างหาก
เมื่อนักข่าวต่างประเทศที่คุ้ยความจริงขึ้นมาถาม
หมักปาก-หมาด่ากลับ แถมตอแห-ลว่ามีคนตายคนเดียว
เลยจุดประเด็นชนวนให้คนในเหตุการณ์ลุกขึ้นมาถามความจริงกัน
รู้ความจริงไม่หมดแล้วมาพูดแบบนี้เสียพระนะ

ปล.เปิดทีวีไปเจอหมักตอแห-ล ออกทีวี เป็นวันอาทิตย์ที่ซวยจริงๆ
บันทึกการเข้า
55555
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,263



« ตอบ #13 เมื่อ: 24-02-2008, 09:41 »

คนฟื้นฝอยหาตะเข็บ คงไม่ใช่ พรรค ปชป. มั๊งครับ......ในวันที่ คุณ อภิสิทธิ์ อภิปรายวันแรก ...ก็ พูดเพียงเรื่องการแทรกแทรงสื่อ...พูดถึง ตอนที่ คุณสมัครเป็น รมต.มหาดไทย ว่ามีการปิดสื่อมากที่สุด.....แต่ คุณสมัครลุกขึ้นมาอธิบายเรื่อง คนตายในเดือนตุลา เป็นการใหญ่.มันคนละเรื่องกันจริง ๆ ผม ล่ะงง จริง ๆ .......แล้วมันก็เป็นการจุดประเด็นขึ้นในสภา...

ข้อมูลต่าง ๆ ที่ มันพรั่งพรู ออกมาตอนนี้ ใครจะไปรู้...บางที อาจหลุดออกมาจาก คนในพรรค พปช. เองก็ได้....อย่าลืมน๊ะครับ....คนใน พปช.เอง ก็มีอยู่จำนวนไม่น้อยที่ไม่ชอบคุณสมัคร....แล้วยังเรื่องเรื่อง โควต้า ต่ำแหน่งต่าง ๆ อีก........อย่าเอาขี้ไปโยนใส่ พรรคฝ่ายค้ายอย่างเดียว....

นี่เห็นมั๊ย เรื่อง กำลังจะซา จาตุรนต์ ก็ออกมาพูดอีก.....เหอะ ๆ  111 คน เอ๋ย...ลุงหมัก อยากให้กลับมาจริงมั๊ยน๊อ...คิด ๆ ดู...ถ้าพวกเอ็งกลับมา แล้วมาแย่งตำแหน่งนายก รวมทั้ง มาแย่งตำแหน่งกับไอ้พวก รมต.นกแล....ใครจะชอบว้า.....คอยติดตามดูต่อไปครับ


 
บันทึกการเข้า
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #14 เมื่อ: 24-02-2008, 10:07 »

คนฟื้นฝอยหาตะเข็บ คงไม่ใช่ พรรค ปชป. มั๊งครับ......ในวันที่ คุณ อภิสิทธิ์ อภิปรายวันแรก ...ก็ พูดเพียงเรื่องการแทรกแทรงสื่อ...พูดถึง ตอนที่ คุณสมัครเป็น รมต.มหาดไทย ว่ามีการปิดสื่อมากที่สุด.....แต่ คุณสมัครลุกขึ้นมาอธิบายเรื่อง คนตายในเดือนตุลา เป็นการใหญ่.มันคนละเรื่องกันจริง ๆ ผม ล่ะงง จริง ๆ .......แล้วมันก็เป็นการจุดประเด็นขึ้นในสภา...

ข้อมูลต่าง ๆ ที่ มันพรั่งพรู ออกมาตอนนี้ ใครจะไปรู้...บางที อาจหลุดออกมาจาก คนในพรรค พปช. เองก็ได้....อย่าลืมน๊ะครับ....คนใน พปช.เอง ก็มีอยู่จำนวนไม่น้อยที่ไม่ชอบคุณสมัคร....แล้วยังเรื่องเรื่อง โควต้า ต่ำแหน่งต่าง ๆ อีก........อย่าเอาขี้ไปโยนใส่ พรรคฝ่ายค้ายอย่างเดียว....

นี่เห็นมั๊ย เรื่อง กำลังจะซา จาตุรนต์ ก็ออกมาพูดอีก.....เหอะ ๆ  111 คน เอ๋ย...ลุงหมัก อยากให้กลับมาจริงมั๊ยน๊อ...คิด ๆ ดู...ถ้าพวกเอ็งกลับมา แล้วมาแย่งตำแหน่งนายก รวมทั้ง มาแย่งตำแหน่งกับไอ้พวก รมต.นกแล....ใครจะชอบว้า.....คอยติดตามดูต่อไปครับ


 


น่าสงสัยว่าพระพยอมได้ชม ได้ฟังการอภิปรายด้วยตนเอง
หรือได้อ่าน'ใบบอก' หรือ ได้ฟัง'การบอกเล่า'ของ'หมอรักษาความอ้วน'.... Question
บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
แอ่นแอ๊น
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,591


"Angela Gheorghiu" My goddess


เว็บไซต์
« ตอบ #15 เมื่อ: 01-08-2008, 11:46 »

“พระพยอม”มาแปลก ชี้บ้านเมืองแย่สุดรัฐบาลเป็น“เป็ดง่อย” – เชื่อม็อบถ่***อุดรฯ มีท่อน้ำเลี้ยงอยู่เบื้องหลัง
โดย ผู้จัดการออนไลน์    31 กรกฎาคม 2551 17:14 น.

พระ พยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว เดินทางมารับสิ่งของบริจาคและแสดงธรรม ที่คณะวิศวกรรมศาตร์ฯ มทร.อีสาน จ.นครราชสีมา มีคณาจารย์ นักศึกษาร่วมฟังธรรมจำนวนมาก วันนี้ ( 31 ก.ค.)
ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - “พระพยอม”ชี้สถานการณ์บ้านเมืองยุคนี้แย่ที่สุด รัฐบาลกลายเป็น“เป็ดง่อย” ทำอะไรไม่ได้ เผยสลดใจม็อบถ่***ไล่ตีพันธมิตรรฯ ที่ จ.อุดรธานี ถามอายลาว อายเวียดนามหรือเปล่าที่มาทะเลาะกันเองคนทุกวันนี้มันสิ้นคิด เชื่อมีผู้อยู่เบื้องหลังเป็นท่อน้ำเลี้ยงให้ทุนเพียงเพื่อหวังผลประโยชน์ ตัวเอง ประชดทางออกคงต้องให้คนไทยตายไปฝ่ายละล้านถึงจะยอมเลิกรากัน เหตุไม่ยอมฟังใครจ้องแตกหักอย่างเดียว
       
       วันนี้ (31 ก.ค.) ที่คณะวิศวกรรมศาสตร์และสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน (มทร.อีสาน) อ.เมือง จ.นครราชสีมา พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว จ.นนทบุรี เดินทางมารับสิ่งของบริจาคและแสดงธรรม โดยมี คณะอาจารย์ นักศึกษา และประชาชน ให้ความสนใจเข้าฟังธรรมเทศนา จากพระพยอม จำนวนมาก
       
       พระพยอม กัลยาโน เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว จ.นนทบุรี ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า การเดินทางมารับบริจาคสิ่งของและได้แสดงธรรมให้กับเยาวชนนักเรียนนักศึกษา และคณาจารย์ของ มทร.อีสานครั้งนี้ เพื่อต้องการมุ่งเน้นให้เยาวชนประพฤติปฏิบัติตนให้เป็นที่ภาคภูมิใจของพ่อ แม่ ให้พ่อแม่รู้สึกว่าได้ลูกดี ๆ มาเกิด และไม่อยากให้มีนักศึกษาถูกประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิตเหมือนเช่นกรณีเด็กนักศึกษาสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน ทำร้ายนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวายเสียชีวิต ที่ศาลสั่งประหารชีวิตไปแล้ว มันไม่น่าจะเป็นนักเรียนโดนประหาร เพราะผู้ที่อยู่ในวัยเรียน กำลังเพิ่มพูนปัญญาทำไมถึงไปทำเรื่องโง่ แบบนี้ แล้วทำให้ตัวเองต้องโดนประหารชีวิต
       
       “นักเรียน นักศึกษาที่ยกพวกตีกันหรือไปทำสิ่งที่ไม่สร้างสรรค์ เพราะมันมีเวลาว่างมาก ไม่มีกิจกรรมให้ทำ พอไม่มีอะไรทำก็หาเรื่องทำบาปทำชั่ว ทำเลว หาเรื่องตีกัน ถ้าคนเรามีกิจกรรมบุญ กิจกรรมบาปมันก็ไม่เกิดอยู่แล้ว” พระพยอม กล่าว
       
       พระพยอมยังกล่าวถึงเหตุการณ์กลุ่มชมรมคนรักอุดร ทำร้ายประชาชนกลุ่มพันธมิตรเพื่อประชาธิปไตยจังหวัดอุดรธานี จนได้รับบาดเจ็บหลายราย ที่ จ.อุดรธานี ว่า เป็นเรื่องน่าสลดใจคนไทยมาตีกันเอง คนไทยเวลานี้มันสิ้นคิด แทนที่จะออมแรง ออมชีวิตเอาไว้ทำประโยชน์ ให้เข้มแข็งสู้กับต่างประเทศในเรื่องเศรษฐกิจให้ได้ แต่กลับมาตีกันเองแบบนี้ อายลาว อายเวียดนาม หรือเปล่า ประเทศเวียดนามเขาคงอยากจะทำโล่ให้คนไทยแล้ว ที่ทำให้เขาตักตวงผลประโยชน์ด้านเศรษฐกิจไปมาก แต่คนไทยlbมีแต่มาทะเลาะกันเอง
       
       เหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นที่ จ.อุดรธานี คิดว่าน่าจะมีเบื้องหน้าเบื้องหลังแน่นอน โดยเฉพาะผู้ที่อยู่เบื้องหลังซึ่งเป็นท่อน้ำเลี้ยงในการให้ทุน ให้งบ ให้อาหาร ให้ค่าน้ำมันเดินทางมา พวกนี้เป็นคนที่แย่ที่สุด คิดว่ามันต้องเป็นนักธุรกิจใหญ่ ๆ ที่อยากจะล้มคนหนึ่งแล้วดันอีกคนหนึ่งขึ้นมาเพื่อที่จะให้ผลประโยชน์ทาง ธุรกิจแก่มัน
       
       พระพยอม กล่าวต่อว่า ทางออกของสังคมไทยตอนนี้มี 2 ทางคือ ปล่อยให้มันเป็นไป หรือไม่ก็ให้แต่ละฝ่ายตายกันไปฝ่ายละ 1 ล้านคนจึงจะรู้จักพอ พวกไม่รู้เรื่องตายไปล้านหนึ่ง อีกฝ่ายตายไปอีกล้านหนึ่งจะทำให้เหตุการณ์มันหยุดได้เพราะธรรมชาติสอน ใครออกมาพูดอะไรก็ไม่ฟัง หมอประเวศ (นพ.ประเวศ วะสี )พูด หรือ พล.อ.ชวลิต (พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ) พูดเสนอให้รัฐบาลทำอย่างนั้นอย่างนี้ก็ไม่ฟัง มีอยู่อย่างเดียวที่มันจะทำคือ แตกหัก ปิดบัญชี และเช็คบิล คำพูดแบบนี้มันปิดประตูกันแล้ว คนที่เป็นอัจฉริยะทางสมองหรือ “ขงเบ้ง” ออกความคิดมาแล้วก็ยังไม่ฟังกันอีก ก็คงไม่ฟังใครอีกแล้ว ก็ต้องปล่อยมันไป
       
       สำหรับรัฐบาลชุดนี้จะอยู่ได้อีกนานหรือไม่นั้น พระพยอม บอกว่า รัฐบาลจะอยู่นานหรือไม่ไม่สำคัญ แต่หากจะอยู่แบบเป็ดง่อยเช่นนี้มันก็แย่ ถูกตัดขา ถูกดึงปีก ดึงขนจนกระทั่งแทบจะบินไม่ขึ้นอยู่แล้ว เวลานี้ง่อยกินชัด ๆ เลยรัฐบาลชุดนี้
       
       “บ้านเมืองทุกวันนี้ต่างคนต่างอวดใหญ่ใส่กัน ระดมคนไปแสดงพลังตัวเองจึงทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย ทำไมไม่จัดกิจกรรมอะไรใหญ่ ๆ ที่เป็นไปในทางสร้างสรรค์ คิดว่าทำอย่างไรจะจัดกิจกรรมเพื่อบ้านเพื่อเมืองใหญ่ ๆ ให้มันมีบรรยากาศดี ๆ ขึ้นมาบ้าง ให้ประเทศชาติมีน้ำมีท่ามีอาหารที่สมบูรณ์ โลกกำลังจะขาดอาหารอยู่แล้วคนไทยยังมาทะเลาะกันอีก” พระพยอม กล่าว
       
       พระพยอม กล่าวอีกว่า สถานการณ์ บ้านเมืองทุกวันนี้ แย่มาก ๆ แม้ว่ามันจะเคยแย่มาหลายที แต่คราวนี้แย่ที่สุด เพราะมันเรื้อรังยืดเยื้อ คราวก่อนมันแตกหักเร็วปุ๊ปปั๊บ แต่คราวนี้ไม่รู้เอายาขนานไหนมาลง โอสถไหนก็แก้ไม่ได้ เพราะมันดื้อยา หัวดื้อกันทั้งนั้น
       
       นอกจากนี้พระพยอม ยังกล่าวถึงความขัดแย้งเรื่องเขาพระวิหารว่า เขาพระวิหารบรรพบุรุษสร้างมาเพื่อต้องการเป็นศูนย์รวมใจ เอาไว้ทำกิจกรรมทางศาสนา บูชาเทพ เขาไม่ได้สร้างมาเพื่อให้คนมาแย่งชิงกัน หรือต้องมาเลือดตกยางออก มายึดมั่นว่าต้องเป็นของฉันหรือของใคร ต้องเรียกว่ามนุษย์ยุคนี้ปัญญาอ่อนลงทุกวัน วัตถุชิ้นหนึ่งเขาสร้างมาด้วยเจตนาอย่างหนึ่งบัดนี้ก็แปรสภาพเอาไปเป็นชนวน สงคราม แตกแยกขัดแย้ง แม่ค้าที่เคยค้าขาย อยู่ใกล้กับโบราณวัตถุเคยพึ่งพิงอาศัยกลับกลายเป็นหมดโอกาส มันเลยเป็นเรื่องที่แย่


---------------------------------------------

ตถตา ท่านไม่มีเมตตาเลยค่ะ หวังว่าคงไม่เห็นกิตติวุฒโธยุคใหม่นะคะ
บันทึกการเข้า

       

"เมื่อเจตนาเบี่ยงเบนไปจากความจริง การนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง บางทีก็เป็นเพียงภาษาสุภาพสำหรับการพูดเท็จนั่นเอง" : วิถีแห่งปราชญ์ พิมพ์ครั้งที่ ๗ หน้า ๒๐๖
qazwsx
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,359


นักธุรกิจและตำรวจ ต้องออกไปจากการเมือง


« ตอบ #16 เมื่อ: 01-08-2008, 12:08 »

พระรูปนี้ชอบให้ผู้คน "อยู่เงียบ ๆ" แม้เห็นว่า "ถูกเอาเปรียบอย่างเห็น ๆ"
เป็นเจ้ากูผู้ชื่นชม "คนรวย"
เป็นผู้นิยมชมชอบในระบอบ "คฤหัสถ์อุปถัมป์"
สานุศิษย์ของท่านล้วนมีพฤติกรรม "เอามา ๆ - เอามาให้กู - เอามาอีก - เอามาเยอะ ๆ"

ลูกชายผมเคยบอกว่า "ไปดูกระสือที่วัดโสธร"
อันสืบเนื่องจากพฤติกรรมการเก็บค่าใช้จ่าย - ค่าบริการสารพัด
ไม่ว่าจะเป็นที่จอดรถ  ห้องน้ำ - ห้องส้วม
หรือ "พุทธพาณิชย์ ( ลูกชายผมเรียก "โสธรดีพาร์ทเมนท์สโตร์" )" สารพัดสารพัน 
ทั้ง  รำแก้บน ขายหอย  ขายปลาไหล  ข่ายดอกไม้ธุปเทียนและวัตถุมงคล

อีกไม่นานลูกชายผมคงบอกว่า "ไปดูผีปอบที่วัดสวนแก้ว"
อันสืบเนื่องมาจากพฤติกรรม "ไล่ล่า" เหยื่อบริจาคทาน - ซื้อที่ถวายวัด

เอาเหอะนะ...วัดรอบกรุง ฯ
ธรรมกาย - ปทุม ฯ "ผีจานบิน"
โสธร - แปดริ้ว "ผีกระสือ"
สวนแก้ว - นนทบุรี "ผีปอบ"

ยึดถือหลักการว่า "วัดดีย่อมมีผีคุ้ม" ไปพลาง ๆ ก่อนก็แล้วกัน


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-08-2008, 20:51 โดย qazwsx » บันทึกการเข้า

An.mkII
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,984


Out of kontrol....!!!!!


เว็บไซต์
« ตอบ #17 เมื่อ: 01-08-2008, 12:18 »

วันนี้ วันพระ....

วันพระครับพี่น้อง...

พี่น้องใจเย็นๆกันนิด...
บันทึกการเข้า
login not found
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,523



« ตอบ #18 เมื่อ: 01-08-2008, 12:25 »

คงต้องให้ท่านโดนไล่ที่อีกซักสองรอบ
จะได้รู้ว่าทำไมเขาเดือดร้อนเรื่องเขาพระวิหาร

คงต้องให้ลูกวัดท่านพระผู้ใหญ่ตีหัวพระผู้น้อย เพราะพระผู้น้อยเทศน์ดีว่าได้เงินบริจาคมากกว่า
จะได้รู้ว่ามันเป็นเรื่องไม่ยอมใครหรือเป็นเรื่องกิเลสของใคร

เอาแต่ขอๆๆๆ เอาแต่ทำทางโลก ลืมทางธรรมไปหมดแล้ว
บันทึกการเข้า
เงินไหลกองทองไหลมา
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 107



« ตอบ #19 เมื่อ: 01-08-2008, 12:26 »

กราบนมัสการหลวงพ่อค๊า

อิฉันอยากกราบเรียนถามท่านว่า
วันที่ 31 ก.ค.51
คำตัดสินศาลชั้นต้น จำคุกภริยานักการเมือง 3 ปี โดยไม่รอลงอาญา
คนแบบนี้ถือเป็นต้นแบบการโกงแบบบูรณาการไหมค๊า
ควรที่จะเลือกเข้ามาอีกไหมค๊า

สาธุ๊ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
(เวงงงงงงงงงงงงงงงงง)
บันทึกการเข้า
Solidus
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,381



« ตอบ #20 เมื่อ: 01-08-2008, 12:26 »

"เหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นที่ จ.อุดรธานี คิดว่าน่าจะมีเบื้องหน้าเบื้องหลังแน่นอน โดยเฉพาะผู้ที่อยู่เบื้องหลังซึ่งเป็นท่อน้ำเลี้ยงในการให้ทุน ให้งบ ให้อาหาร ให้ค่าน้ำมันเดินทางมา พวกนี้เป็นคนที่แย่ที่สุด คิดว่ามันต้องเป็นนักธุรกิจใหญ่ ๆ ที่อยากจะล้มคนหนึ่งแล้วดันอีกคนหนึ่งขึ้นมาเพื่อที่จะให้ผลประโยชน์ทาง ธุรกิจแก่มัน"

  สักรู้สึกว่าจะออกแนวมิจฉาทิฐิหน่อย ๆ แล้ว
บันทึกการเข้า
แอ่นแอ๊น
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,591


"Angela Gheorghiu" My goddess


เว็บไซต์
« ตอบ #21 เมื่อ: 01-08-2008, 12:45 »

วันนี้ วันพระ....

วันพระครับพี่น้อง...

พี่น้องใจเย็นๆกันนิด...

นอกจากเดือนดับแล้ว วันนี้ยังอาทิตย์ดับด้วยค่ะ
บันทึกการเข้า

       

"เมื่อเจตนาเบี่ยงเบนไปจากความจริง การนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง บางทีก็เป็นเพียงภาษาสุภาพสำหรับการพูดเท็จนั่นเอง" : วิถีแห่งปราชญ์ พิมพ์ครั้งที่ ๗ หน้า ๒๐๖
ooo
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 670


« ตอบ #22 เมื่อ: 01-08-2008, 12:46 »



ลูกชายผมเคยบอกว่า "ไปดูกระสือที่วัดโสธร"
อันสืบเนื่องจากพฤติกรรมการเก็บค่าใช้จ่าย - ค่าบริการสารพัด
ไม่ว่าจะเป็นที่จอดรถ  ห้องน้ำ - ห้องส้วม
หรือ "พุทธพาณิชย์ ( ลูกชายผมเรียก "โสธรดีพาร์ทเมนท์สโตร์" )" สารพัดสารพัน 
ทั้ง  รำแก้บน ขายหอย  ขายปลาไหล  ข่ายดอกไม้ธุปเทียนและวัตถุมงคล


โสธร - แปดริ้ว "ผีกระสือ"

ผมว่าคุณหยามจิตใจของคนแปดริ้วมากไปแล้ว...

หลวงพ่อโสธร คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนแปดริ้วและจังหวัดใกล้เคียง

ไอ้ข้อเท็จจิงที่คุณว่ามันก็มีอยู่จริง เป็นเรื่องของเหลือบที่มาหากินกับวัด วัดไม่ได้มีส่วน

เกี่ยวข้องด้วย และทางวัดเค้าก็พยายามแก้ไขอยู่

การโพสข้อความของคุณ อาจทำให้ผู้อ่านเข้าใจผิดว่าเป็นการกระทำของวัดได้

ขอเรียกร้องให้คุณออกมาชี้แจงให้ชัดเจน และขอโทษคนแปดริ้วด้วย...
บันทึกการเข้า
so what?
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,729


« ตอบ #23 เมื่อ: 01-08-2008, 13:18 »

ฟื้นฝอยหาตะเข็บแต่เป็นเรื่องจริงนี่ไม่ผิดศีลนะครับ

แต่ถ้าเป็นพระเป็นเจ้าแล้วออกมาเทศน์ด้วยอคติ ฝักใฝ่ ลำเอียง
อันนี้เป็นบาปแน่นอนครับ หลวงพ่อ   
บันทึกการเข้า
login not found
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,523



« ตอบ #24 เมื่อ: 01-08-2008, 13:21 »

^
^
เอ่อ....เคยดูสื่อรายงานว่าส่วนหนึ่งเป็นเอกชนภายนอกเข้ามาโดยวัดไม่รู้เห็นจริง
แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นสัมปะทานจากวัดนี่ครับ

ยอมรับนิดนึงว่ามันทำความเดือดร้อนให้กับคนที่เข้าไปสักการะองค์หลวงพ่อโสธร
และปรับปรุงให้มันหมดไปดีกว่าไหมครับ
เพราะทุกวันนี้ถึงอ้างว่าปรับปรุงอยู่ แต่ก็ยังเรียกรับผลประโยชน์จากสัมปะทานอยู่เลย
ถ้าจริงใจแก้ปัญหาจริงผมว่าไล่ออกไปให้หมด
บริการประชาชนฟรีหรือตั้งกล่องบริจาคก็เกินพอแล้ว
บันทึกการเข้า
wat1122
น้องใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1


« ตอบ #25 เมื่อ: 01-08-2008, 13:44 »

เรื่องที่ดินกลับไม่ทำให้ถูกต้องตะเบงเอาเรื่องกับกรมที่ดิน กับคนที่ทำให้มีปัญหากลับบอกว่าเมตตาไม่อยากสร้างเวรกันอีก พระคือผู้รู้แต่ไม่ใช่แกล้งโง่แล้วเงินมี่บริจาคด้วยศัทธาเอาไปทำให้เสียเปล่าแบบนี้โง่หรือแกล้งโง่ บอกหน่อยท่าน
บันทึกการเข้า
ooo
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 670


« ตอบ #26 เมื่อ: 01-08-2008, 13:57 »

ธรรมดาครับของวัดที่มีรายได้มหาศาล ก็มักมีฝูงเหลือบเข้ามาเกาะกิน

ทั้งทางพระ และ ฆราวาส ก็พยายามแก้ปัญหาอยู่ แต่ก็ต้องยอมรับว่า

เป็นเรื่องที่แก้ไขได้ค่อนข้างยาก

แต่ตัวที่ก่อปัญหานั้นเป็นเพียงคนบางกลุ่ม คนหรือ พระส่วนใหญ่ไม่ได้

เกี่ยวข้องด้วย การใช้คำว่า"ไปดูกระสือที่วัดโสธร" พอรับได้ เพราะอาจ

แปลได้ว่าไปดูกระสือ (ที่มาหากิน)ที่วัดโสธร

แต่คำว่า "โสธรดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ หรือ พุทธพาณิชย์" ผมรับไม่ได้จริงๆ

เพราะมันจะแปลไปทางอื่นไม่ได้เลยนอกจาก เป็นการกระทำของวัด

อย่าเอาสิ่งที่เป็นมงคลสูงสุดของชีวิตคน คนหนึ่งมาติเตียนเลย
บันทึกการเข้า
นักตอบกระทู้อิสระ
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 50


« ตอบ #27 เมื่อ: 01-08-2008, 18:38 »

ผมเก็บไว้ในใจนะครับ ประเด็นนี้
เพราะการยุยงให้สงฆ์แตกแยกกัน เป็น บาปที่หนักที่สุด อนันตริยกรรม

ปล่อยให้เป็นกรรมของสงฆ์แต่ละรูปไปเถอะ ฆราวาสอย่างพวกเราอย่าไปก้าวล่วง
บันทึกการเข้า
boyk
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,477



« ตอบ #28 เมื่อ: 01-08-2008, 20:00 »

เห็นด้วยกับข้างบน

ยกเว้นจริงๆ อย่างกรณีเช่นที่สมเด็จพระญาณสังวรณ์ สมเด็จพระสังฆราชพิจารณาว่าผิดหลักธรรมคำสอนอย่างรุนแรง
บันทึกการเข้า

ไล่งับคนโกง ตอกฝาโลงไม่ให้เกิด
qazwsx
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,359


นักธุรกิจและตำรวจ ต้องออกไปจากการเมือง


« ตอบ #29 เมื่อ: 01-08-2008, 21:23 »


ถ้าหากคำ "วิพากย์" สถานการณ์ที่ีเกิดขึ้นกับวัดโสธรของผม  ทำให้คุณ ooo รู้สึกเสียหายหรือถูกทำร้ายจิตใจ
ผมก็ขอโทษไว้ ณ ที่นี้ก็แล้วกัน

โดยข้อเท็จจริงแล้วก็คือ  ผมรู้สึกรังเกียจเรื่องแบบนี้ "ทุกวัด" หรือ "ทุกเทวสถาน - พุทธสถาน" นั่นล่ะ
ก่อนหน้านี้ก็เรื่องศาลหลักเมือง ( คุณอาจะไม่ทันได้เห็น ) กรุงเทพ ฯ
ที่สารพัด "คนทำมาหากิน" ชนิดที่ว่ายังไม่ทันที่จะได้ก้าวขึ้นฟุตบาท  หลังจากข้ามมาจากฝั่งวัดพระแก้ว
( น่าจะเป็นประตูวิเศษไชยชาญ ) ก็จะพบว่ามีฝูงเปรต - กระสือ แห่กันเข้ามา "ขายนกกระจาบ" และสารพัดดอกไม้ธูปเทียน
ชนิดที่ว่าทำเอารถราต้องจอดรอกันเป็นแถวยาว จากการผลักไสยื้อยึดกันระหว่างผู้ค้าและ Prospect

พระพุทธโสธรนั้น  ผมเคยสักการะมาตั้งแต่สมัยที่ท่านยังตั้งอยู่ในมณฑปไม้แคบ ๆ เล็ก ๆ
แล้วก็สักการะเรื่อยมา หากผ่านทางไปแถวนั้น  ทั้งขณะที่ยังเป็นข้าราชการหรือลาออกมาทำกิจการส่วนตัว
จนทุกวันนี้ "ถอยดีกว่า" ไม่...แม้แต่จะแวะเข้าไปแถว ๆ วัด
"เข้าไม่ถึง" จริง ๆ  ครับ
ยิ่งเจอสถานการณ์ "รถเบ๊นส์ - เส้นใหญ่ - แม่ค้าพ่อค้า" ได้จอดรถ "่ใกล้ ๆ สะดวก ๆ"
ในขณะที่ "คนมาทำบุญทั่วไป" ต้องดิ้นรนหาที่จอดรถห่างออกไปเป็นร้อย ๆ เมตร
พอเสร็จธุระแล้ว ออกมาก็ต้องเจอกับ "ค่าเข็นรถ" 20 - 40 บาท
...เจอแบบนี้  อีกไม่นานผมกับครอบครัวก็ขอ Bye Bye

ครั้งสุดท้ายที่ผมสักการะพระพุทธโสธร
เป็นขากลับจากการเข้าไปตรวจสอบข้อเท็็จจริงที่โรงเจแห่งหนึ่ง
ซึ่งโดนโจรบุกเข้าไปปล้นพระพุทธรูปไม้ ( รูปแกะสลักแม่กวนอิม ) และทำร้ายแม่ชีจนบาดเจ็บ
แต่แทนที่ทางโรงเจจะได้รับการคุ้มครองจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ
การกลับเป็นว่าตำรวจกลับพยายามเอาเรื่องเอาราวกับแม่ชีในโรงเจอีกคนหนึ่งในข้อหาไม่มีใบอนุญาตเข้าเมือง ( เป็นแม่ชีแก่ ๆ - พูดไทยไม่ได้สักคำ )



กลับมาที่วัดสวนแก้ว
...ร้อน
เข้าไปแล้วรู้สึก "ร้อนรุ่ม" ในหัวใจ
...รับรู้ถึง "รังสีฆ่าฟัน" ที่แผ่กระจายหนาแน่นทั่ววัด  จนเป็นที่อึดอัดยิ่ง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-08-2008, 23:33 โดย qazwsx » บันทึกการเข้า

ooo
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 670


« ตอบ #30 เมื่อ: 01-08-2008, 23:13 »

ถ้าหากคำ "วิพากย์" สถานการณ์ที่ีเกิดขึ้นกับวัดโสธรของผม  ทำให้คุณ ooo รู้สึกเสียหายหรือถูกทำร้ายจิตใจ
ผมก็ขอโทษไว้ ณ ที่นี้ก็แล้วกัน

โดยข้อเท็จจริงแล้วก็คือ  ผมรู้สึกรังเกียจเรื่องแบบนี้ "ทุกวัด" .......


ครับผมเองก็รู้สึกรังเกียจ และรู้สึกอับอายแทน กับการกระทำของคนเหล่านั้น เสียชื่อหมด

แต่อย่างว่าครับ เป็นเรื่องของคนที่มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมมาหากินกับวัด ซึ่งวัด และองค์

หลวงพ่อโสธรไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย คำพูดที่ว่า โสธรดีพาร์ทเม้นสโตร์ หรือ พุทธพาณิชย์

จึงค่อนข้างสะเทือนใจพอสมควร

แต่อย่างไรก็ดี เมื่อคุณปู่เย็น ได้แสดงความรับผิดชอบ ออกมาแล้วก็ไม่เป็นไรครับ ...

ผมกลับรู้สึกนับถือในน้ำใจ ความมีเหตุผล ความเอาใจเขามาใส่ใจเรา เคารพในความคิด

หรือความเชื่อของคนอื่น ของคุณมาก แบบนี้สินะที่เรียกว่ามีความเป็นประชาธิปไตยสูง

ขอแสดงความนับถือ และขอบคุณในน้ำใจอีกครั้งครับ...

ไม่โกรธกันนะ รวมพลังไล่ระบอบชั่วร้ายออกไปจากสังคมไทยกันดีกว่านะครับ
บันทึกการเข้า
แอ่นแอ๊น
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,591


"Angela Gheorghiu" My goddess


เว็บไซต์
« ตอบ #31 เมื่อ: 01-08-2008, 23:22 »


กลับมาที่วัดสวนแก้ว
...ร้อน
เข้าไปแล้วรู้สึก "ร้อนรุ่ม" ในหัวใจ
...รับรู้ถึง "รังสีฆ่าฟัน" ที่แผ่กระจายหนาแน่นทั่ววัด  จนเป็นที่อึดอัดยิ่ง


ปู่เย็นคะ แอนรู้สึกอึดอัดคับข้องใจตั้งแต่รอบที่แล้วแล้วค่ะ คือ ตอนนั้นไม่ทราบอย่างไร มีผู้ใหญ่ท่านนึงมาเล่าว่า ท่านดูทีวี แล้วพระเทศน์ว่า "ประเทศพม่า ประเทศจีนตาย คนเค้าเอาของไปช่วย แต่ถ้าประเทศไทยตาย เค้าจะเอาโลงมาช่วย"

(ตอนนั้นมีเรื่องพายุนากีส กับแผ่นดินไหวหมาดๆ) แอนงี้ได้ยินแล้วเหวอเลยอ่ะ ท่านเทศน์ได้ยังไงแบบนั้น ไม่มีเมตตา บางคนได้ยิน ก็ยังเถียงแทนว่า ที่เทศน์แบบนี้ให้ฉุกคิด คือ ลักษณะการเทศน์ มันต่างจาก มรณานุสติ ที่แอนรู้จักอ่ะ มันฟังดูแล้วร้อน และโหด***ม
บันทึกการเข้า

       

"เมื่อเจตนาเบี่ยงเบนไปจากความจริง การนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง บางทีก็เป็นเพียงภาษาสุภาพสำหรับการพูดเท็จนั่นเอง" : วิถีแห่งปราชญ์ พิมพ์ครั้งที่ ๗ หน้า ๒๐๖
login not found
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,523



« ตอบ #32 เมื่อ: 02-08-2008, 00:42 »

เวลาไหว้พระ ผมไหว้้ที่ธรรมครับ ไม่ได้ไหว้ที่รูป
ดังนั้น พระเดินห้าง พระอวดอุตริ พระนะจ๊ะ ฯลฯ ผมไม่ไหว้

หรือจะไหว้พระพุทธรูป ที่ไหนเห็นแล้วชวนนึกถึงพุทธคุณ ธรรมคุณ องค์ไหนที่ไหนก็เหมือนกัน
แต่พุทธรูปอีทีในวัดจานบิน พุทธรูปเหยียบโลก พุทธรูปจากนิมิตรประหลาด
พุทธรูปในสถานที่อันเห็นแล้วไม่เกิดศรัทธา เช่นในสนามบอล นั่นก็ไหว้ไม่ลง

เรื่องมากไปไหมเนี่ย.....
บันทึกการเข้า
almondflavor
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 320



« ตอบ #33 เมื่อ: 02-08-2008, 10:41 »

วันนึง ณ ไอทีมอลล์ บางแค เราเอาของไปเคลม ระหว่างรอรับของที่เคลม

ช่องทางเดินแคบๆเราก็ยืนคุยกะแฟนเราอยู่

ก็มีพระคนนึง ตัวใหญ่ๆ วัยกลางคน แต่งชุดพระไม่เรียบร้อย

มันก็เดินมากระแทกเรา โครม เราเซไป ทั้งๆที่เรายืนเฉยๆ

และไม่ได้หันไปทางนั้นทำให้เราไม่เห็นมัน

ปกติเดินชนอย่างนี้ นี่เรากระชากคอถามแล้วนะ

เราหันไปเห็นว่าเป็นพระ เราก็มองหน้ามัน แฟนเราก็ดึงเราไว้เนื่องด้วยรู้จักนิสัยดี

มันก็มองหน้าเราแบบกวนๆ แล้ว็เดินไป แม่...ง...เจ็บใจชิบเลย

ถ้าไม่ได้ใส่เกราะเหลืองนะ มีต่อยกันแล้ว

เคยเห็นแต่พระสงบๆ น่าเลื่อมใส พระเดินห้าง เดินร้านคอมพ์นี่ไม่เคยนับถือเลย

เรานับถือคำสั่งสอนของพระพุทธองค์เป็นหลักใหญ่

เพราะในกรุงเทพ อะไรๆก็เชื่อถือได้ยาก
บันทึกการเข้า
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #34 เมื่อ: 02-08-2008, 10:59 »

คนไทยส่วนใหญ่เป็น'พุทธมะกะ'....
ถึงเป็นคนในศาสนาอื่น ลัทธิอื่นๆ ก็พอจะเข้าใจความเป็น'พุทมะกะ'บ้าง
เว้นแต่คนปิดปาก ปิดหู ปิดตา.....

'ความเป็นกลาง' 'ความรักสันติ' 'ไม่ยุ่งเกี่ยวการเมือง' ต้องเข้าใจให้ถูกต้อง
มิใช่หยิบมาพูดโดยบิดเบือนข้อเท็จจริง....

ถ้าคนหนึ่ง(ไม่อยากพูดถึงพระ)บอกคนอื่นๆ อย่าออกไปชุมนุม
อย่าออกไปขับไล่รัฐบาล ถือว่า'เป็นกลาง'ทางการเมืองนั้น....

ผมว่า'คนนั้น'เลือกข้างแล้วครับ....


ปล.'หมัก เมถุน' บอกประชาชนว่า...
อย่าออกไปสนับสนุน'พันธมิตรฯ' หรือ 'นปก.'(แนวร่วมเป็ดไก่)ในขณะนี้...

เป็นการแฝงเร้นการห้ามปรามไม่ให้คนไทยสนับสนุน'พันธมิตร' มากกว่า
เพราะคนอยากออกไปสนับสนุน'พันธมิตรฯ'มากกว่า'แนวร่วมเป็ดไก่'....

ยิ่งมีคนไปชุมนุมสนับสนุน'พันธมิตรฯ' น้อยเท่าใด
การให้'แนวร่วมเป็ดไก่' ออกมาประท้วงต่อต้าน'พันธมิตรฯ' ก็ไม่จำเป็น....


ปล. 'หมัก เมถุน' เคยให้สัมภาษณ์'ขึงขัง'ว่าไม่ต้องการให้ 'NBT'สนับสนุน เชลียร์รัฐบาล...!!!

คนที่ได้ชม ได้ฟังรายการการเมืองของ'NBT' .....
สามารถตัดสินได้ผู้บริหาร'NBT'ได้ปฏิบัติตามเจตนาของ'หมัก เมถุน' หรือไม่....ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า


บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
GODFATHER
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 112


« ตอบ #35 เมื่อ: 02-08-2008, 13:27 »

โดยเฉพาะพรรคนี้.....5555

บันทึกการเข้า
西施无情
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 456


ไซซีไ้ร้ใจ


« ตอบ #36 เมื่อ: 02-08-2008, 15:10 »

^
^
^

ก็ตั้งเองคิดเองไม่ใช่เหรอ ...
บันทึกการเข้า

我愛你, 陈一冰,
หน้า: [1]
    กระโดดไป: