ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
19-04-2024, 17:20
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  หากพูดในพรรคเป็นเพียงหุ่นเชิด ถ้าพูดข้างนอกเป็นตัวของตัวเอง..... ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
หากพูดในพรรคเป็นเพียงหุ่นเชิด ถ้าพูดข้างนอกเป็นตัวของตัวเอง..... ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า  (อ่าน 987 ครั้ง)
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« เมื่อ: 17-02-2008, 11:13 »

พปช.รื้อโผ"เลขา-กุนซือ" จิ๊บจ๊อย1-2% บอก"สมัคร"บ่นในพรรค


รองโฆษก พปช.ยันพรรคไม่ซีเรียส"สมัคร"บ่นนอกพรรค บอกเป็นการแสดงให้สังคมเห็นว่าไม่มีคนข้างนอกคอยชักใย ระบุคนนอกหวังยุหัวหน้าพรรคตบะแตก เผยรื้อโผเลขาฯ-ที่ปรึกษา รมต.แค่ 1-2% ปชป.จัดทีมรัฐมนตรีเงาเตรียมถล่มนโยบายรัฐบาล สนช.สายวิชาการเชื่อนโยบายประชานิยมทำไม่สำเร็จ ชี้ผู้นำคนละยุค ชี้จะกลายเป็นแหกตาประชาชน คาด 1-2 ปียุบสภา

@ โฆษกพปช.ชี้"สมัคร"ลบหุ่นเชิดมีนัย

ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน (พปช.) กล่าวเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ถึงกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรค พปช. ให้สัมภาษณ์ถึงอำนาจการแต่งตั้งตำแหน่งทางการเมืองต่างๆ โดยระบุว่าหากพูดในพรรคจะเป็นเพียงหุ่นเชิด แต่ถ้าพูดข้างนอกก็จะเป็นตัวของตัวเอง ว่า ในที่ประชุมกรรมการบริหารพรรค พปช.เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นายสมัคร ก็พูดในลักษณะเดียวกันนี้ ตนเห็นว่านายสมัคร พูดมีนัยยะเพื่อแสดงให้สังคมเห็นว่า พรรค พปช. มีระบบและกระบวนการจัดการของพรรค มีกลไกที่ถูกต้องตามกฎหมายและข้อบังคับพรรค โดยกรรมการบริหารพรรคมอบอำนาจให้หัวหน้าพรรคมีอำนาจเต็มในการพิจารณาโผตำแหน่งทางการเมืองในขั้นสุดท้าย

" ที่ผ่านมาพรรคถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องคนภายนอกมีบทบาทในการพิจาณาตำแหน่งต่างๆ มาโดยตลอด เพราะมีความพยายามของคนบางกลุ่มที่จะตั้งประเด็นในเรื่องนี้ เพื่อให้พรรคพลังประชาชนเกิดปัญหาในอนาคต ดังนั้นนายกฯคงต้องการที่จะให้สังคมเห็นว่า คนนอกไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในพรรคตามข่าว  เพราะเรามีระบบการบริหารจัดการของเราเอง" ร.ท.กุเทพกล่าว

@ "สมัคร"แจงจำเป็นต้องโชว์บทบาท

นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรองเลขาธิการพรรค พปช. กล่าวว่าสมาชิกพรรค พปช.มีการขอร้องให้นายสมัครควรพูดคุยกันในพรรคมากกว่านำไปพูดนอกพรรค

" อย่างไรก็ตาม นายสมัครบอกว่าจำเป็นต้องแสดงบทบาทให้สังคมรับรู้เพราะเรื่องกระแสสังคมเป็นเรื่องสำคัญ เมื่อเข้ามาใหม่ ก็ต้องแสดงบทบาทบ้าง แต่สุดท้ายแล้วคงต้องเข้ามาพูดในพรรคกันบ้าง" นายชูศักดิ์กล่าว

นายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.นครพนม ในฐานะรองโฆษก พปช. กล่าวถึงกรณีที่นายสมัคร นำเรื่องภายในพรรคมาพูดนอกพรรคเพื่อลบภาพการเป็นหุ่นเชิดหรือนอมินี ว่า เป็นการแสดงให้เห็นชัดเจนว่า นายสมัคร ไม่ได้เป็นนอมินีของใคร แต่เป็นหัวหน้าพรรค เป็นนายกรัฐมนตรีที่มีอำนาจพิจารณาในเรื่องต่างๆ 

"ขอยืนยันว่าพรรคไม่ได้ซีเรียสที่นายสมัครให้สัมภาษณ์ในลักษณะนี้ และเชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของพรรค" นายศุภชัยกล่าว

.......................................................................................................................................................................

@ เผยรื้อโผ"เลขาฯ-กุนซือ"รมต.แค่1-2%

นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรองเลขาธิการพรรค พปช. กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีและที่ปรึกษารัฐมนตรี ว่า ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายสมัคร แต่ก่อนที่รายชื่อจะมาถึงนายสมัคร ก็มีกรรมการคัดเลือกมาพอสมควรแล้ว มีความลงตัวแล้ว เพียงแต่นายสมัครขอดูรายละเอียดบางประการ เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นายสมัครได้ขอมติที่ประชุมกรรมการบริหารพรรค ขอเป็นผู้จัดการเรื่องดังกล่าว เท่าที่ทราบจะมีการนำรายชื่อเลขานุการ และที่ปรึกษา เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ เนื่องจากวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ติดประชุมแถลงนโยบายรัฐบาล

"รายชื่อเลขานุการและที่ปรึกษาที่นำมาพิจารณาใหม่นั้น จะมีการสลับปรับเปลี่ยนบ้างแต่ไม่มากมาย เพราะรายชื่อส่วนใหญ่ที่วางไว้ค่อนข้างลงตัวแล้ว มีเพียง 1-2% ที่มีการสับเปลี่ยน " นายชูศักดิ์กล่าว

@ แจงปรับโผเป็นไปตามกระแสสังคม

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีข่าวว่าจะมีการทบทวนรายชื่อ ที่ปรึกษารัฐมนตรีที่มีการเสนอ 2 ชื่อ คือ นายแสวง ฤกษ์จรัญ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และ น.ส.ลีลาวดี วัชโรบล ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายชูศักดิ์กล่าวว่า ต้องไปถามนายสมัครเอง เพราะมอบอำนาจให้ไปแล้ว เมื่อถามว่า รายชื่อที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ เช่น นายวัน อยู่บำรุง ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข  จะมีการปรับเปลี่ยนหรือไม่ นายชูศักดิ์กล่าวว่า ไม่ทราบ ขึ้นอยู่กับนายสมัคร

เมื่อถามว่า ที่ นายสมัครติงเรื่องรายชื่อ เป็นการตักเตือนแบบพอเป็นพิธีหรือต้องปรับเปลี่ยนจริง นายชูศักดิ์กล่าวว่า นายสมัครบอกว่ามีความจำเป็นต้องทำ เพื่อให้ภาพของรัฐบาลและรัฐมนตรีเดินไปได้กับกระแสสังคม แต่จะทำได้มากน้อยเพียงใดต้องมาคุยกัน

.................................................................................................................................................................................

@ อธิการบดีนิด้าชี้เมกะโปรเจ็คต์ไม่ชัด

นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวว่า เท่าที่ดูนโยบายเร่งด่วนไม่ว่าจะเป็นเมกะโปรเจ็คต์ต่างๆ ยังไม่มีความชัดเจนและความโปร่งใสในการดำเนินการ ในอดีตโครงการใหญ่ๆ มักมีปัญหา เช่น สนามบินสุวรรณภูมิ หรือบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน

นายสมบัติกล่าวว่า ด้านนโยบายพลังงานทดแทนก็ไม่มีความชัดเจนเช่นกัน จึงน่าห่วงเพราะที่ผ่านมามีการเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุนโดยเฉพาะผู้ประกอบการผลิตรถยนต์ รัฐบาลต้องประกาศให้ชัดว่าจะสามารถใช้ เอทานอล 85 (E85) ปีไหน เมื่อไหร่ เพื่อประหยัดพลังงานและรายจ่ายของรัฐ ที่สำคัญยังไม่มีความชัดเจนเรื่องนโยบายปราบปรามทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่งถือเป็นปัญหาสำคัญของประเทศ

@ "ทวี"เชื่อประชานิยมหลอกตาปชช.

ด้านนายทวี สุรฤทธิกุล ผู้ช่วยศาสตราจารย์ประจำสาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช และ สนช. กล่าวว่า นโยบายหลายส่วนมาในรูปแบบเดิมของพรรคไทยรักไทยคือการนำนโยบายประชานิยมมาใช้ ซึ่งนโยบายประชานิยมแบบนี้เป็นเรื่องยากในการบริหาร เพราะอำนาจในการตัดสินใจอยู่กับหลายฝ่าย เนื่องจากหัวหน้าพรรคพลังประชาชนไม่เหมือนหัวหน้าพรรคไทยรักไทยที่สามารถจัดการสมาชิกทั้งหมดให้อยู่ในโอวาทของตนเองได้ รวมถึงมีพรรคร่วมอีกมากมายจึงส่งผลให้มีปัญหาในการจัดสรรผลประโยชน์ให้กับหัวคะแนนและแนวร่วมที่จัดตั้งรัฐบาล ดังนั้น นโยบายประชานิยมที่รัฐบาลกำลังเตรียมแถลงต่อรัฐสภาจะกลายเป็นข้ออ้างหลอกตาประชาชนเหมือนทุกครั้ง

"มีหลายเรื่องที่ผมคิดว่าไม่น่าสามารถดำเนินการให้ประสบผลสำเร็จได้ เพราะรัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลผสม การจะเคลื่อนไหวนโยบายต่างๆ จะต้องเป็นเอกภาพและสมดุล หากพิจารณาให้ชัดเจน นโยบายหลายตัวก็เป็นผลประโยชน์ เฉพาะกลุ่มหรือเป็นประโยชน์เฉพาะกระทรวง ทบวง กรมนั้นๆ จึงเชื่อว่าอีกไม่นานรัฐบาลชุดนี้จะเกิดการขัดแย้งในเรื่องการถ่ายเทผลประโยชน์กัน และไม่ถึง 1-2 ปีก็จะมีการยุบสภา เพื่อเลือกตั้งใหม่" นายทวีกล่าว

หน้า 1

 http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01p0103170251&day=2008-02-17&sectionid=0101



รองโฆษก พปช.ยันพรรคไม่ซีเรียส"สมัคร"บ่นนอกพรรค บอกเป็นการแสดงให้สังคมเห็นว่าไม่มีคนข้างนอกคอยชักใย
 
โดยระบุว่าหากพูดในพรรคจะเป็นเพียงหุ่นเชิด แต่ถ้าพูดข้างนอกก็จะเป็นตัวของตัวเอง

   

'รากหญ้า'ที่เชื่อตามคำชี้แจงนี้
ก็สมควร'เคี้ยวเอื้อง'ต่อไป......

'นายกฯนอมินี' และแกนนำพรรคฯ พยายามหลอกลวงให้'รากหญ้า'
เชื่อว่า'ผู้มีอิทธิพล'นอกแผ่นดินไทยไม่มีจริง.....
'มือที่มองไม่เห็น'ที่หน้าที่และอำนาจ'จัดสรร'ตำแหน่งไม่มีจริง.....ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-02-2008, 11:16 โดย ปุถุชน » บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #1 เมื่อ: 17-02-2008, 11:19 »

แกนนำพรรคฯ อนุญาตให้'นายกฯนิมินี'
แก้ไขรายชื่อ เลขาฯ-ที่ปรึกษา เพียง 1-2 %
มากกว่านี้ ให้ไปเลี้ยงแมวอย่างเดิม...
บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #2 เมื่อ: 17-02-2008, 11:34 »

ก้าวแรกแห่งอำนาจ "สมัคร-ยงยุทธ-พปช." ประจันหน้า"มรสุม"รอบทิศ

วิเคราะห์


นับตั้งแต่พรรคพลังประชาชนและพรรคร่วมได้จัดตั้งรัฐบาล โดยเลือกนายยงยุทธ ติยะไพรัช เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร และเลือกนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี

ดูเหมือนว่ามรสุมที่พัดกระหน่ำใส่พลังประชาชนยังไม่หยุดนิ่ง

เป็นมรสุมที่สาดพัดเข้าใส่ทั้งรัฐบาล ซึ่งเป็นฝ่ายบริหาร และมรสุมตั้งเค้าจะกระหน่ำซัดประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ

ทางฝ่ายบริหารนั้น มรสุมการเมืองตั้งเค้ามาตั้งแต่การเสนอชื่อเลขานุการรัฐมนตรี ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรี และที่ปรึกษา

เป็นมรสุมที่เจาะจงเป้าหมายพัดใส่รายชื่อ 2 รายชื่อ

หนึ่งคือ ชื่อของนายวัน อยู่บำรุง บุตรชาย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่มีข่าวว่าจะได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข

อีกหนึ่งคือ ชื่อของนายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม บุตรชายนายวัฒนา อัศวเหม ประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อแผ่นดิน ที่มีข่าวว่าจะได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย


เป็นรายชื่อที่ปรากฏเป็นข่าวทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ ร.ต.อ.เฉลิมให้สัมภาษณ์ยืนยันว่าจะไม่ให้ลูกชายทั้ง 3 คน เข้ามารับตำแหน่งทางการเมือง

เป็นรายชื่อที่ปรากฏเป็นข่าวทั้งๆ ที่นายชนม์สวัสดิ์ยังมีคดีเกี่ยวกับพฤติกรรมที่ตกเป็นข่าวครึกโครม

เป็นรายชื่อที่สังคมสงสัยในคุณสมบัติในการคัดเลือกว่าได้มาเพราะเหตุใด ?

เพื่อชาติบ้านเมืองหรือเพื่อประโยชน์ของแกนนำในพรรครัฐบาลกันแน่ !

นอกจากกรณีการเสนอรายชื่อเลขานุการรัฐมนตรี ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรี และที่ปรึกษาแล้ว ยังมีกรณีการนำเสนอแนวทางการทำงานของรัฐมนตรีในแต่ละกระทรวง

นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แนะนำให้ทบทวนการทำซีแอล ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขคนก่อนทำไว้

การทำซีแอล ทำให้ผู้ป่วยโรคร้ายของไทยสามารถซื้อยาได้ราคาถูก และทำให้บริษัทยาต่างชาติได้รับผลกระทบ

เมื่อรัฐบาลที่แล้ว จึงมีข่าวแว่วว่า ทางการสหรัฐอเมริกาขึ้นบัญชีให้ไทยเป็นประเทศที่จะถูกลดการช่วยเหลือเรื่องสิทธิพิเศษทางการค้า เนื่องจากไม่พอใจที่ไทยทำซีแอล

เรื่องนี้จึงเป็นข้อขัดแย้งระหว่าง "มนุษยธรรม" กับ "การค้า"

ดังนั้น เมื่อนายไชยานำเสนอเรื่องนี้โดยเอนเอียงอยู่ข้าง "ให้ทบทวน" จึงเท่ากับจุดชนวนปะทะกับเอ็นจีโอกลุ่มที่สนับสนุนซีแอลในทันที

เช่นเดียวกับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่จุดประเด็นแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยการทำเป็นเขตปกครองพิเศษ

และเช่นเดียวกับ นายวุฒิพงษ์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เสนอให้ปลูกป่ายูคาลิปตัสทั่วประเทศ เพื่อนำมาทำพลังงานทดแทน

ล้วนแล้วแต่จุดประเด็นความขัดแย้งให้เกิดขึ้น

แต่ทั้งหมดนี้ยังไม่เท่ากับความพยายามของรัฐมนตรีบางคนที่จัดลำดับการคืนความชอบธรรมให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเป็นอันดับต้นๆ ทั้งๆ ที่รัฐบาลยังไม่แถลงนโยบายต่อรัฐสภาเลย

ขณะเดียวกัน นายสมัคร สุนทรเวช เองก็ได้แง้มความรู้สึกของตัวเองภายหลังจากเข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอย่างน้อยก็ 2 ครั้งว่า ไม่มีความเป็นตัวของตัวเองมากนักในการเลือกบุคลากร

อย่างน้อยตอนที่เลือกรัฐมนตรีร่วมคณะรัฐบาลก็ครั้งหนึ่ง

และมาถึงการคัดเลือกเลขานุการรัฐมนตรี ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรี และที่ปรึกษารัฐมนตรีก็เป็นอีกครั้งหนึ่ง

ปรากฏการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น มิได้สะท้อนภาพรวมที่ดีในงานบริหารราชการแผ่นดินเลย

ขณะเดียวกันกลับสะท้อนภาพปัญหาหลักที่เป็น "จุดเปราะบาง" ของรัฐบาลชุดนี้

โดยเฉพาะปัญหาประสิทธิภาพของบุคลากรร่วมรัฐบาล ทั้งระดับรัฐมนตรี ระดับเลขานุการรัฐมนตรี ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรี และที่ปรึกษา

สำหรับฝ่ายนิติบัญญัติ เมื่อมีรายงานข่าวว่า คณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามคำร้องของนายวิจิตร ยอดสุวรรณ อดีตผู้สมัคร ส.ส.เชียงราย พรรคชาติไทย ที่ร้องคัดค้านผลการเลือกตั้งของนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีต ส.ส.สัดส่วนกลุ่ม 1 พรรคพลังประชาชน (พปช.) ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้สรุปสำนวนการสอบสวนแล้ว

มีมติเป็นเอกฉันท์ว่า นายยงยุทธมีการกระทำความผิดกฎหมายเลือกตั้งจริง

แม้ขณะนี้ยังไม่มีการยืนยันข้อเท็จจริงจากข่าวคราวที่ปรากฏ และขั้นตอนการดำเนินการทางกฎหมายยังไม่ยุติ

แต่หากกระแสข่าวที่ว่าคณะอนุกรรมการมีมติเอกฉันท์ว่า นายยงยุทธกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง นั้นเป็นความจริง

ก็เท่ากับว่า มรสุมลูกใหม่กำลังตั้งเค้าถล่มใส่ฝ่ายนิติบัญญัติเข้าแล้ว

เหตุเพราะ นายยงยุทธ ติยะไพรัช เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ได้รับการเลือกจากเสียงส่วนมากในสภาผู้แทนราษฎร

เหตุเพราะ นายยงยุทธ ติยะไพรัช เป็นรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้บริหารของพรรค

ดังนั้น ผลการตัดสินว่านายยงยุทธกระทำผิดหรือไม่จึงมีความเกี่ยวโยงกันทั้งในแง่กฎหมาย และจริยธรรม

หากผลตัดสินออกมาว่า นายยงยุทธกระทำความผิด จะเกิดคำถามในแง่จริยธรรมต่อสภาผู้แทนราษฎรที่ดึงดันเลือกนายยงยุทธเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร ทั้งๆ ที่มีคดีความค้างคาอยู่

เป็นคำถามในทำนอง "พวกมากลากไป"

นอกจากนี้ยังจะเกิดคำถามในแง่กฎหมาย กรณีนายยงยุทธเป็นกรรมการบริหารพรรค เมื่อถูกตัดสินว่าทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง จะมีผลต่อการยุบพรรคหรือไม่อีกด้วย

นี่ยังไม่รวมถึงอาการคลื่นใต้น้ำภายในพรรคพลังประชาชนที่ขัดแย้งกันเรื่องโควต้าตำแหน่งทางการเมือง

และข้อแคลงใจถึงความปรองดองระหว่างนายสมัครกับแกนนำพรรคพลังประชาชนซึ่งเป็นบุคคลใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ


ด้วยปรากฏการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ชี้ให้เห็นว่า จังหวะก้าวแรกแห่งอำนาจของพรรคพลังประชาชนยังมีแรงกระเพื่อมเกิดขึ้น

เกิดขึ้นทั้งภายในฝ่ายบริหาร และเกิดขึ้นภายในฝ่ายนิติบัญญัติ

โดยแรงกระเพื่อมที่เกิดนั้นมาจากหลายทิศทาง

ทั้งมรสุมภายนอก และคลื่นใต้น้ำภายใน

เรื่องที่ปรากฏ จึงท้าทายทั้งในแง่จริยธรรม และในแง่กฎหมาย

ทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ กำลังบีบรัดรัฐบาลชุดใหม่

บีบรัดนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี

บีบรัดนายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร

และที่สุดคือ บีบรัดพรรคพลังประชาชน


หน้า 3

 
http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01col01170251&day=2008-02-17&sectionid=0116
 
 

นี่ยังไม่รวมถึงอาการคลื่นใต้น้ำภายในพรรคพลังประชาชนที่ขัดแย้งกันเรื่องโควต้าตำแหน่งทางการเมือง

และข้อแคลงใจถึงความปรองดองระหว่างนายสมัครกับแกนนำพรรคพลังประชาชนซึ่งเป็นบุคคลใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ


   
นายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.นครพนม ในฐานะรองโฆษก พปช. กล่าวถึงกรณีที่นายสมัคร นำเรื่องภายในพรรคมาพูดนอกพรรคเพื่อลบภาพการเป็นหุ่นเชิดหรือนอมินี ว่า เป็นการแสดงให้เห็นชัดเจนว่า นายสมัคร ไม่ได้เป็นนอมินีของใคร แต่เป็นหัวหน้าพรรค เป็นนายกรัฐมนตรีที่มีอำนาจพิจารณาในเรื่องต่างๆ 

เรื่องเล่าที่มีข้อเท็จจริง ตรงข้าม เป็น'แดง'-'ดำ'
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-02-2008, 11:35 โดย ปุถุชน » บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
หน้า: [1]
    กระโดดไป: