ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
25-04-2024, 06:56
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  ห้องสาธารณะ  |  ทำลายบ่อเกิดการว่างงาน และ สังคมไทยยุคใหม่ 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
ทำลายบ่อเกิดการว่างงาน และ สังคมไทยยุคใหม่  (อ่าน 1569 ครั้ง)
weeradate
น้องใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4


« เมื่อ: 19-05-2006, 00:41 »

ทำลายบ่อเกิดการว่างงาน และ สังคมไทยยุคใหม่
ไหน  ๆ  วันนี้ผมอารมณ์ดี   และได้บอกวิธีขจัดปัญหาความยากจนไปหลายบทแล้ว   ผมก็จะบอกวิธีสุดท้ายให้เบล็ดเสร็จเรียบร้อยกันไปเลยแล้วกัน  เพื่อให้ประเทศไทยและคนอ่านได้เข้าใจว่า  วิธีแก้ปัญหาความยากจนควรจะทำยังไง
เรื่องราวมีดังนี้......

นักฆ่าเงินเฟ้อชั้นสูง   ควรจะต้องทำคือ   การกู้โลกจากโรคว่างงาน    โจทย์มีอยู่ว่าเราจะทำยังไงให้คนว่างงานมีงานทำ   แนวทางก็คือ   นักฆ่าเงินเฟ้อต้องรวมตัวกันเพื่อจัดตั้งองค์กรที่สามารถป้อนความรู้ต่าง  ๆ  ให้แก่ผู้ว่างงานให้กลายเป็นผู้รอบรู้ทั้งทางลึกและทางกว้าง  เช่น   มีการให้ความรู้ด้านการแพทย์  คอมพิวเตอร์   การก่อสร้าง    การซ่อมบำรุงเครื่องจักรและเครื่องใช้ภายในบ้าน     การบริหารจัดการ   ด้านกฏหมาย   การเงินและฯลฯ  ป้อนให้แก่ผู้ว่างงานจนกลายเป็นผู้ชำนาญเฉพาะที่มีความรอบรู้หลาย  ๆ ด้าน
เมื่อสังคมที่ความว่างงานเกิดจาก  การเข้าไปหาองค์ความรู้มีต้นทุนสูงมาก   เราก็ควรทำให้การเข้าไปหาองค์ความรู้มีต้นทุนต่ำ   เพื่อให้คนทุกคนในสังคมสามารถเข้าหาองค์ความรู้ได้ง่ายและราคาถูก   จากนั้นปัญหาการว่างงานก็จะลดเพราะทุกคนสามารถหางานได้ง่ายขึ้นเพราะมีความสามารถหลากหลายขึ้นนั้นเอง   จะได้ไม่ต้องไปพึ่งการท่องเที่ยวและการส่งออก  (ตามหลักเศรษฐศาสตร์มหาภาค  แบบเคนเซี่ยน)   นอกจากจะทำให้คนมีงานทำมากขึ้นแล้วเพราะตนมีความสามารถหลากหลายขึ้นแล้ว  ยังทำให้ประชาชนไม่ต้องไปจ้างใครให้เสียสตางค์เพราะเราสามารถซ่อมและสร้างสิ่งต่าง  ๆ  ได้ด้วยตัวเอง  ทำให้ความสามารถในการบริโภค  ลงทุน   ผลิต  และจ้างงาน  ของเราไม่ลดลงซึ่งจะเป็นผลดีต่อความสงบสุขทางสังคมและเศรษฐกิจอีกด้วย
วิธีสร้างสังคมอุดมความรู้สามารถทำได้ง่าย  คือ  ให้บุคคลที่มีความรู้ที่แตกต่างกันในสังคมรวมตัวกันจัดตั้งเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไร   จากนั้นเดินสายให้ความรู้แก่ประชาชนบทเวทีประจำชุมชนซึ่งมีการพูดโดยผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง   ๆ  ได้เจียดเวลามาให้ความรู้ให้คำปรึกษาในช่วงเลิกงาน  15  -  60  นาทีต่อ1วัน     ซึ่งจะทำให้ทุกคนในสังคมเก่งทั้งเชิงลึกและเชิงกว้างมากขึ้น  (แนวคิดนี้มาจากตอน  หลุดพ้นจากโรคว่างงาน  +  จินตนาการส่วนตัว)
เรื่องง่ายแค่นี้หากมีการจัดการที่ดีประชาชนก็ไม่ต้องลงทุนไปเรียนที่ไกล  ๆ   ให้เปลืองเงินเปลืองทองไปจ้างอาจารย์จากต่างประเทศมาสอนและไม่ต้องเปลืองเวลาเดินทางไกลเพื่อไปเรียนเพียงไม่กี่วิชา   ใช้เวลาว่างหลังเลิกงานไปนั่งฟังหรือนั่งพูดที่เวทีประจำชุมชน   รับรองเวิคร์   มอร์

54
อย่างน้อยถ้าหากเรายังมีความสามารถไม่พอที่จะให้บริการใครได้    แต่เราก็ยังสามารถให้คำปรึกษาแก่ตัวเอง  ช่วยเหลือตัวเองได้ในเบื้องต้น  ซึ่งทำให้เราประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้อีกมาก   เช่น  หากเรามีความรู้ในเรื่องการแพทย์  เรื่องการซ่อมแซมบ้าน   เรื่องการเงิน  หรือเรื่องกฏหมาย  เราก็จะสามารถใช้ความรู้รักษาตนเองได้  รู้ว่าเราจะใช้ยาอะไรรักษาโรคอะไรในเบื้องต้นได้   รู้ว่าการซ่อมแซมบ้านตามหลักวิศวกรรมเบื้องต้นทำอย่างไร   จะได้ไม่โดนใครหลอกซึ่งอาจทำให้สูญเสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์ได้นั่นเอง    นี่คือข้อดีที่ทำให้คนในสังคมลดการว่างงานและการถูกหลอกล่วงจากความไม่รู้วิชา
ซึ่งหากนำแนวทางนี้ไปใช้ผนวกกับแนวทางอื่น  ๆ  ตามที่ผมเขียนไว้ในหนังสือ  นักฆ่าเงินเฟ้อ  ผมเชื่อว่าผู้อ่านทุกคนจะสามารถทำให้ ปัญหาทางการเงิน  และปัญหาการว่างงาน    เริ่มถูกทำลาย   ไม่ต้องกังวลนะครับว่าเค้าจะหาว่าเราบ้ารึเปล่าที่เราไม่เดินตามกรอบของพวกฝรั่ง  ไม่ต้องกังวลนะครับว่าเค้าจะหาว่าเราเป็นคนที่อยู่คนละกลุ่มกับระบอบประชาธิปไตย    เรื่องแบบนี้มันไม่ได้ไปละเมิดใครหรือละเมิดอะไรมันเป็นสิทธิที่เราสามารถทำได้เหมือนการบริจาคเงิน   หลักการเดียวกันครับ   คือ  เราจะช่วยเหลือสังคมเท่าไหร่ขึ้นอยู่กับเรา  เช่นหากเราไม่มีเงินพอที่จะช่วยตามแนวทางแปลงสินทรัพย์เป็นทุนแบบหุ้นสามัญ    เราก็นำความรู้ที่เรามีไปบรรยายบนเวทีประจำชุมชน   จะบรรยายหรือจะช่วยเหลือทางการเงินมากน้อยเท่าไหร่ก็ขึ้นอยู่กับตัวเรา   นั่นเอง
ผมจะบอกให้ว่าสิ่งที่เราจะได้เห็น  คือ  การเปลี่ยนแปลงของสังคมการเงินการธนาคาร   และการเปลี่ยนแปลงของสังคมการเรียนการศึกษาของไทยครั้งยิ่งใหญ่   เพราะถ้าหากแนวคิดการแปลงสินทรัพย์เป็นหุ้นสามัญ  +  แนวคิดการซื้อสินค้าแทนแนวคิดดอกเบี้ย  (เรื่อง  เมื่อดอกเบี้ยละเมิดสิทธิส่วนบุคคล 1  และ  2 )  สามารถทำได้สำเร็จเป็นรูปธรรมเล็ก  ๆ  ขึ้นมาเมื่อไหร่มันจะกลายเป็นองค์กรใหญ่โตมโหราฬได้โดยไม่ยาก  เพราะไม่มีลูกหนี้คนไหนอยากจ่ายดอกเบี้ยโหด  ๆ และถูกยึดทรัพย์     และไม่มีเจ้าหนี้คนไหนไม่อยากกระโดดเข้าร่วมวงที่มีมาร์เก็ตแคปที่ใหญ่โตมโหราฬ   ต่อไปมันจะไม่มีคนจนเพราะไม่มีใครถูกขูดรีดด้วยดอกเบี้ยและการยึดทรัพย์อีกต่อไป   ต่อไปธุรกิจการเงินการธนาคารที่ใช้แนวคิดเดิม   ๆ   คือ   คิดดอกเบี้ยและยึดทรัพย์จะสูญพันธ์ไปโดยปริยาย    ต่อไปจะไม่มีใครบ่นอีกแล้วว่าว่างงาน   ต่อไปจะไม่มีใครบ่นอีกแล้วว่า  อยากเรียนนั่นอยากเรียนนี้แล้วไม่ได้เรียนเพราะไม่มีสถานบันเปิดสอน   มันจะไม่มีอีกแล้วครับ

สุดท้ายใครจะนำแนวคิดนี้ไปใช้ก็ไม่ว่า   แต่ถ้าหากติดใจหาอ่านเพิ่มเติมได้  เพราะผมยังมีแนวคิดแปลกให้ได้  ยล  อีกมากมายก่ายกอง  เพราะเขียนมาตั้ง  4  ปีแล้วยังไม่ได้นำออกมาเปิดเผยที่ใด     
ปล.  ผมยังคิดค้นทฤษฏี   เส้นอุปสงค์และเส้นอุปทาน ขนานกัน  ซึ่งยังไม่มีใครเคยคิดมาก่อน  ว่าง  ๆ  ผมจะนำมาเล่าให้ฟังเพื่อประเทืองปัญญา  ขอบคุณครับ

บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
    กระโดดไป: