ความคิดเห็นที่ 3
อย่ามองด้านเดียวสิครับ
1.ที่มันเดือดร้อนไม่ใช่บริษัทยาเมืองนอกอย่างเดียวนะครับ
บริษัทยาเมืองนอกเนี่ยใหญ่นะครับ ถ้าเราทำเช่นนี้ ประเทศ
ใหญ่ๆที่เป็นเจ้าของบริษัทยา เค้าก็จะบอยคอตเราเช่นเดียว
กันนะครับ ถ้าเค้าไม่ให้เราส่งออก หรือ ขึ้นภาษีนำเข้า คนส่วน
มากของประเทศเราก็เดือดร้อนเช่นเดียวกันนะครับ
2.ถ้าเราทำ cl ยา หลายตัว บริษัทยาไม่ได้กำไรจากยาพวกนี้
ต่อไปเค้าก็จะไม่ค้นคว้าวิจัยยาพวกนี้ต่อ แล้วตอนนี้ถามว่ายา
ได้ผลมากมั้ย สำหรับโรคมะเร็งยังได้ผลได้ไม่ดีเท่าที่ควรด้วยซ้ำ
ถ้าบริษัทไม่วิจัยต่อ อนาคตของคนทั้งโลกจะเป็นเช่นไรครับ
3.ผมมองว่าผู้ป่วยก็เดือดร้อน แต่ถ้าช่วยด้วยวิธีการที่ไม่ถูกต้อง
แล้วทำให้คนส่วนมากทั้งประเทศเดือดร้อนตามก็ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง
นักนะครับ และในกรณีนี้ยังไม่ได้ยกเลิกนะครับ แค่ทบทวน หา
ข้อตกลงที่เหมาะสมเถอะครับใจเย็นๆ
จากคุณ : le dente - [ 9 ก.พ. 51 11:48:58 ]
ความคิดเห็นที่ 5
ผมเห็นด้วยกับการ "ทบทวน" ตามที่ รมว.สธ. คนใหม่กล่าวมาครับ เนื่องจาก เค้าไม่ได้บอกว่าจะ "ยกเลิก"
โดยส่วนตัวแล้ว ผมมีญาติที่เสียชีวิตแล้วทางโรคมะเร็งถึงสี่คน และผมอาจจะเป็นหนึ่งในนั้น..
แต่ในเรื่องของการ CL ยานั้น มันถูกต้องหรือครับ?
ผมว่าคนไทยเรามองเพียงด้านเดียวในส่วนที่ว่า "ได้รับ"
แต่เราได้มองไปถึงในส่วนที่เรา "เสียไป" หรือไม่
จากผลเสียที่เราประกาศ CL ยานั้น
1.ประเทศไทยถูกจับตามองว่าเป็นประเทศที่ละเมิดลิขสิทธิ์ และมันก็คงไม่ต่างจากโจรดีๆนี่เอง รวมถึงโปรแกรมคอมพิวเตอร์ต่างๆที่เราใช้อยู่ด้วย
2.การทำ CL ยานั้น เรายังต้องยืมจมูก ประเทศ อินเดีย หายใจอยู่ เนื่องจาก ตัวยาบางชนิดเรายังไม่สามารถผลิตเองได้
3.เนื่องจากคุณภาพของยานั้น มีส่วนให้เกิดผลข้างเคียง (Side Effect) รวมถึงการดื้อยา จากการที่เราจะตายเพราะมะเร็ง เรากลับได้โรคอื่นแถมมาด้วย
4.หากเรายกเลิก CL แล้ว เราสามารถ ขอต่อรองราคายากับทางบริษัทยาต่างชาติได้ เช่นเดียวกับการขอต่อรองราคากับบริษัท Software ต่างๆ
5.เกมส์การบีบบังคับจากอเมริกามาที่ประเทศไทย ยังคงไม่จบแค่ถูกส่งไป Black List หรอกนะครับ
สรุปแล้วจากความคิดส่วนตัวของผม ถ้าเกิดการยกเลิก CL ยานั้น เราก็ยังมีตัวยาราคาถูกอยู่ดี เนื่องจากการลักลอบผลิต และประเทศไทยก็สามารถยืดอกอยู่ในสมาคมโลกได้ ไม่ใช่ว่าถูกตราหน้าว่าเป็นโจร
และราคายาที่มีคุณภาพก็จะลดลงไปอีก และตัวยาที่เราแอบผลิตเองนั้นก็ยังเป็นตัวเลือก
เราจึงสามารถเลือกได้ว่าจะต้องการยาระดับใด ตามความพอใจและกำลังทรัพย์ของบุคคลนั้นๆ
และตราบใดที่ยังอยู่ในขั้นทบทวนนั้น ผลที่ออกมาจะต้องมีการรองรับไว้อย่างแน่นอน เพราะอย่างน้อย ถ้าไม่มีมาตรการรองรับ สงสัยคงโดนยำเละ เรารอดูสถานการณ์ก่อนดีกว่าไหมครับ แล้วค่อยโวยวาย หากมันไม่ถูกใจจริงๆ
และสุดท้าย คำพูดที่ออกมาจากปากของ รมว.สธ.นั้นว่า น่าจะไปกินดอกไม้จัน ผมว่า ท่านพลาดก็ตรงนี้แหละครับ
ปล.บางทีสื่อก็ชอบชงให้เกิดการทะเลาะกัน อย่างการพวดหัว ไม่รู้ว่าจรรยาบรรณของสื่อเรื่องการวางตัวเป็นกลางที่ได้ร่ำเรียนมา มันยังมีอยู่หรือไม่
อยากให้สื่อไปคิดทบทวนดูบ้างก็ดีนะครับ
จากคุณ : thdamn - [ 9 ก.พ. 51 12:18:30 A:125.24.50.94 X: TicketID:167657 ]
ความคิดเห็นที่ 11
เห็นด้วยกับ คห.3 และ5
จากคุณ : เห็นด้วย (ข้าวสุก) - [ 9 ก.พ. 51 14:46:22 ]
ความคิดเห็นที่ 23
ผมไม่เถียงต่อแล้วกันนะครับ เพราะเราพูดประเด็นสำคัญๆกันไปหมดแล้วล่ะครับ มีคนเห็นด้วยก็มีคนไม่เห็นด้วยใครๆก็รักประเทศชาติตัวเองครับ ต่างความคิดแต่อย่าแตกแยกเลยครับ เรื่องกำลังแรงเอาว่าเราตามดูกันต่อไปแล้วกันครับ
ถ้าได้ข้อสรุปแล้วเราค่อยหาวิธีแก้ไขกันต่อไปแล้วกันครับ
จากคุณ : le dente - [ 9 ก.พ. 51 22:03:39 ]
ความคิดเห็นที่ 26
พวกขี้ขโมย พวกขี้โกง
ละเมิดลิขสิทธิ์ยา
ขอประนาม พวกขี้ขโมย
จากคุณ : Sky - [ 10 ก.พ. 51 05:19:34 ]
ความคิดเห็นที่ 27
ขอโทษนะอ่านมานานแล้วน่าเบื่อมาก
ขอแสดงความคิดเห็นหน่อย คุณอาจคิดว่าเรามีอคติ หรือตอบงี่เง่าก็ได้ ไม่ว่ากัน
เราไม่ใช่หมอ และไม่อยากเป็นหมอด้วย แม้จะเอนท์ติดได้ไม่ยากก็ตาม
เนื่องจากชีวิตคลุกคลีกันคนวงการนี้มาในระดับหนึ่ง
ทำให้รู้จักบุคลากรหลายคนในวงการนี้ที่ี้มีความคิดในกรอบแคบ(ในสายตาเรา)
และเกิดความเอือมระอาในวิชาชีพ
เมื่อตอนโครงการนี้เริ่มขึ้น แม่เราเป็นผู้ช่วยในโครงการนี้ด้วย
(แม่เราไม่ใช่หมอ แต่สนับสนุนด้านงานวิจัยอยู่)
เราได้อ่านงานวิจัยประกอบหลายส่วน และได้ถกปัญหากับแม่บ้าง แน่นอนแม่เราเห็นด้วยอยู่แล้ว
แม่บอกว่าโครงการของหมอมงคลโครงการนี้ดี แม้ในเรื่องอื่นๆแกจะเฉื่อย และเป็นที่ไม่ถูกใจของใครหลายคน
(ถ้าคุณเป็นคนในวงการนี้ ก็คงรู้ว่าเค้าแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันแค่ไหนละนะ)
ถามว่าเปิด CLยานะดีไหม มันก็มีข้อดีนะ พวกคุณก็ได้ยกกันมาแล้ว แต่ในข้อดีนั้นคุณคิดว่าจะไม่มีการเอื้อประโยชน์ต่อพรรคพวกตนหรอ
ผิดซะล่ะ มันก็มีพอๆกับที่เอื้อประโยชน์ให้บริษัทยาอ่ะแหละ
(เราเคยแอบได้ยินพวกอาหมอหลายคนพูดกัน)
รวมทั้งผลเสียหลายด้านที่ตามมาด้วย
พวกคุณอาจบอกว่าอย่าเอาเรื่องมนุษยธรรมไปเกี่ยวกับเรื่องธุรกิจ
เราถามว่าทุกวันนี้คุณมองอะไรแยกส่วนได้หรอ ทุกเรื่องมันเชื่อมโยงกันไปหมด
มนุษยธรรมที่คุณว่ามันก็ใช่ แม้มันเป็นมนุษยธรรมเฉพาะกลุ่มก็ไม่อาจละเลยได้ แต่คุณควรให้มนุษยธรรมของฝ่ายผู้ผลิตยา
หรือประชาชนคนอื่นที่ไม่ได้รับประโยชน์จากการเปิดCLด้วย ไม่ใช่มองแต่ตัวเรา กลุ่มของเรา
เมื่อเปิดCLยาแล้ว ในขณะที่ยายังไม่ได้มาตรฐานที่ดีพอมีside effect มันถือว่าคุ้มแล้วหรอ
วัตถุดิบขั้นกลางที่จะมาผลิต(มันก็เหมือนการย้ายแกนผลประโยชน์น่ะแหละ)
เราก็ต้องไปซื้อเค้ามาแถมไม่ได้คุณภาพอีก นี่คือผลของการลงทุนถูกลง
นอกจากนี้ประโยชน์ของคนไข้ หมอ และผู้เกี่ยวข้องเฉพาะกลุ่ม มันยังส่งผลถึงมวลรวมด้วย
แล้วเลิกอ้างเถอะความชอบธรรมน่ะ ความชอบธรรมของแต่ละกลุ่มบุคคลมันไม่เหมือนกัน
คนที่อ้างความชอบธรรม มันจะติดอยู่กับคำว่าอัตตา ตัวกู กลุ่มของกู
หากทุกคนอ้างความชอบธรรมไที่ไม่เหมือนกัน ไม่มีการประณีประนอม โลกมันจะวุ่นวายขนาดไหน
อีกอย่างWTO ให้โอกาสการเปิดCLได้ ในกรณีที่มีเหตุวิกฤตการณ์ใดๆ ถามว่าอะไรคือวิกฤตการณ์ในไทย
ผู้ป่วยโรคเอดส์ในไทยมีโอกาสดีกว่า ผู้ป่วยกลุ่มเดียวกันในประเทศโลกที่สาม สถิติผู้ป่วยโรคเอดส์ในไทยก็ไม่ได้เพิ่มขึ้น มีแต่ลดลงด้วย(ถ้ามองระยะยาว) อันนี้เรียกวิกฤติได้หรอ
อย่าเอากฏหมายมาอ้างน่า เรื่องกฏหมายเนี่ยมันรู้ๆกันอยู่ หึๆ เจรจาตามกระบวนขั้นตอนแล้วไง กฏมันดิ้นได้ไหม แล้วผลกระทบมันมีไหม
ส่วนผู้ป่วยโรคมะเร็ง ถือว่ามีไม่มากเลย ไม่ได้สูงกว่ามาตรฐานโลก
แม้จะกล่าวว่าผู้ป่วยและญาติได้รับผลกระทบ หมดเนื้อหมดตัว ถามว่าคนที่เป็นโรคเดียวกันในประเทศอื่นเขาไม่พบสภาพเดียวกันหรอ
ถ้าอ้างแค่นี้เดียวก็มีคนเปิดCLตามไทยอีกมากมาย ต่อไปใครจะวิจัยพัฒนายา เชื้อโรคมันพัฒนาตลอดเวลานะ แต่อย่างนี้่คนพัฒนายาคงอยากทำหรอก ถ้าเค้าได้ผลประโยชน์คุ้มพอ
(R&D ใช้เงินไม่น้อยนะพร้อมทั้งมีความเสี่ยงสูง ถ้าโครงการไม่สำเร็จเงินที่ลงไปก็เหลว///ปล.ถามว่ากำไรมากโอเวอร์ มันไม่โอเวอร์หรอกถ้าคุณศึกษาดีๆจะรู้ และก็นะ พวกคุณหมอทั้งหลายก็หัดทำตัวดีๆ ไม่เรียกเงินค่าคอมฯสุดเคี่ยวได้ไม๊ละ จะได้ลดต้นทุนของบริษัทยา
เผื่อราคายามันจะถูกลงบ้าง เหอๆ)
อีกประเด็น คุณไม่แคร์อเมริกาไม่ได้หรอก ไม่แคร์ประชาชาติอื่นไม่ได้หรอก แน่นอนอเมริกาไม่ใช่พ่อ แต่เป็นมหาอำนาจ(ใครก็ต้องง้อมัน มันถึงทำอะไรก็ได้ไง ถ้ามันจะเปิดCLยามันก็ทำง่ายๆ มันไม่รับปฏิญญาระหว่างประเทศ อย่างเร็วๆนี้ ปฏิญญาเกียวโต เรื่องสิ่งแวดล้อม แล้วใครทำไรมันได้ไม๊อ่ะ)
อเมริกามีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจ รัฐกิจ และการเมืองของเราไหม เมื่อโครงการนี้ส่งผลถึงการบอยคอรด์
ทางการค้าและความช่วยเหลืออื่นๆ ใช่แต่เฉพาะประเทศอเมริกา แต่ประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ
ส่งผลถึงนโยบายการลงทุนระหว่างประเทศ และส่งผลถึงความกินดีอยู่ดีของคนไทยทั้งประเทศ
ถามว่ามันจะยังเป็นสิ่งที่สมควรทำหรือไม่ (ให้ประเทศเรายืนได้โดยไม่ไหวตามสถานการณ์เเละปัจจัยภายนอกก่อนแล้วค่อยมาพูดกัน)
คุณทำอย่างมันก็กระทบอีกอย่าง ดังนั้นเราควรจะมองกันแบบองค์รวม
สิ่งที่ทำมาแล้ว ถ้าเราเห็นว่าอาจมีข้อเสียที่ส่งผลกระทบมาถึงปัจจุบัน เราจะผ่านเลยไปหรือ
แม้จะลงแรง และเสียเวลาไปแล้ว เราก็ต้องกลับมาแก้ไขถ้ามันไม่ถูกไม่ควร
เราเห็นว่าสิ่งที่คุณไชยาทำ คือนำประเด็นนี้กลับมาทบทวนไม่ได้เป็นสิ่งที่ผิดตรงไหน ใช่ว่าอยู่ๆเค้ายกเลิกเลยที่ไหนล่ะ ส่วนผลการทบทวนว่าไงก็นำมาเปิดเผยอธิบายอย่างโปร่งใสแล้วกัน
เราอยากให้คุณมองทั้งสองด้าน และเปิดรับความความคิดเห็นของทั้งสองฝ่ายดีกว่านะ
ปล.เราขอตอบข้อสงสัยคนบางคนนะ ถ้าเรามีญาติที่เป็นมะเร็งเราจะสนับสนุนทำCLไม๊
ตอบ-ไม่รู้ แต่ถ้าCLยามันไม่ดีจริง ก็ไม่อยากหรอก แม้ญาติเราจะได้ประโยชน์ก็ตาม(เรามีญาติที่เป็นมะเร็งจริงๆ)
แก้ไขเมื่อ 10 ก.พ. 51 06:59:35
แก้ไขเมื่อ 10 ก.พ. 51 06:54:57
จากคุณ : Sorokin - [ 10 ก.พ. 51 06:53:28 ]
ความคิดเห็นที่ 29
หาก เขาสามารถพัฒนาต่อ แล้ว ไม่มี Side Effect จะดีกว่ายาที่มี Side Effect ไหมครับ ...
จากคุณ : Sky - [ 10 ก.พ. 51 07:24:14 ]
ความคิดเห็นที่ 32
งั้นหาก คนต่างประเทศ จดลิขสิทธิ์ ข้าวหอมมะลิ ทั้งพันธิ์ข้าวและชื่อ
หากใครจะปลูกข้าวหอมมะลิ หรือขายข้าวหอมมะลิ ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์
ข้าวนาไทยจะว่าอย่างไร
หรือจะให้พูดว่า ทำไมต้องเห็นชาวนาไทยดีกว่าสหรัฐล่ะ
โปรดอย่าเห็นแก่ตัว อย่าหัดขี้ขโมย ขี้โกง มันไม่ดี ครับ พวกขี้โกง
จากคุณ : Sky - [ 10 ก.พ. 51 08:25:56 ]
ความคิดเห็นที่ 33
ยาไม่ใช่ขนมหรืออาหาร ต้องมีการค้นคว้าพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นตลอดเวลา
ก็น่าเห็นใจผู้คิดค้นแต่มีคนอื่นมาชุบมือเปิบ คนป่วยก็น่าเห็นใจถ้าต้อง
ซื้อยาราคาแพง ผมว่าเป็นการดีที่รัฐบาลจะหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพิจารณา
เพื่อความเป็นธรรมและพิจารณาข้อดีข้อเสียซึ่งแน่นอนจะต้องมีทั้งสองด้าน
แต่ถ้ารัฐบาลรับภาระค่ายาบ้างและเจรจาให้เขาลดราคายาลงมาบ้าง
ผมว่าดีกว่าไปสนับสนุนอินเดียอย่างที่หมอบางคนชอบ
จากคุณ : ดร.โน (Never knOw Till lovE) - [ 10 ก.พ. 51 08:43:13 ]
ความคิดเห็นที่ 34
ขอปรบมือดังๆให้ คห27 Sorokin
ถ้าคนไทย ถูกละเมิดลิขสิทธิ์ ก็โวยวายไม่น้อยกว่าเค้า
ทั้งเรื่อง มวยไทย ข้าวหอมมะลิ น้ำเปลือกมังคุด นวดแผนโบราณ
ถ้ามองทางด้านคุณธรรม
มันก็สามารถกล่าวอ้างได้ทั้ง 2 ฝ่าย
คิดไป ก็ปวดหัว
ปัญหามันวนอยู่ในอ่าง เพราะต่างคนต่างคิดว่าตัวเองถูก
จากคุณ : LAPD21 - [ 10 ก.พ. 51 08:46:01 ]
ความคิดเห็นที่ 40
ทำไมต้องอ้างคุณธรรม แล้วไปปล้นคนอื่นอย่างนี้ ในความรู้สึกผม รู้สึกว่ารัฐบาลนี้คิดถูก แล้วที่จะทบทวนเรื่องนี้ ควรจะหาทางออกอย่างอื่น ดีกว่าปล่อยให้ประเทศเราเป็นประเทศหน้าด้าน ปล้นเขา ปล้นคนอื่นแบบนี้ เห็นพวกหมอที่ออกมาให้ความเห็นแล้วรู้สึกว่า การจะรักษาคนไม่มีปัญหาคิดอย่างอื่นวิธีอื่น นอกจากการปล้น จะบ้าตาย หมอไทย
จากคุณ : เอกท่าน้ำนนท์ (kawop) - [ 10 ก.พ. 51 09:55:47 ]
ความคิดเห็นที่ 41
ขอบคุณ คุณvivacious ที่สละเวลาอธิบายให้ผมเข้าใจครับ แต่ขอโทษที่ผมจนใจไม่สามารถไปหา หนังสือเล่มหนึ่งซึ่งคนเขียนเป็นบรรณาธิการวารสารทางการแพทย์ชื่อดังของโลก ซึ่งผมยังไม่ทราบว่าเป็นหนังสืออะไรมาอ่านได้ ด้วยความเคารพครับ
จากคุณ : le dente - [ 10 ก.พ. 51 10:05:46 ]
ความคิดเห็นที่ 42
ต้องทบทวนอ่ะถูกแล้ว
ดูว่าเราอาจจะเสียมูลค่าส่งออกไปเท่าไร ภาษีส่วนที่รัฐจะเสียคือเท่าไร
แล้วส่วนต่างราคาระหว่างยาถูกลิขสิทธิ์กับยาCLคือเท่าไร
ถ้ามันไม่คุ้มกัน ทำไมต้องทำอ่ะ
ส่วนผู้ป่วยไม่น่าจะต้องห่วงเพราะรัฐมีหน้าที่หายามาให้อยู่แล้ว ส่วยยาจะถูกหรือจะแพงมันก็เกี่ยวกับรัฐไม่ได้เกี่ยวกับผู้ป่วยเลย
เค้าไม่ได้บอกจะยกเลิกซะหน่อย ด่ากันจัง นี่หรอสมองระดับหมอ อิอิ
จากคุณ : NegiSpringfield - [ 10 ก.พ. 51 10:13:13 ]
ความคิดเห็นที่ 45
ไทยประหยัดค่ายาจาก CL ไปได้แค่ปีละ 1700 ล้านบาทเท่านั้น
ไทยเองก็ไม่สามารถผลิตสารเคมีตั้งต้นได้ ต้องไปซื้อของอินเดีย ที่คุณภาพต่ำกว่า
จากคุณ : X-CU - [ 10 ก.พ. 51 10:59:45 ]
ความคิดเห็นที่ 48
ความคิดเห็นที่ 50
ความคิดเห็นที่ 71
ปัญหา CL ส่วนตัวเห็นว่าเป็นเรื่องความอยากดังของคนบางกลุ่มเท่านั้น
มีการทำให้ผู้ป่วยเข้าใจเสมือนว่าการทำ CLแล้วจะก๊อปยาทุกยาในโลกนี้ได้ จะละเมิดยาตัวไหนก็ได้
ที่จริงไม่ใช่เลย ต้องระบุและทำข้อตกลงเป็นรายการๆไป บริษัทิยาก็ต้องยอมด้วย ไม่ใช่ของง่าย
กรณียาเอดส์เหมือนใช้ให้คน มาเรียกร้องในสิ่งที่เขาได้อยู่แล้ว และดีกว่าสิ่งที่พวกเขาเรียกร้องจะเอาด้วย
พูดถึงความจำเป็นทางการแพทย์ เท่าไรมันก็ไม่พอ ในมุมของผู้ป่วยย่อมอยากได้ยาหรือเทคโนโลยีทุกอย่างในโลกอยู่แล้ว
โดยเฉพาะยามะเร็งแม้ทุกวันคนไข้ที่มีปัญญาซื้อใช้เอง เข็มละเป็นหมื่นเป็นแสน ก็ยังมีคำถามคุ้มค่าหรือไม่
ช่วยยืดชีวิตไปอีกปีแล้วคุณภาพชีวิตมีหรือเปล่า เห็นอาจารย์หลายท่านยังทำวิจัยอยู่เลย
คำถามคือความพอดีของรัฐสวัสดิการด้านการรักษามันอยู่ตรงไหนต่างหาก
ทุกวันนี้ที่จริงก็ดีกว่าหลายๆประเทศ แต่ถูกของหมอมันก็มีด้านอื่นๆ ให้ต้องปรับปรุงเพื่อเพิ่มคุณภาพการให้บริการ
เช่นปรับปรุงบัญชียาหลักให้เหมาะสมกว่านี้ การแก้ปัญหาบุคคลากรที่ขาดแคลน
แต่การเปิดประเด็นการทำ CL โดยอ้างเพื่อให้ยาถูกลง ให้คนไข้สามารถซื้อใช้เองได้
สำหรับยาที่นอกเหนือรัฐสวัสดิการ เป็นเรื่องน่าอายและไม่คุ้มค่า
เพราะยังไงเราก็ไม่สามารถทำกับยาทุกรายการที่เราต้องการใช้
ให้เพียงพอที่จะตอบสนองความต้องการและความคาดหวังที่ไม่มีวันจบสิ้นของคนที่ป่วยอยู่ในทุกๆโรค
การที่ยาถูกลง อาจทำให้มีคนเข้าถึงยาได้มากขึ้นจริง แต่ก็จะมีอีกกลุ่มใหญ่ๆที่เข้าไม่ถึงอีกอยู่ดี
การเรียกร้องแบบนี้คุ้มค่าหรือไม่ คนป่วยก็ใช่จะได้ในสิ่งที่สมกับความคาดหวัง
ในขณะเดียวกันกลับส่งผลกระทบกับคนอีกกลุ่มใหญ่ๆ
ที่เป็นคนไม่ป่วย คนทำงานที่อาจต้องตกงานหากถูกมาตราการตอบโต้ ส่งผลกระทบถึงหลายชีวิตที่เกี่ยวข้องตามมา
ทางแก้ที่ถูกต้อง รัฐควรเพิ่มรัฐสวัสดิการด้านการแพทย์ให้ครอบคลุมถึงทุกโรคที่จำเป็น ให้เหมาะกับฐานะของประเทศ
ให้คนไทยได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีตามสมควรและให้ทุกคนได้มีโอกาสเข้าถึงบริการดังกล่าวอย่างเท่าเทียม
ส่วนนอกเหนือจากนี้ควรปล่อยให้เป็นไปตามกลไก ตามกำลัง และทางเลือกของแต่ละคน
ไม่ว่าเมื่อไหร่ ...เราคงทำได้ดีที่สุดเพียงเท่านี้
แก้ไขเมื่อ 09 ก.พ. 51 13:18:42
จากคุณ : Everythings gonna be all right
จากคุณ : X-CU - [ 10 ก.พ. 51 11:02:38 ]
ความคิดเห็นที่ 49
ความคิดเห็นที่ 36
ความคิดเห็นที่ 29
ปล้นเขามา จะอ้างยังไงก็คือปล้น จะอ้างว่าแม่พ่อแม่จะป่วยตาย ถึงศาลจะเมตตายังไงก็ผิด กฏหมาย
เรื่องแบบนี้มันก็พูดมาเป็นพันปีแล้ว โจรปล้นคนรวยมาให้คนจน
ขืนยอมรับกติกานี้ว่าชอบธรรม สังคมก็คงมีแต่โจรเต็มไปหมด
ตอนแรกยังไม่อ่านรายละเอียดก็จะนึกเข้าข้างคนป่วยอยู่หลอก แต่เหตุผลมันยอมรับไม่ได้
คนที่รับได้มีแต่พวกสันดานโจร เท่านั้น สูตรยานั้นเป็นของเขา
ขืนดำเนินนโยบายผิด โรคไวรัส ไม่นานมันก็ ดื้อยา
หากถึงจุดนั้นบริษัทยาที่เขาผลิด เอามาขายโดยตรง
ไม่แจกสูตร ไม่นำมาขายประเทศเรา มิซิบหายกันไปมากกว่านี้หรือ
วันดีคืนดี บางประเทศ เอาข้าวหอมมะลิไทยไปปลูก เราจะไปเรียกร้องอะไรเขาได้หรือ
เพราะเราก็ชอบขโมยเขามาหน้าด้านๆ นิ
อยากได้ยาถูก ต้องไปคุยเจรจา กับเจ้าของเขาถ้าเขาตกลงก็ดีไปถ้าไม่ก็ต้องยอมรับ
จากคุณ : ดาวจรดฟ้า - [ 9 ก.พ. 51 03:12:10 A:192.168.1.19 X:58.136.48.227 ]
จากคุณ : X-CU - [ 10 ก.พ. 51 11:05:36 ]
ความคิดเห็นที่ 50
ตามมาจากราชดำเนิน
คุณ : megasawa ไปแปะ link ไว้
http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P6318760/P6318760.htmlขอร่วมแสดงความคิดเห็นด้วยครับ
1. วัตถุประสงค์ของการ CL ยาที่ถูกนำมาอ้าง
คือการช่วยเหลือผู้ป่วยที่มีความจำเป็นต้องใช้ยาเหล่านี้
ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องดูแลประชาชน อย่างไม่อาจปฏิเสธได้
ถ้ารัฐบาลดูแลไม่ได้ ต้องโดนตำหนิ และลงโทษจากประชาชน
2. การทำ CL ยา ประเทศไทยต้องได้รับผลกระทบในด้านอื่น ๆ ตามมาแน่นอน
อันนี้เพื่อนสมาชิกน่าเข้าใจได้ คงไม่ปฏิเสธว่าเราจะไม่ถูกตอบโต้
จากประเทศที่เราไปทำ CL ยากับเขา
เพียงแต่เพื่อนสมาชิกบางคน ชั่งน้ำหนักแล้ว
ให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ที่ได้รับจากการทำ CL ยา ว่าจะได้มากกว่า
ผลประโยชน์ที่ประเทศไทยจะเสียไปเนื่องจากการทำ CL ยา
3. แต่ถ้า...รัฐบาลสามารถแก้ปัญหายาราคาแพงให้กับผู้ป่วยที่จำเป็นต้องยาเหล่านี้ได้
โดยไม่ต้องไปทำ CL ยา
จะดีกว่าไม๊
ผู้ป่วยก็สามารถได้ใช้ยาในราคาที่ไม่แพง
ด้วยคุณภาพการผลิตในมาตราฐานเดียวกันกับเจ้าชองลิขสิทธิ์
และประเทศไทยก็ไม่โดนตอบโต้ทางการค้า จากการที่ไปทำ CL ยาของเขา
แถมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศก็ไม่เสีย
4. ค่อนข้างแปลกใจกับการกดดันรัฐบาลของกลุ่ม NGO
ว่าทำไมต้องกดดันให้รัฐบาลแก้ปัญหาเรื่องนี้ด้วยการทำ CL ยาอย่างเดียว
สวัสดิการด้านสาธารณะสุขของประชาชน รัฐบาลต้องดูแลอยู่แล้ว
ขืนไม่ทำ เลือกตั้งครั้งต่อไป ประชาชนที่ไหนจะมาลงคะแนนเสียงให้อีก
แต่การแก้ปัญหาเรื่องนี้ของรัฐบาล ไม่จำเป็นต้องจำกัดวิธีการ
น่าจะยังมีวิธีการอีกหลายทางเลือก ที่สามารถทำได้
โดยประเทศไทยไม่เสี่ยงกับการโดนตอบโต้ทางการค้า
- อาจจะใช้วิธีเจรจากับเจ้าของยา เพื่อขอลดราคาลงมาเพื่อมนุษยธรรม
- รัฐอาจให้เงินสนับสนุนในการซื้อยาเหล่านี้ มาขายให้ผู้ป่วยในราคาที่ถูกลง
- ฯลฯ
แทนที่ NGO เหล่านี้จะกดดันแค่เพียง ให้รัฐบาลต้องช่วยเหลือผู้ป่วยเหล่านี้
ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใด ๆ ก็ตามที่รัฐบาลจะช่วยได้
เพียงแค่ให้ผู้ป่วยเหล่านี้ได้ใช้ยาที่มีราคาถูก
NGO เหล่านี้กลับพุ่งเป้าการแก้ปัญหาหาไปที่การทำ CL ยาอย่างเดียวว่าจะแปะ link จากห้องราชดำเนินมาให้อ่าน
ถึงผลดี ผลเสียจากการทำ CL ยา
ที่สมาชิกในห้องราชดำเนินถกกัน
แต่คิดแล้ว ไม่แปะดีกว่า
เอาเป็นว่าขอเชิญสมาชิกห้องสวนลุม ไปเยี่ยมเยียนห้องราชดำเนิน
เพื่อพูดคุยกันในประเด็นนี้เพิ่มก็แล้วกัน
อยากจะบอกว่า
การเมืองคือส่วนหนึ่งในชีวิตของเรา
ไม่ว่าเราจะชอบ หรือไม่ชอบ
แต่การเมืองมีผลต่อการดำรงชีวิตของพวกเราแน่
อย่ารังเกียจการเมือง แล้วปฏิเสธที่จะรับรู้เลยครับ
ไม่งั้นวันนึงเราอาจได้รับผลกระทบของการเมือง
แล้วไม่รู้เลยว่า ที่เราโดนอยู่นั้นมันมีสาเหตุมาจากอะไร
แก้ไขเมื่อ 10 ก.พ. 51 11:21:53
จากคุณ : คือ.........ฉันเอง - [ 10 ก.พ. 51 11:08:10 ]
ความคิดเห็นที่ 51
ความคิดเห็นที่ 62
บอกตรง นะคิดได้ไงว่าอินเดียรวย
คนอินเดียมีจนเหมือนกัน ประมาณ ร้อย80ของประเทศนะครับ
บอกมาได้อินเดีย รวย ไปถามอาบังขายโรตีดูซิว่าทำไมมาขายในเมืองไทย
จริงนะ ผมว่าไร้สาระ
โอเคนะครับเราต้องชั่งน้ำหนักให้ดีนะครับ ว่าทำไม ทำไมชาติอื่นเมืองเขาถึงไม่กล้าทำซีแอล
บราซิลมีคนป่วยโรคเอดส์มากว่าเราสิบเท่า
แอฟริกามีคนป๋วยมากว่าเราร้อยเท่า
ทำไมเขาจึงไม่ทำ
อย่าภูมิกับการเป็นโจรปล้นเขาเลยผมนะได้กับตัวเอง ไปรักษาโรคผิวหนัง เชี้อตรงง่ามขา
หมอให้ยา ของบริษัทไบเออร์ เอามาทาก็ดีขึ้นตามลำดับแต่หมอบอกต้องไปรับยา ตลอดประมาณสองเดือนน่าจะหาย สองอาทิตย์ผ่านไป เชื่อราเกือบจะหายหมด ผมไปขอรับยาเพื่อเอามาทาต่อ เผอิญเจอหมอคนละคน แกก็ให้ยาของยีห้ออื่นมา ผลปรากฎคือผมทาแล้วไม่เห็นดีขึ้นเหมือนอันแรกเลย
ผมเลยกลับไปขอเปลี่ยนยาตัวเดิม เผอิญผมนี่ นอกจากจะมีบัตรประกันสังคมแล้วผมยังมีบัตรประกันสุขภาพ ของเอกชนอีกหนึ่งใบ คุณหมอทีรพเอกชนก็เปลี่ยนให้ สุดท้ายก็หายจากเชื่อราอันนี้
ผมว่าเราอย่าแก้ปัญหาโดยวิธีเห็นแก่ตัว
เลยครับ ผู้ป๋วยต้องการยาทีดี เป็นหน้าทีของรัฐบาลต้องจัดหาให้ครับ ระบบหลักประกันถ้วนหน้า ต้องปรับปรุง ให้ดีขึ้น
สมมติถ้าตอบโต้ด้วยการ แซงชันสินค้าจากเราพี่น้องประชาชนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ต้องมารับเคราะห์กรรมจากการทีผลประโยชน์คนกลุ่มหนึ่งผมไม่เห็นด้วย
เพราะนโยบายสามสิบบาท รักษาทุกโรค ก็เกิดรัฐบาลทรท
เพราะฉะนั้นให้ระวังว่าจะมีสือพยายามเสี้ยมให้พี่น้องผู้ป๋วยเอดส์ หรือมะเร็งเข้าใจอะไรผิดๆๆ ผมเห็นมีอ้ายสือชั่วตนกำลังเล่นอยู่
จากคุณ : ขุนหลวงใจดี - [ 9 ก.พ. 51 23:12:03 A:124.120.165.156 X: ]
จากคุณ : X-CU - [ 10 ก.พ. 51 11:08:46 ]
ความคิดเห็นที่ 52
ตรรกะแบบป้ายสี และทึกทักเอาเอง .... เป็นยุมธวิธีของพวกหลอกเด็ก
คนที่เขาใช่เหตุผล เขาไม่ทำกัน
แต่ถ้าจะทำแบบเดียวกัน ... ผมก็ทำให้ดูได้
ฟรั่งต่างตอบแทนโดยการช่วยทักษิณกลับมา (คิดเอาเอง)
พวกเชียร CL ต่างตอบแทนกับพวกอิมพอร์ตเคมีอินเดียกินส่วนแบ่ง (คิดเอาเองเช่นกัน)
พวกต่อต้านกินเงินบริษัทยาฟรั่ง ไม่สนใจประโยชน์คนไทย (คิดเอาเอง)
พวกเชียร CL กินเงินบริษัทท้องถิ่นโดยเปิดช่องทางทำยานอกกฎหมาย (คิดเอาเองเช่นกัน)
ฯลฯ
การเลือกนโยบายระดับประเทศ มันมีส่วนได้เสียเกิดทั้งนั้น มีคนได้คนเสีย
ทุกทางเลือกสามารถเอามาป้ายสีกันได้ทั้งนั้น
จึงไม่ควรใช้วิธีให้ร้ายกันในการตัดสินใจ
อย่าพูดหลอกลวงคนในที่อับ เพราะเมื่อมีคนแย้งเปิดแจ้งขึ้นมา ... ความจริงจะยั่งยืนกว่า
เมื่อวานก็มีพวกหลอกพงพอนกัดงูเห่าข้ามไปราชดำเนินมาแล้ว
ควรชั่งน้ำหนักข้อเท็จจริง ว่าผลได้โดยรวมที่สูงสุดของประเทศและสังคมอยู่ตรงไหน
อย่ามองมุมแคบๆ ของตนฝ่ายเดียว
จากคุณ : X-CU - [ 10 ก.พ. 51 11:33:07 ]
ความคิดเห็นที่ 56
การใช้กฎหมายฝ่ายเดียวและตีความข้างเดียว โดยเจ้าของทรัพย์สินไม่ยินยอม
ภาษาชาวบ้านเรียกปล้นบ้างขโมยบ้าง ... เพราะไปถือเอาของที่ไม่ใช่ของๆตัวมา
การทำ CL มันไม่ใช่จู่ๆ ประกาศเอาเอง
ถ้าอ้าง Emergency ก็ต้องประกาศภาวะฉุกเฉินก่อน
ถ้าอ้างผูกขาด ก็ต้องมีการเจรจาและอาจมีการไต่สวนก่อน
แม้แต่การประกาศไปแล้ว เขาก็แนะนำให้ควรจ่ายเงินให้เจ้าของ
ไทยทำอย่างนั้นแล้วรึ ?
ตรรกะแปลกๆ ว่าบริษัทยาที่โดน CL "ทำไมบริษัทต้องวิ่งๆๆๆๆๆ เพื่อยัดเงินให้ล้ม CL ด้วยครับ"
พวกพ่อค้าที่โดนขู่กรรโชก เขาก็ทำอย่างนี้ทั้งนั้น ทางจิตวิทยาและเสรษฐศาสตร์
คนเราก็วิ่งหาทางที่เจ็บน้อยที่สุดเสียน้อยที่สุด
และนั่น ไม่ได้หมายความว่าการขู่กรรโชกมันดีขึ้นมา
ว่าแต่ว่าที่เขาวิ่งๆๆๆ เพื่อยัดเงินแล้วมีใครรับไปเปล่าครับ
คือ ... คือ .... อ่า... แบบเอาเข้ากองทุนสวัสดิการแบบหมอแกเคยทำตอนอยู่ อย. น่ะ
จากคุณ : X-CU - [ 10 ก.พ. 51 12:39:56 ]
ความคิดเห็นที่ 60
ความเห็นที่คุณ X-CU นำความเห็นของคนอื่นมาโพสตั้ง คห. 45 , 46 , 47, 48, 49,
51
นั้น ผมจับประเด็นหลัก ๆ ได้ดังนี้คือ
1)นี่เป็นการปล้นแบบหน้าด้าน ๆ
2) ทำไม ถึงไม่ใช้วิธีอื่นที่ไม่ใช่ CL มันเจรจากันได้นี่ ถึงจะไม่ใช่การปล้น
3)ไทยต้องซื้อจากอินเดีย ที่มีคุณภาพต่ำกว่า
4)เป็นความหยากดังของคนบางกลุ่ม แต่เป็นเรื่องน่าอายและไม่คุ้มค่า เพราะทำไม่ได้กับยาทุกกลุ่ม
บางคนก็เข้าไม่ถึงยา และอาจทำให้คนที่ไม่ป่วยต้องเดือดร้อนจากการถูกตอบโต้
5 )กลัวว่าไม่มีบริษัทไม่ทำวิจัย
ขอตอบแต่ละประเด็นดังนี้คือ
1) เรื่องนี้ไม่ใช่การปล้น เพราะ คนที่จะปล้นคนอื่นได้นั้น ต้องมีอาวุธใช่ไหม
ครับ มีอำนาจเหนือผู้อื่นใช่ไหม ถ้าคุณไม่มีอาวุธไม่มีอำนาจเหนือคนอื่น คนอื่น
จะให้ปล้นหรือครับ เค้าก็ต่อสู้ซิ
แล้วไทยเป็นประเทศเล็กนิดเดียวมีอาวุธอะไรไปบังคับประเทศมหาอำนาจให้
ทำอย่างที่เราต้องการได้บ้าง นอกจากนั้นผู้ที่รับประโยชน์จากโครงการนี้ก็เป็น
ผู้ป่วยที่อ่อนแอใกล้ตาย ไม่มีอำนาจไม่มีอาวุธไปสู้กับใครได้ทั้งนั้น แล้วจะเรียก
สิ่งเหล่านี้ว่าเป็นปล้นได้อย่างไร ........... ในเมื่อผู้ที่ปล้นนั้นอ่อนแอมากขนาดนี้
แต่ที่ประเทศไทยทำได้ ไม่ใช่การปล้นแบบหน้าด้าน ๆ เพราะว่าเราไม่มีอาวุธ
กำลังหรืออำนาจจะไปทำแบบนั้นกับประเทศมหาอำนาจได้อยู่แล้ว แต่ที่เราทำ
ได้ เพราะมีความชอบธรรมจากมติส่วนใหญ่ชาวโลกที่เป็นสมาชิกขององค์
การค้าโลกให้ทำได้ครับ ........... ไม่มีเรื่องอะไรให้น่าอายตรงไหน ทำถูกต้อง
ตามช่องทางที่เขาเปิดให้ไว้ทุกประการ และโดยการเปิดเผย ไม่ใช่ลักลอบทำ
2)ทำไมไม่ใช่การเจรจาต่อรอง แทนทำ CL
ก็เพราะไทยเป็นประเทศเล็ก ๆ ไม่มีอำนาจต่อรองนะซิครับ การต่อสู้เรื่องการ
เข้าถึงยาราคาถูกนั้นมีมาเป็นสิบปีแล้ว การเจรจาก็มีมาเป็นสิบปีแล้วเช่นกัน แต่
บริษัทยาไม่สนใจที่จะเจรจาต่อรอง เพราะเขาถือไพ่เหนือกว่า ยังไง ๆ เราก็ต้อง
ไปง้อพวกเขา แต่มีอำนาจในการทำ CL นี่แหละ เป็นอำนาจต่อรองที่สำคัญที่
ให้บริษัทต้องกลับมาเจรจาด้วย ถ้าไม่มี CL ฝันเป็นสิบ ๆ ปี หรือถึงชาติหน้า
พวกบริษัทยาก็ไม่มาเจรจากับพวกคุณหรอก
แล้วทำไมเมื่อบริษัทยามาเจรจาต้าอวยด้วย ทำไมเราถึงไม่ยอม ก็เพราะบริษัท
ที่เข้ามาเจรานั้นมอบขนมหวานให้กับเราในเบื้องต้น แต่แฝงเงื่อนไขให้เราเป็น
ทาสมันไปจนวันตายนะซิ เขาถึงไม่เจรจา...... มีบางประเทศที่ยอมเจรจากับ
ยาบางตัวอย่างบราซิล ในที่สุด ก็ถูกบริษัทยา ... "มัดมือชก" นิ่ม ๆ
สรุปก็คือ ถ้าคุณไม่กล้าทำ CL ไม่มีบริษัทยาหน้าไหนมาเจรจากับคุณให้โง่และ
เสียเวลาหรอก
3) ไทยต้องซื้อยาจากอินเดียที่มีคุณภาพต่ำกว่า
บางคนอาจไม่ทราบว่าอินเดียผลิตยาสามัญส่งออกใหญ่เป็นลำดับต้น ๆ ของโลก
เทคโนโลยี วิศวกรรมย้อนกลับ ของอินเดียก้าวหน้าเนื่องจากไม่ถูกจำกัดด้วยกฎ
หมายลิขสิทธิ์ ที่บอนไซอุตสาหกรรมยาของไทย
ยาที่ไทยจะซื้อจากที่ผลิตอินเดียนั้น ไม่ได้ซื้อมาแบบมักง่าย แต่มันต้องผ่านมาตร
ฐานการตรวจขององค์การอมามัยโลก ไม่ใช่เป็นการไปยาหมอตี๋ที่ไหน หมอไทย
ก็ไม่โง่ไปซื้อยาพวกนี้มาหรอก
4) เป็นเรื่องความหยากดังของบางกลุ่ม แต่เป็นเรื่องน่าอายและไม่คุ้มค่า และใช้ไม่
ได้กับยาทุกกลุ่ม
การเคลื่อนไหวการเข้าถึงยาราคาถุกนั้น มันเคลื่อนไหวมาเป็นสิบปีแล้ว บางช่วง
ก็เงียบ บางช่วงก็ดัง แต่ความเคลื่อนนั้นก็ยังคงมีอยู่เพราะว่าความเดือดร้อนมันไม่
ได้หายไปไหน คนที่เคลื่อนไหวเหล่านี้พวกเขาไม่ได้อยากดัง .. แต่เขาเดือดร้อนครับ
ในเมื่อการทำของไทยนั้นถูกต้องตามระเบียบขององค์การค้าโลกทุกประการ แล้ว
มันเป็นเรื่องน่าอายตรงไหน ไทยมีความชอบธรรมในการทำทุกประการ และทำนั้น
คุ้มสุด ๆ เพราะช่วยชีวิตคนไทยไว้ได้เป็นจำนวนมากอย่างประเมินค่าไม่ได้ ไม่ต้อง
พูดถึงตัวเงินที่ประหยัดได้จากการซื้อยา
การทำ CL นั้นจุดประสงค์เขาก็ไม่ได้ต้องการทำกับยาทุกกลุ่มอยู่แล้ว ความเข้า
ใจผิดก็ต้องไปแก้ความเข้าใจผิดของคน อย่ามาบอกว่าการทำ CL นั้นไม่ดี
5)กลัวว่าบริษัทยาจะไม่ทำการวิจัย
ก็ได้บอกแล้วว่า การวิจัยพื้นฐานนั้นมหาวิทยาลัยเป็นผู้รับเงินวิจัยจากรัฐ เพื่อมาทำ
การวิจัย ส่วนผู้ผลิตยาก็ก็เอาตัวนี้ไปต่อยอดและจดสิทธิบัตรอีกที ทำให้แม้บริษัทยาจะ
อ้างว่ายาราคาแพงเพราะการวิจัย แต่ก็ไม่กล้าแจกแจงต้นทุนให้เห็นกันจะ ๆ ซักทีว่า
มันไปแพงตรงไหน
นอกจากนั้นตลาดยาไทยนั้นมีขนาดเล็กมากไม่ถึง 1% ของตลาดยาโลก ส่วนประเทศ
กำลังพัฒนาทั้งโลกนั้นบริโภคยาแค่ 10% ของมูลค่าตลาดยาโลกเท่านั้น ไม่ใช่ว่าคน
ในประเทศเหล่านี้ไม่ป่วยไข้เป็นโรค แต่เขาไม่มีเงินซื้อยาจนต้องยอมตายไปต่างหาก
ส่วนตลาดยาอีก 90% อยู่ในประเทศที่พัฒนาแล้ว ที่มีกำลังซื้อมากพอ เพราะเขารายได้
สูงกว่าคนจน ๆ บ้านเราไม่รูกี่เท่า
ถ้าความต้องการตรงไหนมีช่องทางให้บริษัทยามาแสวงหาผลประโยชน์ทางการค้า
ได้ มันต้องมีบริษัทหนึ่งกล้าเสี่ยงมาลงทุนต่อ เพราะเมื่อหักประเทศที่ทำ CL ออกไป
แล้ว ตลาดยาก็ยังเหลืออีกเยอะให้ถอนทุนและกำไร
สุดท้าย ทำไมคนไทย ถึงได้ไปเดือดร้อนแทนบริษัทยา ซึ่งเป็นของต่างชาติมากมาย
นัก ตัวเองก็อาศัยอยู่ในแผ่นดินไทย จะเกิดหรือตายก็อยู่ในไทยนี่แหละ ทำไมมันถึงไป
ห่วงต่างชาติที่รวย ๆ มากกว่าคนไทยที่จน ๆ และด้อยโอกาส จริง ๆ แล้วพวกนี้เป็นคน
ไทยหรือเปล่า หรือเป็นไทยแต่ตัวส่วนใจเป็นต่างชาติ
จากคุณ : vivacious - [ 10 ก.พ. 51 13:19:34 ]
ความคิดเห็นที่ 61
คุณ X-CU ความคิดเห็นที่ 52 ,56
ผมมีสิทธิในการคิดใช่ไหมครับ ไม่ว่าจะมองไปในแง่ดีหรือแง่ร้าย ถ้าหากสถานการณ์
มันส่อไปในทางนั้นโดย .... บังเอิญ .......... ผมว่าเรื่องนี้มันบังเอิญอย่างน่าคิด
แต่ผมว่าคนที่เข้ามากระทุ้นี้ ส่วนใหญ่ก็ไม่ใช่เด็กแล้ว ๆ ยิ่งคนที่สนใจเรื่อง CL นับไม่
ใช่เด็กเลย ดังนั้น คนเหล่านี้เขาคิดเองได้ เขามีวุฒิภาวะเพียงพอที่แยกอะไรว่าเป็นอะไร
การกล่าวหาที่ไม่ค่อยมีสภาพแวดล้อมสนับสนุนนั้น มันก็ไม่มีน้ำหนักไปเอง คุณอย่าไป
ดุถูกพวกเขาว่าเป็นเด็ก ๆ ซิ
การใช้ตรรถและการใช้เหตุผลนั้น มันเริ่มมาจากการมีความจริงบางอย่าง ใครก็สามารถ
คิดอะไรก็ได้ ถ้าหากว่ามันดูสมเหตุสมผล ไม่ว่าการคิดนั้นจะทำให้มองใครไปในทางแง่
แง่ดีหรือร้ายก็ตาม ตำรวจก็จับโจรมาด้วยการคิดแบบตรรภเหตุผลทั้งนั้น
ดังนั้นคุณก็สามารถคิดอย่างที่คุณคิดมาก็ได้ เพียงแต่มันเลื่อนลอยไม่มีน้ำหนัก เนื่องจาก
ว่ามันไม่ได้มีข้อเท็จอะไรมารองรับนั่นเอง คุณมีหลักฐานอะไรมาบอกว่าพวกเชียร์ CL
นั้นกินส่วนแบ่ง
ผมว่าการคิดเอาเอง หรือการสมติฐาน ทฤษฎี นั้น เป็นกระบวนการหนึ่งในการหาความ
จริง หมอเองก็ต้องเดาว่าคนไข้เป็นโรคอะไรจากอาการที่บอก การคิดเอามัน มันก็เป็นเพียง
จุดเริ่ม เท่านั้น แต่หลักฐานต่างหาก ที่มาสนับสนุนว่าสิ่งที่คิดเป็นจริงแค่ไหน ไอสไตน์
เอง ก็คิด ๆ ได้สูตรแห่งจักรวาลขึ้นมา โดยที่ในชีวิตแทบจะหมกตัวอยู่แต่ในห้องสมุด
การเลือกนโยบายระดับประเทศนั้นมันมีทั้งผลดีและผลเสียก็จริง แต่มันน่าแปลกและ
บังเอิญเกินไป ที่รัฐมนตรีซึ่งเป็นนักการเมืองที่ไม่ได้อยู่ในแวดวงสาธารณสุขเลย กลับมา
ให้ความสำคัญเรื่องการทำ CL ตั้งแต่เข้ารับงานวันแรก และรู้เรื่องความเสียหายของ
บริษัทยาเป็นอย่างยิ่ง แต่ว่าไม่ได้รู้เรื่องความเดือดร้อนและเสียหายของคนไทยเลย
อย่างนี้มันไม่ชอบมาพากล ห้ามไม่ให้คนคิดไปในทางร้ายไม่ได้ ถ้าหากมาเริ่มแรกเลย
นั้น มันต้องมีข้อมูลทั้งสองด้าน มามากพอแล้ว ไม่ใช่ไม่รู้อะไรของไทย แล้วบอกให้
คนเป็นเอดส์ไปกินดอกไม้จันท์
...
...
...
...
คุณ X-CU แล้วที่อเมริกาส่งกองทัพไปยึดอัฟกานิสถาน หรืออิรัค นี่มันได้รับควาน
ยินยอมจากคนอิรัก หรืออัฟกานิสถานหรือปล่าว นี่เป็นการใช้อำนาจบาตรใหญ่ของผู้
ที่มีกำลังอำนาจอาวุธเหนือกว่าคนอื่น โดยที่ไม่สนใจว่าประเทศนั้นจะมีคนล้มตายและ
ทรัพย์สินเสียหายเพียงใดก็ตาม.............อเมริกามันก็ยึดผลประโยชน์ของประเทศ
ตัวเองเป็นที่ตั้งทั้งนั้น คุณ X-CU น่าจะไปเรียกร้องสามัญสำนึกจากอเมริกามาก ๆ
การทำ CL นั้นสามารถทำข้างเดียวได้ครับ เพราะถ้ารอเจรจา มันก็ไม่ได้ทำหรอกครับ
รอชาติหน้าบริษัทยามันก็ไม่ยอม การทำ CL ของไทยนั้นก็ไม่ได้กระทบกับพวกนี้อะไร
มากมาย เพราะเราไม่ใช่ตลาดใหญ่ของเขา นอกจากนั้นไทยก็ไม่ได้ห้ามไม่ให้แอบบอท
ฟ้องครับ แอบบอทนี่ดีนะยังมีศาลให้ฟ้อง แต่ประชาชนอิรัคนั้นมัไม่มีที่พึ่งเอาซะเลย
จากคุณ : vivacious - [ 10 ก.พ. 51 13:22:01 ]
คคห.นี้ พยายามอธิบายข้อเท็จจริงบาง คคห.ให้ คุณ X-CU
ที่อ้างอิงความคิดเห็นของคนอื่น ๆ แทนการออกความคิดเห็นตรง ๆ เรื่องการประกาศสิทธิเหนือสิทธิบัตร (Compulsory License หรือ CL)ถูกนำมาวิพากษ์วิจารณ์ใหม่
เมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขคนใหม่ ไชยา สะสมทรัพย์(มหาเศรษฐีร่ำรวยกว่าบริษัทยา)
ของพรรคพลังประชาชนบอกว่าจะ'ทบทวน' ซึ่งชาวบ้านเข้าใจว่า'ทบทวน'คือการยกเลิก หรือ เปลี่ยนแปลง...
คคห.ที่นำมาจากพันทิพห้องลุมพินีและห้องราชดำเนินบางส่วนเกี่ยวกับ CLยา มาให้อ่านจะเข้าใจ
แฟนพันธุ์แท้,คนรักพรรคพลังประชาชนหรือพรรคไทยรักไทยในอดีตนั้น มีจิตสำนึก ทัศนะ
และความเห็นการใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตรยา(CL)แตกต่างกับคนอื่น ๆ อย่างไรบ้าง...
อ่านแล้ว จะเข้าใจว่า'สมานฉันท์'ที่แท้จริงตามความคิดเห็นของ'ผู้มีอิทธิพลเหนือนายกฯนอมินี'
และ 'นายกฯนอมินีหมัก เมถุน' จะเกิดขึ้นได้อย่างไร
เมื่อความเห็นตรงข้าม ขาวกับดำ ไม้กับนก อย่างนี้.......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า