กระบื้องอย่างหน้ายังเรียกทวด

หลังจากเกิดปรากฎการณ์ “น้ำลดตอผุด” สืบเนื่องจากพฤติกรรมในทางมิชอบของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไม่ว่าจะเป็นความผิดตั้งแต่ปีมะโว้อย่างการขึ้นเงินเดือนตัวเองในปี 2547 ก็ดี การตัดสินยุบพรรคการเมืองเล็ก ๆ ด้วยข้อหาเล็กน้อย การกำหนดวันเลือกตั้งตามคำสั่งของรัฐบาลในปี 2548 ก็ดี การรับรองผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคไทยลักไทยในการเลือกตั้งปี 2548 ด้วยเหตุผลน่ารักมากว่า “ข้อหาไม่มีมูล” ขณะที่พรรคฝ่ายตรงข้ามอย่าง พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทย พรรคมหาชน และพรรคเล็กรอไปก่อน
แค่นี้ไม่พอครับ ปี 2549 รัฐบาลเสนอเลือกตั้ง 30 วันได้ไหม กกต.เด้งหน้าเด้งหลังรับเลย การจัดคูหาเลือกตั้งหันบั้นท้ายอออกเอาใจเพศสีม่วงอย่างศิเธย ผู้สมัคร ส.ส.ที่สอบตกวันที่ 2 เมษายน 2549 กลับมาสมัครใหม่ได้ทั้งๆที่ยังไม่ได้ออกกฤษฎีการับรองอย่างเป็นทางการ ผลสุดท้ายเป็นไงครับ เบื้องบนตรัสเตือนสติว่า “เลือกตั้ง 30 วันถูกต้องหรือไม่”
พฤติกรรมมิชอบในข้างต้นนอกจากจะสะท้อนการทำงานที่ไร้ประสิทธิภาพของ กกต.แล้ว ยังบ่งบอกว่า กกต.ชุดนี้หมดความชอบธรรมไปนานแล้ว
ไม่ทราบว่า กกต.ที่เหลืออยู่จะมาอ้างความชอบธรรมว่าที่ผ่านมาทำตามกฎหมายทุกระเบียดนิ้วได้อย่างไร ในเมื่อที่ผ่านมาปฏิบัติตนเยี่ยงสาขาพรรคไทยรักไทยตลอดเวลา
แทนที่ กกต.จะให้สัมภาษณ์ว่า “ผมต้องรับรอง ส.ส.ไทยลักไทย ให้ครบสภาโจ๊กก่อน” “ผมต้องรับรองสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) สายรัฐบาลให้เสร็จก่อน” “ผมต้องทำตามคำสั่งไอ้โม่งในรัฐบาลเพราะโดนจ้างมา”
แค่นี้ประชาชนอย่างเราๆก็เข้าใจแล้วครับ
กรุณาเลิกตะแบงว่า กกต.ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายทุกอย่างเถอะครับ คนที่ไร้ความชอบธรรม ไร้มโนสำนึกผิดชอบชั่วดีอย่าง กกต. และ พลพรรคไทยลักไทยไม่มีสิทธิ์อ้างความชอบธรรมให้กับตนเองจนกว่า กกต. – ทรท.จะแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกและลี้ภัยไปต่างประเทศให้สิ้นเรื่องสิ้นราว
และการที่ “พี่หนา” บอกว่าจะสะสางคดีพรรคไทยลักไทยจ้างพรรคเล็กลงสมัครเลือกตั้งเพื่อเลี่ยงกฎ 20% ภายใน 7 วัน ขอให้ทำจริงทิ้งทวนด้วยการยุบพรรคไทยลักไทยเพื่อสร้างคุณูปการแด่ชาติบ้านเมืองเป็นครั้งสุดท้ายในช่วงบั้นปลายของชีวิตเถอะครับ ก่อนที่จะไม่มีแผ่นดินอยู่จนต้องหนีไปอยู่กับลูกที่ประเทศออสเตรเลียได้ไหมครับ
หวังว่า ผมคงไม่เห็นผลสรุปจากพี่หนาในกรณี “พรรคใหญ่ (ทรท.) จ้างพรรคเล็ก”ทำนองว่า “การที่พรรคการเมืองใหญ่จ้างพรรคเล็กมาสมัครเลือกตั้งเป็นข้อหาที่ไม่สามารถเอาผิดกับพรรคการเมอืงใหญ่ (ทรท.) ได้ เนื่องจาก แกนนำ ทรท.รู้จักสนิทสนมกับแกนนำของพรรคเล็กเป็นอย่างดี ดังนั้น การยับพรรคไทยรักไทยจึงเป็นไปมิได้ ความผิดทั้งหมดที่เกิดขึ้นควรเป็นความผิดส่วนบุคคล หรือบงพร่องโดยสุจริตไปโดยปริยาย”
หากพี่หนาสรุปออกมาแบบนี้จริง ผมคนหนึ่งนอกจากจะไม่ขำแล้ว เสียง “ท้ากสิน...ออกไป” “กกต...ออกปาย”จะดังกระหึ่มต่อไปตามหัวเมืองในจังหวัดต่างๆ ในประเทศไทยเป็นแน่
ผมแนะนำว่า กกต.ควรไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคไทยลักไทยโดยด่วนเลยครับอย่ามาทำตัวเป็นคุณแอบ และกรุณาไปจดสำมะโนครัวอย่างเป็นทางการกอดคอกันตายพร้อมกับพรรคใหญ่สิ้นเรื่องสิ้นราวไปเลยครับ
อย่าสวมหมวกองค์กรอิสระ แต่ปฏิบัติหน้าที่กลางใจคุณทักษิณเลยครับ
มีสัจธรรมข้อหนึ่งที่ทั่วโลกให้การยอมรับ (เห็นพลพรรค ทรท.และ กกต.ชอบอ้างว่าใครก็ทำกันนักหนา) “ลาออก” เองดีกว่าโดน “ไล่ออก” นะครับ จริงอยู่ทั้ง 2 กรณีออกเหมือนกัน แต่การลาออกเองคุณมีสิทธิ์ไปเริ่มงานใหม่ที่ไหนก็ได้ แต่การโดนไล่ออกความน่าเชื่อถือคุณจะไม่เหลืออีกต่อไป
แม้คุณจะเก่งระดับ ด็อก (เตอร์) รวยระดับ 73000 ล้านบาท (แต่เลี่ยงภาษี 23300 ล้านบาท) มีเสียง 19 ล้านเสียงจนหดเหลือ 16 ล้านเสียง ก็ตามที
เพราะคำว่า “เกียรติและศักดิ์ศรี” ไม่สามารถซื้อด้วย “เงิน “หรือ “เสียงสนับสนุนที่ไปจัดตั้งมาอย่างบิดเบือน” หรอกครับ