http://www.thaipost.net/index.asp?bk=thaipost&post_date=5/Feb/2551&news_id=154105&cat_id=200เปลวสีเงิน
'วิธีพิชิตคนเดือนตุลา' ลีลาสมัคร
5 กุมภาพันธ์ 2551 กองบรรณาธิการ
คุยถึง "นายกฯ สมัคร" ไว้วานนี้ ถึงประเด็นที่นั่งถ่างขาคร่อม กห.ยังไม่จบความ วันนี้มานินทากันต่อ แต่จะจบหรือเปล่าก็ยังไม่แน่ใจนะครับ ก็ว่ากันไปเรื่อยๆ แค่ไหนก็แค่นั้นแล้วกัน
พูดถึงนายสมัคร ถ้าไม่พูดถึง ๖ ตุลา.๑๙ ก็เหมือนกินข้าวแล้วไม่ได้กินขนม และถ้าพูดถึง ๖ ตุลา.แล้วไม่เอ่ยถึง "คนเดือนตุลา." เลย
นั่น..เหมือนถ่ายแล้วลืมเช็ดก้น ยังไง-ก็ยังงั้น!
คุยไปแต่วานว่านายสมัครนั้น ตัวตนจริงๆ เป็นคนมีเสน่ห์ ใครคลุกคลีเข้าใกล้แล้วเป็นต้องหลง โดยยกตัวอย่างที่คาตากันอยู่ ก็ที่พรรคพลังประชาชนตอนนี้ไง
ตอนนั้น นายสมัครมีแนวความคิดสอดคล้องกับฝ่ายทหารว่า พวกนักศึกษา ๖ ตุลา.เป็นพวกซ้ายจัด นิยมคอมมิวนิสต์ มุ่งหวังโค่นล้มสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
ต้องกำจัด!
แล้ววันนี้ นายสมัครก็ตอกย้ำให้เห็นชัดว่า "เขาคิดถูก" พวกคนเดือนตุลา.ที่อยู่ในพลังประชาชนตอนนี้ตะหาก ที่ผ่านมา..."คิดผิด"
แถมโง่เง่า จำคาถามาผิดๆ ถูกๆ แล้วทำขลังเที่ยวเสกบ้าน-เสกเมือง ด้วยหลับหูหลับตาท่องผิดๆ ที่ว่า..ฟ้าสีทองผ่องอำไพ... นั้น
ท่อนท้าย ใช่อย่างที่พวกเขาท่องกันว่า..ประชาชนเป็นใหญ่ใน แผ่นดิน ซะที่ไหน?
ก็ต่อเมื่ออีกร่วม ๓๐ ปีล่วงแล้วนั่นแหละ ถึงได้รู้ว่า "บทเต็ม" ของคาถานี้ "สำหรับคนอย่างพวกเขา" ก็คือ
"ฟ้าสีทองผ่องอำไพ สมัคร-ทักษิณเป็นใหญ่ในแผ่นดิน" ตะหาก!
ผมดูข่าวโทรทัศน์ยังนึกเอ็นดูหลายหนแล้ว ที่ชัดๆ ตอนประชุมสภานัดปฐมฤกษ์ ท่านเห็นมั้ย นายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี "คนเดือนตุลา." ที่เพื่อนพ้องถูกฝ่ายขวาจัดไล่ฆ่าในครั้งนั้น
นายสุรพงษ์นั่งคู่กับนายสมัครผู้อยู่ในกลุ่มขวาจัด หน้าสดชื่น เบิกบาน กระจู๋กระจี๋ บางครั้งศีรษะแทบชนกัน เพื่อกระหนุงกระหนิงถ้อยคำ "ร่วมอุดมการณ์ใหม่" กับนายสมัคร
นายสมัคร ผู้ที่ "คนเดือนตุลา." กลุ่มนี้ยอมยกให้เป็น "นาย" เหนือหัวในระบบพรรควันนี้นี่แหละ!
นี่คือหลักฐานพิสูจน์คำที่ผมบอกว่า "นายสมัครเป็นคนมีเสน่ห์" ใครได้อยู่ใกล
และส้องเสพความคิดซึ่งกันและกัน..สุดท้ายเป็นต้องสยบยังกะทาสเทวี
เป็นผม ผมก็ต้องสยบให้กับนายสมัคร เพราะน้ำใสใจจริงจากลีลาท่าน เรียกว่า "ได้ใจ" กันเต็มๆ ไปทั้งตระกูลเลยทีเดียว
ยกตัวอย่างประกอบ จำได้มั้ย..วันที่ท่านสารภาพกับนักข่าวว่า "ครม.หน้าตาขี้เหร่" น่ะ?
ถ้าท่านสมัครพูดแล้วจบแค่นี้ ก็คงเป็นการ "จบแบบพระเอก" เท่อย่าบอกใครเชียว แต่ท่านปากกะใจตรงกัน ฉะนั้นเลยมีสร้อยต่อประโยค และตรงสร้อยนี่แหละ ถ้าเป็นผมถูก "ยอลับหลัง" อย่างนี้ คง "ด่าวดิ้นดวงฤดีแด" ในฉับพลันด้วยสุดปลื้ม
ท่านพูดถึงเรื่องหน้าตา ครม.อาจไม่สวยด้วยข้ออ้างอย่างนี้ครับ
"เป็นเรื่องธรรมดา บางครั้งผมรู้สึกว่าเขาไม่ค่อยให้โอกาสผม แต่ก็พูดไม่ได้ เพราะเราเชิญเขามาร่วมรัฐบาลแล้ว อย่างเช่นกระทรวงการคลัง ที่พรรคเพื่อแผ่นดินต้องการให้ภรรยาของว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี เป็น รมช.คลัง แต่ผมอยากให้น้องชายของนายจาตุรนต์ ฉายแสง เป็น รมช.คลัง เพราะนายจาตุรนต์เก่งเรื่องงบประมาณ และการเงิน การคลัง ซึ่งเขาน่าจะให้โอกาสผม แต่เขาก็บอกว่าไม่ได้ แต่จนถึงป่านนี้แล้ว ผมก็ไม่ได้"
ครับ..ถ้าท่านเป็น "นายจาตุรนต์ ฉายแสง" จะปีติซาบซ่านขนาดไหน ถ้าตัดหัวแล้วไม่ตาย ต้องรีบตัดใส่พานถวาย กราบ ๓ ทีแล้วสาบานซ้ำว่า
"แม้ตัวที่ไม่มีหัวโด่ๆ นี้ ก็พร้อม..พลีเพื่อท่านนายกฯ สมัคร"
ท่านนายกฯ พูดหักมุม-หักประโยคได้ "เจ็บ" และ "ได้ใจ" จริงๆ นอกจากเสน่ห์ปลายจวักแล้ว "เสน่ห์ปลายลิ้น" ร้ายกาจขนาด
เลือด "คนเดือนตุลา." กลายเป็น "ต้มเลือดหมู" ซดคล่องคอไปเลย!
ความจริงในพรรคเพื่อแผ่นดินนั้น ก็ใช่ว่าไร้เสียซึ่งคนเดือนตุลา. ก็คนที่อยู่การเมืองฉากหลังของพรรค เช่น "นายพินิจ จารุสมบัติ" นั่นก็นักศึกษาในเหตุการณ์ ๖ ตุลา.
ต่างฝ่ายคงยังไม่มีการสันถวะใกล้ชิดเหมือนคนเดือนตุลา.ที่อยู่ในพลังประชาชน อุบัติเหตุไร้น้ำใจเล็กๆ ระหว่างพรรคจึงเกิดขึ้นแบบ ไม่มีการยั้งดาบไว้ไมตรี
แต่คำพูดประโยคนี้ของนายกฯ สมัคร คงทำให้ท่าน "เสียรังวัด" ไปพอสมควร เพราะการยกอีกคนขึ้นมาข่มอีกคนกลางตลาดเช่นนี้ นอกจากทำให้มีได้-มีเสียอยู่แล้ว
แต่ตัวคนพูดก็ "เสีย" ด้วย!
นายกฯ สมัครพูดถึง "น้องชายนายจาตุรนต์" ว่าเหมาะสมกับตำแหน่ง รมช.คลัง นั้นอาจไม่มีใครแย้งดังๆ แต่ที่อ้างถึงความเหมาะสมนั้นว่า "เพราะนายจาตุรนต์เก่งเรื่องงบประมาณ และการเงิน การคลัง" นั้น
แล้วมันกลายเป็นคุณสมบัติ "น้องชายนายจาตุรนต์" ว่าเหมาะกับเก้าอี้คลังมากกว่าเมียว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ได้อย่างไร?
และจริงๆ ใครเป็น รมช.คลังกันแน่ น้องชายจาตุรนต์ หรือนายจาตุรนต์?
ถ้ายืนยันว่าน้องชาย ก็หมายความว่า "น้องชายนายจาตุรนต์คือ นอมินีนายจาตุรนต์ คนบ้านเลขที่ ๑๑๑ งั้นซี?"
มาตะเภาเดียวกันเลยนะท่าน ตัวท่านก็ประกาศเป็น "นอมินีทักษิณ" ก็คงสำนึกอยู่ตรงนั้น เลยพูดให้คนเข้าใจว่า
ตั้งน้องชายซึ่ง "ไม่เป็นงาน" เป็น รมช.ไว้บังหน้า
เพื่อให้คนเก่งงบประมาณ เก่งการเงิน การคลังอย่าง "พี่ชาย" คือนายจาตุรนต์ มากั้นม่าน-ชักใย!!
แต่ถือว่า "คุ้ม" กับรังวัดที่เสียครับ เพราะสยบ "คนเดือนตุลา." ได้อยู่หมัด พิสูจน์ให้โลกเห็นแล้วว่า..นักศึกษาที่ตายไปบ้าง เข้าป่าไปบ้างครั้งนั้น
มันพวก "คิดผิด-หลงผิด" จริงๆ
และวันนี้ก็ "สำนึกได้" ในความผิดนั้น ยอมค้อมกราบให้กับ "ฝ่ายปราบ" เป็นสิ่งยืนยันว่า-วันนั้น พวกเขา "หลงผิดไป" จริงๆ
ฝ่ายขวาตกขอบ ที่ปราบปรามประชาชน-นักศึกษา เป็นฝ่ายคิดถูก-ทำถูก!?
อืมมมม..ประวัติศาสตร์ ๖ ตุลา.ที่ยังไม่มีคำตอบให้กับสังคมโลก สุดท้ายก็ "ถูกชำระ" ให้กระจ่าง "ด้านมัน" ได้ง่ายๆ อย่างนี้เอง
เยาวชน ชราชน ทุรชน สุจริตชน ทั้งหลายวันนี้ อาจหลับตาไม่เห็นภาพว่า ๖ ตุลา.มันเกิดอะไรขึ้น?
เอางี้ดีกว่า ลองอ่านๆ จากบรรทัด-บันทึกเป็นประวัติศาตร์ที่มีอยู่ทั่วไปเล่นๆ ซักนิดดีกว่า
"๑๐.๐๐ น. นักศึกษาและประชาชนที่อยู่ในมหาวิทยาลัยตลอดคืนต่างแตกตื่นวิ่งหนีวิถีกระสุนที่....และกลุ่มคนที่เข้าก่อเหตุได้ยิงเข้าใส่ฝูงชนอย่างไม่ยั้ง ทั้งๆ ที่หน่วยรักษาความปลอดภัยของนักศึกษามีปืนพกเพียงไม่กี่กระบอก
นักศึกษา ประชาชน ที่แตกตื่นวิ่งหนีออกไปทางหน้าประตูมหาวิทยาลัย ในจำนวนนี้มีมากกว่า ๒๐ คนถูกรุมตี รุมกระทืบ บางคนถูกทำร้ายบาดเจ็บสาหัส แต่ยังไม่สิ้นใจ ได้ถูกลากออกไปแขวนคอ และแสดงท่าทางเยาะเย้ยศพ ต่างๆ นานา
นักศึกษาหญิงคนหนึ่งถูกรุมตีจนสิ้นชีวิต แล้วถูกเปลือยผ้าประจาน โดยมีชายคนหนึ่งซึ่งเข้าก่อเหตุรูดซิปกางเกงออกมาแสดงท่าเหมือนจะข่มขืนหญิงผู้เคราะห์ร้ายนั้น ให้พวกพ้องที่โห่ร้องอยู่ใกล้ๆ ดู มีประชาชนบางส่วนเมื่อเห็นเหตุการณ์ชวนสังเวชก็จะเดินเลี่ยงไปด้วยน้ำตาคลอ
ประชาชนที่ชุมนุมอยู่หน้าประตูมหาวิทยาลัย ลากศพนักศึกษาที่ถูกทิ้งอยู่เกลื่อนกลาดข้างหอประชุมใหญ่ ๓ คน ออกมาเผากลางถนนราชดำเนิน ตรงข้ามอนุสาวรีย์พระแม่ธรณีบีบมวยผม ใกล้ๆ กับบริเวณแผงขายหนังสือสนามหลวง โดยเอายางรถยนต์ทับ แล้วราดน้ำมันเบนซิน จุดไฟเผา ศพนักศึกษาอีก ๑ ศพ ถูกนำไปแขวนคอไว้กับต้นมะขาม แล้วถูกตีจนร่างเละ..."
เนี่ยะ..ช่วงแห่งโศกนาฏกรรม ๖ ตุลา.๑๙ ก็เป็นประมาณนี้ อยากรู้รายละเอียด ลองไปถามพี่ๆ คนเดือนตุลา.ที่พลังประชาชนเขาดู เขาจะเล่าได้ละเอียดกว่านี้ แต่อาจจะลืมไปหมดแล้วก็ได้เมื่อวันนี้ เป็นวัน..ประชาชนทักษิณเป็นใหญ่ในแผ่นดิน.
-----------------------------
แม้จะไม่เกิดโศกนาฏกรรม อย่างในอดีต แต่โดยความเป็นจริง
สังคมไทย กำลังต้องเผชิญกกับโศกนาฏกรรม ครั้งใหญ่กว่าใน ยุคใดๆ พราะ กลียุค แล้ว