ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
29-03-2024, 04:35
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  สมัครหัวเดียวกระเทียมลีบ จะมีปัญญาคุมครม.และ รมต. ร้อยพ่อพันแม่ได้หรือไม่? 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
สมัครหัวเดียวกระเทียมลีบ จะมีปัญญาคุมครม.และ รมต. ร้อยพ่อพันแม่ได้หรือไม่?  (อ่าน 4598 ครั้ง)
********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« เมื่อ: 04-02-2008, 02:22 »


สมัครหัวเดียวกระเทียมลีบ จะมีปัญญาคุมครม.และ รมต. ร้อยพ่อพันแม่ ได้หรือไม่? ทำไมจึงคิดเช่นนั้นครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-02-2008, 19:04 โดย ********Q******** » บันทึกการเข้า

********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 04-02-2008, 14:46 »



สิ่งแรกที่ต้องใช้ดูแลการทำงานก็คือกฎหมาย และความเคยชิน..

เพราะลดข้อโต้แย้งได้มาก
บันทึกการเข้า

********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 04-02-2008, 17:45 »


สมัครต้องแก้ไขการพูด

คือพูดจาให้นุ่มนวลขึ้น ถ้ามิฉะนั้นไม่ควรพูดครับ

ปล่อยให้โฆษกพูดแทน การให้สัมภาษณ์ก็ควรกำหนดวาระให้ชัดเจน

ให้สัมภาษณ์อย่างเป็นกิจลักษณะมากขึ้น ฝึกอารมณ์และความคิดให้นิ่ง

ให้นีกไว้เสมอว่าแก่แล้ว เหลือเวลาในโลกนี้อีกไม่มาก..
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-02-2008, 18:04 โดย ********Q******** » บันทึกการเข้า

********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #3 เมื่อ: 04-02-2008, 23:10 »




ในด้านประชานิยม ต้องไม่ทำให้หนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้น หรือควรจะทำให้ตัวเลขลดลง

แต่ไม่ใช่การยกหนี้ ดดยไม่มีเงื่อนไข ต้องมาจากฝั่งรายได้ของครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นโดยหักเงินเฟ้อแล้ว

กับชนชั้นกลาง ก็ควรปฏิรูประบบราชการอย่างต่อเนื่อง สงเสริมการจ้างงานเอกชน และส่งเสริมรัฐสวัสดิการต่อไป..

ก็ต้องผลักดันธุกริจขนาดกลางขนาดย่อมให้เป็นรูปธรรมกว่านี้  ต้องมีกฎหมายคุ้มครองธุรกิจขนาดเล็กทุกชนิด


เรื่องหวยบนดินไม่ควรกระทำต่อครับ เป็นประเด็นออ่นไหวไม่ควรดึงดัน
บันทึกการเข้า

********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: 04-02-2008, 23:13 »




ในด้านรัฐสภา ควรเสนอกฎหมายใหม่ๆเข้าสภาอย่างสม่ำเสมอ

กระจายงานยกร่างให้กับกรรมธิการชุดต่างๆให้ทั่วถึง..
บันทึกการเข้า

********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #5 เมื่อ: 05-02-2008, 00:50 »



สมัครครับ จุดตายของคุณคือปาก ไม่ใช่จมูกนะครับ



ต้องเปิดโอกาสให้สื่อเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่แม่นยำจากหน่วยราชการ

ผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในฟากการเมืองไม่ควรเปิดโอกาสให้พูด โดยเฉพาะฟากรัฐบาล

ฝ่ายค้านให้เอาหลักฐานมาว่าในสภาได้  อภิปรายลงมติแล้วใครติดใจให้ฟ้อง รัฐบาลจะส่งเรื่องให้ปปช.เองก็ได้


หากมีการร้องเรียนทุจริตใด ที่มีลายลักษรณ์อักษร ต้องมีเจ้าหน้าที่ชี้แจงทุกครั้ง

หากมีการฟ้องร้องก็ให้ปล่อยไปตามกลไกของระบบยุติธรรม อย่าไปล้วงลูก และอย่าให้มีการล้วงลูก

ทำงานเชิงรุกแลบูรณาการครับ..
บันทึกการเข้า

********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #6 เมื่อ: 05-02-2008, 17:22 »




สม้คร กับเหลิม ขอดูผลงาน  กำชับให้กวาดล้างทุจริต ในวงการตำรวจทหารหน่อย

เอาให้ทั่วๆ อย่าเลือกปฏิบัติ เล่นพรรคเล่นพวก..หลักฐานก็เอาแต่ของจริงที่ยืนยันได้ชัดเจนเท่านั้น

ลงกันหนักๆ โอกาสทำงานรอบหลังๆ พลาดแล้วอาจจะไม่มีโอกาสแก้ตัวอีก..


ก็ได้แต่ฝากเตือนครับ ยังไม่ไว้ใจ..
บันทึกการเข้า

********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #7 เมื่อ: 05-02-2008, 23:40 »



พวกรับจ้างประท้วง มีทั้งของนปก.เดิม

แล้วก็ของแป๊ะลิ้ม เก็บให้หมดครับ.เอาไปดัดสันดาน

ให้มันเปลี่ยนอาชีพ พวกนี้ชอบความรุนแรง..
บันทึกการเข้า

********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #8 เมื่อ: 08-02-2008, 17:00 »



สมัครเอ๊ย ขึ้นมาไม่กี่วัน เราเริ่มเบื่อหน้าคุณแล้ว
จะทำงานอะไร รอดูไอเดียอยู่

สมัยก่อนได้ฉายาเซลล์แมนฝันเฟื่องไม่ใช่เหรอ??

หาอะไรนะ จะทำอาหารเลี้ยงนักข่าว จะประชุมครม.

จะอะไรก็ว่ามา รอดูอยู่ เร้ววว
บันทึกการเข้า

********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #9 เมื่อ: 13-02-2008, 23:54 »


นายกฯสมัครครับ จะอ้าปากพูด นึกให้ดีว่า ไม่พูดจาบิดเบือนความจริง

ประชาชน เขาจะได้เชื่อว่ากลับตัว ยอมรับผิด

ยอมให้คนด่าว่า วิจารณ์บ้างจะเป็นไรไป?



แก้ไขสันดานปากไม่ดี เพื่อเห็นแก่ประเทศ อย่ารักชาติด้วยปากเลอะเทอะๆครับ

เท่าที่ผ่านมาบ้านเมืองแตกแยกไม่พอหรือครับ เพราะปากหรือนิสัยกันแน่..?
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-02-2008, 23:57 โดย ********Q******** » บันทึกการเข้า

********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #10 เมื่อ: 14-02-2008, 00:02 »


มันน่ารังเกียจครับ นายกฯ พูดจาแก้ตัวบิดเบือนข้อเท็จจริง

ขืนพูดแบบนี้อีกกองเชียร์หมดความเชื่อถือ

เก้าอี้จะสั่น ตั้งแต่ยังไม่เริ่มงาน..
บันทึกการเข้า

********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #11 เมื่อ: 18-02-2008, 00:34 »


นายกฯสมัคร ควรเลือกประเด็นให้สัมภาณ์ ต้องแยกให้ออก

ว่าคำถามไหนต้องตอบ คำถามใดไม่ต้องตอบ..

การแสดงออกและทํศนะต่อปัญหาต่างๆต้องกลั่นกรองมาแล้ว

อย่าไปตอบโดยไหวพริบปฏิภาณ เพราะก็มีคนไม่ชอบจ้องล้มอยู่ครับ


นี่ผมก็วิจารณ์เพราะท่านเป็นนายกฯ ปกติก็ไม่ชอบ เพราะปากในอดีตถือว่าไม่สร้างสรรค์ครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-02-2008, 00:37 โดย ********Q******** » บันทึกการเข้า

********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #12 เมื่อ: 18-02-2008, 00:50 »



พวกสื่อปากเสีย ผมว่าท่านต้องเอาจริง

พาดหัว หัวข้อ คำหยาบ คำบิดเบือน คำเสี้ยม คำส่อเสียด พวกนี้

ถือว่าต่ำกว่ามาตรฐาน ผลักดันออกจากระบบสื่อทุกชนิดไปให้หมด...

ไม่ต้องไปเกรงอกเกรงใจ ใครเป็นต้นเสียงเรื่องบิดเบือน ก็จัดการให้เด็ดขาด

ใช้กฎหมายนั่นแหละครับ บังคับใช้กฏหมายด้วย ใครจะประท้วงโดยสงบ ก็อำนวยความสะดวกตามควร

แต่ใครทำตัวเป็นกุ๊ยก่อกวนรับจ้าง ให้จัดการกับหัวโจก ให้เลิกอาชีพรับจ้างประท้วงไปเลย กำชับอย่าให้เลือกปฏิบัติ
บันทึกการเข้า

********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #13 เมื่อ: 18-02-2008, 20:02 »



ดูผลโพลล์สำนักต่างๆ ที่ออกมาเป็นระยะ คะแนนสนับสนุนของสมัครก็ ขยับขึ้นมาบ้าง


ล่าสุดเฉพาะในกรุงนี่ก็ประมาณ ห้าสิบต่อสามสิบกว่าเปอร์เซ็นต์

เปรียบกับสมัยทักษิณ ก็ประประมาณ หกสิบเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ ต่อยี่สิบถามสิบเปอร์เซ็นต์


หากมีคะแนนนิยมเพิ่มอีกสักสิบเปอร์เซ็นต์ขึ้นไป แล้วไม่พูดนอกบท ผมว่าฝ่ายค้านทั้งในและนอกสภา คลั่งกันอีกหลายคน

ก็คงได้แต่ขุดเรื่องเก่าๆ มาเล่าใหม่..ไม่ก็คงรอลุ้นผลคดีความที่ค้างคาอยู่บ้าง คงคว่ำสมัครไม่ได้ ยกเว้น สมัครไม่เอาจริงกับ ทุจริตของรัฐบาลเอง
บันทึกการเข้า

********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #14 เมื่อ: 21-02-2008, 22:15 »



ตอนนี้ต้องเริ่มหยิบงานขึ้นมาทำครับ

ทั้งงานเก่าเช่น รัฐวิสาหกิจที่หมักหมม

และงานใหม่ เช่นเมกะโปรเจ็คท์ รถไฟฟ้า รถไฟรางคู่ ฯลฯ


ที่เหลือก็เลือกดูแนวนำเสนอของเจ้ากระทรวงว่ามีความเป็นได้สูง ทำแล้วได้ผลไม่เสี่ยงมาก

ความถี่ในการให้สัมภาณ์โดยสื่อของนายกฯและรมต. หัวหน้าส่วนงานที่มีหน้าที่ ไม่เกินสัปดาห์ละครั้ง

ควรมีปฏิทินการให้สัมภาษณ์เป็นกิจลักษณะครับ
บันทึกการเข้า

********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #15 เมื่อ: 22-02-2008, 19:03 »



มีเรื่องมาตรฐานสื่อ ผมว่าลองเอาจรรยาบรรณ มากางดู แล้วหาวิธีการเพื่อแยกแยะมาตรฐาน

เช่นเรตของข่าว ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพผู้สื่อข่าวต้องต่ออายุ เว็บไซท์ก็ต้องมีการจดทะเบียนเปิดเผยมีผู้รับผิดชอบ

อย่างน้อยถ้าเป็นไซท์ที่ไม่มาตรฐาน ทางการก็จัดทำฐานข้อมูลให้ตรวจสอบได้ทั่วไป


ส่วนสื่อประเภทเขียนข่าวไม่สร้างสรรค์ ผมว่ารัฐจ้างให้มีการวิจัยเปรียบเทียบ ในภาพรวมแต่ละสื่อ และเจาะลึกบรรณาธิการข่าวแต่ละค่าย ก็น่าสนใจดี
บันทึกการเข้า

********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #16 เมื่อ: 24-02-2008, 05:15 »



ชวน-อภิสิทธิ์-สมัคร ปะทะคารมโต้ตอบกันในสภา วันที่ 18-02-51

http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=mixzywow&month=19-02-2008&group=42&gblog=119
บันทึกการเข้า

********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #17 เมื่อ: 26-02-2008, 01:40 »



เจาะลึกประวัติ คณะรัฐมนตรี สมัคร 1 ทั้ง 36 คน
http://hilight.kapook.com/view/20224


 
เรียบเรียงโดยกระปุกดอทคอม

นายกรัฐมนตรี

  1. นายสมัคร สุนทรเวช
นายกรัฐมนตรี

ประวัติ...

          นายสมัคร สุนทรเวช เป็นบุตรของ เสวกเอก พระยาบำรุงราชบริพาร (เสมียน สุนทรเวช) กับ คุณหญิงบำรุงราชบริพาร (อำพัน จิตรกร) เป็นหลานลุงของ มหาเสวกตรี พระยาแพทย์พงศาวิสุทธาธิบดี (สุ่น สุนทรเวช) นายแพทย์ประจำพระองค์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวและเป็นหลานตาของ มหาเสวกตรี พระยาอนุศาสน์จิตรกร (จันทร์ จิตรกร) จิตรกรประจำสำนัก

          นายสมัคร สมรสกับ คุณหญิงสุรัตน์ สุนทรเวช ที่ปรึกษาด้านการเงิน ของบริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์ มีบุตรสาวฝาแฝด คือ กานดาภา และกาญจนากร ปัจจุบันสมรสแล้วทั้งคู่

ประวัติการศึกษา

          • ก่อนประถม โรงเรียนสตรีบางขุนพรหม
          • ประถม โรงเรียนเทเวศน์ศึกษา
          • มัธยม โรงเรียนเซนต์คาเบรียล
          • อาชีวะ โรงเรียนอัสสัมชัญพาณิชย์
          • อุดมศึกษา นิติศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ศึกษาเพิ่มเติม
 
          • ประกาศนียบัตรวิชามัคคุเทศก์ (คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย)
          • Dip. in Accounting and Business Administration จาก Bryant & Stratton College สหรัฐอเมริกา

          ตลอดเวลาที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นายสมัครได้รับการแต่งตั้งในคณะรัฐมนตรีหลายตำแหน่ง ได้แก่

          • รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในรัฐบาล ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช 2 (15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2518 – 13 มีนาคม พ.ศ. 2518)
          • รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในรัฐบาล ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช 3 (20 เมษายน พ.ศ. 2519 - 23 กันยายน พ.ศ. 2519)
          • รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในรัฐบาล นายธานินทร์ กรัยวิเชียร (8 ตุลาคม พ.ศ. 2519 - 19 ตุลาคม พ.ศ. 2520)
          • รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในรัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ 2 (30 เมษายน พ.ศ. 2526 - 5 สิงหาคม พ.ศ. 2529)
          • รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ (9 ธันวาคม พ.ศ. 2533 - 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534)
          • รองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล พล.อ.สุจินดา คราประยูร (7 เมษายน พ.ศ. 2535 - 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2535)
          • รองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล นายบรรหาร ศิลปอาชา (13 กรกฎาคม พ.ศ. 2538 - 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2539)
          • รองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ (25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2539 - 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2540)
นายกรัฐมนตรี (29 มกราคม พ.ศ. 2551 - ปัจจุบัน)

รองนายกรัฐมนตรี


 
 



  2. นายมิ่งขวัญ  แสงสุวรรณ
รองนายกรัฐมนตรี ควบรัฐมนตรีกระทรวงพานิชย์

ประวัติ...

          เกิดวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2495 จบการศึกษาจากนิติศาสตร์บัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 

ผลงาน

          • บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย (จำกัด) เป็นพนักงานโตโยต้าคนเดียวท่ามกลาง 7 หมื่นคนของเครือโตโยต้า ทั้งหมดที่สามารถข้ามขั้น จากผู้จัดการฝ่ายไปเป็น associate director แทนที่จะไล่เรียงตามลำดับ อาวุโสและชั้นงานหลายต่อ หลายชั้นอันเป็นจารีต การบริหารแบบญี่ปุ่น

          • ผอ.อสมท.รับเปลี่ยน ช่อง9อสมท.จากแดนสนธยา ให้กลายเป็นโมเดิร์น 9 ที่สามรถทำกำไรได้อย่างมหาศาล และเมื่อเกิดเหตุปฏิวัติขึ้นในวันที่ 19 กันยายน2549 อสมท.ปล่อยสัญญาณภาพให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จากต่างประเทศตอบโต้คณะปฏิวัติ ทำให้ "มิ่งขวัญ" ตัดสินลาออกจากอสมท.จากนั้น มีการทาบทามให้ "มิ่งขวัญ" มาเป็นหัวหน้าคณะทำงานด้านเศรษฐกิจของพรรคพลังประชาชน



 



  3. นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์
รองนายกรัฐมนตรี ควบรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ

          เกิดวันที่ 31 สิงหาคม 2490 จบนิติศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เนติบัณฑิตไทย (นบท.) สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา ทำงานรับราชการเรื่อยมา ตั้งแต่ผู้พิพากษาจนถึงรองปลัดกระทรวงยุติธรรม ปลัดกระทรวงยุติธรรม และปลัดกระทรวงแรงงาน ภรรยาชื่อ นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยนางเยาวภาเป็นอดีตแกนนำพรรคไทย เมื่อพ.ต.ท.ทักษิณและนางเยาวภา ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ทำให้นายสมชายจำเป็นต้องเดินเข้าสู่เส้นทางทางการเมือง โดยเป็นแกนนำสำคัญของพรรคพลังประชาชน และจะขึ้นเป็นรองนายกรัฐมนตรี

การศึกษา   

          • นิติศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พ.ศ.2513
          • เนติบัณฑิตไทย สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา พ.ศ.2516
          • หลักสูตรป้องกันราชอาณาจักรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร พ.ศ.2539

ประวัติการรับราชการ
 
          • ผู้ช่วยผู้พิพากษา กระทรวงยุติธรรม     พ.ศ. 2517           
          • ผู้ช่วยผู้พิพากษาประจำกระทรวง        พ.ศ. 2518
          • ผู้พิพากษาศาลแขวงเชียงใหม่           พ.ศ. 2519
          • ผู้พิพากษาศาลจังหวัดเชียงใหม่          พ.ศ. 2520
          • ผู้พิพากษาศาลจังหวัดเชียงราย           พ.ศ. 2526
          • ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดพังงา       พ.ศ. 2529
          • ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลคดีเด็กและเยาวชนจังหวัดระยอง     พ.ศ. 2530
          • ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดชลบุรี       พ.ศ. 2531
          • ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดนนทบรี     พ.ศ. 2532
          • ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอาญาธนบุรี                   พ.ศ. 2533
          • ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3              พ.ศ. 2536
          • ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ภาค 2                พ.ศ. 2540
          • รองปลัดกระทรวงยุติธรรม  ฝ่ายวิชาการ   พ.ศ. 2541
          • รองปลัดกระทรวงยุติธรรม  ฝ่ายบริหาร    พ.ศ. 2542
          • ปลัดกระทรวงยุติธรรม      11 พฤศจิกายน 2542
          • ปลัดกระทรวงแรงงาน       8 มีนาคม 2549 - ปัจจุบัน



 



  4. นายแพทย์สุรพงษ์  สืบวงศ์ลี 
รองนายกรัฐมนตรี ควบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

          เกิดวันที่ 2 พฤษภาคม 2500 จบสาขา แพทยศาสตรบัณฑิต คณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นหนึ่งในกลุ่มคนเดือนตุลา ก่อนหน้าที่จะเข้าสู่วงการเมืองเคยทำหน้าที่ผู้อำนวยการโรงเรียนการบริหารโรงพยาบาล คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ทั้งนี้ ภายหลังพรรคไทยรักไทยถูกยุบ นพ.สุรพงษ์ ถือเป็นผู้บริหาร คนสำคัญของพรรคพลังประชาชนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีให้ความไว้ใจอย่างมาก

ประวัติการศึกษา

          • แพทยศาสตร์บันฑิต คณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
          • M.B.A.  สถาบันบันฑิตบริหารธรุกิจศดินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
          • อนุปัต์เวชศาสตร์ป้องกัน แพทย์สภา

ประวัติการทำงาน (รวมประสบการณ์การทำงานทางการเมือง)

          • ผู้ช่วยคณะบดี คณะแพทยศาสตร์ โรงยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
          • กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย
          • รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข
          • รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
          • โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

เครื่องราชย์อิสริยาภรณ์
 
          • มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)
          • มหาวชิรมงกุฎไทย (ม.ว.ม.)



 



  5. นายสหัส บัณฑิตกุล
รองนายกรัฐมนตรี ดูแลด้านคมนาคม

          เกิดวันที่ 1 สิงหาคม 2493 จบปริญญาตรีคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ.ศ.2510 (รุ่น 10) ก่อนเป็น รองผู้ว่ากรุงเทพมหานคร สมัยนายสมัคร สุนทรเวช ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เคยเป็นผู้บริหารบริษัทโอเลฟินส์ ในเครือปตท.มาก่อน เมื่อเข้าทีมเป็นรองผู้ว่ากทม.ของนายสมัตรแล้ว นายสมัครได้มอบหมายให้ดูแลหน่วยงานต่างๆ ของกทม.อาทิ สำนักการโยธา สำนักการระบายน้ำ สำนักการจราจรและขนส่ง จนนายสมัครไว้วางใจมาก

          และถือเป็นคนใกล้ชิดที่นายสมัครต้องดึงตัวมานั่งในตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ให้ดูแลงานด้านคมนาคม นอกจากนี้ ยังเป็นเพื่อนสนิทร่วมรุ่นวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ กับนาย ธีรพล นพรัมภา เต็งหนึ่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรีของนายสมัครอีกด้วย

ส่วนประวัติการทำงานล่าสุด คือ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร







  6. พลตรีสนั่น ขจรประศาสน์
รองนายกรัฐมนตรี

          เกิดวันที่ 7กันยายน 2478 เป็นชาวพิจิตร เคยรับราชการเหล่าทหารม้า มียศทางทหารสุดท้ายเป็น พันโท ก่อนจะถูกให้ออกจากราชการ เมื่อ พ.ศ.2520 เมื่อร่วมก่อการกบฏ 26 มีนาคม 2520 ซึ่งมี พล.อ.ฉลาด หิรัญศิริ เป็นหัวหน้า

          พ.ท.สนั่น ถูกจำคุกที่เรือนจำลาดยาว จากข้อหากบฏทำให้สนิทสนมกับ พ.อ.มนูญ รูปขจร (ปัจจุบันคือ พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร) ต่อมาในภายหลังเมื่อ พ.ท.สนั่น ได้เข้าทำงานการเมือง และดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พ.ท.สนั่นได้รับโปรดเกล้าฯ พระราชทานยศเป็น "พลตรี"

          อดีตเป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ 10 สิงหาคม 43 มีความผิดฐานจงใจแสดงบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จ ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี หลังจากนั้นได้ก่อตั้งและเป็นหัวหน้าพรรคมหาชน ต่อมาหอบหิ้วลูกพรรค 15 คนเข้าผนึกกับพรรคชาติไทย เพื่อรับหน้าที่เป็นมือประสานสิบทิศกับพรรคการเมืองต่าง และรับตำแหน่งประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยด้วย

เคยดำรงตำแหน่งสำคัญในรัฐบาล
 
          • รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
          • กระทรวงอุตสาหกรรม
          • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์







  7. นายสุวิทย์ คุณกิตติ
รองนายกรัฐมนตรี ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

          เกิดวันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ.2500 ที่ อ.เขาสวนกวาง จังหวัดขอนแก่น สมรสกับนางลาวัณย์ คุณกิตติ มีบุตรด้วยกัน 3 คน เข้าสู่วงการเมืองครั้งแรกในสังกัดพรรคกิจสังคม ได้เป็น ส.ส.ขอนแก่น ตั้งแต่อายุเพียง 26 ปี หลังจากนั้นบางช่วงย้ายไปสังกัดพรรคเอกภาพ และกลับไปสังกัดพรรคกิจสังคม ต่อมาดำรงตำแหน่ง หัวหน้าพรรค ภายหลังการเสียชีวิตของ นายมนตรี พงษ์พานิช ก่อนจะย้ายไปสังกัดพรรคไทยรักไทย

          เมื่อปี 48 ป่วยเป็นโรคเส้นเลือดในสมองตีบตัน ยุติงานการเมืองทำให้รอดพ้นจากบ่วง 111 ต่อมาตั้งพรรคเพื่อแผ่นดิน เป็นหัวหน้าพรรคคนแรก แต่สอบตกในพื้นที่แจ้งเกิดของตน

การศึกษา

          • ระดับประถมศึกษา โรงเรียนมหาไถ่ศึกษา จ.ขอนแก่น
          • ระดับมัธยมศึกษา โรงเรียนเทพศิรินทร์
          • วิทยาลัยการทหารเคมเปอร์ สหรัฐอเมริกา
          • ปริญญาตรีและปริญญาโท ด้านเคมี จากสหรัฐอเมริกา
          • ปริญญาดุษฎีบัญฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาพัฒนาชุมชน

การเมือง
 
          • สมาชิกสภาจังหวัดขอนแก่น
          • สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตั้งแต่ พ.ศ.2526 (อายุ 26 ปี) รวมทั้งสิ้น 8 สมัย
          • ประธานคณะกรรมาธิการกิจการสตรีและเยาวชน เมื่ออายุ 29 ปี
          • ประธานคณะกรรมาธิการกิจการสภาผู้แทนราษฎร จัดตั้งสถานีวิทยุรัฐสภา

บริหาร
 
          • เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
          • เลขานุการรัฐมนตรีว่าการทบวงมหาวิทยาลัย
          • ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ
          • เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ
          • รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
          • รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (อายุ 35 ปี) 2 ครั้ง
          • รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
          • รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม
          • รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
          • รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
          • รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
          • รองนายกรัฐมนตรี (อายุ 40 ปี) 5 ครั้ง

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี


 
 


  8. รศ.ชูศักดิ์  ศิรินิล
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี(ด้านกฏหมาย)

          เกิดวันที่ 25 กรกฎาคม 2491 มัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนสันติราษฎร์บำรุง นิติศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยมดี) สาขานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เนติบัณฑิตไทย MASTER OF COMPARATIVE LAW สาขานิติศาสตร์ Southern Methodist University ประเทศสหรัฐอเมริกา
 
วุฒิการศึกษาสูงสุด
 
          • มัธยมศึกษาตอนปลาย : โรงเรียนสันติราษฎร์บำรุง
          • ปริญญาตรี : นิติศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยมดี) สาขานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เนติบัณฑิตไทย
          • ปริญญาโท : เนติบัญฑิตไทย ทางกฎหมายเปรียบเทียบ Southern Methodist University Dallas,Texas ประเทศสหรัฐอเมริกา

ประวัติการทำงาน

          • อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
          • อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง 2 สมัย
          • สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
          • ที่ปรึกษาประธานรัฐสภา
          • อดีตส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคไทยรักไทย



 



  9. นายจักรภพ เพ็ญแข 
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (ด้านสื่อสารมวลชน)

          นายจักรภพ เพ็ญแข เกิดปี พ.ศ. 2510 มีชื่อเล่นว่า "เอก" เรียนที่โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จากนั้นสอบเข้าเรียนได้ที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เมื่อจบปริญญาตรีแล้ว ได้เข้าศึกษาต่อระดับปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยจอนส์ฮอปกินส์ สหรัฐอเมริกา เริ่มทำงานครั้งแรกกับเครือเจริญโภคภัณฑ์อยู่ระยะหนึ่ง แล้วลาออกไปเข้ารับราชการเป็นเจ้าหน้าที่ทูต กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ต่อมาได้ลาออกมาทำงานสื่อมวลชนแบบเต็มตัว โดยทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์

          เกิดเมื่อ พ.ศ. 2510 จบการศึกษาจากโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ปริญญาโทมหาวิทยาลัยจอนส์ฮอปกินส์ สหรัฐอเมริกา และระดับปริญญาเอกจนจบ ทำงานครั้งแรกกับเครือเจริญโภคภัณฑ์(ซีพี) แล้วลาออกเป็นเจ้าหน้าที่ทูต กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ต่อมาทำงานสื่อมวลชนแบบเต็มตัว โดยทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์ จากนั้นเป็นโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ 1 ลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส.กทม.ปี 2548 และ 2549 แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง

          ได้รับการแต่งตั้งเป็นโฆษกรัฐบาลสมัย พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ได้ไม่นานก็ลงสมัคร ส.ส.พรรคไทยรักไทย แต่ไม่ได้รับเลือกถึง 2 ครั้ง โดยครั้งแรก การเลือกตั้ง พ.ศ. 2548 นายจักรภพลงเลือกตั้งที่กรุงเทพฯ เขต 30 ผลการเลือกตั้ง นายจักรภพ แพ้ผู้สมัครจาก พรรคประชาธิปัตย์ คือ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ต่อมาครั้งที่สองใน การเลือกตั้ง 2 เมษายน 2549 นายจักรภพ เป็นผู้สมัครเพียงคนเดียวใน เขต 5 กรุงเทพมหานคร แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง เนื่องจากได้คะแนนเพียง 22,231 คะแนน คิดเป็น 17.27% ในขณะที่มีผู้กาคะแนนไม่เลือกใคร ถึง 55,141 คะแนน [1][2]

          อย่างไรก็ตามต่อมา นายจักรภพ ได้รับแต่งตั้งเป็น รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลทักษิณ 2 และหลังจาก คดียุบพรรคไทยรักไทย นายจักรภพพร้อมกับกลุ่มผู้สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรและกลุ่มผู้บริหารพีทีวี เป็นแกนนำจัดเวทีปราศรัยโจมตีรัฐบาลและคมช.ขึ้นที่ท้องสนามหลวง ใช้ชื่อว่า "กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ" (นปก.) เรียกร้องความเป็นธรรมให้ พ.ต.ท.ทักษิณ จนถูกจำคุกจากการบุก "บ้านสี่เสาเทเวศ"

ประวัติการศึกษา
 
          • มัธยมโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
          • ปริญาตรีคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
          • ปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยจอนส์ฮอปกินส์ สหรัฐอเมริกา และศึกษาระดับปริญญาเอกจนจบ

ประวัติการทำงาน
 
          • เครือเจริญโภคภัณฑ์อ
          • เจ้าหน้าที่ทูต กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ
          • สื่อมวลชนแบบเต็มตัว โดยทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์


กระทรวงการคลัง

 
 


  10. นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ 
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง

          เกิดวันที่ 25 ธันวาคม 2498 จบการศึกษาปริญญาตรีบริหารเศรษฐศาสตร์ Franklin Pierce College, New Hampshire, USA ปริญญาโทการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (รุ่นที่ Cool เล่นการเมืองในนามพรรคประชาธิปัตย์ โดยการชักชวนของ "พล.ต.สนั่น" ปี 2538 เป็นส.ส.สมัยแรกพิจิตร เป็นปธ.กมธ.การกีฬา รมช.คมนาคมรัฐบาลประชาธิปัตย์

          เมื่อพล.ต.สนั่นเว้นวรรคทางการเมือง 5 ปี เสธ.หนั่นพยายามผลักดันเป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์แทน แต่ถูกนายอนันต์ อนันตกูล เสียบแทน จึงแค่รักษาการเลขาธิการพรรคไม่กี่เดือน จึงตัดสินใจอำลาพรรคประชาธิปัตย์และหายจากการเมืองไปช่วงหนึ่ง

          เมื่อเกิดรัฐประหาร 19 กันยายน ร่วมก่อตั้งพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา (รช.) ซึ่งรวมกับพรรคชาติพัฒนาของนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ โดยมีบทบาทสำคัญในการเป็นผู้ประสานงานกับนายทุนกลุ่มต่างๆให้กับพรรค จนได้ตำแหน่งเลขาธิการพรรครช. ตอนนี้จึงกลับมาผงาดอีกครั้ง

การศึกษา

          • ปริญญาตรี สาขาวิชาบริหารเศรษฐศาสตร์
Franklin Pierce College, New Hampshire, USA (1979)
          • ปริญญาโท สาขาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (รุ่นที่ Cool ได้รับอนุมัติปริญญา ระดับบัญฑิตศึกษาปีการศึกษา 2547

อาชีพก่อนได้รับเลือกตั้ง

          • สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดพิจิตร เขต 1 

ประสบการณ์

          • พ.ค.2546 - 8 ก.พ. 2548 เลขาธิการพรรค พรรคประชาธิปัตย์
          • ม.ค.2544 - 5 ม.ค. 2548 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดพิจิตร เขต 1(สมัยที่ 3)
          • พ.ย.2540 - ธ.ค. 2543 รัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงคมนาคม
          • ธ.ค.2539 - พ.ย. 2540 ประธานคณะกรรมาธิการ การกีฬา
          • ธ.ค.2539 - ธ.ค. 2543 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดพิจิตร เขต 1(สมัยที่ 2) 
          • กค. 2538 - ตค. 2539 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดพิจิตร เขต 1 (สมัยที่ 1) 

เครื่องราชย์อิสริยาภรณ์

          • มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (มปช.)





  11. ร.ต.หญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง

          อายุ 51 ปี ภรรยาว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี แกนนำกลุ่มโคราช ในพรรคเพื่อแผ่นดิน เป็นนักการเมืองหน้าใหม่ เพิ่งได้รับเลือกให้เป็นส.ส.นครราชสีมาเป็นสมัยแรก เคยเป็นผู้อำนวยการสาธารณสุข องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ก่อนจะลาออกมาลงสมัครส.ว.นครราชสีมา เมื่อปี 2549 แต่เนื่องจากเกิดรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 จึงไม่ได้ทำหน้าที่ส.ว.และได้เป็นนักการเมืองสมใจ จากนั้นเมื่อสามีประสบปัญหา 111 ที่ถูกเว้นวรรคทางการเมืองจึงลงสมัคร ส.ส. แทนสามี

          ร.ต.หญิง ระนองรักษ์ เป็นสตรีที่มีพื้นหลังไม่ธรรมดา นอกจากเป็นศรีภริยา ว่าที่ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี แล้ว ยังเป็นบุตรสาวของ "เลิศ หงส์ภักดี" อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดโคราช, อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, อดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทย และอดีตส.ส.เมืองย่าโม

การศึกษา

          • ปริญญาตรี : มหาวิทยาลับกริก
          • ปริญญาตรี : คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล


กระทรวงพานิชย์ 


 



  12. นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพานิชย์     

          เกิดเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2486 เคยเป็นอดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (วราเทพ รัตนากร) ปี 2546 – 2548 อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการคลัง ปี 2548 และกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการคลัง (วราเทพ ปี 2548 และ 2549) อยู่ในฐานะทุนทางการเมือง ตั้งแต่สมัยเป็นรองหัวหน้าพรรคความหวังใหม่ และเมื่อเข้ามาร่วมพรรคไทยรักไทยก็ยังเป็นทุนที่อยู่เบื้องหลังมายาวนาน และคุ้นเคยกับ นายวราเทพ อดีตแกนนำไทยรักไทย ในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างกำแพงเพชรและนครสวรรค์ เป็นอย่างดี ซึ่งถือได้ว่าเป็นโควตาจากภาคเหนือ

ประวัติการศึกษา
 
          • โรงเรียนอัสสัมชัญ ศรีราชา
          • โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย
          • โรงเรียนเซนต์สตีเว่น ฮ่องกง
          • ปริญญาตรี คณะบริหารธุรกิจ สาขาบริหารงานทั่วไป มหาวิทยาลัย HAWTHONE รัฐนิวแฮมเชอร์ สหรัฐอเมริกา
          • ปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติศักดิ์ (สาขาการตลาด) มหาวิทยาลัยรามคำแหง

ประวัติการทำงาน
 
          • อดีตรองหัวหน้าพรรค พรรคความหวังใหม่
          • อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นพ.ดร.กระแส ชนะวงศ์) (กุมภาพันธ์ 2544 - มีนาคม 2545)
          • อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (ฯพณฯ วราเทพ รัตนากร) (เมษายน 2546 - กุมภาพันธ์ 2548)
          • ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการคลัง (11 มีนาคม 2548 - ปัจจุบัน)
          • 16 สิงหาคม พ.ศ. 2548 กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการคลัง (นายวราเทพ รัตนากร)
          • 29 มิถุนายน พ.ศ. 2549 กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการคลัง (นายวราเทพ รัตนากร
          • คณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย สังกัดกระทรวงคมนาคม (มี.ค.45 - เม.ย.46 )
          • คณะกรรมการการรถไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สังกัดกระทรวงมหาดไทย (ธ.ค.45 - เม.ย.46)
          • พ.ศ. 2543 คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังรวมหรือยุบเลิกทุนหมุนเวียน
          • พ.ศ. 2542 คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติความลับทางการค้า
          • พ.ศ. 2542 คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเครื่องหมายทางการค้า
          • พ.ศ. 2542 คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการทำงานของสถาบันประกันการลงทุนพหุภาคี
          • พ.ศ. 2540 กรรมการที่ปรึกษา คณะอนุกรรมาธิการรับฟังความคิดเห็นองค์กรเอกชน สภาร่างรัฐธรรนูญ
          • พ.ศ. 2538 คณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อการพัฒนาการศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาจังหวัดภาคใต้ตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไปให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ
          • สมาชิกวุฒิสภา (22 มี.ค. 35 - 21 มี.ค.39)
          • พ.ศ. 2535 คณะกรรมาธิการการท่องเที่ยวและการกีฬา วุฒิสภา
          • 15 มี.ค.34 - 21 มี.ค.35 สมาชิกสภานิติบัญญัต

เครื่องราชย์อิสริยาภรณ์

          • มหาวชิรงกุฎ
          • ประถมาภรณ์ช้างเผือก
          • ประถมาภรณ์มงกุฎไทย ชั้น 1





  13. พันตำรวจโท บรรยิน ตั้งภากรณ์
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพานิชย์

          เกิดวันที่ 26 กรกฎาคม 2506 รับราชการตำรวจ เป็นสวป.สภ.อ.เมืองกำแพงเพชร สวป.สภ.อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ ปี พ.ศ.2544 เป็นส.ส.นครสวรรค์ เขต 6 พ.ศ.2548 เป็นส.ส.นครสวรรค์ เขต 6 กลุ่มวังน้ำยม พรรคไทยรักไทย

          ประสบการณ์ทำงาน รองประธานกรรมาธิการการเงินการคลังการธนาคาร กรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภค กรรมาธิการสาธารณสุข กรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน

          ในการเลือกตั้ง 23 ธันวาคม 2550 ลงสมัคร ส.ส.แบบสัดส่วน กลุ่มที่ 2 ซึ่งพ.ต.ท.บรรยิน เป็นสมาชิกคนสำคัญของพรรคมัชฌิมาธิปไตย โดยอยู่ในสายของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน

การศึกษา
 
          - มัธยมศึกษา โรงเรียนนครสวรรค์
          - ปริญญาตรี รัฐประศาสนศาสตร์ นายร้อยตำรวจ
          - ปริญญาโท บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยนเรศวร 

อาชีพก่อนได้รับเลือกตั้ง
 
          • รับราชการตำรวจ
 
ประสบการณ์
 
          • สมาชิกวุฒิสภา 2544
          • สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2544
 
เครื่องราชย์อิสริยาภรณ์
 
          • ปม.ปช.

กระทรวงคมนาคม



 


  14. นายสันติ พร้อมพัฒน์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

          เกิดวันที่ 20 กันยายน 2495 เคยเป็นทุนใหญ่ในภาคเหนือตอนล่างให้พรรคความหวังใหม่ เมื่อมาอยู่ร่วมกับพรรคไทยรักไทย ก็มีบทบาทในพื้นที่ เพชรบูรณ์ พิจิตร นครสวรรค์ ลพบุรี พิษณุโลก ร่วมกับ พงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล (เฮียเพ้ง) อดีตแกนนำพรรคไทยรักไทย และเมื่อไทยรักไทยถูกยุบ ก็มีบทบาทแทนเฮียเพ้งในภาคเหนือตอนล่างอย่างเต็มตัว ถือเป็นสายตรงคุณหญิงพจมาน ชินวัตร

          สันติ พร้อมพัฒน์ เป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ โดยนั่งเป็นประธานกรรมการ บริษัท นวพัฒนาธานี จำกัด ประกอบธุรกิจประเภทพัฒนาที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งประกอบอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนเครื่องจักรและชิ้นส่วนรถยนต์

ประวัติการศึกษา

          • ปริญญาตรี เทคโนโลยีการเกษตร วิทยาลัยบัณฑิตสกลนคร (ได้ถูกวิทยาลัยบัณฑิตสกลนครแจ้งเพิกถอนใบรับรองคุณวุฒิการศึกษาปริญญาตรี คณะเกษตรศาสตร์ สาขาเทคโนโลยีการผลิตพืช)
          • คณะศิลปศาสตรมหาบัณฑิต คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง 2547

ประสบการณ์ทางการเมือง
 
          • ที่ปรึกษา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พ.ศ. 2535 - 2538
          • ส.ส. พรรคความหวังใหม่ จังหวัดเพชรบูรณ์ เขต 2 พ.ศ. 2539



 



  15. นายทรงศักดิ์ ทองศรี
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม

          เกิดวันที่ 20 เมษายน 2501 เป็นส.ส.บุรีรัมย์ ตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม 2535 พรรคสามัคคีธรรม ต่อมาย้ายมาพรรคชาติไทย ได้เป็นส.ส.อีกเมื่อปี 2535 - 2538 และปี 2539 ย้ายมาพรรคความหวังใหม่ เคยเป็นผู้ช่วยเลขาธิการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ผู้ช่วยเลขาธิการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ  และประธานกรรมการธิการการท่องเที่ยว

          จนเมื่อพรรคไทยรักไทยถูกยุบ "ทรงศักดิ์" ในฐานะที่เป็นคนใกล้ชิด นายเนวิน ชิดชอบ อดีตแกนนำพรรคไทยรักไทย ได้รับการผลักดันให้เป็นประธานคณะกรรมการประสานงานภาคอีสาน

ประวัติการศึกษา
 
          • โรงเรียนอนุบาลประโคนชัย (อำนวยกิจ) บุรีรัมย์
          • มัธยมศึกษา โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาคม
          • ปริญญาตรี นิติศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง
          • ปริญญาโท รัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยอิสเทินเอเซีย

ประวัติการทำงาน
(รวมประสบการณ์การทำงานทางการเมือง)

          • ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
          • ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษา
          • ประธานคณะกรรมาธิการการท่องเที่ยว สภาผู้แทนราษฎร

เครื่องราชย์อิสริยาภรณ์
 
          • มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)





  16. นายอนุรักษ์ จุรีมาศ
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม

          เกิดวันที่ 4สิงหาคม 2503 จบนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง พ.ศ.2526 จบเนติบัณฑิตไทย สำนักอบรมกฎหมายแห่งเนติบัณฑิตสภา เป็นส.ส.ร้อยเอ็ดตั้งแต่ปี 2529 - 2539 มีตำแหน่งสำคัญในหลายครั้ง เป็น รมช.อุตสาหกรรม รมช.เกษตร 

          ปี 2545 เป็นรมว.พัฒนาสังคมฯ และปี 2546 รมว.วัฒนธรรมเป็นคนที่นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยให้ความไว้วางใจมาก และได้โควต้าของพรรคเป็นรมต.ถึง 4 ครั้ง การเลือกตั้งที่ผ่านมา มีหน้าที่รับผิดชอบพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของพรรคชาติไทย และหลายครั้ง สามารถช่วยกู้สถานการณ์ของพรรคชาติไทยได้ ในครั้งนี้ จึงได้ไว้วางใจให้เป็นรมช.คมนาคม

การศึกษา
 
          • พ.ศ. 2524 นิติศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง
          • พ.ศ. 2526 เนติบัณฑิตไทย สำนักอบรมกฎหมายแห่งเนติบัณฑิตสภา
 
ตำแหน่งสำคัญทางการเมือง
 
          • พ.ศ. 2529 - 2539 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดรัอยเอ็ด
          • พ.ศ. 2531 - 2532 เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร
          • พ.ศ. 2535 - 2535 ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
          • พ.ศ. 2538 - 2539 เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
          • พ.ศ. 2540 - 2541 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
          • พ.ศ. 2541 - 2544 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
          • พ.ศ. 2545 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
          • 3 ตุลาคม 2545 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคม และความมั่นคง ของมนุษย์

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ 

          • มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์



 



  18. นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

          เกิดวันที่ 27 เมษายน 2494 รัฐศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง รัฐศาสตร์มหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีประสบการณ์ทางการเมืองอย่างโชกโชน เป็นส.ส.อ่างทอง พรรคชาติไทยมาถึง 9 สมัย ตำแหน่งสำคัญ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 2538, รมช.ศึกษาธิการ 2540, รมว.ศึกษาธิการ 2542, รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1

          พ.ศ.2544 เป็นคนเดือนตุลาที่แปลงสภาพเป็น "สายพิราบ" ให้พรรค เป็นมือโต้ทางการเมืองให้พรรคมายาวนานมากประสบการณ์ รับงานหนักเป็นมือประสานหาทางลงร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชน คว้าเก้าอี้ไปนั่งตามความคาดหมาย เพราะเป็นคนที่นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคไว้วางใจที่สุด

การศึกษา
 
          • รัฐศาสตร์ มหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

อาชีพก่อนได้รับเลือกตั้ง
 
          • นักการเมือง
 
ประสบการณ์
 
          • ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
          • โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
          • รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
          • รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
          • รองประธานสภาผู้แทนราษฎร 
          • เครื่องราชย์อิสริยาภรณ์
          • มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช )



 



  19. นายกมล จิรพันธุ์วนิช
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

           เกิด 14 มิถุนายน 2475

ประวัติการศึกษา
 
          • ปริญญาตรี สาขาเศรษฐศาสตร์ ไต้หวัน

ประวัติการทำงาน
 
          • สมาชิกสภาจังหวัด พ.ศ. 2518-2523
          • สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2526, 2529, 2531, 2535/1, 2535/2, 2539,2544
          • ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. 2529, 2531, 2535
          • ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พ.ศ. 2529,2531
          • ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พ.ศ. 2531
          • ประธานกรรมาธิการศึกษาสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2535
          • รองประธานกรรมาธิการทหารสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 253



 



  20. นายธีระชัย แสนแก้ว
รัฐมนตรีช่วยว่าการเกษตรและสหกรณ์

          เกิดวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2500 อายุ 51 ปี ศึกษาที่โรงเรียนบ้านโคกสูง โรงเรียนวัดเขมาภิรตาราม อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์บัณฑิต สถาบันราชภัฎอุดรธานี ปริญญาโทสังคมสงเคราะห์ ขบวนการยุติธรรม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สมาชิกสภาจังหวัดอุดรธานี ปีพ.ศ.2538 - 2542 ส.ส.อุดรธานี เขต 7 ปี 2544-2548 เคยเป็นอดีตเลขานุการประจำนายกรัฐมนตรี

          ที่สำคัญเป็นอดีตเลขาธิการสมาคมชาวไร้อ้อยอีสานเหนือ และรองประธานสถาบันชาวไร่อ้อยภาคอีสาน มีบทบาทในการปกป้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีมาโดยตลอด โดยเฉพาะเหตุการณ์หลังการรัฐประหาร 19 กันยายน เป็นแกนนำใน "กลุ่มคนรักทักษิณไม่เอาเผด็จการ" ประสานงานยู่กับนายเนวิน ชิดชอบ ตลอดเวลา

ประวัติการศึกษา

          • ประถมศึกษา - โรงเรียนบ้านโคกสูง
          • มัธยมศึกษา - โรงเรียนวัดเขมาภิรตาราม
          • อุดมศึกษา - วิทยาศาสตร์บัณฑิต สถาบันราชภัฎอุดรธานี
          • ปริญญาโท - สังคมสงเคราะห์ ขบวนการยุติธรรม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
 
ประสบการณ์ทางการเมือง

          • สมาชิกสภาจังหวัดอุดรธานี พ.ศ.2538 - 2542

ประสบการณ์การทำงาน
 
          • หัวหน้าควบคุมการผลิตอ้อย น้ำตาลทรายสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย กระทรวงอุตสาหกรรม
          • ทำไร่อ้อย

ประสบการณ์ทางสังคม
 
          • รองประธานปฏิรูปการศึกษาโรงเรียนไชยานวิทยาคม
          • ที่ปรึกษาสหกรณ์การเกษตรอำเภอไชยาน
          • เลขาธิการชาวไร่อ้อยอีสานเหนือ
          • เลขาธิการชมรมสถาบันชาวไร่อ้อยภาคอีสาน
          • กรรมการประถมศึกษาจังหวัดอุดรธานี
          • รองเลขาธิการสหสมาคมชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย
          • วิทยากรลูกเสือชาวบ้านอำเภอไชยาน

กระทรวงพลังงาน



 



  21. นางพูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน

          "มาดามติ้ง" ภริยาสุดที่รักของ "สุวัจน์ ลิปตพัลลภ" หัวหอกอยู่เบื้องหลังความสำเร็จ 9 ที่นั่งส.ส.ของพรรค ว่ากันว่า เป็นนอมินีตัวจริงของ "สุวัจน์" เพราะตัวเองติดโทษแบน 5 ปี มีดีกรีการ ศึกษา วิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาเคมี ม.เกษตร วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาชีวเคมี ม.จุฬาฯ หลักสูตรนายทหารชั้นนายพัน หลักสูตรวิทยาลัยการทัพบก เป็นอาจารย์ วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎฯ

          ปี 2537-2544 ผู้ช่วยนายทหารคนสนิทรองปลัดกห. นายทหารคนสนิทรองปลัด กห. หัวหน้านายทหารประสานการกิจทางทหารกับกอ.รมน. ช่วยปฏิบัติราชการสำนักงานปลัด กห.(อัตราพลตรี) ที่ปรึกษาศูนย์อำนวยการร่วม 108(ด้านยาเสพติด)บก.สส. ที่ปรึกษาผอ.องค์การทหารผ่านศึก ผู้ทรงคุณวุฒิสำนักงานปลัดกห. และปี 2549 เป็นส.ว. แฟ้มประวัติยาวยืด ดรีกรีแน่น จึงได้เก้าอี้พลังงานไปฉลุย

ประวัติการศึกษา

          • หลักสูตรนายทหารชั้นนายพัน
          • หลักสูตรวิทยาลัยการทัพบก สถาบันวิชาการทหารบกชั้นสูง
          • หลักสูตรประจำ ชุดที่ 43
          • หลักสูตร มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย มินิ เอ็มบีเอ
          • หลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักรภาครัฐร่วมเอกชน (วปรอ.) รุ่นที่ 4313
          • หลักสูตรการปฐมนิเทศ นายทหารชั้นนายพลของกองทัพไทย รุ่นที่ 15 บก.สส.

ประวัติการทำงาน

          • 2524-2534 อาจารย์ วิทยาลัยแพทยศาสตร์ พระมงกุฎเกล้า กรมแพทย์ทหารบก กระทรวงกลาโหม (กห.)
          • 2537-2544 ผู้ช่วยนายทหารคนสนิทรองปลัด กห.,นายทหารคนสนิท,รองปลัด กห.,
          • ช่วยราชการ ศอร.บก.สส.เพื่อปฏิบัติราชการใน สน.ผบ.ส.ส./ผอ.ศอร.บก.ทหารสูงสุด
          • หัวหน้านายทหารประสานการกิจทางทหารกับ กอ.รมน. ช่วยปฏิบัติราชการ สำนักงานปลัด กห. อัตราพลตรี
          • ที่ปรึกษาศูนย์อำนวยการร่วม 108 (ด้านยาเสพติด) บก.สส.
          • ที่ปรึกษาผู้อำนวยการองค์การทหารผ่านศึก ผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักงานปลัด กห.
          • อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยาลัย วปรอ. สถาบันการป้องกันประเทศ กห.
          • ปี 2549 สมาชิกวุฒิสภา

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา





  22. นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

          เกิดวันที่ 23 ตุลาคม 2508 เกิดที่จังหวัด อุบลราชธานี เป็นเสมียนรัฐมนตรี ผ่านงานเลขานุการมานับไม่ถ้วน ทั้งเลขาฯประธานวุฒิสภาประธานตุลาการรัฐธรรมนูญ ประธานรัฐสภา ประธานคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายรัฐสภา ฯลฯ ถนัดงานกฎหมายและการวางหมากกลยุทธ์ ประยุกต์ตำราการเมือง มีดีกรีนิติศาสตร์บัณฑิต (เกียรตินิยม) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย LLM. นิติศาสตร์มหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกา

          • ตำแหน่งล่าสุด เคยเป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม ไต่บันไดความไว้วางใจจนคว้าตำแหน่ง คนรู้ใจหัวหน้าบรรหาร ศิลปอาชา จนได้เป็นรัฐมนตรี "ตามสั่ง" ในที่สุด

ประวัติการศึกษา

          - พ.ศ. 2532 ปริญญาตรี นิติศาสตร์บัณฑิต (เกียรตินิยม) มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
          - พ.ศ. 2535 ปริญญาโท LL.m (นิติศาสตร์มหาบัณฑิต) มหาวิทยาลัย Harvard Law School ประเทศสหรัฐอเมริกา

ตำแหน่งสำคัญต่างๆ
 
          • ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
          • พ.ศ. 2532 - 2534 เลขานุการประธานรัฐสภา
          • พ.ศ. 2538 - 2539 รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง
          • พ.ศ. 2544 - 2545 ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี
          • พ.ศ. 2545 - 2546 ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร


 




  23. นายมั่น พัธโนทัย
รัฐมนตรีกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ

          มีชื่อติดทำเนียบสภาล่างตั้งแต่ปี 2531 ในฐานะ ส.ส.สมุทรปราการ ด้วยเพราะเป็น "เด็กสร้าง" ของ "เจ้าพ่อปากน้ำ" ที่ชื่อ "วัฒนา อัศวเหม" ประธานพรรคเพื่อแผ่นดิน อดีตหัวหน้าพรรคราษฎร แต่ต่อมาได้รับการพิสูจน์ฝีมือและความไว้วางใจ จนขยับชั้นขึ้นเป็น "มือขวาเจ้าพ่อ" ได้รับการผลักดันให้เป็นเลขาธิการพรรคราษฎร นอกจากนี้ไม่ว่า "วัฒนา" จะย้ายไปนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีในกระทรวงใด "มั่น" ก็จะตามไปเป็นเลขานุการรัฐมนตรีทุกครั้งทั้งในกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงมหาดไทย รมต. ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ฯลฯ

          กระทั่งปี 2544 ชีวิตการเมืองของเขาเข้าสู่ยุคตกอับ เมื่อ "วัฒนา" ตัดสินใจเซ้งพรรคราษฎรให้ "พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์" ก่อนเปลี่ยนหัวใหม่เป็นพรรคมหาชน ซึ่งปรากฏว่า "วัฒนา" และลูกหลานสอบตกยกครัวเพราะพ่ายคู่แข่งขันจากพรรคไทยรักไทย ทำให้ชื่อของ "มั่น" พลอยหายไปจากสาระบบการเมืองด้วย

          ก่อนโผล่ขึ้นมาใหม่ในนาม ส.ว.สมุทรปราการ ปี 2549 แต่เมื่อ "วัฒนา" กลับมาลงทุน ลงแรง ลุยทำพรรคการเมืองอีกครั้ง ก็ปรากฏชื่อ "มั่น" เป็นรองหัวหน้าพรรคน้องใหม่ทันที

การศึกษา
 
          • ปริญญาตรี สาขา นิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ สำเร็จการศึกษา 2507
          • ปริญญาโท สาขา สัมพันธ์ระหว่างประเทศ รัฐศาสตร์ สถานที่ศึกษา AMERICAN U,WASH D.C.USA.สำเร็จ
          • ปริญญาเอก สาขา เศรษฐศาสตร์ สถานที่ศึกษา KENSINGFON U,CALIFANIA USA.

ประวัติการทำงาน
 
          • สมาชิกวุฒิสภา จังหวัดสมุทรปราการ ปี 2549
          • รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ
          • สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสมุทรปราการ 4 สมัยติดต่อกัน
          • เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
          • ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี


 
 



  24. นายวุฒิพงศ์ ฉายแสง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

          น้องชายนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย เกิดเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2502 ระดับการศึกษาจบปริญญาตรี สาขา นิติศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง เริ่มมีตำแหน่งทางการเมือง เมื่อปี 2528 ในตำแหน่ง เลขานุการส่วนตัวรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

          ในปี 2540 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ จากนั้นในปี 2544 ได้รับเลือกให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 4 จังหวัดฉะเชิงเทรา

วุฒิการศึกษาและเกียรติประวัติ
 
          • ปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

ประวัติการทำงาน
 
          • ประกอบธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ ปี 2529   
          • ประกอบธุรกิจด้านเกษตร ปี 2535
          • เลขานุการส่วนตัวรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ปี 2528   
          • ผู้ช่วยดำเนินงานสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดฉะเชิงเทรา ปี 2535-2539
          • คณะทำงาน โครงการแผนกลยุทธ์การวิจัยด้านเกษตรและอุตสาหกรรม
          • สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ จังหวัดฉะเชิงเทรา


กระทรวงมหาดไทย



 



  25. ร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.1)

          นักการเมืองฝีปากกล้า เกิดเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2491 การศึกษานิติศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง เคยรับราชการตำรวจมีตำแหน่งเป็นสารวัตรกองปราบฯ ร.ต.อ.เฉลิม จากนั้นเริ่มต้นชีวิตทางการเมืองด้วยการเป็น ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และในปี พ.ศ. 2529 ได้ก่อตั้งพรรคมวลชน โดยรับตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรค มีฐานเสียงสำคัญในพื้นที่ฝั่งธนบุรี 

          ในการทำงานการเมืองเคยดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กำกับดูแล องค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย จนได้รับฉายาจากสื่อมวลชนว่า "เหลิมดาวเทียม" ภายหลังบทบาททางการเมืองของร.ต.อ.เฉลิม เงียบหายไปนาน จนพรรคไทยรักไทยถูกยุบ ร.ต.อ.เฉลิม จึงถูก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะคนคุ้นเคยในอดีตให้มาช่วยงานพรรคพลังประชาชนในยามที่พรรคคาดแคลนบุคลากร โดยบุคคลที่มีความสามารถอภิปรายในสภาอย่างดุเดือด

ประวัติการศึกษา

          • นิติศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง

ประวัติการทำงาน

          • สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ปี 2526, 2529, 2531, 2535/2, 2538, 2539, 2544



 



  26. นายสุพล ฟองงาม
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2)

          เกิดเมื่อวันที่  5 กรกฎาคม 2505 จบการศึกษาระดับปริญญาตรี นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม เมื่อปี 2528 จากนั้นเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาโท พัฒนาสังคม ที่สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหาร ประสบการณ์ทางการเมือง เป็นสมาชิกสภาจังหวัดอุบลราชธานีและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดอุบลราชธานี ตั้งแต่ปี 2539 - 2543 

          นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในอดีตแกนนำแนวร่วมเผด็จการเพื่อประชาธิปไตยในภาค อีสานด้วย สุพล ยังถือเป็นคนในสังกัดของ นายเนวิน ชิดชอบ อดีตแกนนำคนสำคัญของพรรคไทยรักไทย

การศึกษา

          • ปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม
          • ปริญญาโท สาขาพัฒนสังคม นีด้า 

อาชีพก่อนได้รับเลือกตั้ง

          • สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดอุบลราชธานี
 
ประสบการณ์

          • รองประธานคณะกรรมธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบสภาผู้แทนราษฎร 

เครื่องราชย์อิสริยาภรณ์
 
          • ป.ช.





  27. นายสิทธิชัย โควสุรัตน์
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.3)

          เกิดวันที่ 27พฤศจิกายน 2503 เป็นนักการเมืองพันธุ์แท้ที่ไต่ระดับจากการเป็นนักการเมืองท้องถิ่นเมื่อปี 2523 ในฐานะสมาชิกสภาจังหวัดอุบลราชธานี จากนั้นก็ยึดครองพื้นที่อุบลราชธานีมาโดยตลอด กลายเป็นผู้แทนฯ เมืองอุบลฯ ตั้งแต่ปี 2538 เรื่อยมาโดยไม่เคยสอบตก เหตุเพราะได้ "ปรีชา เลาหพงศ์ชนะ" อดีตรมช. พาณิชย์ และรมช. ต่างประเทศ เป็น "แบ็คใหญ่" ทำให้เขากลายเป็นสมาชิกถาวรของกลุ่มวังพญานาค และล่าสุด "แบ็คเดิม" นั่นเองที่ผลักดันให้เขา ขึ้นแท่นเสนาบดีเป็นหนแรกของชีวิต

          • อย่างไรก็ตาม ชื่อ "สิทธิชัย" ไม่ค่อยติดหูสื่อเพราะเจ้าตัวไม่ถนัดสร้างภาพ เพิ่งมาโด่งดังในช่วงเลือกตั้งที่ผ่านมา หลังปรากฏข่าวเรื่อง พปช.ปลอมแปลงลายเซ็นของเขา จึงส่อว่าจะขัดคุณสมบัติในการลงสมัคร ส.ส.เพราะเป็นสมาชิก 2 พรรคการเมือง แต่ท้ายที่สุดศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งได้สั่งคืนสิทธิผู้สมัคร ส.ส.ระบบสัดส่วนกลุ่ม 4 เบอร์ 10 ให้เขา ทำให้ "สิทธิชัย" ถูกจับตามองว่าอาจกลายเป็นแจ๊คผู้ฆ่ายักษ์ เพราะอาจทำให้ พปช.ถูกสั่งยุบพรรค

ประวัติการศึกษา

          • ประถมศึกษา โรงเรียนเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี
          • มัธยมศึกษา โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช จังหวัดอุบลราชธานี
          • ปริญญาตรี  มหาวิทยาลัยรามคำแหง กรุงเทพมหานคร

ประสบการณ์การทำงาน
 
          • ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม (รัฐมนตรีปรีชา เลาหพงศ์ชนะ)
          • ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
          • คณะกรรมาธิการนโยบายและติดตามงบประมาณรายจ่ายประจำปี

ประสบการณ์ทางสังคม

          • ประธานลูกเสือชาวบ้าน อำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี
          • กรรมการสโมสรโรตารี่อุบลราชธานี

ประสบการณ์ทางการเมือง
 
          • สมาชิกสภาจังหวัด อุบลราชธานี ปี 2533-2538
          • สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 6 จังหวัดอุบลราชธานี 2 สมัย (ปี 2538,2539)

กระทรวงสาธารณสุข


 
 



  28. นายไชยา สะสมทรัพย์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข

          เกิดวันที่ 18 กันยายน 2495 ปี 2523-2533 เป็นสมาชิกสภาจังหวัดนครปฐม ปี 2538 เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครปฐม ปี 2539 เป็นรองเลขาธิการพรรคเอกภาพ ปี 2541 เป็นประธานกรรมาธิการการศึกษา ปี 2542 เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม

          เข้าสู่เส้นทางการเมือง พร้อมกับคนในตระกูลสะสมทรัพย์ อย่างไชยยศ สะสมทรัพย์ อดีตแกนนำไทยรักไทย และอยู่ในฐานะของ "ทุนไทยรักไทย" อีกกลุ่มหนึ่ง ที่ดูแลส.ส.พื้นที่ภาคกลางและภาคอีสานหลายจังหวัด โดยเฉพาะกระแสข่าวว่า ทุนสะสมทรัพย์ สนิทสนมกับ เนวิน ชิดชอบ อดีตแกนนำไทยรักไทยที่ยังมีอิทธิพลอยู่ในภาคอีสาน 
การศึกษา
 
          • ปริญญาตรี
 
อาชีพก่อนได้รับเลือกตั้ง
 
          • นักการเมือง
 
ประสบการณ์
 
          • สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2538 , 2539, 2544
          • รมช.กระทรวงคมนาคม 2543 - 2544
          • สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2548
 
เครื่องราชย์อิสริยาภรณ์

          • มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก



 



  29. นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข

          เกิดเมื่อ พ.ศ. 2479 ขณะนี้อายุปาเข้าไปอายุ 72 จบการศึกษาปริญญาตรีเศรษฐศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เคยเป็น รมช.คลัง สมัยรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ นายชวรัตน์ เป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) และเป็นนายทุนใหญ่ให้พรรคการเมืองหลายพรรคมาโดยตลอด

          ครั้งนี้ นายชวรัตน์ ได้โควต้า รมต.ตามโควตาของลูกชาย นายอนุทิน ชาญวีรกูล อดีตแกนนำพรรคไทยรักไทย ซึ่งเป็นผู้ใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาก เพราะเคยได้รับแต่งตั้งเป็น รมช.สาธารณสุข และรมช.พาณิชย์

การศึกษา

          • ปริญญาตรี เศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
          • ปริญญาบัตร วิทยาลัยป้องกันราชอณาจักร ภาครัฐร่วมเอกชน
          • อบรมหลักสูตร Chairman 2000 รุ่นที่ 3/2001 สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD)
          • อบรมหลักสูตร Directors Accreditation Program (DAP) รุ่นที่ 17/2004 สมาคมส่งเสริมกรรมการบริษัทไทย (IOD) - - ปัจจุบัน

ประวัติการทำงาน
 
          • กรรมการอิสระและกรรมการตรวจสอบบริษัท วีนิไทย จำกัด (มหาชน)
          • กรรมการและประธานที่ปรึกษาบริษัท ชิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน)
          • ประธานกรรมการสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย

ประวัติทางการเมือง

          • ที่ปรึกษาประธานวุฒิสภา พฤศจิกายน 2543 – พฤษภาคม 2544
          • รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง พ.ศ.2539 - 2540


กระทรวงแรงงาน



 



  30. นางอุไรวรรณ เทียนทอง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน

          "ป้าอุ" ภริยา "เสนาะ เทียนทอง" หัวหน้าพรรค นั่งตำแหน่งแทนสามีเพราะกระทรวงนี้เล็กเกินกว่าที่ "เสนาะ" จะรับได้และเป็นภรรยาสุดที่รักไว้วางใจมาทั้งชี้วิต "ป้าอุ" เกิดวันที่ 9 กรกฏาคม 2485 จบการศึกษาจาก พาณิชยศาสตรบัณฑิต และบัญชีบัณฑิต ม.ธรรมศาสตร์

          ดำรงตำแหน่งผอ.สำนักบริหารการศึกษาท้องถิ่น ระดับ 9 กรมการปกครอง เป็นรมว.แรงงานปี 2545-2546 และรมว.วัฒนธรรม ปี 2546-2548 ยุครัฐบาลทักษิณ แต่เกิดปัญหา สามีน้อยใจหัวหน้าพรรค จึงต้องรับอานิสงค์จนต้องขอไขก๊อกออกไปก่อน
 
การศึกษา

          • ปริญญาตรี พาณิชยศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์
          • ปริญญาตรี บัญชีบัณฑิต มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์
 
เกียรติประวัติการทำงาน
 
          • พ.ศ.2516 – 2537 ดำรงตำแหน่งเสมียนตราจังหวัดปราจีนบุรี, จังหวัดนครนายก, จังหวัดนนทบุรี
          • พ.ศ.2538 ได้รับการอบรมหลักสูตรนักปกครองระดับสูง (นปส.) รุ่นที่ 32
          • พ.ศ.2540 – 2541 ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการส่วนการคลังท้องถิ่น ระดับ 8 สำนักบริหารราชการส่วนท้องถิ่น กรมการปกครอง
          • พ.ศ.2542 - 2545 ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยสำนักบริหารการศึกษาท้องถิ่น ระดับ 9 กรมการปกครอง
 
ประวัติการทำงาน 
 
          • ที่ปรึกษาสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนสตรีวิทยา
          • เลขานุการมูลนิธิช่วยการศึกษาท้องถิ่น
          • อดีตกรรมการมูลนิธิอาสารักษาดินแดน
          • อดีตอนุกรรมการว่าด้วยจรรยามารยาทและวินัยของสมาชิกคุรุสภา
          • อดีตอนุกรรมการปฏิรูปครูและบุคลากรทางการศึกษา

เครื่องราชย์อิสริยาภรณ์

          • มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช)


กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม


 
 



  31. นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

          "เจ๊เป้า" เลขาธิการพรรค ภริยา "สมศักดิ์ เทพสุทิน" อดีตแกนนำผู้อยู่เบื้องหลัง แต่ติดโทษแบน 5 ปี ดังนั้นภรรยาสุดที่รักจึงเหมาะเป็นนอมินี จบการศึกษาปริญญาตรี ม.ศรีนครินทรวิโรฒ พิษณุโลก และปริญญาโท ม.เกษตรศาสตร์

          เดิมรับราชการครูตั้งแต่ปี 2524 แต่พลิกผันชีวิตมาเป็นนักการเมือง ด้วยการผลักดันของผู้เป็นสามี ทำให้ชนะเลือกตั้งเป็นส.ส.สังกัดพรรคไทยรักไทยครั้งแรก เขต 1 จ.สุโขทัย ในปี 2544 และได้รับเลือกเข้ามาเป็นส.ส.อีกครั้งในปี 2548

การศึกษา

          • ปริญญาตรี ม.ศรีนครินทรวิโรฒ จ.พิษณุโลก
          • ปริญญาโท ม.เกษตรศาสตร์ กรุงเทพฯ 

อาชีพก่อนได้รับเลือกตั้ง

          • นักการเมือง
 
ประสบการณ์
 
          • ส.ส.2544,2548,รองประธานและโฆษกคณะกรรมาธิการการศาสนาศิลปะและวัฒนธรรม
          • คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2548
          • ประธาน ส.ส.หญิงพรรคไทยรักไทย
 
เครื่องราชย์อิสริยาภรณ์
 
          • ม.ป.ช.


ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง

- ประวัติ คณะรัฐมนตรี สมัคร 1 ทั้ง 36 คน
http://hilight.kapook.com/view/20224

http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P6294932/P6294932.html
http://politic.tjanews.org/index.php?option=com_content&task=view&id=651&Itemid=9
บันทึกการเข้า

********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #18 เมื่อ: 26-02-2008, 01:45 »



"สมัคร" ตั้งคณะ กก. ดูแลการพัฒนาประเทศเร่งด่วน
 http://politic.tjanews.org/index.php?option=com_content&task=view&id=678&Itemid=9       
วันจันทร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2008 18:37น. 
              วันที่ 25 กุมภาพันธ์ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานมองไปข้างหน้ากับรัฐบาลใหม่ ที่จัดโดย Post Forum 2008 ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์ ถึงการดำเนินพิมพ์เขียวนโยบายของรัฐบาลว่า ได้วางเป้าหมาย ที่จะทำให้ประเทศอยู่ในสภาพเดิมก่อนการปฏิวัติ ในขณะนี้กำลังเร่งดำเนินงานที่จะแปลงนโยบายที่เสนอไว้ในรัฐสภา ออกมาเป็นแนวปฏิบัติสำหรับข้าราชการ ที่จะมาเป็นเครื่องจักรกลในการขับเคลื่อนที่สำคัญ

                นายสมัคร ประกาศว่า จะเดินหน้าการทำงานเต็มที่และพร้อมที่จะให้ตรวจสอบด้วยตนมีคติว่า “ความสุจริตเป็นเกราะกำบัง” พร้อมยืนยันว่า นายชวน หลีกภัยบริสุทธิ์อย่างไรตนก็บริสุทธิ์ในแบบเดียวกัน ด้วยเป็นจุดยืนสำคัญที่ทำให้อยู่ในวงการเมืองมาได้นานจนถึงปัจจุบัน
“ผมพร้อมที่จะป้องกันจนสุดชีวิตที่จะรักษาคณะรัฐมนตรีไว้เพื่อให้บ้านเมืองก้าวหน้า ถ้ารัฐมนตรีคนใดไปยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจของเอกชน ก็พร้อมที่จะจัดการอย่างเด็ดขาด” นายสมัคร กล่าวอีกว่า สำหรับความก้าวหน้าในการดำเนินนโยบายของรัฐนั้น ที่ผ่านมาได้คุยกับนักธุรกิจญี่ปุ่น และผู้แทนจากสหรัฐอเมริกาเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับชาวต่างประเทศ และพรุ่งนี้คณะรัฐมนตรีจะอนุมัติให้ดำเนินงานก่อสร้างรถไฟฟ้า 9 สาย และพัฒนาระบบ mass transit ของทั้งประเทศ นอกจากรถไฟฟ้าใน กทม. แล้วยังจะจัดสร้างระบบรถไฟรางคู่ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยสร้างรางรถไฟเพิ่มถึง 7,400 กิโลเมตร พัฒนาให้รถไฟวิ่งได้เร็วกว่า 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
“ผมได้เตรียมจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นดูแลการพัฒนาประเทศอย่างเร่งด่วน ในเรื่อง mass transit, การจัดการระบบน้ำทั่วประเทศ  การจัดการระบบสาธารณสุข และระบบการศึกษา ที่ผมจะเป็นประธานกรรมการควบคุมดูแลงานทั้งหมดด้วยตนเอง” นายสมัครกล่าว

นายสมัครได้กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า “ขอให้นักธุรกิจมาดูว่ารัฐบาลใหม่จะคิดอ่านอย่างไร ติดตามดูว่าจะมีความคิดเห็นที่ขี้เหร่หรือไม่ ถ้าตามต่อไปจะพบความเก่งของคณะรัฐมนตรีที่จะค่อยๆ ปรากฎขึ้น”
 
บันทึกการเข้า

********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #19 เมื่อ: 28-02-2008, 17:36 »

http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000024742

วันนี้ (28 ก.พ.) นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กล่าวว่า บทบาทภายหลังการกลับมาของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะให้เป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจเฉพาะที่มีความเชี่ยวชาญระดับโลก แต่จะไม่ให้มีตำแหน่งใดๆ เป็นทางการ พร้อมกับยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะไม่มีบทบาทอยู่เบื้องหลังการบริหารงานของรัฐบาล โดยจะพิสูจน์ให้สังคมเห็นว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่ใช่รัฐบาลหุ่นเชิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างแน่นอน ซึ่งสามารถพิจารณาได้จากนายสมัคร สุนทรเวช นายกฯ คนปัจจุบันซึ่งทำงานได้อย่างอิสระและเป็นตัวของตัวเอง สังเกตได้จากการทำงานของนายกฯ ในช่วงเวลาที่ผ่านมามีอิสระในการมอบนโยบาย และการตัดสินใจในการทำงานฐานะนายกฯ ดังนั้น อยากให้ประชาชนติดตามการทำงานและวิสัยทัศน์ของนายกฯ และรัฐมนตรีทุกคนเป็นเครื่องพิสูจน์เมื่อเวลาผ่านไป
     
       “จะไม่มีแน่นอนที่ท่านทักษิณ จะเข้ามามีบทบาทอยู่เบื้องหลัง ซึ่งอยากให้สังเกตุการทำงานของ ท่านสมัคร ซึ่งท่านทำงานเป็นตัวของตัวเองอย่างมาก เช่น กรณีการให้นโยบาย หรือ การให้ปรับแก้การแต่งตั้งที่ปรึกษา และเลขานุการรัฐมนตรี จึงอยากให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์วิสัยทัศน์ในการทำงานของท่านสมัคร และรัฐมนตรีคนอื่นๆ ด้วย” รองนายกฯ กล่าว

       
       นพ.สุรพงษ์ กล่าวอีกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะไม่กลับมาเล่นการเมืองอีก เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ ตั้งใจที่จะทำงานมูลนิธิการศึกษา และพัฒนาด้านกีฬาในธุรกิจฟุตบอล สโมสรแมนฯ ซิตี้ ซึ่งจะต้องมีการเดินทางออกนอกประเทศบ่อยครั้ง ดังนั้น ความสนใจทางการเมืองก็จะลดน้อยลง และจะไม่เกิดขึ้นเหตุการณ์การกลับมาเล่นการเมืองของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งต่อจากนี้ไป นายกฯ สมัคร จะทำงานบริหารประเทศได้อย่างเต็มที่
       
       “สำหรับกลุ่มต่างๆ ทั่วประเทศที่ออกมาเคลื่อนไหวสนับสนุนการกลับมาของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเรื่องปกติธรรมดา เพราะที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เคยสร้างผลงานในนโยบายดีๆ และ การทำงานสร้างความชื่นชมและพอใจกับประชาชนทั่วประเทศจึงมีคนออกมาสนับสนุนมากมาย” นพ.สุรพงษ์ กล่าว
       
       รองนายกฯ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ในการประชุมรัฐมนตรี ในส่วนของพรรคพลังประชาชน (พปช.) วานนี้ (27 ก.พ.) ซึ่งประกอบด้วยรัฐมนตรีแต่ละกระทรวง มีการหารือในประเด็นการทำงานตามภารกิจภายหลังจากมีการแบ่งงานเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่ารัฐมนตรีแต่ละคนควรจะดำเนินการในการทำงานอย่างไร ที่สำคัญนายกฯ สมัคร เน้นย้ำเรื่องรัฐมนตรีแต่ละคนในการมอบนโยบายแก่ข้าราชการ ต้องเปิดโอกาสให้ข้าราชการได้แสดงความคิดเห็นอย่างอิสระ และ การดึงข้าราชการเข้ามามีส่วนร่วมในการผลักดันการทำงานขับเคลื่อนนโยบายด้วยการให้โอกาสข้าราชการได้แสดงพลังในการทำงานออกมาอย่างเต็มที่ในการเพื่อช่วยงานรัฐบาลด้วย
       
       “ในประเด็นการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ ทางพรรคได้กำชับกับรัฐมนตรีทุกคนว่า ทุกกระทรวงจะประกอบด้วยภารกิจงาน และบุคลากร ซึ่งรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงจะต้องรับผิดชอบ หากเกิดปัญหาทางรัฐมนตรีเจ้าของกระทรวงจะต้องชี้แจงให้ชัดเจน” รองนายกฯ กล่าว


.........................

http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000024803
วันนี้ (28 ก.พ.) ที่กระทรวงกลาโหม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมสภากลาโหมที่มีนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยผู้บัญชาการเหล่าทัพ ทั้งกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ ซึ่งได้เริ่มมาตั้งแต่เวลา 09.30 น.ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังประชุมเสร็จสิ้น นายสมัครพร้อมด้วยผู้บัญชาการเหล่าทัพต่างหลบผู้สื่อข่าวที่มารอสอบถามกรณีปืนซุ่มยิงระยะไกลหายไป 3 กระบอกจากกองทัพบก ตามที่ พล.ต.อ.ปรุง บุญผดุง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ออกมาเปิดเผย รวมถึงกรณีการกลับประเทศของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จากเหตุดังกล่าวสร้างความผิดหวังให้แก่ผู้สื่อข่าวที่มารอทำข่าว
       
       สำหรับการประชุมครั้งนี้ มีผู้บัญชาการเหล่าทัพ และนายทหารคนสำคัญเข้าร่วมอย่างครบครัน เช่น พล.อ.วินัย ภัททิยกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พร้อมด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และ พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผู้บัญชาการทหารอากาศ
บันทึกการเข้า

jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #20 เมื่อ: 28-02-2008, 18:52 »

ตอนนี้หัวหน้าตัวจริงก็กลับมากราบแผ่นดินโชว์แล้ว

นอกจากสำนวนไทยที่ว่า "หัวเดียวกระเทียมลีบ"
คงมีสำนวน "หมักหัวเน่า" ที่น่าพิจารณาเพิ่มด้วย

เพราะนอกจากจะสงสัยเรื่องมีปัญญาคุมได้หรือไม่
ยังมีเรื่องจะได้คุมต่อหรือเปล่าอีกต่างหาก 
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #21 เมื่อ: 29-02-2008, 18:48 »

ตอนนี้หัวหน้าตัวจริงก็กลับมากราบแผ่นดินโชว์แล้ว

นอกจากสำนวนไทยที่ว่า "หัวเดียวกระเทียมลีบ"
คงมีสำนวน "หมักหัวเน่า" ที่น่าพิจารณาเพิ่มด้วย

เพราะนอกจากจะสงสัยเรื่องมีปัญญาคุมได้หรือไม่
ยังมีเรื่องจะได้คุมต่อหรือเปล่าอีกต่างหาก 

ไม่ต้องกังวล เคยฟันธงไปแล้วว่าอยู่ได้เกินปี 
บันทึกการเข้า

********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #22 เมื่อ: 01-03-2008, 01:35 »



นายกไม่หวั่นเสรีพิศุทธ์ขู่ฟ้องยันจะโยกย้ายขรก.อีก 
http://www.innnews.co.th/politic.php?nid=92433

นายกฯ ไม่หวั่น “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์” ขู่จะฟ้องศาลปกครอง ยันไม่เคลียร์ พร้อมสวนกลับรัฐบาลที่แล้วโยกย้ายหลายคนไม่เห็นมีใครว่า ยืนยันจะต้องโยกย้ายอีกแน่ เพื่อปรับปรุงให้เข้าที่เข้าทาง สวนหากใครทำไม่ดีจะให้ปล่อยไว้หรืออย่างไร เมื่อไม่ดีก็ต้องย้าย


นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการโยกย้าย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไปช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี ว่า ไม่ขอตอบเรื่องนี้ในต่างประเทศ จะกลับไปตอบที่ประเทศไทย หลังจากการเดินทางกลับจากการเยือนประเทศลาวอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้ (1 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า เมื่อเดินทางกลับประเทศคิดว่าสามารถเคลียร์ปัญหาดังกล่าวได้หรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า เหตุใดต้องเคลียร์ด้วย ทั้งนี้ แม้ว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุสุทธ์ จะขู่ฟ้องศาลปกครองก็ไม่เป็นไร และไม่มีปัญหา แต่ขอให้ลองพิจารณาดูก็แล้วกัน รวมทั้งการโยกย้ายในช่วงที่ผ่านมาก็ให้เขาไปดำเนินการ ใครจะว่าอย่างไรก็ได้

เมื่อถามว่า รัฐมนตรีที่โยกย้ายจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบเองหรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า เราต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เราทำ แต่ตนก็ถามเหมือนที่เขาถามกันว่า เมื่อเวลามีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ก็มีการย้ายกันเป็นแผง เป็นกระบิ แต่ไม่เห็นมีใครไปฟ้องศาลปกครอง และไม่มีใครพูดถึงแม้แต่คำเดียว ในเมื่อขณะนี้มีการจัดการเลือกตั้งและมีผู้บริหารชุดใหม่เข้ามา ก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนให้เข้าที่เข้าทาง เป็นไปได้อย่างไรช่วยคิดหน่อย ส่วนกรณีที่มีการมองว่า มีการโยกย้ายข้าราชการรายวันนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นการย้ายรายวัน หรือจะให้นำมารวมกันย้ายที่เดียวพร้อมกันหรืออย่างไร

“ตำแหน่งในประเทศไทยมีกี่ตำแหน่ง และย้ายไปกี่ตำแหน่ง ตำแหน่งใหญ่ ๆ ทั้งหมดมีเป็นร้อยเป็นพัน พึ่งย้ายไปแค่ 3 ตำแหน่ง ก็ทำเป็นข่าวเอิกเกริก แล้วจะให้ทำอย่างไร คนมาบริหารประเทศจะให้ทำอย่างไร แตะไม่ได้ โดนไม่ได้ ถ้าเขาไปทำอะไรไว้ก็ต้องเอาไว้อย่างนั้นหรือ มันไม่ถูก ถ้าผมเป็นพวกคุณ ผมจะไม่ถาม” นายสมัคร กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าการโยกย้ายข้าราชการจะมีตามมาอีกใช่หรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า “ก็มันแน่นอน ข้อสำคัญที่สุด คือคนมาบริหารก็ต้องทำทุกอย่างให้เรียบร้อยดี แหม ผมอยากให้พวกคุณเป็นคนบริหารดูสิ จะย้ายหรือไม่ย้าย ถ้าผมไปทำอะไรเสียหาย แล้วคุณต้องเข้ามาแก้ไขคุณจะทำอย่างไร มันก็ต้องย้าย จะไปนั่งทนอยู่อย่างนั้นได้อย่างไร ของพรรค์นี้มันต้องเข้าใจหน่อย”


"""""""""


พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ระบุ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส สมควรถูกโยกย้ายนานแล้ว
http://www.innnews.co.th/politic.php?nid=92424

พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ที่ปรึกษากองทัพบก ซึ่งถือเป็นคู่ปรับของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ สมควรถูกย้ายนานแล้ว และการตั้งกรรมการสอบสวนก็สมควรแล้ว และถ้าคณะกรรมการสอบสวนจะเชิญตนไปให้ข้อมูลก็ยินดี

ทั้งนี้ นับตั้งแต่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ได้เข้าบริหารราชการแผ่นดินมีคำสั่งย้ายข้าราชการระดับสูงไปแล้วรวม 4 คน ประกอบด้วยนายสุนัย มโนมัยอุดม อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นายแพทย์ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา นายปราโมช รัฐวินิจ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ และ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เป็นรายล่าสุด


บันทึกการเข้า

********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #23 เมื่อ: 02-03-2008, 01:11 »



ยังยืนยันว่า ให้นายกฯสมัคร ให้สัมภาษณ์เป็นทางการเท่านั้น

ไม่จำเป็นต้องไปตอบคำถามกระแนะกระแหนไร้สาระ


หรือไปพยายามตอบโต้นักข่าวตรงๆ เพราะนายกฯมาตามครรลองประชาธิปไตยอยู่แล้ว

หากจะล้มก็ให้ล้มในสภา หรือล้มจากการทุจริต ประพฤติมิชอบ

คงไม่ได้มาจากการสร้างกระแสของสื่อหรือการจุดประเด็นเบี่ยงเบนการทำงาน แต่ต้องอาศัยมูลความจริงจากการทำงาน


 

นายกฯ ควรพูดน้อยๆครับ คนไทยเหมาะกับนายกฯพูดน้อย รอรายงาน 

ส่วนลักษณะการพูดเมื่อพูดน้อยก็ต้องระวังในเรื่องการพยายามรักษาคำพูดที่พูดในที่สาธารณะ
บันทึกการเข้า

********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #24 เมื่อ: 09-03-2008, 16:25 »

วันนี้ (9 มี.ค.) ศูนย์วิจัยเอแบคโพล มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลการสำรวจความคิดเห็นประชาชนใน 18 จังหวัดทั่วประเทศ จำนวน 2,726 ตัวอย่าง เกี่ยวกับสิ่งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยในสถานการณ์ปัจจุบันของประเทศไทย ผลปรากฏว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 78.1 เห็นว่า ปัญหาราคาสินค้า และบริการที่สูงขึ้นเป็นปัญหาสำคัญที่ประชาชนในประเทศกำลังประสบอยู่ขณะนี้ รองลงมาคือ ร้อยละ 69.4 ระบุปัญหายาเสพติด ร้อยละ 67.7 ระบุปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามลำดับ 
     
       ทั้งนี้ ผลการสำรวจยังพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 79.9 อยากเห็นสังคมไทยสงบสุข ร้อยละ 71.1 อยากให้รัฐบาลช่วยเหลือคนมีรายได้น้อย ร้อยละ 79.1 อยากให้รัฐบาลออกคูปองอาหารเลี้ยงดูเด็กยากจน เมื่อสอบถามถึงการสนับสนุนของประชาชนต่อนายสมัคร สุนทรเวช ในการทำหน้าที่บริหารประเทศในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พบร้อยละ 45.3 สนับสนุน ร้อยละ 32.3 ไม่สนับสนุน และร้อยละ 22.4 ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ขออยู่ตรงกลาง
       
       นอกจากนี้ ยังพบว่า ร้อยละ 51.8 สนับสนุนแนวทางแก้ปัญหาสินค้าราคาสูงของนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ร้อยละ 26.9 ไม่สนับสนุน และร้อยละ 21.3 ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ในขณะที่ร้อยละ 50.7 สนับสนุน นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ร้อยละ 25.5 ไม่สนับสนุน และร้อยละ 23.8 ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด
       
       ผลสำรวจยังพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 55.5 หันมาสนับสนุน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในแนวทางแก้ปัญหายาเสพติด ร้อยละ 28.0 ไม่สนับสนุน และร้อยละ 16.5 ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด
       
       เมื่อถามถึงแนวคิดการเปิดก่อนกาสิโนและการพนัน พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 55.3 เห็นว่าการเล่นการพนันเป็นเรื่องปกติธรรมดา อย่างไรก็ตาม จำนวนมากหรือร้อยละ 44.7 เห็นว่าไม่ใช่เรื่องธรรมดา และเมื่อสอบถามถึงประสบการณ์การเล่นพนันในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา พบว่า เกินกว่า 1 ใน 3 หรือร้อยละ 35.0 เคยเล่น ในขณะที่ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 65.0 ไม่เคยเล่น และส่วนใหญ่หรือร้อยละ 56.4 ไม่สนับสนุนแนวคิดเปิดบ่อนกาสิโนอย่างถูกกฎหมาย ร้อยละ 31.9 สนับสนุน และร้อยละ 11.7 ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด
       
      อย่างไรก็ตาม ประชาชนจำนวนมากหรือร้อยละ 39.3 ต้องการให้โอกาสรัฐบาลทำงานจนครบวาระ ในขณะที่ร้อยละ 23.8 ไม่ระบุเวลา ร้อยละ 17.5 ระบุ 1 ปี ร้อยละ 15.2 ระบุ 2 ปี และร้อยละ 4.2 ระบุ 3 ปี ตามลำดับ
บันทึกการเข้า

********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #25 เมื่อ: 11-03-2008, 17:29 »



ผมคิดว่า สมัคร จะพบสัจธรรมทางการเมืองในวัยแก่

อย่าเอาอย่างชวน ที่ตัดใจไม่ได้ หลังได้เป็นนายกฯสองสมัย..
บันทึกการเข้า

********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #26 เมื่อ: 20-03-2008, 05:36 »



นายกฯ เผยโผทหารกลางปีคลอด 20 มี.ค.    
  http://www.innnews.co.th/Politic.php?nid=96697
  โดยทีมข่าว INN News 19   มีนาคม   2551   15:42:11  น.     
  “สมัคร” เผย 20 มี.ค. ประกาศโผโยกย้ายทหารกลางปี แจงเหตุนั่งควบ รมว.กลาโหม ตัดชนวนแทรกแซงการโยกย้ายของเหล่าทัพ ให้ความมั่นใจ “พล.อ.อนุพงษ์” อยู่ในตำแหน่ง ผบ.ทบ.อีก 3 ปี


ภารกิจนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางเยือนประเทศสิงคโปร์อย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 18-20 มีนาคม รายงานว่า วันนี้ (19 มี.ค.) นายกรัฐมนตรี จะหารือข้อราชการกับนายลี เซียน ลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ และนายเอส อาร์ นาธาน ประธานาธิบดีสิงคโปร์ ก่อนที่จะพบปะมอบนโยบายให้กับทีมไทยแลนด์ และมีกำหนดการพบปะกับนายเปียว ซี เฮียน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และนายลี กวน ยู รัฐมนตรีที่ปรึกษาของสิงคโปร์ ในช่วงค่ำวันนี้

ภายหลังการหารือกับนายกรัฐมนตรี และประธานาธิบดีสิงคโปร์ แล้ว นายสมัคร ได้พบและมอบนโยบายให้กับข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ (ทีมไทยแลนด์) โดยกล่าวตอนหนึ่งถึงการเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่า เพราะต้องการตัดชนวน ไม่ให้มีการแทรกแซงการโยกย้ายของเหล่าทัพ ไม่เช่นนั้นหัวหน้ารัฐบาล จะสั่งการให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โยกย้ายหรือทำอะไรตามใจตัวเอง ซึ่งจะเป็นการสะสมชนวน หากใครจุดชนวนจะทำให้เกิดความเสียหาย ดังนั้น ในช่วงที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ซึ่งจะอยู่ในตำแหน่งอีก 3 ปี จะไม่มีใครเข้าไปยุ่งเกี่ยวการปรับย้ายทหาร

นายสมัคร ยังกล่าวถึงการโยกย้ายทหารกลางปีว่า ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการโยกย้ายทหาร และการที่นำพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ร่วมคณะเดินทางเยือนต่างประเทศด้วยนั้น ทำให้ทหารเข้าใจการเมืองมากขึ้น และตนได้เรียนรู้เรื่องทหารมากขึ้นเช่นกัน เพราะไม่มีความเชี่ยวชาญด้านนี้

นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า วันพรุ่งนี้ (20 มี.ค.) เวลาประมาณ 12.00 น. จะมีการประกาศบัญชีรายชื่อโยกย้ายนายทหารกลางปี


 
 
 
บันทึกการเข้า

********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #27 เมื่อ: 20-03-2008, 21:00 »


นายกฯลั่นย้าย ขรก. ครั้งใหญ่ 2 เมษา    
   
  โดยทีมข่าว INN News 20   มีนาคม   2551   15:27:00  น. 

  นายกรัฐมนตรีประกาศกลางสภา จะโยกย้ายข้าราชการประจำครั้งใหญ่ วันที่ 2 เมษายนนี้

http://www.innnews.co.th/politic.php?nid=96974



 

นายสมัคร สุนทรเวช นายกฯตอบกระทู้ถามสดของ นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ เรื่องการโยกย้ายข้าราชการตำรวจ โดยเฉพาะการโยกย้าย พล.ต.ต.ชัยยะ ศิริอัมพันธ์กุล รองผู้บัญชาการตำรวจสันติบาลไปปฏิบัติหน้าที่ในศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า จ.ยะลา ว่าเป็นการโยกย้ายตามคำสั่งเดิมที่มีขึ้นเมื่อวันที่ 11 ต.ค.2550 ของรัฐบาลชุดที่แล้ว หลังจากมาช่วยปฏิบัติงานของคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ตรวจสอบการทุจริตที่ จ.เชียงราย ไม่ได้เป็นการทำเพื่อการแก้แค้น จึงแปลกใจว่า ทำไมต้องมีการออกมาทักท้วง พร้อมระบุว่า ยังจะมีการโยกย้ายข้าราชการอีกเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในวันที่ 2 เม.ย.นี้
ทั้งนี้ นายถาวร ได้ขอให้นายกฯให้มีความเป็นใจกับบรรดาข้าราชการที่ถูกโยกย้ายอย่างไม่เป็นธรรม โดยให้คำนึงถึงในเรื่องของระบบคุณธรรมด้วย
 
 
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-03-2008, 21:02 โดย ********Q******** » บันทึกการเข้า

********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #28 เมื่อ: 22-03-2008, 04:06 »



มีใครคิดว่ารัฐบาล สมัคร จะอยู่ครบวาระ สี่ปี หรืออยู่ได้สองสมัยแปดปีบ้างครับ
บันทึกการเข้า

********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #29 เมื่อ: 24-03-2008, 02:08 »

เผื่อว่าอยากจะฟัง อ่าน หรือถอดเทปกันเอง



อ้างถึง
http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P6448915/P6448915.html


สนทนาประสาสมัคร เทปนี้มันส์ ไปฟังกัน [ทางตรง]
http://thainews.prd.go.th/playprimetalk.php?id=PrimeTalk20080323.wmv&page=SamakTalk20080323

หรือดาวน์โหลด
http://thainews.prd.go.th/prime_talk/PrimeTalk20080323.wmv

ถอดเทปอดใจรอสักครู่
http://thainews.prd.go.th/primetalk.html

แก้ไขเมื่อ 23 มี.ค. 51 10:42:57

จากคุณ : โมบายยิ้ม  - [ 23 มี.ค. 51 10:34:30 A:58.8.187.221 X: ]



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-03-2008, 02:21 โดย ********Q******** » บันทึกการเข้า

เล่าปี๋
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,417


ทำดีได้ดีมีไฉน ทำชั่วได้ดีมีถมไป


« ตอบ #30 เมื่อ: 24-03-2008, 07:10 »




  ยอดเยี่ยมครับพี่คิว  อ่านกระทู้นี้แล้วได้ความรู้อีกมากเลย...
บันทึกการเข้า

ขงเบ้งดูดาว เฮอะเอ่อเอ้ย เมื่อดาวตก เสียวในหัวอกเมือเห็นดาว
ไม่พราวไสว  หรือว่าตัวเราจะหมดบุญ จึงเป็นไป
ดาวที่สดใสเมื่อก่อนนั้น  พลันมืดมัว....
********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #31 เมื่อ: 26-03-2008, 06:06 »



  ยอดเยี่ยมครับพี่คิว  อ่านกระทู้นี้แล้วได้ความรู้อีกมากเลย...


ถ้าเทียบสมัครกับ ปชป. ผมว่าสมัครตั้งใจแก้ปัญหาหลัก และยืดหยุ่นดีกว่ามาก เหมาะกับการลดความขัดแย้ง แตกแยกภายในชาติ
บันทึกการเข้า

เล่าปี๋
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,417


ทำดีได้ดีมีไฉน ทำชั่วได้ดีมีถมไป


« ตอบ #32 เมื่อ: 26-03-2008, 06:32 »


ถ้าเทียบสมัครกับ ปชป. ผมว่าสมัครตั้งใจแก้ปัญหาหลัก และยืดหยุ่นดีกว่ามาก เหมาะกับการลดความขัดแย้ง แตกแยกภายในชาติ



นักการเมืองแทบทุกคน  มีส่วนดีและส่วนเสียกัน

เรื่องการคอรัปชั่นไม่คิดนะ  นายกฯสมัคร ที่ผมว่าเสียเอามากๆ

ก็คือปากแกครับ  อ่านหรือดูข่าวแล้ว  เทียบคล้าย
"แม่ค้าปากตลาด"...



บันทึกการเข้า

ขงเบ้งดูดาว เฮอะเอ่อเอ้ย เมื่อดาวตก เสียวในหัวอกเมือเห็นดาว
ไม่พราวไสว  หรือว่าตัวเราจะหมดบุญ จึงเป็นไป
ดาวที่สดใสเมื่อก่อนนั้น  พลันมืดมัว....
********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #33 เมื่อ: 26-03-2008, 06:46 »



นักการเมืองแทบทุกคน  มีส่วนดีและส่วนเสียกัน

เรื่องการคอรัปชั่นไม่คิดนะ  นายกฯสมัคร ที่ผมว่าเสียเอามากๆ

ก็คือปากแกครับ  อ่านหรือดูข่าวแล้ว  เทียบคล้าย
"แม่ค้าปากตลาด"...


ปากตลาดก็มีหลายประเภทครับ มีแบบโฉ่งฉ่างกับ เก๋กหล่อเก๋กสวย แต่คำพูดที่ออกมา อ่านใจได้ว่ามักจะไม่มีน้ำใจทำงานร่วมกันเป็นส่วนใหญ่

บางพรรคถึงได้แตกกันออกมาเป็นระยะ โดยไม่ต้องมีใครทำอะไร เพียงปล่อยให้เฉาไปตามกาลเวลา และยุคสมัยที่รวดเร็ว..

                                                                                                                                                             
บันทึกการเข้า

999
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,022



« ตอบ #34 เมื่อ: 04-05-2008, 19:58 »


อีกพวกก็พวกเจ้าของโรงน้ำแข็ง

พวกซุบซิบ ก่อหวอด
 

หัวข้อข่าว : รายการ "สนทนาประสาสมัคร" วันอาทิตย์ที่ 4 พฤษภาคม 2551   
  รายการ"สนทนาประสาสมัคร"
http://thainews.prd.go.th/view.php?m_newsid=255105040071&tb=N255105
http://thainews.prd.go.th/playprimetalk.php?id=PrimeTalk20080504.wmv&page=Samak_Clip

วันอาทิตย์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ.2551 เวลา 08.30-09.30 น.

ออกอากาศสดทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย NBT

และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์

สวัสดีครับท่านผู้ชมที่เคารพ รายการสนทนาประสาสมัคร มาพบเหมือนอย่างเคยนะครับ ท่านผู้ชมเขียนจดหมายมาถึงผมหลายฉบับ เขียนมาที่บ้านนะครับ มีรายหนึ่งบอกว่า ทำไมถึงเรียกว่า สนทนา เพราะว่าพูดอยู่ข้างเดียว อยากให้แก้ไขว่า พูดจาประสาสมัคร ฟังดูก็มีเหตุผลดี แต่ผมยังอยากจะว่า คือสนทนา ผมสนทนากับท่านอยู่ที่บ้าน ท่านทั้งหลายนั่งฟังผมสนทนา หนังสือพิมพ์เขาก็พูดจาเป็นทำนองว่า ผมพูดเอาข้างเดียว ความจริงมีคนเยอะเหมือนกันนะครับนั่งฟังผมคุย หมายความว่าผมสนทนากับท่าน และท่านส่งคำถามมา ก็เป็นอันว่าสื่อกันกลับมา ตำหนิว่าผมพูดเอาข้างเดียว รายการคนพูดข้างเดียวมีเยอะแยะไป มาว่าได้อย่างไร เป็นของธรรมดาครับ ผมก็ใช้ช่องของผมตรงนี้ ผมก็สนทนากับท่านทั้งหลาย ไม่มีปัญหาหรอกครับ

วันนี้เป็นวันฉัตรมงคล อ่านให้ถูกต้องอ่านว่า ฉัด-ตระ-มง-คน ผมเปิดพจนานุกรมแล้วครับ ไม่ใช่ ฉัด-ตระ-ระ-มง-คน แล้วไม่ใช่ ฉัด-มง-คน เฉย ๆ ฉัด-ตระ-มง-คน วันนี้เป็นวันที่ถ้าเผื่อวันธรรมดาก็หยุดราชการ วันที่ 5 พฤษภาคม คราวนี้หยุดติดต่อกัน 3 วัน แต่จริง ๆ วันนี้ก็เป็นวันสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์ของเรา วันฉัตรมงคลคือวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงขึ้นครองราชย์ ทำพิธีสรงมุรธาภิเษก ต่าง ๆ ก็เริ่มต้นวันนี้ครับวันจริง ๆ คือวันที่ 5 พฤษภาคม 2493 และมีตลอดมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแต่ละพระองค์จะต้องมีวันอย่างนี้ อย่างรัชกาลที่ 6 ที่ผมจำได้คือวันที่ 11 พฤศจิกายน ที่จำได้เพราะว่าเขาเลือกเอาวันฉัตรมงคลของรัชกาลที่ 6 เป็นวันเริ่มการแสดงละครที่หอวชิราวุธ ผมไปเป็นหัวหน้าคณะกับเขาที่นั่นด้วยถึงจำได้ วันทุกพระองค์จะมีวันของพระองค์ท่าน

ทีนี้วันนี้มีพิธีการอะไรบ้าง มี 3 วันนะครับเมื่อวานผมก็ไปเฝ้าฯ เมื่อวานนี้17.00 น.เมื่อวานนี้ก็มีสวดมนต์ เขาเรียกธรรมเทศนา ธรรมเทศนาเขาเรียกว่าวิเศษกถา เป็นเรื่องว่าดึงเอามาจาก คือมงคล 38 ประการจะมีว่า การไม่คบคนพาลอะไรต่าง ๆ เมื่อเช้านี้วันพระที่เทศน์ท่านก็หยิบเอามา 1 กถา และท่านก็มาเทศน์เมื่อวานนี้ เรียกว่า มงคลวิเศษกถา ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสร็จเรียบร้อยแล้วก็มีบังสุกุล พระที่สวดมนต์ก็รับบังสุกุล ก็จบเมื่อวานนี้ พิธีการเดี๋ยวนี้ไม่ยืดยาว แต่ว่าอัญเชิญพระโกศพระอัฐิของเจ้านาย พระมหากษัตริย์ 8 พระองค์มาตั้งข้างบน เขาเรียกว่าเริ่มต้นวันแรก แต่งกายครึ่งยศ วันนี้ก็ครึ่งยศวันนี้ก็มีอีกมีพิธีใกล้เคียงกัน เรียกว่าทักษิณานุประทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็เสด็จฯ และวันรุ่งขึ้น วันสุดท้ายวันที่ 5 พฤษภาคม วันจริง ๆ ปกติหมายฯจะมีว่าเช้าจะมีพิธีพระราชทานเลี้ยงพระ เวลาที่เลี้ยงพระจะแต่งเครื่องแบบ วันจันทร์จะเห็นว่าปกติขาวติดเหรียญ สำหรับท่านที่บังเอิญเป็นข้าราชการ ติดเหรียญ ๆ อะไร บางคนเอาแผงทั้งหมดที่เคยติดมาติดไว้ทั้งแผง เหรียญจริง ๆ นะครับ ไม่ใช่แถบ ปกติขาวติดเหรียญ ยกมาทั้งแผงก็ได้ แต่เขาบอกมีตราอยู่หลายตราอยู่ตรงนั้น ส่วนมากจะต้องมีเหรียญเฉย ๆ เหรียญก็คือว่าเมื่อเวลาที่พระราชทานเหรียญออกมาเหรียญต่าง ๆ สมมติยกตัวอย่างว่า 2503 เสด็จพระราชดำเนินกลับจากต่างประเทศ มีเหรียญเสด็จนิวัติ เหรียญนี้เดี๋ยวนี้แพงนะครับ ราคา 20,000 กว่าบาทแล้วเวลานี้ เพราะว่าออกมาตามจำนวนจำกัดพอสมควร แต่ว่าให้ประชาชนทั้งประเทศ ใครที่เกิดในปีนั้นก็ติดเหรียญอันนี้ได้ เหรียญพวกนี้มี 10 เหรียญ สถาปนาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร สถาปนาสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มีวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ อายุ 60 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 60 พรรษา จะมีเหรียญอะไรต่าง ๆ ออกมา พวกนี้เรียกว่าเหรียญ รวมทั้งเหรียญรัตนาภรณ์ด้วย มี 5 ชั้น ทั้งหมดนี้วันจันทร์จะแต่งปกติขาวติดเหรียญเป็นเหรียญธรรมดา ติดเหรียญตรงแผงนี้ เหรียญจริงนะครับ แต่แต่งปกติขาว ซึ่งเหมือนผิดปกตินะครับ ถูกต้องครับ

ในปีหนึ่งจะมีงานอย่างนี้สัก 3-4 งาน วันเฉลิมพระชนมพรรษาจะมีวันสำคัญเลี้ยงพระก็จะต้องปกติขาวติดเหรียญ วันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ก็จะมีอย่างเดียวกัน และวันนี้วันฉัตรมงคล ทีนี้วันนี้วันธรรมดาวันที่ 5 พฤษภาคม หมายฯจะเป็นทรงเลี้ยงพระตอนเพล แล้วบ่ายจะมีพิธีเสด็จพระราชดำเนินที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระราชทานตราจุลจอมเกล้า ที่เขาเรียกว่าเหรียญตรา เหรียญที่ผมพูดเมื่อสักครู่นี้ ตราก็อย่างนี้เรียกว่าตราจุลจอมเกล้า ก็พระราชทานฝ่ายหน้าฝ่ายใน ท่านเสร็จจากพระราชทานแล้วก็จะเสด็จพระราชดำเนินขึ้นไปบนปราสาทพระเทพบิดร ธรรมดาปราสาทพระเทพบิดรจะเปิดปีละ 2 วัน เมื่อวันที่ 6 เมษายนวันจักรี ก็เปิดให้ประชาชนเข้าสักการะวันหนึ่ง พอวันที่ 5 พฤษภาคม ก็จะเปิดอีกวันหนึ่ง เปิดตอนเช้า ธรรมดาพอห้าโมงเย็นก็จะหยุด เพราะว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จพระราชดำเนินจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทขึ้นไปทรงสักการะสมเด็จพระมหากษัตริย์ทั้ง 8 พระองค์ ซึ่งมีพระบรมรูปหล่ออยู่ในนั้น

ทีนี้ถ้าพูดถึงตรงนี้แล้ว จะเป็นสารคดีสั้น ๆ ให้ท่านได้ฟังสักนิดหนึ่งคือว่า เวลาที่เรียกว่าตรา คืออย่างไร คือราชอิสริยาภรณ์ มีอยู่ทั้งหมด 6-7-8-9 ตระกูล ถ้าจะนับ 2 อันซ้อนกัน คือส่วนหนึ่งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดจะพระราชทานให้ข้าราชการเป็นคนนำความเอาชื่อกราบบังคมทูลมาแล้วจะพระราชทาน สายสะพายทั้งหมด เหรียญตราทั้งหมดที่พระราชทาน จะทำในวันที่ 5 ธันวาคม ไม่ว่าสายมงกุฎไทย สายช้างเผือก สายจักรี สายอะไรสุดแท้แต่ทั้งหมด 7-8 สาย จะพระราชทานวันที่ 5 ธันวาคม มีอยู่สายเดียวที่เรียกว่า ตระกูลจุลจอมเกล้า ตราจุลจอมเกล้าจะพระราชทานวันที่ 5 พฤษภาคม ก็เป็นที่รู้กัน ปีนี้หมายตอนเย็นงด หมายเสด็จพระราชดำเนินขึ้นไปข้างบนก็งด เมื่องดแล้วก็จะคุยให้ฟังหน่อยหนึ่งว่า ปกติธรรมดาพอวันที่ 1 วันที่ 2 วันที่ 3 ก่อนวันที่ 5 จะมีข่าวมาจากสำนักพระราชวังว่าโปรดเกล้าฯ ว่าฝ่ายหน้าพระราชทานใครบ้าง ฝ่ายในพระราชทานใครบ้าง ฝ่ายหน้าคือพระราชทานผู้ชาย ฝ่ายในพระราชทานผู้หญิง ฝ่ายในพระราชทานผู้หญิงจะมีขั้นที่เรียงเป็นแถวกัน พูดปากเปล่าได้ ผมถามทางสถานีบอกมีไหมหนังสือ มาถึงก็ถามจะคุยเรื่องนี้ บอกว่ามีเป็นเทป เขาคงไม่ถ่ายเทปเรื่องนี้ไว้ ผมก็มานึกขึ้นได้ในรถว่าจะคุยเรื่องนี้ควรจะคือต้องหยิบหนังสือมาด้วยต้องเปิดให้ดูจะเห็นชัด แต่ว่าลองดูปากเปล่าแบบคำอธิบายแบบของผม พยายามอธิบายให้เข้าใจ คือว่าตราจุลจอมเกล้า ฝ่ายในคือผู้หญิง ผู้หญิงจะพระราชทานตราชั้นล่างสุดเรียกว่า จ.จ. จตุตถจุลจอมเกล้า โบสีชมพู และมีเหรียญสีทองลงยาสีม่วง คนธรรมดาถ้าได้รับพระราชทานผู้หญิงนะครับ ถ้ามีสามีจะได้เป็นคุณหญิง ถ้าได้รับพระราชทานโดยไม่แต่งงาน รับพระราชทานเป็น “คุณ” ถัดจากขั้นนั้นแล้วจะขยับไปอีกขั้นเรียกว่า ต.จ. ตติยจุลจอมเกล้า โบสีชมพูเหมือนเดิม แต่ตราจะเป็นรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ลงยามีสตาร์รอบ ๆ โบยังไม่ค่อยใหญ่เท่าไร เรียกว่า ชั้น 3 จ.จ. ชั้น 4 ชั้น 2 คือ ทุติยจุลจอมเกล้า ทั้งโบทั้งเหรียญใหญ่ขึ้น และถัดไป ท.จ.ว. ทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ สายสะพายสีชมพูเส้นเดียว สายสะสายเส้นเดียวยังไม่มีอะไรเลย ก็เป็นท่านผู้หญิง ต่อไปก็พระราชทานตราอีกดวงเป็น ปฐมจุลจอมเกล้า (ป.จ) มีเท่านั้นสำหรับฝ่ายใน ชั้น 4 ชั้น 3 ชั้น 2 2 ครึ่ง และชั้น 1 คือ ปฐมจุลจอมเกล้าฝ่ายใน

ถ้าฝ่ายหน้าคือฝ่ายผู้ชาย เขามีการสืบตระกูล สมมติว่าผมได้แล้ว ถ้ามีลูกเป็นลูกชาย ลูกชายผมจะได้สืบตระกูล เมื่อรับราชการมาพักหนึ่ง เพราะฉะนั้น ตราสืบตระกูลจะเริ่มต้นด้วยชั้น 3 เรียกว่า ตติยจุลจอมเกล้า (ต.อ.จ.) ฝ่ายหน้า แปลว่า ชั้น 3 แต่ผู้คนธรรมดาซึ่งรับสนองงานต่าง ๆ คือตรานี้เป็นส่วนพระองค์ โปรดเกล้าฯ มา ใครสนองงานทำงานต่าง ๆ พระราชทาน อันอื่น ๆ ทั้งหมด พระราชทานให้ข้าราชการเป็นคนไปจัดมา อันนี้จะทรงเลือกเองจะให้ใครอย่างไร ตราจุลจอมเกล้าฝ่ายหน้า ถ้าสืบตระกูลก็เริ่มต้นที่ชั้น 3 ธรรมดา แต่ว่าคนทั่วไปที่รับพระราชทานจะเป็น 3 ครึ่งเรียกว่า ต.จ.ว. ตติยจุลจอมเกล้าวิเศษ เป็นตราติดที่แผงติดกลางหน้าอก เป็นสีชมพูและมีเหรียญ ถัดไป ท.จ. คือทุติยจุลจอมเกล้า คล้องอยู่ในคอแล้วโผล่สายออกมาสีชมพู เป็นตรารูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ลงยา มีสตาร์เป็นแฉก คือได้คล้องคอเขาเรียกว่า ชั้น 2 ถัดไปก็ ท.จ.ว. ทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ แปลว่ามีสตาร์อีกดวงตรงหน้าอก คล้องคอกับสตาร์ ถัดไปปฐมจุลจอมเกล้า (ป.จ.) ได้สายสะพายสีชมพู แต่ตอนรับพระราชทานสายสีชมพูจะพระราชทานสายสร้อยจุลจอมเกล้ามาด้วย เป็นโค้งแล้วมีโบสีขาวที่ไหล่ อันนี้จะมาพร้อมกับสายสะพาย แต่ว่ามีข้อความกำหนดไว้ว่า ห้ามใช้สายสร้อยจุลจอมเกล้ากับสายสะพานจุลจอมเกล้า ยังไงก็ลองถามสำนักพระราชวังกำหนดไว้อย่างนั้น จะใส่สายสร้อยจุลจอมเกล้าต่อเมื่อใส่สายสะพานอื่น ส่วนใหญ่จะใส่สีแดงช้าง จะได้มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก ก็จะใส่ตราสายสร้อย อย่างสายอื่น สายชมพู วันไหนออกหมายฯว่าสายสะพานปฐมจุลจอมเกล้า ก็ใส่สายสะพายชมพู ไม่มีสายสร้อย แต่จะออกสายอื่น ๆ จะกำกับไว้ด้วยว่าสวมสร้อยจุลจอมเกล้า เป็นโบสีขาวที่ไหล่ ท่านคงเคยเห็น แล้วสายสะพายสีอื่น จะมีปฐมจุลจอมเกล้าอันนี้ ทีนี้จะมีเศษเล็กน้อยผมจะไม่ให้รุงรังพันเต ทั้งหมดทั้ง 2 ตระกูลทั้งฝ่ายหน้า ฝ่ายใน จะโปรดเกล้าฯ พระราชทาน จะออกมาเป็นข่าว 2-3 วัน แล้วปีนี้ใครจะได้เป็นคุณหญิง สำหรับผู้ชายถ้าสมัยก่อนนี้ตอนที่ได้ตราชั้น 3 ตติยจุลจอมเกล้าวิเศษ ส่วนมากจะได้รับพระราชทานราชทินนามต้องพูดถึงคำอีกคำ เขาเรียกว่า ยศถาบรรดาศักดิ์ ยศ ก็คืออย่างนายทหาร พันเอก พันโท พันตรี เรียกว่า ยศ ถา คือฐานะเป็นอะไร แปลว่าทำงานอะไร บรรดาศักดิ์จะเป็นชื่อบรรดาศักดิ์ ทีนี้สถานะจะเรียงว่า ขุน หลวง พระ พระยา เจ้าพระยา สมเด็จเจ้าพระยา อย่างนี้ เวลาพระราชทานตราจุลจอมเกล้า เรียกว่า ตติยจุลจอมเกล้าวิเศษ ชั้น 3 ครึ่ง ส่วนมากจะได้รับพระราชทานเป็นเจ้าคุณ เวลาถ่ายรูปจะมีโต๊ะ มีกาน้ำ เรียกเจ้าคุณโต๊ะทอง ถัดไปทุติยจุลจอมเกล้าก็เป็นพานทอง เครื่องประดับ 6 ชิ้นไว้ข้าง ๆ ถ้าเป็นพระยาโต๊ะทอง ก็เป็นพระยาพานทอง เป็นเจ้าพระยา เป็นสมเด็จเจ้าพระยา เรียงแถวกัน แต่สมัยนี้เลิกหมด เพียงแต่ว่ายังพระราชทานอยู่ แต่ไม่มียศถาบรรดาศักดิ์ เพียงแต่พระราชทานตรา ก็เอาคร่าว ๆ ง่าย ๆ อย่างนี้แล้วกัน วันนี้ก็ไม่ได้คิดจะมาอธิบายอะไรนักหนา แต่ว่าอยากให้ได้เข้าใจเท่านั้นเองว่า สายสะพายที่รับพระราชทานตราพระราชทานในตระกูลอื่นนั้น วันที่ 5 ธันวาคม ส่วนวันที่ 5 พฤษภาคม จะพระราชทานเป็นส่วนพระองค์ออกมา ปีก่อนนั้นงด ปีที่แล้วพระราชทานวันสุดท้าย ปีนี้งดแน่นอน เพราะว่าไม่มีหมายฯ ให้เป็นความรู้เล็ก ๆ น้อยเท่านั้นเองครับ เดี๋ยวจะเรียกกันไม่เข้าใจว่าอะไรเป็นอะไรอย่างไร

ทีนี้ถัดไปจะได้สนทนากับท่านเรื่องที่ว่าผมไปทำอะไรมาบ้างอาทิตย์ก่อนนี้ มีปัญหาเรื่องข้าวมากมาย เพราะว่าเวลามาคุยเรื่องนี้อธิบายความให้ฟัง ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์บอกมาพูดเหมือนนกแก้วนกขุนทอง ไม่ต้องท่องหรอกครับ จำมัน คนที่มีความจำมาอธิบายให้ฟัง ต้องถูกดูแคลนเป็นนกแก้วนกขุนทอง ก็เราอธิบายความให้ฟังได้ ท่านเชื่อไหมครับในโลกนี้มีประชากรอยู่ 6,000 ล้านคน ประชากร 6,000 ล้านคนเขาปลูกข้าว ไม่ใช่แต่ประเทศไทยปลูก ทั่วโลกปลูกข้าวได้ 600 ล้านตัน ประเทศไทยปลูกเท่าไร 30-31 เป็น 5 เปอร์เซ็นต์ ท่านคิดคร่าว ๆ แต่ท่านถี่ถ้วนตามตารางเขาดู เราผลิตแค่ 4 เปอร์เซ็นต์ ออกมาถี่ถ้วน 4 เปอร์เซ็นต์ของโลก แต่ผมมักจะใช้ 5 เปอร์เซ็นต์ เพราะว่า 600 ล้านในโลกผลิตมา ประชากร 6,000 ล้าน ผลิตข้าว 600 ล้าน เขาผลิตมากินกันเอง ของเราก็ผลิตมากินของเราเหมือนกัน แต่ว่าเราผลิต 30 ล้านตัน สีมาแล้วเป็นข้าวสาร 20 ล้านตัน เรากิน 9 ล้านตัน เราขาย 9 ล้านตัน แล้วเราเก็บไว้สำรอง 2 ล้านตัน เท่านี้ละครับ ที่ขายไป 9 ล้านตันเป็นอันดับ 1 ของโลกในการขาย เห็นไหมครับ เมืองจีนก็ผลิตเยอะ อเมริกาก็ผลิต อเมริกาก็ขาย หลายประเทศขาย แต่ขายเป็นส่วนน้อยกว่าเราตั้งครึ่ง ของเรา ๆ ขายได้ 30-40 เปอร์เซ็นต์ ก็เล่าให้ฟังเอาไว้อย่างนี้เพื่อจะบอกว่า วันหนึ่งคนที่เขาผลิต เขาไม่พอกินกัน ราคาก็ต้องเป็นเรื่องของอุปสงค์อุปทาน ทางจีนใต้โดนหิมะเข้า เวียดนามโดนพายุเข้า อินเดียก็โดน ของเราไม่โดน ของเราโดนเพลี้ยนิดหน่อย ในที่สุดเราก็มีข้าวออกตามปกติ ยังขายได้ตามปกติ คนอื่นไม่พอขาย เขาก็ประกาศเขาก็ไม่ขาย ก็เรื่องของเขา ที่บอกให้ฟังอย่างนี้เพราะเหตุว่า เมื่อเวลาที่เราจะจัดการปลูกเพิ่มเติม ถูกต้องครับไม่มีอะไรเสียหาย แต่ว่าเราปลูกข้าวก็ปลูกข้าว เรามีที่ของเราปลูกอย่างอื่น ไม่มีใครปลูกในนาข้าวหรอกครับ เรื่องที่ไปปลูกมันสำปะหลัง ปลูกถั่ว ปลูกอ้อยอะไรต่าง ๆ เขามีเนื้อที่ของเขาอยู่ แต่ก็มีการตำหนิมาเป็นทำนองว่าข้าวขาดแคลนเพราะมัวไปปลูกพืชพันธุ์พรรค์อย่างนั้น ผมก็ต่อว่าไปว่าแล้วคุณขายน้ำมันราคาแพง จนกระทั่งมาปลูกเรื่องพรรค์อย่างนี้กัน เอ้าถูกตำหนิใช้ถ้อยคำไม่ดี หยาบคาบ ก็โอเคก็ว่าไป

พอเสร็จเรียบร้อยแล้วต้องย้อนมาดูเรื่องข้าวทำอย่างไร ก็ปรากฏว่าข้าว คำว่าปรากฏว่า ห้ามใช้อีกเหมือนกันครับ ชอบใช้คำนี้บ่อยเกินไป เมื่อเวลาที่มีปัญหาเรื่องอย่างนี้เราจะต้องคิดหาหนทางแก้ไข เริ่มต้นคือว่าประกาศไหมว่าจะไม่ส่งข้าวออก บอกไม่ ผมใช้คำว่า “เสียเหลี่ยม” ของประเทศ ซึ่งประกาศว่าจะเป็นครัวของโลก ผลิตผลผลิตภัณฑ์ของเรา ๆ ส่งขาย ก็ไม่ต้องประกาศเพราะยังขายได้อยู่ ยังมีสำหรับจะขายอยู่ 9 ล้านเพิ่งขายไป 3 ล้าน เหลืออีก 5 ล้าน อยากขายก็ขายต่อไปก่อน ไม่ว่า ถัดไปก็เกิดปัญหาของเราก็คือว่าข้าวแพง ก็บอกว่าแพงชาวนาก็มีโอกาสได้ขายข้าว ก็กระแนะกระแหนกันเป็นทำนองว่า ไม่ได้หรอกพ่อค้าเอาไปหมด ก็บอกข้าวออกทุกวัน มีออกมาทุกวัน เขาเกี่ยวกันทุกวัน ฉะนั้น เมื่อข้าวราคาแพงเขาก็ได้ราคาแพง ชาวนาก็ได้ราคาแพง เมื่อชาวนาขายข้าวได้ราคาแพง ก็จะบอกว่า คิดกันแรก ๆ เดือนก่อนบอกว่าถ้าอย่างนั้นเอาข้าวเรามาขายราคาถูก ถูกอย่างไร ก็ซื้อเก็บไว้ ราคาสีเป็นข้าวสารแล้ว 1,100 บาท ราคาขายข้างนอก 2,500 บาท ซื้อ 1,100 เขาขายอยู่ 2,500 จะไปขายเอากำไร ก็บอกว่าอยากเอากำไร เขาคิดทีแรก ทำข้าวถุงทีแรก จะทำข้าวถุง กิโลกรัมละ 11 บาท ถุงละ 5 กิโลกรัม ก็ 55 บาท บวกอะไรเสร็จจะขาย 70 บาท ผมบอกอย่าไปทำเอาหน้าเลย ปล่อยให้ชาวนาได้ขายของแพงบ้าง ก็คิดธรรมดา ไม่มีอะไรอื่น ประเดี๋ยวเดียวเท่านั้นละครับ แพงเอา ๆ ซื้อกัน เคยซื้อ 1 ก็ซื้อ 5 เคยซื้อ 2 ซื้อ 10 เอาเป็นว่าข้าวมีครับ แต่ว่าทำไม่ทัน ขึ้นไปเท่าไรครับ ขึ้นไปถุงละ 200 บาท ชักจะเกินเหตุ แล้วทำอย่างไร เราก็ประกาศเลยบอกว่าถ้าอย่างนั้นเอาเลย เอาข้าวออกมา มีข้าวหอมมะลิอยู่ 3 แสนกว่า มีข้าว 5 เปอร์เซ็นต์อยู่ล้านกว่าตัน เอ้าทำเลย ทำข้าวถุงออกมาเลย และก็ไม่ได้ขาย 70 บาทแบบที่ว่านั่น เขาขายอยู่ 200 บาท เราก็บอกลดสัก 15 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ่วงน้ำหนัก สัก 170 บาท จะเอาลด 20 บาทก็สุดแท้แต่ ประกาศเท่านั้นครับวันที่ 12 พฤษภาคม ข้าวถึงจะเสร็จออกมาขายได้ 3 แสนถุงแรก ประกาศมา 2-3 วัน โวยวายกันใหญ่ เป็นทำนองทำให้ข้าวชาวนาตกต่ำ ก็ยังไม่ได้ขายจะตกต่ำได้อย่างไร ประกาศก็ตกต่ำแล้ว ข้าวที่สั่งซื้อชาวนาลด 500 บาททันทีต่อตัน แล้วถ้าข้าวหายออกมาเป็นแถว ๆ หมด รัฐบาลยังไม่ทันขายเลยบอกจะทำข้าวถุงออกมาราคาต่ำกว่า 15 เปอร์เซ็นต์ ออกมาวางขายกันเต็มหมดต่อไปนี้ แปลว่าอย่างไรครับ แปลว่าเรื่องพรรค์อย่างนี้ต้องมีการพูดจากันตามจังหวะจะโคน ออกมากำลังออก กำลังทำครับ ก็ขายได้กำไรไหมครับ พอได้กำไร เราขายราคาธรรมดา แทนที่จะขาย 75 บาท เราอาจขาย 145-150 บาท เขาขายกัน 200 บาท อย่างนี้จะได้ดึงราคาต่ำลงมา และเราได้ราคา เวลาเขาจะซื้อข้าวเก็บ ก็ข้าวเก่า ตั้งแต่ปี 2548 2549 2550 3 ปีมาแล้ว ก็ต้องระบายออกไปแล้วเอาใหม่เข้าไป ใหม่ก็ซื้อมาแพงชาวนาก็ได้ราคาแพง ก็เท่านั้นละครับ

แก้ปัญหาราคาอ้อยตกต่ำยังไม่เท่าไรนะครับ อยู่มาวันหนึ่งเมื่อวันศุกร์ก่อนนั้น ชาวไร่อ้อยบอกจะมาหานายกรัฐมนตรี จะยกมาที่ทำเนียบรัฐบาล ผมบอกนี่คุณอย่ามาเลยขอประทานโทษ มันเสียบรรยากาศ อยากจะเจอผม ๆ จะไปเจอ คุณจะเอาที่ไหนเลือกเอา เขาเลือกไปโคราช (นครราชสีมา) เขาเช่าโรงแรมสีมาธานี มากันพันกว่าคนเต็มห้องเลย ผมเข้าไป ก็จะไปช่วยแก้ปัญหาให้เขา ผมเป็นนักการเมืองมา ผมได้รับเลือกตั้งมาตั้งแต่ พ.ศ. 2518 ดูสิครับ ผมอยู่ในแวดวง ทำไมผมจะไม่รู้ว่าปัญหาเรื่องอ้อยเป็นอย่างไร ราคาน้ำตาล รู้อยู่กับหัวอก ผมต้องใช้คำว่า มันประหลาด ราคาน้ำตาลนะครับ ท่านลองฟังให้ดี ต้องมีเมืองนอก มีโควตา ก โควตา ข โควตา ค น้ำตาลในประเทศต้องขายแค่ 13 บาท 13 กับ 14 บาทมี 2 ราคา ขาวไม่ขาวอะไรของเขานี่แหละ ต้องขายราคานี้แพงกว่านี้ไม่ได้ ต้องดูราคาน้ำตาลนอก ต้องดูน้ำตาลจะขายเป็นน้ำตาลดิบไป ที่ตลกคือคิดเป็นปอนด์ แล้วปอนด์ราคาเป็นอย่างไร ปอนด์ละ 3 เซ็นต์ 4 เซ็นต์ เมื่อไรน้ำตาลปอนด์ละ 7 เซ็นต์ แปลว่าน้ำตาลราคาดี ปอนด์น่ะฝรั่งอังกฤษ เซ็นต์อเมริกัน ตลกไหมครับ เสร็จแล้วก็เรียกกันอย่างนี้ คือฟังแล้วจะไม่มีวันเข้าใจเลย พ่อค้าต่าง ๆ จะต้องมีค่าเกี๊ยวค่าอะไรไม่รู้ คือคนปลูกอ้อยก็ลำบาก อ้อยแต่ก่อน 14 เดือน บางแห่งบอกว่าได้ 12 เดือนแล้ว แต่ตรวจไป 14 เดือน อ้อยปลูกแล้วจะต้องเอาเข้าโรงหีบ มันมีเหลื่อมกัน และตั้งราคาขาย ผมเคยคบกับพวกนี้ตั้งแต่ราคาตันละ 300 กว่า 400 กว่า 500 กว่า เดี๋ยวนี้ตันละ 600 ยังจะต้องมีไปกู้เงิน มีเงินมาให้กู้ กู้เพื่ออะไร กู้ให้เพิ่มราคาอ้อย ราคาเขาบอกซื้อ 600 โรงงานบอกซื้อ 600 ต้องไปกู้เงินมาเผื่อให้อีก 38 บาท 638 บาท ชาวไร่อ้อยบอกว่าเขาจะตายอยู่แล้ว ปุ๋ยก็ขึ้นแต่ก่อนนี้ถุงละ 400 เดี๋ยวนี้ถุงละ 1,100 จาก 400 เป็น 1,100 และผมก็ซักถามเมื่อรู้ถึงปัญหาแล้ว ที่ผมรู้มาแก่ใจคือว่าถ้าเผื่อน้ำตาลแพง 1 บาท ชาวไร่จะได้ 20 บาท น้ำตาลแพง 5 บาท ชาวไร่จะได้ 100 บาท เขาก็ร้องทุกข์ เขาอยากจะได้ 800 บาท คำนวณเสร็จแล้วบอก 807บาท พออยู่ได้ ถ้า 900 บาท ก็พอลืมตาอ้าปากกับเขาบ้าง แล้วถ้าอยากได้จริงอยากได้ 1,200 ผมบอก 1,200 ยังไม่ได้ แต่คุยได้ 1,200 ว่า คุณตอบคำถามผมมาสิว่าไร่หนึ่งได้เท่าไร เขาบอกว่าไร่หนึ่งเขาได้ 6 ตัน และบอกคุณเพิ่มผลผลิตทำให้ได้ 9 ตันได้ไหม เขาบอกทำได้ จะต้องใช้ระบบน้ำหยด จะต้องเปลี่ยนพันธุ์อ้อย บอกว่าเอาละรัฐบาลจะช่วยดูเรื่องน้ำ เรื่องพันธุ์อ้อย คือเขาได้ 600 ไร่ ไม่เกิน 900 คุณก็เคยได้ 800 คุณจะได้ 1,200 ก็คิดให้ฟังอย่างนี้ ไม่ได้ยืนยันว่าจะได้อย่างนั้น แต่ว่าจะต้องพัฒนาว่าเราจะต้องไปช่วยเขาเรื่องพันธุ์อ้อย เรื่องอะไรต่าง ๆ มาสอบดูจริง ๆ แล้วสามารถจะเพิ่มจาก 600 เพิ่มได้ถึง 1,200 คือเพิ่มได้ 100 เปอร์เซ็นต์ อย่างนี้นะครับ ก็พอมองเห็นเข้าทาง แต่จะต้องช่วยเขาเรื่องพันธุ์อ้อย เรื่องน้ำ

พอเสร็จเรียบร้อยผมพูดกับเขาอยู่ 2 ชั่วโมง พูดบ่ายโมงครึ่ง สองโมงครึ่ง สามโมงครึ่ง เกือบสี่โมงเย็น เลิก อธิบายความหมด ก็ไม่ได้คิดอะไรอื่นเลยครับ ตั้งใจอย่างเดียว พอตัดสินใจกลับมาท่านรองนายกรัฐมนตรีสุวิทย์ คุณกิตติ เพิ่งสั่งงานกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งดูแลเรื่องน้ำตาลอยู่ด้วย ไปพูดกับเขาวันเสาร์ วันจันทร์เขาประชุมกัน อ้อยน้ำตาลมีคณะกรรมการ ถึงวันลงตัวประชุมพอดี คุณสุวิทย์ฯ ก็เอาเรื่องนี้เข้าประชุม ที่ประชุมบอกไม่ขัดข้อง โรงงานก็ไม่ขัดข้อง ชาวไร่ก็ไม่ขัดข้อง พอเสร็จเรียบร้อยต่างฝ่ายต่างไม่ขัดข้อง แล้วทำอย่างไร วันจันทร์เขาเสร็จ ผมก็เอาเข้าวันอังคารเข้าครม. ครม.ก็ลงมติอนุญาต แต่ท่านรองสุวิทย์ฯ บอกแล้วว่าน้ำตาลเขาค่อย ๆ ทยอยขาย พ่อค้าไม่ได้ไปเก็บไปตุนไว้ เอาสั่ง freeze หมด เพราะเขาจะต้องมีการปรับราคาหมด แล้วปรับราคาเสร็จแล้ว คนขายก็จะได้เงิน คือว่ากำไรออกมาจากโรงงาน เคยกิโลกรัมละ 1.50 บาท ราคาขายปลีกกำไรอย่างนั้น แต่ก่อนเขาออกมา 14-15 บาท เขาขาย 16.50 บาท เดี๋ยวนี้จะต้องขายเพิ่มไปอีก 5.50 บาท

ผมมีเหตุผลอะไรถึงทำอย่างนั้นคือเวลาที่ข้าว เรากินข้าวหนึ่งจาน แต่ก่อน 1.50 บาท เดี๋ยวนี้เป็น 3 บาท ขึ้น 100 เปอร์เซ็นต์ ก็พอเฉลี่ยกันได้ เพราะวันหนึ่งก็กินเท่านั้นเอง น้ำตาลยิ่งกว่าอีก น้ำตาลขึ้นประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ แต่ไม่ได้กินน้ำตาลวันละครึ่งกิโล กินช้อนเดียว 2 ช้อนอย่างมาก ใส่กับข้าวหน่อยอะไรหน่อย แม่ค้าขายอาจจะราคาแพงขึ้นนิดหนึ่ง น้ำอัดลมก็ขึ้นแพงไปหน่อย ไม่ใช่ของจำเป็นแก่ร่างกาย แต่ทว่าถ้าทำอย่างนี้แล้ว แล้วชาวไร่อ้อยเขาปลูกอ้อยกันอยู่ เวลานี้เขาไปปลูกอ้อยทำเอทานอลเพื่อจะช่วยเรื่องน้ำมันด้วย มีอ้อยอยู่ 73 ล้านตัน ทำน้ำตาล 23 ล้านตัน เหลืออีก 50 ล้านตัน ก็ไปช่วยเขาเรื่องเอทานอล แต่ก่อนนี้ลิตรละ 20 บาท เดี๋ยวนี้เหลือมา 18-19 บาท ถ้าเขาขายได้ลิตรหนึ่ง 18-19 บาท เขาจะอยู่ได้ และดีกว่าเขาขายน้ำตาล ก็สนับสนุนเขา เท่านี้ละครับ ไม่น่าเชื่อเลย ทำเสร็จเรียบร้อย ก็จัดการปรับปรุงเสร็จ มีหนังสือพิมพ์หน้า 3 ไทยรัฐ ชักธงรบ กิเลน ประลองเชิง อานิสงส์น้ำตาลทราย ผมไม่อยากอ่านให้เสียเวลานะครับ จะพูดเท่านั้น คือว่ากล่าวว่าผมมีส่วนได้เสียกับตรงนี้ คือหมายความว่า เขาว่าผมว่าเป็นคนไม่เต็มบาท คือพูดจากระแนะกระแหนมาผมไม่อยากจะให้มากเรื่องมากมาย ทีนี้ราคาน้ำตาลทรายเขาเกิดรู้ดีว่า ถ้าจะขึ้นราคาต้องขึ้นตอนเข้าโรงหีบ ผมไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลยครับ เพราะน้ำตาลจะอยู่ที่โรงงาน มันคุมโดยโรงงาน เมื่อเขาขาย กำไรจะอยู่ที่โรงงานนั้น เขาจะต้องเอากำไรเข้าไปให้กับคน เพราะเงินกู้ 17,000 ล้าน เขาขายทันทีมีกำไรทันที เขาก็จะต้องตัดตอนเอากำไร เอาเข้าไปสะสมให้สำหรับจะต้องใช้หนี้ใช้อะไรต่าง ๆ เขามีระบบของเขา บางฉบับบอกว่ารายการนี้ผมล่อเข้าไป 500 ล้าน ไหวไหมครับอย่างนี้ นี่ตำหนิว่าผมหากินกับน้ำตาล จะอ่านตอนท้ายให้ฟังนิด เขาว่าอย่างนี้ครับ

บางคนผมจำได้ นักการเมืองชื่อดัง วันหนึ่งผมเห็นเขาทะเลาะกับไมโครโฟนขยายเสียง ที่มีปัญหาอยู่ 4 –5 นาทีแล้วก็เลิกแปลกใจ ทำไมเขาถึงทะเลาะกับใครต่อใครทั่ว ไม่เว้นกระทั่งนักข่าว อาการของนักการเมืองคนนี้ จิตแพทย์คนหนึ่งทางทีวีบอกว่าไม่น่าจะถือสา เพราะเขาบอกว่าเป็นการป่วยทางจิตแต่แสดงออกทางปาก คนที่มีอาการป่วยทางจิตอย่างนี้ สำนวนสมัยก่อนเขาเรียกว่าคนไม่เต็มบาท บางคนก็บอกสามสลึงเฟื้อง ขึ้นราคาน้ำตาลคราวนี้พูดเป็นสลึง ก็ได้ถึง 21 สลึงมากโข รัฐมนตรีอุตสาหกรรมท่านว่าผลกำไรนี้จะช่วยไปถึงชาวไร่อ้อย มีถึง 6,500 ล้านบาท แต่การแจกจ่ายมีกระบวนการขั้นตอนซับซ้อน จะถึงมือชาวไร่มากน้อยแค่ไหนก็คงต้องติดตามกันดูต่อไป การขึ้นราคาน้ำตาลทรายคราวนี้ คนเคยค้าขายทักให้ผมคิดว่า ถ้าเขาให้ชาวไร่อ้อยได้อานิสงส์ก็ต้องขึ้นตามฤดูกาลผลิตอ้อย แต่นี่มาขึ้นตอนที่น้ำตาลตกอยู่ในมือพ่อค้า กำไรทั้งหมดจึงอยู่ในมือพ่อค้า ผลงานอย่างนี้ไม่ใช่เกิดจากสมองคนไม่เต็มบาท รู้ไม่เท่ากันพ่อค้า แต่เกิดจากสมองเกินบาท หากินกับพ่อค้า งานนี้น่าเป็นห่วงจะมีหลายคนเป็นเบาหวาน ตามธรรมชาติน้ำตาลให้พลังงาน คุณอนันต์โทษมหันต์ มากเกินไปก็จะให้โทษมหันต์ นี่เขาเขียนกระแนะกระแหนอย่างนี้ แต่อีกฉบับหนึ่งบอกเลยครับ นายสมัครได้ไป 500 ล้าน แล้วเรื่องอย่างนี้คนอย่างผมจะทำอย่างไร

นี่สื่อสารมวลชนเขียนว่ากล่าวคนเป็นนายกรัฐมนตรี ว่ากล่าวว่าหากินกับราคาน้ำตาล ผมจะบอกครับว่าวิธีการของผม ผมจะต้องทำอย่างที่ผมจะต้องทำ คือใครจะว่าอย่างไรก็ว่าสุดแท้แต่ เรื่องนี้ต้องพูดกันอย่างนี้ว่า ถ้าหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ คอลัมน์นี้ เขียนว่ากล่าวผมอย่างนี้ได้ หากินกับน้ำตาล ผมก็จะต้องบอกได้เลยว่า ถ้าหากว่าผมหากินกับน้ำตาล ไปยุ่งเกี่ยวได้มาสักบาทเดียวนี้ต้องให้มีอันเป็นบรรลัยวายวอดทั้งวงศ์ตระกูล อย่าได้มีความเจริญเลยในบ้านเมืองนี้อีกต่อไปวันข้างหน้า หมดเลยครับ ให้เป็นอันบรรลัยวายวอดลงไปเลย แต่ว่าถ้าผมไม่ได้เป็นอย่างนั้น ไม่ได้ไปแตะต้องสักบาทเดียว ผมทำเพื่อบ้านเมืองของผม เพื่อคนที่เขาปลูกอ้อย ก็ขอให้คนเขียนคอลัมน์มีอันเป็นไปเถอะครับ ขอให้บรรลัยวายวอดไปเลย ขอให้มีอันเป็นไปเลย ถ้าผมไม่ได้แตะต้องสักบาทเดียวคนที่เขียนถึงผมในทางว่าร้ายนี้ขอให้คุณมีอันเป็น ให้บรรลัยวายวอดไปให้ทันตาเห็น รวมทั้งฉบับที่กล่าวหาว่าผมได้มา 500 ล้านด้วย ข้าวที่ทำมานี้บาทเดียวก็ไม่เคยแตะ น้ำตาลก็ทำให้ ผมบอกว่าผมทำให้ ผมไม่ได้ทำเอา แต่ว่าถ้าไม่ตัดสินใจไม่ดำเนินการแล้วจะไปทำตอนไหน ไปนั่งรอไหม ผมไม่รอหรอกครับ ผมทำให้เพราะผมรู้ว่าวงจรเขาควบคุมถึง เงินนี้เขาจะต้องจ่ายให้ทางนี้ได้ ไม่ว่าจะขึ้นราคาเวลาไหน สตางค์อยู่ที่โรงงานน้ำตาลที่เขาคุมสต็อคกันอยู่เพราะฉะนั้นผมไม่ได้คิดอะไรอื่นหรอกครับ เพราะว่านั่งรอถึงหีบอ้อยเดือนพฤศจิกายน นายกฯ อาจจะไม่ได้ชื่อนายสมัครก็ได้

นี่ก็มีเวลายังพอเหลือ ผมต้องขออภัยนะครับ ใครที่บอกให้เรื่องต่อล้อต่อเถียงอะไร ผมไม่หรอกครับ แล้วบังเอิญตั้งใจไว้ว่าอย่างคุณธีรยุทธ บุญมี ที่มาวิพากษ์วิจารณ์ ว่ากล่าวมากมายก่ายกอง ผมก็ไม่หรอกครับ ผมก็ไม่ไปกล่าวหาว่าคุณธีรยุทธฯ เป็นโรคจิต ผมไม่กล้าว่าอย่างนั้นหรอกครับ ผมจะพูดแบบสำนวนไทยสบาย ๆ ธรรมดา คือคนที่พูดจาว่ากล่าวเขาข้างเดียวอย่างนี้ สำนวนโบราณเขาเรียกว่าเป็นคนประเภทละเลงขนมเบื้องด้วยปากครับ ไปดูสิครับไปที่วัดมหรรณพาราม หน้าวัดมหรรณฯ ร้านขนมเบื้อง ลองไปยืนดู ไม่เห็นจะยากเย็นเลย เอากระจาดเคาะลงไปหน่อยเละเลงไป ๆ ไม่ได้หรอกครับ แม่ค้าที่เขาละเลงมาตลอดครึ่งค่อนชีวิตเขาอย่างนั้นสิครับ ขนาดจะเอาขนาดไหน จะแผ่นเล็กแผ่นบาง ตัดอย่างไร นั่นละครับเรื่องขนมเบื้อง ถึงมีสำนวนไทยอย่างไรครับ คนที่สักแต่พูด ๆ พูดจาอย่างนั้น เขาเรียกว่าละเลงขนมเบื้องด้วยปาก คุณธีรยุทธ บุญมีก็ประเภทนี้ครับ ผมพูดถึงขนาดนั้น

ส่วนบรรดาสื่อสารมวลชนทั้งหลายที่เอิกเกริกกันใหญ่ ขอประทานโทษครับ ผมไม่ลงไปเล่นด้วยกับคุณด้วยหรอกครับ เชิญกันตามสบายเถิด ผมไม่เคยคิดเลยว่าผมถึงมีความเก่งกาจ เป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกซึ่งแสดงความเก่งกาจ เล่นเอาวงการสื่อสารมวลชนต้องทำกิจกรรมอะไรกันต่าง ๆ เอาผมไปโขลกไปว่ากล่าวเสียหาย คนพวกนี้ไม่ย้อนดูตัวเองนะครับ ว่าผมมาเป็นนายกฯ 3 เดือนไปดูบทความสิ เขียนดุด่าว่ากล่าวกระทบกระแทกแดกดันผมเท่าไรครับ เขาออกเสื้อครับ เสื้อสีขาวติดป้าย ไปยืนเกาะรั้วทำเนียบฯ ถ่ายรูปกัน เหมือนกับเข้าทำเนียบฯ ไม่ได้ไปเกาะร้องเรียก ถ่ายรูปข้างหลังบอกว่า คุกคามสื่อเท่ากับคุกคามประชาชน แล้วกล่าวหาเลยว่าผมเป็นนายกรัฐมนตรีที่คุกคามสื่อ ไม่เคยมียุคไหนเลยที่รัฐบาลคุกคามสื่อได้ขนาดนี้ ทำไมปากผมปากเดียวถึงเก่งขนาดนี้ ถึงทำให้วงการสื่อสารมวลชนได้ตื่นเต้นกันขนาดนี้ คุกคามนั้นต้องสั่งปิดหนังสือพิมพ์นะครับ ตำรวจจับเอาไปขังโดยไม่มีเหตุผล สั่งไม่ให้เขียนบทความ อย่างนั้นคุกคาม บอกคอลัมน์นี้ยกเลิก คอลัมน์นี้เขียนไม่ได้ อย่างนี้ปิด ปิดฉบับนี้ ๆ อย่างนั้นนะครับคุกคาม นี่ผมตอบคำถามตามแบบของผม เป็นเรื่อง ชุมนุมกัน ฟังดูแล้วน่าขำ เป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต

ผมไม่เคยคิดเลยครับว่าคนธรรมดาคนหนึ่งวันหนึ่งมาเป็นนายกรัฐมนตรี ก็พูดจาอย่างเคยเป็น คิดอย่างไรก็คิดอย่างนั้น ผมเป็นคนอย่างนี้ละครับ และผมก็ไม่เห็นว่าจะเสียหาย กลายมาเป็นความเสียหาย นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีคุกคามสื่อ ข่าวจะต้องไปทั่วโลก คุกคามสื่อ ใช้ถ้อยคำอะไรต่าง ๆ ผมก็นั่งดู ผมเป็นคนประกาศยุติเองครับ ผมไปอ่านดูในเว็บไซต์ก็ด่าผม ใครก็ว่าอะไรต่าง ๆ ภรรยาผม ญาติพี่น้องผมก็บอกเบา ๆ อย่าไปพูด ผมบอกโอเคอย่างนั้นผมจะเลิกพูด ผมคิดว่าไม่พูดก็ไม่มีเรื่อง ยิ่งมีอย่างนี้ยิ่งดีใหญ่ครับ ก็ไม่ต้อง ต่างคนต่างอยู่ ผมก็มีรายการของผม รายการนี้ไม่เลิกนะครับ ใครจะว่าอย่างไรจะกระแนะกระแหนอย่างไร ว่าจะให้ดีต้องเลิกรายการสนทนาประสาสมัครด้วย เลิกทำไม ก็คนทั้งบ้านทั้งเมืองเขาอยากฟังผม คุณไม่อยากฟังผมคุณก็ไปอยู่ที่อื่น คุณก็ไม่ต้องฟัง ผมมีเรื่องจะต้องสื่อสาร ผมต้องพูดให้ราษฎรเข้าใจว่า คุณไม่ต้องไปซื้อข้าวอย่างโน้นอย่างนี้ ข้าวมี คุณซื้อได้ 200 รัฐบาลจะเอามาขายถูกกว่าหน่อย จะได้รู้ว่าเอาเปรียบกันอย่างไร ก็อธิบายความให้ฟังเรื่องโน้นเรื่องนี้ พูดจากันได้รายการนี้ พูดข้างเดียว ไม่ได้อีกแล้วครับ นายสมัครใช้วิธีการสื่อสารสื่อความข้างเดียว ตลกไหมครับ รายการวิทยุออกพูดข้างเดียวไม่ได้นะครับ จะต้องพูดสองข้าง จะมีคนมานั่งซักด้วย มานั่งขัดคอกันมานั่งเถียงกันอย่างโทรทัศน์ ผมก็อธิบายความเรื่องนั้นเรื่องนี้ ผมไปทำอะไรมา ผมคิดอะไรจะทำอะไรอย่างไร แล้วก็ตอบคำถาม คนต่อว่าบอกตอบคำถามน้อย ผมต้องขออภัยจริง ๆ ครับ ตอบคำถามมากตอบเมื่อไรก็มีเรื่องเมื่อนั้น ก็จ้องกันอยู่นี่ครับ ผมก็เพิ่งรู้นี่ละครับ เพิ่งรู้เมื่อวันวานนี้เอง เขาเรียกวันสื่อโลก บัน คี มูน (เลขาธิการสหประชาชาติ) ก็เขียน เขามาอ่านสดุดีเลย บัน คี มูน บอกสื่อต้องอย่างนั้นอย่างนี้ ก็เรื่องของบัน คี มูน บัน คี มูน จะยกย่องสื่อสารมวลชนไว้บนหัว บัน คี มูน ก็ช่าง แต่ผมก็บอกสื่อคุณก็ทำหน้าที่ของคุณไป ผมก็ทำหน้าที่ของผม ต่างคนต่างมีสถานะ แต่จะให้ผมไปประจ๋อประแจ๋พินอบพิเทา ผมทำไม่ได้หรอกครับ ไม่ใช่ผม แล้วสื่อก็ไม่ต้องมาอะไรกับผม ต่างคนต่างอยู่ ผมมีวิธีการ

ตอบคำถาม เขาบอกว่าผมตอบคำถามยั่วยวน ใช้ถ้อยคำดูแคลน ทำไมขนาดนั้น ทำไมคน ๆ เดียวถึงได้มีอะไรมากมายขนาดนั้น ท่านผู้ชมทั้งหลายท่านก็รู้จักผมมา ผมเป็นนักการเมืองมาค่อนชีวิต ผมก็เป็นอย่างนี้ละครับ ผมฟัดกับใครต่อใครมา ก็ทำไมใครฟัดผมได้ ผมจะฟัดกลับไม่ได้ ทำไมสื่อสารมวลชนโขลกรัฐบาล ดุด่าว่ากล่าวกระทบกระแทกแดกดันได้ แต่พอย้อนกลับไปบ้างไม่ได้ กลายเป็นนายกฯ เลว กลายเป็นคนเลว ผมว่าไม่ยุติธรรมหรอกครับ ลองไปดูสิ 3 เดือนเขียนดุด่าว่ากล่าวผมเท่าไร กระแนะกระแหนพาดหัวอะไรต่าง ๆ ไปดูสิหลายฉบับ ไปดู พอไปว่าฉบับไหนเข้า อ้างบอกว่าไปยกย่องฉบับนั้นไม่มีคนอ่าน เลยคนได้อ่านกันใหญ่ ไม่ว่าฉบับใหญ่ที่ขายวันละล้าน หรือขายวันละ 8,000 ผมก็ต้องตำหนิได้เหมือนกัน เพราะพิมพ์ออกมา แล้วตำหนิผมออกชื่อผม ว่ากล่าวผม ผมก็ต้องตำหนิ คือนายกฯ คนอื่นจะไปประจ๋อประแจ๋พินอบพิเทายกไว้ ก็แล้วแต่ ผมก็ไม่ห้ามนี่ครับ ใครจะเอาใจสื่อใครจะยกย่องสื่อ ผมไม่ได้ห้าม แต่ผมไม่ได้เหยียบย่ำนะครับ ผมก็ให้เกียรติ บอกพูดจาไม่มีหางเสียง ก็อย่างนี้พูดอย่างผมจะทำอย่างไร จะให้เปลี่ยนหรือครับ เป็นอย่างไรครับ วันนี้ ครับ ๆ ๆ ๆ อย่างนั้นหรือครับ อ๋อครับ สองคำก็ครับสามคำก็ครับ

ผมเป็นคนหลวม ๆ อย่างนี้ละครับ ผมไม่ครับตลอดหรอกครับ ทำไมถึงจะต้องอย่างนั้นละครับ ทำไมถึงจะต้องไปเปลี่ยนแปลงท่าที พอเป็นนายกรัฐมนตรีก็ต้องนั่ง ขาต้องหุบพับมือต้องวางสองข้างหรือ พูดจาต้องจีบปากจีบคอ ไม่หรอกครับ ผมเป็นคนปกติธรรมดา แต่ใครจะว่าผมไม่เต็มบาท สองสลึง ถ้าผมว่าคุณบ้างจะว่าอย่างไร ถ้าผมย้อนเข้าไปบ้างคุณจะว่าอย่างไร เดือดร้อนทันที แต่ว่าหนังสือพิมพ์ว่าใครดุด่าใครได้ แต่เขาย้อนเอาบ้างไม่ได้ ก็ตอบคำถามกล่าวหาผม เมื่อวานกล่าวหาผมรุนแรง ก็เลยดีเลย ก็ไม่ต้องพูดจากัน ผมพูดข้างเดียว ถ้าอย่างนั้นก็ยกเลิกไปเลย ถาวรไปเลย วันอังคารวันศุกร์ ไม่เป็นปัญหาหรอกครับ ผมก็มีที่พูดของผม ไม่เป็นปัญหา ไม่เสนอข่าวผมก็ไม่เป็นไร แต่ผมก็ทำงานให้บ้านเมืองผม เอาเท่านี้ครับตั้งใจจะไม่ตอบโต้อะไร แต่บอกว่าอย่านึกว่าผม คุณทำตามสบายเรื่องของคุณ ไม่ใช่เรื่องของผมก็แล้วกัน ถึงเวลาตอบคำถามหน่อย ต้องพยายามระมัดระวัง ตอบไม่ได้มีเรื่องเลยนะครับ

ตอบคำถามประชาชน

คำถาม ข้าว เรื่องพ่อค้าส่งออกกับรัฐบาลมีแนวทางในเรื่องข้าวส่งออกเหมือนกันหรือเปล่า หรือขัดแย้งกันเรื่องราคา

นายกรัฐมนตรี ก็อย่างที่บอกเมื่อสักครู่นี้ครับ พ่อค้าเขาอยากได้ราคาดี คนบริโภคก็อยากได้ราคาถูก รัฐบาลมีข้าวสำรองอยู่ก็เอาไปถ่วงน้ำหนักไว้หน่อย แล้วก็จะซื้อของใหม่เข้าไปเก็บไว้

คำถาม อยากให้นายกฯ จัดรายการนี้ในต่างจังหวัดบ้าง

นายกรัฐมนตรี นี่ออกอากาศทั่วประเทศนะครับ ทั่วประเทศครับกรมประชาสัมพันธ์ หมดเลยครับทั่วหมดช่อง 11 จะไปต่างจังหวัด วันไหนไปงานต่างจังหวัดพอดีกลับมาไม่ได้ ก็จะมีอยู่ 8 สถานีครับ ผมถามไว้หมดแล้ว ที่ลำปางก็มี ขอนแก่นก็มี อยู่จังหวัดไหนก็ไปจังหวัดนั้น ออกอากาศเวลาเดียวกันเลยครับ ส่งมาได้เหมือนกัน ผมต้องการให้สด ๆ

คำถาม ขณะนี้น้ำมันแพงมาก ควรเหลื่อมเวลาทำงานเพื่อแก้ปัญหารถติด หรือให้ลดวันทำงาน เพิ่มชั่วโมงทำงาน เช่น วันจันทร์ถึงวันพฤหัสบดีทำงาน 9 – 10 ชั่วโมง

นายกรัฐมนตรี ก็เอาละครับผมอ่านให้ฟังแล้ว คนที่เกี่ยวข้องลองคิดดูหน่อยแล้วกัน

คำถาม อยากให้รัฐบาลซื้อข้าวจากชาวนาราคายุติธรรม ไม่กดราคาเหมือนคนกลาง

นายกรัฐมนตรี ไม่กดแน่นอนครับ เขาประกาศซื้อราคา 13,000 – 14,000 บาท ไม่กดหรอกครับ

คำถาม อยากให้นายกรัฐมนตรีพูดนโยบายทำงานเป็นระยะ ๆ

นายกรัฐมนตรี ทำงานก็พูด อธิบายให้ฟังครับ แต่บ้านเมืองต้องพูดกันเรื่องอื่นบ้างครับ มางาน ๆ อย่างเดียวแล้วจะมีใครฟังละครับ ผมก็ต้องการให้คนฟังรายการนี้ ต้องมีเล่าเรื่องนี้ ๆ บ้าง วันหลังผมจะเปิดรายการ มีคนเขาบอกพูดจาอย่างโน้นอย่างนี้ วันหลังผมจะเปิดรายการสนทนาเรื่องภาษาไทย เปิดรายการมาก็คุยเลย เอากันตั้งแต่อักขระวิธี วจีวิภาค วากยสัมพันธ์ ฉันทลักษณ์ เล่าให้ฟังเลยครับว่าเป็นอย่างไร เพื่อจะบอกบรรดาหนู ๆ ทั้งหลายที่ไม่เอาใจใส่ ที่คนไม่ชอบเรียนคัดไทย คนไม่ยอมอ่านไทย คนไม่เขียนไทย คนไม่เรียงความ คนไม่ย่อความ ภาษาไทยของเรา ผมนี่ละครับ ไม่ใช่ครูภาษาไทย แต่ผมสนใจภาษาไทย อย่างนี้คุยได้ แต่ก็คุยได้สักหนเดียว ก็ต้องเป็นเรื่องอื่นอีก

คำถาม ขอให้รัฐบาลช่วยลดราคารถเมล์หรือยานพาหนะอื่นให้นักเรียนและนักศึกษาในเครื่องแบบ ลดครึ่งราคาเพื่อช่วยค่าครองชีพผู้ปกครอง ได้รู้คุณค่าของเศษสตางค์

นายกรัฐมนตรี จะบอกให้ฟังอย่างนี้ครับ การลดราคานี้ทำได้ แต่ทว่าต้องไปอุดหนุนเขา การที่ลดราคา ให้ราคาเป็นปกติแล้วให้มีรายได้ให้คุ้มค่า อย่างนี้จะเลือกหนทางนี้ดีกว่า ผมจะบอกให้ฟังเท่านั้นเองว่า ผมจะทำงานที่รัฐบาลอื่นเขาไม่เคยทำ ผมจะทำในสิ่งที่ราษฎรจะได้ประโยชน์ แต่ผมไม่นิยมการเอามาโฆษณาหาความนิยมก่อน พูดอย่างนี้เป็นนัย ๆ ให้รู้ไว้ครับ คือแทนที่จะไปลดราคานั้น ไปเพิ่มรายได้ดีกว่า กำลังดำเนินการอยู่ครับ

คำถาม ขอให้เปิดมีการขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าว ขณะนี้ปิดมา 2 ปีแล้ว นายจ้างประกอบการส่วนใหญ่เดือดร้อน

นายกรัฐมนตรี อันนี้ละครับ เดี๋ยวนี้เมืองไทยก็โก้หรูหราครับมีคนต่างชาติมารับขึ้นทะเบียน ที่จริงก็น่าเห็นใจตรงที่ว่า เขาบอกว่าตำรวจชอบเอา ก็รู้ว่าบ้านนี้มีคนที่ไม่ขึ้นทะเบียนก็เอาขึ้น ขึ้นมอเตอร์ไซค์ เอาหมดครับนายโน้นนายนี้เอาหมด แล้วก็ปล่อยกลับมา สถานการณ์อย่างนี้ถ้าขึ้นทะเบียนแล้วมีบัตร ก็ไปรีดไถอย่างนั้นไม่ได้ ขอรับเอาไปคิดดูครับมัน มากเต็มทีแล้วเรื่องพรรค์อย่างนี้ ผมจะต้องให้คนที่เขามาช่วยผมคิด ผมจะตัดสินใจตรงนี้เองไม่ได้หรอกครับ คือมีเหตุผล ที่เรียกร้องมานี้มีเหตุผลพอฟังได้

คำถาม ช่วยเรื่องความสะอาดของบ้านเมือง รถเก็บขยะชอบปล่อยน้ำทิ้งเหม็นเน่าไว้ตลอด มีอะไรที่ช่วยเก็บขยะ ปล่อยน้ำเหม็นเน่า

นายกรัฐมนตรี เรื่องนี้คนที่ดูแลเขาเป็นผู้ว่าฯ ครับ ผมจะบอกเขาให้ แต่ผู้ว่าฯ เขาคงจะ ไม่ต้องล่ะ เพราะว่าพอรู้จักกับคนที่ดูแล พวกดูแลรถขยะนี้ ผมจะติดต่อเขาเลยเรื่องนี้ มันเป็นความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ รถมันผุ น้ำก็ไหล ธรรมดาป้องกันได้ เอารถเข้าไปเขามียาง seal เขามีวิธีการครับ เรื่องนี้รับจะไปช่วยดูให้

คำถาม ขอให้นายกฯ อย่าลืมขึ้นเงินเดือนข้าราชการชั้นผู้น้อย

นายกรัฐมนตรี ไม่ลืมหรอกครับ มีคนเขียนจดหมายมาน่าสงสารจริง ๆ เขาเรียกว่าลูกจ้างชั่วคราว ฟังดูแล้วได้เงินเดือน 4,100 บาท กรรมกรได้ 6,000 นะครับ วันละ 200 บาทได้ 6,000 บาท แต่ลูกจ้างชั่วคราวรับราชการมีอยู่ 100,000 กว่าคนได้เงินเดือน 4,100 บาท แล้วเวลาที่เขาขึ้นกันก็ไม่ได้ขึ้น เรื่องนี้หมอเลี้ยบ (นายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง) กลับมาผมจะจัดการพูดจาให้รู้เรื่องกัน มันเกินเหตุไปนะครับ มันแย่จริง ๆ

คำถาม ขอให้ส่งข้าวธงฟ้าไปขายลพบุรีด้วย

นายกรัฐมนตรี เขาส่งไปทั่วไปครับ 2 –3 วันเราไม่ต้องส่งไปก็มีคนเอาออกมาขายครับ

คำถาม ขึ้นเงินเดือนข้าราชการ 4 เปอร์เซ็นต์น้อยไป ขึ้นน้อยกว่าผู้ใช้แรงงานเพราะค่าครองชีพปัจจุบันสูงมาก

นายกรัฐมนตรี อยู่ที่ฐานครับ ผู้ใช้แรงงานสมมตินะครับเขามี 200 บาท เขาได้ไปอีก 9 บาท ก็เป็น 209 บาท 200 นี้ถ้าเผื่อว่า 10 เปอร์เซ็นต์ก็ 20 บาท 5 เปอร์เซ็นต์ก็ 10 บาท เขาได้ขึ้น 9 บาทก็ขึ้นไม่ถึง 5 เปอร์เซ็นต์ เห็นไหมครับ แต่ทีนี้ข้าราชการเวลาถ้าขึ้น ถ้าขึ้น 4 เปอร์เซ็นต์ สมมติข้าราชการได้เงินเดือน 10,000 บาท 10 เปอร์เซ็นต์ก็ 1,000 บาท ขึ้น 4 เปอร์เซ็นต์ก็ 400 บาท ถ้าคิดกันเป็นเดือน ทางเขาได้ 9 x 4 = 36 เขาก็ได้ 360 ราชการได้ 400 นี่พูดถึงคนเงินเดือน 10,000 นะครับ เพราะฉะนั้นก็ดูตามสภาพที่เขาคำนวณ เขาคงมีอัตราการคิดของเขา

คำถาม ให้รัฐบาลนำผลงานทุกกระทรวง แต่ละอาทิตย์ว่าทำอะไรบ้าง ประชาชนได้ทราบบ้าง

นายกรัฐมนตรี รายการกรองสถานการณ์ช่องนี้ เดี๋ยวนี้ไปอยู่ดึกหน่อยประมาณ 5 ทุ่ม แต่ละกระทรวงเขาก็ไปออกครับ แล้วจริง ๆ เขาก็มีสถานี เขาชอบใคร ๆ เขามีครับรายการ เขาชอบพรรคการเมืองไหนเขาก็พานักการเมืองไปดู ไปเที่ยว เมื่อคืนนี้ผมก็ดูรายการ อย่างนั้นก็มีครับ ก็สุดแท้แต่ โทรทัศน์เป็นเสรีครับ ใครจะเชียร์ใครอย่างไร แต่ว่าช่องนี้เขาต้องเอาราชการมาออก เขาก็จะมีคนมาชวนนั่งคุย

คำถาม โครงการน้ำที่ผลิตใช้ได้ตลอดเวลา...ได้กำหนด

นายกรัฐมนตรี ได้ครับ หลังวันที่ 8 จะเริ่มประชุมครับ เล่าให้ฟังก่อนกำลังดำเนินการอยู่ครับ ทุกอย่างเตรียมการไว้หมดแล้วครับแต่ต้องรอนิดหนึ่งครับ

คำถาม ขอทราบความคืบหน้าโครงการเอื้ออาทรของการเคหะแห่งชาติ ที่ซอยอยู่วิทยา 6 หนองจอก ปีที่ 6 แล้วยังอยู่ไม่ได้ เดือดร้อนมาก

นายกรัฐมนตรี นี่เป็นหน้าที่ของผม ผมจะไปดูให้ เรื่องนี้เป็นของชอบ คือเรื่องที่อยู่อาศัยที่ทำไว้ไม่เข้าท่าอย่างไรผมจะตามไปดู และในขณะเดียวกันจะมีโครงการนี้ต่อไป แต่จะเลือกสถานที่ให้เข้าท่าเข้าทีหน่อย ให้อยู่ตรงที่รถขนส่งมวลชนจะผ่าน ตอนนี้ครับเรื่องนี้ถ้ามีเวลาดำเนินการผมดำเนินการแน่ เพราะว่าเข้าใจเรื่องนี้ว่าควรจะอยู่ตรงไหนอย่างไร และต้องอยู่ได้ พอที่จะอยู่ คือหมายความว่า แบบการเคหะฯ 32 ตารางเมตร ไม่เห็นด้วย อย่างน้อยต้อง 2 ห้องนอน ต้องมีบริเวณมากกว่า

คำถาม ความคืบหน้ารถไฟฟ้าสายสีแดง จะขยายถึงธรรมศาสตร์ รังสิต หรือไม่

นายกรัฐมนตรี ถึงแน่นอนครับ จริง ๆ ถึงอยุธยา สายนี้ 43 เดือนได้ใช้ ลงมือเขาประมูลแล้วครับ

คำถาม ให้ท่านนายกฯ ช่วยดูบัญชีเงินเดือนทหารกับพลเรือน เมื่อไรจะปรับให้เสมอภาคกันในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

นายกรัฐมนตรี แล้วนี่ทหารเป็นคนร้องหรือเปล่า เดี๋ยวก่อน ขอให้ท่านนายกฯ ช่วยดูบัญชีเงินเดือนทหารกับพลเรือน เมื่อไรจะปรับให้เสมอภาคกันในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นี่แปลว่าทหารเขียนถึงผมนะครับ ผมจะไปดูให้ ทำไมไม่ได้เท่ากัน เป็นข้าราชการเหมือนกัน

คำถาม ขอให้มีการปันส่วนข้าวสาร น้ำตาล ตามความจำเป็นแบบเดียวกับปี 2485

นายกรัฐมนตรี กรุณาอย่าไปถึงขนาดนั้นละครับ คำว่าปันส่วนแปลว่าไม่มีพอครับ ไม่ต้องครับ เรามีพอครับ คำถาม อยากให้รัฐบาลสร้างห้างขายของถูก แข่งขันกับโลตัส บิ๊กซี ได้เงินเข้าประเทศ

นายกรัฐมนตรี ถึงป่านนี้ไม่ได้หรอกครับ ราชการทำอย่างนั้น คือเรื่องนี้มาถึงป่านนี้แล้วครับ ไปคิดทำอะไรเทียบเคียงอย่างนั้น ผมจะคิดอย่างอื่นแล้วกันครับ ขอความกรุณาหน่อย ยังตอบตรงนี้ทันทีไม่ได้

คำถาม เห็นด้วยที่ข้าวขึ้นราคาเพื่อชาวนาไม่ต้องทำงานในเมือง อยากเป็นกำลังใจให้

นายกรัฐมนตรี ครับ ๆ ขอบคุณครับ

คำถาม ชอบที่ว่าติดดิน ..... เพียงแต่ว่าอย่าใช้อารมณ์โกรธโต้ตอบ

นายกรัฐมนตรี ธรรมดาผมไม่ได้โกรธหรอกครับ แต่ว่าทำเสียงให้เขาเห็นว่าผมทำเสียงอย่างนี้ ต้องย้อนถาม บางทีถามไปหัวเราะไปก็ได้ ถามไปเสียงดังหน่อย ตามธรรมดาผมก็คนธรรมดาครับ

คำถาม อย่าทำให้เป็นภาพลบแก่ตัวท่าน นายกฯ รักษาสุขภาพ ไม่ให้สนใจสื่อ

นายกรัฐมนตรี ครับ ๆ กำลังใจตรงนี้เยอะ ไม่ต้องอ่านนะครับ เป็นกำลังใจ ขอประทานโทษนะครับ ท่านกำลังใจทั้งหลายไม่ต้องอ่าน

คำถาม อยากทราบวิธีการที่นายกฯ จดจำข้อมูลได้แม่นยำ วิธีพูดในรายการมีข้อมูลชัดเจน

นายกรัฐมนตรี เขาตำหนินะครับ บางทีเขาบอกว่าใช้ข้อมูลมั่ว แต่ผมยืนยันกับท่านว่าผมไม่มั่ว เพราะว่าผมจำเรื่องต่าง ๆ ได้ ก็เป็นความบังเอิญเฉพาะตัวครับ ถ้าเป็นทางการเขาบอกเป็นความสามารถเฉพาะตัว แต่ถ้าใครจะเลียนแบบก็ได้เรื่องนี้ อันนี้ไม่ห้าม

คำถาม เสนอข้าราชการที่เป็นสมาชิก กบข. สามารถกู้เงินด้วยตัวเองได้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

นายกรัฐมนตรี ผมจะลองดูให้ กบข. เขาแข็งแรงนะครับ เขาเป็นหน่วยงานที่ค่อนข้างจะน่าสนใจมากครับ

คำถาม ขอทราบว่าสื่อมวลชนมีอภิสิทธิ์ใดทำไมถึงถูกวิจารณ์บ้างไม่ได้ คุณอำนาจฯ จาก กทม.

นายกรัฐมนตรี ครับ ๆ

คำถาม ขอให้นายกฯ พิจารณาเรื่องประกันสังคม รายได้กว่า 15,000 บาท

นายกรัฐมนตรี ครับ คือเรื่องการอะไรต่าง ๆ นี้กำลังสนใจที่จะให้มีหลักประกัน เรื่องป่วย เรื่องไข้ เรื่องอะไรต่าง ๆ คือถ้าเราทำให้เขาถูกที่ถูกทาง จะเสียน้อยและเขาก็ควบคุมดูแลเรา งานนี้ละครับต่างชาติเขาใช้กันอยู่ แต่ประเทศไทยไม่ค่อยใช้

คำถาม ฝากเรื่องปุ๋ยทำอย่างไรจะนำเข้าราคาถูก

นายกรัฐมนตรี กำลังดำเนินการอยู่ครับ

หมดเวลาแล้ว วันนี้ตอบคำถามแบบไม่มีเรื่องครับ เขาว่ารายการก็พอใช้ได้ ขอเรียนนะครับว่ารายการนี้ยังจะคงมีอยู่ต่อไป แม้จะพูดเพียงข้างเดียว แต่ผมเชื่อว่าเป็นประโยชน์กับท่านผู้ฟังที่อยู่ทางบ้าน เป็นหน้าที่ของคนที่เป็นหัวหน้ารัฐบาลจะต้องได้มาพบ มาพูดจาชี้แจง และเมื่อไรถ้ามีใครทำอะไรไม่ดีไม่งามก็ต้องพูดกันในรายการนี้ครับ แต่ที่ไม่ได้ไปตอบโต้สื่อสารมวลชนรุนแรงก็เพราะว่าพอรับได้ครับ เขาวิพากษ์วิจารณ์ก็เหมือนกระจกเงาซึ่งส่องให้เราดู แต่ว่าถ้าเราจะหัวเราะบ้างก็ไม่ทราบจะทำอย่างไร คือไม่เคยคิดเลยครับว่าคน ๆ เดียวจะทำให้วงการสื่อสารมวลชนมีการประชุมอะไรกันเอิกเกริก และทำนิทรรศการอะไรถึงขนาดนั้น วันนี้เวลาหมดแล้วครับ อาทิตย์หน้าพบกันใหม่ครับ สวัสดีครับ
 
   
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-05-2008, 20:02 โดย 999 » บันทึกการเข้า

999
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,022



« ตอบ #35 เมื่อ: 05-05-2008, 21:24 »



คิดแล้วสงสารคนไทย แต่ก็คงช่วยอะไรมากไม่ได้

เพราะวิกฤติเศรษฐกิจ โดยเฉพาะด้านพลังงานน้ำมัน มันจะต้องเกิดขึ้นทั่วโลก

นี่ถ้าอาหารแพง อีกอย่าง  คนที่เดือดร้อนคือเกษตรกรณ์และพวกมนุษย์เงินเดือน ที่ไม่มีเงินสำรอง

คงเป็นหนี้บัตรเคงเครดิตกัน ชดใช้ไปเดือนละห้าถึงสิบเปอร์เซ็นทุกเดือนตามวงเงินเครดิต

เรื่องโอกาสในชีวิตคงจะยากเต็มที  การหาพลังงานทดแทนที่ราคาถูกกว่าคงต้องทำอย่างเข้มแข็งกันต่อไป



ท่านนายกฯ คงต้องหาเมะกโปรเจ็กท์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในประเทศได้แล้ว

เรื่องสื่อ หาทางจัดการให้เป็นระบบที่ดี คงไม่จำเป็นต้องไปฟังเสียงนกกาไม่สร้างสรรค์

เลือกตั้งใหม่ คนทำงานก็จะได้กลับเข้ามาอีก  วางโครงในส่วนของการปฏิรุป ต่อไปเรื่อยๆ

เที่ยวหน้าพรรครัฐบาลคงได้เสียงข้างมาก มากกว่าเดิม  เอาใจช่วยสนับสนุนรัฐบาล ครับ 
บันทึกการเข้า

999
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,022



« ตอบ #36 เมื่อ: 05-05-2008, 23:12 »



ดูแล้วท่านนายกฯสมัคร เหมาะเป็นนายกฯไทยที่สุดแล้วในเวลานี้

เหนือกว่าคุณชวนและมะม่วงจำบ่มหลายขุม
บันทึกการเข้า

เล่าปี๋
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,417


ทำดีได้ดีมีไฉน ทำชั่วได้ดีมีถมไป


« ตอบ #37 เมื่อ: 06-05-2008, 07:50 »


ดูแล้วท่านนายกฯสมัคร เหมาะเป็นนายกฯไทยที่สุดแล้วในเวลานี้

เหนือกว่าคุณชวนและมะม่วงจำบ่มหลายขุม



โห คุณตองเก้า ไม่บอกผมไม่รู้นาเนี่ย....
บันทึกการเข้า

ขงเบ้งดูดาว เฮอะเอ่อเอ้ย เมื่อดาวตก เสียวในหัวอกเมือเห็นดาว
ไม่พราวไสว  หรือว่าตัวเราจะหมดบุญ จึงเป็นไป
ดาวที่สดใสเมื่อก่อนนั้น  พลันมืดมัว....
999
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,022



« ตอบ #38 เมื่อ: 06-05-2008, 11:07 »



ผมว่าหลายๆคนต้องจำใส่ใจไว้นิดนหนึ่งว่า รัฐบาลสมัคร มาจากการเลือกตั้งตามครรลอง

ตรวจสอบกันไปถึงไหนครับ แต่จะมาจ้องล้มด้วยข้อหานอมินี ก็ต้องไปหาหลักฐานมา

จะเอาผิดได้หรือไม่ ประชาชนส่วนใหญ่เป็นผู้ตัดสินใจเองได้ มีอะไรก็เอาให้สส.ที่ตนเชื่อถือไปบอกประชาชนก็ได้
บันทึกการเข้า

999
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,022



« ตอบ #39 เมื่อ: 06-05-2008, 21:06 »




คนชั้นกลางที่มีคุณภาพเขาจะสนใจเรื่องปราบคอร์รัปชัน

ความโปร่งใส รัฐบาลต้องสนใจในเรื่องเหล่านี้


บันทึกการเข้า

999
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,022



« ตอบ #40 เมื่อ: 07-05-2008, 14:40 »



กระทู้ให้กำลังใจท่านนายกฯสมัครและรัฐบาล

ตลอดจนสส.ทุกท่าน ได้แสดงบทบาททางการเมืองอย่างสร้างสรรค์ครับ

พวกระจองอแง คงต้องปล่อยไปบางส่วนที่ไม่สำคัญ
บันทึกการเข้า

999
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,022



« ตอบ #41 เมื่อ: 07-05-2008, 23:49 »



วันนี้มีรายการถามจริงตอบตรง สองทุ่มครึ่ง

จอมเป็นพิธีกร  นายกฯสมัครตอบตามสไตล์ก็ โอเค.

เห็นบอกอีกสามเดือนจะมาออกรายการใหม่

ส่วนให้สัมภาษรณ์นักข่าวกลางสัปดาห์ก็งดไป
บันทึกการเข้า

999
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,022



« ตอบ #42 เมื่อ: 09-05-2008, 14:04 »



พิจารณาแล้วตอนนี้ความหัวเดียวกระเทียมลีบของ คุณสมัคร กลายเป็นนายกฯติดดิน

และหากสะสมผลงานไปอีกสักพัก คงจะได้ชื่อว่าเป็นนายกฯที่ดีที่สุดคนหนึ่งของไทยอย่างไร้ข้อกังขา

ไม่แน่นะครับ ชีวิตในปั้นปลายของท่าน อาจจะมีสีสันอีกมากมายที่ฝากให้ไว้กับประเทศไทย

แบบคนแก่ใจดี รักชาติ รักสถาบันอย่างแท้จริง ทั่วๆไปคนหนึ่งที่ดีที่สุดได้อีกด้านหนึ่ง
บันทึกการเข้า

หน้า: [1]
    กระโดดไป: