ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
30-01-2025, 23:50
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  เส - วก และ องคมนตรี จบบริบูรณ์แล้ว 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
เส - วก และ องคมนตรี จบบริบูรณ์แล้ว  (อ่าน 2627 ครั้ง)
พรรณชมพู
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,073


« เมื่อ: 30-01-2008, 14:53 »

(บทความนี้ ทยอยเขียนและทยอยโพส โดยจะแปะไว้ในกระทู้เดียวกัน และในตัวกระทู้เดียว ระหว่างการเขียนบทความและโพส หากมีความคิดเห็นจากท่านผู้อ่านเพิ่มเติม ผู้เขียนจะน้อมรับและนำไปปรับปรุงเนื้อหา)

สืบเนื่องจากกระทู้   http://forum.serithai.net/index.php?topic=21481.0

ที่ได้ชี้แจงถึงการอ่านภาษาไทยให้ถูกต้อง ในส่วนที่เกี่ยวกับประวัติของบุคคลสำคัญของประเทศ  ซึ่งก็มีท่านสมาชิกได้ร่วมกันออกความเห็นอย่างมากมาย แต่มีความเห็นหนึ่ง ซึ่งไม่เกี่ยวกับเนื้อหาของกระทู้เท่าไหร่นัก แต่ผู้ตั้งกระทู้ ประทับใจในคำตอบเป็นอย่างมาก เพราะคำตอบนั้นสะท้อนถึงสิ่งที่เราเรียกกันว่า ความจงรักภักดี ได้อย่างดียิ่ง จึงขออนุญาตยกมาให้อ่านกันบางส่วนดังนี้

สำหรับความภาคภูมิใจในการที่ได้เป็นข้าราชบริพาร
ให้ผมไปเป็นคนดูดส้วมผมยังภูมิใจเลยครับ และผมจะไม่อายเลยซักนิด หากพ่อผมเป็นคนดูดส้วม


(ขออภัยที่แก้ไขคำสะกด ข้าราชบริพาร ให้ถูกต้องนะคะ มิได้เจตนาบิดเบือนถ้อยคำแต่ประการใด)

เมื่อได้อ่านคำตอบในส่วนนี้แล้ว ก็รู้สึกเช่นเดียวกับคนไทยที่จงรักภักดีทุกคน เพราะการได้รับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาท ถึงจะเป็นตำแหน่งน้อยนิดเพียงไร ก็ถือเป็นเกียรติยศแก่ผู้นั้น และวงศ์ตระกูล ไปจนตราบชั่วฟ้าดินสลาย คนไทยที่เคยเกิดและตายไปนับร้อยนับพันล้านคน มีจำนวนเพียงน้อยนิด ที่จะได้มีโอกาศรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาท

และมิเพียงผู้ที่ได้รับใช้เท่านั้น หากแต่ในชั้นลูกหลานก็ยังถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง จึงจะเห็นได้ว่า ท่านนายกรัฐมนตรีภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก ในการที่ได้กล่าวถึงประวัติของบิดาว่า ได้รับราชการจนมีบรรดาศักดิ์ชั้นพระยา  ซึ่งเป็นเรื่องที่ประชาชนและเยาวชนควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง หากบรรพบุรุษของประชาชนหรือเยาวชนท่านใด ได้เคยประกอบคุณงามความดี ก็ควรที่จะได้รับการยกย่องสรรเสริญ

มีเรื่องประการหนึ่งซึ่งควรได้ศึกษาไว้เพื่อเพิ่มพูนความรู้ นั่นคือผู้ที่ได้รับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาท หรือบุคคลที่ได้ทำประโยชน์แก่บ้านเมือง เมื่อทรงเห็นสมควร ก็จะพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เพื่อเชิดชูเกียรติ เครื่องราชอิสริยาภรณ์นี้ มีหลายตระกูลและหลายลำดับชั้น ท่านผู้ที่สนใจอาจหาความรู้ได้จากหนังสือ หรือบทความที่มีผู้รู้ ได้นำมาเผยแพร่ไว้มากแล้ว

http://www.mof.go.th/mofhistory/sort.htm (ลำดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์)

ตระกูลและลำดับชั้นของเครื่องราชอิสริยาภรณ์ แต่เดิมมาประชาชนอาจจะไม่ทราบว่าแตกต่างกันอย่างไร จึงได้ขอยกเอาทัศนะของท่านนายกรัฐมนตรี ที่ได้กล่าวถึงเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่ท่านได้รับพระราชท่าน เมื่อเทียบกับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่ท่านอดีตนายรัฐมนตรีท่านหนึ่งได้รับ มาให้ศึกษาพอเป็นสังเขป

อ้างถึง
http://www.thairath.co.th/offline.php?section=hotnews&content=73414

เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. เวลา 15.30 น. ที่พรรคพลังประชาชน นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน พร้อมด้วย นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน ร่วมกันแถลงข่าวถึงกรณีเงื่อนไข 5 ข้อของพรรคชาติไทยและพรรคเพื่อแผ่นดิน โดยนายสมัครได้นำภาพถ่ายชุดเต็มยศสวมเสื้อคลุมประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ ของตนเอง ขนาด 8 x10 นิ้ว มาวางประกอบ การแถลงข่าว

นายสมัครกล่าวว่า “ผมชื่อสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. พรรคพลังประชาชนได้รับเลือกตั้ง 233 ที่นั่ง เมื่อคืนนี้คุณบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ซึ่งเมื่อวันที่ 23 ธ.ค. ที่ได้รับเลือกตั้งมา 37 ที่นั่ง ได้มีเอกสารพาดพิง ผมจะพูดถึงเฉพาะข้อที่ 1 เท่านั้น คืออยากบอกให้คุณบรรหารรู้ว่า  ที่คุณบรรหารแสดงความคิดเห็นออกมาอย่างนั้น ผมแปลความหมายได้ว่า คุณบรรหารดูหมิ่นผม ว่าเป็นคนไม่จงรักภักดีต่อเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน เพราะการแสดงความเห็นอย่างนั้นชัดเจนแล้ว  หัวหน้าพรรคพลังประชาชนไม่จงรักภักดีเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน เพราะฉะนั้น ถ้าจะร่วมกับคุณบรรหารต้องแสดงความจงรักภักดีต่อเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน  คุณบรรหารดูหมิ่นผม  ผมจะบอกให้คุณบรรหารรู้นะว่า  แม้จะรู้จักกันมานาน  แต่คุณบรรหารไม่ศึกษาว่าผมเป็นใครมาจากไหนอย่างไร”

หัวหน้าพรรคพลังประชาชนกล่าวต่อว่า ตระกูลผมรับราชการสนองพระเดชพระคุณมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 คุณตาผมมหาเสวกตรี พระยาอนุศาสน์จิตรกร (จันทร์ จิตรกร) เป็นพระยาจางวาง เป็นจิตรกรประจำพระราชสำนักรัชกาลที่ 5 ถึงรัชกาลที่ 6 คุณลุงผม มหาเสวกตรี พระยาแพทย์พงศาวิสุทธาธิบดี (สุ่น สุนทรเวช) เป็นแพทย์ประจำพระองค์รัชกาลที่ 6 คุณพ่อผมชื่อพระยาบำรุงราชบริพาร (เสมียน สุนทรเวช) เป็นข้าราชการในรัชกาลที่ 6 คุณลุงผมอีกคน จมื่นเทพดรุณาทร นามสกุล กัลยาณมิตร หรือ เปรื่อง กัลยาณมิตร คุณอาผม จมื่นอมรดรุณรักษ์ (แจ่ม สุนทรเวช)  ตระกูลผมรับสนองพระเดชพระคุณมา  ผมนี่ล่ะไม่ได้รับราชการ แต่เป็นนักการเมืองก็มีโอกาสได้สนองพระเดชพระคุณทุกครั้งที่ผมได้เป็นรัฐมนตรี ผมเป็นมาแล้ว 5 หน รองนายกฯ อีก 2 หน เป็นรัฐบาลมาแล้ว 8 ครั้ง เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2545 ผมได้รับพระราชทานตราทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ (ท.จ.ว.)  นี่ครั้งหลังสุดเป็นอย่างนี้ ที่พูดก็อยากจะบอกคุณบรรหาร  ศิลปอาชา  ว่าคุณบรรหารนั้น ควรจะแหงนขึ้นมาดูที่หน้าอกผมด้วย ว่าผมนั้นได้ตราจุลจอมเกล้าสูงกว่าคุณบรรหาร เพราะฉะนั้น คนอย่างคุณบรรหาร ไม่ต้องมาอบรมสั่งสอนผม ถึงเรื่องความจงรักภักดีในสถาบันพระมหากษัตริย์”

 จากทัศนะของท่านนายกรัฐมนตรี จึงเป็นแนวทางชี้แนะให้แก่ผู้ที่ยังมิทราบว่า ท่านนายกรัฐมนตรีมีความเห็นว่าการได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์นั้น ผู้ที่ได้ในลำดับที่สูงกว่า มิควรได้รับการอบรมสั่งสอนจากผู้ที่ได้ลำดับต่ำกว่า ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้ไม่รู้จะได้พึงสังวรไว้

เรื่องความจงรักภักดี ท่านนายกรัฐมนตรีก็ได้ให้ทัศนะไว้ หลังจากได้รับการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมและรับพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้เป็นนายรัฐมนตรี โดยแถลงเปิดใจเป็นครั้งแรกในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ใจความตอนหนึ่งว่า

อ้างถึง
http://www.thairath.co.th/offline.php?section=hotnews&content=77042
นายสมัครกล่าวว่า ขอประกาศให้ผู้คนทั้งหลายที่อยู่ในบ้านเมืองนี้ ไม่ว่าจะเป็นพวกพ้องหรือ เป็นพวกที่ไม่ค่อยชอบหน้ากัน ให้รู้ว่าผมเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองนี้ ทำงานการเมืองแน่นอน เคยเป็นมาแล้วทุกตำแหน่ง ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่จะทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี ยืนยันกับท่านทั้งหลายว่าจะทำการนี้ได้ ใครต่อใครจำนวน 24 ท่านที่เป็นนายกรัฐมนตรีที่ผ่านมาแล้วนั้น ก็เป็นคนไทยเหมือนกัน มีความรักชาติ มีความผูกพันและมีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ได้พูดเสมอว่า ในจิตใจคนไทยนั้น ชีวิตจิตใจความผูกพันนั้น อยู่ที่สถาบันพระมหากษัตริย์ และเราอยู่ได้มาตลอดจนรอดฝั่ง จนถึงวันนี้ไม่ได้นับย้อนหลังไปจริงๆ แต่นับได้หลายร้อยปี เรายังดำรงสถาบันนี้อยู่ แต่สถาบันนี้ก็จะอยู่คู่ประเทศไทยไปอีกนาน ใครก็ตามแต่ที่บังอาจในอดีต ได้เอาสถาบันพระมหากษัตริย์มากระทำการเหยียบย่ำผู้คนอื่น โดยกล่าวหาว่าเขาไม่จงรักภักดี ข้อหานี้เป็นข้อหาที่ร้ายแรง แน่ใจว่าพี่น้องประชาชนคนไทยเสียงข้างมาก ที่ได้แสดงตัวเลขให้เห็นด้วยตัวเลข 233 เสียง อย่างน้อยที่สุด ไม่ได้เกี่ยวกับโรงศาล แต่เกี่ยวกับความรู้สึกนึกคิดว่า คนที่ถูกกล่าวหานั้น เขาไม่ได้ไม่ จงรักภักดี อย่างที่เคยกล่าวหากัน เรื่องนี้เป็นเรื่องชีวิตของคนทั้งชีวิตทั้งครอบครัวที่โดนเกินเหตุ

ใจความสำคัญนั้น ท่านนายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงอดีตนายรัฐมนตรีที่ผ่านมาว่า ล้วนแล้วแต่มีความจงรักภักดีด้วยกันทั้งสิ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจของประชาชนชาวไทย ที่เราได้มีอดีตนายรัฐมนตรีที่จงรักภักดีต่อเนื่องกันมาทุกยุคทุกสมัย การกล่าวหาว่าอดีตนายกรัฐมนตรีท่านใด มิได้จงรักภักดีนั้น ท่านนายกรัฐมนตรีมีทัศนะว่า เป็นเรื่องที่โดนเกินกว่าเหตุ และจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 233 เสียงนั้น ยืนยันความจงรักภักดีได้

แต่ในช่วงระยะเวลาของการหาเสียงที่ผ่านมา ก่อนที่จะได้รับเลือกจากสภาผู้แทนราษฎรให้เป็นนายกรัฐมนตรี ท่านนายกรัฐมนตรีเคยได้กล่าวหาเสียงไว้ในหลายที่ หลายวาระ ซึ่งมีผู้วิจารณ์ไปต่างๆนาๆ ด้วยเหตุที่คำปราศัยหรือคำให้สัมภาษณ์ในระหว่างการหาเสียงนั้น คลุมเครือ ไม่ชัดเจน ดังจะยกตัวอย่างมาดังนี้

อ้างถึง
http://www.matichon.co.th/news_title.php?id=935
'สมัคร'ซัด'อีแอบผมขาว'ทำลายสถาบัน
นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน กล่าวปราศรัยบนเวทีที่วงเวียนใหญ่ เนื้อหาส่วนใหญ่ยังคงโจมตีรัฐบาล คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) และกล่าวชื่มชม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า 'อีแอบผมขาว'เป็นคนเรียกร้องให้สื่อมวลชนเขียนด่าตน บ้านเมืองวุ่นวายเพราะคนๆ นี้ มีคนบางคน ไปด่าอดีตนายกฯ ว่า ไม่จงรักภักดี แต่แท้จริงแล้วพวกเขาดึงสถาบันลงมา หัวโจกของคนพวกนี้ คือ คนทำลายสถาบันกษัตริย์อย่างแท้จริง 'อีแอบอย่างนี้ไม่มีใครคิดบัญชีสักที'
'ผมพูดแค่นี้นะไม่ต้องอธิบายว่าคืออะไร' นายสมัคร กล่าวทิ้งท้ายก่อนเลี่ยงไปพูดประเด็นอื่น

อ้างถึง
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?id=15295&catid=1
 นายสมัคร ยังกล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า เมื่อตนไปหาเสียงที่ภาคอีสาน เจอหนังสือวางขาย ตนเห็นรูปที่หน้าปก เห็นชื่อ ตำแหน่ง แล้วข้างใต้ชื่อเขียนว่า 'ก้อนกรวดในรองพระบาท' เห็นแล้วก็ใจหายวูบ ไม่กล้าแม้จะเปิดอ่าน ตนแค่เล่าให้ฟังเท่านั้นเอง วันนี้ก็จะเล่าเพียงเท่านี้ ใครจะถามเท่าไหร่ ก็จะไม่พูดอีก ไปหาอ่านเองก็แล้วกัน มีวางขายอยู่ทั่วไป ป่านนี้ถ้าใครเก็บแล้วก็ไม่ทราบได้

ถ้อยคำการหาเสียงเหล่านี้ ยังไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจนจากท่านนายกรัฐมนตรี ว่าท่านได้หมายความถึงใครบ้าง แต่จากการประมวลทัศนะของท่านนายกรัฐมนตรีมาตั้งแต่ต้น จะเห็นได้ว่าท่านนายรัฐมนตรีได้รับรองอดีตนายกรัฐมนตรีทุกท่านว่า เป็นผู้ที่จงรักภักดีด้วยกันทั้งสิ้น จึงพอจะกล่าวได้ว่า บุคคลที่ท่านกล่าวถึงนั้น คงจะเป็นบุคคลอื่นที่มีเคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นแน่แท้

แต่อย่างไรก็ตาม ทัศนะของท่านนายกรัฐมนตรีที่ว่า "การกล่าวหาว่าผู้หนึ่งผู้ใดไม่จงรักภักดีนั้น เป็นการกล่าวหาเกินกว่าเหตุ" การที่ท่านนายกรัฐมนตรีกล่าวหาบุคคลหนึ่งซึ่งมีผมขาว ด้วยคำกล่าวหาที่ว่า "แต่แท้จริงแล้วพวกเขาดึงสถาบันลงมา หัวโจกของคนพวกนี้ คือ คนทำลายสถาบันกษัตริย์อย่างแท้จริง" จึงเป็นถ้อยคำที่ควรจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ว่า ยังมิมีคำเฉลยทั้งตัวบุคคลและการกล่าวหา ว่าเป็นใครและเท็จจริงหรือไม่ แต่ก็พอจะบันทึกไว้เป็นเยี่ยงอย่างได้ว่า ถึงแม้จะมีทัศนะคติว่ามิควรกล่าวหาผู้หนึ่งผู้ใดว่าไม่จงรักภักดี แต่ท่านนายกรัฐมนตรีก็เคยกล่าวหา ซึ่งท่านอาจจะมีเหตุผลส่วนตัว ที่เรายังมิอาจจะทราบได้

ตามที่ได้ชี้แจงถึงการอ่านชื่อตำแหน่งของบิดาท่านนายกรัฐมนตรี พร้อมทั้งคำแปลที่ถูกต้องตามพจนานุกรมไว้แล้วนั้น ทำให้มีข้อสงสัยที่ต้องสืบเสาะหาความรู้กันต่อไปว่า ตำแหน่ง เส - วก นี่มีที่มาอย่างไร มีมาแต่ครั้งใด ผู้เขียนเองได้เพียรพยายามค้นหาประวัติศาสตร์ในส่วนนี้ แต่ก็ยังหาไม่พบ ในส่วนนี้จึงใคร่ขอความกรุณาให้ท่านผู้รู้ หรือมีแหล่งข้อมูล ได้ชี้ทางสว่างเพื่อนการค้นคว้าและศึกษาด้วย

เป็นที่ทราบกันดีจากรากศัพท์ของคำว่า เส - วก ว่าตำแหน่งนี้น่าจะเกี่ยวพันกับการรับใช้ใกล้เบื้องพระยุคลบาท และจากประวัติของบุคคลที่เคยดำรงตำแหน่งนี้ในสมัยรัชกาลที่หก ซึ่งเป็นระยะเวลาที่มีบันทึกไว้มากสำหรับการค้นคว้าว่า ตำแหน่ง เส - วก นี้ มักจะพระราชทานให้กับผู้ที่เป็นมหาดเล็กในพระองค์ เป็นข้าราชบริพารที่มีเป็นจำนวนมากในราชสำนัก โดยเฉพาะในสมัยรัชกาลที่หก

เมื่อกล่าวถึงข้าราชบริพารที่รับใช้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาทแล้ว กอร์ปกับทัศนะคติของท่านนายกรัฐมนตรีที่เกี่ยวกับลำดับชั้นของเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ก็จะมิพูดถึงตำแหน่งที่อาจจะนับได้ว่าสูงสุด เป็นข้าราชบริพารที่รับราชการเป็นที่ปรึกษาขององค์พระมหากษัตริย์ ซึ่งถือกำเนิดในสมัยรัชกาลที่ห้า นั่นคือตำแหน่ง องคมนตรี

ตำแหน่งองคมนตรีนี้ ในยุคเริ่มแรกมีหน้าที่คล้ายที่ปรึกษาส่วนพระองค์ จะทรงโปรดแต่งตั้งให้ผู้ใดเป็นองคมนตรี ขึ้นอยู่กับพระราชอัธยาศัย และมิได้จำกัดจำนวน ต่อมาเมื่อถึงสมัยรัชกาลที่หก ได้มีประเพณีเพิ่มขึ้น โดยทรงโปรดเลือกองคมนตรี จากผู้ได้รับพระราชทานพานทองเครื่องยศ แต่ก็ยังมิได้มีการจำกัดจำนวนขององคมนตรี ต่อเนื่องมาจนถึงรัชกาลที่เจ็ด มีการแต่งตั้งผู้ที่มิได้รับพระราชทานพานทองเครื่องยศ เป็นองคมนตรีด้วย จนเกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ตำแหน่งองคมนตรีจึงถูกยุบเลิกไป

ตราบจนถึงรัชกาลปัจจุบัญ ในปีพุทธศักราช 2490 ได้มีการแต่งตั้งตำแหน่งอภิรัฐมนตรี เป็นตำแหน่งสำหรับถวายคำปรึกษาในราชการแผ่นดิน ซึ่งตราไว้ในรัฐธรรมนูญ และตำแหน่งนี้ได้เปลี่ยนเป็นตำแหน่งองคมนตรีในสมัยต่อๆมา การแต่งตั้งอภิรัฐมนตรีหรือองคมนตรี ยังคงเป็นไปตามพระราชอัธยาศัย มีการจำกัดจำนวนของผู้ที่จะดำรงตำแหน่งพร้อมๆกัน แต่ในยุคสมัยนี้ องคมนตรีมีหน้าที่เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เมื่อพระมหากษัตริย์จะไม่ประทับอยู่ในราชอาณาจักร หรือด้วยเหตุใดเหตุหนึ่ง จะทรงบริหารพระราชภาระไม่ได้ ตำแหน่งองคมนตรีนี้จึงถือได้ว่า สำคัญยิ่ง

รัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 ซึ่งใช้กันอยู่ในปัจจุบัญ ก็ยังคงไว้ซึ่งหน้าที่ขององคมนตรี ตามแบบที่ใช้กันมานับตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2490  อาจจะกล่าวได้ว่า ตำแหน่งองคมนตรีนี้ เป็นตำแหน่งทางราชการที่สำคัญที่สุด

ในระยะหลายปีที่ผ่านมานี้ บ้านเมืองเกิดความวุ่นวายทางการเมืองเป็นอย่างมาก อันเป็นที่ทราบกันดีแล้ว มีทั้งการเลือกตั้งหลายหน การรัฐประหารยึดอำนาจ มีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ มีการดำเนินการทางกระบวนการยุติธรรม ทั้งในด้านการเมืองและการฉ้อราษฎรบังหลวง แต่มีเหตุการณ์หนึ่งซึ่งถือได้ว่า เป็นเหตุการณ์ที่ไม่สมควรจะเกิดขึ้นในบ้านเมืองของเรา นั่นคือการจาบจ้วงโจมตีสถาบันองคมนตรี ซึ่งผู้ที่กระทำการเหล่านั้น มีทั้งผู้ที่ดำรงตำแหน่งสำคัญทางการบริหาร กลุ่มการเมืองที่มิใช่นักการเมือง นักการเมือง และสื่อทั้งที่เป็นสื่อมวลชน สื่ออินเตอร์เนต ในวิธีการสารพัดรูปแบบ

เป้าหมายในการโจมตี เป็นอดีตนายกรัฐมนตรีท่านหนึ่งที่ได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าให้เป็นองคมนตรี และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานองคมนตรี ซึ่งนับได้ว่าดำรงตำแหน่งสูงสุด อีกทั้งท่านประธานองคมนตรี ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อันเป็นโบราณมงคลนพรัตนราชวราภรณ์  ซึ่งถือเป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์ลำดับสูงสุดที่บุคคลธรรมดาจะพึงได้รับพระราชทาน

http://www.navy.mi.th/person/manpower/decoration/TimeTo.htm (ภาพประกอบ)

เมื่อนำทัศนะของท่านนายกรัฐมนตรี ที่กล่าวไว้เกี่ยวกับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่ท่านได้รับพระราชทาน เมื่อเทียบกับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่อดีตนายกรัฐมนตรีท่านหนึ่งได้รับพระราชทานมาพิจารณา จะเห็นได้ว่า ท่านนายกรัฐมนตรีก็สมควรที่จะ "ควรจะแหงนขึ้นมาดูที่หน้าอก" ซึ่งก็เชื่อได้ว่า ด้วยความจงรักภักดีที่ท่านนายกรัฐมนตรี ได้ประกาศให้ปวงชนชาวไทยได้รับทราบแล้วนั้น ท่านนายกรัฐมนตรีคงจะมิละเลยที่จะสำนึกในความจริงข้อนี้ และคงมิบังอาจ "อบรมสั่งสอน ถึงเรื่องความจงรักภักดีในสถาบันพระมหากษัตริย์" กับท่านประธานองคมนตรีอย่างแน่นอน

ด้วยตำแหน่ง เส - วก ทายาทของผู้ได้เคยดำรงตำแหน่งนี้ ยังภาคภูมิใจและจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นอย่างยิ่ง ถึงแม้ตนจะมิเคยได้รับราชการใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท จึงมิต้องสงสัยเลยว่า ด้วยตำแหน่งองคมนตรี ที่ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ขั้นสูงสุด ที่บุคคลธรรมดาจะพึงได้รับพระราชทาน จะจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยเช่นกัน และยังเป็นผู้ที่ได้รับความไว้วางพระราชหฤทัย ได้รับพระราชทานเกียรติอันสูงยิ่ง สมควรเป็นบุคคลตัวอย่าง ที่ประชาชนและเยาวชนไทยควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง  เชื่อได้ว่า กลุ่มบุคคลที่เคยกระทำการจาบจ้วงดูหมิ่นท่านประธานองคมนตรี ต้องเป็นบุคคลที่มิรูจักที่ต่ำที่สูง ขาดความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ กล้าบังอาจถึงกับดูหมิ่นข้าราชบริพารที่ทรงไว้วางพระราชหฤทัย องคมนตรีนั้นคือผู้แทนพระองค์ ที่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้เป็นผู้แทนพระองค์ไปในงานต่างๆที่มิได้ทรงเสด็จพระราชดำเนิน การดูหมิ่นองคมนตรี คือการดูหมิ่นผู้แทนพระองค์พระมหากษัตริย์นั่นเอง

ในการตั้งรัฐบาลที่จะมีขึ้นในเร็ววันนี้ ท่านนายกรัฐมนตรีบุตรของ เสวกเอก พระยาบำรุงราชบริพาร จะเป็นผู้เลือกบุคคลเข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี และข้าราชการการเมืองอีกหลายตำแหน่ง เป็นที่แน่นอนว่า ด้วยความจงรักภักดี ท่านนายกรัฐมนตรี จะต้องไม่เลือกบุคคลที่เคยทำการจาบจ้วงดูหมิ่นท่านประธานองคมนตรี เข้ามาเป็นรัฐมนตรี หรือข้าราชการการเมืองอื่นๆ เพราะการกระทำเช่นนั้น คงจะไม่เหมาะสมกับคำกล่าวของท่านนายกรัฐมนตรี ที่กล่าวว่าจงรักภักดี อย่างแน่นอน ท่านนายกรัฐมนตรีนั้น เป็นบุคคลที่ได้ชื่อว่าพูดตรง มีหลักการ มีสำนึกของความรักชาติ ตามที่ท่านได้ย้ำเตือนแก่ทุกผู้คนอยู่บ่อยครั้ง ประชาชนชาวไทยจึงไว้วางใจได้ว่า เราจะไม่เห็นบุคคลที่มิรู้จักที่ต่ำที่สูง บุคคลที่บังอาจดูหมิ่นผู้แทนพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และบุคคลที่มีคดีความเกี่ยวกับการจาบจ้วงดูหมิ่นดังกล่าว เข้ามาร่วมในรัฐบาลอย่างแน่นอน

แต่ประวัติศาสตร์นั้นคงจะเป็นปริศนากับคนรุ่นต่อไป หากคำพูดของท่านนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับ "อีแอบผมขาว" และเรื่อง "ก้อนกรวดในรองพระบาท" รวมทั้ง "มือที่มองไม่เห็น" หรือ "มือสกปรก" มิได้ถูกเฉลยจากปากของท่านนายกรัฐมนตรีเองว่า ท่านจงใจกล่าวถึงผู้ใด สิ่งนี้คงเป็นภาระของนักประวัติศาสตร์รุ่นหลัง ที่จะต้องค้นคว้ากันต่อไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-01-2008, 18:45 โดย พรรณชมพู » บันทึกการเข้า
ริวเซย์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,637


Worrior in The Blue Armor


เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 30-01-2008, 15:37 »

มาปูเสื่อรอคนแรกเลย

งานนี้ไม่จบกันง่ายๆแน่

มารอตามอ่านตอนต่อไปอีกครับ
บันทึกการเข้า

ถ้ามีแฟนแบบนี้เอาไหมครับ^^


Sweet Chin Music
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,613



« ตอบ #2 เมื่อ: 30-01-2008, 15:58 »

นั่งจิ๊บเบียร์รอฮ่ะ   
บันทึกการเข้า


You'll Never Walk Alone
เข้าไปกันได้ค๊าป- - - >http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sweetchinmusic&group=1
sanskritshower
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 245



« ตอบ #3 เมื่อ: 30-01-2008, 16:16 »

มารออ่าน
บันทึกการเข้า
ปรมาจารย์เจได
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,771


รักแท้ก็เหมือนผี รู้ว่ามี แต่ไม่เคยเจอ


« ตอบ #4 เมื่อ: 30-01-2008, 19:24 »

จบง่ายไม่ง่ายก็ไม่ทราบ บังเอิญผมไม่มีพรรคมีพวก
ยังไงก็แพ้อยู่แล้ว

การที่ปากไร้หูรูดของสมัคร ที่ไปจาบจ้วงพลเอกเปรมนั้น ผมไม่เคยเห็นดีเห็นงามเลยสักครั้ง

แต่การจะเอายศพ่อของเขามาเปรียบเปรยกับตำแหน่งองคมนตรีนั้นมันสุดๆของความไม่เกี่ยวกันซักนิด

ต่อให้พ่อสมัครเป็นคนขายผักที่ตลาด
ปากมันก็คงไม่ได้ดีไปกว่านี้

นี่ก็อยากรู้เหมือนกัน ถ้าพ่อสมัครเป็นตาสีตาสา จขกท คงด่ามันเพลินเลยมั้ง

มันบอกให้บรรหารแหงนมองเครื่องราชอิสริยาภรณ์บนเสื้อ นั่นมันก็เบ่งยศของมัน หาใช่ยศของพ่อมัน แถมมันเองก็ไม่ได้กล้าเอายศไปเบ่งใส่ป๋า
ถ้ามีคนมาบอกว่าคุณไม่จงรักภักดี คุณจะไม่พูดถึงเรื่องราวที่ครอบครอบครัวตัวเองได้เป็นข้าราชบริภารบ้างเลยหรือ ไม่พูดถึงเครื่องราชย์มั่งหรือ
แม้จะมองออกว่ามันเป็นเกมส์การเมืองก็เถอะ

ไอ้แม้วก็ด่าป๋า
ทำไมไม่ขุดโคตรเหง้าศักราชมันมายำล่ะครับ
โคตรเหง้าไอ้แม้วก็ไม่ได้ใหญ่ไปกว่าองคมนตรีด้วย พ่อมันก็เจ๊กทำการค้า และเคยเป็น สส สมัยจอมพล ป

แถมไอ้แม้วมันก็อ้างสารพัดว่ามันทั้งจบโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ทั้งได้รับเครื่องราชย์ ทั้งได้ดื่มน้ำพิพัฒน์สัตยา

ไม่เห็นมีใครไปโทษพ่อมันที่ใหญ่ไม่เท่าป๋า แล้วยังกล้าด่าป๋า

ใครชั่วใครเลวก็ยำที่ตรงนั้น
คนที่เค้าไม่ได้ทำด้วย จะไปยำทำปูทำไมก็ไม่ทราบได้ สุดจะคาดเดาจริงๆ

ขอบคุณภาษิตที่ จขกท ด้วยที่หามาแจกในกระทู้ก่อนหน้านี้
สองคนยลตามช่อง คนหนึ่งมองเห็นโคลนตม อีกหนึ่งคนเห็นดวงดาวอยู่พราวพราย

ทำให้ผมเข้าใจ จขกท ว่า
จขกท ได้แหงนมองดาวทั่วฟ้าแล้วจริงๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-01-2008, 00:51 โดย อัศวินเจได » บันทึกการเข้า

http://www.oknation.net/blog/jedimaster



"เมืองดอกบัวงาม  แม่น้ำสองสี  มีปลาแซบหลาย หาดทรายแก่งหิน  ถิ่นไทยนักปราชญ์  ทวยราษฎร์ใฝ่ธรรม งามลำเทียนพรรษา  ผาแต้มก่อนประวัติศาสตร์"

ไม่มีใครเน่าบริสุทธิ์ดุจดั่งมูล ประชาชินสมบูรณ์ซะที่ไหน เมื่อยืนหยัดโชว์จู๋และปาขี้ ประชาชินย่อมมีชีวิตใหม่ เมื่อท้องฟ้าสีขี้ผ่องอำไพ เหลี่ยมจันไsย่อมเป็นใหญ่อยู่ใต้ดิน ...

ขอเชิญร่วมกลุ่มต้านทักษิณใน hi5 ครับ

THAKSIN get out !!
http://www.hi5.com/friend/group/1123605--THAKSIN%2Bget%2Bout%2521%2521--front-html

say no to thaksin !
http://www.hi5.com/friend/group/1186900--say%2Bno%2Bto%2Bthaksin%2B%2521--front-html
********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #5 เมื่อ: 31-01-2008, 00:33 »


สำหรับผู้ที่เริ่มอ่านกระทู้นี้ก่อน สามารถอ่านกระทู้ก่อนหน้านี้ประกอบได้จากผู้ตั้งกระทู้นามฝงเดียวกัน


อ่านให้ถูก เสวกเอก พระยาบำรุงราชบริพาร บิดาของท่านนายกรัฐมนตรี  พรรณชมพู  71  482

http://forum.serithai.net/index.php?topic=21481.0
บันทึกการเข้า

เล่าปี๋
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,417


ทำดีได้ดีมีไฉน ทำชั่วได้ดีมีถมไป


« ตอบ #6 เมื่อ: 31-01-2008, 07:24 »



  อิอิ  คุณพรรณฯ ทนไม่ไหวต้องออกมาแถลงการณ์แล้ว
บันทึกการเข้า

ขงเบ้งดูดาว เฮอะเอ่อเอ้ย เมื่อดาวตก เสียวในหัวอกเมือเห็นดาว
ไม่พราวไสว  หรือว่าตัวเราจะหมดบุญ จึงเป็นไป
ดาวที่สดใสเมื่อก่อนนั้น  พลันมืดมัว....
ScaRECroW
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,000


สุสูสัง ลภเต ปัญญัง - ผู้ฟังดี ย่อมเกิดปัญญา


เว็บไซต์
« ตอบ #7 เมื่อ: 31-01-2008, 11:45 »

จบง่ายไม่ง่ายก็ไม่ทราบ บังเอิญผมไม่มีพรรคมีพวก
ยังไงก็แพ้อยู่แล้ว



ไม่มีพวกก็ไม่เป็นไรครับ ทำแบบผมก็ได้ เป็นพวกเดียวกับตัวเอง
บันทึกการเข้า

Politic is nothing but the continuation of [the sin of] 7 by other means.

ท่านคิดว่า นรม. ควรทำอย่างไรเมื่อพบว่ากฏหมายบางฉบับมีช่องโหว่?
ก.ใช้อำนาจ นรม.ที่ได้รับมาจากประชาชนแก้กฏหมายเพื่อปิดช่องโหว่เหล่านั้น เพราะเป็นประโยชน์ของแผ่นดิน
ข.ฉวยโอกาสใช้ช่องโหว่เหล่านั้นเพื่อประโยชน์ของตนเองและคนรอบข้าง แล้วก็อ้างว่าคนอื่นเขาก็ทำกัน
ริวเซย์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,637


Worrior in The Blue Armor


เว็บไซต์
« ตอบ #8 เมื่อ: 31-01-2008, 11:55 »

ความจริงเราก็พวกเดียวกันทั้งนั้นแหละครับ

พวกต่อต้านทักษิณไงครับ
บันทึกการเข้า

ถ้ามีแฟนแบบนี้เอาไหมครับ^^


ปรมาจารย์เจได
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,771


รักแท้ก็เหมือนผี รู้ว่ามี แต่ไม่เคยเจอ


« ตอบ #9 เมื่อ: 31-01-2008, 12:06 »

ไม่มีพวกก็ไม่เป็นไรครับ ทำแบบผมก็ได้ เป็นพวกเดียวกับตัวเอง

ขอบคุณมากครับ

ความจริงเราก็พวกเดียวกันทั้งนั้นแหละครับ

พวกต่อต้านทักษิณไงครับ

 
ก็ต้องต้านต่อไปครับ จนกว่าเขาจะกลับมา
ผมจะยอมเสียค่าแท๊กซี่ 60 บาทเข้าสนามบินไปรับ

------------------------------------------------------------------------------------------------

เห็นช่วงนี้คำคมสุภาษิตไทยกำลังแรง
อ้างถึง
สองคนยลตามช่อง คนหนึ่งมองเห็นโคลนตม อีกหนึ่งคนเห็นดวงดาวอยู่พราวพราย

คนที่มองเห็นโคลนตม อยากชมตม ยังวิ่งไปใส่ตมได้ ส่วนอีกคนเห็นดวงดาวอยู่พราวพราย เห็นแค่ตา แต่ความเป็นจริงนั้น จะเอาตัวเองออกไปเอื้อมคว้าดาวคงยากหน่อยล่ะ ลำพังแค่จะออกไปจากชั้นบรรยากาศสตาร์โทสเฟียร์ ยังมิทราบได้ว่าจะไปยังไง ก็คงได้แค่มองดาวนั่นแหละครับ

บังเอิญไม่ได้จบอักษรศาสตร์ เลยไม่ค่อยอินกะภาษิตของคุณพรรณได้เท่าที่ควร

ที่เคยได้ยินพอผ่านๆมาบ้างก็มีแค่นี้
คบคนพาลถ้าจริงใจก็ไม่ผิด คบบัณฑิตไม่จริงใจก็ไร้ผล
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-01-2008, 12:18 โดย อัศวินเจได » บันทึกการเข้า

http://www.oknation.net/blog/jedimaster



"เมืองดอกบัวงาม  แม่น้ำสองสี  มีปลาแซบหลาย หาดทรายแก่งหิน  ถิ่นไทยนักปราชญ์  ทวยราษฎร์ใฝ่ธรรม งามลำเทียนพรรษา  ผาแต้มก่อนประวัติศาสตร์"

ไม่มีใครเน่าบริสุทธิ์ดุจดั่งมูล ประชาชินสมบูรณ์ซะที่ไหน เมื่อยืนหยัดโชว์จู๋และปาขี้ ประชาชินย่อมมีชีวิตใหม่ เมื่อท้องฟ้าสีขี้ผ่องอำไพ เหลี่ยมจันไsย่อมเป็นใหญ่อยู่ใต้ดิน ...

ขอเชิญร่วมกลุ่มต้านทักษิณใน hi5 ครับ

THAKSIN get out !!
http://www.hi5.com/friend/group/1123605--THAKSIN%2Bget%2Bout%2521%2521--front-html

say no to thaksin !
http://www.hi5.com/friend/group/1186900--say%2Bno%2Bto%2Bthaksin%2B%2521--front-html
พรรณชมพู
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,073


« ตอบ #10 เมื่อ: 31-01-2008, 14:23 »

ขอบคุณมากครับ

 
ก็ต้องต้านต่อไปครับ จนกว่าเขาจะกลับมา
ผมจะยอมเสียค่าแท๊กซี่ 60 บาทเข้าสนามบินไปรับ

------------------------------------------------------------------------------------------------

เห็นช่วงนี้คำคมสุภาษิตไทยกำลังแรง
คนที่มองเห็นโคลนตม อยากชมตม ยังวิ่งไปใส่ตมได้ ส่วนอีกคนเห็นดวงดาวอยู่พราวพราย เห็นแค่ตา แต่ความเป็นจริงนั้น จะเอาตัวเองออกไปเอื้อมคว้าดาวคงยากหน่อยล่ะ ลำพังแค่จะออกไปจากชั้นบรรยากาศสตาร์โทสเฟียร์ ยังมิทราบได้ว่าจะไปยังไง ก็คงได้แค่มองดาวนั่นแหละครับ

บังเอิญไม่ได้จบอักษรศาสตร์ เลยไม่ค่อยอินกะภาษิตของคุณพรรณได้เท่าที่ควร

ที่เคยได้ยินพอผ่านๆมาบ้างก็มีแค่นี้
คบคนพาลถ้าจริงใจก็ไม่ผิด คบบัณฑิตไม่จริงใจก็ไร้ผล

ประทับใจใรคำคมอีกแล้ว

คบคนพาลถ้าจริงใจก็ไม่ผิด คบบัณฑิตไม่จริงใจก็ไร้ผล

นับว่าเป็นการแผลงคำคมหรือภาษิตโบราณได้น่าฟังยิ่ง จึงขอยกทั้งภาษิตดั้งเดิมและภาษิดแผลงที่เคยได้ยินมา เพื่อประกอบไว้ด้วย

คบคนพาลพาลพาไปหาผิด คบบัณฑิตบัณฑิตพาไปหาผล

(คำว่า บัณฑิต นั้น การอ่านที่ถูกต้องคือ บัน ดิต  เคยได้ยินคนอ่าว่า บัน ทิด ฟังแล้วนึกถึงคนที่พึ่งสึก  )

แต่ก็เคยได้ยินภาษิตนี้ที่มีผู้นำมาแผลงเพื่อความสุนกสนาน  เขากล่าวว่า

คบคนพาลพาลพาไปหาผิด คบบัณฑิตบัณฑิตพาไปหาผล
คบกับโจรโจรพาไปฆ่าคน สัปดนวันละนิดจิตแจ่มเอย


บันทึกการเข้า
ScaRECroW
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,000


สุสูสัง ลภเต ปัญญัง - ผู้ฟังดี ย่อมเกิดปัญญา


เว็บไซต์
« ตอบ #11 เมื่อ: 31-01-2008, 14:56 »

ขอบคุณมากครับ



ยินดีครับ เป็นพวกกับตัวเองนี่ดีอย่าง เราไม่เสียความเป็นตัวเอง ไม่เสียจุดยืนตัวเอง ไม่ต้องไปว่อกแว่ก ไม่ต้องคลอนแคลนกับความเห็นมั่ว ๆ ที่บางคนพยายามยัดเยียดให้ แล้วก็เวลาเห็นแย้งกับใคร ก็ใส่ได้เต็มที่แบบไม่ต้องเกรงใจ
บันทึกการเข้า

Politic is nothing but the continuation of [the sin of] 7 by other means.

ท่านคิดว่า นรม. ควรทำอย่างไรเมื่อพบว่ากฏหมายบางฉบับมีช่องโหว่?
ก.ใช้อำนาจ นรม.ที่ได้รับมาจากประชาชนแก้กฏหมายเพื่อปิดช่องโหว่เหล่านั้น เพราะเป็นประโยชน์ของแผ่นดิน
ข.ฉวยโอกาสใช้ช่องโหว่เหล่านั้นเพื่อประโยชน์ของตนเองและคนรอบข้าง แล้วก็อ้างว่าคนอื่นเขาก็ทำกัน
********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #12 เมื่อ: 31-01-2008, 15:55 »

สำหรับผู้ที่เริ่มอ่านกระทู้นี้ก่อน สามารถอ่านกระทู้ก่อนหน้านี้ประกอบได้จากผู้ตั้งกระทู้นามฝงเดียวกัน


อ่านให้ถูก เสวกเอก พระยาบำรุงราชบริพาร บิดาของท่านนายกรัฐมนตรี  พรรณชมพู  71  482

http://forum.serithai.net/index.php?topic=21481.0



กระทู้เริ่มคลอดลูก (ได้ยินข่าวลือว่า อยากให้อยู่บน)

 

ลูกเต้าเหล่าใคร  พรรณชมพู  2  36

http://forum.serithai.net/index.php?topic=21551.0
บันทึกการเข้า

ปรมาจารย์เจได
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,771


รักแท้ก็เหมือนผี รู้ว่ามี แต่ไม่เคยเจอ


« ตอบ #13 เมื่อ: 31-01-2008, 17:55 »

ประทับใจใรคำคมอีกแล้ว

คบคนพาลถ้าจริงใจก็ไม่ผิด คบบัณฑิตไม่จริงใจก็ไร้ผล

นับว่าเป็นการแผลงคำคมหรือภาษิตโบราณได้น่าฟังยิ่ง จึงขอยกทั้งภาษิตดั้งเดิมและภาษิดแผลงที่เคยได้ยินมา เพื่อประกอบไว้ด้วย

คบคนพาลพาลพาไปหาผิด คบบัณฑิตบัณฑิตพาไปหาผล

(คำว่า บัณฑิต นั้น การอ่านที่ถูกต้องคือ บัน ดิต  เคยได้ยินคนอ่าว่า บัน ทิด ฟังแล้วนึกถึงคนที่พึ่งสึก  )

แต่ก็เคยได้ยินภาษิตนี้ที่มีผู้นำมาแผลงเพื่อความสุนกสนาน  เขากล่าวว่า

คบคนพาลพาลพาไปหาผิด คบบัณฑิตบัณฑิตพาไปหาผล
คบกับโจรโจรพาไปฆ่าคน สัปดนวันละนิดจิตแจ่มเอย




ครับคุณพรรณฯ

จากภาษิต
สองคนยลตามช่อง คนหนึ่งมองเห็นโคลนตม อีกหนึ่งคนเห็นดวงดาวอยู่พราวพราย

อาจต้องเอาคนอื่น มาดูสองบุคคลในภาษิตนี้ครับ
คนแรกมันเห็นโคลนตม อย่างน้อยมันก็เห็นด้วยตา ไม่ต้องพิสูจน์ต่อว่าอะไรคืออะไร
แต่อีกคนที่นึกว่าตัวเองเห็นดวงดาวอยู่พราวพรายแล้วต้องเหนือกว่าคนเห็นตมนั้น แท้จริงแล้ว  ผิวดวงดาวก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากเศษหินดินทรายเลยครับ ความสวยงามของดวงดาวพราวพรายที่เห็นนั้นมันก็แค่สิ่งลวงตาครับ แสงระยิบระยับที่ส่องบนท้องฟ้าก็ยืมแสงจากคนอื่นมา หาใช่แสงจากตัวเอง
สุดท้ายแล้วก็ติดกับภาพลวงตาแล้วก็นึกไปว่าดวงดาวนั้นสวยงามกว่าโคลนตม

สุดท้ายแท้จริงแล้ว สองคนนั้น มันเห็นอันเดียวกันนั่นแหละครับ
เพียงแต่คนหนึ่งยึดติดกับความจริง ส่วนอีกคนยึดติดกะสิ่งลวงตา

ดังนั้นวัยรุ่นเขาถึงทำ sms ส่งหากันบ่อยว่า (เคยเห็นสมัยก่อน)
ไม่เห็นได้ด้วยตา แต่สัมผัสได้ด้วยใจ

ท่านเปาขอเลิกศาลครับ
 
บันทึกการเข้า

http://www.oknation.net/blog/jedimaster



"เมืองดอกบัวงาม  แม่น้ำสองสี  มีปลาแซบหลาย หาดทรายแก่งหิน  ถิ่นไทยนักปราชญ์  ทวยราษฎร์ใฝ่ธรรม งามลำเทียนพรรษา  ผาแต้มก่อนประวัติศาสตร์"

ไม่มีใครเน่าบริสุทธิ์ดุจดั่งมูล ประชาชินสมบูรณ์ซะที่ไหน เมื่อยืนหยัดโชว์จู๋และปาขี้ ประชาชินย่อมมีชีวิตใหม่ เมื่อท้องฟ้าสีขี้ผ่องอำไพ เหลี่ยมจันไsย่อมเป็นใหญ่อยู่ใต้ดิน ...

ขอเชิญร่วมกลุ่มต้านทักษิณใน hi5 ครับ

THAKSIN get out !!
http://www.hi5.com/friend/group/1123605--THAKSIN%2Bget%2Bout%2521%2521--front-html

say no to thaksin !
http://www.hi5.com/friend/group/1186900--say%2Bno%2Bto%2Bthaksin%2B%2521--front-html
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #14 เมื่อ: 31-01-2008, 19:59 »

ตรรกะแบบนายสมัคร ใช้ไม่ค่อยได้หรอกครับ

วันที่ประกาศตนเป็นนายกรัฐมนตรี หลังมีพระบรมราชโองการฯ

ก็บอกว่า ประชาชนเลือกพลังประชาชน เพราะเชื่อว่า ทักษิณ มีความจงรักภักดี

ลองๆ ไปหาอ่านอีกครั้งก็ได้ครับ
บันทึกการเข้า

ปรมาจารย์เจได
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,771


รักแท้ก็เหมือนผี รู้ว่ามี แต่ไม่เคยเจอ


« ตอบ #15 เมื่อ: 31-01-2008, 20:14 »

ตรรกะสมัครใช้ไม่ได้ตั้งแต่บอกว่า 233 เสียงฟอกให้ทักษิณบริสุทธิ์แล้วล่ะครับ
ผมก็ไม่เคยได้เห็นดีเห็นงามกับสมัครหรอกครับ

เพียงแค่แย้งในส่วนของการที่มีใครขุดโคตรเหง้าศักราชเขามาชื่นชมในทางลบก็แค่นั้น
หากเป็นโจร จะอยู่ในคลาสไหนก็ไม่ทราบได้ ที่สู้เขาไม่ได้ก็ไปดักยิงลูกเมียเขาแทน

อันที่จริงผมก็พอได้ยินมาบ้างเหมือนกันครับ
ที่เขาพูดๆกันว่า
"มีแต่นิสัยคนขี้แพ้เท่านั้น ที่โจมตีโคตรเหง้าศักราชเค้า"

และยืนยันอีกครั้งว่าผมไม่ได้ชื่นนายสมัครอะไรนั่นหรอกครับ
มันเองก็ไม่ได้ดี

เหตุผลก็มีเพียงแค่พ่อมันไม่เคยมาให้ทุกขลาภกะใคร จะผิดก็แค่อย่างเดียวนั่นแหละ ที่ปล่อยให้มีลูกคนที่ 7 ออกมา

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-01-2008, 20:19 โดย อัศวินเจได » บันทึกการเข้า

http://www.oknation.net/blog/jedimaster



"เมืองดอกบัวงาม  แม่น้ำสองสี  มีปลาแซบหลาย หาดทรายแก่งหิน  ถิ่นไทยนักปราชญ์  ทวยราษฎร์ใฝ่ธรรม งามลำเทียนพรรษา  ผาแต้มก่อนประวัติศาสตร์"

ไม่มีใครเน่าบริสุทธิ์ดุจดั่งมูล ประชาชินสมบูรณ์ซะที่ไหน เมื่อยืนหยัดโชว์จู๋และปาขี้ ประชาชินย่อมมีชีวิตใหม่ เมื่อท้องฟ้าสีขี้ผ่องอำไพ เหลี่ยมจันไsย่อมเป็นใหญ่อยู่ใต้ดิน ...

ขอเชิญร่วมกลุ่มต้านทักษิณใน hi5 ครับ

THAKSIN get out !!
http://www.hi5.com/friend/group/1123605--THAKSIN%2Bget%2Bout%2521%2521--front-html

say no to thaksin !
http://www.hi5.com/friend/group/1186900--say%2Bno%2Bto%2Bthaksin%2B%2521--front-html
หน้า: [1]
    กระโดดไป: