********Q********
|
|
« เมื่อ: 21-01-2008, 20:40 » |
|
สส.ในพรรคพลังประชาชน หลายคนทีเดียว
ผมตั้งกระทู้ไว้รอตรวจสอบครับ...
ว่ามีใครแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมเพื่อให้เบี่ยงเบนความผิดหรือมีผลประโยชน์ทับซ้อนทุจริตเชิงนโยบายหรือไม่?
และก็รอดูการทำงานของตำรวจ ทหาร ข้าราชการ นักวิชาการ นักธุรกิจ นักลงทุน ศาลต่างๆด้วยครับ
หากทำไม่ถูกต้องประชาชนคงต้องรวมตัวกันประท้วงหรือ ถอดถอน
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-01-2008, 20:44 โดย ********Q******** »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
|
« ตอบ #1 เมื่อ: 21-01-2008, 20:48 » |
|
เอาคนที่ไม่เหมาะสม มีปัญหาขึ้นมา
ถือว่ามีเจตนาขืนใจประชาชนส่วนที่เหลือจำนวนมากรวมทั้งพลังเงียบต่างๆด้วยนะครับ
เพราะไม่ได้สมยอม เพียงแต่รอกระบวนการยุติธรรมเท่านั้น
และผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดต้องรับผิดชอบ จ่ายราคาเพิ่มขึ้นกว่าครั้งก่อนนะครับ ก็เตือนๆกันไว้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
soco
|
|
« ตอบ #2 เมื่อ: 21-01-2008, 20:53 » |
|
การถอดถอนจากตำแหน่ง มาตรา ๒๗๐ ผู้ดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา ประธานศาลฎีกา ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประธานศาลปกครองสูงสุด หรืออัยการสูงสุด ผู้ใดมีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ ส่อไปในทางทุจริตต่อหน้าที่ ส่อว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ส่อว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่ง
รัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง วุฒิสภา มีอำนาจถอดถอนผู้นั้นออกจากตำแหน่งได้ บทบัญญัติวรรคหนึ่งให้ใช้บังคับกับผู้ดำรงตำแหน่งดังต่อไปนี้ด้วย คือ (๑) ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กรรมการการเลือกตั้ง ผู้ตรวจการแผ่นดิน และกรรมการ ตรวจเงินแผ่นดิน (๒) ผู้พิพากษาหรือตุลาการ พนักงานอัยการ หรือผู้ดำ รงตำ แหน่งระดับสูง ทั้งนี้ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต มาตรา ๒๗๑ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวน ไม่น้อยกว่าหนึ่งในสี่ของจำนวนสมาชิก
ทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร มีสิทธิเข้าชื่อร้องขอต่อประธานวุฒิสภาเพื่อให้วุฒิสภามีมติ ตามมาตรา ๒๗๔ ให้ถอดถอนบุคคลตามมาตรา ๒๗๐ ออกจากตำแหน่งได้ คำร้องขอดังกล่าวต้อง ระบุพฤติการณ์ที่กล่าวหาว่าผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวกระทำความผิดเป็นข้อ ๆ ให้ชัดเจน สมาชิกวุฒิสภาจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสี่ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภา มีสิทธิเข้าชื่อร้องขอต่อประธานวุฒิสภาเพื่อให้วุฒิสภามีมติตามมาตรา ๒๗๔ ให้ถอดถอนสมาชิก วุฒิสภาออกจากตำแหน่งได้ ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนไม่น้อยกว่าสองหมื่นคนมีสิทธิเข้าชื่อร้องขอให้ถอดถอน บุคคลตามมาตรา ๒๗๐ ออกจากตำแหน่งได้ตามมาตรา ๑๖๔ ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ตรงนี้ชัดครับ ใช้เสียงแค่ 120 เสียง ก็สามารถดำเนินการได้ทันที ไม่ต้องล่าลายชื่อชาวบ้านให้เมื่อย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
soco
|
|
« ตอบ #3 เมื่อ: 21-01-2008, 21:01 » |
|
อันนี้ใว้ดูเล่น ๆ ครับ ว่า การเป็นนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรี ครั้งที่สองตามรัฐธรรมนูญปัจจุบัน มีระเบียบใว้อย่างไรบ้าง ครั้งแรกก็ คณะท่านขิงแก่ น่ะครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
|
« ตอบ #4 เมื่อ: 21-01-2008, 21:01 » |
|
การถอดถอนจากตำแหน่ง มาตรา ๒๗๐ ผู้ดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา ประธานศาลฎีกา ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประธานศาลปกครองสูงสุด หรืออัยการสูงสุด ผู้ใดมีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ ส่อไปในทางทุจริตต่อหน้าที่ ส่อว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ส่อว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่ง
รัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง วุฒิสภา มีอำนาจถอดถอนผู้นั้นออกจากตำแหน่งได้ บทบัญญัติวรรคหนึ่งให้ใช้บังคับกับผู้ดำรงตำแหน่งดังต่อไปนี้ด้วย คือ (๑) ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กรรมการการเลือกตั้ง ผู้ตรวจการแผ่นดิน และกรรมการ ตรวจเงินแผ่นดิน (๒) ผู้พิพากษาหรือตุลาการ พนักงานอัยการ หรือผู้ดำ รงตำ แหน่งระดับสูง ทั้งนี้ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต มาตรา ๒๗๑ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวน ไม่น้อยกว่าหนึ่งในสี่ของจำนวนสมาชิก
ทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร มีสิทธิเข้าชื่อร้องขอต่อประธานวุฒิสภาเพื่อให้วุฒิสภามีมติ ตามมาตรา ๒๗๔ ให้ถอดถอนบุคคลตามมาตรา ๒๗๐ ออกจากตำแหน่งได้ คำร้องขอดังกล่าวต้อง ระบุพฤติการณ์ที่กล่าวหาว่าผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวกระทำความผิดเป็นข้อ ๆ ให้ชัดเจน สมาชิกวุฒิสภาจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสี่ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภา มีสิทธิเข้าชื่อร้องขอต่อประธานวุฒิสภาเพื่อให้วุฒิสภามีมติตามมาตรา ๒๗๔ ให้ถอดถอนสมาชิก วุฒิสภาออกจากตำแหน่งได้ ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนไม่น้อยกว่าสองหมื่นคนมีสิทธิเข้าชื่อร้องขอให้ถอดถอน บุคคลตามมาตรา ๒๗๐ ออกจากตำแหน่งได้ตามมาตรา ๑๖๔ ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ตรงนี้ชัดครับ ใช้เสียงแค่ 120 เสียง ก็สามารถดำเนินการได้ทันที ไม่ต้องล่าลายชื่อชาวบ้านให้เมื่อย นายกฯ ต้องไม่ยุบสภาหนีแบบไม่ใช่ความผิดของสภานะครับ มันจะซ้ำรอยทักษิณ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-01-2008, 21:03 โดย ********Q******** »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Solidus
|
|
« ตอบ #5 เมื่อ: 21-01-2008, 21:03 » |
|
ตรงนี้ชัดครับ ใช้เสียงแค่ 120 เสียง ก็สามารถดำเนินการได้ทันที ไม่ต้องล่าลายชื่อชาวบ้านให้เมื่อย ถ้า ปขป ยื่นสงสัยโดนด่าอีกเพราะทำอะไรก็ผิดไปหมด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
soco
|
|
« ตอบ #6 เมื่อ: 21-01-2008, 21:07 » |
|
ถ้า ปขป ยื่นสงสัยโดนด่าอีกเพราะทำอะไรก็ผิดไปหมด
ต้องดูเป็นเรื่อง ๆ ไปครับ แต่พวก โจร ย่อมด่าตำรวจ เป็นธรรมชาติของมนุษย์ครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
|
« ตอบ #7 เมื่อ: 21-01-2008, 21:07 » |
|
ถ้า ปขป ยื่นสงสัยโดนด่าอีกเพราะทำอะไรก็ผิดไปหมด
ทำอะไรก็ต้องดูประโยชน์ของบ้านเมือง ไม่ใช่รอดูแต่รายงานครับ
ต้องผลักดันพัฒนาประเทศ ในด้านการเมืองก็ต้องทำให้โปร่งใส
ไม่ใช่พูดกันเอง ตัดสินใจกันเแค่สองสามคน..อ้างมติพรรคลอยลม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Solidus
|
|
« ตอบ #8 เมื่อ: 21-01-2008, 21:15 » |
|
ทำอะไรก็ต้องดูประโยชน์ของบ้านเมือง ไม่ใช่รอดูแต่รายงานครับ
ต้องผลักดันพัฒนาประเทศ ในด้านการเมืองก็ต้องทำให้โปร่งใส
ไม่ใช่พูดกันเอง ตัดสินใจกันเแค่สองสามคน..อ้างมติพรรคลอยลม
ไม่ต้องรอดูรายงานก็ทำแบบทักษิณไงครับ แก้ปัญหาตามใจตัวเองไม่ต้องรอรายงานจากใคร ส่วนที่คุณบอกว่าอ้างมติพรรคลอยลม มีหลักฐานไหมครับว่าตัดสินใจแค่สองสามคน ทำไมคนในพรรคไม่ออกมาโวยวายว่าแอบอ้างมติพรรคครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
|
« ตอบ #9 เมื่อ: 21-01-2008, 21:22 » |
|
ไม่ต้องรอดูรายงานก็ทำแบบทักษิณไงครับ แก้ปัญหาตามใจตัวเองไม่ต้องรอรายงานจากใคร ส่วนที่คุณบอกว่าอ้างมติพรรคลอยลม มีหลักฐานไหมครับว่าตัดสินใจแค่สองสามคน ทำไมคนในพรรคไม่ออกมาโวยวายว่าแอบอ้างมติพรรคครับ
ไม่ใช่จะเล่นสำนวนนะครับ.
แต่ในพรรคทรท.ก็ไม่มีใครออกมาโวยวายเหมือนกัน
เข้าใจคำว่าอำนาจเหนือพรรคนะครับ..การใช้อำนาจที่ไม่เหมาะสมทำให้เสื่อมและไปไม่ได้ไกลครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
|
« ตอบ #10 เมื่อ: 21-01-2008, 21:26 » |
|
จะอ้างมติพรรค ทำเเป็นหนังสือรายงานการประชุม
อ้างวันเวลา สถานที่และวิธีประชุม ความเห็นต่างๆด้วยครับ
หลักฐานก็คือ หลายเรื่องที่สำคัญ พูดแล้วไม่มีหลักฐาน..
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-01-2008, 21:31 โดย ********Q******** »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
|
« ตอบ #11 เมื่อ: 24-01-2008, 20:24 » |
|
เออ ฝ่ายค้าน ตั้งให้เป็นรัฐบาลใบแดงแล้ว
พอๆกัน ฝ่ายค้านปากแดง..เหมือนอีกาคาบพริก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
|
« ตอบ #12 เมื่อ: 24-01-2008, 20:56 » |
|
ยงยุทธ เอ๊ย ไม่ใช่แค่ไม่แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ต้องทำให้กระบวนการยุติธรรมมีประสิทธิภาพ กล้าเด็ดหัวสส.คอร์รัปชันอำนาจและโกงทั้งในพรรคและต่างพรรค ตลอดจนถึงลูกหลานบริวารด้วยรวบหลาน ส.ส.พลังแม้ว ลพบุรีค้ายาบ้า - สารภาพทำมา 5 ปีรวย 10 ล้านhttp://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9510000010051 โดย ผู้จัดการออนไลน์ 24 มกราคม 2551 18:46 น. คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น นายอำนวย คลังผา ส.ส.ลพบุรี เขต 2 พรรคพลังประชาชน ตร.ภาค 3 ล่อซื้อและรวบตัว ส.จ.แต๋น หลาน อำนวย คลังผา ส.ส.พปช.ลพบุรี พร้อมของกลางยาบ้า 200 เม็ด ได้ที่โคราช เจ้าตัวสารภาพทำมาแล้ว 5 ปี จนร่ำรวยมีทรัพย์สินถึง 10 ล้าน และเป็นแก๊งเดียวกับ ณรงค์ฤทธิ์ คลังผา นายก อบต.วังเพลิง ลูกชาย ส.ส.พลังแม้ว วันนี้ (24 ม.ค.) พ.ต.อ.ภาณุ บุรณศิริ รองผู้บังคับการศูนย์สืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 ได้แถลงข่าวกรณีชุดสืบสวนนำกำลังเข้าล่อซื้อยาบ้าและบุกเข้ารวบตัว นางปราณี คลังผา อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 166 หมู่ 7 ตำบลเพนียด อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 200 เม็ด ได้ที่บริเวณบ้านเลขที่ 900 หมู่ที่ 4 ตำบลหนองจะบก อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ภายหลังถูกล่อซื้อ และถูกจับกุมได้พร้อมของกลาง นางปราณี คลังผา หรือ ส.จ.แต๋น เป็นสมาชิกสภา อบจ.ลพบุรี เขตอำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี ให้การรับสารภาพ ว่า ค้ายาบ้าโดยเป็นผู้ค้ารายใหญ่มานานกว่า 5 ปี มีทรัพย์สินที่ได้จากการค้ายาบ้าจำนวนนับ 10 ล้านบาท และมีธุรกิจการค้ายาบ้าจำนวนมาก นอกจากนี้ ยังเป็นเครือข่ายยาบ้าเดียวกับ นายณรงค์ฤทธิ์ คลังผา ลูกชายนายอำนวย คลังผา ส.ส.เขต 2 ลพบุรี พรรคพลังประชาชน ซึ่งเป็นนายก อบต.วังเพลิง อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี รวมทั้งนางปราณี ยังเป็นหลานสาวของนายอำนวย คลังผา ด้วย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
soco
|
|
« ตอบ #13 เมื่อ: 31-01-2008, 11:08 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
55555
|
|
« ตอบ #14 เมื่อ: 31-01-2008, 13:20 » |
|
อันนี้ใว้ดูเล่น ๆ ครับ ว่า การเป็นนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรี ครั้งที่สองตามรัฐธรรมนูญปัจจุบัน มีระเบียบใว้อย่างไรบ้าง ครั้งแรกก็ คณะท่านขิงแก่ น่ะครับ ดูเล่นไม่ได้ครับ....อันนี้ น่ากลัวเหมือนกัน.....เพราะ ลุงหมักแกไปรับเงินเดือน ไว้ ตอนได้รับเลือกเป็นวุฒิสมชิก...จนป่านนนี้ ยังไม่ได้ เอาเงินไปคืนเลยครับ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-01-2008, 13:22 โดย 55555 »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
soco
|
|
« ตอบ #15 เมื่อ: 31-01-2008, 13:46 » |
|
รธน.เว้นใว้ให้เฉพาะการดำรงตำแหน่ง วาระแรก หลังจากใช้รัฐธรรมนูญนี้ คือเว้นให้แต่ รมต. คณะขิงแก่เท่านั้น จริง ๆ มาตรา 174 ทั้งมาตราเลยยกเว้นใว้ให้ในบทเฉพาะกาล ส่วนการรับตำแหน่ง วาระสองของคณะรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ ไม่มีเว้นใว้ให้ อ๊ะ ป๋าหมักเป็นนายกฯ แล้วเหรอ คุณสมบัติ ผ่านมาตรา 174 ได้ไง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เหล็กน้ำพี้
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
ออฟไลน์
กระทู้: 45
|
|
« ตอบ #16 เมื่อ: 31-01-2008, 13:57 » |
|
เนชั่นทันข่าว กกต.ยัน "สมัคร" เป็นอดีต ส.ว.ปี 49 ไม่ขัดคุณสมบัตินายกฯ 11:59 น. นายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านบริหารการเลือกตั้ง เปิดเผยว่า ในการประชุมใหญ่ กกต.วันนี้ จะ มีการพิจารณาชี้ขาดถึงสถานภาพการดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย ของนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ เนื่องจากหากไม่มีความชัดเจนจะทำให้มีปัญหาในการเสนอรายชื่อบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีโดยมิชอบได้ ก็ถือว่าไม่ผ่านความเห็นชอบจากกรรมการบริหารพรรคและมติพรรค นอกจากนี้ นายประพันธ์ ยังกล่าวถึงสถานภาพการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของนายสมัคร สุนทรเวช ที่หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยว่าอาจขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญ เนื่องจากนายสมัคร เคยเป็นสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ปี 2549 มาก่อนว่า กรณีดังกล่าว กกต.เคยตรวจสอบคุณสมบัติตั้งแต่เป็น ส.ส.แล้ว ไม่พบว่า มีปัญหา ทั้งนี้หากมีผู้ร้องเรียนเข้ามา กกต.ก็จะดำเนินการตรวจสอบให้ ยั่งงี้ต้องรีบหาผู้ร้องเรียนแล้ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
55555
|
|
« ตอบ #17 เมื่อ: 31-01-2008, 14:02 » |
|
เนชั่นทันข่าว กกต.ยัน "สมัคร" เป็นอดีต ส.ว.ปี 49 ไม่ขัดคุณสมบัตินายกฯ 11:59 น. นายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านบริหารการเลือกตั้ง เปิดเผยว่า ในการประชุมใหญ่ กกต.วันนี้ จะ มีการพิจารณาชี้ขาดถึงสถานภาพการดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย ของนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ เนื่องจากหากไม่มีความชัดเจนจะทำให้มีปัญหาในการเสนอรายชื่อบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีโดยมิชอบได้ ก็ถือว่าไม่ผ่านความเห็นชอบจากกรรมการบริหารพรรคและมติพรรค นอกจากนี้ นายประพันธ์ ยังกล่าวถึงสถานภาพการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของนายสมัคร สุนทรเวช ที่หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยว่าอาจขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญ เนื่องจากนายสมัคร เคยเป็นสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ปี 2549 มาก่อนว่า กรณีดังกล่าว กกต.เคยตรวจสอบคุณสมบัติตั้งแต่เป็น ส.ส.แล้ว ไม่พบว่า มีปัญหา ทั้งนี้หากมีผู้ร้องเรียนเข้ามา กกต.ก็จะดำเนินการตรวจสอบให้ ยั่งงี้ต้องรีบหาผู้ร้องเรียนแล้ว ตกลง ตอนนี้ เชื่อแล้วใช่มั๊ยครับ ว่า กกต. เที่ยงธรรม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เหล็กน้ำพี้
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
ออฟไลน์
กระทู้: 45
|
|
« ตอบ #18 เมื่อ: 31-01-2008, 14:04 » |
|
เนชั่นทันข่าว กกต.ยัน "สมัคร" เป็นอดีต ส.ว.ปี 49 ไม่ขัดคุณสมบัตินายกฯ 11:59 น. นายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านบริหารการเลือกตั้ง เปิดเผยว่า ในการประชุมใหญ่ กกต.วันนี้ จะ มีการพิจารณาชี้ขาดถึงสถานภาพการดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย ของนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ เนื่องจากหากไม่มีความชัดเจนจะทำให้มีปัญหาในการเสนอรายชื่อบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีโดยมิชอบได้ ก็ถือว่าไม่ผ่านความเห็นชอบจากกรรมการบริหารพรรคและมติพรรค นอกจากนี้ นายประพันธ์ ยังกล่าวถึงสถานภาพการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของนายสมัคร สุนทรเวช ที่หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยว่าอาจขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญ เนื่องจากนายสมัคร เคยเป็นสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ปี 2549 มาก่อนว่า กรณีดังกล่าว กกต.เคยตรวจสอบคุณสมบัติตั้งแต่เป็น ส.ส.แล้ว ไม่พบว่า มีปัญหา ทั้งนี้หากมีผู้ร้องเรียนเข้ามา กกต.ก็จะดำเนินการตรวจสอบให้ ยั่งงี้ต้องรีบหาผู้ร้องเรียนแล้ว เข้าใจว่าวุฒิสภา (ส.ว.) ปี 2549 ยังไม่ได้เริ่มการทำงาน หรือ อื่นใดที่ทำให้สภามีผลตามกฎหมาย ก็มาโดน คปค.ยุบไปซะก่อน แต่พวกที่รับเงินเดือนไปแล้วต้องคืนรึเปล่านี่สิ น่าสงสัย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
55555
|
|
« ตอบ #19 เมื่อ: 31-01-2008, 14:12 » |
|
คุณสมัคร รับเงินเดือนไปแล้ว เห็นว่า สี่ห้าเดือน .....ตอนนั้น ก็บอกว่า ตนเอง ได้รับเลือกตั้งเข้ามาเป็นวุฒิสมาชิกแล้ว...มีสิทธิรับเงินเดือน...
พอตอนนี้ จะมาบอกว่า ตนยังไม่ได้เป็นวุฒิสมาชิก ก็ไม่เป็นไรครับ....แต่ ช่วยเอา เงินเดือนไปคืนเค้าหน่อย...มันน่าเกลียดนา....
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เหล็กน้ำพี้
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
ออฟไลน์
กระทู้: 45
|
|
« ตอบ #20 เมื่อ: 31-01-2008, 14:17 » |
|
คุณสมัคร รับเงินเดือนไปแล้ว เห็นว่า สี่ห้าเดือน .....ตอนนั้น ก็บอกว่า ตนเอง ได้รับเลือกตั้งเข้ามาเป็นวุฒิสมาชิกแล้ว...มีสิทธิรับเงินเดือน...
พอตอนนี้ จะมาบอกว่า ตนยังไม่ได้เป็นวุฒิสมาชิก ก็ไม่เป็นไรครับ....แต่ ช่วยเอา เงินเดือนไปคืนเค้าหน่อย...มันน่าเกลียดนา....
บอกว่าตัวเองเป็น สว. กับ สถานะของวุฒิสภาตามกฎหมายน่าจะคนละประเด็นกัน แต่เงินเดือนนี่สิ ต้องคืนๆๆๆๆๆ เพราะไม่ได้มีวุฒิสภา 2549 ถ้าใครเถียงว่ามี สมัครก็เป็นนายกฯไม่ได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
55555
|
|
« ตอบ #21 เมื่อ: 31-01-2008, 14:27 » |
|
บอกว่าตัวเองเป็น สว. กับ สถานะของวุฒิสภาตามกฎหมายน่าจะคนละประเด็นกัน แต่เงินเดือนนี่สิ ต้องคืนๆๆๆๆๆ เพราะไม่ได้มีวุฒิสภา 2549 ถ้าใครเถียงว่ามี สมัครก็เป็นนายกฯไม่ได้ ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ครับ....ผมบอกว่า ...เมื่อก่อน เค้ากล่าวหา กันว่า ไม่ควรรับเงินเดือน ก็เห็น เถียงฉอด ๆ ว่า เป็นวุฒิ ได้รับเลือกตั้งมาแล้ว....ได้รับการประกาศรับรอง จาก กกต. ชุด
ตอนนี้ บอกไม่ใช่ ก็ไม่เป็นไร นี่ครับ....ก็ ดู ๆ ฟัง ๆ กันเอา ก็แล้วกัน....
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
soco
|
|
« ตอบ #22 เมื่อ: 31-01-2008, 14:33 » |
|
กกต.ชี้"สมัคร"เป็นนายกฯไม่ขัด รธน. ม.174 (6) -------------------------------------------------------------------------------- โดย Post Digital 31 มกราคม 2551 14:16 น. กกต.ระบุคุณสมบัติ "สมัคร" เป็นนายกฯได้ ไม่ขัด รธน.มาตรา 174 (6) และไม่มีผู้ใดทักท้วงตอนสมัคร ส.ส.อีกทั้งมีบทเฉพาะกาลยกเว้นให้ผู้สมัคร ส.ว.ปี 2549 นายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงสถานภาพของนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่อาจขัดกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 174 (6) ที่ระบุว่า ไม่เป็นสมาชิกวุฒิสภา หรือเคยเป็นสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งสมาชิกภาพสิ้นสุดลงมาแล้ว ยังไม่เกิน 2 ปี นับถึงวันที่ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี เนื่องจากนายสมัครเคยดำรงตำแหน่ง ส.ว. เมื่อปี 2549 ว่า เบื้องต้น กกต.ได้ตรวจสอบคุณสมบัตินายสมัครแล้ว เมื่อตอนสมัครลงเลือกตั้ง ส.ส. และนายสมัครผ่านการตรวจคุณสมบัติ และสามารถลงเลือกตั้ง ส.ส.ได้ โดยไม่มีบุคคลใดทักท้วง ดังนั้น ถือได้ว่านายสมัครไม่มีปัญหา ส่วนที่ยังสับสนอยู่ว่า ส.ว.ปี 2549 สามารถลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ได้หรือไม่นั้น กกต.ได้มีมติว่า ส.ว.ปี 2549 มีบทเฉพาะกาลยกเว้นไว้ให้ นายประพันธ์ กล่าว ต่อกรณีที่รัฐธรรมนูญมาตรา 182 (3) ระบุว่า ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว เมื่อต้องคำพิพากษาให้จำคุก แม้คดีนั้นจะยังไม่ถึงที่สุด หรือมีการรอการลงโทษ เว้นแต่เป็นกรณีที่คดียังไม่ถึงที่สุด หรือมีการรอลงโทษ ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาท ความผิดลหุโทษ หรือความผิดฐานหมิ่นประมาทนั้น นายประพันธ์ กล่าวว่า ไม่มีปัญหา แต่ถ้ามีผู้โต้แย้งเพิ่มเติมเข้ามา กกต.ก็พร้อมพิจารณา แต่อยู่ๆ จะให้ กกต.ไปรื้อค้นมาตรวจสอบเองคงไม่ได้ http://www.posttoday.com/breakingnews.php?sec=breaking&id=218095เป็น สส. ก็ได้ถูกต้องแล้ว เพราะเป็นการเลือกตั้ง ครั้งแรก ส่วน ครม. จะอีกอย่าง เพราะเป็นการดำรงตำแหน่งทางการเมืองครั้งที่ 2 เป็นสส. ใช่ว่า จะเป็น รมต.ได้ทุกคนซ่ะเมื่อไหร่ พวกอายุไม่ถึง 35 บริบูรณ์ อย่างลูกท๊อป หรือไม่จบ ป.ตรี ก็แห้ว หรือแม้แต่พวกไม่เป็น สส. ก็เป็น รมต.ได้ ถ้าไม่ขัดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
|
« ตอบ #23 เมื่อ: 31-01-2008, 14:40 » |
|
อ่านมาตรา 296 ชัดเจน
มาตรา ๒๙๖ ให้ดำเนินการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามรัฐธรรมนูญนี้ให้แล้วเสร็จ ภายในเก้าสิบวัน และดำเนินการให้ได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภาตามรัฐธรรมนูญนี้ให้แล้วเสร็จภายใน หนึ่งร้อยห้าสิบวัน ทั้งนี้ นับแต่วันที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญตามมาตรา ๒๙๕ มีผลใช้บังคับ ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั่วไปครั้งแรกภายหลังวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ ผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งต้องเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งแต่เพียงพรรคเดียว ไม่น้อยกว่าสามสิบวันนับถึงวันเลือกตั้ง ส่วนระยะเวลาตามมาตรา ๑๐๑ (๔) (ก) ให้ใช้กำหนดเป็น เวลาหนึ่งปี และระยะเวลาตามมาตรา ๑๐๑ (๔) (ค) และ (ง) ให้ใช้กำหนดเป็นสองปี ในวาระเริ่มแรก ห้ามมิให้ผู้เคยเป็นสมาชิกวุฒิสภาซึ่งได้รับเลือกตั้งเป็นครั้งแรก ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ ดำรงตำแหน่งเป็นสมาชิกวุฒิสภาซึ่งจะมี การได้มาเป็นครั้งแรกตามรัฐธรรมนูญนี้ และมิให้นำบทบัญญัติมาตรา ๑๑๕ (๙) และมาตรา ๑๑๖ วรรคสอง มาใช้บังคับกับผู้เคยเป็นสมาชิกวุฒิสภาซึ่งได้รับเลือกตั้งครั้งหลังสุดตามรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
soco
|
|
« ตอบ #24 เมื่อ: 31-01-2008, 14:52 » |
|
อ่านมาตรา 296 ชัดเจน
มาตรา ๒๙๖ ให้ดำเนินการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามรัฐธรรมนูญนี้ให้แล้วเสร็จ ภายในเก้าสิบวัน และดำเนินการให้ได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภาตามรัฐธรรมนูญนี้ให้แล้วเสร็จภายใน หนึ่งร้อยห้าสิบวัน ทั้งนี้ นับแต่วันที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญตามมาตรา ๒๙๕ มีผลใช้บังคับ ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั่วไปครั้งแรกภายหลังวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ ผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งต้องเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งแต่เพียงพรรคเดียว ไม่น้อยกว่าสามสิบวันนับถึงวันเลือกตั้ง ส่วนระยะเวลาตามมาตรา ๑๐๑ (๔) (ก) ให้ใช้กำหนดเป็น เวลาหนึ่งปี และระยะเวลาตามมาตรา ๑๐๑ (๔) (ค) และ (ง) ให้ใช้กำหนดเป็นสองปี ในวาระเริ่มแรก ห้ามมิให้ผู้เคยเป็นสมาชิกวุฒิสภาซึ่งได้รับเลือกตั้งเป็นครั้งแรก ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ ดำรงตำแหน่งเป็นสมาชิกวุฒิสภาซึ่งจะมี การได้มาเป็นครั้งแรกตามรัฐธรรมนูญนี้ และมิให้นำบทบัญญัติมาตรา ๑๑๕ (๙) และมาตรา ๑๑๖ วรรคสอง มาใช้บังคับกับผู้เคยเป็นสมาชิกวุฒิสภาซึ่งได้รับเลือกตั้งครั้งหลังสุดตามรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐
จะไม่เห็น มาตรา 174(6) ที่จะยกเว้นให้ ยกเว้นจำเพาะมาตราอื่น พวกยกเว้นให้ สงสัยใช้อำนาจเหนือรัฐธรรมนูญ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
|
« ตอบ #25 เมื่อ: 31-01-2008, 15:23 » |
|
จะไม่เห็น มาตรา 174(6) ที่จะยกเว้นให้ ยกเว้นจำเพาะมาตราอื่น พวกยกเว้นให้ สงสัยใช้อำนาจเหนือรัฐธรรมนูญ มาตรา ๓๐๙ ชัดเจน ต้องถือว่าเป็นช่วงรอยต่อครับ
ส่วนมาตรา 174(6) ก็คงเป็นรอยต่อเหมือนกัน
เขียนเนียนไป เดี๋ยวหาไม่เจอ..
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|