ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
30-11-2024, 16:23
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สโมสรริมน้ำ  |  Re: ~~ *** ทั้งกิน ทั้งเที่ยว คราวเดียวกัน...สันดอนที่มหัศจรรย์ของโลก*** ~~ 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1] 2
Re: ~~ *** ทั้งกิน ทั้งเที่ยว คราวเดียวกัน...สันดอนที่มหัศจรรย์ของโลก*** ~~  (อ่าน 23321 ครั้ง)
ดอกฟ้ากับหมาวัด
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,042



« เมื่อ: 18-01-2008, 22:02 »

เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา...ดอกฟ้าฯได้มีโอกาสไปเที่ยวเชียงใหม่

หลังจากไม่ได้ไปมานานแล้ว เลยอยากเอาภาพสวยๆมาฝากค่ะ

ขออภัยถ้าหากเอามะพร้าวห้าวมาขายสวนในที่นี้นะคะ


ผิดตกยกเว้น....ดอกฟ้าฯ ขออภัยล่วงหน้านะคะ

 แค่อยากเอาสิ่งที่ได้เห็นมาแบ่งปันกันค่ะ


..................................................................่




สถานที่แห่งแรก ที่พี่สาวพาไปชมและไปกราบสักการะ หลังจากไปถึงก็คือ อนุสาวรีย์ พระนางจามเทวี แห่งนครหริภุญไชย

ปฐมกษัตรีย์แห่งล้านนา ที่จังหวัดลำพูนซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเชียงใหม่เท่าไหร่นัก












« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-09-2008, 22:23 โดย ดอกฟ้ากับหมาวัด » บันทึกการเข้า

***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ

      น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
ดอกฟ้ากับหมาวัด
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,042



« ตอบ #1 เมื่อ: 18-01-2008, 22:14 »

พระนางจามเทวี

ปฐมกษัตริย์แห่งอาณาจักรหริภุญไชย

ชาติกำเนิดของพระนางจามเทวี มีที่มาจากเอกสารทางประวัติศาสตร์ที่แตกต่างกัน

ทั้งจากตำนาน พงศาวดารและหลักฐานอื่น ในตำนานจามเทวีวงศ์ กล่าวว่าพระนางเป็นธิดาของกษัตริย์แห่งกรุงละโว้

ได้เดินทางพร้อมพระสงฆ์ผู้ทรงพระไตรปิฏกและช่างผู้มีฝีมือหลากหลายประเภท 500 คน จากเมืองละโว้ สู่นครหริภุญไชย

(อ้างอิงจาก จามเทวีวงศ์ ตำนานมูลศาสนา และมูลศาสนา สำนวนล้านนา)อีกสำนวนหนึ่งซึ่งเป็นมุขปาฐะ

สำนวนพื้นบ้าน กล่าวว่า พระนางจามเทวีนั้นทรงมีชาติกำเนิดเป็นชาวหริภุญไชยมาแต่เดิม

โดยเป็นบุตรีของคหบดีผู้หนึ่ง นามว่า อินตา ส่วนมารดาไม่ทราบชื่อ ทั้งสองเป็นชาวเมงคบุตร

อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่ปัจจุบันเป็นหมู่บ้านหนองดู่ อ.ป่าซาง จ.ลำพูน

ได้มีการบันทึกตามพระชาตาพระนางจามเทวีเมื่อแรกประสูติไว้ว่า

ตรงกับวันพฤหัสบดี ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๕ ปีมะโรง พ.ศ. ๑๑๗๖ เวลาจวนจะค่ำ


ที่มา... จากวิกิพีเดีย






มีผู้มาสักการะบูชาไม่ขาดสาย
บันทึกการเข้า

***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ

      น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
ดอกฟ้ากับหมาวัด
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,042



« ตอบ #2 เมื่อ: 18-01-2008, 23:22 »

ขากลับเข้าเชียงใหม่ ได้มีโอกาสได้ไปกราบสักการะ

พระธาตุหริภุญไชยที่ชาวลำพูนและจังหวัดใกล้เคียงอื่นๆ เคารพนับถืออย่างมาก....


 ตามตำนานกล่าวว่า สร้างขึ้นในราวปลายพุทธสตวรรษที่ 16 ในรัชสมัยของพญา-

อาทิตยราช กษัตริย์แห่งจามเทวีวงศ์ ที่แห่งนี้เดิมเป็นพระราชฐาน ต่อมาได้อุทิศถวายให้เป็น

พุทธบูชา เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุตามพุทธทำนาย

       ลักษณะทางสถาปัตยกรรม ปรากฏในตำนานว่าเดิมเป็นเจดีย์ทรงปราสาท ก่อด้วยศิลาแลง

ในสมัยพญามังรายเปลี่ยนเป็นเจดีย์ทรงกลมแบบลังกา และในสมัยพระเจ้าติโลกราชทรงร่วมกับพระมหาเมธังเถระ

บูรณะจนมีรูปทรงดังในปัจจุบัน ประกอบด้วยชุดฐานปัทม์แบบบัวลูกแก้วยกเก็จ

รองรับฐานซ้อนลดหลั่นเป็นชุด ประกอบด้วยฐาน 3 ฐาน รองรับองค์ระฆังที่ประดับลวดลายดอกไม้สี่กลีบ

ระหว่างลายมีภาพพระพุทธรูปดุนนูนโดยรอบ น่าจะเป็นส่วนบูรณะเพิ่มเติมในสมัยพระเมืองแก้ว

เมื่อกลางพุทธศตวรรษที่ 21รูปแบบพระธาตุหริภุญไชยที่เห็นนี้เป็นเจดีย์ทรงระฆังแบบล้านนาอย่างแท้จริง

มีกำหนดอายุในราวปลายพุทธศตวรรษที่ 20-21

http://www.krungsri.com/KrungsriDocumentlary/text26-dec45.htm[/size]



pt][/size][/color]


ภาพนี้ถ่ายเองค่ะ...






ได้แวะซื้อลำไยอบแห้งมาเคี้ยวเล่น อีกทั้งของฝากในบริเวณพระธาตุฯ ซึ่งราคาถูกกว่า

ข้างนอกมาก เล่นเอาเมื่อยขาเลยทีเดียว เพราะใช้เวลาเลือกซื้ออยู่นาน

มีแต่ของสวยๆ
บันทึกการเข้า

***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ

      น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
ลูกหินฮะ๛
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,099


เสียเข็มขัด อย่าเสียกุงเกง


« ตอบ #3 เมื่อ: 19-01-2008, 06:44 »



เข้ามาอ่านฮะ .. ชอบมาก ในยุคพระนางจามเทวี

   นางเป็นธิดาของกษัตริย์แห่งกรุงละโว้..   
และ.. เป็น ..ปฐมกษัตริย์แห่งอาณาจักรหริภุญไชย
ลวะปุระ หรือละโว้ เป็นศุนย์กลางแห่งหนึ่งของศิลปะทวารวดี

จุลศักราชที่1 แคว้นเชียงแสนนั้น ก็เช่นกัน ในตำนานได้กล่าวว่า แคว้นนี้ ถูกสถาปนาขึ้นราว จุลศักราชที่ 1 โดยปู่เจ้าลาวจก หรือ ลาวจักราช ซึ่งเป็นชื่อที่เกิดจากธรรมเนียมนิยมในการแต่งตำนานที่มักนิยมแปลงชื่อภาษาถิ่น ให้เป็นภาษาบาลี และ นิยมเทียบจุดกำเนิดเมืองต่าง ๆ ให้เริ่มต้นที่จุลศักราชที่ 1 ดังที่ปรากฏในตำนานเกี่ยวกับนางจามเทวี ดังนั้น ในเรื่องราวในช่วงต้น ๆ ของแคว้นเชียงแสน
  เรื่องราวของแคว้นเชียงแสนในตำนานเริ่มชัดเจนขึ้น ตั้งแต่รัชสมัยของ ขุนเจื๋อง เป็นต้นมา และชัดเจนที่สุดตั้งแต่รัชสมัยของพระยามังรายเป็นต้นมา โดยพระองค์สามารถรวมแว่นแคว้นต่าง ๆ ได้เป็นจำนวนมาก
และต่อมาถึงได้สถาปนาอาณาจักรล้านนา มีราชธานีอยู่ที่เมืองเชียงใหม่
 

(คนละพวกกับ กลุ่ม ขอม )
ขอม คือพวก อานาจักร เขมร มี
พระเจ้าชัยวรมันที่ 1(พ.ศ.1178 - 1233)
เขมรก็ได้ขยายอาณาจักรออกไปอีกมากมาย โดยทางเหนือจรดอาณาจักรน่านเจ้าทางตะวันตก ตีได้ดินแดนของอาณาจักร ทวาราวดี แต่กษัตริย์เขมรที่ขึ้นครองราชย์ต่อๆมาไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะรักษาอำนาจและดินแดนเอาไว้ได้ ทำให้เขมรในสมัยต่อมาเกิดความแตกแยกและอาณาจักรแตกออกเป็น 2 ส่วนคือ เจนละเหนือ (บก) และเจนละใต้ (น้ำ)
 


อ้างถึง
ดังนั้น ลวะปุระ (ละโว้ )ปู่เจ้าลาวจก หรือ ลาวจักราช   เป็น ญาติ กับ พรานางจามเทวี  ( ปฐมกษัตริย์ อาณาจักรหริภุณชัย )ครอบครองดินแดน อาณาจักรทารวดี ร่วมกัน ..

โดยมีพวกขอม อาญาจักรเขมร มี พระเจ้าชัยวรมันที่ 1   เป็น ศัตรู  ชอบเข้ามาก่อกวนแย่งดินแดน อิสาน และแม่น้ำเจ้าพระยา
...
 


   เรื่อง ที..ประวัติศาตร์ ไทย ไม่ค่อยจะสอนเด็กให้จดจำ

อยากให้ เด็กไทย จดจำ .. ยุค ของ พระนาง จามเทวีฮะ
เพราะมีเรื่อง .. ที่ สถานการณ์เดียวกัน คือ
..  พ.ศ. 1167 แม่นาง อู่เม่ยเหนียง(บูเช้คเทียน)  เกิด ก่อนพระนางจามเทวี 9 ปีเอง
..  พ.ศ. 1176 พระนางจามเทวี เกิด ตรงกับวันพฤหัสบดี ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๕ ปีมะโรง พ.ศ. 1176 เวลาจวนจะค่ำ 
..  พ.ศ.  1178 พระเจ้าชัยวรมันที่ 1
..  พ.ศ. 1181   ต้นกำเหนิด  จุลศักราช ที่ 1 เราเริ่ม แบ่ง ดินแดน แยก กับ พวก ขอม ***
..  เป็น ยุคเดียว กับ ราชวงค์ ถัง ของจีน คือ  องค์ที่ 2  ถังไท่จง"หลี่ซื่อหมิง" เริ่มครองราช ตอนอายุประมาณ 40 ขวบ
..  เป็น ยุคเดียว กับ พระถัง ซำจั๋ง อายุได้ สมณะเฮี่ยนจั๋ง(พระถังซำจั๋ง) เกิดเมื่อ พ.ศ.๑๑๔๕ เป็นชาวเมืองโลยางจาริกมาสืบพระศาสนาในอินเดียเมื่ออายุ ๒๗ ปี เดินทางถึงนาลันทาต้นเดือนมีนาคม พ.ศ. ๑๑๘๐**** ในยุคที่นาลันทาเจริญรุ่งเรืองเต็มที่แล้ว(พ.ศ.๑๑๗๒-๑๑๘๘) นาลันทามหาวิหารกลายเป็นมหาวิทยาลัยสมบูรณ์แบบในสมัยราชวงศ์คุปตะ

.. ราชวงศ์หริภุญชัย (พ.ศ. 1206 อาณาจักรหริภุณชัย)  สิ้น ราชวงค์ -พ.ศ. 1836



  สนุก มากฮะ ถ้า เราอ่าน อนุทิน ประวัติศ่าสตร์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-01-2008, 07:34 โดย ลูกหินฮะ๛ » บันทึกการเข้า

  ... ... ... 
ดอกฟ้ากับหมาวัด
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,042



« ตอบ #4 เมื่อ: 19-01-2008, 21:50 »



เข้ามาอ่านฮะ .. ชอบมาก ในยุคพระนางจามเทวี

   นางเป็นธิดาของกษัตริย์แห่งกรุงละโว้..   
และ.. เป็น ..ปฐมกษัตริย์แห่งอาณาจักรหริภุญไชย
ลวะปุระ หรือละโว้ เป็นศุนย์กลางแห่งหนึ่งของศิลปะทวารวดี

จุลศักราชที่1 แคว้นเชียงแสนนั้น ก็เช่นกัน ในตำนานได้กล่าวว่า แคว้นนี้ ถูกสถาปนาขึ้นราว จุลศักราชที่ 1 โดยปู่เจ้าลาวจก หรือ ลาวจักราช ซึ่งเป็นชื่อที่เกิดจากธรรมเนียมนิยมในการแต่งตำนานที่มักนิยมแปลงชื่อภาษาถิ่น ให้เป็นภาษาบาลี และ นิยมเทียบจุดกำเนิดเมืองต่าง ๆ ให้เริ่มต้นที่จุลศักราชที่ 1 ดังที่ปรากฏในตำนานเกี่ยวกับนางจามเทวี ดังนั้น ในเรื่องราวในช่วงต้น ๆ ของแคว้นเชียงแสน
  เรื่องราวของแคว้นเชียงแสนในตำนานเริ่มชัดเจนขึ้น ตั้งแต่รัชสมัยของ ขุนเจื๋อง เป็นต้นมา และชัดเจนที่สุดตั้งแต่รัชสมัยของพระยามังรายเป็นต้นมา โดยพระองค์สามารถรวมแว่นแคว้นต่าง ๆ ได้เป็นจำนวนมาก
และต่อมาถึงได้สถาปนาอาณาจักรล้านนา มีราชธานีอยู่ที่เมืองเชียงใหม่
 

(คนละพวกกับ กลุ่ม ขอม )
ขอม คือพวก อานาจักร เขมร มี
พระเจ้าชัยวรมันที่ 1(พ.ศ.1178 - 1233)
เขมรก็ได้ขยายอาณาจักรออกไปอีกมากมาย โดยทางเหนือจรดอาณาจักรน่านเจ้าทางตะวันตก ตีได้ดินแดนของอาณาจักร ทวาราวดี แต่กษัตริย์เขมรที่ขึ้นครองราชย์ต่อๆมาไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะรักษาอำนาจและดินแดนเอาไว้ได้ ทำให้เขมรในสมัยต่อมาเกิดความแตกแยกและอาณาจักรแตกออกเป็น 2 ส่วนคือ เจนละเหนือ (บก) และเจนละใต้ (น้ำ)

 


   เรื่อง ที..ประวัติศาตร์ ไทย ไม่ค่อยจะสอนเด็กให้จดจำ

อยากให้ เด็กไทย จดจำ .. ยุค ของ พระนาง จามเทวีฮะ
เพราะมีเรื่อง .. ที่ สถานการณ์เดียวกัน คือ
..  พ.ศ. 1167 แม่นาง อู่เม่ยเหนียง(บูเช้คเทียน)  เกิด ก่อนพระนางจามเทวี 9 ปีเอง
..  พ.ศ. 1176 พระนางจามเทวี เกิด ตรงกับวันพฤหัสบดี ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๕ ปีมะโรง พ.ศ. 1176 เวลาจวนจะค่ำ 
..  พ.ศ.  1178 พระเจ้าชัยวรมันที่ 1
..  พ.ศ. 1181   ต้นกำเหนิด  จุลศักราช ที่ 1 เราเริ่ม แบ่ง ดินแดน แยก กับ พวก ขอม ***
..  เป็น ยุคเดียว กับ ราชวงค์ ถัง ของจีน คือ  องค์ที่ 2  ถังไท่จง"หลี่ซื่อหมิง" เริ่มครองราช ตอนอายุประมาณ 40 ขวบ
..  เป็น ยุคเดียว กับ พระถัง ซำจั๋ง อายุได้ สมณะเฮี่ยนจั๋ง(พระถังซำจั๋ง) เกิดเมื่อ พ.ศ.๑๑๔๕ เป็นชาวเมืองโลยางจาริกมาสืบพระศาสนาในอินเดียเมื่ออายุ ๒๗ ปี เดินทางถึงนาลันทาต้นเดือนมีนาคม พ.ศ. ๑๑๘๐**** ในยุคที่นาลันทาเจริญรุ่งเรืองเต็มที่แล้ว(พ.ศ.๑๑๗๒-๑๑๘๘) นาลันทามหาวิหารกลายเป็นมหาวิทยาลัยสมบูรณ์แบบในสมัยราชวงศ์คุปตะ

.. ราชวงศ์หริภุญชัย (พ.ศ. 1206 อาณาจักรหริภุณชัย)  สิ้น ราชวงค์ -พ.ศ. 1836



  สนุก มากฮะ ถ้า เราอ่าน อนุทิน ประวัติศ่าสตร์








ขอบคุณในความรู้ที่เพิ่มเติมให้ค่ะ....

ดอกฟ้าฯ ได้อ่านหนังสือ จอมนาง หริภุญไชย

ซึ่งผู้เขียนก็ยืนยันจาการค้นคว้า และอ้างอิงจากนักปราชญ์ หลายท่านที่ยืนยัน

ว่าพระนางจามเทวีมิได้ทรงเป็นชนชาติขอมแน่นอน

แม้พระนางฯจะทรงเป็นชาวละโว้ แต่ข้อเท็จจริงก็คือ

เมื่อตำนานทั้งหลายกล่าวว่าพระนางทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ใน พุทธศตวรรษที่ ๑๒ - ๑๓

เนื่องจากวัฒนธรรมของขอมเพิ่งจะแผ่สู่กรุงละโว้ หลังพุทธศตวรรษที่ ๑๕ นั่นเอง


ถ้าใครจะคิดว่าพระนางทรงเป็นขอม เราคงได้มีได้โอกาสเห็นซากของปราสาทหินคงเหลืออยู่ในจังหวัดลำพูนบ้าง

แต่ข้อเท็จจริงนั้น คือไม่ปรากฎสถาปัตยกรรมเขมรใดๆในพุทธศตวรรษที่ ๑๒ - ๑๓ เลย


ถ้าจะเรียกว่า พวกละโว้เป็นขอม เราคงต้องรอจนพุทธศตวรรษที่ ๑๖ ไปแล้วจึงจะพูดเช่นนั้นได้











 ...


คำแปลบท กราบไหว้พระนางจามเทวี ....หามาตั้งนานเพิ่งจะเจอค่ะ



พระเทวีพระนามว่า   จามะเทวี  มีพระรูปเลอโฉม


ทรงเลื่อมใสในพุทธศาสนามาก   ในอดีตกาล พระนางได้ครองเมืองหริภุญไชยด้วยพระเมตตา


และเป็นธรรม   สร้างประโยชน์สุข  แก่ชาวหริภุญไชยอย่างมากมาย


ข้าพเจ้ามีใจเลื่อมใสศรัทธา  ขอกราบไหว้พระนางด้วยเศียรเกล้าตลอดกาลฯ





ที่มา...อ้างอิงจากหนังสือ "ลำพูนที่น่ารู้ คนดีที่โลกไม่ลืม"




บันทึกการเข้า

***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ

      น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
ดอกฟ้ากับหมาวัด
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,042



« ตอบ #5 เมื่อ: 19-01-2008, 22:50 »

อ้านะ....ชักเริ่มหิวกันแล้ว

ตกเย็นไปทานมื้อค่ำกันที่ไหนดี.......
Shocked


คุณโชเฟอร์ผู้ใจดี....เลยแนะนำร้านอาหารอร่อยให้คือ ร้านกาแล

อยู่หลังมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แล้วแถมบอกสรรพคุณว่า ดอกไม้ที่นั่นสวยมากๆ

ดอกฟ้าฯเลยหูกางเป็นเรือใบแล่นลม....เพราะชอบดอกไม้มากๆเลยค่ะ






ทางเดินเข้า....ที่เต็มไปด้วยไม้ดอกหลากสี

สวยๆทั้งนั้นเลยค่ะ



บันทึกการเข้า

***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ

      น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
ดอกฟ้ากับหมาวัด
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,042



« ตอบ #6 เมื่อ: 20-01-2008, 19:30 »

ภาพดอกไม้สวยๆ....ในบริเวณ "ร้านกาแล"

เก็บภาพมาฝากจนลืมหิวเลยค่ะ....









หนูน้อย...คนนี้มาชมดอกไม้เป็นเพื่อนเราซะด้วย




มุมนั่งเล่นพักผ่อน....ย่อยอาหาร

หอมดอกลิลลี่มากๆเลย อากาศก็หนาวเย็น....มีความสุขจังเลย



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-01-2008, 20:14 โดย ดอกฟ้ากับหมาวัด » บันทึกการเข้า

***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ

      น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
อธิฏฐาน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,912


รักษาประเทศชาติ เป็นหน้าที่ของชาวไทยทุกคน


« ตอบ #7 เมื่อ: 20-01-2008, 21:07 »


ดอกไม้สวยจริง ๆ ค่ะคุณดอกฟ้าฯ น่าจะนั่งกับคนรู้ใจค่ะ
บันทึกการเข้า

หยุด...สัมปทานอุทยานแห่งชาติ
http://www.oknation.net/blog/sandstone
ดอกฟ้ากับหมาวัด
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,042



« ตอบ #8 เมื่อ: 20-01-2008, 21:52 »

ดอกไม้สวยจริง ๆ ค่ะคุณดอกฟ้าฯ น่าจะนั่งกับคนรู้ใจค่ะ


คนรู้ใจเรา....คงต้องไปงม...หาในมหาสมุทรอินเดียมังคะ

เอาภาพสวยๆมาฝากอีกค่ะ...





บันทึกการเข้า

***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ

      น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
ดอกฟ้ากับหมาวัด
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,042



« ตอบ #9 เมื่อ: 23-01-2008, 21:02 »

รุ่งขึ้นเราวางแผนกันว่าจะไปกราบสักการะ ท่านครูบาศรีวิชัยและพระธาตุดอยสุเทพ

รถตู้มารอแต่เช้า....กว่าจะเคลื่อนขบวนออกจากที่พักได้ก็เกือบสาย



ภาพนี้คือ.....ที่ซื้อดอกไม้ ธูป เทียน เพื่อกราบสักการะ ท่านครูบาฯ

ก่อนที่จะขึ้นดอยสุเทพ









บันทึกการเข้า

***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ

      น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
ดอกฟ้ากับหมาวัด
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,042



« ตอบ #10 เมื่อ: 23-01-2008, 21:20 »

ครูบาศรีวิชัย

 
ครูบาศรีวิชัย เกิดที่บ้านปาง อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน

มีนามเดิมว่า อ้ายฟ้าร้อง เพราะในขณะที่ท่านเกิด อากาศวิปริต
 
มีลมฝน ฟ้าแลบ ฟ้าร้อง ฟ้าผ่า จึงถือเอานิมิตนั้นมาตั้งชื่อ

ท่านเกิดเมื่อวันอังคาร ขึ้น ๑๑ ค่ำ เดือน ๙ เหนือ (เดือน ๗ ใต้)
 
ตรงกับวันที่ ๑๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๒๑ ปีขาล เวลาพลบค่ำ บิดาชื่อ นายควาย มารดา ชื่อ นางอุสา

 
การบรรพชา อุปสมบท


ครูบาศรีวิชัย ได้เริ่มบรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุ ๑๘ ปี ณ วัดบ้านปาง อำเภอลี้

ซึ่งเป็นอารามเล็กๆ ประจำหมู่บ้าน
 
มี ครูบาขัติยะ วัดบ้านปาง เป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๙ อายุครบ ๒๐ ปี ก็อุปสมบท

มี พระครูสุมโณ วัดบ้านโฮ่งหลวงเป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า สิริวิชโย

ต่อมาได้เดินทางไปศึกษาวิปัสสนากัมมัฏฐานจาก ครูบาอุปละ วัดดอยแต อำเภอแม่ทา
 
(ปัจจุบันอยู่ในตำบลเหมืองจี้ อำเภอเมืองลำพูน) ด้วยเหตุที่มีอุปนิสัยชอบสงบเสงี่ยม เจียมตัว พูดน้อย กินน้อย และรู้แนวทาง

ปฏิบัติธรรมบ้างแล้ว จึงถือโอกาศขึ้นไปอยู่ปฏิบัติกัมมัฏฐานบนดอยทิศใต้ของหมู่บ้าน (ที่ท่านสร้างเป็นวัดบ้านปางเดี๋ยวนี้)

เมื่อท่านได้วิเวกทางกาย จิตใจก็หยั่งรู้เข้าสู่สมาธิหยั่งลงสู่วิปัสสนาญาณ

ท่านก็ยิ่งมีความพากเพียรในการปฏิบัติกัมมัฏฐานมากขึ้น

เคร่งครัดในวินัย ไม่แตะต้องลาภสักการะปัจจัย ฉันอาหารมังสะวิรัติ

ประชาชนจึงเกิดความเลื่อมใส ชื่อเสียงของท่านก็ยิ่งโด่งดัง

ไกลออกไป ชาวบ้านหลั่งไหลเข้ามาเคารพบูชาท่านมากขึ้น ต่อมา ครูบาขัติยะย้ายไปจำพรรษาที่อื่น

ท่านจึงรับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบ้านปาง และบุกเบิกป่านั้นสร้างเป็นวัดขึ้น

ไม่นานก็สร้างเสร็จมีงานฉลอง (ปอยหลวง) ถึง ๗ วัน ๗ คืน และได้ตั้งชื่อวัดใหม่

่แห่งนี้ว่า วัดศรีดอนชัยทรายมูลบุญเรืองบ้านปาง ชาวบ้านเรียกว่า วัดบ้านปาง

ส่วนวัดเดิมที่มีอยู่ในหมู่บ้านก็หมดสภาพไป นับเป็น

วัดแรกที่ท่านได้สร้างขึ้นมา (พ.ศ. ๒๔๔๔) ต่อมาระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๕๑-๒๔๖๓

ต้องอธิกรณ์ถูกกล่าวหาในหลายกรณี เช่นเป็นพระอุปัชฌาย์เถื่อน ไม่ประพฤติตนให้ เป็นไปตามคำสั่งของคณะสงฆ์

ไม่อยู่ในบังคับบัญชาของพระครูมหารัตนากร

เจ้าคณะแขวงลี้ ที่เพิ่งตั้งขึ้นมาใหม่ตามพ.ร.บ.ปกครองคณะสงฆ์ ฯลฯ ครูบาศรีวิชัยถูกกักบริเวณให้อยู่ในวัดพระธาตุหริภุญชัย ๑ ปี

(พ.ศ.๒๔๕๔) ถูกกักบริเวณอยู่ในวัดศรีดอนชัยเชียงใหม่ ๓ เดือน สุดท้ายจึงถูกนิมนต์ให้เข้าไปสอบสวนที่กรุงเทพฯ (พ.ศ.๒๔๖๓)
 
แต่ทุกคดีก็ได้รับการวินิจฉัยจากสมเด็จพระมหาสมณะเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส

สมเด็จพระสังฆราชในสมัยนั้นว่าไม่มีความผิด


ครูบาศรีวิชัยจึงเดินทางกลับจังหวัดลำพูน บรรดาสานุศิษย์จัดขบวนต้อนรับ ทำพิธีบายศรีสู่ขวัญ

ประชาชนก็เพิ่มความเคารพเลื่อมใสยิ่งขึ้น (ถูกอธิกรณ์ครั้งที่ ๒ ปี พ.ศ. ๒๔๗๘)

จึงทำให้ศรัทธาสาธุชนทั่วสารทิศมาเฝ้าชื่นชมบารมี ร่วมทำบุญกับครูบาศรีวิชัย

ที่ถือว่าเป็นพระอริยสงฆ์มาโปรดสัตว์โลกในยุคกึ่งพุทธกาล

ท่านมักจะรับนิมนต์ไปเป็นประธาน (นั่งหนัก)ในการบูรณะศาสนสถานทั่วภาคเหนือไม่ต่ำกว่า ๑๐๘ แห่ง


ผลงานการก่อสร้างศาสนาสถาน และสาธารณสมบัติ

บูรณะซ่อมแซมบริเวณหน้าวิหารหลวงและพระบรมธาตุ วัดพระธาตุหริภุญชัย (พ.ศ.๒๔๖๓) หลังจากกลับจากกรุงเทพฯแล้ว

ไปบูรณะพระเจดีย์ พระธาตุดอยเกิ้ง อำเภอฮอด (พ.ศ.๒๔๖๔) สร้างวิหาร วัดพระเจ้าตนหลวง จังหวัดพะเยา (พ.ศ.๒๔๖๕)
 
บูรณะพระธาตุช่อแฮ จังหวัดแพร่ (พ.ศ.๒๔๖๖) วัดพระสิงห์ จังหวัดเชียงใหม่ (พ.ศ.๒๔๖๗) สร้างธาตุและบันไดนาค วัดบ้านปาง

พระธาตุเกตุสร้อยแก่งน้ำปิง (พ.ศ. ๒๔๖๘) รวบรวมพระไตรปิฏกฉบับอักษรล้านนาจำนวน ๕,๔๐๘ ผูก (พ.ศ.๒๔๖๙-๒๔๗๑)
 
บูรณะวัดสวนดอก จังหวัดเชียงใหม่ (พ.ศ.๒๔๗๔) และผลงานชิ้นอมตะคือ

การสร้างทางขึ้นดอยสุเทพจังหวัดเชียงใหม่ ที่ศรัทธาสานุชน

มาร่วมกันสร้างถนนวันละไม่ต่ำกว่า ๕,๐๐๐ คน แล้วเสร็จภายใน ๖ เดือน ตามสัจจะวาจา (พ.ศ.๒๔๗๘)

สร้างวิหารวัดบ้านปาง(พ.ศ.๒๔๗๘ เสร็จปี พ.ศ.๒๔๘๒)

วัดจามเทวี (พ.ศ.๒๔๗๙) สุดท้าย คือ สะพานศรีวิชัย เชื่อมระหว่างลำพูน (ริมปิง) - เชียงใหม่(พ.ศ.๒๔๘๑)

ที่มาสร้างเสร็จภายหลังจากที่ครูบาศรีวิชัยมรณภาพ (รวมวัดต่างๆที่ท่านครูบาเจ้าศรีวิชัยไปบูรณะปฏิสังขรณ์รวม ๑๐๘ วัด)

ต่อมามีผู้เรียกท่านว่า พระศรีวิชัย ชาวบ้านจึงเรียกท่านว่า ครูบาศรีวิชัยบ้าง

ครูบาวัดบ้านปางบ้าง ครูบาศีลธรรมบ้างซึ่งเป็นนามที่ชาวบ้านตั้งให้ ด้วยความนับถือ


ผลงานที่เด่นมากของครูบาศรีวิชัยก็คือ การสร้างถนนขึ้นดอยสุเทพ จังหวัดเชียงใหม่

ซึ่งครูบาศรีวิชัยได้รับคำเรียกร้องจากศรัทธาประชาชน ให้ช่วยดำริและจัดการเรื่องนี้


จึงเริ่มลงมือสร้างเมื่อวันที่ ๙ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๗๗ เวลา ๑๐.๐๐ นาฬิกา ณ เชิงดอยสุเทพ

ด้านห้วยแก้ว โดยมี พลตรี เจ้าแก้วเนาวรัตน์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ เป็นผู้ขุดจอบเป็นปฐมฤกษ์

การสร้างถนนสายนี้ใช้แรงงานเป็นจำนวนมาก

วันหนึ่งๆ จะมีผู้คนช่วยทำงานประมาณวันละไม่ต่ำกว่า ๕,๐๐๐ คน

ถ้าคิดมูลค่าแรงงานเป็นเงินก็คงมากมายมหาศาลทีเดียว การสร้างทาง

สายนี้ใช้เวลา ๕ เดือน กับ ๒๒ วัน จึงแล้วเสร็จ และเปิดให้รถขึ้นลงได้ เมื่อวันที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๘


วาระสุดท้ายชีวิต


ผลงานชิ้นสุดท้ายของท่านคือ การสร้างสะพานข้ามลำน้ำปิง ระหว่างบ้านริมปิง จังหวัดลำพูน กับอำเภอหางดงจังหวัดเชียงใหม่

เมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๐ สะพานยังไม่ทันเสร็จ โรคริดสีดวงทวารของท่านกำเริบ จึงต้องไปพักที่วัดจามเทวี อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน

เจ้าจักรคำขจรศักดิ์ ก็รับสั่งให้หาหมอดีๆ มารักษา แต่อาการก็ไม่ทุเลา ท่านจึงกลับวัดบ้านปาง อำเภอลี้

อาการของท่านมีแต่ทรงกับทรุด

จนถึงวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๘๑ เวลา ๐๐.๐๕ นาฬิกา กับ ๓๐ วินาที ท่านก็ถึงแก่มรณภาพด้วยอาการสงบ

ศพของท่านได้เก็บไว้ที่วัดบ้านปางเป็นเวลา ๑ ปี

เมื่อวิหารที่วัดบ้านปางเสร็จเรียบร้อยแล้วก็นำศพของท่านแห่เป็นขบวนใหญ่กลับเข้าสู่วัดจามเทวี จังหวัดลำพูน

เป็นเวลา ๗ ปี เพื่อให้ลูกศิษย์ได้พึ่งบารมีของท่าน ทำการสร้างสะพานข้ามแม่น้าปิงให้เสร็จตามคำสั่งของท่าน

ต่อมาเมื่อเดือน มีนาคม พ.ศ.๒๔๘๙ ทางจังหวัดลำพูนจึงได้บำเพ็ญกุศลฌาปนกิจศพของท่านอย่างใหญ่โตถึง ๑๕ วัน ๑๕ คืน

ตำรวจ ทหาร เข้ารักษาการณ์อย่างเข้มแข็ง เพื่อมิให้ใครเข้ายื้อแย่งอัฐิของท่าน

และได้มีการตกลงแบ่งอัฐิของท่านออกเป็น ๖ ส่วน คือ

 
บรรจุไว้ที่วัดบ้านปาง อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน ส่วนหนึ่ง

 
บรรจุไว้ที่วัดจามเทวี อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน ส่วนหนึ่ง

 
บรรจุไว้ที่วัดสวนดอก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ส่วนหนึ่ง


บรรจุไว้ที่วัดพระแก้วดอนเต้า จังหวัดลำปางส่วนหนึ่ง

 
บรรจุไว้ที่วัดพระเจ้าตนหลวง จังหวัดเชียงราย (ปัจจุบันจังหวัดพะเยา) ส่วนหนึ่ง


บรรจุไว้ที่วัดพระธาตุช่อแฮ จังหวัดแพร่ส่วนหนึ่ง


เพื่อให้ประชาชนผู้มีจิตศรัทธา และเคารพนับถือท่านจะได้กราบไหว้สักการบูชาต่อไป


ครูบาศรีวิชัย คือนักบุญในกึ่งยุคพุทธกาล ที่ได้สร้างคุณประโยชน์ต่อเพื่อนมนุษย์ สรรพสัตว์ และพุทธศาสนา

ด้วยความเมตตากรุณาอันเปี่ยมล้นด้วยความศรัทธาอันแน่วแน่

 ท่านจึงได้รับการขนานนามว่า นักบุญแห่งล้านนาไทย (ต๋นบุญ โพธิสัตว์)


อ้างอิง...จาก http://pioneer.netserv.chula.ac.th/~cturdsak/kuba.htm





คติเตือนใจ....จากหนังสือ คนดีที่โลกไม่ลืม..


อยู่เฮือนพัง ยังดี ไม่มีทุกข์
ดีกว่าคุก หลายเท่า ไม่เศร้าหมอง
จนยังดี มีธรรม ค้ำประคอง
ดีกว่าปอง ทุจริต คิดร่ำรวย..
บันทึกการเข้า

***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ

      น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
ดอกฟ้ากับหมาวัด
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,042



« ตอบ #11 เมื่อ: 25-01-2008, 21:11 »

หลังจากขึ้นเขา.....เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา

ถึงที่หมายซะที





จ่ายค่าขึ้นลิฟท์ คนละ 20 บาท






พอขึ้นมาถึง....ดอยสุเทพหายเหนื่อยเลยค่ะ

มีดอกไม้สวยๆให้ถ่ายภาพเก็บไว้....สวยๆ..มากมาย


















อากาศก็เย็นกำลังดี....มีความสุขจัง
บันทึกการเข้า

***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ

      น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
ดอกฟ้ากับหมาวัด
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,042



« ตอบ #12 เมื่อ: 27-01-2008, 02:19 »

ทางขึ้นไปสักการะพระธาตุฯ มีรูปปั้นท้าวเวชสุวรรณอยู่ทั้งซ้ายขวา

แต่ได้แอบสงสัยว่าทำไมท่านฯถึงมีงวงออกมาเหมือน พระพิฆเนศ





เกิดมาทั้งที.....วันนี้ได้เห็นต้นสาละตัวจริงซะที

แถมแอบมีผลให้ดูซะด้วย.....










ไม่เสียเที่ยว ที่มาเลยค่ะ


สาละลังกา Cannonball Tree

ชื่อวิทยาศาสตร์ Couroupita guianensis Aubl.

วงศ์ LECYTHIDACEAE (ปัจจุบันจิกอยู่ในวงศ์ Barringtoniaceae)

เป็นไม้นำมาจากประเทศคิวบา ศรีลังกาได้มาปลูกประมาณปี พ.ศ.2422

ส่วนประเทศไทยปลูกเมื่อปี พ.ศ.2500 เป็นไม้ยืนต้นผลัดใบสูง ๑๕-๒๕ เมตร

เปลือกสีน้ำตาลแตกเป็นร่องและเป็นสะเก็ด ใบเดี่ยวออกเวียนสลับตามปลายกิ่งรูปใบหอกกลับ

กว้าง ๕-๘ ซม.ยาว ๑๕-๓๐ ซม. ปลายแหลม โคนสอบ มน ขอบจักตื้น ๆ ดอกสีชมพูอมเหลืองและแดง กลิ่นหอมแรง

 ออกเป็นช่อใหญ่ตามลำต้น กลีบดอก ๔-๖ กลีบ แข็ง เมื่อบานเส้นผ่านศูนย์กลาง ๕-๘ ซม.

โคนของเกสรตัวผู้เชื่อมติดกันเป็นรูปโค้ง ผลรูปกลมผิวสีน้ำตาลเส้นผ่านศูนย์กลาง ๑๐ - ๒๐ ซม.

ต้นสาละลังกากับพระพุทธศาสนา ถือว่าเป็นต้นไม้มงคลในพระพุทธศาสนา

เนื่องจากชาวลังกาเห็นว่าดอกมีลักษณะสวยและมีกลิ่นหอมจึงนำไปถวายพระ

อีกทั้งนิยมปลูกภายในวัดมากกว่าตามอาคารบ้านเรือน

ความเกี่ยวข้องกันของต้นสาละกับพุทธศาสนา


สาละ เป็นคำสันสกฤต อินเดียเรียกต้นสาละว่า "Sal" เป็นไม้ที่มีความสำคัญเกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้าโดยตรง

ทั้งตอนประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน มีความสำคัญในพุทธประวัติดังนี้


ตอนพระพุทธเจ้าประสูติ

ก่อนพุทธศักราช 80 ปี พระพุทธมารดาคือพระนางสิริมหามายาทรงครรภ์ใกล้ครบกำหนดพระสูติการ

จึงเสด็จออกจากกรุงกบิลพัสดุ์ เพื่อไปมีพระสูติการที่กรุงเทพวทหะ

อันเป็นเมืองต้นตระกูลของพระนาง ตามธรรมเนียมประเพณีพราหมณ์

เมื่อขบวนเสด็จมาถึงครึ่งทางระหว่างกรุงกบิลพัสดุ์กับกรุงเทวทหะ ณ ที่ตรงนั้นเป็นสวนมีชื่อว่า "สวนลุมพินีวัน"

เป็นสวนป่าไม้ "สาละ" พระนางได้ทรงหยุดพักอิริยาบท (ปัจจุบันคือตำบล "รุมมินเด" แขวงเปชวาร์ ประเทศเนปาล)

พระนางประทับยืนชูพระหัตถ์ขึ้นเหนี่ยวกิ่งสาละ และขณะนั้นเองก็รู้สึกประชวรพระครรภ์

และได้ประสูติพระสิทธัตถะกุมาร ซึ่งตรงกับวันศุกร์เพ็ญเดือน 6 ปีจอ ก่อนพุทธศักราช 80 ปี คำว่าสิทธัตถะแปลว่า "สมปรารถนา"


ตอนก่อนที่เจ้าชายสิทธัตถะจะตรัสรู้

เมื่อพระองค์เสวยข้าวมธุปายาสที่บรรจะอยู่ในถาดทองคำของนางสุชาดาแล้ว

ได้ทรงอธิษฐานว่า ถ้าพระองค์ได้สำเร็จพระโพธิญาณ ขอให้การลอยถาดทองคำนี้สามารถทวนกระแสน้ำแห่งแม่น้ำเนรัญชลาได้

เมื่อทรงอธิษฐานแล้วได้ทรงลอยถาด ปรากฎว่าถาดทองคำนั้นได้ลอยทวนกระแสน้ำ

จากนั้นพระองค์เสด็จไปประทับยังควงไม้สาละ ตลอดเวลากลางวัน

ครั้นเวลาเย็นก็เสด็จไปยังต้นพระศรีมหาโพธิ ประทับนั่งบนบัลลังก์ภายใต้ต้นโพธิ

และได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในเวลารุ่งอรุณ ณ วันเพ็ญเดือน 6


ตอนพระพุทธเจ้าจะเสด็จดับขันธปรินิพพาน

เมื่อพระพุทธเจ้า พร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์สาวก เสด็จถึงเขตเมืองกุสินาราของมัลละกษัตริย์ ใกล้ฝั่งแม่น้ำหิรัญวดี

พระองค์ทรงเหน็ดเหนื่อยมาก จึงมีรับสั่งให้พระอานนท์ ซึ่งเป็นองค์อุปัฏฐากปูลาดพระที่บรรทม

โดยหันพระเศียรไปทางทิศเหนือ ระหว่างต้นสาละทั้งคู่ แล้วพระองค์ก็ทรงสำเร็จสีหไสยาสน์

โดยพระปรัศว์เบื้องขวา (นอนตะแคงขวาพระบาทซ้ายซ้อนทับพระบาทขวา) และแล้วเสด็จเข้าสู่พระปรินิพพาน

 
http://www.geocities.com/ruammitra/tree-sal.html
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-01-2008, 02:25 โดย ดอกฟ้ากับหมาวัด » บันทึกการเข้า

***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ

      น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
ดอกฟ้ากับหมาวัด
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,042



« ตอบ #13 เมื่อ: 27-01-2008, 02:33 »

มาถึงที่หมายด้วยความตั้งใจ.....ที่อยากกราบสักการะบูชา....


สวยงามมากเลยค่ะ......


[/
บันทึกการเข้า

***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ

      น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
ดอกฟ้ากับหมาวัด
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,042



« ตอบ #14 เมื่อ: 27-01-2008, 02:47 »

วัดพระธาตุดอยสุเทพ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1929 ในสมัยพญากือนา กษัตริย์องค์ที่ 8 แห่งอาณาจักรล้านนา ราชวงศ์เม็งราย

 พระองค์ทรงได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุองค์ใหญ่ ที่ได้ทรงเก็บไว้สักการะบูชาส่วนพระองค์ถึง 13 ปี มาบรรจุไว้ที่นี่

ด้วยการทรงอธิษฐานเสี่ยงช้างมงคลเพื่อเสี่ยงทายสถานที่ประดิษฐาน พอช้างมงคลเดินมาถึงยอดดอยสุเทพ มันก็ร้องสามครั้ง

พร้อมกับทำทักษิณาวัติสามรอบ แล้วล้มลง พระองค์จึงโปรดเกล้าฯให้ขุดดินลึก 8 ศอก กว้าง 6 วา 3 ศอก หาแท่นหินใหญ่ 6 แท่น มาวางเป็นรูปหีบใหญ่ในหลุม

แล้วอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุลงประดิษฐานไว้ จากนั้นถมด้วยหิน แล้วก่อพระเจดีย์สูง 5 วา ครอบบนนั้น

ด้วยเหตุนี้จึงห้ามพุทธศาสนิกชนที่ไปนมัสการสวมรองเท้าใน บริเวณพระธาตุ และมิให้สตรีเข้าไปบริเวณนั้น ในปี พ.ศ. 2081

สมัยพระเมืองเกษเกล้า กษัตริย์องค์ที่ 12 ได้ทรงโปรดฯให้เสริมพระเจดีย์ให้สูงกว่าเดิม เป็นกว้าง 6 วา สูง 11 ศอก

พร้อมทั้งให้ช่างนำทองคำทำเป็นรูปดอกบัวทองใส่บนยอดเจดีย์ และต่อมาเจ้าท้าวทรายคำ ราชโอรสได้ทรงให้ตีทองคำเป็นแผ่นติดที่พระบรมธาตุ

ในปี พ.ศ. 2100 พระมหาญาณมงคลโพธิ์ วัดอโศการาม เมืองลำพูนได้สร้างบันไดนาคหลวงทั้ง 2 ข้าง

 เพื่อให้ประชาชนขึ้นไปสักการะได้สะดวกขึ้น และกระทั่งถึงสมัยครูบาศรีวิชัย ท่านได้สร้างถนนขึ้นไป โดยถนนที่สร้างนี้มีความยาวถึง 11.53 กิโลเมตร



ข้อมูล...จาก วิกิพีเดีย...


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-01-2008, 02:58 โดย ดอกฟ้ากับหมาวัด » บันทึกการเข้า

***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ

      น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
ดอกฟ้ากับหมาวัด
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,042



« ตอบ #15 เมื่อ: 27-01-2008, 02:52 »

........ เอาภาพสวยๆมาฝากอีกค่ะ





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-01-2008, 02:56 โดย ดอกฟ้ากับหมาวัด » บันทึกการเข้า

***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ

      น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
ลูกหินฮะ๛
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,099


เสียเข็มขัด อย่าเสียกุงเกง


« ตอบ #16 เมื่อ: 27-01-2008, 07:15 »

...  น่าอ่านทุกวันอาทิตย์ตอนเช้า...
ชอบมากเวลา.. พี่ดอกฟ้า ไปเที่ยวฯ แล้วนำรูปมาฝาก
เหมือนดูหนังท่องเที่ยวสารคดี ตอนเช้าๆ ..ทานขนมไปพลางฮะ

~@----------------------------------------------------------------------@~
 
~@----------------------------------------------------------------------@~


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-01-2008, 08:25 โดย ลูกหินฮะ๛ » บันทึกการเข้า

  ... ... ... 
ดอกฟ้ากับหมาวัด
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,042



« ตอบ #17 เมื่อ: 31-01-2008, 00:47 »

...  น่าอ่านทุกวันอาทิตย์ตอนเช้า...
ชอบมากเวลา.. พี่ดอกฟ้า ไปเที่ยวฯ แล้วนำรูปมาฝาก
เหมือนดูหนังท่องเที่ยวสารคดี ตอนเช้าๆ ..ทานขนมไปพลางฮะ

~@----------------------------------------------------------------------@~
 
~@----------------------------------------------------------------------@~




ขอบคุณน้องลูกหินฮะ

พี่ดอกฟ้าฯ เอามะกรูดมาแลกมะนาว....

ทำเองด้วย นะเนี่ย......ป่าวโกหก อิ อิ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-01-2008, 00:51 โดย ดอกฟ้ากับหมาวัด » บันทึกการเข้า

***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ

      น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
ดอกฟ้ากับหมาวัด
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,042



« ตอบ #18 เมื่อ: 01-02-2008, 20:25 »

หลังจากเวียนเทียน 3 รอบเสร็จ ก็มากราบสักกาะรพระพุทธรูปในบริเวณพระธาตุฯ


พระแก้วมรกต....กับพระพุทธรูปที่แกะสลักจากหยกสีขาว....สวยงามมากเลยค่ะ..







เดินชมบริเวณรอบๆ....มีแต่สิ่งที่หน้าสนใจ และสวยงาม





เมืองเชียงใหม่....มุมสวย ถ่ายจากยอดดอยสุเทพ










บันทึกการเข้า

***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ

      น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
ปรมาจารย์เจได
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,771


รักแท้ก็เหมือนผี รู้ว่ามี แต่ไม่เคยเจอ


« ตอบ #19 เมื่อ: 01-02-2008, 20:34 »

อยากไปแอ่วเหนือมั่งจังครับ

 
บันทึกการเข้า

http://www.oknation.net/blog/jedimaster



"เมืองดอกบัวงาม  แม่น้ำสองสี  มีปลาแซบหลาย หาดทรายแก่งหิน  ถิ่นไทยนักปราชญ์  ทวยราษฎร์ใฝ่ธรรม งามลำเทียนพรรษา  ผาแต้มก่อนประวัติศาสตร์"

ไม่มีใครเน่าบริสุทธิ์ดุจดั่งมูล ประชาชินสมบูรณ์ซะที่ไหน เมื่อยืนหยัดโชว์จู๋และปาขี้ ประชาชินย่อมมีชีวิตใหม่ เมื่อท้องฟ้าสีขี้ผ่องอำไพ เหลี่ยมจันไsย่อมเป็นใหญ่อยู่ใต้ดิน ...

ขอเชิญร่วมกลุ่มต้านทักษิณใน hi5 ครับ

THAKSIN get out !!
http://www.hi5.com/friend/group/1123605--THAKSIN%2Bget%2Bout%2521%2521--front-html

say no to thaksin !
http://www.hi5.com/friend/group/1186900--say%2Bno%2Bto%2Bthaksin%2B%2521--front-html
ดอกฟ้ากับหมาวัด
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,042



« ตอบ #20 เมื่อ: 01-02-2008, 20:56 »

อยากไปแอ่วเหนือมั่งจังครับ

 


เจียงใหม่มีแต่ของสวยๆงามๆนะเจ้า...ขอบอก

หากยังไม่มีเวลาว่างไปแอ่วเหนือ

พี่ดอกฟ้าฯ เอาภาพงามๆมาฝากก่อนละกันนะ






แจกันเงินโบราณ ฉลุลายสวยงามมาก

มีป้ายบอกว่า น้ำหนัก 15600 กรัม




เดินไป เดินมา เมื่อยแล้ว...

แวะมุมกาแฟ ดื่มลาเต้ กับวาฟเฟิลไส้สับปะรด อร่อยดีจัง

ว้า...ลืมถ่ายรูป ของอร่อย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-02-2008, 20:58 โดย ดอกฟ้ากับหมาวัด » บันทึกการเข้า

***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ

      น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
ปรมาจารย์เจได
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,771


รักแท้ก็เหมือนผี รู้ว่ามี แต่ไม่เคยเจอ


« ตอบ #21 เมื่อ: 01-02-2008, 22:41 »

แหล่งวัฒนธรรม หรือ วัตถุ อาหาร ที่เหนือไม่น่าสนครับ

สนแต่สาวเหนืออย่างเดียวครับ 55

 
บันทึกการเข้า

http://www.oknation.net/blog/jedimaster



"เมืองดอกบัวงาม  แม่น้ำสองสี  มีปลาแซบหลาย หาดทรายแก่งหิน  ถิ่นไทยนักปราชญ์  ทวยราษฎร์ใฝ่ธรรม งามลำเทียนพรรษา  ผาแต้มก่อนประวัติศาสตร์"

ไม่มีใครเน่าบริสุทธิ์ดุจดั่งมูล ประชาชินสมบูรณ์ซะที่ไหน เมื่อยืนหยัดโชว์จู๋และปาขี้ ประชาชินย่อมมีชีวิตใหม่ เมื่อท้องฟ้าสีขี้ผ่องอำไพ เหลี่ยมจันไsย่อมเป็นใหญ่อยู่ใต้ดิน ...

ขอเชิญร่วมกลุ่มต้านทักษิณใน hi5 ครับ

THAKSIN get out !!
http://www.hi5.com/friend/group/1123605--THAKSIN%2Bget%2Bout%2521%2521--front-html

say no to thaksin !
http://www.hi5.com/friend/group/1186900--say%2Bno%2Bto%2Bthaksin%2B%2521--front-html
ดอกฟ้ากับหมาวัด
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,042



« ตอบ #22 เมื่อ: 02-02-2008, 22:58 »

แหล่งวัฒนธรรม หรือ วัตถุ อาหาร ที่เหนือไม่น่าสนครับ

สนแต่สาวเหนืออย่างเดียวครับ 55

 


ตรงนี้...เป็นความชอบส่วนบุคคลนะคะ

ไม่ขอก่าวก่าย....แต่เห็นด้วยตรงที่ได้สัมผัสมาว่า.....

สุภาพสตรีที่นั่น ไม่ว่าจะเป็นแม่ค้าท้องถิ่นหรือบุคคลทั่วไป ค่อนข้างจะน่ารัก

อัธยาศัยดี แววตาและคำพูดแสดงออกถึงความมีน้ำใจไมตรีค่ะ





ยกตัวอย่างสองสาวที่ร้านนี้....น่ารัก พูดเพราะ...ทั้งลดแลก แจกแถม

ฝากเบอร์โทรศัพท์ ไว้ให้ด้วยนะ....น้ำพริกหนุ่ม น้ำพริกอ่อง เจ้านี้อร่อยจริงๆค่ะ


บันทึกการเข้า

***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ

      น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
ริวเซย์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,637


Worrior in The Blue Armor


เว็บไซต์
« ตอบ #23 เมื่อ: 03-02-2008, 01:34 »

แหล่งวัฒนธรรม หรือ วัตถุ อาหาร ที่เหนือไม่น่าสนครับ

สนแต่สาวเหนืออย่างเดียวครับ 55

 

อาหารก็อร่อยนะครับ ถ้าคุณเจไดมาเที่ยวเมื่อไหร่ก็บอก ผมจะพาไปกินร้านอร่อยๆ
บันทึกการเข้า

ถ้ามีแฟนแบบนี้เอาไหมครับ^^


ดอกฟ้ากับหมาวัด
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,042



« ตอบ #24 เมื่อ: 11-02-2008, 18:03 »




บันไดนาค


        บันไดนาค เป็นสัญลักษณ์สำคัญแห่งหนึ่งของวัดพระธาตุดอยสุเทพ

มีความงดงามทางด้านศิลปะที่ทรงคุณค่า และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์

นักท่องเที่ยวผู้มานมัสการพระบรมธาตุ มักจะต้องถ่ายภาพเป็นที่ระลึกที่ด้านของบันไดนาค

ซึ่งมีทัศนียภาพงดงามและมีเสน่ห์เมื่อมองขึ้นไปตามขั้นได นักท่องเที่ยวที่มาเยือนครั้งแรก

มักจะเดิน ขึ้นหรือเดินลงบันไดนาคเสมอ แต่ส่วนใหญ่มักจะเดินลง ส่วนตอนขึ้นนั้นมักจะขึ้นทางลิฟท์หรือรถรางไฟฟ้า

 

ประวัติการสร้างบันไดนาค


         บันไดนาค สร้างขึ้น ในปี พ.ศ.2100 (ค.ศ.1557) โดยมีพระมหาญาณมงคลโพธิ ้เป็นประธานก่อสร้าง

ซึ่งมีขนาดความยาว 306 ขั้น จากล่างถึงบน ประกอบด้วยพญานาคทั้ง 2 ข้าง ทำด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก

ตกแต่งอย่างปราณีต พญานาคแต่ละตัวมี 7 หัว บันไดนาคนี้สร้างมานานกว่า 400 ปี

 มีการชำรุดไปบ้างแต่ก็ได้รับการบำรุงซ่อมแซมอยู่ตลอดเวลา จนทำให้พวกเราทุกคนได้เห็นบันไดนาคอยู่ในสภาพเดิมตราบเท่าทุกวันนี้





http://www.doisuthep.com/




ถ้ากลัวเมื่อย และอยากประหยัดเวลาและพลังงานไว้ ท่องเมืองเชียงใหม่

ก็ลงอีกทางโดยรถรางไฟฟ้า....







บันทึกการเข้า

***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ

      น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
ดอกฟ้ากับหมาวัด
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,042



« ตอบ #25 เมื่อ: 11-02-2008, 18:26 »

มาเชียงใหม่..ทุกครั้ง ไม่เคยที่จะไม่แวะทานมื้อกลางวันที่ร้านนี้ค่ะ...

















โอย.....มีให้เลือกมากมายกว่าเก่าเลยค่ะ....เอื๊อกก...[/[/color]









นี่ก็ของชอบ...ขนมจีนน้ำเงี้ยว






บันทึกการเข้า

***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ

      น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
เล่าปี๋
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,417


ทำดีได้ดีมีไฉน ทำชั่วได้ดีมีถมไป


« ตอบ #26 เมื่อ: 11-02-2008, 20:38 »


 ขอบคุณคุณดอกฟ้าฯ ที่แนะนำทั้งที่น่ากินและที่น่าเที่ยว

 จะรออ่านและดูต่อนะครับ
   
บันทึกการเข้า

ขงเบ้งดูดาว เฮอะเอ่อเอ้ย เมื่อดาวตก เสียวในหัวอกเมือเห็นดาว
ไม่พราวไสว  หรือว่าตัวเราจะหมดบุญ จึงเป็นไป
ดาวที่สดใสเมื่อก่อนนั้น  พลันมืดมัว....
ดอกฟ้ากับหมาวัด
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,042



« ตอบ #27 เมื่อ: 12-02-2008, 19:48 »

ขอบคุณคุณดอกฟ้าฯ ที่แนะนำทั้งที่น่ากินและที่น่าเที่ยว

 จะรออ่านและดูต่อนะครับ
   


ขอบคุณเช่นกัน...ที่กรุณาติดตามค่ะ





หลังจากรับประทานอาหารกันเรียบร้อยแล้ว....เราจะไปชมโบราณสถาน


ที่ขุดพบ และเพิ่งค้นเจอเมื่อปี ๒๕๒๗...........เวียงกุมกาม










พระบรมธาตุ วัดกู่คำกุมกามภิรารมณ์ (เจดีย์เหลี่ยม)





ดอกสมปรารถนา...ที่จัดไว้ให้ผู้มาเยี่ยมชม นำไปกราบสักการะพระธาตุฯ




ที่นี่เป็นจุดเริ่มต้น..... ที่จะมีมักคุเทศก์ท้องถิ่นอาสา พาเราชมนครโบราณไต้พิภพ





รถนำเที่ยว...ที่จะพาเราไปดื่มด่ำกับอดีตที่ไกลโพ้น....






« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-02-2008, 19:51 โดย ดอกฟ้ากับหมาวัด » บันทึกการเข้า

***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ

      น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
ดอกฟ้ากับหมาวัด
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,042



« ตอบ #28 เมื่อ: 12-02-2008, 20:19 »

นครต้นแบบแห่งนครเชียงใหม่ และอาณาจักรล้านนา

เวียงกุมกามสร้างขึ้นโดยพญาเม็งราย อายุนานกว่า 700 ปี
 
เวียงกุมกามถูกทิ้งไว้รกร้าง ภายใต้ซากปรักหักพังในบริเวณชุมชนและหมู่บ้านห่างจากถนนมหิดลราว 2 กิโลเมตรหรือ

ประมาณ 4-5 กิโลเมตรจากสนามบินนานาชาติเชียงใหม่ ตามตำนานเล่าขานของล้านนา


                 พญาเม็งรายทรงสร้างเวียงกุมกามเพื่อเป็นศูนย์กลางของล้านนาราวพุทธศตวรรษที่ 18

เวียงกุมกามมีความเจริญรุ่งเรืองทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมือง

ก่อนที่พญาเม็งรายจะทรงสร้างนครเชียงใหม่ เวียงกุมกามยังคงมีความสำคัญ

และเป็นเมืองหน้าด่านต่อมา อีกหลายร้อยปี จนกระทั่งยุคเสื่อมของล้านนา พม่าเข้ายึดครอง

 
                 เวียงกุมกามถูกน้ำท่วมใหญ่จนถูกทิ้งให้เป็นเมืองร้างในเวลาต่อมา และเงียบหายไปจากความทรงจำ

จากหลักฐานการขุดค้นโดยกรมศิลปกร ในอดีตเวียงกุมกามเป็นศูนย์กลางการค้าขายของชาวเมือง

และพ่อค้าจากต่างเมือง มีความ เจริญทางเศรษฐกิจ โดยพบว่าในศิลาจารึกได้ระบุว่า

มีเรือมาค้าขายเป็นจำนวนมาก และมีเรือล่ม 2-3 วันเป็นประจำ

จนพญาเม็งราย เห็นสมควรให้สร้างสะพานข้ามแม่น้ำปิง เพื่อให้การไปมา

และค้าขายทำได้อย่างสะดวกความเจริญรุ่งเรืองทางศิลปะได้รับอิทธพลจากศิลปะมอญและพม่า

ดังจะเห็นได้จากร่องรอยและรูปแบบของเจดีย์ ลายปูนปั้น และพระพุทธรูปมีรูปแบบผสมผสานระหว่างล้านนาและพม่า

 
                 ในปัจจุบัน เวียงกุมกามได้แปรเปลี่ยนสภาพสู่โบราณสถานที่ทรงคุณค่า จากการขุดค้น พบโบราณสถาน

มากกว่า20 แห่ง และยังมีโบราณสถานอีกหลายแห่งที่อยู่ระหว่างทำการขุดค้นและบูรณะเพิ่มเติม

วัดเจดีย์เหลี่ยม หรือเจดีย์กู่คำ นับเป็นโบราณสถานที่ยังทรงความงดงาม แม้จะตั้งตระหง่านมายาวนานกว่า 700 ปี

และเป็นโบราณสถาน แห่งแรกที่ควรค่าแก่การแวะชมและสักการะเป็นแห่งแรก

จากนั้นท่านสามารถเข้าชมโบราณต่าง ๆ โดยรอบอีกกว่า 20 แห่ง

ซึ่งสามารถขับรถ เข้าชมได้โดยรอบ แต่แนะนำให้แวะชมโดยการปั่นจักรยานซึ่งจะให้อรรถรสในการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์

และเป็นการร่วมรักษ์สิ่งแวดล้อม บริเวณเวียงกุมกาม วัดช้างค้ำ และวัดกานโถม นับเป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดตามหลักฐานประวัติศาสตร์

 
                 วัดช้างค้ำและวัดกานโถมตั้งอยู่ตอนกลางของเวียงกุมกาม วัดกานโถมสร้างโดยช่างกาน โถมตามประสงค์ของ

พญาเม็งรายเพื่อศักการะพระมหากัสสปะเถระ วัดช้างค้ำยังเป็นวัดที่เป็นศูนย์กลางทางจิตใจของชุมชนโดยรอบของเวียงกุมกาม

นอกจากวัดเจดีย์เหลี่ยมและวัดช้างค้ำแล้ว โบราณสถานอื่น ๆ โดยรอบประกอบด้วย วัดพญาเม็งราย วัดพระเจ้าองค์

ดำ วัดธาตุขาว วัดอีก้าง วัดธาตุปู่เปี้ย กู่ป้าต้อม กู่ริดไม้ม กู่มะเกลือ วัดกู่ไม้ซ้ง กู่ต้นโพธิ์ วัดหัวหนอง กู่อ้ายหลาน และโบราณ-

สถานแห่งอื่น ๆ ที่อยู่ระหว่างการขุดค้น และบูรณะ




http://www.geocities.com



ร่องรอย...ของวัดต่างๆ ที่ขุดพบเจอ ที่เคยจมอยู่ใต้น้ำ













หลวงพ่อขาว...ที่ขุดเจออยู่ใต้ดิน

ปัจจุบันเป็นที่เลื่อมใสของคนท้องถิ่น และนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมเป็นอันมาก







บันทึกการเข้า

***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ

      น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
ดอกฟ้ากับหมาวัด
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,042



« ตอบ #29 เมื่อ: 13-02-2008, 22:35 »

  ร่องรอยของเวียงกุมกามปรากฏอยู่ในเขตพื้นที่ตำบลท่าวังตาล อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่

โดยมีระยะห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 5 กิโลเมตร

ลักษณะที่ตั้งและรูปร่างของเวียงกุมกามนั้น จากการศึกษาภาพถ่ายทางอากาศและจากการสำรวจ

 ร่องรอยของคูน้ำคันดินที่เป็นกำแพงเวียงโบราณที่เหลืออยู่พบว่า เวียงกุมกามมีผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า

มีความยาวประมาณ 850 เมตรไปตามแนวทิศตะวันออกเฉียงใต้สู่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือและกว้างประมาณ600 เมตร

 ตัวเมืองยาวไปตามลำน้ำปิงสายเดิมที่เคยไหลไปทางด้านทิศตะวันออกของเมือง


http://www.geocities.com





ที่นี่มีนักดนตรีอาสา ขับกล่อมบรรเลงผู้มาเยือน ทำให้บรรยากาศครื้นเครง




บันทึกการเข้า

***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ

      น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
ดอกฟ้ากับหมาวัด
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,042



« ตอบ #30 เมื่อ: 13-02-2008, 22:37 »

บ้านไทยล้านนาในอดีต...ก็มีให้ชม

















บันทึกการเข้า

***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ

      น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
ดอกฟ้ากับหมาวัด
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,042



« ตอบ #31 เมื่อ: 14-02-2008, 18:46 »

ครกตำข้าว...เครื่องทุ่นแรงสมัยก่อน....







ต้นพระศรีมหาโพธิ์.....




บันทึกการเข้า

***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ

      น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
เล่าปี๋
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,417


ทำดีได้ดีมีไฉน ทำชั่วได้ดีมีถมไป


« ตอบ #32 เมื่อ: 14-02-2008, 21:33 »



  ขอบคุณคุณ ดอกฟ้าฯครับ ที่นำเรื่องเที่ยวเมืองเชียงใหม่

 มาให้ชมและอ่านครับ  เสียดายรูปถ่าย  ครกตำข้าว จังเลย

 ที่ภาพถ่ายออกมา  มันดูมืดไป  ก็เลยเห็นครกไม่ชัดครับ

 แล้วเมื่อไรจะพาไปกินซะที  ผมหิวแล้วครับ
   
บันทึกการเข้า

ขงเบ้งดูดาว เฮอะเอ่อเอ้ย เมื่อดาวตก เสียวในหัวอกเมือเห็นดาว
ไม่พราวไสว  หรือว่าตัวเราจะหมดบุญ จึงเป็นไป
ดาวที่สดใสเมื่อก่อนนั้น  พลันมืดมัว....
ดอกฟ้ากับหมาวัด
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,042



« ตอบ #33 เมื่อ: 16-02-2008, 23:40 »


  ขอบคุณคุณ ดอกฟ้าฯครับ ที่นำเรื่องเที่ยวเมืองเชียงใหม่

 มาให้ชมและอ่านครับ  เสียดายรูปถ่าย  ครกตำข้าว จังเลย

 ที่ภาพถ่ายออกมา  มันดูมืดไป  ก็เลยเห็นครกไม่ชัดครับ

 แล้วเมื่อไรจะพาไปกินซะที  ผมหิวแล้วครับ
  





ยังไม่ถึงเวลารับประทาน....ยังไม่เสร็จสิ้นภาระกิจ


รอแป๊ะนึง....
บันทึกการเข้า

***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ

      น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
ดอกฟ้ากับหมาวัด
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,042



« ตอบ #34 เมื่อ: 17-02-2008, 00:04 »





พระเจ้าเม็งรายมหาราช

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี


 
พระราชานุสาวรีย์ พ่อขุนเม็งราย ที่ห้าแยกพ่อขุน จังหวัดเชียงรายพระเจ้าเม็งรายมหาราช หรือ พ่อขุนเม็งราย หรือ พญามังราย

ทรงเป็นปฐมกษัตริย์แห่งอาณาจักรล้านนา โดยทรงย้ายเมืองหลวงจากเมืองเชียงแสน มาสู่เมืองเชียงราย

และในที่สุดก็ทรงตั้งเมืองเวียงพิงค์ หรือเชียงใหม่เป็นราชธานี




เมื่อพระชนมายุได้ 20 ชันษา พระเจ้าลาวเม็งสวรรคต พญามังรายเสวยราชสมบัติปกครองเมืองหิรัญนครเงินยางสืบต่อมา

นับเป็นราชกาลที่ 25 แห่งราชวงศ์ลวจังกราช เมื่อพระองค์ได้ขึ้นครองราชสมบัติแล้วก็ทรงพระราชดำริว่า

แว่นแคว้นโยนก ประเทศนี้ มีท้าวพระยาหัวเมืองต่างๆ ซึ่งเป็นเชื้อวงศ์ของปู่เจ้าลาวจก (ลวจังกราช)

ต่างก็ปกครองอย่างสามัคคีปรองดองเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน อีกประการหนึ่งบ้านเมืองใด

หากมีผู้เป็นใหญ่ปกครองบ้านเมืองมากเจ้าหลายนายก็มักจะสร้างความทุกข์ยากให้แก่ ไพร่บ้านพลเมืองของตน

และถ้าหากมีศัตรูต่างชาติเข้าโจมตีก็อาจจะเสียเอกราชของชนชาติไทยได้โดยง่าย

ฉะนั้นเพื่อความเป็นปึกแผ่นของบ้านเมือง พญามังรายจึงมีพระประสงค์ที่จะรวบรวมหัวเมืองต่างๆ เข้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

 วิธีดำเนินตามนโยบายก็คือ แต่งพระราชสาสน์ไปถึงบรรดาหัวเมืองต่างๆ

ให้เข้ามายอมอ่อนน้อมในบรมโพธิสมภารของพระองค์เสียแต่ โดยดีหาไม่แล้วพระองค์จะทรงยกกองทัพไปปราบปราม

พ.ศ. 1805 พญามังรายทรงสร้างเมืองเชียงรายโดยการก่อกำแพงเมืองโอบเอาดอยจอมทองไว้ท่ามกลางเมือง

ต่อมาตีได้เมืองของ ชาวลัวะคือ ม้งคุมม้งเคียนแล้วขนานนามเมืองใหม่ว่า เมืองเชียงตุง
 
พ.ศ. 1818 ขณะที่ประทับที่เมืองฝาง ซึ่งเป็นเมืองที่สร้างมาแต่ครั้งพระเจ้าลวจังกราช

เมืองฝางมีอาณาเขตติดต่อกับอาณาจักรหริภุญชัย ของพญายีบา

 พญามังรายทรงทราบเรื่องราวของความเจริญรุ่งเรือง และความอุดมสมบูรณ์ของเมืองหริภุญชัย

พระองค์ทรงมอบ ให้อ้ายฟ้าขุนนางเชื้อสายลัวะเป็นผู้รับอาสาเข้าไปเป็นไส้ศึกทำกลอุบายให้พญายีบามาหลงเชื่อ

 และทำให้ชาวเมืองหริภุญชัยเกลียดชัง พญายีบา พญามังรายทรงมุ่งมั่นที่จะขยายพระราชอำนาจเหนือดินแดนลุ่มแม่น้ำปิงตอนบนให้ได้

 จึงมอบเมือง เชียงรายให้แก่เจ้าขุน เครื่องปกครอง ส่วนพระองค์มาประทับที่เมืองฝาง

ต่อมาพระองค์ทรงกรีฑาทัพเข้าตีเมืองพม่า แต่ด้วยเกรงในพระราชอำนาจ จึงถวายพระนางปายโคเป็นพระมเหสี

เมื่อพระนางอั้วมิ่งเวียงไชยทราบก็ทรงสลดพระทัย เนื่องจากทรงระลึกได้ว่าพญามังรายทรงผิดคำสาบาน

ที่พระองค์ทรงสาบาน ในเมื่อประทับ อยู่ที่เชียงแสนว่า จะมีมเหสีเพียง พระองค์เดียว

 พระนางจึงสละพระองค์ออกจากพระราชวัง ออกบวชชี ซึ่งเชื่อกันว่า ต่อมาบริเวณที่พระนางไปบวชนั้น เป็น เวียงกุมกาม

พ.ศ. 1824 อ้ายฟ้าสามารถทำการได้สำเร็จ โดยหลอกให้พญายีบาเดินทางไปขอกำลังพลจากพญาเบิกเจ้าเมืองเขลางค์นคร

พญามังรายจึงสามารถเข้าเมืองหริภุญชัยได้พระองค์ทรงมอบเมืองหริภุญชัยให้อ้ายฟ้าปกครอง

ส่วนพระองค์ได้มาสร้างเมืองขึ้นใหม่ซึ่ง อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือให้ชื่อว่า เมืองกุมกาม หรือเวียงกุมกาม

ต่อมาพญามังรายทอดพระเนตรชัยภูมิระหว่างดอยสุเทพ ด้านตะวันตกกับแม่น้ำปิง ด้านตะวันออก

ทรงพอพระทัยจึงเชิญพระสหาย คือ พญาร่วง (พ่อขุนรามคำแหง) และพญางำเมือง แห่งเมืองพะเยา

มาร่วมปรึกษาหา รือการสร้างเมืองแห่งใหม่ให้นามว่า เมืองนพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 1839

เรียกสั้นๆ ว่า นครเชียงใหม่ พญามังรายได้ย้ายเมืองหลวง จากเวียงกุมกามสถาปนาเมืองใหม่แห่งนี้ให้เป็นศูนย์กลางการปกครอง

ของอาณาจักรล้านนามีอำนาจเหนือ ดินแดนลุ่มแม่น้ำปิง แม่น้ำวัง แม่น้ำกกถึงแม่น้ำโขงตอนกลางจนถึงหัวเมืองไทยใหญ่ (เงี้ยว) 11 หัวเมืองลุ่มแม่น้ำสาละวิน

 
พระองค์ทรงสิ้นพระชนม์เมื่อทรงเสด็จออกตลาด โดยมี อสุนีบาตต้องพระองค์สิ้นพระชนม์

เชื่อกันว่าเป็นปาฏิหารย์ของ พระนางอั้วมิ่งเวียงไชย

อาณาจักรล้านนาเจริญรุ่งเรืองทั้งทางด้านการเมือง การปกครอง ศิลปะและวัฒนธรรมเป็นที่ยอมรับของอาณาจักรข้างเคียง

พญามังรายทรงเป็นปฐมวงศ์กษัตริย์ราชวงศ์มังราย มีกษัตริย์สืบเชื้อสายถึง 18 พระองค์ จนถึง พ.ศ. 2101

ล้านนาสูญเสียความเป็น เอกราชให้แก่พระเจ้าบุเรงนองกษัตริย์แห่งพม่า





........................................................................


ประวัติศาสตร์....ที่น่าเรียนรู้และนำมาสอนใจ

ทำไม.... ราชวงศ์หิริภุญชัยจึงล่มสลาย

ทำไม....อำนาจในการปกครองแว่นแคว้นในสมัยก่อน...ถึงต้องอาศัยความเกรียงไกรของไพร่พล

การเมือง คือบทสะท้อน ของประชาราษฎ์ ในทุกยุคสมัย.....



บันทึกการเข้า

***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ

      น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
เล่าปี๋
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,417


ทำดีได้ดีมีไฉน ทำชั่วได้ดีมีถมไป


« ตอบ #35 เมื่อ: 19-02-2008, 18:56 »




ยังไม่ถึงเวลารับประทาน....ยังไม่เสร็จสิ้นภาระกิจ


รอแป๊ะนึง....




แงๆๆๆๆหิววว..  จวนได้เวลาหาที่หม่ำยางง ...


บันทึกการเข้า

ขงเบ้งดูดาว เฮอะเอ่อเอ้ย เมื่อดาวตก เสียวในหัวอกเมือเห็นดาว
ไม่พราวไสว  หรือว่าตัวเราจะหมดบุญ จึงเป็นไป
ดาวที่สดใสเมื่อก่อนนั้น  พลันมืดมัว....
ดอกฟ้ากับหมาวัด
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,042



« ตอบ #36 เมื่อ: 21-02-2008, 22:23 »



แงๆๆๆๆหิววว..  จวนได้เวลาหาที่หม่ำยางง ...






ถึงเวลาพาไปรับทานแว้ววว.....ร้านผาลาดตะวันรอน...








บันทึกการเข้า

***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ

      น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
ดอกฟ้ากับหมาวัด
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,042



« ตอบ #37 เมื่อ: 21-02-2008, 22:31 »

บรรยากาศรอบๆ ที่แสนประทับใจ









บันทึกการเข้า

***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ

      น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
ดอกฟ้ากับหมาวัด
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,042



« ตอบ #38 เมื่อ: 22-02-2008, 00:53 »

มัวแต่เดินชมบรรยากาศรอบๆเพลิน...กลับมาเห็นแค่เนี้ยเอง อิ อิ








บันทึกการเข้า

***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ

      น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
ทิมมี่
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 709


« ตอบ #39 เมื่อ: 23-02-2008, 21:04 »

เข้ามาอ่าน ขอบคุณสำหรับเรื่อง และภาพที่นำมาฝากทุกๆท่านครับ
บันทึกการเข้า
เล่าปี๋
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,417


ทำดีได้ดีมีไฉน ทำชั่วได้ดีมีถมไป


« ตอบ #40 เมื่อ: 24-02-2008, 21:32 »



 คุณดอกฟ้าฯครับ  อ้าวไม่เห็นอธิบายเส้นทาง

 ที่จะไปหม่ำหล่ะครับ  หรือเวลาไปเที่ยวเชียงใหม่

 ให้จอดรถถามคนเดินข้างถนน หรือสามล้อเอาเองหรือครับ
 
บันทึกการเข้า

ขงเบ้งดูดาว เฮอะเอ่อเอ้ย เมื่อดาวตก เสียวในหัวอกเมือเห็นดาว
ไม่พราวไสว  หรือว่าตัวเราจะหมดบุญ จึงเป็นไป
ดาวที่สดใสเมื่อก่อนนั้น  พลันมืดมัว....
ดอกฟ้ากับหมาวัด
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,042



« ตอบ #41 เมื่อ: 25-02-2008, 20:28 »


 คุณดอกฟ้าฯครับ  อ้าวไม่เห็นอธิบายเส้นทาง

 ที่จะไปหม่ำหล่ะครับ  หรือเวลาไปเที่ยวเชียงใหม่

 ให้จอดรถถามคนเดินข้างถนน หรือสามล้อเอาเองหรือครับ
 



ขอประทานโทษ....ลืมไป นึกว่าคุณเล่าปี๋ จะไปหาจากกูเกิ้ล

ไม่อยากบอก...เพราะไม่ได้ค่าโคสะนา....อิ อิ ล้อเล่นน่ะ

เบอร์ร้าน  053-216039 , 216576


อันนี้ลิงค์ รายละเอียดเพิ่มเติมของร้านค่ะ




http://webboard.gmember.com/showthread.php?t=299
บันทึกการเข้า

***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ

      น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
เล่าปี๋
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,417


ทำดีได้ดีมีไฉน ทำชั่วได้ดีมีถมไป


« ตอบ #42 เมื่อ: 26-02-2008, 18:32 »



ขอประทานโทษ....ลืมไป นึกว่าคุณเล่าปี๋ จะไปหาจากกูเกิ้ล

ไม่อยากบอก...เพราะไม่ได้ค่าโคสะนา....อิ อิ ล้อเล่นน่ะ

เบอร์ร้าน  053-216039 , 216576


อันนี้ลิงค์ รายละเอียดเพิ่มเติมของร้านค่ะ




http://webboard.gmember.com/showthread.php?t=299


ขอบคุณคุณดอกฟ้าฯ ครับ

แล้วถ้าไปกินร้านที่นี้ แล้วบอกเจ้าของร้านว่า

อ่านมาจากกระทู้  ของคุณดอกฟ้าฯจะมีส่วนลดมั่งอ่ะปล่าว ?
 



บันทึกการเข้า

ขงเบ้งดูดาว เฮอะเอ่อเอ้ย เมื่อดาวตก เสียวในหัวอกเมือเห็นดาว
ไม่พราวไสว  หรือว่าตัวเราจะหมดบุญ จึงเป็นไป
ดาวที่สดใสเมื่อก่อนนั้น  พลันมืดมัว....
ดอกฟ้ากับหมาวัด
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,042



« ตอบ #43 เมื่อ: 01-03-2008, 22:26 »


ขอบคุณคุณดอกฟ้าฯ ครับ

แล้วถ้าไปกินร้านที่นี้ แล้วบอกเจ้าของร้านว่า

อ่านมาจากกระทู้  ของคุณดอกฟ้าฯจะมีส่วนลดมั่งอ่ะปล่าว ?
 







ขออภัยค่ะ....ที่มาตอบช้า

ขอบอกว่าไม่มีค่ะ...เพราะยังไม่ได้เป็นถึงขนาดหมึกแดง

หรือเชลล์ชวนชิม...
บันทึกการเข้า

***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ

      น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
เล่าปี๋
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,417


ทำดีได้ดีมีไฉน ทำชั่วได้ดีมีถมไป


« ตอบ #44 เมื่อ: 06-03-2008, 20:46 »


  อ่าๆ...อิ่มแล้วครับ มีแรงตามคุณดอกฟ้าฯ

ไปเที่ยวต่อได้แล้วครับ
....
บันทึกการเข้า

ขงเบ้งดูดาว เฮอะเอ่อเอ้ย เมื่อดาวตก เสียวในหัวอกเมือเห็นดาว
ไม่พราวไสว  หรือว่าตัวเราจะหมดบุญ จึงเป็นไป
ดาวที่สดใสเมื่อก่อนนั้น  พลันมืดมัว....
เล่าปี๋
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,417


ทำดีได้ดีมีไฉน ทำชั่วได้ดีมีถมไป


« ตอบ #45 เมื่อ: 07-04-2008, 00:09 »



แงๆๆ อ่า...คุณดอกฟ้า ฯ ไปไหนแล้ว...อ่า..ผมหิวคร้าบ..
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-05-2008, 12:52 โดย เล่าปี๋ » บันทึกการเข้า

ขงเบ้งดูดาว เฮอะเอ่อเอ้ย เมื่อดาวตก เสียวในหัวอกเมือเห็นดาว
ไม่พราวไสว  หรือว่าตัวเราจะหมดบุญ จึงเป็นไป
ดาวที่สดใสเมื่อก่อนนั้น  พลันมืดมัว....
patchktt
น้องใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1


« ตอบ #46 เมื่อ: 19-05-2008, 11:19 »

ถ้ามีโอกาสมาแอ่วเชียงใหม่ คราวต่อไป อย่าลืม ไป "ป่าดงปงไหว"  ด้วยนะ ธรรมชาติดีมาก
ยิ่งช่วงฤดูฝนด้วย  ต้นไม้เขียวขจี อากาศเย็นสบาย จะเห็นป่าชุมชมที่อุดมสมบูรณ์
บันทึกการเข้า
ดอกฟ้ากับหมาวัด
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,042



« ตอบ #47 เมื่อ: 19-05-2008, 23:24 »

ถ้ามีโอกาสมาแอ่วเชียงใหม่ คราวต่อไป อย่าลืม ไป "ป่าดงปงไหว"  ด้วยนะ ธรรมชาติดีมาก
ยิ่งช่วงฤดูฝนด้วย  ต้นไม้เขียวขจี อากาศเย็นสบาย จะเห็นป่าชุมชมที่อุดมสมบูรณ์




ขอบคุณ..ที่กรุณาแนะนำค่ะ

ว่าแต่ว่า "ป่าดงปงไหว" นี่อยู่ส่วนไหนของเชียงใหม่คะ เพราะไม่เคยได้ยินชื่อนี้เลย

ในกูเกิ้ลจะมีข้อมูลรึเปล่า เผื่อว่าครั้งหน้าจะได้แวะไปเยี่ยมเยือน แล้วเอาภาพมาฝากเพื่อนๆสมาชิกค่ะ
บันทึกการเข้า

***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ

      น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
(ลุง)ถึก สไลเดอร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,026



« ตอบ #48 เมื่อ: 20-05-2008, 01:00 »

เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ เชิญฟังเพลงนี้ได้เลยครับ.....เอิ้กกกก
 http://www.pa-orn.com/monmuengnoe1.mp3

บันทึกการเข้า

(ลุง)ถึก สไลเดอร์
ดอกฟ้ากับหมาวัด
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,042



« ตอบ #49 เมื่อ: 24-05-2008, 20:58 »

เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ เชิญฟังเพลงนี้ได้เลยครับ.....เอิ้กกกก
 http://www.pa-orn.com/monmuengnoe1.mp3





ขอบพระคุณลุงถึก....ที่หาเพลงอมตะนิรันดร์กาล มาเปิดให้เข้าบรรยากาศ

ฟังแล้วเพราะดีค่ะ
บันทึกการเข้า

***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ

      น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
หน้า: [1] 2
    กระโดดไป: