เช็คข้อมูลแล้ว ลูกชายลุงโดนทั้งสองคดีครับ คดียาเสพติดจำคุก 5 เดือนแต่รอลงอาญาโดนก่อนที่จะโดนข้อหาลักทรัพย์ คดีเก่าอาจจะตามมาทบต้น ข่าวที่พูดถึงจึงมีทั้งสองอย่าง
คดียาเสพติด ตามข่าวบอกว่า "เป็นเรื่องการเสพยา ไม่ได้บอกว่าค้ายา"
.......................................................................................................
http://www.rakbankerd.com/01_jam/thaiinfor/country_info/index.html?topic_id=1914&db_file=กองปราบ ยิงถล่มบ้านตา-ยาย
ความผิดพลาดในการปฎิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้ถือกฎหมายอยู่ในมือ ได้กลายเป็นข่าวที่สร้างความด่างพร้อยให้กับวงการตำรวจไทย ในรอบปี 2547 โดยเหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นตอนดึกของคืนวันที่ 7 ก.ค.ขณะที่ใครหลาย ๆคนกำลังนอนหลับอย่างมีความสุข แต่สำหรับนายนิสสัย และ นางอุดม ศตะกูรมะ 2 ตายาย ถูกกำลังคอมมานโดกองปราบปราม ตำรวจภูธรภาค 1 และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.กว่าร้อยนาย บุกค้นบ้านแบบสายฟ้าแลบ ก่อนสาดกระสุนเข้าใส่บ้านเป้าหมายแบบไม่ลืมหูลืมตา โดยตำรวจอ้างว่าบ้านหลังดังกล่าว เป็นโรงงานผลิตและมียาบ้าซุกซ่อนอยู่
หน่วยคอมมานโดบุกยิงถล่มบ้านนายนิสสัย และ นางอุดม ศตะกูรมะ 2 ตายายซึ่งต้องสงสัยว่าค้ายาเสพติด แต่โชคดีมีตู้เย็นรับคมกระสุนจนพรุน เหตุเกิดเมื่อ 7 ก.ค. 2547
ด้วยสัญชาติญาณ นายนิสสัย ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ ได้คว้าอาวุธปืนพกขนาด .22 ยิงสวนผู้บุกรุกเพียง 1 นัดโดยไม่รู้ว่า สิ่งมีชีวิตที่ตนเองเห็น เป็นตำรวจ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือห่ากระสุนจำนวนนับไม่ถ้วนที่พุ่งตรงหมายเอาชีวิตเฒ่าชราวัย 76 ผู้นี้ แต่โชคยังดีที่มีตู้เย็นมารับคมกระสุนไว้แทน ถึงกระนั้นก็ยังได้รับบาดเจ็บที่หน้าผากและแขนขวาจากการถูกเศษกระจก หล่นใส่ ต้องเย็บถึง 8 เข็ม
หลังเกิดเหตุ นางอุดม เล่าว่าตำรวจชุดดังกล่าวได้บุกเข้าไปภายในบ้านโดยบังคับให้คนในบ้านซึ่งเป็นเด็ก และคนชรา หมอบลงกับพื้น ก่อนที่ จะเข้าตรวจค้นจนสิ่งของภายในบ้านกระจัดกระจาย แต่กลับไม่พบเครื่องอัดเม็ดยาบ้า หรือ สิ่งผิดกฎหมายตามที่กล่าวอ้าง ต่อมาเจ้าหน้าที่ทั้งหมดได้ถอนกำลัง โดยยึดตู้เย็นที่เต็มไปด้วยหลักฐานรูกระสุนปืนกลับไป และหากประเมินจากสภาพความเสียหายที่ปรากฏ ในบ้านเกิดเหตุ แทบไม่น่าเชื่อว่าจะไม่มีผู้เสียยชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนี้
วันรุ่งขึ้นหลังจากที่ข่าวดังกล่าวแพร่สะพัดออกไป ได้สร้างความปั่นป่วนให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นอย่างมาก โดยมีคำถามตามมาว่าใครคือผู้สั่งการ นายยงยุทธ ติยะไพรัช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี คือบุคคลที่ถูกกล่าวถึงเป็นคนแรก เนื่องจากมีผู้พบอยู่ที่บ้านของสองตายายในขณะเกิดเหตุ แต่สุดท้าย นายยงยุทธ ได้ออกมาปฏิเสธว่าเรื่องดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับตน พร้อมโยนความผิดพลาดให้กับกองปราบ แต่ก็ยอมรับว่าตนได้รับเบาะแสมาจริง จึงได้ส่งเรื่องให้กองปราบฯดำเนินการ โดยตนไม่ได้เป็นคนบัญชาการ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ไม่เกี่ยวกับตู้รับเรื่องร้องทุกข์ของนายกฯ
ต่อมา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ออกมายอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ที่ทำ งานไม่รัดกุม พร้อมทั้งได้สั่งห้ามไม่ให้ นายยงยุทธ เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการทำงานของตำรวจอีก
ด้าน พล.ต.ต.โกสินทร์ หินเธาว์ ผู้บังคับการกองปราบ ชี้แจงว่า บ้านหลังดังกล่าวได้รับแจ้งจากสายว่าเป็นแหล่งผลิตยาบ้า ตำรวจจึงได้ขอหมายศาลเข้าตรวจค้นอย่างถูกต้อง แต่เมื่อเจ้าของบ้านไม่เปิดประตูและยิงปืนสวนออกมา จึงต้องมีการยิงตอบโต้ แม้ตรวจค้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย ก็ไม่ถือว่าเป็นความผิดพลาด เรื่องที่เกิดขึ้นสามารถพูดคุยกันได้ เพราะไม่มีผู้เสียชีวิต
ความทุกข์ของสองตายาย ดูเหมือนจะไม่จบสิ้น วันที่ 9 ก.ค.เพียง 2 วันให้หลัง
น.ช.อดิศร ศตะกูรมะ ลูกชายคนสุดท้องของนายนิสสัย-นางอุดม ได้เสียชีวิตในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ขณะที่ถูกจำคุกในข้อหาลักหมวกกันน็อค สร้างข้อกังขาให้ สอง ตา-ยาย เป็นอย่างมาก เพราะเหตุการณ์ช่างประจวบเหมาะ กับที่บ้านถูกยิงถล่มและมีเรื่องขัดแย้งกับเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งผลการชันสูตรศพ น.ช.อดิศร โดยสถาบันนิติเวช ออกมาว่าน.ช.อดิศรเสียชีวิตจากการติดเชื้อ โดยไม่พบร่องรอยการถูกทำร้ายใดๆ และหลังญาติได้ร้องขอให้ แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ รอง ผอ. สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เข้าตรวจพิสูจน์ ผลลัพธ์ออกมาในรูปแบบเดียวกัน สถานการณ์จึงคลี่คลาย
ประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง คือ ตู้เย็น ที่ช่วยชีวิตนายนิสสัย ซึ่งถูกกระสุนปืนยิงจนพรุน และ ตำรวจกองปราบฯ ยกเอาไปจากบ้านของสองตายาย มีหลายฝ่ายตั้งคำถามว่าตำรวจมีสิทธิอะไรถึงทำเช่นนั้น ทำไปเพื่ออะไร เพราะไม่ใช่ของกลางในคดี หรือ เป็นการทำลายหลักฐาน สุดท้ายกองปราบฯ ได้ยอมคืนตู้เย็นใบดังกล่าวให้แต่โดยดีหลังผ่านไปกว่า 1 สัปดาห์
วันที่ 15 ก.ย.พล.ต.ต.โกสินทร์ ได้เดินทางไปมอบเช็คเงินสดจำนวน 2.5 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าซ่อมแซมบ้านให้กับ สองตา-ยาย โดยยอมรับว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของผู้ใต้บังคับบัญชา จึงต้องรับผิดชอบ ส่วนเงินจำนวนดังกล่าวเป็นเงินที่รวบรวมมาจากภายในหน่วยงาน ซึ่งนางอุดม ได้รับเช็คจำนวนดังกล่าวไว้ โดยบอกว่าจะใช้เงินจำนวนดังกล่าวในการซ่อมแซมบ้าน จากนั้นสองตา-ยายยังได้ยื่นฟ้องร้องเรียกค่าทำขวัญและค่าเสื่อมเสียชื่อเสียงจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นเงินอีก 95 ล้านบาท ซึ่งคดีดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นศาล
จากความผิดพลาดที่เกิดขึ้น พล.ต.ต.โกสินทร์ ถูกกรรมาธิการคณะต่าง ๆสอบข้อเท็จจริง และเรียกร้องให้รับผิดชอบ สุดท้าย ผู้การกองปราบ ที่ชื่อ"โกสินทร์ หินเธาว์"ถูกย้ายพ้นวงโคจรกองปราบ ส่วนผลการสอบสวนข้อเท็จจริง ที่มี พล.ต.ต.ศิริชัย วัฒนวรางกูร รอง ผบช.ภ.1.เป็นประธานสอบ จนถึงวันนี้ ผลสอบก็ยังไม่มีการสรุปต่อสาธารณชน
..........................................................................................................
http://www.icygang.com/hothilights/view.php?news_id=717&category_id=6ลุงนิสสัยทุกข์ซ้ำ ลูกชายดับคาคุก
ที่มา : คม ชัด ลึก
ภาพประกอบ : รูปประกอบจากเดลินิวส์
ลูก ชายตายายดับปริศนาในเรือนจำ พี่สาวระบุน้องชายถูกจับลักทรัพย์หมวกกันน็อค หมอยันสุขภาพแข็งแรงดี \"วงกต\" รุดเยี่ยมครอบครัวเหยื่อกระสุน ยันจะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย กมธ.ตร.-กรรมการสิทธิฯ เตรียมเรียก \"โกสินทร์\" ชี้แจง ผู้พิพากษาชี้ขอออกหมายค้นมั่วอาจติดคุกฐานละเมิดอำนาจศาล ตร.ท้องที่จัดกำลังคุ้มครอง ขณะที่เจ้าอาวาสวัดเสมียนนารี การันตีเจ้าของบ้านรวย 12 ล้าน เพราะขายที่ข้างวัด ระบุเป็นตระกูลเจ้าขุนมูลนาย
เหตุการณ์ยกกำลังตำรวจคอมมานโดบุกยิง บ้านนายนิสสัย และนางอุดม ศตะกูรมะ สองตายาย ที่บ้านพักเลขที่ 25/2 หมู่ 4 ต.เชียงรากน้อย อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา โดยกล่าวหาว่าพัวพันกับการค้ายาบ้า ซึ่งภายหลังมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า นายยงยุทธ ติยะไพรัช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว กระทั่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สั่งห้ามไม่ให้ไปยุ่งเกี่ยวกับงานของตำรวจอีก
\"วงกต\" เยี่ยมครอบครัวเหยื่อกระสุน
ล่าสุดเมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 9 ก.ค. พล.ต.ท.วงกต มณีรินทร์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ได้เดินทางมาที่บ้านของนายนิสสัย และนางอุดม ศตะกูรมะ ใน จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมได้มอบกระเช้าผลไม้ขนาดใหญ่ให้ทางครอบครัว
จากนั้น ผบช.ก. ได้เดินตรวจดูความเสียหายรอบบริเวณบ้าน พร้อมรับปากกับนางอุดมว่า จะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย รวมทั้งได้รายงานเรื่องนี้ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทราบแล้ว ซึ่งคาดว่านายกฯ จะมีคำสั่งลงมาในไม่ช้า และให้ความเป็นธรรมอย่างแน่นอน ทั้งนี้ยังได้สอบถามอาการบาดเจ็บของนายนิสสัย และพูดให้กำลังใจก่อนกลับ
ต่อมาเวลา 09.30 น. นายบุญเลิศ ไพรินทร์ ส.ว.ฉะเชิงเทรา ในฐานะประธานอนุกรรมาธิการการตำรวจ วุฒิสภา พร้อมด้วยสมาชิกวุฒิสภาประมาณ 20 คน เดินทางมาให้กำลังใจกับครอบครัวนายนิสสัย พร้อมยืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับเรื่องที่เกิดขึ้น โดยระบุว่าจะเรียก ผบก.ป. ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา นายอำเภอบางไทร รอง ผกก.หัวหน้าสถานี สภ.ต.ช้างใหญ่ ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุ รวมทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน มาสอบสวนชี้แจงข้อเท็จจริงที่รัฐสภา
ลูกชายตายายตายปริศนาในเรือนจำ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากสถาบันนิติเวช วิทยาว่า ช่วงบ่ายของวันที่ 9 ก.ค. เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลกลาง กรมราชทัณฑ์ ได้ส่งศพ
นักโทษชายอดิศร ศตะกูรมะ ซึ่งต้องโทษคดียาเสพติด ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร มาให้แพทย์นิติเวชชันสูตรพลิกศพหาสาเหตุการตาย ในเบื้องต้นคาดว่า น.ช.อดิศร เสียชีวิตจากอาการป่วย จากการเสพเฮโรอีนก่อนหน้าที่จะถูกจับตัวมาดำเนินคดี และมีอาการปอดติดเชื้อเรื้อรังตั้งแต่เริ่มติดคุกใหม่ๆ จนกระทั่งล้มป่วยหนักจากการติดเชื้อวัณโรคขั้นรุนแรง เมื่อคืนวันที่ 8 ก.ค. และเสียชีวิตภายในแดนคุมขังของเรือนจำ
รายงานข่าวระบุว่า
น.ช.อดิศร เป็นบุตรชายคนหนึ่งของนายนิสสัย ศตะกูรมะ ถูกจับในคดีเสพเฮโรอีน ถูกคุมขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ มานานเกือบ 1 ปี โดย น.ช.อดิศรถูกแยกตัวไปคุมขังในแดนพยาบาล เนื่องจากมีอาการป่วย เป็นโรคติดเชื้อจากการใช้เข็มฉีดยา ตลอดระยะเวลาที่ถูกคุมขังในเรือนจำ น.ช.อดิศรเจ็บป่วยกระเสาะกระแสะมาตลอด จนกระทั่งเสียชีวิตในที่สุด พี่สาวยันน้องชายดับจริง
ทางด้าน น.ส.ขนิฐษา ศตะกูรมะ ลูกสาวสองตายาย กล่าวผ่านรายการ \"เก็บตกจากเนชั่น\" ถึงการเสียชีวิตของ น.ช.อดิศร ศตะกูรมะ อายุ 26 ปี เป็นน้องชาย ว่า
น้องชายถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ โทษฐานลักทรัพย์ หมวกกันน็อค 1 ใบ ถูกจำคุกวันที่ 20 ต.ค. 2546 \"ช่วงที่น้องชายอยู่ในเรือนจำ ไปเยี่ยมเพียง 2 ครั้งเท่านั้น ส่วนใหญ่น้องสะใภ้เป็นคนไปเยี่ยม และที่น้องชายเสียชีวิต ก็ทราบเมื่อช่วงเช้าวันที่ 9 ก.ค. ได้ขอไปเยี่ยม แต่ทางเรือนบอกว่าเสียชีวิตแล้ว ซึ่งต้องรอผลชันสูตร แต่ก็อยากจะทราบเหมือนกันว่าเสียชีวิตเพราะอะไร เพราะน้องชายไปหาหมอประจำตัวบอกว่า ผลเลือดดีมาก แข็งแรงดี พอมาเกิดเรื่องว่าเสียชีวิต ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเกิดอะไร\" น.ส.ขนิษฐา กล่าว
น.ส.ขนิษฐา กล่าวว่า ทางเรือนจำแจ้งหรือไม่ว่าเสียชีวิต เมื่อวันที่ 8 ก.ค. ตอน 4 โมงเย็น คิดว่าวันที่ 12 ก.ค. คงทราบ เพราะต้องขอผลการชันสูตร คงต้องถามว่าน้องชายเสียชีวิตเพราะอะไร ทั้งที่ผลเลือดของเขาดีขึ้น โรคประจำตัวของเขาดีขึ้น ในเรื่องพ่อกับแม่ทราบเรื่องแล้ว และเป็นลมไปเรียบร้อยแล้ว ก่อนหน้าฉันปิดข่าวกลัวเขาจะเป็นอะไร ดิฉันไม่ได้บอกพ่อกับแม่ กลัวว่าท่านจะเป็นอะไร แต่สุดท้ายก็ต้องบอก
\"นัทธี\" แจงไม่เกี่ยวยิงถล่มบ้านตายาย
นายนัทธี จิตสว่าง อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า การเสียชีวิตจากอาการเจ็บป่วยของนักโทษในเรือนจำ เกิดขึ้นเป็นประจำ แต่ถ้าเป็นการเสียชีวิตจากเหตุผิดธรรมชาติหรือไม่ ต้องรอจนกว่าผลการชันสูตรของแพทย์จะสรุปสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงของ น.ช.อดิศร ว่าเกิดจากสาเหตุใด มีความเกี่ยวพันโยงใยกับขบวนการค้ายาเสพติดภายนอกเรือนจำหรือไม่
ด้าน ร.ท.สรคม อินทวัฒนะ นายทหารศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) ปฏิเสธว่า มีน้องชาย 1 คน แต่ไม่ได้ใช้ชื่ออดิศร และน้องชายของตนก็ไม่ได้ติดคุกคดียาเสพติด หากนักข่าวอยากรู้ว่าผู้ตาย เกี่ยวข้องเป็นญาติกับตนหรือไม่ ขอให้โทรศัพท์ไปสอบถามจากนายนิสสัย ศตะกูรมะ บิดาของตนที่ จ.พระนครศรีอยุธยา หรือจะเดินทางไปสัมภาษณ์ด้วยตัวเองก็ได้ สำหรับตนไม่ได้กลับบ้านที่พระนครศรีอยุธยามานานหลายปีแล้ว แค่เหตุการณ์บ้านถูกยิงถล่มก็ทำให้ปวดหัวมากพอแล้ว
สายข่าวที่แจ้งเบาะแสหายตัวลึกลับ
รายงานข่าวแจ้งว่า ต้นเรื่องทั้งหมดนั้นมาจากข่าวของสายลับคนหนึ่งทราบชื่อว่านายวุฒิ (ไม่ทราบนามสกุล) โดยนายวุฒิ นั้นได้รู้จักกับ นายกอบต.ผู้หนึ่งใน จ.สระบุรี และได้ไปเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง ซึ่งต่อมาทางนายก อบต.รายนี้ได้นำเรื่องไปเล่าต่อให้กับ พ.ต.ท.ปรีชา ชูตินันท์ รอง ผกก.(ป.)สภ.กิ่ง อ.โนนศิลา จ.ขอนแก่น
กระทั่งเมื่อวันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา ก็ได้มีการพาตัวนายวุฒิเข้าพบกับนายยงยุทธ เพื่อยืนยันคำให้การหลังจากนั้นจึงได้มีการมอบหมายเรื่องให้ พ.ต.อ.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ ซึ่งเป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการและประสานงานสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เข้ามาสอบสวนข้อเท็จจริงต่อมาทาง พ.ต.อ.อดุลย์ จึงได้ประสานมายัง ผบก.ป.เพื่อให้รับเรื่องไปดำเนินการ ซึ่งในครั้งแรกทาง ผบก.ป.เองก็ยังไม่แน่ใจและเชื่อสายลับรายนี้พร้อมยืนยันที่จะขอตรวจสอบข้อ เท็จจริงก่อน แต่ถึงอย่างไรก็ได้ส่งกำลังเข้าไปตำรวจเข้าไปสอบก่อน
นอกจากนี้ยังมีรายงานด้วยว่าหลังจากเกิดเหตุแล้วทางนายวุฒิ สายลับรายนี้ก็ได้หายตัวไปไม่สามารถติดต่อได้จนขณะนี้
ออกหมายค้นมั่วอาจติดคุก
ทางด้าน นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลอุทธรณ์ภาค 5 กล่าวว่า ในส่วนที่เกี่ยวกับการขออำนาจศาลออกหมายค้นเป็นเรื่องที่ควรให้มีการ พิจารณากันอย่างแท้จริงว่าการขอออกหมายค้นกรณีนี้ได้กระทำไปโดยชอบหรือไม่
สำหรับการขอออกหมายค้นคดีนี้มีข้อน่า สังเกตอันนำไปสู่ปัญหาควรสงสัยหลายประการ เป็นต้นว่า ที่มาของเหตุที่จะออกหมายค้น ซึ่งตามข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ก็สงสัยกันว่าพยานหลักฐานหรือข้อมูลที่นำไป อ้างต่อศาลเพื่อขอออกหมายค้นนั้น มาจากแหล่งข่าวของตำรวจเอง หรือมาจากสายลับ เจ้าพนักงานจะต้องแสดงต่อศาลถึงพยานหลักฐานที่มีเหตุอันควรเพียงพอที่ศาลจะ ออกหมายค้นให้
“เมื่อปรากฏข้อมูลที่ชัดแจ้งภายหลัง เช่นนี้ว่า บ้านที่ขอให้ศาลออกหมายค้นเป็นบ้านของผู้บริสุทธิ์ ก็แสดงอยู่ในตัวว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นในกระบวนการขอออกหมายค้น เช่น มีการนำพยานหลักฐานเท็จไปเสนอต่อศาล ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นจริง อย่างน้อยที่สุดผู้ขอออกหมายศาล ก็จะต้องมีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล และศาลอาจลงโทษจำคุกได้ทันทีไม่เกิน 6 เดือน ซึ่งเรื่องนี้จะโทษศาลไม่ได้ ถ้าศาลได้ใช้ดุลพินิจออกหมายค้นไปโดยรอบคอบแล้ว” นายพรเพชร กล่าว
นอกจากนั้นศาลอาจออกหมายเรียกผู้ เกี่ยวข้อง เช่น เลขาธิการนายกรัฐมนตรีมาไต่สวนเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับตู้ ปณ.ของนายกรัฐมนตรี หากมีข้อมูลพาดพิงไปถึง
พฐ.ตรวจพบรอยกระสุนเกือบ 100 รู
ด้าน พ.ต.อ.วัชระ จิตตั้งตรง รอง ผบก.กองวิทยาการ ตำรวจภูธรภาค 1 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานประมาณ 20 นาย เดินทางมาตรวจพิสูจน์หลักฐานร่องรอยวิถีกระสุนปืน และความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการถูกชุดคอมมานโดยิงถล่ม เมื่อกลางดึกวันที่ 7 ก.ค.ที่ผ่านมา
โดยตำรวจได้ตรวจสอบร่องรอยกระสุนปืน บริเวณประตูไม้ด้านหน้าบ้าน พบมีกระสุนปืนยิง 20 แห่ง โดยมีการทำสัญลักษณ์จุดไว้อย่างละเอียด โดยกระจกด้านข้างประตูหน้ามีรอยกระสุนปืนถูกยิงเป็นรูด้านละ 30 จุด และมีการเปิดฝ้าเพดานภายในบ้านซึ่งพบมีรอยกระสุนปืนยิงทะลุเป็นจำนวนมาก
เมื่อเวลา 13.00 น. บุตรสาวได้พานายนิสสัย ไปทำความสะอาดแผลที่โรงพยาบาลบางปะอิน ทันทีที่เปิดแผลออกมาพบว่า ที่บริเวณแขนข้างขวา ซึ่งมีรอยเย็บ 8 เข็ม มีเลือดไหลซึมออกมา ส่วนแผลที่เย็บเริ่มแห้งและดีขึ้นแต่ยังมีรอยช้ำอยู่ ส่วนบาดแผลที่หน้าผาก อาการบาดเจ็บเริ่มทุเลาลง แต่ยังมีลักษณะบวมแดงอยู่ เมื่อพยาบาลใช้แอลกอฮอล์ล้างแผลนายนิสสัย บ่นว่าแสบแผล จากนั้นพยาบาลได้ใช้ทิงเจอร์เช็ดที่แผล นายนิสสัยก็บ่นว่าเจ็บ และบอกว่าวันนี้พยาบาลมือหนัก
ย้ำเรื่องฟ้องร้องแล้วแต่ลูก
นายนิสสัย กล่าวถึงประเด็นการฟ้องร้องดำเนินคดีกับตำรวจว่า ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด เราเป็นแค่ไม้จิ้มฟัน จะไปงัดกับไม้ซีกไม้ซุงกับเขาไม่ได้ ขออยู่ทำมาหากินไปวันๆ ดีกว่า เพราะเราเป็นประชาชนธรรมดา ส่วนลูกๆ จะดำเนินการอย่างไรก็แล้วแต่เขาเพราะเราไม่รู้เรื่องกฎหมายและต้องอยู่ที่ นี่ไปจนตาย
นายนิสสัย กล่าวอีกว่า อยากให้ตำรวจออกมายืนยันว่า พวกเราบริสุทธิ์ไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฎหมายเพราะหากไม่มีใครออกมาชี้แจง เรื่องก็จะเงียบหายไป ทำให้คนเข้าใจว่าพวกเราทำผิดจริง ตรงนี้จะมีผลกระทบกับหน้าที่การงานของลูกๆ โดยตรง ส่วนตนนั้นไม่เป็นไรเพราะอยู่กับบ้านธรรมดา สงสารลูกๆ ที่ต้องอยู่ในสังคมและพบเจอผู้คนที่ทำงาน
ขณะที่ นายสุรสีห์ โกศลนาวิน ประธานอนุกรรมการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน กล่าวภายหลังเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุว่า ได้คุยกับเจ้าของบ้านผู้เสียหายแล้ว ได้รับคำยืนยันว่าไม่ได้มีการแจ้งหมายค้นก่อน ซึ่งข้อมูลจากทางตำรวจและผู้เสียหายยังตรงข้ามกันอยู่ คงต้องฟังความทั้งสองฝ่าย โดยจะเชิญทางตำรวจมาให้ข้อมูล ขณะนี้ได้ให้ฝ่ายวิชาการไปตรวจสภาพรอยเลือด คงต้องดูว่าตำรวจทำตามกระบวนการตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา หรือไม่
\"เมื่อกรรมการสิทธิมนุษยชนเข้ามาดูแล อย่างน้อยประชาชนจะได้พอใจว่า ไม่มีการเข้าข้างตำรวจเพราะมีคณะกรรมการที่มีความเป็นกลางเข้าไปดูแล ซึ่งกรรมการสิทธิฯ จะทำให้เป็นที่ประจักษ์แก่สังคม จะได้เป็นกรณีตัวอย่างไม่ให้เกิดเหตุการณ์ทำนองนี้ขึ้นอีก\" นายสุรสีห์ กล่าว
ท้องที่จัดกำลังคุ้มกันครอบครัว
พ.ต.ท.สุระพร เทพเสน รอง ผกก.หน.สภ.ต.ช้างใหญ่ กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุได้มีชาวบ้านโทรศัพท์มาแจ้งให้ทางตำรวจทราบว่า ได้ยินเสียงปืนบริเวณบ้านหลังดังกล่าว จึงได้สั่งการให้ตำรวจ สภ.ต.ช้างใหญ่ นำกำลังเข้าตรวจสอบ จึงได้ทราบว่าทางกองปราบปรามนำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าว ทั้งนี้ จากการสอบถามลูกน้องที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุทราบว่า เมื่อตำรวจท้องที่ไปถึงพบว่าหน่วยคอมมานโดถอนกลับหมดแล้ว ซึ่งเหลือแต่เพียงตำรวจกองปราบปรามกำลังเคลียร์พื้นที่บางส่วนเท่านั้น
\"สำหรับบ้านของนายนิสสัยนั้น ผมไม่เคยได้รับเบาะแสว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด หรือกระทำการสิ่งผิดกฎหมาย และในเบื้องต้นได้จัดกำลังตำรวจให้ความคุ้มครองครอบครัวของนายนิสสัยแล้ว เพราะเนื่องจากคนในครอบครัวยังอยู่ในอาการหวาดผวา\" พ.ต.ท.สุระพร กล่าว
นายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา พรรคไทยรักไทย กล่าวว่า ตนได้นำหนังสือขอความเป็นธรรมจากผู้เสียหายไปมอบให้กับนายกฯ แล้ว และจากการที่ลงไปเก็บข้อมูลในพื้นที่พร้อมทั้งสอบถามกำนัน และผู้ใหญ่บ้าน ล้วนเห็นตรงกันว่า ผู้เสียหายไม่มีพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด เนื่องจากสภาพที่ตั้งของบ้านพักอยู่ในที่แจ้ง คนพลุกพล่าน ไม่ได้มีอะไรที่ปิดบังซ่อนเร้น ดังนั้น ตนจึงทำเรื่องเสนอต่อคณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจชุดนี้
\"ประทิน\" จี้นายกฯ ลงโทษ ตร.
พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ ส.ว.กทม.ในฐานะอดีตอธิบดีกรมตำรวจ ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการวิทยุเอฟเอ็ม 101 โดยกล่าวยืนยันว่าเหตุการณ์นี้เป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ เพราะการบุกเข้าไปแบบนี้ ทำไม่ถูกต้องแม้จะมีหมายค้นจากศาล แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าให้ค้นในเวลากลางคืน เพราะตำรวจสามารถค้นได้เพียงช่วงตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตกดิน เท่านั้น ฉะนั้นการบุกในช่วงเวลา 01.00 น. ถือว่าผิดกฎหมาย
\"การระดมยิงเข้าไปเป็นห่าฝน อย่างนี้ถือว่าเกินกว่าเหตุ หน้าที่ของตำรวจเมื่อรู้เบาะแส ก็ต้องสืบสวนหาข้อมูล เฝ้าดูพฤติกรรมอย่างใกล้ชิด ต้องทำอย่างรอบคอบ ซึ่งต้องมีความอดทน เพราะการค้นบ้านตอนกลางวันจะเห็นอะไรมากกว่านี้ เหตุการณ์ครั้งนี้ ผบ.ตร.ต้องออกมารับผิดชอบ รวมทั้งนายกฯ ที่เป็นผู้บังคับบัญชาของตำรวจโดยตรงก็ต้องแสดงความรับผิดชอบเช่นกัน และต้องลงโทษทางวินัยกับตำรวจที่ปฏิบัติการเกินกว่าเหตุในครั้งนี้ด้วย\" พล.ต.อ.ประทิน กล่าว
กรรมการพุ่งสอบคนสั่งยิง
แหล่งข่าวในชุดทีมสอบสวนกองปราบปราม กล่าวว่า ขณะนี้ได้รับทราบเกี่ยวกับการแต่งตั้งให้สอบข้อเท็จจริงอย่างไม่เป็นทางการ แล้ว โดยในการสอบครั้งนี้มีสาระสำคัญว่าการเข้าใปบุกค้นของเจ้าหน้าที่นั้นถูก ต้องหรือไม่ และกระทำการต่างๆ ด้วยความเหมาะสมหรือไม่ ซึ่งได้มีการเริ่มทำการสอบสืนไปบ้างแล้ว ซึ่งในเรื่องนี้ไม่มีความหนักใจแต่อย่างใด ถ้าผลที่ออกมาไม่เป็นธรรมต่อผู้เสียหายก็ต้องรับผิดชอบไป
แหล่งข่าว ยังกล่าวอีกว่า ในเรื่องนี้จะต้องดูความผิดทั้งทางวินัย และทางอาญา แต่อย่างไรก็ตามความผิดทางวินัยจะต้องมาก่อนเป็นอันดับแรก แต่ก็ต้องประกอบความผิดทางอาญามาสรุปด้วย ส่วนถ้าผลออกมาว่าเจ้าหน้าที่กระทำเกินกว่าเหตุจริง ก็จะต้องได้รับโทษตามบทกำหนดโทษ ซึ่งบทกำหนดโทษที่ใช้อยู่เป็นบทกำหนดโทษทางวินัยตำรวจ และของข้าราชการพลเรือนด้วย และจะต้องดูว่าความผิดเข้าข่ายวินัยร้ายแรงหรือไม่
\"ไม่ต้องเป็นห่วงว่าการสอบสวนหน่วย คอมมานโดที่เข้าบุกค้นในวันเกิดเหตุจะเป็นแพะรับบาป เนื่องจากบุคคลเหล่านี้เป็นเพียงผู้รับคำสั่งเท่านั้น เราจะต้องสอบสวนพวกเขาเพื่อให้รู้ว่าในวันนั้น ใครบ้างที่ร่วมตรวจค้นบ้าง และที่สำคัญคือก่อนที่จะถล่มยิง มีใครเป็นผู้ออกคำสั่ง และออกคำสั่งด้วยเพราะอะไร สมควรหรือไม่\" แหล่งข่าวคนเดิมกล่าว
เจ้าอาวาสยันรวยเพราะขายที่
\"คม ชัด ลึก\" เดินทางไปที่วัดเสมียนนารี ถนนวิภาวดีฯ โดยได้รับการเปิดเผยจากพระครูอุทัยธรรมรัตน์ เจ้าอาวาสวัด ถึงประวัติของนายนิสสัยและนางอุดม ว่า ทั้งสองคนเป็นคนเก่าแก่ที่เคยอาศัยอยู่ย่านวัดเสมียนนารี ตั้งแต่ยังไม่มีการตัดถนนผ่าน โดยบิดาของนายนิสสัย คือ \"ขุนจงจัดนิไสย\" ซึ่งเป็นคนเจ้าระเบียบเข้มงวดมากเคยเป็นอาจารย์สอนภาษาไทยให้กับหลายสถาบัน ในสมัยนั้น ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนนายร้อยตำรวจ โรงเรียนวัดเทพศิรินทร์ และโรงเรียนฝรั่งอีกหลายโรงเรียน
เจ้าอาวาสวัดเสมียนนารี กล่าวด้วยว่า สำหรับนายนิสสัย เป็นลูกคนสุดท้องมีพี่น้องทั้งหมด 3 คนก่อนหน้านี้เคยทำงานเป็นวิศวกร และเคยไปทำงานที่ประเทศซาอุดีอาระเบียมาก่อน กระทั่งปี 2527-2528 ทั้งคู่ได้ขายบ้านและที่ดินที่อยู่ตรงข้ามกับวัด ซึ่งตอนนี้เป็นที่ตั้งของ บริษัทอลูมินัมแอนด์กลาส จำกัด ได้เงินไปประมาณ 12 ล้านบาท และไปสร้างบ้านบนเนื้อที่ประมาณ 12 ไร่ ที่ ต.เชียงรากน้อย ซึ่งเป็นที่มรดกมาและสร้างบ้านบนเนื้อที่ 1 ไร่ เหตุที่ปลูกบ้านหลังใหญ่เพราะเขามีลูกมากแต่เมื่อลูกโตต้องแยกย้ายกันไปทำ งานที่อื่น
\"ครอบครัวนี้ถึงแม้จะย้ายไปอยู่ที่ อื่นแล้ว แต่ก็มักจะมาเยี่ยมเยียนและมาช่วยงานบุญที่วัดเป็นประจำจนต้องบอกนายนิสสัย ว่าอายุมากแล้วสุขภาพก็ไม่ค่อยดีไม่ต้องเดินทางมาบ่อย เดี๋ยวจะเป็นลมหรืออาจจะหลงลืมทางกลับบ้าน\" พระครูอุทัยธรรมรัตน์ กล่าวและว่า สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวมองว่าตำรวจทำเกินกว่าเหตุ การล้อมจับไม่น่าจะยิงถึงขนาดนั้น และโชคดีที่กระสุนไม่ถูกคนในบ้านเสียชีวิต
...