สร้างธรรมในใจ สู้ภัยเศรษฐกิจ โดย พระราชสังวรญาณ (พุธ ฐานิโย)
วัดป่าสาลวัน
ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมามิจฉาทิฏฐิพาชาติวิบัติ มาสมัยโลกาภิวัตน์ เราไปรับเอาวัฒนธรรมตะวันตกมากลบเกลื่อน
วัฒนธรรมอันดีงามของเรา บางทีเราก็ลืมของดีของเราไป ไปนิยมชมชอบของฝรั่ง
เอาวัฒนธรรมของชาวฝรั่งมา เมื่อจิตใจของเราหันไปชมชอบวัฒนธรรมของเขา
มันก็เอียงไปนิยมชมชอบเครื่องอุปโภคบริโภคของเขา
นี่มิจฉาทิฏฐิกำลังเกิดขึ้นแล้ว เพราะอาศัยความเข้าใจผิดเห็นผิดว่าของเรานี่มันคร่ำครึ สู้ของฝรั่งไม่ได้
ไปเอาของฝรั่งมา เราไปนิยมของเขาเราก็สั่งซื้อของเขาเข้ามาทีละหลายๆ แสนล้าน
เงินทองมันก็รั่วไหลออกไปต่างประเทศ ซื้อเข้ามาเท่าไรก็ไม่พอ เมื่อเงินทอง
มันไหลออกนอกประเทศ เงินคงคลังมันก็น้อยลงจนหมดเกลี้ยง เมื่อมันหมดแล้ว
เราก็ต้องกู้เงินเขามาลงทุนอีก มันเกิดจากมิจฉาทิฏฐิที่เราหลงไปนิยมชมชอบของเขา
ไปทิ้งของดีของเรา ด้วยประการฉะนี้ ประชาชนพลเมืองของไทยเรา จึงตกเป็นลูกหนี้
ของต่างประเทศทั้งประเทศ
สัมมาทิฏฐิพาชาติพ้นภัย
เราเป็นลูกไทยหลานไทย
ลูกไทยหลายไทยย่อมมีวัฒนธรรม
และศีลธรรมประจำชาติของตนเอง
คือ ศาสนา ศาสนาคือคำสอนของพระศาสดา คือ พระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้า
ให้เรามีความสำนึกผิดชอบชั่วดี สอนให้เรารู้จักความเป็นไทยของตนเอง
สอนให้รู้จักดำรงรักษาไว้ ซึ่งวัฒนธรรมและขนบประเพณีอันดีของไทย
ถ้าตราบใดที่เรายังนิยมชมชอบวัฒนธรรม และขนบธรรมเนียมอันดีของไทย
เราก็เป็นลูกหลานไทยโดยสมบูรณ์
พยายามสร้างความรู้สึกที่เป็นสัมมาทิฏฐิขึ้นในจิตในใจ เมืองไทย
เรามีวัฒนธรรมศีลธรรมอันดีงามมาตั้งแต่เก่าแก่โบราณ ถ้าหากว่าเราหันไปนิยม
ชมชอบวัฒนธรรมขนบประเพณีของชาวต่างประเทศ จิตใจของเราเขวไป
ข้างมิจฉาทิฏฐิ ไปทอดทิ้งของดีที่มีประจำบ้านประจำเมืองของเรา ถ้ามีความรู้สึก
ดูหมิ่นวัฒนธรรมของตน หันไปนิยมชมชอบเครื่องอุปโภคบริโภคของชาวต่างประเทศ
เป็นมิจฉาทิฏฐิ เป็นมิจฉาอาชีวะ คือเลี้ยงชีวิตผิดหลัก ทุกสิ่งทุกอย่าง
ในเมืองไทยเรามีพร้อม เกษตรกรรมประจำครอบครัว อุตสาหกรรมประจำครอบครัว
เรามาปลูกความนิยมชมชอบซึ่งสิ่งที่เราผลิตขึ้นได้ในบ้านในเมืองของเรา คนไทย
ใช้ของไทย รับประทานของไทย เราจะอยู่รอด
ทุกข์เพราะฝืนกฎธรรมชาติ คำสอนของพระพุทธองค์ ในส่วนที่เป็นสภาวธรรม หรือธรรมะที่เป็น
เครื่องรู้ของจิต เครื่องระลึกของสติของพระพุทธองค์ หมายถึงอะไรบ้าง
หมายถึง กายกับใจของเรา สถานการณ์และสิ่งแวดล้อมที่เราสัมผัสรู้
ด้วยตา หู จมูก ลิ้น กาย หรือใจ จะเป็นอะไรก็ได้ทั้งสิ่งที่เป็นไปโดยคดีโลก
และคดีธรรม รวมแล้วว่าสิ่งใดที่เราสามารถรู้ได้ด้วยจิตด้วยใจ สิ่งนั้นแหละ
เป็นสภาวธรรม สิ่งที่มาสัมผัสตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ คือ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส
ธรรมารมณ์ สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นสภาวธรรม เป็นธรรมสิ่งรู้ของจิต
สิ่งระลึกของสติของพระพุทธเจ้าและของพุทธสาวกผู้ปฏิบัติธรรม
หมายถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่ในจักรวาลนี้ ตั้งแต่อณู ปรมาณู
จนกระทั่งมวลสารที่เกาะกลุ่มกันเป็นก้อนใหญ่โต