ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
14-05-2025, 07:54
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  ==การเมืองเปลี่ยนขั้ว ชะตากรรมชินคอร์ป กำลังจะพลิก?== 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
==การเมืองเปลี่ยนขั้ว ชะตากรรมชินคอร์ป กำลังจะพลิก?==  (อ่าน 1896 ครั้ง)
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« เมื่อ: 14-01-2008, 04:07 »

ไปเจอบทความกล่าวถึงชะตากรรมกิจการในเครือชินคอร์ป เขียนได้ครอบคลุมหลายเรื่องดีครับ
พออ่านแล้วก็รู้สึกเซ็งที่อุตส่าห์มีการรัฐประหาร แต่การตรวจสอบแต่ละเรื่องไม่ไปไหนเลย
เรื่องที่น่าจับตามองก็คือถ้าการเมืองเปลี่ยนขั้วคราวนี้ ชะตากรรมชินคอร์ปจะพลิกกลับจริงหรือไม่  
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
การเมืองเปลี่ยนขั้ว ชะตากรรมชินคอร์ป กำลังจะพลิก?
ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 2286 10 ม.ค. - 12 ม.ค. 2551
http://www.thannews.th.com/detialNews.php?id=T042286k&issue=2286

    ถ้านับเอาวันที่ 23 มกราคม 2549 เป็นตัวตั้งลบด้วยวันที่ 23 มกราคม 2551 ถึงวันนี้เป็นเวลาเกือบ 2 ปีเต็ม
ที่ครอบครัวชินวัตรและดามาพงศ์ได้ขายหุ้นในบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ให้ บริษัท เทมาเส็ก โฮลดิ้ง
(พีทีอี) จำกัด กองทุนจากประเทศสิงคโปร์ เป็นจำนวน 1,487.7 ล้านหุ้นหรือ 49.6% ของหุ้นทั้งหมดในราคาหุ้นละ
49.25 บาทรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 73.3 พันล้านบาทโดยผู้ขายไม่ต้องเสียภาษีให้แผ่นดินสักสลึงเดียว

        2 ปีหลัง ดีลประวัติศาสตร์ครั้งนั้น ชะตากรรมของ ชินคอร์ปฯกลุ่มธุรกิจสื่อสารยักษ์ใหญ่ของไทยที่สิงคโปร์
ถือหุ้นใหญ่ พลิกผันยิ่งกว่าเรือน้อยที่ลอยคว้างอยู่กลางทะเลท่ามกลางพายุคลั่ง!!

        หลังการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง เมื่อ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) นำโดย พล.อ. สนธิ บุญยะรัตกลิน
อดีตผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เข้ายึดอำนาจการบริหารจากรัฐบาลทักษิณเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 และ
แต่งตั้ง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี สายลมแห่งโชคชะตาไม่เคยหวนกลับมาหาชินคอร์ป
เหมือนคราวยุคทักษิณเรืองอำนาจอีกเลย เพราะขั้วการเมืองใหม่ พุ่งเป้าตรวจสอบที่มาแห่งความมั่งคั่งของครอบครัว
ชินวัตร ว่าได้มาจากเลห์กล หรือร่ำรวยขึ้นตามธรรมชาติ โดยเฉพาะจากสัมปทานที่หลายฝ่ายปักใจเชื่อว่าเป็นแหล่ง
"ผลประโยชน์ทับซ้อน"ในยุครัฐบาลทักษิณ ที่เอื้อธุรกิจให้กับกลุ่มชินคอร์ปอย่างเหลือคณานับ

        กว่าหนึ่งปีที่ผ่านมา ธุรกิจใต้ร่มเงานชินคอร์ปฯถูกไล่ตรวจสอบอย่างถี่ยิบ ไล่เรียงตั้งแต่ กรณี สัญชาติ บริษัท
กุหลาบแก้ว จำกัด ,ตามด้วย กรณีกระทรวงไอซีที ตรวจสอบสัญญาสัมปทานของ บมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส
(เอไอเอส) และ บมจ. ชินแซทเทิลไลท (ชินแซท) และ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) เรียกร้อง
ค่าสัมปทานจาก สถานีโทรทัศน์ (ไอทีวี) (ดูตารางประกอบ)

หมายเหตุ : ตารางที่ว่าลงไว้เล็กกระจิ๋วอ่านไม่ออก ไม่รู้เอามาลงทำไม-jerasak 




นอมินีกุหลาบแก้ว

        บริษัท กุหลาบแก้ว คือหนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่ชินคอร์ปโดยถือหุ้นผ่าน บริษัท ซีดาร์ โฮลดิงส์ ซึ่งไปถือหุ้นใหญ่ใน
ชินคอร์ป ในทอดสุดท้าย บริษัท กุหลาบแก้ว มีผู้ถือหุ้นใหญ่ชื่อ สุรินทร์ อุปพัทธกุล คนไทยที่กลายไปเป็นมหาเศรษฐี
มาเลเชีย และประกอบคุณงามความดี จนได้รับ บรรดาศักดิ์เป็น "ดาโต๊ะ" ดาโต๊ะสุรินทร์

        ในช่วงปลายรัฐบาลทักษิณ กระทรวงพาณิชย์ตั้ง คณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบสถานภาพของดาโต๊ะสุรินทร์
เนื่องจาก พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.)ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนว่าเขาเป็นนอมีนี ซึ่งถือว่ากระทำความผิดตาม พระราชบัญญัติ
(พรบ.)ประกอบธุรกิจต่างด้าว พ.ศ. 2542

        นัยสำคัญของข้อกล่าวหาดังกล่าว หาก ดาโต๊ะสุรินทร์ เป็นนอมีนีตามข้อกล่าวหาจริง บริษัท กุหลาบแก้วที่เขา
ถือหุ้นใหญ่ ย่อมมีสถานเป็นต่างชาติ และจะโยงไปถึงชินคอร์ป ซึ่งครอบครองธุรกิจสัมปทานทั้ง บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์
เซอร์วิส (เอไอเอส) และ บมจ. ชินแซท เทิลไลท์ (ชินแซท) และถ้าชินคอร์ปเป็นต่างชาติกฎหมายไม่อนุญาตให้
ทำธุรกิจที่ได้สัมปทานจากรัฐ

        ก่อนสิ้นรัฐบาลทักษิณ กระทรวงพาณิชย์ ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสถานภาพของ ดาโต๊ะสุรินทร์ ซ้ำหลัง
มีข่าวสะพัดว่า คณะกรรมการชุดแรกที่มี นางอรจิต สิงคาลวณิช อธิบดีกรม พัฒนาธุรกิจการค้า ในขณะนั้นเป็นกรรมการ
ได้ระบุชี้ว่าว่า เขาเป็นนอมีนี โดยให้เหตุผลว่าผู้ถูกกล่าวหามีข้อมูลใหม่ แต่คณะกรรมการชุดดังกล่าวไม่ทันได้ข้อสรุป
ก็เกิดรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 หลังจากนั้นไม่กี่สัปดาห์ กระทรวงพาณิชย์ฯได้ส่งเรื่อง นอมีนีกุหลาบแก้ว ให้กับ
ผ้บังคับการกองปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ( ปศท.) และเดือนกันยายน 2550 หรือ 1 ปี หลังจากนั้น
1 ปี ตำรวจได้ออกหมายจับ ดาโต๊ะสุรินทร์ ในข้อหาเจตนาเบี้ยวมอบตัวคดีนอมินี กุหลาบแก้ว



เอไอเอส-ชินแซทฯรอตีความ

        ถัดจาก ตรวจสอบนอมินีบริษัทกุหลาบแก้ว รัฐบาลสุรยุทธ์ โดยกระทรวง ไอซีที ได้พุ่งเป้าตรวจสอบ บมจ.
ชิน แซท บริษัทที่ได้รับสัมปทาน ดาวเทียม จากกระทรวงไอซีที (เดิมเป็นสัมปทานของกระทรวงคมนาคม)
ให้บริการเช่าช่องสัญญาณดาวเทียมไทยคม และ ไอพีสตาร์

        ประเด็นที่ ศ.ดร.สิทธิชัย โภไคยอุดม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีทีในขณะนั้น ตั้งลูกขึ้นมาคือ

        การแก้เพดานการถือครองหุ้นของต่างชาติในปี 2547 ซึ่งมีการแก้ไขเพิ่มเติมสัญญากรณีที่ บมจ.ชินแซทฯ ลดสัดส่วนการถือครองหุ้นของผู้ถือหุ้นฝ่ายไทยจาก 51% เหลือ 41 % โดยไม่ได้รายงานให้คณะรัฐมนตรี (ครม.)
รับทราบซึ่งโครงการนี้พิจารณาในสมัยที่ น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีทีรัฐบาลทักษิณ

        ล่าสุด เรื่องดังกล่าวอยู่ระหว่างขั้นตอนการพิจารณาจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฏีกา ว่าการกระทำของ
ชินแซท ผิดขั้นตอนกฎหมายหรือไม่ ?

        ส่วน เอไอเอส หลัง คณะกรรมการกฤษฏีกาได้พิจารณาตีความออกมาว่า สัญญาสัมปทานโทรศัพท์เคลื่อนที่
ของ เอไอเอส ที่ทำร่วมกับ บมจ. ทีโอที และ บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็สคอมมูนิเคชั่น หรือ ดีแทค, บมจ. ทรูมูฟ จำกัด
หรือ ทรูมูฟ และ บริษัท ดิจิตอล โฟน จำกัด หรือ ดีพีซี ที่ทำร่วมกับ บมจ. กสท โทรคมนาคม ไม่เป็นไปตาม
พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ.2535 (พ.ร.บ.ร่วมทุน 2535) จนนำไปสู่การจัดตั้งคณะกรรมการประสานงานตามมาตรา 22 เพื่อพิจารณาแก้ไขสัญญา และดำเนินการให้ถูกต้อง
โดยจะต้องเสนอคณะรัฐมนตรีเป็นผู้พิจารณา

        แต่ปรากฏว่าเรื่องนี้ยังไม่มีข้อสรุปทั้ง ๆ ที่ คณะกรรมการกฤษฏีกาพิจารณาตีความออกมาแล้ว



วิบากกรรม ไอทีวี

        รายสุดท้ายคือ ไอทีวี ธุรกิจในเครือ ชินคอร์ป ที่ชอกช้ำจากการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง
ครั้งที่ผ่านมามากที่สุด !!!

        ชะตากรรมของสถานีโทรทัศน์ ที่โอ่ประโคมอย่างภาคภูมิใจว่า "ทีวีเสรี" แม้ในช่วงรัฐบาลทักษิณถูกมองว่า
ทำหน้าที่ไม่ตางจาก กระบอกเสียงของรัฐบาล ได้มาถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ เมื่อ

        ศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 13 ธันวาคา 2549 ยืนตามคำพิพากษา ศาลปกครองกลาง ที่ตัดสิน
ว่า คำวินิจฉัยของคณะอนุญาโตตุลาการ เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2547 ที่กำหนดลดค่าสัมปทานที่ ไอทีวี ชำระให้กับ
สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) จาก 1,000 ล้านบาท/ปี เหลือ 230 ล้านบาท/ปี และสามารถออกอากาศ
ช่วงไพรม์ไทม์เวลา 19.00-21.30 น.โดยไม่ถูกจำกัดเวลาในช่วงนั้นต้องเป็นรายการประเภทข่าว และ สารคดีตามคำร้อง
ของ สปน.

        คำพิพากษาที่พลิกคำวินิจฉัยของคณะอนุญาโตตุลาการทำให้ ภาระจ่ายของ ไอทีวี พุ่งกระฉูด เพราะต้องจ่าย
ทั้ง ผลต่างของค่าตอบแทนของปี 2547-2549 จำนวน 2,210 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยเนื่องจากชำระล่าช้าอีก
ปีละ 15% และค่าปรับจากการ ไม่ปฏิบัติตามสัญญาเรื่องปรับผังรายการเป็นเงินรวม 97,760 ล้านบาท รวมเบ็ดเสร็จ
แล้วกว่าหนึ่งแสนล้านบาท

        สุดท้าย บมจ.ไอทีวี ไม่มีเงินจ่ายค่าปรับก้อนโตเป็นผลให้ สปน.เข้ามายึดสัมปทานและมอบหมายให้กรมประชาสัมพัน์ธ์
ข้ามาบริหารจัดการแปลงร่าง "ไอทีวี" มาเป็น ทีไอทีวี พร้อมกับเปลี่ยนกรอบความคิดเป็น ทีวีสาธารณะ ภายใต้ชื่อ ทีพีบีเอส
(TPBS: Thai Public Broadcasting Service) จากการผลักดันของ คุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนัก
นายกรัฐมนตรีและดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ผู้อำนวยการวิจัย (เศรษฐกิจยุคสารสนเทศ) สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย
หรือ ทีดีอาร์ไอ ต้องการอยากเห็นสื่อทีวีมีความเป็นอิสระในการนำเสนอเนื้อหา

        หากแต่จะเป็น ทีวีสาธารณะ เต็มรูปแบบได้ต้องนำ พรบ. องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย
พ.ศ.2550 หรือ พ.ร.บ.ทีวีสาธารณะ ซึ่งผ่านความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติ (สนช.) เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2550 เพื่อมารองรับ
การดำเนินกิจการทีวีสาธารณะ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างนำขึ้นทูลเกล้าเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยและประกาศในราชกิจจานุเบกษา

        มองจากวิบากกรรมที่ธุรกิจเครือชินคอร์ปเผชิญในช่วง 1 ปีเศษ ท่ามกลางบรรยากาศ"หยุดการใช้อำนาจ" ของ คมช.
แตกต่างอย่างสิ้นเชิงในยุคทักษิณเรืองอำนาจที่ ธุรกิจเหลานั้น อบอวลห้อมล้อมไปด้วยกลิ่นอายของ ผลประโยชน์ทับซ้อน
และเมื่อมองไปข้างหน้า มองข้ามไปที่ พรรคพลังประชาชน นอมีนี ไทยรักไทย ในฐานะพรรคการเมืองที่ครองเสียงอันดับหนึ่ง
ที่กำลังฟอร์มรัฐบาล ทำให้คาดเดาไม่ยากว่า ขั้วการเมืองที่กำลังจะพลิกชินคอร์ปได้หรือเสีย !!!
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,406



« ตอบ #1 เมื่อ: 14-01-2008, 06:42 »

หนังชีวิตเรื่องมันยาว บางทีก็ดูไม่ไหวมันยาวเยิ่นเย้อเกิน ขาดความตื่นเต้น
อยากให้ตามต่อเรื่องกฎหมายนอมินีด้วย ข่าวหลังจากวันที่ 25 เมษายน 2550
มันเหมือนกับหยุดไปเฉยๆ ไม่มีให้อ่านต่อ ส่วนดาโต๊ะนั่นคงเอาผิดยากเพราะ
ไม่ได้อยู่เมืองไทย หวังว่าข่าวคงไม่หายไปเฉยๆ เหมือนกัน แบบว่าโผล่มาอีก
ทีก็บริสุทธิ์ผุดผ่องซะแล้ว สำหรับเรื่องไอทีวี ถ้าตามข่าวเรื่อยๆ จะมีข่าวแว้บๆ
ว่า มูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมฯ จะมาซื้อในราคาถูกๆ พอเป็นข่าว
ท่านองคมนตรีก็ลาออกจากประธานมูลนิธิ ปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง ให้คนที่
เป็นรองคือคุณหญิงวิลาวัณย์เป็นประธานแทน แต่ก็มีข่าวแว้บๆ อีกว่าคนที่จัด
การจะซื้อไม่ได้ให้มูลนิธิซื้อ แต่จะหาบุคคลที่สามมาซื้อแล้วบริจาคให้มูลนิธิ
หลังจากนั้นข่าวทั้งหมดก็เงียบหายไปเฉยๆ จากสื่อทุกชนิด ไม่รู้ตกลงได้ซื้อ
หรือไม่ได้ซื้อกันแน่ แต่ที่แน่ๆ มูลนิธินี้เป็นมูลนิธิสายตรงจากหัวหิน (ถ่ายจาก
โรงเรียนที่หัวหิน) ส่งไปทั่วประเทศผ่านดาวเทียมไทยคมที่มีคุณพารณเป็น
รองประธานมูลนิธิ แม้ว่าจะเป็นมูลนิธิที่มีประโยชน์มากแต่บุคคลากรที่ทำกลับ
มีไม่กี่คนและยังห่างไกลกับความเป็นมืออาชีพ เนื่องจากข้อจำกัดในด้านการ
จัดการและทรัพยากร อย่างทีมถ่ายทำทั้งหมดก็มีแค่สามคนสลับหน้าที่ น่าคิด
ว่าถ้าได้ระบบมืออาชีพจากไอทีวีก็น่าจะเป็นประโยชน์กับมูลนิธิพอสมควร

เพิ่มเติม คุณพารณรองประธานมูลนิธิไทยคม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-01-2008, 06:45 โดย อยากประหยัดให้ติดแก๊ส » บันทึกการเข้า
นทร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,441



เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 14-01-2008, 09:48 »

เขาเรียกว่ายังให้โอกาส ทำดีชดใช้ความไม่ดีที่เคยทำมาก่อน

หากยังทำไม่ดีเหมือนแต่ก่อนอีก ก็โดนแน่นอน

เรียกว่าให้โอกาส กลับตัวกลับใจครับ

กลับใจ จะเนียนหรือจะไม่เนียนก็ได้

ไม่ได้บังคับตรงจุดนั้น

แต่บังคับตรงความเป็นจริง ที่ถูกต้องตามกฏหมาย

 Cool
บันทึกการเข้า

"ประชาชน อย่าทิ้งประเทศชาติ"
ใบไม้ทะเล
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,321


In politics stupidity is not a handicap


« ตอบ #3 เมื่อ: 14-01-2008, 11:36 »

รอดูต่อไปค่ะ คิดว่าถ้าอำนาจไม่ตกกลับไปอยู่ในมือเขาอีก หลายอย่างเราคงเอากลับคืนมาได้บ้าง 
บันทึกการเข้า

立てばしゃくやく、座ればぼたん、歩く姿はゆりの花
ริวเซย์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,637


Worrior in The Blue Armor


เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: 14-01-2008, 12:24 »

ถ้าพวกไอ้เหลี่ยมกลับมาบริหารประเทศอีกครั้ง พวกมันต้องพยายามเข้ามาแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมแน่ๆครับ

คนที่มีอำนาจเป็นถึงรัฐบาลคงไม่ยอมติดคุกเป็นแน่ คงต้องใช้อำนาจทุกวิถีทางเพื่อสร้างความชอบธรรม เพื่อให้ตัวเองพ้นผิด

บันทึกการเข้า

ถ้ามีแฟนแบบนี้เอาไหมครับ^^


หน้า: [1]
    กระโดดไป: