ไม่ได้เข้ามาตั้งกระทู้นานมากแล้ว

แต่คิดว่า เรื่องนี้คงไม่อาจอยู่เฉยได้..

เพราะหากมีใครที่รู้เรื่องราวของนายคนนี้แล้วเฉยเอาไว้ ในอนาคต..จะมีคนไม่รู้เข้าใจผิดกันไปยกใหญ่
ผมเข้าไปอ่านบทความของนายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล จากเว็ปนี้..
http://www.sameskybooks.org/board/index.php?showtopic=4866เกี่ยวกับความรู้สึกของเขาต่อการแสดงความสูญเสียของสมเด็จพระพี่นางฯ ของปวงชนชาวไทย จดหมายลับที่นำมาเปิดเผยบางส่วนแบบไม่มีที่มา ลามไปถึงเรื่องวิญญาณวีรชน 6 ตค.19 ซึ่งนายสมศักดิ์เป็นผู้มีบทบาทสำคัญที่ทำให้เกิดความรุนแรงจนถึงขั้นนองเลือด
ยิ่งได้อ่านบทความอื่นๆ ในเว็ปนี้ก็ยิ่งรู้สึกว่า ไม่สบายใจอย่างยิ่ง เพราะนี่มันเข้าข่ายผิดกฎหมายทั้งเว็ป
ไม่น่าแปลกใจนักที่คนรักทักษิณทั้งหลายจะนิยมชมชอบบทความนี้ และคลั่งไคล้ในตัวนายหัวโตในฐานะนักวิชาการที่มีจิตวิญญาณคนเดือนตุลา ที่การันตีว่า เกลียดเผด็จการ
ผมเรียกนายสมศักดิ์ว่า เจ้าหัวโต เพราะเป็นชื่อที่เพื่อนๆ ชาวสวนกุหลาบเรียกขานแทนชื่อจริง
ผมไม่สามารถตอบโต้เจ้าหัวโตได้ในเว็บนั้นเพราะผมไม่ใช่สมาชิก และก็ไม่อยากจะสมัครด้วย หากใครมีจิตเมตตาก็ช่วยนำบทความนี้ไปแปะไว้ในบอร์ดของเว็ปนั้นด้วยก็จะขอบพระคุณมาก

เรื่องแรกที่ผมจะพูดคือ เรื่องที่เจ้าหัวโตไม่เห็นด้วยกับการที่เวลาคนในาชวงศ์เสียชีวิต ทำไมต้องให้สังคมไทยพลอยโศกเศร้าไปด้วย เทีียบกับกรณีการเสียชีวิตของอดีตมหาดเล็กในกรณีสวรรคต ร.8 การป้ายสีท่านปรีดี พนมยงศ์ และการเสียชีวิตของวีรชน 6 ตค.19 ราชวงศ์ไม่เคยนำพา หรือ แสดงความเศร้าเสียใจกับการสูญเสียเหล่านั้นบ้าง
ในกรณีของสมเด็จพระพี่นางนั้น..
ประเด็นที่ผมจะกล่าวแย้ง ไมใช่เรื่อง การบีบบังคับให้คนไทยต้องแสดงความรู้สึกเสียใจ เพราะนั่นเป็นความรู้สึกล้วนๆ ไม่มีกฎหมายบังคับ เป็นเอกสิทธิ์ของทุกท่านในการแสดงออก คนใส่ชุดดำก็มิได้หมายความว่า มีความสำนึกโศกเศร้าก็ได การแสดงออกแบบเกินเลยของสื่อต่างๆ ทุกวันนี้ ก็อาจมิได้มาจากความจงรักภักดีก็ได้เช่นกัน
แต่นี่เป็นเรื่องของวัฒนธรรม และขนบธรรมเนียมไทยที่มีมาแต่โบราณ ชาติอื่นๆ ในโลกไม่มีที่ไหนเสมอเหมือน ผมเองก็ไม่ได้เห็นด้วย แต่ก็ไม่ขัดขวาง เพราะเข้าใจว่า นี่คือ สังคมไทย เป็นเอกลักษณ์ประจำชาติไทย จะเลวจะชั่วก็เสมือนเรื่องในครอบครัวไทย
พ่อ-แม่ของเราอาจไม่ใช่คนดีที่สุด แต่หากเราไม่รังเกียจพ่อ-แม่ของเรา ก็เป็นเพราะความรู้สึกที่เราอยู่ในครอบครัวนี้ ไม่ใช่ว่า เราจะเห็นด้วยกับพ่อ-แม่เสียทั้งหมด แต่เพราะความเป็นครอบครัว พวกเราจึงยอมรับได้ต่างหาก เชื่อว่า..พ่อแม่ของใครก็ไม่อาจเป็นคนดีได้ทุกเรื่องหรอก แต่ในฐานะลูกย่อมมองข้ามความผิดนั้นได้มากกว่าบุคคลที่ไม่ใช่สมาชิกครอบครัว เรื่องที่ผมจะติติงบทความของเจ้าหัวโต คือ สมเด็จพระพี่นางเป็นอาจารย์ในคณะศิลปศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์มาช้านาน แม้ในช่วงเวลาที่นายหัวโตเข้าไปศึกษา(เพียงปีเดียว) ท่านก็เป็นอาจารย์สอนภาษาฝรั่งเศสอยู่ แม้เจ้าหัวโตพ้นจากสภาพนศ.ไปแล้ว ท่านก็ยังสอนอยู่เรื่อยมาอีกระยะหนึ่ง
ในฐานะที่เป็นราชนิกูลระดับสูงเช่นนี้ มีพระองค์ไหนบ้างเสียสละเวลาและความสุขสบายที่พึงหาได้ในช่วงเวลานับสิบปีมาสอนหนังสือให้เด็ก
ผมคิดว่า
..หาได้ยากยิ่ง ไม่ว่าในประเทศนี้ หรือที่ใดในโลกจะว่า ท่านปรารถนาชื่อเสียงก็คงไม่ใช่ หวังลาภยศก็มีเกินพอที่จะแสวงหาแล้ว หวังเงินทองเงินเดือนจากค่าสอนก็ยิ่งไม่ใช่ใหญ่ เพราะท่านไม่เคยรับจ็อบงานนอกรั้วมหาวิทยาลัยเหมือนอาจารย์ทั่วๆ ไป และเงินเดือนที่ได้รับผมไม่ทราบว่า จะพอค่าพาหนะเดินทางที่ต้องมีผู้ติดตามเสด็จหรือไม่ แล้วท่านทำเรื่องเช่นนี้เพื่อใคร..??? ถ้าไม่ใช่เพื่อสังคมไทยส่วนหนึ่ง
เท่าที่รู้ สมเด็จพระพี่นาง ไม่เคยสร้างภาพในเรื่องนี้ออกสู่สาธารณชน ท่านทำเพราะท่านอยากทำและเห็นว่าเป็นสิ่งดี
แต่ที่รู้แน่ๆ้ คือ ท่านเจียดกำลังทรัพย์ส่วนพระองค์เป็นทุนให้นักศึกษาที่เรียนดีแต่ยากจนทุกปี ในชื่อทุนซื้อหนังสือเรียนของสมเด็จพระพี่นาง และผมก็เคยเป็นนักศึกษาทุนในส่วนนี้ด้วย เป็นเรื่องที่เกิดได้ยากจริงๆ ที่นักเรียนทุนสมเด็จพระพี่นางฯอย่างผมดันมาอ่านบทความที่หยามหมิ่นของเจ้าหัวโตซึ่งเป็นศิษย์ธรรมศาสตร์เช่นกันเข้า
ที่ผมเขียนติติงมานี้ ก็เพื่อแก้ข้อกล่าวหาเล็กๆ ของเจ้าหัวโตในฐานะลูกศิษย์ที่สำนึกในบุญคุณ และผมก็เชื่อว่า ยังมีลูกศิษย์ของพระพี่นางอีกจำนวนมากที่จบการศึกษาไปแล้วไม่พอใจกับข้อเขียนของเจ้าหัวโต ซึ่งอดีตก็มาจากรั้วเหลืองแดง ปัจจุบันมีคนเรียกเขาว่า อาจารย์ นำหน้า

และหากใครจะนับว่า นายหัวโตเป็นชาวธรรมศาสตร์แล้วล่ะก้อ ผมคนหนึ่งล่ะที่ขอค้าน..
เพราะหมอนี่แค่เอ็นท์ติด มธ. และใช้ชื่อมธ.ในการสืบสานอุดมการณ์บ้าบอของเขาเท่านั้น มีกี่คนที่เห็นหน้าเจ้าหัวโตเข้าไปเรียนหนังสือในหัองเรียนเหมือนคนอื่นๆ บ้าง? ลองไปเช็คทรานสคริปต์ดูสิครับว่า เขาลงทะเบียนกี่วิชา และสอบผ่านกี่วิชาก่อนจะเกิดเหตุการณ์ 6 ตค.
เวลาส่วนใหญ่ของเจ้าหัวโตใช้ไปกับการปลุกระดมมวลชน และบนเวทีปราศรัยในนามสมาชิกองค์การนักศึกษามธ.
ในเมื่อไม่ได้เข้ามาแสวงหาความรู้จากรั้วมธ. เจอครูอาจารย์อีกทีก็วันสอบ จะไปนับถือเป็นครูเป็นศิษย์เป็นเพื่อนร่วมรุ่นกันได้อย่างไร?
เจ้าหัวโตอาจหลงคารมของศิษย์ผู้พี่รุ่นเก่าๆ ที่บอกว่า
ชาวธรรมศาสตร์ต้องรับใช้ประชาชน อย่าเห็นแก่ตัวเอาตัวรอดแค่จบจากที่นี่แล้วมีงานการทำ ร่ำรวยใหญ่โตกาลเวลาได้พิสูจน์แล้วว่า รุ่นพี่ๆ นั่นแหละเห็นแก่ตัวกันสุดๆ เพราะพวกนั้นดันจบ(จนได้) และปัจจุบันอยู่ในแวดวงธุรกิจ ร่ำรวยเงินทอง แถมยังรับใช้นักการเมืองเอาเปรียบสังคมอยู่ทุกวันนี้
ี้ยังไม่เห็นรุ่นพี่ที่เจ้าหัวโตเคารพนับถือคนไหนออกมาทำงานรับใช้ประชาชนในฐานะ..ผู้เสียสละเพื่อสังคม ตามอุดมการณ์สักคนเดียว แม้แต่..เจ้าหัวโตเองก็เถอะ เคยทำอะไรให้ธรรมศาสตร์ และทำให้ประเทศชาติและประชาชนมั่ง ช่วยบอกหน่อยสิ
ผมเองก็เด็กกิจกรรมเหมือนเจ้าหัวโต เป็นสมาชิกพรรคการเมืองในรั้วมหาลัยเหมือนเจ้าหัวโตนั่นแหละ แต่ผมแยกแยะได้ พ่อแม่ส่งเรามาเีรียนหนังสือ เวลาเรียนเราต้องเรียน เป็นหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบต่อตัวเอง ต่อเงินทองของพ่อแม่ และต่อสังคม (ค่าเรียนถูกเพราะรัฐอุดหนุนส่วนหนึ่ง) มิฉะนั้นจะมีความรู้ความสามารถไปรับใช้สังคมได้อย่างไร แต่นอกเวลา เราทำกิจกรรมเพื่อสังคมได้ แม้แต่ไปนั่งตากแดดกลางสนามฟุตบอลเพื่อขับไล่เผด็จการ พวกผมก็ทำกันในเวลาส่วนใหญ่ของเวลาว่าง มิได้เอาไปดูหนัง เล่นกีฬา จีบผู้หญิงซะที่ไหน
ดังนั้น..ในฐานะที่สมเด็จพระพี่นางฯ เคยเป็นอาจารย์ที่นั่น ผมเรียกท่านได้เต็มปากว่า อาจารย์ เพราะท่านไม่เคยเกการสอน ถึงเวลาสอนก็ต้องมาสอน ไม่อยากสอนก็ต้องสอน ขี้เกียจสอนก็ต้องสอน สอนแล้วไม่ได้อะไรเลย เมื่อสิ้นพระชนม์ยังมีคนมาด่ากต้องไปสอน เพราะ็มีความรับผิดชอบต่อเด็กๆ ทั้งที่เป็นศิษย์คณะศิลปศาสตร์และไม่ใช่คณะนั้น ท่านให้โอกาสทุกคนในเรื่องของเงินทุน
แต่เจ้าหัวโตที่แทบไม่ได้เข้าเรียนเลย ไม่เคยคบเพื่อนนอกกลุ่ม อาศัยชื่อของมหาลัยสืบทอดอุดมการณ์อย่างเดียว ผมก็ไม่ขอเรียกเต็มปากเช่นกันว่า
ศิษย์มธ.เรื่องต่อมา..
คือเรื่องที่เจ้าหัวโตชอบแอบอ้างวีรกรรม 6 ตค.19 ไปสร้างความชอบธรรมให้ตัวเอง ผมว่าควรยุติได้แล้ว ละอายแก่ใจบ้างเถอะครับ
เจ้าหัวโตนี่แหละที่นำพาให้คนไปใตายในมหาวิทยาลัยและกลางแม่น้ำเจ้าพระยาจำนวนมากเป็นเด็กอายุไม่ถึงยี่สิบดี แต่ริอ่านเป็นผู้นำม็อบ เอาชีวิตคนจำนวนมากเป็นหลักประกันความสำเร็จของอุดมการณ์ตนเอง ไม่ทราบว่า สงสารพ่อแม่ ญาติพี่น้องผู้ตายหรือเปล่า??????
อายุของผู้นำม็อบไม่ดูที่ตัวเลขก็จริง แต่ความรับผิดชอบต้องมีสูงเทียบเท่ากับความสำคัญด้วย
ในเวลานั้น..นักศึกษาและประชาชนจำนวนมากไม่มีอาวุธใดๆ จะไปต่อกรกับอันธพาลส่วนหนึ่ง และเจ้าหน้าที่รัฐส่วนหนึ่ง ข้านอกเขามีสื่อวิทยุ โทรทัศน์ ปลุกระดมกันอยู่ทุกวี่วัน นักศึกษามีอะไรสู้ได้..นอกจากความบริสุทธิ์ใจ
ในขณะที่ภัยร้ายกำลังเข้าใกล้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ทุกนาที เพราะพวกเขาก็ฮึ่มๆ กันอยู่ว่า จะบุกเข้าไป รอแค่ไฟเขียวจากผู้นำเท่านั้น ถ้าเจ้าหัวโตและนายธงชัยศิษย์ผู้พี่ (คนนึงอยู่ปีหนึ่ง อีกคนอยู่ปีสองเท่านั้น) จะเห็นแก่ความปลอดภัยของผู้ร่วมชุมนุม ต้องประกาศให้สลายการชุมนุมไปก่อน ให้แยกย้ายกันไปในที่ปลอดภัย แล้วหาทางระดมพลใหม่เมื่อสถานการณ์อำนวย ไม่ใช่..ยืนบนเวทีแล้วประกาศว่า
"ทุกคนอยู่ในความสงบ ไม่ต้องกลัว ให้จับมือกันไว้ อย่าแตกกลุ่ม ไม่มีใครทำร้ายพวกเราได้ถ้าพวกเรารวมกันเป็นหนึ่งเดียว บ้านเมืองมีขื่อมีแป ไม่มีใครทำลายอำนาจของนักศึกษา ประชาชนได้ ฯลฯ" สรุปว่า ให้อยู่ในรั้วมหาลัยนั่นแหละ ในที่สุด ..ใครเชื่อมันก็ตายหมู่ กลา็ยเป็นเหยื่อให้เขาสอยทิ้งได้ง่ายๆ เพราะกระจุกตัวกันอยู่ในชามใบใหญ่ ยิงตรงไหนก็ถูก
โทษใครครับ? ที่เราต้องเสียพี่น้องผู้บริสุทธิ์ไปนับร้อยๆ คน ถ้าไม่โทษความอ่อนหัดในการนำม็อบของเด็กสองคนที่อายุยังไม่ถึงยี่สิบ
แต่บทความของเจ้าหัวโตเลือกที่จะกล่าวโทษราชวงศ์ว่า ทำไมไม่นำพา ไม่ช่วยซับน้ำตาคนตาย โถ..ไม่หันมาโทษตัวเองบ้างเลยนะ
ฝ่ายขวาจัดอันประกอบไปด้วย ขุนนางทั้งหลายนั่น เขามีหน้าที่ที่จะปกป้องผลประโยชน์ของตนเองเป็นสำคัญ เช่นเดียวกับสถาบันทุกแห่งในสังคม รวมทั้งสถาบันพระมหากษัติรย์ นี่คือ..สิ่งที่เจ้าหัวโตและนายธงชัยควรสังวรณ์ไว้ด้วย เพราะสังคมไทยประกอบกันขึ้นมา มิได้มีแต่ สังคมของนักศึกษา ผู้ใช้แรงงาน และประชาชนผู้ด้อยโอกาสเท่านั้น
นี่ถ้าหมั่นเข้าเรียนสักหน่อย รอจนอายุขัยได้ที่ มีคุณวุฒิ และวัยวุฒิที่เหมาะสม ก็น่าจะเป็นผู้นำม็อบได้ดีกว่านี้
ดังนั้น..ที่คนตายจำนวนมาก อย่าโทษเป็นความผิดของอมาตยาธิปไตยทั้งหมด เป็นความอนุบาลทางการเมืองของเด็กฝึกหัดสองคนนั่นด้วย
ที่ตนเองและนายธงชัยได้ไปศึกษาต่อยังต่างประเทศ ไม่ต้องถูกจองจำจนแก่หง่อมเพราะใครให้โอกาส? หรือคิดว่า เป็นเพราะตัวเองและญาติพี่น้องเสริมส่ง? เวรกรรมแท้ๆ ที่มีคนเช่นนี้ในประเทศไทย
เรื่องสุดท้าย..เกลียดเผด็จการเข้าไส้
ใครๆ ก็เกลียดครับ เพราะการรวบอำนาจไว้ที่คนๆ เดียว สั่งไดทุกหน่วยงานให้รับใช้ ทำจนตนเองและครอบครัวร่ำรวยในทางมิชอบมหาศาลโดยที่กติกาสังคมทำอะไรไม่ได้ อย่างนี้ก็เรียกว่า เผด็จการเช่นกัน แต่เป็นเผด็จการนายทุนนักการเมือง หรือเจ้าหัวโตไม่รู้หว่าว่ามันมีหลายประเภทและมีการกลายพันธุ์ได้

หลังเหตุการณ์ 6 ตค.19 มีการยึดอำนาจอีกหลายครั้งโดยคณะนายทหาร ผมก็ไม่เห็นว่า เจ้าหัวโตจะใส่ใจออกมาเรียกหาประชาธิปไตย กล้าชนกับใครเขาที่ไหนเลยสักครั้งเดียว แต่เผด็จการ คมช.ครั้งนี่กลับออกมาสับเป็นชิ้นๆ อย่างสนุกสนาน
นี่เพราะอะไร?
ผมจะบอกให้ เพราะเผด็จการที่ผ่านๆ มาเป็นเผด็จการทหารที่แท้จริง เขาไม่เปิดโอกาสให้พูด ให้เขียนแย้ง เขาส่งคนไปเก็บหมด แต่ คมช. และ รัฐบาลหน่อมแน้มชุดนี้ เป็นเผด็จการปากอ้าขาสั่น ก็พฤติกรรมเหมือนอดีตนายกฯ เปรม นั่นแหละ เขาให้มานั่งชูคอมิได้มานั่งแก้ปัญหา
และไม่น่าเชื่อว่า คนหัวซ้ายจัดอย่างเจ้าหัวโต ไฉนกลายเป็นพันธมิตรของ่ลูกหลาน และสาวกพรรคหน้าเหลี่ยมและนายจมูกบานที่เคยเป็นคนชักนำให้ชาวบ้านเกลียดนักศึกษาสถาบันที่ตนเองจบออกมา และกล่าวหาว่า ข้างในมีทั้งญวน มีทั้งคลังอาวุธ จะสามารถจูบปากกันได้ในที่สุด
ที่เป็นเช่นนี้ น่าจะเป็นเพราะเจ้าหัวโตจงเกลียดจงชังระบบศักดินาที่มีสถาบันอยู่เหนือหัวเป็นที่สุด ซึ่งจะว่าไปแล้ว น่าจะเกลียดชังตั้งแต่สมัยยังอยู่ในรั้วมธ.เสียด้วยซ้ำ แต่ครานั้น..ความใฝ่ฝันที่จะปฏิวัติด้วยพลังประชาชนพินาศไปเสียก่อน แต่ความเจ็บช้ำยังคงดำรงอยู่จนถึงวันนี้ จึงทำอย่างไรก็ได้ ให้จูบปากกับอดีตฆาตกร 6 ตค.19 ก็ยอม เพียงเพราะเหตุผล คนเหล่านั้นยืนอยู่ตรงข้ามกับสถาบัน แค่นั้นก็สะใจแล้ว (เออ..คำว่า..ประเทศชาต ิของเจ้าหัวโตมีความหมายว่าอย่างไรนะ)
ที่เขียนมาทั้งหมดนี่ ผมไม่ได้เป็นทาสใครทั้งสิ้น เผด็จการทหารก็ไม่ชอบ แต่เผด็จการทหาร ผมยังเหลือประเทศให้ภาคภูมิใจว่ายังมีอยู่ แต่เผด็จการนายทุน ผมแทบไม่เหลืออะไรให้ภาคภูมิใจได้เลย เพราะมันฮุบหมดไม่ยอมแบ่งใคร นอกจากพวกมันเอง และเปิดโอกาสให้บางประเทศที่มีภาระผูกพันกันทางผลประโยชนเข้ามาร่วมฮุบ
นอกจากนี้ ผมยังไม่ได้เป็นคนยกย่องบทบาทของราชวงศ์ใดๆ ทั้งสิ้น แม้แต่เสื้อตราสัญลักษณ์ก็ยังไม่เคยใส่ เพราะไม่รู้ว่า จะซื้อมาใส่ทำไมในเมื่อเสื้อผ้าผมมีอยู่เต็มตู้
และผมไม่มีอคติใดๆ กับเจ้าหัวโต เพราะผมเองก็พวกเดียวกันกับเขา นั่งฟังเขาไฮปาร์คด่ารัฐบาลมาด้วยกันและเจ็บช้ำกับเหตุการณ์ 6 ตค.19 จากน้ำมือของเจ้าจมูกบานและคณะผู้ก่อการเช่นเดียวกัน