ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
25-04-2024, 20:33
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  เปิดโฉมหน้าคนเอี่ยวปตท.ประเคนทรัพย์แผ่นดินให้นายทุนหุ้น 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
เปิดโฉมหน้าคนเอี่ยวปตท.ประเคนทรัพย์แผ่นดินให้นายทุนหุ้น  (อ่าน 2977 ครั้ง)
ริวเซย์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,637


Worrior in The Blue Armor


เว็บไซต์
« เมื่อ: 09-01-2008, 23:44 »

มาดูกันครับว่าคนขายชาติในงวดนี้มีใครบ้าง

 เปิดโฉมหน้าขบวนการแปรรูปปตท.ที่กระทำการไม่ชอบด้วยกฎหมายโอนอำนาจรัฐ สิทธิ ประโยชน์ ทรัพย์สมบัติของแผ่นดินประเคนให้บริษัทเอกชนปตท.ผูกขาดสร้างรายได้นับล้านล้านฟันกำไรกว่าแสนล้านเข้ากระเป๋าแบ่งปันกันในหมู่ผู้ถือหุ้น นักการเมือง และข้าราชการระดับสูงที่มีส่วนในการแปรรูป ไล่เรียงตั้งแต่รัฐบาลทักษิณยันรัฐบาลสุรยุทธ์ ล้วนอีหรอบเดียวกัน เผยผลงานโบว์ดำ “ปิยสวัสดิ์” มือสานผลประโยชน์ร่วมสองรัฐบาล
       
       คดีปตท.ที่ศาลปกครองสูงสุดได้พิเคราะห์ว่า พ.ร.ฎ.กำหนดอำนาจ สิทธิ และประโยชน์ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) พ.ศ. 2544 ที่มิได้จำกัดอำนาจการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นอำนาจมหาชน ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
       
       และการออก พ.ร.ฎ.กำหนดอำนาจ สิทธิ และประโยชน์ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ. 2550 ซึ่งเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติในมาตรา 3 มาตรา 4 มาตรา 5 และมาตรา 6 แห่ง พ.ร.ฎ.กำหนดอำนาจ สิทธิ และประโยชน์ ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) พ.ศ 2544 ซึ่งศาลปกครองสูงสุด เห็นว่า บทบัญญัติในมาตรา 4 วรรค 2 แห่งพ.ร.ฎ.ดังกล่าว ไม่ชอบด้วยกฎหมายและสมควรเพิกถอน นั้น
       
       ในแง่ข้อกฎหมายแล้ว ถือว่าคำวินิจฉัยของศาลฯ ปรากฏชัดเจนถึงความผิดในการออกพ.ร.ฎ.ที่มารองรับการแปรรูปปตท. แม้ว่าศาลจะไม่ได้พิพากษาให้เพิกถอน พ.ร.ฎ.ทั้งสองฉบับดังกล่าว และพ.ร.ฎ.กำหนดเงื่อนเวลายกเลิกกฎหมายว่าด้วยการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2544 ทำให้ปตท.ยังคงสภาพเป็นบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่อไป เนื่องจากการเพิกถอนพ.ร.ฎ. ข้างต้น อาจก่อให้เกิดผลกระทบในวงกว้างทั้งต่อเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศ
       
       นอกจากนั้น คำพิพากษาของศาลฯ ที่ให้ผู้ถือฟ้องคดีทั้งสี่ คือ คณะรัฐมนตรี, นายกรัฐมนตรี, รมว.กระทรวงพลังงาน และบริษัทปตท. จำกัด (มหาชน) แบ่งแยกทรัพย์สินในส่วนที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน สิทธิการใช้ที่ดินเพื่อการวางระบบขนส่งปิโตรเลียมทางท่อ รวมทั้งการแยกอำนาจและสิทธิในส่วนที่เป็นอำนาจมหาชนของรัฐ ออกจากอำนาจและสิทธิของผู้ถือฟ้องคดีทั้ง 4 ให้เสร็จสิ้นก่อนการแต่งตั้งคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ตามพ.ร.บ.ประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 ย่อมส่งผลสะเทือนมหาศาลต่อสถานะการทำธุรกิจในอนาคตของปตท.ที่เคยใช้อำนาจผูกขาดและอาศัยอำนาจ สิทธิ ของรัฐดำเนินธุรกิจสร้างรายได้นับล้านล้านและกำไรกว่าแสนล้านให้แก่องค์กรมาโดยตลอด
       
       *** เผยโฉมหน้าผู้กระทำมิชอบด้วยกม.??
       
       ความไม่ชอบด้วยกฎหมายของพ.ร.ฎ. กำหนดอำนาจ สิทธิ และประโยชน์ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) พ.ศ. 2544 และพ.ร.ฎ.กำหนดเงื่อนเวลายกเลิกว่าด้วยกฎหมายการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2544 และความไม่ชอบด้วยกฎหมายของ พ.ร.ฎ.กำหนดอำนาจ สิทธิ และประโยชน์ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) พ.ศ. 2550 แก้ไขเพิ่มเติมพ.ร.ฎ.กำหนดอำนาจ สิทธิ และประโยชน์ ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) พ.ศ 2544 มีกลุ่มบุคคลที่จะต้องร่วมรับผิดชอบทั้งในระดับนโยบายและกระบวนการแปรสภาพ ปตท. ทั้งรัฐบาลทักษิณ และรัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์
       
       การแปรสภาพ ปตท. คณะรัฐมนตรี (ครม.) พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีมติเห็นชอบ เมื่อวันที่ 10 ก.ค. 2544 ในแนวทางการแปรรูป ปตท. ตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 2 ก.ค. 2544 ที่เสนอต่อครม. มติกพช. ที่ได้รับความเห็นชอบจาก ครม. มีสาระสำคัญโดยสรุป คือ
       
       1) ในการแนวทางการแปรรูป ปตท. และมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (สพช.) ซึ่งขณะนั้น นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ สพช. เป็นแกนกลางในการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งรัดการจัดทำประเด็นนโยบายให้สอดคล้องกับระยะเวลาที่กำหนดไว้ คือ สามารถระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ภายในเดือนพ.ย. 2544
       
       2) เห็นชอบแนวทางการแปรรูป ปตท. โดยมอบหมายให้ กระทรวงการคลัง (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รัฐมนตรีว่าการฯ), กระทรวงอุตสาหกรรม (นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการฯ), สพช. และ ปตท. (นายวิเศษ จูภิบาล ผู้ว่าการฯ) รวมทั้งคณะกรรมการนโยบายทุนรัฐวิสาหกิจ (กนท.) และ คณะกรรมการเตรียมการจัดตั้งบริษัท ปตท. เร่งดำเนินการตามขั้นตอนแปรสภาพรัฐวิสาหกิจของพ.ร.บ.ทุนรัฐวิสาหกิจ รวมทั้งให้มีการจัดตั้ง คณะกรรมการระดมทุนจากภาคเอกชน เพื่อทำหน้าที่ประเมินราคาสินทรัพย์ ราคาหุ้น และวิธีการขายหุ้น ฯลฯ
       
       เมื่อพิจารณาจากนโยบายและกระบวนการข้างต้น จะพบว่า มีคณะบุคคลที่เกี่ยวข้องที่สำคัญ คือ
       
       1) ครม.ทักษิณ ซึ่งมี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ปรับเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2544 ประกอบด้วย รองนายกรัฐมนตรี 5 คน คือ พล.อ ชวลิต ยงใจยุทธ, นายสุวิทย์ คุณกิตติ,นายเดช บุญ-หลง, นายปองพล อดิเรกสาร, นายพิทักษ์ อินทรวิทยนันท์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คือ นายจาตุรนต์ ฉายแสง, พล.อ. ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา, นายสมศักดิ์ เทพสุทิน, นายกระแส ชนะวงศ์ และ พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ รมว.กลาโหม, พล.อ .ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมช.กลาโหม
       
       นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รมว.คลัง, นายวราเทพ รัตนากร, ร.อ.สุชาติ เชาว์วิศิษฐ รมช.คลัง, นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รมว.ต่างประเทศ นายชูชีพ หาญสวัสดิ์ รมว.เกษตรฯ, นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์, นายนที ขลิบทอง รมช.เกษตร, นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา รมว.คมนาคม, นายประชา มาลีนนท์, นายพงศกร เลาหวิเชียร รมช.คมนาคม, นายอดิศัย โพธารามิก รมว.พาณิชย์, นายสุวรรณ วลัยเสถียร รมช.พาณิชย์, ร.ต.อ. ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ รมว.มหาดไทย, นายสรอรรถ กลิ่นประทุม, นายสมบัติ อุทัยสาง รมช.มหาดไทย,
       
       นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รมว.ยุติธรรม, นายเดช บุญหลง รมว.แรงงานฯ, นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ รมช.แรงงานฯ, นายสนธยา คุณปลื้ม รมว.วิทยาศาสตร์ฯ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร รมว.ศึกษา, นางสิริกร มณีรินทร์, นายจำลอง ครุฑขุนทด รมช.ศึกษาฯ, นางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รมว.สาธารณสุข, นายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รมช.สาธารณสุข, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม, นายพิเชษฐ สถิรชวาล รมช. อุตสาหกรรม นายสุธรรม แสงประทุม รมว.ทบวงมหาวิทยาลัย
       
       2) คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ หรือ กพช. ซึ่งเวลานั้น กพช. นายพิทักษ์ อินทรวิทยนันท์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานประธาน กพช. และนายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (สพช.) เป็นเลขาธิการ กพช. และกรรมการและเลขานุการ กพช.
       
       อาจกล่าวได้ว่า นายปิยสวัสดิ์ เป็นมือสำคัญชงเรื่องการแปรรูป ปตท. ให้กับ ครม.ทักษิณ เพราะมติ กพช. ครั้งที่ 3/2544 ลงวันที่ 2 ก.ค. 2544 นั้น นายปิยสวัสดิ์ ในฐานะเลขาธิการ กพช. เป็นผู้นำเรื่องเสนอต่อประธาน กพช.ผ่านทางนายจาตุรนต์ ฉายแสง รมต.ประจำสำนักนายกฯ
       
       *** คณะจัดตั้งบริษัทชงโอนอำนาจรัฐให้ปตท.
       
       สำหรับกระบวนการตั้งแต่การกำหนดแนวทาง การพิจารณารายละเอียดแนวทางการจัดตั้งบริษัท และ ยกร่าง พ.ร.ฎ.กำหนดอำนาจ สิทธิ และประโยชน์ของบริษัทปตท. จำกัด (มหาชน) พ.ศ. 2544 และ พ.ร.ฎ. กำหนดเงื่อนเวลายกเลิกกฎหมายว่าด้วยการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2544 ทั้ง 2 ฉบับ นั้น
       
       คณะกรรมการเตรียมการจัดตั้งบริษัท ปตท. จำกัด เป็นผู้ดำเนินการ อีกทั้งจัดทำรายละเอียดการแปลงทุนของ ปตท. เป็นหุ้น ซึ่งกำหนดกิจการที่จะโอนไป บมจ.ปตท. , อำนาจ สิทธิ ประโยชน์ ภาระผูกพัน ความรับผิดต่าง รวมทั้งสินทรัพย์ หนี้สิน และส่วนของทุนที่จะโอนไป บมจ.ปตท. ฯลฯ โดยพิจารณาจัดทำรายละเอียด ระหว่าง 18 ก.ค. – 18 ก.ย. 2544
       
       จากนั้น คณะกรรมการเตรียมการจัดตั้งบริษัท ได้ส่งรายละเอียดเพื่อขออนุมัติจากคณะกรรมการนโยบายทุนรัฐวิสาหกิจ (กนท.) และกนท.อนุมัติรายละเอียดการจัดตั้งบริษัท เมื่อวันที่ 20 ก.ย. 2544 และส่งเรื่องไปยังครม.เพื่อขออนุมัติแปลงทุนเป็นหุ้นและรายละเอียดการจัดตั้งบริษัท โดยครม.อนุมัติตามที่ กนท. เสนอ เมื่อวันที่ 25 ก.ย. 2544 จากนั้นมีการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2544 ตามด้วยกระบวนการกำหนดมูลค่าหุ้น จัดเตรียมเอกสารเพื่อยื่นจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำการตลาดเพื่อขายหุ้น ระหว่างเดือน ต.ค. – พ.ย. 2544
       
       พร้อมกันนั้น ก็มีการจัดตั้งคณะกรรมการดำเนินการระดมทุนจากภาคเอกชนฯ โดยเป็นคณะกรรมการฯ อยู่ภายใต้ สพช. เมื่อเดือนต.ค. 2544 และกพช.และครม.ได้อนุมัติแนวทางการขายหุ้น ในเดือนเดียวกัน ก่อนเปิดขายหุ้นให้นักลงทุนในวันที่ 15 พ.ย. 2544
       
       ภายใต้กระบวนการดังกล่าว จึงมีคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องกับการแปรสภาพปตท. และ ออก พ.ร.ฎ. ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย คือ
       
       1) คณะกรรมการเตรียมการจัดตั้งบริษัท ปตท. จำนวน 13 คน ประกอบด้วย นายมนู เลียวไพโรจน์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานกรรมการ, นายสมใจนึก เองตระกูล ปลัดกระทรวงการคลัง, นายพูลทรัพย์ ปิยะอนันต์ ผอ.สำนักงบประมาณ, นายอดุลย์ วินัยแพทย์ อธิบดีกรมทะเบียนการค้า, นายประธาน ดาบเพชร ผู้ว่าการสนง.การตรวจเงินแผ่นดิน, นายวิเศษ จูภิบาล ผู้ว่าการ ปตท., นายณฐกร แก้วดี ผู้แทนพนักงาน ปตท., นายธีระ วิภูชนิน รองกรรมการผู้จัดการเอ็กซิมแบงก์,
       
       นายอารีพงศ์ ภูชอุ่ม สำนักรัฐวิสาหกิจและหลักทรัพย์ของรัฐ, นายอุทัย ปิยวณิชพงษ์ ผอ.กองกลาง สนง.ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม, น.ส.เพ็ญจันทร์ จิรเกษม ผอ.ฝ่ายจัดหาและบริหารเงินทุน ปตท., นางพัลลภา เรืองรอง นักวิชาการคลัง 8 สำนักรัฐวิสาหกิจฯ และนายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ เลขาธิการ กพช.ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน (ภายหลังถอนตัว แต่เข้าร่วมประชุมทุกครั้ง)
       
       2) คณะกรรมการนโยบายทุนรัฐวิสาหกิจ ซึ่งมีทั้งหมด 24 คน มีนายปองพล อดิเรกสาร เป็นประธาน และกรรมการ 22 คน ประกอบด้วย นายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ประจำสำนักนายกฯ, นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ประจำสำนักนายกฯ, พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รมว.กลาโหม, นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รมว.คลัง, นายชูชีพ หาญสวัสดิ์ รมว.เกษตรฯ, นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา รมว.คมนาคม, ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ รมว.มหาดไทย, นายเดช บุญหลง รมว.แรงงาน, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม,
       
       นางสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ รมว.สาธารณสุข, นายสนธยา คุณปลื้ม รมว.กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ, ร.อ.สุชาติ เชาว์วิศิษฐ รมช.คลัง, นายพูลทรัพย์ ปิยะอนันต์ ผอ.สำนักงบประมาณ, นายชัยวัฒน์ วงศ์วัฒนศานต์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา, นายสรรเสริญ วงศ์ชะอุ่ม เลขาธิการสภาพัฒน์, นายเอนก ศรีสนิท, นายสมเกียรติ โอสถสภา, นายสมศักดิ์ ยมะสมิต, นายระเฑียร ศรีมงคล, นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล, นายสมใจนึก เองตระกูล ปลัดกระทรวงการคลัง กรรมการและเลขานุการ และนายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ผู้ช่วยเลขานุการ
       
       สำหรับคณะกรรมการดำเนินการระดมทุนจากภาคเอกชนในการแปรสภาพ ปตท. ที่ส่งผลให้หุ้นปตท.ขายเกลี้ยงในพริบตาเดียวนั้น มี นายมนู เลียวไพโรจน์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธาน และกรรมการ ประกอบด้วย นายสมหมาย ภาษี รองปลัดคลัง, นายสมบูรณ์ บริสุทธิ์ อัยการพิเศษ สนง.ที่ปรึกษากฎหมาย, นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ เลขาธิการ คกก.นโยบายพลังงานแห่งชาติ, นายวิเศษ จูภิบาล ผู้ว่าการ ปตท. และนายพิชัย ชุณหวชิร รองผู้ว่าการการเงินและบัญชีองค์กร ปตท.
       
       ***รัฐบาลสุรยุทธ์ ร่วมขบวน
       
       ขณะที่คดีปตท.อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฯ รัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่เข้ามาบริหารประเทศต่อจากรัฐบาลทักษิณ ได้ออกพ.ร.ฎ.กำหนดอำนาจ สิทธิ และประโยชน์ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2550 ซึ่งไม่ชอบด้วยกฎหมายตามคำวินิจฉัยของศาลฯ ที่ตัดสินคดี ปตท. เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 2550 ที่ผ่านมา
       
       ความไม่ชอบของพระราชกฤษฎีกากำหนดอำนาจ สิทธิ และประโยชน์ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2550 มีกระบวนการตั้งแต่การพิจารณารายละเอียดพระราชกฤษฎีกา โดย คณะกรรมการทุนรัฐวิสาหกิจ (กนท.) กนท.อนุมัติรายละเอียดของ พ.ร.ฎ. และส่งเรื่องไปยังคณะรัฐมนตรี เพื่อขออนุมัติ
       
       คณะกรรมการทุนรัฐวิสาหกิจที่อนุมัติรายละเอียดของ พ.ร.ฎ.ดังกล่าว ประกอบด้วย มรว. ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการ และกรรมการ คือ คุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ รมว.ประจำสำนักนายกฯ, นายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รมต.ประจำสำนักนายกฯ, พลเอก บุญรอด สมทัศน์ รมว.กลาโหม นายรุ่งเรือง อิศรางกูร ณ อยุธยา, รมว.เกษตรฯ, พลเรือเอก ธีระ ห้าวเจริญ รมว.คมนาคม, นายเกริกไกร จีระแพทย์ รมว.พาณิชย์, นายอารีย์ วงศ์อารยะ รมว.มหาดไทย นายอภัย จันทนจุลกะ รมว.แรงงานฯ
       
       นายปิยะบุตร ชลวิจารณ์ รมว.อุตสาหกรรม, นายมงคล ณ สงขลา รัฐมนตรีว่าการสาธารณสุข, นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รมว.วิทยาศาสตร์, นายสมหมาย ภาษี รมช.คลัง, นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รมว.พลังงาน, ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ, นางพรทิพย์ จาละ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา, เลขาธิการสภาพัฒน์, นายกิตติรัตน์ ณ ระนองนางเกษรี ณรงค์เดช นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล, นายรพี สุจริตกุล, นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัดกระทรวงการคลัง, นายอารีพงษ์ ภู่ชอุ่ม ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ผู้ช่วยเลขานุการ
       
       สำหรับคณะรัฐมนตรี รัฐบาล พล.อ. สุรยุทธ์ ที่อนุมัติการออกพ.ร.ฎ.ดังกล่าว ซึ่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย และยังมาเร่งรัดผลักดันออกพ.ร.บ.ประกอบการพลังงาน พ.ศ. 2550 ให้มีผลบังคับใช้ 3 วันก่อนศาลพิพากษาคดี เพื่อแก้ไขการออกพ.ร.ฎ. ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งเป็นเหตุให้ศาลฯ สั่งยกคำร้องของผู้ฟ้องคดีที่ขอให้ศาลฯ เพิกถอนพ.ร.ฎ.ทั้งสามฉบับ มีดังนี้
       
       พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี, หม่อมราชวงศ์ ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกฯและรมว.คลัง, นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกฯและรมว.อุตสาหกรรม, คุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ รมต.ประจำสำนักนายกฯ, นายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รมต.ประจำสำนักนายกฯ, พลเอก บุญรอด สมทัศน์ รมว.กลาโหม, นายนิตย์ พิบูลสงคราม รมว.ต่างประเทศ, นายสวนิต คงสิริ รมช.ต่างประเทศ, นายสุวิทย์ ยอดมณี รมว.ท่องเที่ยว, นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม รมว.พัฒนาสังคมฯ,
       
       นายธีระ สูตะบุตร รมว.เกษตร, นายรุ่งเรือง อิศรางกูร ณ อยุธยา รมช.เกษตรฯ, พลเรือเอก ธีระ ห้าวเจริญ รมว.คมนาคม, นายสรรเสริญ วงศ์ชะอุ่ม รมช.คมนาคม, นายเกษม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา รมว.ทรัพยากรฯ, นายสิทธิชัย โภไคยอุดม รมว.เทคโนโลยีฯ, นายเกริกไกร จีระแพทย์ รมว.พาณิชย์, นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รมว.พลังงาน, นายอารีย์ วงศ์อารยะ รมว.มหาดไทย, นายบัญญัติ จันทน์เสนะ รมช.มหาดไทย,
       
       นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ รมว.ยุติธรรม, นายอภัย จันทนจุลกะ รมว.แรงงาน, คุณหญิงไขศรี ศรีอรุณ รมว.วัฒนธรรม,นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รมว.วิทยาศาสตร์, นายวิจิตร ศรีสอ้าน รมว.ศึกษาธิการ, นายมงคล ณ สงขลา รมว.สาธารณสุข, นายปิยะบุตร ชลวิจารณ์ รมช.อุตสาหกรรม, นายประสิทธิ์ โฆวิไลกูล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, นายสมหมาย ภาษี รมช.คลัง
       
       *** บอร์ด ปตท. – ผู้บริหาร เกี่ยวข้อง
       
       ในส่วนของ ปตท. ที่จะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับการแปรสภาพปตท.ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น คณะผู้บริหารของ ปตท. ในช่วงนั้น ประกอบด้วย นายวิเศษ จูภิบาล ผู้ว่าการปตท. หรือ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท., นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ผู้จัดการใหญ่ ปตท. ก๊าซธรรมชาติ หรือ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจก๊าซฯ บมจ.ปตท.
       
       สำหรับคณะกรรมการ ปตท. ที่เปลี่ยนเป็นคณะกรรมการ บมจ.ปตท. ขณะนั้น มี นายมนู เลียวไพโรจน์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธาน ส่วนกรรมการ ประกอบด้วย พล.อ.อัครเดช ศศิประภา รองผบ.สูงสุด, พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ รองผบ.ตร., นายวิษณุ เครืองาม เลขาธิการ ครม., นายพละ สุขเวช ประธานกรรมการ บ.อะโรเมติกส์ฯ, นายจุลจิตต์ บุณยเกตุ กรรมการอำนวยการบ.ไทยออยล์ฯ นายพิษณุ สุนทรารักษ์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มธ.,
       
       นายจักราวุธ ศัลยพงษ์ วิศวกรอาวุโสและที่ปรึกษาบ.อินเตอร์ เอ็นจิเนียริงฯ นายจงรัก ระรวยทอง กรรมการผู้อำนวยการ สมาคมตลาดหลักทรัพย์, นายโอฬาร ไชยประวัติ กรรมการและที่ปรึกษาคณะกรรมการจัดการธ.ไทยพาณิชย์, นายชัยวัฒน์ วงศ์วัฒนศานต์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา, นายเชิดพงษ์ สิริวิชช์ อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี, นายสันทัด สมชีวิตา ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ, นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ อธิบดีกรมบัญชีกลาง, นายวิเศษ จูภิบาล ผู้ว่าการ ปตท.
       
       ***สานผลประโยชน์ร่วมสองรัฐบาล
       
       การตรา พ.ร.ฎ. กำหนดอำนาจ สิทธิ และประโยชน์ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) พ.ศ. 2544 และแก้ไขเพิ่มเติม ปี 2550 และ พ.ร.ฎ. กำหนดเงื่อนเวลายกเลิกกฎหมายว่าด้วยการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2544 โดยไม่ชอบโดยกฎหมาย เป็นการชี้ให้เห็นถึงผลประโยชน์ร่วมกันระหว่างรัฐบาลทักษิณ และปตท. และต่อเนื่องมาจนถึงรัฐบาล คมช.
       
       หากจะกล่าวบุคคลที่มีบทบาทสำคัญในการตรา พ.ร.ฎ. ทั้ง 3 ฉบับ มาอย่างต่อเนื่อง คือ นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ซึ่งมีหลายบทบาทหลายหน้าที่ คือ
       
       หนึ่ง เป็นเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (สพช.) และกรรมการและเลขานุการของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ซึ่งเป็นผู้จัดทำและพิจารณาอนุมัติแผนการแปรรูป ปตท. ในปี 2544
       
       สอง เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการเตรียมการจัดตั้งบริษัท ปตท. ซึ่งทำหน้าที่ตราร่าง พรฎ. เพื่อแปลงสภาพ ปตท. เป็น บมจ. ในปี 2544
       
       สาม เป็นกรรมการในคณะกรรมการดำเนินการระดมทุนจากภาคเอกชนในการแปรสภาพ ปตท. ซึ่งทำหน้าที่กำกับการประเมินทรัพย์สิน ราคาหุ้น และแนวทางการกระจายหุ้น ในปี 2544
       
       สี่ ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการในบริษัทบางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) และบริษัทขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด ซึ่ง ปตท. ถือหุ้นอยู่ด้วย
       
       ห้า เป็น รมต. กระทรวงพลังงาน และกรรมการ กพช. และกนท. ในปี 2549 – ปัจจุบัน ซึ่งมีส่วนโดยตรงในการตรา พ.ร.ฎ. กำหนดอำนาจ สิทธิ และประโยชน์ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2550 ซึ่งศาลปกครองสูงสุด พิพากษาว่าไม่ชอบโดยกฎหมายเช่นกัน
       
       อาจกล่าวได้ว่า นายปิยสวัสดิ์ มีบทบาทเป็นตัวเชื่อมที่สำคัญในการผลักดันการแปรรูป ปตท. ในช่วงรัฐบาลทักษิณ และสานต่อ ปกป้องผลประโยชน์ของคนเฉพาะกลุ่มในช่วงรัฐบาล คมช. ซึ่งตามข้อเท็จจริงหลังคำพิพากษาของศาล ทำให้สังคมตั้งข้อสงสัยว่าเป็นการการกระทำที่ไม่ชอบโดยกฎหมาย ใช่หรือไม่

หวังว่าเรื่องนี้จะเป็นอีกคดีที่ถึงมือศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองครับ
บันทึกการเข้า

ถ้ามีแฟนแบบนี้เอาไหมครับ^^


อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,406



« ตอบ #1 เมื่อ: 10-01-2008, 06:54 »


http://forum.serithai.net/index.php?topic=16900.msg222498#msg222498 Very Happy
บันทึกการเข้า
สมชายสายชม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,048


« ตอบ #2 เมื่อ: 10-01-2008, 10:01 »

ผลของการออกกฎหมายแปรรูปรัฐวิสาหกิจนั่นเหรอ

ในช่วงภาวะวิกฤตสำนักงานทรัพย์สินฯ ที่ขาดสภาพคล่องทางการเงิน สำนักงานทรัพย์สินฯ ในปี 2544 ได้ใช้ที่ดินของทรัพย์สินฯ บริเวณสวนมิสกวัน และบริเวณคุรุสภา จำนวน 14,100 ตารางวา ซึ่งมีมูลค่า 1,198.5 ล้านบาท ไปแลกกับหุ้นของกระทรวงการคลังเพื่อไปเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.) ซึ่งกระทรวงการคลังได้จัดสรรหุ้นให้แก่สำนักงานทรัพย์สินฯ จำนวน34,242,857 หุ้น (ราคาหุ้นละ 35 บาท) โดยต้นปี 2547 ราคาหุ้นของ ปตท. มีราคาเพิ่มขึ้นมาถึง 5
เท่าตัว โดยมายืนอยู่ ณ ระดับ 140 – 170 บาท ส่งผลให้สำนักงานทรัพย์สินฯ มีกำไรจากการเพิ่มมูลค่าหุ้น ปตท. ไปเป็นจำนวนถึงกว่า 35,000 ล้านบาท ในเดือนกันยายน 2547 สำนักงานทรัพย์สินฯ ถือหุ้นใน ปตท. เท่ากับ 16.4 ล้านหุ้น

http://www.bangkokbiznews.com/2006/special/bizNes/Porphant/


คุณแถมั่วนิ่มแต่เช้าเลยนะ !!!

ผมคิดอย่างไร ไม่เห็นว่า สนง.ทรัพสินฯ จะได้กำไรหุ้น ปตท. 5 เท่า 35,000 ล้านบาท

ที่ผมลองคำนวณดู 34,242,857 หุ้น (ราคาหุ้นละ 35 บาท) คูณ 5 เท่า ผลลัพธ์คือ 6000 ล้านบาท

คุณแก๊สช่วยสอนวิธีคิดเลขให้หน่อย

...
บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #3 เมื่อ: 10-01-2008, 11:59 »

1 ใน กฎหมายขายชาติ 11 ฉบับ

ที่ทำให้ชาติย่อยยับ แบ่งกันกินแบ่งกันใช้ในหมู่ผู้มีเงิน

ผมถึงไม่อยากเชื่อขี้หน้า พวกนักการเมือง ที่เข้าไปมีอำนาจ

ไม่ว่าพรรคไหนทั้งนั้น


ยิ่งไปดู พรบ.เขตเศรษฐกิจพิเศษ ยิ่งปวดใจ

เพราะรวบเอากฎหมายขายชาติหลายฉบับมารวมไว้ในที่เดียวกัน
บันทึกการเข้า

ScaRECroW
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,000


สุสูสัง ลภเต ปัญญัง - ผู้ฟังดี ย่อมเกิดปัญญา


เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: 10-01-2008, 13:35 »

ไอ้เหี้-ยแม๊วมันประกาศตอนหาเสียงว่า ถ้าได้เป็นรัฐบาลจะยกเลิกกฏหมายขายชาติ 11 ฉบับ
บันทึกการเข้า

Politic is nothing but the continuation of [the sin of] 7 by other means.

ท่านคิดว่า นรม. ควรทำอย่างไรเมื่อพบว่ากฏหมายบางฉบับมีช่องโหว่?
ก.ใช้อำนาจ นรม.ที่ได้รับมาจากประชาชนแก้กฏหมายเพื่อปิดช่องโหว่เหล่านั้น เพราะเป็นประโยชน์ของแผ่นดิน
ข.ฉวยโอกาสใช้ช่องโหว่เหล่านั้นเพื่อประโยชน์ของตนเองและคนรอบข้าง แล้วก็อ้างว่าคนอื่นเขาก็ทำกัน
ริวเซย์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,637


Worrior in The Blue Armor


เว็บไซต์
« ตอบ #5 เมื่อ: 10-01-2008, 14:44 »

ไอ้เหี้-ยแม๊วมันประกาศตอนหาเสียงว่า ถ้าได้เป็นรัฐบาลจะยกเลิกกฏหมายขายชาติ 11 ฉบับ

มันไม่ยกเลิก แถมยังขายให้พวกพ้องอีก โทรคมนาคมก็ขายให้สิงคโปร์ มิหนำซ้ำยังแก้กฎหมายให้ต่างชาติถือหุ้นได้ถึง49%
บันทึกการเข้า

ถ้ามีแฟนแบบนี้เอาไหมครับ^^


pongman
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 63



« ตอบ #6 เมื่อ: 10-01-2008, 15:21 »

 การประปาก็ขายไปแล้วใช่ปะ  เห็นคนส่งบิลมันบอก  จริงหรือป่าวงะ
บันทึกการเข้า

รักในหลวง   รักชาติ
ริวเซย์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,637


Worrior in The Blue Armor


เว็บไซต์
« ตอบ #7 เมื่อ: 10-01-2008, 15:27 »

การประปาก็ขายไปแล้วใช่ปะ  เห็นคนส่งบิลมันบอก  จริงหรือป่าวงะ

ยังครับ ถ้าศาลไม่เบรกเอาไว้ในเรื่องของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ป่านนี้การประปาก็คงกลายเป็นของนายทุนแล้ว

ไอ้เหลี่ยมมันพยายามผลักดันการขายรัฐวิสาหกิจเป็นเอกชน มันบอกว่าตายเป็นตาย เดชะบุญศาลเบรคเอาไว้
บันทึกการเข้า

ถ้ามีแฟนแบบนี้เอาไหมครับ^^


สมชายสายชม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,048


« ตอบ #8 เมื่อ: 10-01-2008, 15:29 »

ไอ้เหี้-ยแม๊วมันประกาศตอนหาเสียงว่า ถ้าได้เป็นรัฐบาลจะยกเลิกกฏหมายขายชาติ 11 ฉบับ

ไอ้เฮี้ยแม้ว อาจจะไม่ได้โกหก .. หากแต่บอกความจริงเพียงครึ่งเดียว แบบว่า ..
"พอกรูขายสมบัติชาติหมดแล้ว ค่อยยกเลิกกฏหมายขายชาติ"   

http://www.thaimtb.com/cgi-bin/viewkatoo.pl?id=28269





...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-01-2008, 15:33 โดย สมชายสายชม » บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
    กระโดดไป: