ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
20-04-2024, 04:47
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  ไม่น่าเชื่อว่ามนุษย์เราจะ สั่งให้เกิด หรือ กำหนดวันตาย 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
ไม่น่าเชื่อว่ามนุษย์เราจะ สั่งให้เกิด หรือ กำหนดวันตาย  (อ่าน 3251 ครั้ง)
อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,406



« เมื่อ: 08-01-2008, 14:40 »

กรรมวิธีเจาะ "ไข่" ใส่ "อสุจิ" ที่เรียกว่า "อิ๊กซี่" นั้น เป็นกรรมวิธีเพื่อช่วยเหลือให้มีการปฏิสนธิขึ้น สำหรับ "คนมีลูกยาก" ในบางกรณี ปัจจุบันนี้ ได้มีการดัดแปลงและประยุกต์ใช้วิธีการคล้ายๆ กัน โดยใช้เข็มปลายเรียวเล็ก ที่ผลิตจากหลอดแก้วขนาดจิ๋วเจาะใส่เข้าไปใน "ตัวอ่อน" ขนาด 4-8 เซลล์ แล้วดูดเอาเซลล์ออกมา 1 เซลล์ เพื่อตรวจสอบ "หน่วยพันธุกรรม" ที่จำเป็น รวมทั้งโครโมโซมเพศด้วย ทำให้ทราบถึงความผิดปกติและเพศของ "ตัวอ่อน" นั้น กรรมวิธีดังกล่าวมีชื่อทางการแพทย์ว่า "PREIMPLANTATION GENETIC DIAGNOSIS" แต่เรามักนิยมเรียกสั้นๆ ว่า "PGD" มากกว่า

โรคร้ายแรงของกรรมพันธุ์บางอย่าง ถ่ายทอดเฉพาะเจาะจงในทารกเพศชาย (X-Linked Recessive) ดังนั้น "ตัวอ่อน" เพศชายซึ่งถ่ายทอดโรคดังกล่าวได้ จะถูกทำลายทิ้งทั้งหมด คงเหลือไว้แต่ "ตัวอ่อน" เพศหญิงที่จะนำใส่กลับเข้าไปในร่างกายของคนไข้สตรีผู้มีบุตรยาก ลูกที่เกิดมาก็จะปราศจากโรคร้ายแรงข้างต้น

อาจมีผู้คนสงสัยและคิดว่า "ตัวอ่อน" ขนาด 4-8 เซลล์ ที่ถูกเจาะดูดเอาเซลล์ออกไป 1 เซลล์นั้น น่าจะพิการหรือตายไป ความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ ในทางกลับกัน "ตัวอ่อน" นั้น (ซึ่งมีเซลล์หายไป 1 เซลล์) ยังมีศักยภาพในการเจริญเติบโตเหมือนเดิมทุกประการ และทารกที่เกิดมาจะไม่มีความพิการแต่กำเนิดด้วย (ความจริงความพิการแต่กำเนิดของทารก ย่อมมีได้เสมอเทียบเท่ากับทารกที่เกิดตามธรรมชาติ แต่ไม่ได้เป็นผลมาจากกรรมวิธีวิเคราะห์ "ตัวอ่อน")

วัตถุประสงค์ของกรรมวิธี "PGD" นี้เพื่อกำจัดโรคร้ายที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม ปัจจุบัน มีการเบี่ยงเบนวัตถุประสงค์ไปใช้ในกรณีเลือกเพศ เนื่องจากให้ความถูกต้องของเพศทารกที่จะเกิดมาถึง 100% ในแง่จริยธรรมขณะนี้ยังถือว่า การเลือกเพศโดยใช้กรรมวิธี "PGD" เป็นสิ่งที่ผิดอยู่ แต่อนาคตข้างหน้า อาจเปลี่ยนความคิดไปก็ได้ ยกตัวอย่างเช่น ในครอบครัวของคนจีนที่มีลูกสาว 4 คน และอยากได้ "ลูกชาย" อย่างมาก หากการตั้งครรภ์ครั้งต่อไปได้ลูกสาวอีก ครอบครัวอาจประสบปัญหาเรื่องการหย่าร้าง หรือสามีมีภรรยาน้อย เป็นต้น

การวิเคราะห์ "ตัวอ่อน" ก่อนการฝังตัว (PGD) นี้ มีการใช้กันอย่างแพร่หลายและประสบความสำเร็จ มานานหลายปี ทารกกว่า 100 คนจากทั่วโลก เกิดมาอย่างสมบูรณ์ภายหลังการทำกรรมวิธีนี้โชคไม่ดี ที่ยังมีความผิดพลาดอยู่บ้างจำนวนหนึ่ง ไม่มากนัก อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันทั้งกรรมวิธี "PCR" และ "FISH" ก้าวหน้าในด้านวิทยาการไปไกล จนสามารถให้ความมั่นใจแก่ผู้รับบริการได้เป็นอย่างดี

บทสรุปสุดท้ายของการวิเคราะห์ "ตัวอ่อน" (PGD) นี้ยังคงไม่มี ทั้งในแง่กรรมวิธีและจริยธรรม เพราะยังมีการพัฒนาค้นคว้าวิจัยกันอยู่ค่อนข้างมาก ขณะเดียวกัน หากจะนำกรรมวิธีนี้ มาใช้เฉพาะในแง่เพื่อแก้ปัญหาโรคร้ายแรงที่ถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์เท่านั้น คงต้องประสบปัญหา เรื่องจำนวนของคนไข้ (ในหนึ่งปีมีเพียงไม่กี่ราย) ซึ่งจะมีผลต่อค่าใช้จ่ายที่แพงลิบลิ่ว และการเสื่อมสภาพของอุปกรณ์เครื่องมืออย่างรวดเร็วโดยไร้ประโยชน์เท่าที่ควร ดังนั้นอาจเป็นไปได้ว่า ในอนาคตกรรมวิธี "PGD" จะนำมาใช้แก่คนไข้มีบุตรยากทุกคนที่มาทำ "เด็กหลอดแก้ว" หรือบุคคลธรรมดาที่มาเลือกเพศของบุตร


พระพุทธเจ้าเสด็จจาริกประกาศพระศาสนาตามแคว้นและเมืองต่าง ๆ เป็นเวลาถึง ๔๕ พรรษา นับตั้งแต่ตรัสรู้เป็นต้นมา  พรรษาที่ ๔๕  จึงเป็นพรรษาสุดท้ายของพระพุทธเจ้า  และเป็นเวลาที่พระพุทธเจ้าทรงมีพระชนมายุได้ ๘๐ ปี นับแต่ประสูติเป็นต้นมา

พรรษาสุดท้าย  พระพุทธเจ้าเสด็จประทับอยู่ที่เวฬุคาม แขวงเมืองไพศาลี  ระหว่างพรรษา ทรงพระประชวรเพราะอาพาธหนัก  จวนเจียนจะเสด็จนิพพาน  พระสงฆ์ทั้งปวงที่ยังเป็นปุถุชน  หรือแม้แต่พระอานนท์ องค์อุปัฏฐากก็หวั่นไหว  เพราะความตกใจที่เห็นพระพุทธเจ้าประชวรหนัก  พระพุทธเจ้าตรัสบอกพระอานนท์ว่า  เวลานี้ พระกายของพระองค์ถึงอาการชรามาก  มีสภาพเหมือนเกวียนชำรุด ที่ซ่อมแซมด้วยไม้ไผ่

ทรงหายจากอาพาธคราวนี้แล้ว  และเมื่อออกพรรษาแล้ว  พระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระอานนท์  เสด็จไปประทับที่ร่มพฤกษาแห่งหนึ่งในปาวาลเจดีย์  แขวงเมืองไพศาลี  เวลากลางวัน พระพุทธเจ้าทรงแสดงโอภาสนิมิตแก่พระอานนท์ว่า "อิทธิบาทสี่" (ชื่อของธรรมหมวดหนึ่ง มี ๔ ข้อ) ถ้าผู้ใดบำเพ็ญได้เต็มเปี่ยมแล้ว  สามารถจะต่ออายุยืนยาวไปได้อีกกำหนดระยะเวลาหนึ่ง

"โอภาสนิมิต"  แปลเป็นภาษาชาวบ้านว่า "บอกใบ้"  คือ พระพุทธเจ้ามีพระชนมายุจะสิ้นสุดในปีที่กล่าวนี้  จึงทรงบอกใบ้ให้พระอานนท์กราบทูลอาราธนาให้พระพุทธเจ้า ทรงมีพระชนมายุยืนยาวต่อไปอีกระยะหนึ่ง  แต่พระอานนท์ท่านนึกไม่ออก ทั้ง ๆ ที่พระพุทธเจ้าทรงบอกใบ้ถึง ๓ หน

ปฐมโพธิบอกว่า  เมื่อพระอานนท์นึกไม่ออกเช่นนั้น  พระพุทธเจ้าจึงตรัสบอกพระอานนท์ให้ไปนั่งอยู่ที่ใต้ร่มไม้อีกแห่งหนึ่ง  แล้วมารก็เข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้า  กราบทูลพระพุทธเจ้าให้เสด็จนิพพาน  พระพุทธเจ้าทรงรับคำ แล้วทรงปลงอายุสังขาร

"ปลงอายุสังขาร" แปลเป็นภาษาสามัญได้ว่า "กำหนดวันตายไว้ล่วงหน้า" วันนั้นเป็นวันเพ็ญเดือนสาม พระพุทธเจ้าตรัสว่า นับจากนี้ไปอีก ๓ เดือนข้างหน้า (กลางเดือนหก) พระองค์จะนิพพานที่เมืองกุสินารา


เดี๋ยวนี้เทคโนโลยีก้าวไกลจริงๆ แต่การเลือกเพศก็ยังไม่มีบทสรุปเรื่อง จริยธรรม
ส่วนการกำหนดวันตายนั้น ไม่เป็นที่สงสัย เนื่องจากมีมาแต่พุทธกาล
บันทึกการเข้า
ริวเซย์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,637


Worrior in The Blue Armor


เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 08-01-2008, 14:47 »

ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะครับ

แล้วมีวิธีการที่จะได้ลูกแฝดไหมครับ ขอข้อมูลเพิ่มเติมด้วย
บันทึกการเข้า

ถ้ามีแฟนแบบนี้เอาไหมครับ^^


อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,406



« ตอบ #2 เมื่อ: 08-01-2008, 14:51 »

สุดท้ายหมอให้เลือก ตายรพ.หรือที่บ้าน
 
แม้ว่าการยืดชีวิตของผู้ป่วยให้นานที่สุดจะเป็นเป้าหมาย ของการรักษาตามแนวคิดการแพทย์สมัยใหม่

แต่มีบุคลากรทางการแพทย์จำนวนไม่น้อย หันมาให้ความสำคัญกับจิตใจ และคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยระยะสุดท้าย เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยบรรลุวาระสุดท้ายอย่างเจ็บปวดน้อยที่สุด เผชิญกับความตายได้อย่างสงบ

ทำให้การตายดีเป็นทางเลือกที่เกิดขึ้นได้ในโรงพยาบาล

การตายดี...เป็นอย่างไร?

“ผมเคยทบทวนตัวเอง รู้สึกว่าคนเป็นแพทย์ไม่ควรรู้สึกเฉยชากับความตาย”

นพ.พรเลิศ ฉัตรแก้ว วิสัญญีแพทย์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ทำงานอยู่ ในห้องไอซียู มีเรื่องวิกฤติเกี่ยวกับความเป็นและความตายเกิดขึ้นตลอดเวลา กล่าวในการสัมมนา “วัฒนธรรม ความตาย กับวาระสุดท้ายของชีวิต” จัดโดยสำนักวิจัยสังคมและสุขภาพ ร่วมกับเครือข่ายพุทธิกา ตามแผนงานพัฒนาจิตเพื่อสุขภาพ มูลนิธิสดศรี-สฤษดิ์วงศ์

นพ.พรเลิศ บอกว่า การรักษาอย่างดีที่สุดนั้น แท้จริงแล้ว ดีที่สุดในมิติ ของใคร อาจจะดีที่สุดที่หมอจะทำได้ แต่ดีที่สุดสำหรับคนไข้ สำหรับญาติหรือไม่

การดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย น่าจะต้องเปิดพื้นที่บางอย่างในแง่ของมิติทางจิตใจ การเข้าถึงความคิด ความรู้สึกของทั้งผู้ป่วยและญาติ

ในช่วงเวลาที่เหลืออยู่นั้น เขามีความต้องการ หรืออยากทำอะไร ขณะเดียวกันในด้านการรักษาแพทย์ก็ปฏิบัติหน้าที่ให้การดูแลอย่างเต็มที่

“หัวใจสำคัญ คือการรับฟังให้มาก จึงจะทราบข้อมูล ข้อเท็จจริง เพื่อให้เกิดทางเลือกในการรักษาที่ดีที่สุด”

รพ.จุฬาฯ มีอาสาสมัครเข้ามาช่วยเติมความมีชีวิตให้ผู้ป่วยระยะสุดท้าย โดยให้การดูแลทั้งร่างกาย จิตใจ เพื่อให้วาระสุดท้ายจากไปอย่างสงบ และญาติมีการเตรียมตัว

การทำงานกับผู้ป่วยระยะสุดท้าย ทำให้เห็นการเชื่อมโยงระหว่างหลักวิชาเรื่องโรคกับเรื่องของชีวิต เกิดกระบวนการทบทวนความรู้ว่าแพทย์ จะช่วยบรรเทาทุกข์ให้ผู้ป่วยได้อย่างไร

แม้ในทางการแพทย์จะพ้นวิสัยการรักษาแล้ว แต่รู้สึกว่าได้พยายามอย่างเต็มที่โดยไม่ทอดทิ้งเขา ญาติและคนไข้ก็จะรู้สึกว่าหมอได้พยายามช่วยอย่างที่สุด ไม่ใช่ทำเพราะรู้สึกเป็นหน้าที่ แต่ทำเพราะทำให้ผู้ป่วยดีขึ้น

“ใส่เครื่องช่วยหายใจ จะช่วยให้ผู้ป่วยเหนื่อยน้อยลง... ในวิชาชีพนี้ไม่ว่าใครจะทำจุดไหนก็ช่วยเขาได้... ท้ายที่สุดคนไข้เป็นครูที่สอนเรื่องการมีความสุข ในภาวะยากลำบาก”

หลายครั้งแพทย์เห็นคนไข้อาการแย่ แต่ก็ยังมีความสุขได้ น่าสนใจที่ผู้ป่วยมีวิธีการอย่างไร นี่คือโอกาสที่แพทย์จะได้เรียนรู้

นพ.โรจนศักดิ์ ทองคำเจริญ รพ.แม่สอด จ.ตาก เสริมว่า ที่โรงพยาบาลแม่สอดมีการรวมตัวกันของกลุ่มบุคลากร ในโรงพยาบาลที่อาสาในการติดตามดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายเรียกว่า... ทีมอาสาสมัครกัลยาณมิตร (อสก.)

ทีมอาสาฯวิธีการทำงานแบบไม้ผลัด แบ่งงานกันทำด้วยความสมัครใจ ไม่มีใครรู้สึกว่าเป็นภาระเพิ่มจากงานประจำ เพราะสิ่งที่ทำคือการทำงานของตัวเองให้ดีที่สุด และให้เพื่อนมาช่วย ทำให้เกิดการส่งต่อที่ดี ได้ข้อมูลที่เป็นองค์รวมของผู้ป่วยและการรักษา

หลักสำคัญในการทำงาน หมอเจ้าของไข้ต้องรับทราบและอนุญาต โดยไม่ต้องเขียนเป็นทางการ ขอเพียงบอกมาทีมอาสาฯก็จะเข้าไปช่วยเท่าที่ทำได้

เทคนิคที่อาสาฯทุกคนต้องมีคือการรับฟังให้มาก

กรณีคุณลุงท่านหนึ่ง ถือเป็นประสบการณ์นำมาสอนคนในทีม อาสาสมัครกัลยาณมิตรจนเกิดการทำงานที่ดี

คุณลุงท่านนี้เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว ตอนนี้เสียชีวิตไปแล้ว ก่อนหน้าราว 2 ปี เคยมารับวินิจฉัย ซึ่งแพทย์ระบุว่า ต้องเจาะไขกระดูก แต่คนไข้ปฏิเสธ แล้วก็หายไป ทราบว่ากลับไปอยู่กับลูกๆที่ จ.เพชรบูรณ์

ลูกทั้งหมดเป็นครู จากที่เคยแยกย้ายกันไปทำงานต่างถิ่น ก็กลับมาอยู่ กันพร้อมหน้า ผลัดเปลี่ยนกันมาดูแลพ่อ

ไม่นานนัก...คนไข้ก็กลับมาพบแพทย์อีกครั้ง มีอาการอ่อนเพลีย และซีด นอนรักษาตัวในห้องพิเศษเป็นเวลา 6 เดือน

ปัญหามีว่า คุณหมอจะพบหรือให้คำปรึกษาคนไข้ไม่สะดวกนัก เพราะญาติจะถามมาก สงสัยไปทุกเรื่อง แพทย์ก็เครียด พยาบาลก็เครียด ที่สำคัญลุงยังไม่รู้ว่าเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว ญาติรู้ก็ไม่ยอมบอก

นพ.โรจนศักดิ์ในหน้าที่ทีมอาสาฯก็อาสาเข้ามาช่วย

เริ่มแรกก็เข้าไปแนะนำตัว ไปเยี่ยมพูดคุยกับผู้ป่วยบ่อยๆ จนเกิดความสัมพันธ์ที่ดี ทำให้รู้ว่า บ้านคุณลุงขายน้ำมันเบนซินมานานแล้ว ต่อมา...ภรรยาลุงก็เป็นมะเร็ง เสียชีวิตจากการรักษาที่มีการเจาะไขกระดูก...ลุงจึงกลัว

ญาติเล่าทั้งน้ำตาว่า...ถ้าให้พ่อเจาะไขกระดูกตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว พ่อคงไม่เป็นอย่างนี้ หน้าที่สำคัญคือต้องรับฟังให้มาก...ก็ต้องปล่อยเขาร้องไห้ให้เต็มที่ แล้วบอกในมุมกลับว่า...หากทำไปในวันนั้นแล้ว เป็นอะไรไปเหมือนแม่จะรู้สึกอย่างไร

ยิ่งนานวัน นพ.โรจนศักดิ์กับญาติผู้ป่วยก็มีความสัมพันธ์แนบแน่นขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดเมื่อเห็นว่าคนไข้ควรทราบถึงอาการเจ็บป่วย คุณหมอก็บอกข้อมูลทุกอย่างกับคนไข้

ลุงถามว่า...จะหายมั้ยหมอ?

หมอตอบกลับไปว่า...“บอกยากนะ เพราะต้องผ่านขั้นตอนที่อันตรายหลายขั้นตอน จนกว่าจะถึงวันที่เรียกว่าหาย”

อายุลุง การเจาะไขกระดูก และให้เคมีบำบัด โดยส่วนใหญ่เคมีบำบัดในผู้สูงอายุเป็นอันตรายพอสมควร ถ้าลุงผ่านจุดนั้นไปได้อาจจะใช้คำว่าหายได้ แต่ส่วนใหญ่พบว่าถ้าใช้เคมีบำบัดอาการจะแย่ลง

คุณหมอบอกข้อมูลครบถ้วนเพียงพอ ที่คนไข้จะตัดสินใจด้วยตัวเองทันที แล้วคุณลุงก็บอกว่า...“หมอ...ผมพอแล้วละ”

คุณลุงพูดต่อไปว่า ที่ผ่านมาจากลูกๆ ที่เคยอยู่กระจัดกระจายคนละทิศละทาง ตอนนี้ผลัดกันมาดูแล รู้สึกดีใจมากแล้ว สุดท้ายคุณลุงท่านนี้ก็จากไปอย่างสงบ

นพ.โรจนศักดิ์ บอกอีกว่า ตอนแรกพยาบาลที่ดูแลคนไข้รายนี้ รู้สึกเป็น ทุกข์มาก เข้ามาถามหมอว่า ทำอย่างไรคนไข้สบายขึ้น ญาติก็ถามน้อยลง

“ผมไม่ได้พูดอะไรมาก แต่ผมฟังมากกว่า” นพ.โรจนศักดิ์ ว่า “เคสนี้เป็นจุดเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับการทำงาน ของคนในระบบโรงพยาบาล หลายคนเริ่มคิดว่าถ้าเปลี่ยนวิธีทำงาน โดยเฉพาะเปลี่ยนที่ใจ”

อาจารย์ทัศนีย์ ทองประทีป วิทยาลัยพยาบาลเกื้อการุณย์ บอกว่า เรานำหลักพุทธธรรมบรรจุไว้ในหลักสูตรพยาบาล มีการเรียนรู้เรื่องความตาย...การดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย ช่วยเหลือผู้อื่นที่ไม่ได้มีความหมายเพียงวิชาชีพ ในมิติของชีวิต

“เกื้อการุณย์ผลิตพยาบาลเพื่อไปทำงานกับ 9 โรงพยาบาล และศูนย์บริการสาธารณสุขของ กทม. หมายความว่า ผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่ต้องรับผิดชอบเป็นคนใน กทม.”

อาจารย์ทัศนีย์ บอกว่า บ้านของคนยุคนี้ ไม่ได้เตรียมสำหรับที่จะดูแลกันเมื่อใกล้จะเสียชีวิต หรือประกอบพิธีกรรม คำว่า...ฝากผีฝากไข้ ในยุคนี้จึงต้องฝากไว้ที่โรงพยาบาล

การตายอย่างธรรมชาติเกิดขึ้นในโรงพยาบาลได้หรือไม่?

“คนที่ดูแลก็คือพยาบาล วันนี้เราเตรียมคนรุ่นใหม่... ทำอย่างไรจึงจะสานต่อวัฒนธรรมการตายของ คนไทยที่อบอุ่นด้วยญาติมิตร อนาคตจะจัดสิ่งแวดล้อมคล้ายบ้านขึ้นในโรงพยาบาลรัฐ ให้เป็นที่ฝากผีฝากไข้”

การดูแลคนไข้ระยะสุดท้าย คือความโดดเดี่ยวของคนไข้

“คนใน กทม.อยู่แบบสังคมเดี่ยว ผู้ป่วยบางคน...ช่วงแรกอาจมีเพื่อน แวะเวียนมาเยี่ยม แต่ถ้าเป็นโรคที่ไม่จำเป็นต้องอยู่โรงพยาบาล แต่จะกลับบ้านก็ไม่ได้ อยู่โรงพยาบาลนานๆ เพื่อนฝูงก็เริ่มห่างหาย”

การมาเยี่ยมเชิงสังคมหายไป คนที่ดูแลก็คือพยาบาล

การทำงานในโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ก็ยุ่งเดินไปเดินมา คนไข้ก็โดดเดี่ยว... ทรมาน บางทีก็อยากจบชีวิตไป เพราะไม่รู้จะอยู่ไปทำไม อยู่ไปก็ไม่มีความหมาย เหมือนอะไรสักอย่างที่คนเขาเดินผ่านไปผ่านมา

“การแยกจากครอบครัว การไม่สามารถแบ่งปันประสบการณ์ชีวิตกับใคร เป็นเรื่องที่ทำให้มนุษย์ทุกข์มาก”

ทุกคนไม่อาจห้ามความตายได้ แต่เราสามารถเลือกตายดีได้.
http://thairath.com/news.php?section=hotnews02&content=56105
บันทึกการเข้า
อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,406



« ตอบ #3 เมื่อ: 08-01-2008, 14:53 »

ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะครับ

แล้วมีวิธีการที่จะได้ลูกแฝดไหมครับ ขอข้อมูลเพิ่มเติมด้วย

แฝดไม่เหมือนคงไม่ยากหรอก ก็หาสองแม่พร้อมๆ กันนะสิ ว่าแต่มีปัญญาหรือเปล่า
บันทึกการเข้า
ริวเซย์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,637


Worrior in The Blue Armor


เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: 08-01-2008, 15:02 »

คงไม่ล่ะครับคุณแถ ผมนิยมชมชอบการมีเมียเดียวน่ะครับ เรื่องนี้ผมขอยอมแพ้คุณแถก็แล้วกันนะ

ส่วนเรื่องเด็กแฝดผมถามความรู้เพิ่มเติมในส่วนของวิชาการน่ะครับ ไม่ทราบก็ไม่เป็นไร ขอบคุณครับ
บันทึกการเข้า

ถ้ามีแฟนแบบนี้เอาไหมครับ^^


sanskritshower
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 245



« ตอบ #5 เมื่อ: 08-01-2008, 15:28 »

ต้องขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ   
บันทึกการเข้า
watson
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 393


« ตอบ #6 เมื่อ: 08-01-2008, 15:42 »

กระทู้นี่ แถ ไม่ได้ตั้งใจจะมาให้ข้อมูลอะไรหรอก แต่จะมาล่อเป้า เดี๋ยวซักพักก็จะโยงเข้าไปเรื่องถนัดอีกนะแหละ
บันทึกการเข้า
สมปอง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,128



« ตอบ #7 เมื่อ: 08-01-2008, 16:14 »

กระทู้นี่ แถ ไม่ได้ตั้งใจจะมาให้ข้อมูลอะไรหรอก แต่จะมาล่อเป้า เดี๋ยวซักพักก็จะโยงเข้าไปเรื่องถนัดอีกนะแหละ
บันทึกการเข้า



ไม่มีดินผืนใดให้ไออุ่น เท่ากับดินที่คุณถือกำเนิด
ไม่มีดินผืนใดดูมั่นคง เท่ากับดินที่ลงสำมะโนครัว
ไม่มีดินผืนใดให้คุณเดิน เท่ากับดินที่คุณเดินตอนตั้งไข่
ไม่มีดินผืนใดมีความหมาย เท่าแผ่นดินสุดท้ายของเผ่าพันธุ์

ไม่มีเงินไม่มีทองยังไม่หมองเศร้า
มีแผ่นดินปลูกข้าวเราอยู่ได้
ไม่มีเงินไม่มีทองค่อยหาใหม่ บนแผ่นดินสุดท้ายของไทยทุกคน
Gemini
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 193



« ตอบ #8 เมื่อ: 08-01-2008, 16:18 »

ลงทุน ลงแรงสูงมาก

เพื่อ สิ่งนั้น

 
บันทึกการเข้า
Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #9 เมื่อ: 08-01-2008, 16:31 »

ลงทุน ลงแรงสูงมาก

เพื่อ สิ่งนั้น

 

ไม่ได้หรอก ถ้าขีนทำตรงๆ เดี๋ยวไม่มีใครเล่นด้วย 
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #10 เมื่อ: 08-01-2008, 17:08 »

ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะครับ

แล้วมีวิธีการที่จะได้ลูกแฝดไหมครับ ขอข้อมูลเพิ่มเติมด้วย

ปกติเดี๋ยวนี้ที่เขาไปปรึกษาเรื่องมีบุตรยากกัน

ถ้าทำเป็นเด็กหลอดแก้ว ก็ขอให้หมอทำได้
อยู่แล้วนี่ครับ โดยใช้ไข่ผสมมากกว่า 1 ใบ
แล้วก็ใส่เข้าไปในโตในตัวแม่เด็ก

แต่ถ้าต้องการแฝดจากไข่ใบเดียวกันด้วย
ก็ต้องไปใช้วิธีคล้ายๆ กับในเนื้อหากระทู้นี้
คือไปแยกเซลล์ที่แบ่งตัวแล้วออกมาเลี้ยง
แล้วใส่กลับเข้าไปแยกกันโต

ในทางเทคนิกทำได้และคิดว่ามีคนทำแล้ว
และเคยได้ยินว่าในทางเทคนิกจะทำออกมา
เป็นกี่คนก็ได้นะครับ จะทำเป็นโหลเลยก็ได้

แต่ในทางปฏิบัติแล้วคงไม่มีใครเขาทำกัน
เพราะต้องหาที่ฝากท้องเพิ่มเติมน่ะครับ 
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
ริวเซย์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,637


Worrior in The Blue Armor


เว็บไซต์
« ตอบ #11 เมื่อ: 08-01-2008, 22:20 »

ขอบคุณคุณจีมากครับสำหรับข้อมูล 

ส่วนคุณแถผมก็นึกว่าเขามีเจตนาดีเอาความรู้ทางวิชาการด้านนี้มาเผยแพร่ก็เลยลองถามความรู้ดู

แต่มารู้ว่ามีจุดประสงค์ชั่วร้าย ผมนี่หมดศรัทธาคุณแถจริงๆ วันๆคิดอยู่ได้แค่นี้เอง:slime_mad:

บันทึกการเข้า

ถ้ามีแฟนแบบนี้เอาไหมครับ^^


meriwa
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,100



เว็บไซต์
« ตอบ #12 เมื่อ: 08-01-2008, 23:00 »

จะเอาอะไรกะมันละคุณๆ

ขนาดเป็นเฮี้ยยังชิงหมามาเกิดได้ แล้วทำไมจะกำหนดวันเกิดวันตายไม่ได้
บันทึกการเข้า

ผู้ปกครองระดับธรรมดา   ใช้ความสามารถของตน    อย่างเต็มที่
ผู้ปกครองระดับกลาง       ใช้กำลังของคนอื่น             อย่างเต็มที่
ผู้ปกครองระดับสูง           ใช้ปัญญาของคนอื่น           อย่างเต็มที่

                                                                  ...คำคมขงเบ้ง
sanskritshower
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 245



« ตอบ #13 เมื่อ: 09-01-2008, 09:36 »

ขอโทษนะครับ  ผมไม่ทราบจริงๆว่ากระทู้นี้มีอะไรซ่อนเร้นหรือครับ   ว่าแต่เรื่องถนัดของแถคืออะไรหรือ
บันทึกการเข้า
สมชายสายชม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,048


« ตอบ #14 เมื่อ: 09-01-2008, 11:06 »

ถ้าใช้วิธีทางวิทยาศาสตร์ขยายพันธุ์ "ไอ้หน้าเหลี่ยม"
อีกหน่อย เมืองไทยอาจจะเป็นประเทศมหาอำนาจ   


...
บันทึกการเข้า
Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #15 เมื่อ: 09-01-2008, 11:34 »

ขอโทษนะครับ  ผมไม่ทราบจริงๆว่ากระทู้นี้มีอะไรซ่อนเร้นหรือครับ   ว่าแต่เรื่องถนัดของแถคืออะไรหรือ

ลองไปหากระทู้เก่าๆของเค้าดูซิครับ 
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
samepong(ยุ่งแฮะ)
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,402



« ตอบ #16 เมื่อ: 09-01-2008, 12:11 »

กระทู้นี่ แถ ไม่ได้ตั้งใจจะมาให้ข้อมูลอะไรหรอก แต่จะมาล่อเป้า เดี๋ยวซักพักก็จะโยงเข้าไปเรื่องถนัดอีกนะแหละ

ไปขัดทามไม ขัดแบบนี้ ก็ไม่มีงานให้เค้าทำต่อแล้วซิ คุณ แม้นทำเป้นรู้ใจไปได้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
บันทึกการเข้า

เวลาจะพิสูจน์ความเชื่อ สักวัน ไม่ว่าความเชื่อนั้นจะถูกหรือผิด ผมขอรับไว้ด้วยตัวเอง คิเสียว่าทำแล้วเสียใจดีกว่าเสียใจที่ไม่ได้ทำ
นทร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,441



เว็บไซต์
« ตอบ #17 เมื่อ: 09-01-2008, 13:49 »

ถ้าใช้วิธีทางวิทยาศาสตร์ขยายพันธุ์ "ไอ้หน้าเหลี่ยม"
อีกหน่อย เมืองไทยอาจจะเป็นประเทศมหาอำนาจ   


...

 
บันทึกการเข้า

"ประชาชน อย่าทิ้งประเทศชาติ"
Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #18 เมื่อ: 09-01-2008, 13:55 »

ขอโทษนะครับ  ผมไม่ทราบจริงๆว่ากระทู้นี้มีอะไรซ่อนเร้นหรือครับ   ว่าแต่เรื่องถนัดของแถคืออะไรหรือ

ล่าสุด สุดๆร้อนๆครับ ไปดูได้ที่ http://forum.serithai.net/index.php?topic=20788.msg253931#msg253931 
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
หาเพื่อนหยิงคุยแก้เหงาครับ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,131


กูรู้มึงต้องอ่าน ฮ่าๆ ขำขำนะจ๊ะ


เว็บไซต์
« ตอบ #19 เมื่อ: 09-01-2008, 15:38 »

กูรู้นะไอแถมึงคิดไรอยู่

สมองยำยำ บองมรึง กูมองแค่นี้ก็รู้แล้ว 
บันทึกการเข้า

ขอมอบ เพลงนี้ให้กับพี่น้อง พันธมิตรทุกคนฮะ


http://www.imeem.com/sakujo/music/04_GaHIQ/09_avenged_sevenfold_strength_of_the_worldmp3/

strength of the world
skl98
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 227


เป็นเสือในป่า ดีกว่าเป็นหมาในกรุง


« ตอบ #20 เมื่อ: 09-01-2008, 15:46 »

เพื่อน ๆ ครับ ก็รู้ว่าขี้ ก็อย่าไปเขี่ยเล่นเลยน่ะครับ

ปล่อยให้มันค่อย ๆ แห้งเด๋วก็หายเหม็น ขืนไปเขี่ยเล่นกันอยู่

ก็เหม็นไม่จบไม่สิ้น เลอะเทอะอีกต่างหาก 
บันทึกการเข้า

บรรพบุรุษ ของไทย แต่โบราณ          ปกบ้าน ป้องเมือง คุ้มเหย้า          เสียเลือด เสียเนื้อ มิใช่เบา             หน้าที่เรา รักษา สืบไป         
ลูกหลาน เหลนโหลน ภายหน้า          จะได้มี พสุธา อาศัย                   อนาคต จะต้องมี ประเทศไทย         มิยอมให้ ผู้ใด มาทำลาย         
ถึงขู่ฆ่า ล้างโคตร ก็ไม่หวั่น                จะสู้กัน ไม่หลบ หนีหาย             สู้ตรงนี้ สู้ที่นี่ สู้จนตาย                     ถึงเป็นคน สุดท้าย ก็ลองดู         
บ้านเมืองเรา เราต้อง รักษา               อยากทำลาย เชิญมา เราสู้         เกียรติศักดิ์ ของเรา เราเชิดชู           เราสู้ ไม่ถอย จนก้าวเดียว.....
                                                                     
หน้า: [1]
    กระโดดไป: