ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
16-04-2024, 17:38
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  ==โปรดจำว่า: อีโคคาร์ ฮอนด้า ซูซูกิ นิสสัน โฟล์ก โตโยต้า เป็นผลงานสมัยสุรยุทธ์== 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1] 2
==โปรดจำว่า: อีโคคาร์ ฮอนด้า ซูซูกิ นิสสัน โฟล์ก โตโยต้า เป็นผลงานสมัยสุรยุทธ์==  (อ่าน 19324 ครั้ง)
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« เมื่อ: 06-01-2008, 10:06 »

ไปเจอข่าวนี้เข้าครับ ว่ามีการตัดสินใจลงทุนผลิตอีโคคาร์โดยใช้ฐานผลิตในประเทศไทย
และทั้งหมดตัดสินใจลงทุนในสมัยรัฐบาลสุรยุทธ์นี้เอง แต่ผมเดาว่ารัฐบาลสมัยที่จะถึงนี้
โดยเฉพาะถ้าเป็นพรรคพลังประชาชน คงแอบอ้างเอาไปเป็นผลงานตัวเองตามเคย..

*ทั้งที่เรื่องนี้ต้องให้เครดิตรัฐบาลสุรยุทธ์ว่าเป็นคนทำนโยบายจนสำเร็จ*

ดังนั้นเรื่องนี้อย่าให้พรรคไหนมาฉวยโอกาสแอบอ้างเป็นผลงานตัวเองแบบเดิมๆ นะครับ 
------------------------------------------------------------------------------------------   
โฟล์กทุ่ม2.7หมื่นล้าน"อีโคคาร์" ย้ายฐานผลิตเยอรมนีมาไทย
ประชาชาติธุรกิจ วันที่ 03 มกราคม พ.ศ. 2551 ปีที่ 31 ฉบับที่ 3963 (3163)

รถประหยัดพลังงาน อีโคคาร์ มาแรงไม่หยุด "โฟล์กสวาเกน" เมืองเบียร์หอบเงินลงทุน 27,000 ล้านบาท พร้อมตั้งโรงงาน
ในประเทศไทย รอบอร์ดใหญ่ BOI ให้การส่งเสริม พร้อม 3 ค่าย รถใหญ่ "โตโยต้า-มิตซู-ทาทา" ไม่ยอมตกขบวน วิ่งล็อบบี้
เข้าที่ประชุม คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ก่อนตั้งรัฐบาลชุดใหม่ในเดือนมกราคม



ย้ายฐาน - โฟล์กสวาเกน เตรียมที่จะย้ายฐานการผลิตรถยนต์ขนาดเล็กมายังประเทศไทย ด้วยวงเงินลงทุน 27,000 ล้านบาท
ที่จะผลิตรถยนต์ Eco-Car สอดคล้องกับแผนการลงทุนของบริษัทแม่อีก 9.5 พันล้านยูโร ระยะเวลา 3 ปีที่จะใช้ในการพัฒนา
รถโฟล์กรุ่นใหม่ 20 โมเดล 4 แพลตฟอร์ม

นโยบายส่งเสริมการผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล หรือ Eco-Car ที่เกิดขึ้นในระยะเวลา 13 เดือนของรัฐบาล
พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ถือเป็นความสำเร็จของคณะกรรมการ ส่งเสริมการลงทุน (BOI) ที่พยายามจะให้ประเทศไทย เกิดการ
สร้างฐานการผลิตรถยนต์ประเภทใหม่เหมือนกับที่เคยประสบความสำเร็จในการเป็นฐานการผลิต รถปิกอัพมาแล้ว

ความสำเร็จดังกล่าว จะเห็นได้จากเมื่อ BOI เปิดให้มีการส่งเสริมการลงทุนปรากฏว่า ได้รับการตอบรับอย่างดีจากค่ายรถยนต์
ทั้งที่เปิดสายการผลิตภายในประเทศอยู่แล้วกับค่ายรถยนต์ใหม่ที่พร้อมจะตั้งโรงงานผลิตรถในไทย โดยภายในปี 2550 BOI
ได้ "อนุมัติ" คำขอรับการส่งเสริมการลงทุนในการผลิตรถยนต์ Eco-Car ถึง 3 คำขอได้แก่

1)บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จัดเป็นค่ายรถยนต์แรกที่ตัดสินใจผลิตรถยนต์ Eco-Car ด้วยเงินลงทุน 7,588
ล้านบาท กำลังการผลิตปีละ 210,000 คัน ใช้ชิ้นส่วน 2,160,000 ชิ้น ตั้งโรงงานอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดพระนคร
ศรีอยุธยา ส่งออก 50% ขายในประเทศ 50 %

2)บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น เงินลงทุน 9,500 ล้านบาท กำลังผลิตปีละ 138,000 คัน ตั้งโรงงานอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรม
เหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด จังหวัดระยอง เขต 3 จะผลิตรถยนต์ Eco-Car จำนวน 2 รุ่น เครื่องยนต์เบนซินขนาด 996 ซีซี กับ
1242 ซีซี จำหน่ายในประเทศร้อยละ 19 และส่งออกร้อยละ 81 ตลาดส่งออกหลักอยู่ที่ แอฟริกา, ออสเตรเลีย, เอเชีย

และ 3)บริษัทสยามนิสสัน ออโตโมบิล เงินลงทุน 5,550 ล้านบาท กำลังผลิตปีละ 120,000 คัน ตั้งโรงงานอยู่ที่ จังหวัด
สมุทรปราการ เขต 1 จะผลิตรถยนต์ Eco-Car จำนวน 2 รุ่น เครื่องยนต์เบนซินขนาดต่ำ 1300 ซีซี จำหน่ายในประเทศ
ร้อยละ 25 และส่งออกร้อยละ 75 ตลาดส่งออกหลักจะอยู่ที่ ออสเตรเลีย, เอเชีย/โอเชียเนีย

แหล่งข่าวในกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า กระทรวงกำลังดำเนินความพยายามที่จะเรียกประชุม
คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่รัฐบาลชุดใหม่จะเข้ามาบริหารประเทศ เนื่องจากมีคำขอรับ
การส่งเสริมการลงทุนผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงาน (Eco-Car) รอการพิจารณาอยู่ถึง 4 โครงการ โดย 1 ใน 4 โครงการนี้
จะมีการลงทุนในวงเงินสูงที่สุดเท่าที่มีการขอรับการส่งเสริมผลิตรถยนต์ประเภทนี้ถึง 27,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ โครงการผลิตรถยนต์ Eco-Car ที่พร้อมจะเข้ารับการพิจารณาในการประชุม คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI)
ครั้งต่อไป ได้แก่

1)บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย เงินลงทุน 4,640 ล้านบาท กำลังผลิต 100,000 คันในปีที่ 5 ตั้งโรงงานอยู่ที่
นิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ซิตี้ จำหน่ายในประเทศร้อยละ 50 ส่งออกร้อยละ 50

2)บริษัทมิตซูบิชิ มอเตอร์ ประเทศไทย เงินลงทุน 4,700 ล้านบาท กำลังผลิต 100,000 คันในปีที่ 5 ตั้งโรงงานอยู่ที่
นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง จำหน่ายภายในประเทศร้อยละ 10 ส่งออกร้อยละ 90

3)บริษัททาทา มอเตอร์ เงินลงทุน 7,300 ล้านบาท กำลังผลิต 100,000 คันในปีที่ 5 ที่ตั้งโรงงานและแผนการตลาด
ยังไม่เป็นที่เปิดเผย

และ4)บริษัท โฟล์กสวาเกน เงินลงทุน 27,000 ล้านบาท จำหน่ายภายในประเทศร้อยละ 35 ส่งออกร้อยละ 65 กำลังผลิต
และสถานที่ตั้งโรงงานยังไม่เป็นที่เปิดเผย

"เราค่อนข้างตั้งความหวังไว้กับโครงการรถยนต์ Eco-Car ของทางโฟล์กสวาเกนมาก เพราะหากเขาเข้ามาลงทุน
ในประเทศไทยจริง ด้วยวงเงินลงทุนที่สูงขนาดนี้เท่ากับเป็นการย้ายฐานการผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงานขนาดเล็ก
เข้ามาไว้ยังประเทศไทยทีเดียว ทั้งหมดนี้จะช่วยให้ภาพรวมของโครงการรถประหยัดพลังงาน ของประเทศไทย
ก้าวเข้ามาอยู่ในระดับแนวหน้าของโลก และเชื่อว่าเราจะประสบความสำเร็จเหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นกับรถปิกอัพ
ในปัจจุบัน" แหล่งข่าวกล่าว

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมูลค่าในการลงทุนโครงการผลิตรถยนต์ Eco-Car ทั้ง 4 โครงการสูงถึง 43,640 ล้านบาท
ทางกระทรวงอุตสาหกรรม ต้องการให้คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) พิจารณา "อนุมัติ" โครงการให้เสร็จสิ้น
ภายในรัฐบาลชุดนี้ที่ยังพอมีเวลาเหลืออยู่ประมาณ 1 เดือนก่อนที่รัฐบาลชุดใหม่จะเข้ามา

บริหารประเทศ เพื่อป้องกันการผิดพลาดโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัญหาการเมืองเข้าแทรก เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นกับ
หลายโครงการในอดีต แต่จะสำเร็จหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับความพร้อมในเรื่องของแผนงานรวม (package) ของ
แต่ละบริษัทด้วย


---

อ่านต่อฉบับเต็มได้ที่ลิงค์นี้นะครับ.. มีบทให้สัมภาษณ์ต่อไปอีกพอสมควรครับ

http://www.matichon.co.th/prachachat/prachachat_detail.php?s_tag=02p0101030151&day=2008-01-03&sectionid=0201

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-01-2008, 12:13 โดย jerasak » บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
พรรณชมพู
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,073


« ตอบ #1 เมื่อ: 06-01-2008, 10:33 »

ไม่อยากจะคิดเลยว่า เมื่อพวกปล้นชาติเข้ามาบริหารประเทศ มันจะเตะตัดขาโครงการนี้อย่างไร เพื่อขอเข้ามีส่วนร่วมสวาปามด้วย

อย่างเช่นหลายโครงการของสายการผลิตรถยนต์ ที่ต้องซื้อชิ้นส่วนจากบริษัทไอ้ตี๋ซี้ชอบเอ็กซ์ เพื่อแลกกับความสะดวกเมื่อครั้งมันเรืองอำนาจ คราวนี้หากเงื่อนไขการลงทุนไม่รัดกุม อาจจะได้ยินการย้านฐานการผลิตไปเสียเฉยๆ

แต่อย่างไรก็ตาม การเสนอเงื่อนไขเพื่อแลกกับการเข้ามาลงทุนในประเทศนั้น เพื่อคนส่วนน้อยเท่านั้น ไม่มาก็ดีเหมือนกันค่ะ

ตัวเลขการลงทุนรวมฟังแล้วน่าคิดนะคะ 4 โครงการลงทุน 43,640 ล้านบาท ฮือฮากันว่ามาก

ไอ้หัวหน้าพวกปลันชาติ มันปล้นชาติไปผมากกว่านี้หลายเท่า นี่ไม่ได้ถึงหนึ่งในสิบที่มันปล้นไปเลยมั้งตะเนี่ย   
บันทึกการเข้า
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #2 เมื่อ: 06-01-2008, 11:02 »

ไม่อยากจะคิดเลยว่า เมื่อพวกปล้นชาติเข้ามาบริหารประเทศ มันจะเตะตัดขาโครงการนี้อย่างไร เพื่อขอเข้ามีส่วนร่วมสวาปามด้วย

อย่างเช่นหลายโครงการของสายการผลิตรถยนต์ ที่ต้องซื้อชิ้นส่วนจากบริษัทไอ้ตี๋ซี้ชอบเอ็กซ์ เพื่อแลกกับความสะดวกเมื่อครั้งมันเรืองอำนาจ คราวนี้หากเงื่อนไขการลงทุนไม่รัดกุม อาจจะได้ยินการย้านฐานการผลิตไปเสียเฉยๆ

แต่อย่างไรก็ตาม การเสนอเงื่อนไขเพื่อแลกกับการเข้ามาลงทุนในประเทศนั้น เพื่อคนส่วนน้อยเท่านั้น ไม่มาก็ดีเหมือนกันค่ะ

ตัวเลขการลงทุนรวมฟังแล้วน่าคิดนะคะ 4 โครงการลงทุน 43,640 ล้านบาท ฮือฮากันว่ามาก

ไอ้หัวหน้าพวกปลันชาติ มันปล้นชาติไปผมากกว่านี้หลายเท่า นี่ไม่ได้ถึงหนึ่งในสิบที่มันปล้นไปเลยมั้งตะเนี่ย   

ชั่วโมงนี้.. ขนาดการลงทุนในไทยแค่นี้ก็เยอะแล้วล่ะครับ

ตอนนี้ตัวเลขการลงทุนขนาดที่น่าสนใจจริงๆ อยู่ที่ประเทศลาวติดชายแดนไทยครับ
เช่นที่เชียงรายฝั่งลาว ขนาดการลงทุนรับเส้นทาง R3A ที่เปิดใหม่เป็นแสนล้าน

ตอนนี้อยู่ที่ประเทศไทยจะฉวยโอกาสจากตำแหน่งที่ตั้งของประเทศเราได้แค่ไหน
อย่างที่เชียงรายผมเห็นมีแต่นอมินีจีนเข้าไปรุมกันใหญ่แล้ว 

---

อีกโครงการคือตอนใต้ของลาวติดกับไทย ที่มีการลงทุนผลิตอลูมิเนียมจากแร่บ็อกไซต์
ก็ใหญ่มหึมาเหมือนกัน เพราะเป็นแหล่งใหญ่ติดอันดับโลก จุดนี้ดีที่ไทยเป็นผู้ร่วมลงทุน
แต่ผมยังไม่เห็นแผนต่อยอดอลูมิเนียมลาวที่ผลิตได้ปีละเป็นแสนตัน ถ้าไม่มีแผนรองรับ
อาจไหลไปลงเวียดนามหมด
ผู้ลงทุนชาวไทยขายอลูมิเนียมได้กำไรอยู่แล้ว แต่ไทยเราน่าจะได้อะไรมากกว่านั้นครับ 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-01-2008, 11:05 โดย jerasak » บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
ท้าวอภิมหาอัครเทพอลังการ
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 258



« ตอบ #3 เมื่อ: 06-01-2008, 11:07 »

ถ้าโฟล์คสวาเกนมาลงทุนจริงๆท่านท้าวก็ยินดีมาก

แต่ก่อนท่านท้าวมีโฟล์ค เวนโต้อยู่คันนึง ขับดีมากๆเลย

แต่ซดน้ำมันชิหาย เลยเอาไปติดแกส ก็ไม่รู้ว่าช่างมันไม่เก่งหรือไง

เครื่องพังไปซะงั้น เสียค่าซ่อมไปหลายตัง สุดท้ายเลยเอาระบบแกสออก

มันก็กลับมาดีเหมือนเดิม แต่ก็ต้องขายไป เพราะมันซดน้ำมันจริงๆนะ

แต่ก็ยังชอบมันอยู่ดี.....ทุกวันนี้ก็ยังอยากขับรถโฟล์คอีกสักครั้ง

พูดถึงอีโค คาร์ ท่านท้าวนึกถึงรถยนต์ยี่ห้อหนึ่งที่หายหน้าหายตาไป

อย่าง ไดฮัทสุ ที่เคยขายเจ้าตัวเล็กอย่าง ไดฮัทสุ มิร่า

น่าเสียดายที่เจ้าของคอนเซปรถอีโคคา์ร์ืตัวจริงอย่างไดฮัทสุจะไม่กลับมาเมืองไทยอีก


บันทึกการเข้า
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #4 เมื่อ: 06-01-2008, 11:46 »

อีกกลุ่มที่น่าสนใจคือบริษัท ทาทา ครับ

ผมไม่เคยรู้จักรถยนต์ยี่ห้อนี้มาก่อน
พอตรวจสอบดูปรากฏว่าเป็นบริษัท
ผลิตรถรายใหญ่ของประเทศอินเดีย
มีแผนเข้ามาผลิตรถปิคอัพในไทย
และมีบริษัทแม่ทำอุตสาหกรรมเหล็ก 

----------------------------------------------------------

ทาทา มอเตอร์ส บริษัทลูกกลุ่มทาทา สตีล เตรียมรุกตลาดรถปิกอัพไทย มีนาคมปีหน้า
Posted on Thursday, December 06, 2007
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/BreakingNews/tabid/98/newsid533/41152/Default.aspx

นายอาจิต เวนคาทารามัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทาทา มอเตอร์ส ประเทศไทย ซึ่งเป็นบริษัท
ในกลุ่มผู้ผลิตเหล็กยักษ์ใหญ่ของโลก และเพิ่งเข้ามาซื้อกิจการเหล็กในไทยจาก บมจ.มิลเลนเนียม สตีล (MS)
ก่อนเปลี่ยนชื่อเป็น บมจ.ทาทา สตีล (TSTH) เปิดเผยว่า บริษัทจะลงทุน 1.3 พันล้านบาท ผลิตรถปิกอัพ
ในไทย ด้วยกำลังการผลิตปีละ 3.5 หมื่นคัน โดยตั้งเป้ายอดขายในปีแรกราว 5 พันคัน

สำหรับ ทาทา มอเตอร์ส ประเทศไทย เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง ทาทา มอเตอร์ส ของอินเดีย 70%
และบริษัท ธนบุรี ประกอบรถยนต์ จำกัด 30% ซึ่งได้ประกาศแผนผลิตปิกอัพขนาด 1 ตันในไทย
โดยกำหนดวางตลาดรถรุ่นแรกในเดือนมีนาคม 2551 นี้

นายอาจิต คาดว่า ในช่วงต้น บริษัทจะไม่มีการส่งออกรถปิกอัพไปยังต่างประเทศ โดยจะเน้นการขาย
ในประเทศไทยก่อน ส่วนจะขยายการลงทุนเพิ่มเติมหรือไม่นั้น ยังต้องรอดูการตอบรับจากตลาดก่อนด้วย

ปัจจุบันไทยถือเป็นฐานการผลิตรถกระบะขนาด 1 ตันรายใหญ่สุดของโลก โดยมีผู้นำตลาดที่สำคัญในประเทศ
ได้แก่ อีซูซุ และโตโยต้า ขณะที่ปีที่แล้วตลาดรถกระบะขนาด 1 ตันในไทย อยู่ที่ 4.5 แสนคัน

มันนี่ ชาเนล - วรนนท์ อัศวพิริยานนท์
โทรศัพท์ - 02- 229 - 2000 ต่อ 2616
อีเมล - voranondha@set.or.th

---



ไปเจอรูปรถปิคอัพยี่้ห้อนี้เลยเอามาให้ดูกันครับ
อีกไม่กี่เดือนคงมีมาวิ่งในถนนเมืองไทย
ส่วนอีโคคาร์ตามหัวกระทู้ยังไม่เจอรูปครับ 
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #5 เมื่อ: 06-01-2008, 12:09 »

ไปเจอบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับอีโคคาร์มีเนื้อหามากพอสมควร
ท่านใดไม่กลัวเมื่อยสายตาก็ติดตามอ่านได้นะครับ

มีกล่าวถึงด้วยว่าค่ายทาทา เป็นผู้เริ่มต้นแนวคิดอีโคคาร์แบบนี้
และบอกด้วยว่าบริษัทรถยนต์ต่างๆ สนใจผลิตอีโคคาร์โดยมองว่า
ตั้งฐานผลิตที่อินเดียประหยัดกว่า เช่นจ้างวิศวกรเพียงแค่เดือนละ
700 USD (เทียบแล้วไม่ต่างจาก rate ประเทศไทยนะครับ)
ตอนนี้ค่ายทาทาของอินเดียมีแผนตั้งฐานการผลิตในไทยแล้ว 

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
โลกวันนี้...ธุรกิจวันนี้ ::

ตลาดรถราคาถูก
http://watta.co.th/lastnews/april50/300450/bussiness.html
 
เมื่อต้นเดือนเมษายน นายคาร์ลอส โกสท์ ซีอีโอของเรโนลต์-นิสสัน ผู้ผลิตรถยนต์ของฝรั่งเศสและญี่ปุ่น
กล่าวในพิธีเปิดโรงงานผลิตรถของบริษัทในอินเดีย โดยเปิดเผยถึงเป้าหมายการผลิตรถของเรโนลต์-นิสสันว่า
จะเน้นผลิตรถราคาถูกหรือ cheap car ขายในอินเดียและจีน โดยตั้งเป้าหมายราคาไว้ที่ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ
และหากประสบความสำเร็จ ในสองประเทศคาดว่าจะผลิตรถสปอร์ตคาร์ขนาดเล็ก ที่มีราคาต่ำระดับ 2,500
ดอลลาร์สหรัฐ หรือลดลงกว่า 40% เมื่อเทียบกับราคารถขนาดเล็กหรือ subcompact โดยทั่วไป

การเปิดโรงงานผลิตรถเล็กราคาถูกในอินเดียของเรโนลต์-นิสสันเท่ากับเป็นการเปิดศึกระหว่างบริษัท รถต่างชาติ
กับบริษัทผลิตรถที่มีอิทธิพลในธุรกิจอินเดีย คือทาทา มอเตอร์ ที่เคยตั้งเป้าว่าในปีหน้าจะผลิตรถเล็กราคาถูก
ขายในอินเดีย การแข่งขันของเรโนลต์-   นิสสันกับทาทา มอเตอร์ เท่ากับเป็นการเปิดแนวทางการผลิตรถรุ่นใหม่
เหมือนอย่างที่เมื่อ 100 ปีก่อนบริษัท   ฟอร์ด มอเตอร์ ได้ประกาศผลิตรถรูปแบบที่เรียกว่าที-โมเดลที่บริษัทรถ
หลายแห่งได้นำไปเป็นต้นแบบในการ ผลิตรถจนกระทั่งถึงทุกวันนี้

ต้นกำเนิดของการผลิตรถราคาถูกในตลาดโลก เกิดขึ้นเนื่องจากบริษัทอุตสาหกรรมรถหลายแห่งได้พยายามดิ้นรน
หาช่องทางการตลาดใหม่ๆ หลังจากที่ตลาดรถราคาแพงเริ่มอิ่มตัวในประเทศที่มีขนาดเศรษฐ-กิจใหญ่อย่างสหรัฐ
สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น ดังนั้น บริษัทรถจึงหาช่องทางเจาะตลาดรถในประเทศกำลังพัฒนาอย่างจีนและอินเดีย
รวมทั้งอีกหลายประเทศในกลุ่มลาตินอเมริกาที่ไม่ต้องการรถกินน้ำมันและราคาสูง ซึ่งผู้บริโภคในประเทศกำลัง
พัฒนาเหล่านี้ต้องการรถราคาถูกและมีคุณภาพดีพอสมควร

นักวิเคราะห์ธุรกิจกล่าวว่า การผลิตรถราคา ถูกต้องเป็นรถที่มีต้นทุนการผลิตต่ำหรือ Low-cost cars เป็นแนวทาง
เดียวกับการดำเนินธุรกิจสายการบินต้นทุนต่ำ ซึ่งมอนิเตอร์ กรุ๊ป บริษัทที่ปรึกษาด้านรถยนต์ เปิดเผยว่า แนวทาง
การผลิตรถยอดนิยมในศต-วรรษนี้จะเป็นรถ Low-cost cars เนื่องจากเป็นรถที่ประหยัดพลังงานและใช้ได้ทั้งใน
เขตเมืองและชนบท

บริษัทผลิตรถของยุโรปที่เป็นต้นแบบในการริเริ่มผลิตรถต้นทุนต่ำคือเรโนลต์-นิสสัน ที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2004 เมื่อบริษัท
ได้เริ่มต้นผลิตรถซีดานชื่อ Logan ขายในยุโรปตะวันออก มีราคา 7,200 ดอลลาร์สหรัฐ หรือมีราคาถูกกว่า 40%
เมื่อเทียบกับรถซีดานของบริษัทคู่แข่งในยุโรป และหลังจากที่เรโนลต์-นิสสัน ทดลองผลิตรถรุ่นนี้แล้วพบว่าได้
เปิดขายใน 51 ประเทศ และมียอดขาย 450,000 คัน

ซีอีโอของเรโนลต์-นิสสันเปิดเผยว่า การผลิตรถต้นทุนต่ำเกิดขึ้นจากการตัดสินใจตั้งโรงงานผลิตรถในประเทศ
ที่มีค่าแรงงานถูกอย่างที่โรมาเนียและรัสเซีย ทั้งสองแห่งเป็นโรงงานที่ผลิตรถขนาดเล็กได้ดีและมีต้น ทุนแรงงานต่ำ
ทำให้บริษัทกำหนดราคาขายของรถ ซีดานไม่ถึง 10,000 ดอลลาร์สหรัฐตามราคารถซีดานที่ขายทั่วโลก

สำหรับรถราคาถูกที่มีต้นทุนการผลิตต่ำนั้นนักวิเคราะห์ยกย่องให้ บริษัททาทา มอเตอร์ เป็นต้นแบบใน การคิดรถ
รุ่นนี้ขึ้นมาในปี 2003 เมื่อทาทา มอเตอร์ ประกาศผลิตรถราคาต่ำที่ระดับ 2,500 ดอลลาร์สหรัฐ โดยเป็นรถ 4 ประตู
มีเครื่องยนต์ 33 แรงม้า และสามารถเร่งความเร็วขณะขับขี่ได้เต็มที่ 80 ไมล์ต่อชั่วโมง ทั้งนี้ ทาทา มอเตอร์ ได้ผลิต
รถประเภทนี้ออกมาแล้วนำมาทดสอบ และผ่านการยอมรับจากวงการรถยนต์ทั่วโลก พร้อมที่จะเปิดตัวในอินเดียปีหน้า
ผู้บริหารของทาทา มอเตอร์ กล่าวว่า แนว ทางการผลิตรถราคาถูกของบริษัทจะต้องยึดหลักการลดต้นทุนการผลิต
อย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ ประกอบรถยนต์ทั้งเบาะหนังและอุปกรณ์อื่นๆ แต่สิ่งที่ลดต้นทุนการผลิตไม่ได้คือ
เครื่องยนต์และระบบรักษาความปลอดภัย


สำหรับตลาดรถราคาถูกในแนวทางที่ทาทา มอ-เตอร์ วางไว้นอกจากจะสามารถขายในตลาดอินเดีย และจีนแล้ว
ยังขยายไปที่ลาตินอเมริกาคือ บราซิล และรัสเซีย ซึ่งทั้ง 4 ประเทศดังกล่าวเป็นตลาดกำลังพัฒนา ที่ประชากร
เริ่มมีรายได้ในระดับชนชั้นกลาง จึงเป็น กลุ่มคนที่มีรายได้พอจะซื้อรถในราคาถูกได้ ทั้งนี้ โรแลนด์ เบอร์เกอร์
สทราจี้ คอนซัลแทนส์ บริษัทวิจัยด้านการตลาดรถ เปิดเผยว่า ในปี 2012 ตลาดรถทั่วโลกส่วนใหญ่จะมีราคา
ต่ำกว่า 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ และจะอยู่ในตลาดไม่ต่ำกว่า 18 ล้านคัน หรือเท่ากับ 1 ใน 5 ของรถที่ผลิตได้
เทียบกับปีนี้พบว่ารถราคาต่ำกว่า 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ มียอดขายในตลาดโลกเพียง 12 ล้านคันเท่านั้น

เมื่อแนวโน้มรถราคาถูกเริ่มนิยมในตลาดประ-เทศกำลังพัฒนา ทำให้บริษัทขนาดใหญ่อย่างโตโยต้า โฟล์คสวาเกน
เฟียต และเปอโยต์ ต่างหันมาสนใจผลิตรถราคาถูกที่มีลักษณะและขนาดเท่ากับ Logan ที่เรโนลต์-นิสสันผลิตได้
ส่วนเจนเนอรัล มอเตอร์ส หรือจีเอ็ม แม้จะเป็นบริษัทรถอันดับ 1 ที่ผลิตรถหรูหราราคาแพง แต่เมื่อตลาดมีความ
ต้องการรถราคาถูก จีเอ็มจึงได้ให้บริษัทรถในเครือที่เกาหลีใต้คือจีเอ็ม แดวู ผลิตรถราคาถูกสำหรับตลาดประเทศ
กำลังพัฒนา แต่ราคายังสูงที่ระดับ 7,000 ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อไม่ให้เสีย ภาพลักษณ์ของจีเอ็ม

ไครสเลอร์ มอเตอร์ มีบริษัทรถในจีนที่เตรียม ผลิตรถราคาถูกหรือที่ไครสเลอร์เรียกว่า low-cost cars ภายใต้
ชื่อบริษัท Chery ซึ่งมีสาขาในจีนหลายเมือง นอกจากนี้อีกบริษัทที่เตรียมกระโดดมาแย่งตลาดรถราคาถูกคือ
ฮุนได มอเตอร์ มีแผนที่จะให้โรงงานในอิน-เดียเป็นศูนย์กลางการผลิตรถขนาดเล็กและราคาถูก โดยตั้งเป้า
จะเพิ่มการผลิตรถประเภทนี้ให้ได้มากกว่า 600,000 คัน

นายเดวิด นิโคลาส ประธาน บริษัทจีเอ็ม ภูมิภาค เอเชีย-แปซิฟิก กล่าวว่า นอกจากบริษัทรถทั่วโลกจะนิยมผลิต
รถราคาถูกแล้ว ในอนาคตรถซีดานรุ่นต่างๆและรถมินิในตลาดโลกจะมีการลดราคาลงเพื่อเปลี่ยน ให้เป็นรถต้นทุนต่ำ
ตัวอย่างเช่น รถซีดานอาจจะลดราคาลงมาเหลือ 9,000 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนรถมินิอาจ จะลดราคาลงเหลือ 7,000
ดอลลาร์สหรัฐ หรือลดลง 15% เมื่อเทียบกับราคาขายในปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่บริษัทรถต้องวางแผนในการผลิตรถราคาถูกคือ หาแหล่งผลิตที่มีต้นทุนการดำ-เนินงานต่ำ
อย่างเช่น ที่ประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นแหล่งผลิตรถราคาถูกที่เหมาะสมที่สุด เนื่องจากอินเดียมีแรงงานราคาถูก
ไม่ว่าจะเป็นวิศวกร  ช่างเทคนิค และบริษัทซัพพลายเออร์ที่ผลิตอุปกรณ์ประกอบรถราคาถูก ยกตัวอย่างเช่น
การผลิตรถราคาถูกของทาทา มอเตอร์ พบว่าในส่วนของค่าแรงงานระดับวิศวกร บริษัทสามารถประหยัด
ค่าแรงงานได้เมื่อว่าจ้างวิศวกรอินเดียในอัตรา  700 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน หรือมีค่าแรงงานถูกกว่าวิศวกร
ในประเทศ อุตสาหกรรมถึง 70%


นอกจากนี้ทาทา มอเตอร์ ยังเป็นพันธมิตรกับบริษัทมหินทรา แอนด์ มหินทรา ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์ผลิตอุปกรณ์
รถยนต์ป้อนให้เรโนลต์-นิสสันด้วยเช่นกัน โดยสามารถผลิตอุปกรณ์รถยนต์ให้ทาทา มอเตอร์ ได้ในราคาถูกกว่า
การนำเข้าจากต่างประเทศ

จากข้อมูลด้านการวิจัยตลาดรถราคาถูกของ   บริษัทโรแลนด์ เบอร์เกอร์ฯ พบว่าในปี 2005 ที่ผ่านมารถราคาถูก
มียอดขายเพียง 1% ในตลาดสหรัฐ จึงทำให้บริษัทรถรายใหญ่ในสหรัฐอย่างจีเอ็ม ฟอร์ด และไครสเลอร์ ไม่ให้
ความสนใจกับรถประเภทนี้ แต่ที่อินเดีย โรแลนด์ เบอร์เกอร์ฯ เชื่อว่าในอีก 7 ปีข้างหน้าหรือปี 2014 ตลาดรถราคาถูก
จะมียอดขายโตเป็นสองเท่าหรือ 3.3 ล้านคัน เทียบกับปัจจุบัน 1.6 ล้านคันที่ขายในอินเดีย ซึ่งปริมาณยอดขายรถ
ในอินเดียในระดับนี้ทำ ให้บริษัทรถทั่วโลกเริ่มให้ความสนใจที่จะเจาะตลาดรถ ในแดนโรตีมากขึ้น เนื่องจากตลาดรถ
ในประเทศใหญ่ๆ เริ่มอิ่มตัวและมีการแข่งขันสูงมาก

ส่วนในจีนบริษัทวิจัยเจดี พาวเวอร์ เปิดเผยว่า อีก 7 ปีข้างหน้าตลาดรถราคาถูกของจีนจะเติบโต 140% หรือมี
ยอดขายไม่ต่ำกว่า 16.5 ล้านคัน ทั้งนี้ นักวิจัยของเจดี พาวเวอร์ คาดว่าการขายรถราคาถูกให้ประสบ ความสำเร็จ
ต้องเจาะตลาดใหญ่อย่างอินเดียและจีน และต้องเน้นการผลิตรถที่เพิ่มปริมาณขึ้นเรื่อยๆเพื่อให้ทันขายในตลาด
ที่มีความต้องการสูง

ทางด้านโตโยต้า มอเตอร์ ผู้ผลิตรถอันดับ 1 ของญี่ปุ่น ที่นิยมผลิตรถขนาดเล็กเจาะตลาดในสหรัฐและ แคนาดา
แต่สำหรับรถราคาถูกที่มีต้นทุนการผลิตต่ำ โตโยต้าก็ให้ความสนใจเช่นกัน และมีเป้าหมายผลิตรถ ราคา 7,000
ดอลลาร์สหรัฐขายในอินเดียและบราซิล ซึ่งเป็นประเทศที่โตโยต้ามีโรงงานผลิตรถพร้อมอยู่แล้ว คาดว่ารถราคาถูก
ของโตโยต้าจะเปิดตัวได้ในปี 2009

นายคัตซูอากิ วาตานาเบะ ประธาน บริษัทโตโยต้า กล่าวว่า หากวิศวกรของโตโยต้าคิดค้นวิธีการผลิต รถราคาถูก
ที่มีต้นทุนการผลิตต่ำได้อย่างสมบูรณ์แล้ว โตโยต้าจะนำรูปแบบการผลิตรถแบบนี้ไปใช้กับรถรุ่นอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น
รถซีดานอย่างโคโรลล่า หรือรถสปอร์ต อเนกประสงค์ ซึ่งจะเป็นประโยชน์สำหรับโตโยต้าในการเจาะตลาดรถใน
ประเทศกำลังพัฒนาระยะยาว

สิ่งที่ต้องจับตามองสำหรับตลาดรถราคาถูกคือ ในอนาคตข้างหน้ารถประเภทนี้จะไม่วางขายในประเทศกำลังพัฒนา
อย่างอินเดีย จีน บราซิล หรือในยุโรปตะวันออก แต่หากผู้บริโภคในประเทศพัฒนาแล้วอย่าง ยุโรปตะวันตกมีความ
ต้องการรถประเภทนี้ คาดว่าบริษัทใหญ่อย่างเรโนลต์-นิสสันจะไม่ปล่อยโอกาสการ เจาะตลาดรถนี้ให้หลุดลอยไป
โดยมีรายงานว่าเรโนลต์-นิสสันเริ่มนำรถราคาถูกไปวางขายในโชว์รูมของยุโรป หลายประเทศ และกำลังได้รับความ
สนใจจากผู้บริโภค วัยหนุ่มสาวที่ต้องการรถราคาไม่แพง

จากการวิจัยของบริษัทออโตโมทีฟ รีเสิร์ช ในเยอรมนี พบว่าการขายรถราคาถูกของบริษัทเรโนลต์-นิสสันนั้น
รถแต่ละคันจะมีมาร์จินหรือผลต่างระหว่างราคาขายกับต้นทุนการผลิตในราคาไม่สูงมาก โดยเรโนลต์-นิสสัน
จะได้ค่ามาร์จินในการขายรถรุ่น Logan ประมาณ 400 ดอลลาร์สหรัฐต่อคัน เทียบกับ BMW ที่ได้ค่ามาร์จิน
ในการขายรถหรูไม่ต่ำกว่า 3,300 ดอล-ลาร์สหรัฐต่อคัน

จะเห็นได้ว่าการผลิตรถราคาถูกจะมีมาร์จินอยู่ในระดับไม่สูงมาก แต่หากขายรถในปริมาณมากจะทำให้บริษัท
ผู้ผลิตสามารถสร้างกำไรได้เพิ่มขึ้น และคาดว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้ารถราคาถูกจากจีนและอินเดียจะเริ่มเจาะตลาด
ในสหรัฐอย่างเป็นทางการ โดยบริษัท Geely ของจีน ประกาศจะส่งรถราคาถูกขายในสหรัฐที่ระดับราคา 3,900
ดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2010

ส่วนบริษัทซูซูกิ มอเตอร์ ของญี่ปุ่น ผลิตรถราคาถูกในอินเดียขายในราคา 4,400 ดอลลาร์สหรัฐ คาดว่าปีหน้า
จะมีการส่งออกไปยังยุโรป และทาทา มอ-เตอร์ เจ้าของแนวความคิดการผลิต cheap cars ประกาศว่าจะขาย
รถรุ่น Indica ในยุโรปในราคาสูงสุดที่ 8,500 ดอลลาร์สหรัฐ เป็นรถซีดานรุ่นแรกของทาทา มอเตอร์ ที่เปิดตัว
ในตลาดยุโรป

สำหรับตลาดรถราคาถูกนักวิเคราะห์คาดการณ์ ว่า หากขายในจีนและอินเดียราคาจะอยู่ที่ 3,000-5,000 ดอลลาร์
สหรัฐ แต่หากเพิ่มอุปกรณ์รักษาความปลอดภัย และระบบอื่นๆราคาจะอยู่ที่ 6,000-7,000 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งยัง
ถือว่าเป็นราคาถูก

ในขณะเดียวกันหาก cheap cars จะขายในตลาดยุโรปต้องมีการตั้งราคาให้สูงขึ้นมาอีกนิดที่ระดับ 5,000 ดอลลาร์
สหรัฐเป็นอย่างต่ำ และหากเพิ่มอุปกรณ์เสริมเข้าไปอีกจะทำให้ราคารถอยู่ที่ 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งยังถือว่า
เป็นรถราคาถูกสำหรับผู้บริโภครายได้สูงในยุโรปและสหรัฐ
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
ปรมาจารย์เจได
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,771


รักแท้ก็เหมือนผี รู้ว่ามี แต่ไม่เคยเจอ


« ตอบ #6 เมื่อ: 06-01-2008, 13:54 »

โอ้..

รถโฟล์คเนี่ย
เคยอ่านเจอสมัยก่อน

เป็นรถที่ฮิตเลอร์ทำประชานิยมแจกชาวเยอรมันเค้าน่ะ

ฮิตเลอร์บอกว่า คนเยอรมันต้องมีรถครอบครัวละคัน !!!

เลยทำรถเต่า (รถโฟล์ค) แจกซะ...
ที่บ้านเราก็ยังเหลือหลายคันเลยครับ ไอ้รุ่นที่ฮิตเลอร์ทำแจกอ่ะ
บันทึกการเข้า

http://www.oknation.net/blog/jedimaster



"เมืองดอกบัวงาม  แม่น้ำสองสี  มีปลาแซบหลาย หาดทรายแก่งหิน  ถิ่นไทยนักปราชญ์  ทวยราษฎร์ใฝ่ธรรม งามลำเทียนพรรษา  ผาแต้มก่อนประวัติศาสตร์"

ไม่มีใครเน่าบริสุทธิ์ดุจดั่งมูล ประชาชินสมบูรณ์ซะที่ไหน เมื่อยืนหยัดโชว์จู๋และปาขี้ ประชาชินย่อมมีชีวิตใหม่ เมื่อท้องฟ้าสีขี้ผ่องอำไพ เหลี่ยมจันไsย่อมเป็นใหญ่อยู่ใต้ดิน ...

ขอเชิญร่วมกลุ่มต้านทักษิณใน hi5 ครับ

THAKSIN get out !!
http://www.hi5.com/friend/group/1123605--THAKSIN%2Bget%2Bout%2521%2521--front-html

say no to thaksin !
http://www.hi5.com/friend/group/1186900--say%2Bno%2Bto%2Bthaksin%2B%2521--front-html
AsianNeocon
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,277


中華萬歲﹗ LONG LIVE CHINA!


เว็บไซต์
« ตอบ #7 เมื่อ: 06-01-2008, 14:09 »

May I beg to differ? Please do not politicize the 'eco-car' too much.

You must realize that the so-called 'eco-car' technology belongs to the foreigners. Thailand is just the base for them to set up factories for export and provide cheap labours. Technological transfers are always low. What these Japanese and Europeans get are the bottom line waiting to repatriate to their headquarters elsewhere while the Thais get only meager wages. It appears that no one factors in natural resources that have been exhausted. Only small number of Thai elites stand to benefit heftily from this. Do you really feel proud when they hail Thailand as 'Detroit of Asia'?

What Thailand needs to emphasize now is not carmaking but rail transportation in both cities and upcountry that is more cost-efficient, energy-efficient, environmentally friendly than roads and highways. We have needed them for 20 years but chronic corruption always caused disruption while the construction costs were rising. Let alone China and Korea. Vietnam has been pondering over countrywide railways that support high-speed trains.

This could answer why Thailand's competitiveness falls constantly. Thailand is becoming less self-sufficient day-by-day. Excuse me, I won't call this an economic growth but another example of sacrificing long-term benefits for short-term gains.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-01-2008, 14:25 โดย 温哥华老大 » บันทึกการเข้า

see - u
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,370


.......... I'm not Supergirl


« ตอบ #8 เมื่อ: 06-01-2008, 14:31 »

*  ขอนอกเรื่อง  ... นิดนึง  นะค่ะ

    คุณ   温哥华老大   หรือ  คุณ  ไทยทรูธ  หรือ   คุณ ผ่าทางตัน 

    ตั้งกะ   ปีใหม่  มาไม่ยอมโพส   "  ภาษาไทย  "   เลยน๊า .......  !!!

    จะ  งอน  ระบอบบ้านเมืองเรา  อะไรกันนักหนา   ค่ะ
     ปล. ไม่มีอารายยย  .....  ที่ถาม คือ  เป็นคน  โง่  ภาษาอังกฤษ  อะค่ะ 
 

บันทึกการเข้า

    " I  will  unforgive  you  to  do  the  bad  thing  like  this. "   

                           

                        The  fox  changes  his  skin  but  not  his  habits.   *

                 Superman ( It's Not Easy )   >>  http://www.ijigg.com/songs/V2B7G4GPD
    
    
   "  กฏหมายต้องเดินหน้าเอาผิดต่อคนไม่ดี  ........  ไม่ใช่ปล่อยให้คนไม่ดีมากล่าวเอาโทษกฏหมาย  "

                                     
                                          
ใบไม้ทะเล
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,321


In politics stupidity is not a handicap


« ตอบ #9 เมื่อ: 06-01-2008, 15:23 »

มาร์คสีแดงของพี่ไททรูทอนาเห็นด้วยนะค่ะ

แต่ว่าถึงจะเป็นการมองแบบง่ายๆ แต่เพื่อประชาชนได้ซื้อรถถูกลงอนาก็เห็นด้วยนะ ถ้าจะมองไปที่ เราน่าจะมีการพัฒนาการขนส่งอย่างอื่น อันนี้ก็เห็นด้วยอ่ะ งง เหมือนกันว่าทำไมเขาไม่พัฒนาระบบการขนส่งรถไฟเลย ทำไมมันเน้นไปที่รถยนต์อย่างเดียว หรือเพราะกลัวน้ำมันจะขายไม่ออก 

แล้วตอนนี้ถ้ารถถูกลง แล้วถนนเราไม่เพิ่มขึ้น ภายภาคหน้าปัญหาจราจรเราจะแก้ไขอย่างไรค่ะ  ถ้าสัดส่วนของรถกับถนนมันลงตัวก็โอเคอ่ะค่ะ หรือว่าถึงเวลานั้น คนจะหันมาใช้รถไฟฟ้ารถใต้ดินกันมากขึ้น แล้วรถยนต์ไม่เป็นที่นิยมหว่า.. โอ้ยย งง 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-01-2008, 15:28 โดย ใบไม้ทะเล » บันทึกการเข้า

立てばしゃくやく、座ればぼたん、歩く姿はゆりの花
goolnw
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 460


new goolnw


« ตอบ #10 เมื่อ: 06-01-2008, 16:17 »

คูณจะต้องเขาใจว่าเทคโนโลยีที่เรียกว่า อีโคคาร์ เป็นของต่างชาติ ไทย
เป็นแค่ฐานผลิตของพวกเขาที่จะต้องส่งออกและหาแรงงานถูกๆเทคนิค
ในการเคลื่อนย้ายต่ำมาก นั้นคือ ญี่ปุ่นและฝรั่งรอที่จะกลับ สำนักงานใหญ่
ของเขา ในขณะที่ไทยได้ค่าแรงที่ต่ำ มึคนไทยหน่อยเดียวที่ได้ผลประโยชน์
คุณภูมิใจหรือป่าวที่พวกมันเรียกได้ไทย ว่า ดีทรอย แห่งเอเชียสิ่งที่ไทย
ต้องเน้นตอนนี้คือ สร้างรถไฟภายในประเทศ เชื่อมเมืองต่อเมืองแต่นั้นคง
จะใช้พลังงานประสิทธิภาพ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากว่าถนน เรา
ควรมีตั้งแต่ 20ปีที่แล้ว แต่เพราะมี คอรัปชั่น ตลอดทำให้การก่อก่อสร้าง
มีความยุ่งเยิง และค่าก่อสร้างก็สูงขึ้น ถ้าไม่พูดถึงจีน และ เกาหลี
เวียดนามได้ไตร่ตรองเส้นทางรถไฟทั่วประเทศที่ใช้ความเร็วสูง  สามารถตอบได้ว่า
การเเข่งขันของประเทศไทย ได้ร่วงลงอย่างสม่ำเสมอ ไทยกลายเป็นน้อย
กว่าความเพียงพอ ฉันไม่เรียกอันนี้ว่าเศรษฐกิจโตขึ้น เป็นแค่ตัวอย่างการ
เสียสละผลประโยชน์ระยะยาว เพื่อได้รับประโยชน์ระยะสั้น

แปล ของคุณ 温哥华老大   นะครับ คุณ 温哥华老大  จะต้องเข้าใจว่า
คนที่เล่นที่นี้ส่วนมากเป็นคนไทย ผมก็ไม่ทราบว่าผมแปลถูกไหม
ผมก็ไม่เก่งอังกฤษ แล่วคุณจีอย่าลืมเล่นเรื่อง ความจริงครึ่งเดียวด้วยละ
ว่าใครได้ประโยชน์ ในการทำสัญญานี้ อิอิ
หรือว่า ที่ๆคุณอยู่มานไม่มีภาษาไทย อยู่แถวไหนละ หรือว่าแป้นพิมพ์
มานไม่มีไทย สั่งซื้อที่ ทางเน็ตครับ มะว่านก็ส่งมาให้ผมเป็นสติ้กเก้อ อิอิ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-01-2008, 16:23 โดย goolnw » บันทึกการเข้า

http://www.oknation.net/blog/goolnw
Goolnw ชอบสมัคร รักทักษิณ
ลูกหินฮะ๛
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,099


เสียเข็มขัด อย่าเสียกุงเกง


« ตอบ #11 เมื่อ: 06-01-2008, 16:52 »

May I beg to differ? Please do not politicize the 'eco-car' too much.

You must realize that the so-called 'eco-car' technology belongs to the foreigners. Thailand is just the base for them to set up factories for export and provide cheap labours. Technological transfers are always low. What these Japanese and Europeans get are the bottom line waiting to repatriate to their headquarters elsewhere while the Thais get only meager wages. It appears that no one factors in natural resources that have been exhausted. Only small number of Thai elites stand to benefit heftily from this. Do you really feel proud when they hail Thailand as 'Detroit of Asia'?

What Thailand needs to emphasize now is not carmaking but rail transportation in both cities and upcountry that is more cost-efficient, energy-efficient, environmentally friendly than roads and highways. We have needed them for 20 years but chronic corruption always caused disruption while the construction costs were rising. Let alone China and Korea. Vietnam has been pondering over countrywide railways that support high-speed trains.

This could answer why Thailand's competitiveness falls constantly. Thailand is becoming less self-sufficient day-by-day. Excuse me, I won't call this an economic growth but another example of sacrificing long-term benefits for short-term gains.




ขอ..ตอบมั่งๆ กะปัญหาอินเตอร์..ช๊อบชอบ

… …我相信我们有足够的技术,以推动生产,在泰国。
然而,我们不能工厂,使原料如铁。因为我们从未有战争。




例如:如果我们可以得到车辆如坦克,飞机,我们可以知道如何适用于任何铁制品

  如此。同时,我们必须有什么顾客购买,从一个伟大的国家。



บันทึกการเข้า

  ... ... ... 
จูล่ง_j
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,901



« ตอบ #12 เมื่อ: 06-01-2008, 16:53 »

เห็นกระทู้นี้แล้วอย่างน้อยก็ยังดีใจ ที่ค่ายรถต่างๆสนใจที่จะลงทุนกับเมืองไทย
ซึ่งดูค่อนข้างจะแตกต่างกับที่ พปช ด่า รัฐบาลสุรยุทธปาวๆ ว่าต่างชาติหนีการลงทุนกันหมด
แต่ก็เซ็งๆกับ รัฐบาลสุรยุทธ ที่มันรีบร้อนจัดเลือกตั้งเกินไป น่าจะให้เวลา คตส เคลียร์คดีให้หมดก่อน
เห็นยังมีโพลว่า คนในกรุงเทพส่วนใหญ่อยากให้คตส เคลียร์คดีทักษินให้หมด แล้วค่อยเลือกตั้ง
ส่วนที่คุณ ไทยทรูธ บอกเกี่ยวกับการขนส่งระบบรางก็เห็นด้วย
ความจริงเมืองไทยมันน่าจะโหมสร้าง การขนส่งระบบรางให้มากๆ ตั้งแต่สิบกว่าปีที่แล้วด้วยซ้ำ
กรุงเทพ มันรถคิดแบบทุเรศทุรังมาเป็นเวลานานมาก ทำไมนักการเมืองมันความรู้สึกช้าเหลือเกิน
ไม่คิดอะไรยาวๆเลย
บันทึกการเข้า

ลูกหินฮะ๛
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,099


เสียเข็มขัด อย่าเสียกุงเกง


« ตอบ #13 เมื่อ: 06-01-2008, 17:34 »

ขอ..ตอบมั่งๆ กะปัญหาอินเตอร์..ช๊อบชอบ
… …我相信我们有足够的技术,以推动生产,在泰国。
然而,我们不能工厂,使原料如铁。因为我们从未有战争。

例如:如果我们可以得到车辆如坦克,飞机,我们可以知道如何适用于任何铁制品
  如此。同时,我们必须有什么顾客购买,从一个伟大的国家。


 …… I believe that we have enough technology to promote production, in Thailand.
However, we can not plant, the raw materials such as iron. Because we never have war.

For example: If we can get vehicles such as tanks, aircraft, we can know how to apply to any iron products
    So. At the same time, we must have what customers buy, from a great country.


ขอตอบ (ต่อ) เป้น ภาษาไทย  เดี๋ยวเพื่อนๆ จะ หมั่นใส้..งอนเอา ...
(ขอ..ม่ายตัดแปะ พิมพ์ เอง จาก ประสพการณ์ ... เพราะม่ายรู้จะไปหาเนื้อเรื่องจากที่ไหน มา แปะ)




ประเทศไทย ทำได้นานแล้ว มี Knowledge   ครบ..แต่..
ตัวอย่าง เมื่อ 15 ปี ก่อน
ธนินท์ เจียรวนนท์   (ไม่ได้ เชียร์ อาแป๊ะนะฮะ) 
สามารถ ทำให้ อุตสาหกรรม ในจีน.. ดึงเงินตราต่างประเทศมาด๊าย
ด๊วย.. กลยุทธิ์  มอร์เตอร์ไซด์ " ซู่เฟิ่ง "


   เพราะ จีน ..เป้นประเทศ ที่ เคย ก่อสงคราม และ สามารถ มี โรงงาน ถลุงเหล็ก
ดังนั้น อาแป๊ะ จึง ดึง Technology - ของ Honda มาก๊อปปี๊  จากรถ 4 จังหวะ
บวกกับ งานด้าน Raw Material สิ่งสามารถ นำมา ประกอบได้เองในประเทศจีน
ราคา แพง ค่ะโรด เกินกว่า คนจีน จะมีตังค์ซื้อ!
ใครอยากซื้อ..
ก้อให้ ญาติ คนจีน ใน อเมริกา หรือทั่วโลก ส่งเงิน มาซื้อ ให้ คนจีน ที่อยู่เมืองจีนขับ 
(วิชาการตลาด.. International Business ...งงมั๊ย)

ดังนั้น กลยุทธิ์ นี้ สามารถ นำเงิน US ดอลล่าห์ เข้า ประเทศ จีน ได้อย่าง.. มหาศาล ในช่วง 1990

แต่..ก้อีกน่านแหละฮะ  ที่ลูกหิน กล่าวตอนต้น..

因为我们从未有战争。    แปลให้ เพราะ ประเทศ ไทย ม่ายเคย ก่อสงคราม!
 
 เมื่อ 50 ปีก่อน นั้น ...
เกาหลี ที่เคย ล้าหลัง จาก ประเทศ ไทย ถึง 20 ปี
พอหลัง เกิด สงคราม เกาหลี  .. ประเทศ เกาหลี มี โรงงาน ถลุง เหล็ก
จึง สามารถ ผลิต ผลิตภัณฑ์  ประเภท Vehicle  Industrial ได้

ประเทศไทย มี มหาลัยมากมาย สอนให้ คนไทยเป็น
แต่... ไม่มี การ Support  Raw Material  ได้จริง จากภายในประเทศ  นั่นเอง

ประเทศ ไทย ยังจำเป้น ตั้อง ซื้อ Raw Material  .. จากต่างประเทศพัฒนาแล้ว
 มา ผลิต ชิ้นส่วน รถ อยู่ดี


 จบข่าว... อธิบาย โดยลูกหินเอง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-01-2008, 18:41 โดย ลูกหินฮะ๛ » บันทึกการเข้า

  ... ... ... 
ใบไม้ทะเล
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,321


In politics stupidity is not a handicap


« ตอบ #14 เมื่อ: 06-01-2008, 17:43 »

เห็นพี่ลูกหินเล่าถึงเรื่อง เกาหลีที่เคยด้อยกว่าไทยเกือบ 20 ปี แต่หลังจากสงครามก็ทำให้พวกเขาลืมตาอ้าปาก กลายเป็นประเทศที่เจริญก้าวหน้าขึ้นมาก เคยได้ยินเรื่องนี้มานานมากแล้วค่ะ พี่ลูกหินพูดถึงพอดีเลยขอถามซะเลย....

อยากถามแค่ว่า เพราะอะไรไทยเราถึงไม่ไปไหนเลยค่ะ !!!!  คือสงสัยมานานแล้วค่ะ อยากรู้จริงๆๆ แล้วถ้าไทยทำสงคราม เราจะเจริญเหมือนๆเกาหลีไหม ถ้าใช่ฟิลิปปินก็อยู่ในสงครามตอนนั้น แต่ก็ไม่ไปไหน งง อ่ะ 

(ห้ามตอบเพราะว่ามีคนไทยอยู่นะ)
บันทึกการเข้า

立てばしゃくやく、座ればぼたん、歩く姿はゆりの花
อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,406



« ตอบ #15 เมื่อ: 06-01-2008, 17:45 »

ว้ายๆ ตื่นเต้น ตื่นเต้น อยากนั่งจังเลย ไม่รู้ไฟหน้าจะเป็นแอลอีดีลดโลกร้อน
หรือเปล่า มีแบบติดแก๊สธรรมชาติหรือว่ามีแบบอียี่สิบสามสิบด้วยมั้ย หวัง
ว่ามันคงออกมาหน้าตาต่างจากโตโยต้ายาริสนะจ๊ะ ไอ้อีโง่คาร์เนี่ย
บันทึกการเข้า
ท้าวอภิมหาอัครเทพอลังการ
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 258



« ตอบ #16 เมื่อ: 06-01-2008, 17:47 »

ท่านท้าวว่านะ

เรื่องโรงถลุงเหล็กเนี่ย บ้านเราพูดกันมาสามสิบกว่าปี ไม่เกิดซะที

มัวแต่รับซื้อ เศษเหล็กมาเข้าโรงหลอมโรงรีด อยู่นั่นแหล่ะ

แล้วจะได้เหล็กมีคุณภาพได้ไง

ดังนั้นท่านท้าวจึงเห็นว่า เราควรก่อสงคราม เพื่อให้เรามีโรงถลุงเหล็ก เย้ๆๆๆๆๆๆๆ 

บันทึกการเข้า
ใบไม้ทะเล
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,321


In politics stupidity is not a handicap


« ตอบ #17 เมื่อ: 06-01-2008, 17:48 »

ว้ายๆ ตื่นเต้น ตื่นเต้น อยากนั่งจังเลย ไม่รู้ไฟหน้าจะเป็นแอลอีดีลดโลกร้อน
หรือเปล่า มีแบบติดแก๊สธรรมชาติหรือว่ามีแบบอียี่สิบสามสิบด้วยมั้ย หวัง
ว่ามันคงออกมาหน้าตาต่างจากโตโยต้ายาริสนะจ๊ะ ไอ้อีโง่คาร์เนี่ย

หวังว่ามันคงไม่ออกมาหน้าเหลี่ยมๆๆ ทรงเหลี่ยมๆ อ่ะจ้ะ
บันทึกการเข้า

立てばしゃくやく、座ればぼたん、歩く姿はゆりの花
goolnw
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 460


new goolnw


« ตอบ #18 เมื่อ: 06-01-2008, 17:51 »

สรุปแล้วคนที่ไล่ทักษิณ นี้เป็นคนไทยแค่ครึ่งเดียวกันหมดแล้่ว
(นอกประเด็นนิดนะครับ แต่ทำไหมไม่รักษา ภาษาไทยไว้ยิ่งชีพ)
ขำๆ แต่ซีเรียส ว่าแล้วก็ฝากท่านจีว่า เรื่องความจริงครึ่งเดียว
ของคนที่ไล่ทักษิณ เป็นคนไทยอะป่าว อิอิ

บันทึกการเข้า

http://www.oknation.net/blog/goolnw
Goolnw ชอบสมัคร รักทักษิณ
ลูกหินฮะ๛
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,099


เสียเข็มขัด อย่าเสียกุงเกง


« ตอบ #19 เมื่อ: 06-01-2008, 17:54 »

เห็นพี่ลูกหินเล่าถึงเรื่อง เกาหลีที่เคยด้อยกว่าไทยเกือบ 20 ปี แต่หลังจากสงครามก็ทำให้พวกเขาลืมตาอ้าปาก กลายเป็นประเทศที่เจริญก้าวหน้าขึ้นมาก เคยได้ยินเรื่องนี้มานานมากแล้วค่ะ พี่ลูกหินพูดถึงพอดีเลยขอถามซะเลย....

อยากถามแค่ว่า เพราะอะไรไทยเราถึงไม่ไปไหนเลยค่ะ !!!!  คือสงสัยมานานแล้วค่ะ อยากรู้จริงๆๆ แล้วถ้าไทยทำสงคราม เราจะเจริญเหมือนๆเกาหลีไหม ถ้าใช่ฟิลิปปินก็อยู่ในสงครามตอนนั้น แต่ก็ไม่ไปไหน งง อ่ะ 

(ห้ามตอบเพราะว่ามีคนไทยอยู่นะ)


ลูกหินขอ.. ให้ความหมาย ผู้ ก่อสงคราม และ สู้สงคราม จะดีกว่าฮะ  เช่น
ญี่ปุ่น  เยอรมัน  อิตาลี  จีน  อังกฤษ ฝรั่งเศษ เมกา รัฐเซีย ฯลฯ เปนต้น

ประเทศ เหล่า นี่ เป็นทั้ง ผู้ ก่อสงคราม(รุก) และ สู้สงคราม(รับ)

   ตอบ..ดร.อน๊า..
เพราะ เกาหลี  เขา เกาเหลากัน ฮะ
ส่วน ฟิลลิปินส์.. ไอ้ผิน ..เป็น... เบี๊ยล่าง เมืองขี้น เมกา เฉยๆ  

มันต่างกัน ตรง เกาเกลา กันเอง หมาย
โดยแบ่ง แยก ประเทศ มี มหาอำนาจ มา ร่วม ถือหาง ทั้ง สอง ขั้ว

จึง เกิด อุตสาหกรรม ทหาร ขึ้นมา
บันทึกการเข้า

  ... ... ... 
ใบไม้ทะเล
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,321


In politics stupidity is not a handicap


« ตอบ #20 เมื่อ: 06-01-2008, 18:04 »

แล้วเกาหลีเหนือก็ล้าหลังไปโดยปริยายอย่างนั้นเหรอค่ะ  

ขอบคุณพี่ลูกหินมากค่ะ

แต่ก็ยัง งง อ่ะค่ะ ฟิลิปปินเป็นเบี้ยสหรัฐ แต่ตอนนั้นประเทศเขาก็ค่อนข้างจะป่นปี้มากๆๆ คนรุ่นเก่าของฟิลิปปินเกลียดญี่ปุ่นเข้าใส้เลย แล้วเกาหลีใต้เป็นเบี้ยของใครค่ะในตอนนั้น อนานึกว่าสหรัฐซะอีก เพราะดูเหมือนเกาหลีก็โดนญี่ปุ่นทำร้ายจนยากจะแก้ประวัติศาสตร์ให้เป็นดีได้



ขอโทษคุณจี ขอออกทะเลจิ๊ดหนึ่ง
บันทึกการเข้า

立てばしゃくやく、座ればぼたん、歩く姿はゆりの花
ลูกหินฮะ๛
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,099


เสียเข็มขัด อย่าเสียกุงเกง


« ตอบ #21 เมื่อ: 06-01-2008, 18:09 »

  จาก "อุตสาหกรรม ทหาร" .. >> มาเปน "โรงงานถลุงเหล็ก "
เป้นส่วน หนึ่ง ที่ เกิดจาก วาระ สงคราม ..ก็จริง..

 แต่ นั่น ไม่ใช่ .. หนทางเดียว ที่เราจะ ไม่สามารถ มีเหมือนเขาได้

ยังมีวิธีอื่นอีก..ในวิธี.. เศรษฐศาสตร์ และ การเมืองระหว่งประเทศ อีก..
เพราะยังมี ปัจจัย   จาก
สงครามโลกมาเป็น .. สงครามเย็น .. และ สงคราม เศรษฐกิจ..


ขี้ เกี่ยจ บรรยายฮะ..เดี๋ยวยาวมือหงิก... เอาไว้มาโม้ต่อ..งวดหน้าดีกว่าฮะ



ขออภัย ที่ ม่ายมี เรื่องตัด แปะ ที่ดูเหมือน ควรน่าเชื่อถือ ..กว่า
คำบรรยายเอง ของ เด็กลูกหิน..อาจดูแล้ว ม่ายค่อยมีสาระ..ฮือๆๆๆ
ก้เพราะมันม่ายมี เนื้อหา จากที่อื่น เอามาแปะ..หน่ะฮะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-01-2008, 18:10 โดย ลูกหินฮะ๛ » บันทึกการเข้า

  ... ... ... 
ลูกหินฮะ๛
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,099


เสียเข็มขัด อย่าเสียกุงเกง


« ตอบ #22 เมื่อ: 06-01-2008, 18:16 »

แล้วเกาหลีเหนือก็ล้าหลังไปโดยปริยายอย่างนั้นเหรอค่ะ  
ขอบคุณพี่ลูกหินมากค่ะ
แต่ก็ยัง งง อ่ะค่ะ ฟิลิปปินเป็นเบี้ยสหรัฐ แต่ตอนนั้นประเทศเขาก็ค่อนข้างจะป่นปี้มากๆๆ คนรุ่นเก่าของฟิลิปปินเกลียดญี่ปุ่นเข้าใส้เลย แล้วเกาหลีใต้เป็นเบี้ยของใครค่ะในตอนนั้น อนานึกว่าสหรัฐซะอีก เพราะดูเหมือนเกาหลีก็โดนญี่ปุ่นทำร้ายจนยากจะแก้ประวัติศาสตร์ให้เป็นดีได้

ขอโทษคุณจี ขอออกทะเลจิ๊ดหนึ่ง
ตอบ .ดร.อน๊า..
ฟิลลิปปินส์  เป้น ผู้ แพ้ สงคราม จา ญี่ปุ่นไงฮะ ..
( ยังม่ายทัน สู้จริงจัง ก็แพ้ เหมือนๆ กับไทย )
ส่วน เมกา  มาได้ พิลลิปินส์  ในหลังช่วง ท้ายๆ สงคราม
 ก่อน ทิ้ง ระเบิดฮิโรชิมา แป๊บเดียว ..
และ US.  เอาฟิลลิปปิน เป้นเพียงแค่ ยุทธิ์ศาสตร์ พักกองทหารเฉยๆฮะ

ส่วน ประเทศ ไทย ม่ายด๊ายอะไรเลย . จาก อุตสาหรรม ในสงครามโลก 2
 จะมี ญี่ปุ่น เท่านั้น ที่ทิ้ง ..อุปกรณ์ olo ไว้ ให้ อังศุมาลิน ดุเล่น..  อิอิ

  ----------------------------------------------------
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-01-2008, 12:28 โดย ลูกหินฮะ๛ » บันทึกการเข้า

  ... ... ... 
ใบไม้ทะเล
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,321


In politics stupidity is not a handicap


« ตอบ #23 เมื่อ: 06-01-2008, 18:19 »

ดีแล้วค่ะ ถ้าพี่ลูกหินตัดแปะ อนาไม่อ่านหรอกขี้เกียจ  

อนาเข้าใจว่า อุตสาหกรรมทหาร คือการแบ่งแยกประเทศของเขานั่นเอง   ปล่อยไก่ตัวเบ่อเริ้ม  

ไม่รู้นะ คิดแบบเด็กๆนะว่าทำไมไทยเรา ถึงผลิตอะไรๆๆที่แพงๆๆไม่ได้เลย เชื่อไหมว่าห้องแลป ห้องทดลองในประเทศไทย อุปกรณ์วิทย์ฯ หายากมากที่จะเห็น made in Thailand นอกจากพวกเครื่องแก้ว ที่ไปซื้อเอาแถวๆศึกษาภัณฑ์ลาดพร้าวนะ นอกนั้นตั้งแต่ ผงวุ้นที่ใช้เลี้ยงจุลลินทรีย์ ยังผลิตจากญี่ปุ่น เกรดต่ำๆหน่อยก็จากจีน จนไปถึงอุปกรณ์เป็นล้านๆๆพวกกล้องจุลทรรศ์ PCR HPLC ฯลฯ ที่ส่วนมากเป็นเยอรมันและผลิตจากญีปุ่น

ฉะนั้น อีโคคาร์ ถ้ามันเป็นรากฐานที่จะทำให้ไทยมีประสิทธิภาพก้าวหน้าผลิตรถยนต์เองก็น่าสนับสนุนไม่ใช่เหรอค่ะ อันนี้ไม่มองในแง่สิ่งแวดล้อมหรือพัฒนาการขนส่งนะค่ะ
  (วกกลับเข้ามาประเด็น)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-01-2008, 18:24 โดย ใบไม้ทะเล » บันทึกการเข้า

立てばしゃくやく、座ればぼたん、歩く姿はゆりの花
ลูกหินฮะ๛
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,099


เสียเข็มขัด อย่าเสียกุงเกง


« ตอบ #24 เมื่อ: 06-01-2008, 18:23 »

ดีแล้วค่ะ ถ้าพี่ลูกหินตัดแปะ อนาไม่อ่านหรอกขี้เกียจ  

อนาเข้าใจว่า อุตสาหกรรมทหาร คือการแบ่งแยกประเทศของเขานั่นเอง   ปล่อยไก่ตัวเบ่อเริ้ม  

ไม่รู้นะ คิดแบบเด็กๆนะว่าทำไมไทยเรา ถึงผลิตอะไรๆๆที่แพงๆๆไม่ได้เลย เชื่อไหมว่าห้องแลป ห้องทดลองในประเทศไทย อุปกรณ์วิทย์ฯ หายากมากที่จะเห็น made in Thailand นอกจากพวกเครื่องแก้ว ที่ไปซื้อเอาแถวๆศึกษาภัณฑ์ลาดพร้าวนะ นอกนั้นตั้งแต่ ผงวุ้นที่ใช้เลี้ยงจุลลินทรีย์ ยังผลิตจากญี่ปุ่น เกรดต่ำๆหน่อยก็จากจีน จนไปถึงอุปกรณ์เป็นล้านๆๆพวกกล้องจุลทรรศ์ PCR HPLC ฯลฯ ที่ส่วนมากเป็นเยอรมันและผลิตจากญีปุ่น

ฉะนั้น อีโคคาร์ ถ้ามันเป็นรากฐานที่จะทำให้ไทยมีประสิทธิภาพก้าวหน้าผลิตรถยนต์เองก็น่าสนับสนุนไม่ใช่เหรอค่ะ อันนี้ไม่มองในแง่สิ่งแวดล้อมหรือพัฒนาการขนส่งนะค่ะ
 

ถ้า ไทยทำได้จริง เมื่อ 15 ปี ก่อน ..มี Raw Material เอง
 เด็กชายลูกหิน คงม่ายต้อง..เปลี่ยน อาชีพ ไปเป็น ..เด็กเสริฟ จาน ที่ CALแล้วหล่ะฮะ..
บันทึกการเข้า

  ... ... ... 
ใบไม้ทะเล
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,321


In politics stupidity is not a handicap


« ตอบ #25 เมื่อ: 06-01-2008, 18:30 »

พูดเหมือนว่า ไทยจะต้องก่อสงครามถึงจะผลิตอะไรๆๆเองได้อย่างงั้นอ่ะค่ะ 

ไม่เป็นไรหรอก พอน้าหมักได้นายก เราก็ได้สงครามแย้ว   
บันทึกการเข้า

立てばしゃくやく、座ればぼたん、歩く姿はゆりの花
see - u
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,370


.......... I'm not Supergirl


« ตอบ #26 เมื่อ: 06-01-2008, 18:32 »

*  ง่า ....   แย่เลย   เค๊าพูดกันแต่เรื่อง  ไฮเทค  ........  ทางเทคโนโลยี่   !!
    ทำไงดีหว่า  .....  เนี่ยย   ไม่กล้าเสนอความคิดเห็นเลย   

    คือว่า ...  เวลาไปไหนมาไหนทุกวันนี้ ...   มีแต่คนขับรถมารับ ~ ไปส่ง  อ่ะ

    ก็เลยขับรถ   โชว์พาวน์   ได้แค่  ในหมู่บ้านตัวเอง  .....   แหะ แหะ
    ตายแล้ววว .....  เขิลล  จัง   ไม่อินเตอร์  เรื่อง  เทคโนโลยี  แบบชาวบ้านเค๊า 
 
บันทึกการเข้า

    " I  will  unforgive  you  to  do  the  bad  thing  like  this. "   

                           

                        The  fox  changes  his  skin  but  not  his  habits.   *

                 Superman ( It's Not Easy )   >>  http://www.ijigg.com/songs/V2B7G4GPD
    
    
   "  กฏหมายต้องเดินหน้าเอาผิดต่อคนไม่ดี  ........  ไม่ใช่ปล่อยให้คนไม่ดีมากล่าวเอาโทษกฏหมาย  "

                                     
                                          
ลูกหินฮะ๛
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,099


เสียเข็มขัด อย่าเสียกุงเกง


« ตอบ #27 เมื่อ: 06-01-2008, 18:35 »

พูดเหมือนว่า ไทยจะต้องก่อสงครามถึงจะผลิตอะไรๆๆเองได้อย่างงั้นอ่ะค่ะ 

ไม่เป็นไรหรอก พอน้าหมักได้นายก เราก็ได้สงครามแย้ว   


  แหมๆๆๆๆ  ...ลูกหิน..ตอบปายแล้ว...นี่น๊า

จาก "อุตสาหกรรม ทหาร" .. >> มาเปน "โรงงานถลุงเหล็ก "
เป้นส่วน หนึ่ง ที่ เกิดจาก วาระ สงคราม ..ก็จริง..

 แต่ นั่น ไม่ใช่ .. หนทางเดียว ที่เราจะ ไม่สามารถ มีเหมือนเขาได้

  ยังมีวิธีอื่นอีก..ในวิธี.. เศรษฐศาสตร์ และ การเมืองระหว่งประเทศ อีก..
เพราะยังมี ปัจจัย   จาก
สงครามโลกมาเป็น .. สงครามเย็น .. และ สงคราม เศรษฐกิจ..


ขี้ เกี่ยจ บรรยายฮะ..เดี๋ยวยาวมือหงิก... เอาไว้มาโม้ต่อ..งวดหน้าดีกว่าฮะ

บันทึกการเข้า

  ... ... ... 
ใบไม้ทะเล
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,321


In politics stupidity is not a handicap


« ตอบ #28 เมื่อ: 06-01-2008, 18:39 »

ขอบคุณพี่ลูกหินมากๆๆค่ะ สงสัยอนาต้องขอตัวก่อนล่ะค่ะ

เดียวกระทู้จะนอกเรื่องไปเยอะ 
บันทึกการเข้า

立てばしゃくやく、座ればぼたん、歩く姿はゆりの花
ลูกหินฮะ๛
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,099


เสียเข็มขัด อย่าเสียกุงเกง


« ตอบ #29 เมื่อ: 06-01-2008, 18:52 »

ขอบคุณพี่ลูกหินมากๆๆค่ะ สงสัยอนาต้องขอตัวก่อนล่ะค่ะ

เดียวกระทู้จะนอกเรื่องไปเยอะ 


ดร.อน๊า  ม่ายได้นอกเรื่อง..ดอกฮะ  ลูกหิน เข้าใจว่า กระทู๊ นี้ เป้นกระทู๊ การเมือง

แต่ เพระคำถาม ดร.อน๊า .. มัน เป้น ประโยชน์ กับ คนที่อยากรู้ ..มากกว่า
เลย สนุกอยากโม้และเล่าต่อ..

ก่อนจะรู้ จะ ทำ Industrial Production
เราต้อง ศึกษา อดีต มาก่อน ตาม กุนซือ..สอนมา
东方朔: 前事不忘,后事之师。
The past not forgotten is a guide for the future.


  ประวัติ และที่มา .. และ การสัมผัสจริง
มันสามารถ ตอบ ..ในเหตุผล ที่ทำไม?  ถึง เราทำไม่ได้.. ?
บันทึกการเข้า

  ... ... ... 
ท้าวอภิมหาอัครเทพอลังการ
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 258



« ตอบ #30 เมื่อ: 06-01-2008, 19:06 »

เห็นคุณใบ้ไมสนใจเรื่องอุตสาหกรรมทางทหารของเกาหลีว่าจะไฮเทคถึงขนาดไหน ท่านท้าวก็จะเล่าให้ฟัง

เกาหลีใต้เป็นประเทศที่มีอุตสาหกรรมทางทหารค่อนข้างครบวงจร

ผลิตอาวุธเองได้เกือบหมด ไม่ว่าจะเป็น

เครื่องบินรบ อย่างเช่น T/A-50 Golden Eagle ซึ่งแม้ว่าจะเน้นภารกิจฝึกบินมากกว่าขับไล่โจมตี แต่ก็ถือว่าเป็นพัฒนาการทางด้านการบินขั้นก้าวหน้าของเกาหลี



นั่นก็เพราะว่าเกาหลีมีอุตสาหกรรมอิลคทรอนิกส์ขั้นก้าวหน้า เป็นพื้นฐาน

เพราะเครื่องบินรบในยุคปัจจุบันนั้นต้องอาศัยเทคโนโลยีอิเลคทรอนิกสในการควบคุมการบินเป็นอย่างมาก

ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้ว ประเทศเจ้าของเทคโนโลยีจะไม่เปิดเผยระบบอิเลคทรอนิกส์การบินให้ชาติลูกค้าที่ซื้อเครื่องบินไป

ยกเว้นได้รับสิทธิบัตรการผลิตไปผลิตเอาเอง แต่นั่นก็หมายถึงว่าต้องได้รับสิทธิพิเศษจริงๆเท่านั้น


ส่วนรถถังหลักซึ่งเป็นหัวหอกของกองกำลังภาคพื้นดิน เกาหลีก็สามารถผลิตรถถังแบบ Hyundai K1

ที่แม้ว่าหน้าตาจะดูละม้ายคล้าย M1-Abrams ของสหรัฐไปบ้าง แต่ก็ถือว่าเป็นของที่ผลิตได้เอง




ที่เกาหลีทำได้ เพราะเกาหลีมีอุตสาหกรรมรถยนต์เป็นพื้นฐานสำคัญ โดยเกาหลีนั้นงมผิดงมถูกกับรถยนต์ประจำชาติของตัวเองมานาน

ไม่ว่าจะเป็น แดวู ฮุนได เกีย และ ซังยอง จนในปัจจุบัน รถยนต์เกาหลี แม้ว่าจะยังขายแข่งกับรถญี่ปุ่นในต่างประเทศไม่ได้

แต่ในเกาหลีเอง รถยี่ห้ออื่นก็เหงื่อตกเช่นกันถ้าต้องแข่งกับรถเกาหลี

นอกจากนี้เกาหลียังมีความสามารถในการออกแบบและต่อเรือระดับเรือพิฆาต ที่มีระวางขับน้ำมากกว่าสี่พันตันได้ โดยมีไม่กี่ประเทศในเอเชียที่ทำได้

โดยเกาหลีออกแบบและต่อเรือพิฆาตชั้น Chungmugong Yi Sunshin (ตั้งชื่อตามแม่ทัพ อี่ ซาน ชินแม่ทัพเรือเกาหลีซึ่งนำกองเรือเข้าต่อสู้กับทัพเรือของ โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ ในช่วงปลายศตวรรษที่ 16)



เกาหลีมีอู่ต่อเรือที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกนั่นคืออู่ต่อเรือของกลุ่มบริษัทแดวู ซึ่งหมายความว่าเกาหลีมีความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมการออกแบบและต่อเรือ

เพราะเรือรบ ไม่ใช่เรือเอี้ยมจุ๊น ที่จะต่ออย่างลวกๆได้ ประเทศที่มีเทคโนโลยีในการต่อเรือขั้นก้าวหน้าเท่านั้นจึงจะต่อเรือรบขนาดใหญ่ได้

แม้กระทั่งจีนเองที่มีอู่ต่อเรือขนาดใหญ่ และต่อเรือรบมากมายหลายลำ และส่งขายให้หลายประเทศรวมทั้งประเทศไทยด้วยนั้น

ก็ยังมีคุณภาพของการต่อเรือรบได้ไม่เท่าเกาหลี แต่อาศัยว่าถูกและของแถมเยอะ หลายๆประเทศจึงยอมซื้อ

อุตสาหกรรมทางทหารเป็นอุตสาหกรรมที่รวมเอาความก้าวหน้าของทุกเทคโนโลยีมาไว้รวมกัน

ประเทศที่มีอุตสาหกรรมพื้นฐานไม่ดีพอ รวมทั้งไม่มีการสั่งสมองค์ความรู้เป็นของตนเอง จึงไม่อาจจะมีอุตสาหกรรมทางทหารที่ก้าวหน้าได้

สำหรับประเทศที่อยู่สงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด แบบประเทศไทย ไม่อาจจะมีอุตสาหกรรมทางทหารขั้นก้าวหน้าได้นั่นก็เพราะ

1. เราไม่อยู่ในวิกฤตการณ์หรือสถานการณ์ที่เผชิญหน้าตลอดเวลาแบบ เกาหลใต้ี หรือ ไต้หวัน ที่ต้องมีการเตรียมพร้อมรับมือกับสงครามอยู่ตลอดเวลา

2. แม้ว่าเราเคยเผชิญหน้ากับวิกฤตการณใกล้เคียง์สงครามเต็มรูปแบบกับประเทศเพื่อนบ้าน แต่ด้วยศักยภาพของข้าศึกที่เผชิญหน้ากับเรานั้น

ไม่ได้มีศักยภาพขนาดใหญ่เทียบเท่ากับที่ ไต้หวัน หรือเกาหลีใต้เผชิญอยู่ โดยเป็นการรบในแบบกองโจร สงครามตัวแทน ตอดนิดตอดหน่อยตามชายแดน

จึงไม่มีความจำเป็นในการสะสมอาวุธ หรือเปิดอุตสาหกรรมทางทหารเพื่อรองรับสถานกาณ์สงคราม

3. การซื้ออาวุธมาใช้อาจจะทำให้เราโง่ และพัฒนาอาวุธเองไม่ได้ แต่ในสงครามที่แท้จริงแล้ว สร้างอาวุธได้แต่ใช้ไม่เชี่ยวชาญ ไม่มีประโยชน์

ใช้ให้อาวุธเป็นและใช้อาวุธให้คุ้มคือหลักเบื้องต้นของสงคราม

4. บ่อยครั้งที่มีคำถามว่า ถ้าเรามีปัญหากับประเทศผู้ค้าอาวุธแล้วจะทำไง เค้าก็ไม่ขายอาวุธให้เราสิ เราต้องพัฒนาเอง......

คำตอบคือ ตลาดค้าอาวุธมีผู้ค้าหลายราย ไม่มีการผูกขาดตลาด และผู้ค้าอยากขาย อเมริการไม่ขายอาวุธให้ไทย ก็ไปซื้อจากยุโรปได้ รัสเซีย็้มี จีนก็ขาย

ถ้าญี่ปุ่นมันส่งออกอาวุธได้ มันก็คงขายเหมือนกัน

5. อาวุธทุกประเภทที่ถูกวิจัยและพัฒนา ถ้าขายได้ต้องขายออกนอกประเทศ ไม่งั้นขาดทุน ทำเองใช้เอง เปลืองทรัพยากร เปลืองเงินทุน

ดังนั้นจะเห็นว่า การวิจัยและพัฒนาอาวุธขึ้นใช้เอง ต้องดูหลายๆปัจจัยเข้ามามีส่วนร่วม อยู่ๆพัมนาขึ้นมาแล้วไม่มีปัญญาผลิตในระดับอุตสาหกรรม มันก็จบเห่
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-01-2008, 19:19 โดย ท้าวอภิมหาอัครเทพอลังการ » บันทึกการเข้า
ลูกหินฮะ๛
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,099


เสียเข็มขัด อย่าเสียกุงเกง


« ตอบ #31 เมื่อ: 06-01-2008, 19:12 »

." อุตสาหกรรมทางทหาร  เป็นอุตสาหกรรมที่รวมเอาความก้าวหน้า ของทุกเทคโนโลยีมาไว้รวมกัน"
 

นี่แหละ คำตอบ .. ของการ.. ปฎิวัติ อุตสาหกรรม ฮะ
ขอบคุณ พี่ ท่านท้าวฯ เจ๋ง.. เป๊ง ท่านเขียนน่าอ่านเป้นวิชาการขึ้น .. ฮะ
  
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-01-2008, 20:44 โดย ลูกหินฮะ๛ » บันทึกการเข้า

  ... ... ... 
ใบไม้ทะเล
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,321


In politics stupidity is not a handicap


« ตอบ #32 เมื่อ: 06-01-2008, 19:23 »

หนูเข้าใจแล้วค่ะ ที่พี่ลูกหินกล่าวว่า

เพราะคนไทยไม่เคยมีสงคราม !!!!!!!! ปล่อยอนา โง่อยู่ตั้งนาน
 


ท่านเท้าฯ อนาออกไปแค่ Japan Sea  นี่ท่านท้าวเลยไป Pacific Ocean แล้วเจ้าค่ะ กลับมาๆๆๆ
 
บันทึกการเข้า

立てばしゃくやく、座ればぼたん、歩く姿はゆりの花
อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,406



« ตอบ #33 เมื่อ: 06-01-2008, 20:09 »

งุบงิบอนุมัติได้เก่งแบบนี้เอง มิน่าเล่าอันดับโปร่งใสไทยถึงพุ่ง(ลงเหว)กระฉูด

บันทึกการเข้า
********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #34 เมื่อ: 06-01-2008, 20:54 »

งุบงิบอนุมัติได้เก่งแบบนี้เอง มิน่าเล่าอันดับโปร่งใสไทยถึงพุ่ง(ลงเหว)กระฉูด



ตั้งแต่ปี42มา นี่ไม่กระฉูด?
บันทึกการเข้า

สี่หามสามแห่
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,460



« ตอบ #35 เมื่อ: 06-01-2008, 21:11 »

งุบงิบอนุมัติได้เก่งแบบนี้เอง มิน่าเล่าอันดับโปร่งใสไทยถึงพุ่ง(ลงเหว)กระฉูด



ถ้าเป็นควายก็คงดูแค่อันดับประเทศ

แต่ถ้าเป็นคนก็ต้องดูัทั้งอันดับประเทศ และจำนวนประเทศ...

สงสัยไอ้เชี่ยอย่างมรึงเป็นควายแน่ๆ
บันทึกการเข้า
RiDKuN
Administrator
ขาประจำขั้นที่ 3
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,015



เว็บไซต์
« ตอบ #36 เมื่อ: 06-01-2008, 21:51 »

เพราะคนไทยไม่มั่นใจในความเป็นไทย ขาดจิตสำนักชาตินิยมที่ถูกต้อง
ความเป็นไทยมักจะเป็นจุดด้อยมากกว่าจุดดีเมื่อเทียบกับของฝรั่งมังค่า

ถ้าอยากเห็นประเทศชาติก้าวหน้า เราต้องสนับสนุนกัน ช่วยเหลือกัน

ไม่ปฏิเสธความจริงว่าสินค้าไทยหลายอย่างยังไม่มีคุณภาพเทียบเท่าต่างชาติ
แต่ส่วนใหญ่ก็ใช้ได้ดีและมีราคาถูกกว่า ถ้าเราไม่ซื้อ เขาก็ไม่มีทุนจะไปค้นคว้าพัฒนาต่อ
ผลลัพธ์ที่ตามมาก็คือขาดความก้าวหน้าในด้านอุตสาหกรรม
ผลเสียก็ตกแก่ประเทศชาติโดยรวม ทำให้ประเทศเราไม่สามารถก้าวหน้าไปไหนได้

แล้วเราก็กลับมาบ่นใหม่ ว่าทำไมประเทศเราไม่ไปถึงไหน
มันก็เพราะเราดูแคลนและไม่สนับสนุนกันเองนี่แหละ
บันทึกการเข้า

คนไม่มี "อุดมคติ" ไม่ใช่ "นักการเมือง"
อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,406



« ตอบ #37 เมื่อ: 06-01-2008, 22:07 »

^
^
อย่าบอกนะจ๊ะ ว่าไม่เคยซื้อแผ่นแวมไพร์เร็คคอร์ด
ประเภทรวมฮิตทุกค่าย อุดหนุนของไทยนะเนี่ย
บันทึกการเข้า
ริวเซย์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,637


Worrior in The Blue Armor


เว็บไซต์
« ตอบ #38 เมื่อ: 06-01-2008, 22:32 »

เพราะคนไทยไม่มั่นใจในความเป็นไทย ขาดจิตสำนักชาตินิยมที่ถูกต้อง
ความเป็นไทยมักจะเป็นจุดด้อยมากกว่าจุดดีเมื่อเทียบกับของฝรั่งมังค่า

ถ้าอยากเห็นประเทศชาติก้าวหน้า เราต้องสนับสนุนกัน ช่วยเหลือกัน

ไม่ปฏิเสธความจริงว่าสินค้าไทยหลายอย่างยังไม่มีคุณภาพเทียบเท่าต่างชาติ
แต่ส่วนใหญ่ก็ใช้ได้ดีและมีราคาถูกกว่า ถ้าเราไม่ซื้อ เขาก็ไม่มีทุนจะไปค้นคว้าพัฒนาต่อ
ผลลัพธ์ที่ตามมาก็คือขาดความก้าวหน้าในด้านอุตสาหกรรม
ผลเสียก็ตกแก่ประเทศชาติโดยรวม ทำให้ประเทศเราไม่สามารถก้าวหน้าไปไหนได้

แล้วเราก็กลับมาบ่นใหม่ ว่าทำไมประเทศเราไม่ไปถึงไหน
มันก็เพราะเราดูแคลนและไม่สนับสนุนกันเองนี่แหละ

เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ
บันทึกการเข้า

ถ้ามีแฟนแบบนี้เอาไหมครับ^^


ปรมาจารย์เจได
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,771


รักแท้ก็เหมือนผี รู้ว่ามี แต่ไม่เคยเจอ


« ตอบ #39 เมื่อ: 06-01-2008, 22:46 »

^
^
อย่าบอกนะจ๊ะ ว่าไม่เคยซื้อแผ่นแวมไพร์เร็คคอร์ด
ประเภทรวมฮิตทุกค่าย อุดหนุนของไทยนะเนี่ย


เฮ้ย พี่แถ
ถ้าจะมองแค่แผ่นซีดีแวมไพร์เร็คคอร์ดอย่างที่พี่แถชอบซื้อล่ะก้อ

ซีดีเปล่า ผลิตในไทยนะเพ่
สารปรอท พลาสติค ฯลฯ ก็ของไทยนะเฮียครับ !!
บันทึกการเข้า

http://www.oknation.net/blog/jedimaster



"เมืองดอกบัวงาม  แม่น้ำสองสี  มีปลาแซบหลาย หาดทรายแก่งหิน  ถิ่นไทยนักปราชญ์  ทวยราษฎร์ใฝ่ธรรม งามลำเทียนพรรษา  ผาแต้มก่อนประวัติศาสตร์"

ไม่มีใครเน่าบริสุทธิ์ดุจดั่งมูล ประชาชินสมบูรณ์ซะที่ไหน เมื่อยืนหยัดโชว์จู๋และปาขี้ ประชาชินย่อมมีชีวิตใหม่ เมื่อท้องฟ้าสีขี้ผ่องอำไพ เหลี่ยมจันไsย่อมเป็นใหญ่อยู่ใต้ดิน ...

ขอเชิญร่วมกลุ่มต้านทักษิณใน hi5 ครับ

THAKSIN get out !!
http://www.hi5.com/friend/group/1123605--THAKSIN%2Bget%2Bout%2521%2521--front-html

say no to thaksin !
http://www.hi5.com/friend/group/1186900--say%2Bno%2Bto%2Bthaksin%2B%2521--front-html
แอ่นแอ๊น
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,591


"Angela Gheorghiu" My goddess


เว็บไซต์
« ตอบ #40 เมื่อ: 07-01-2008, 01:39 »

ทาทาของอินเดีย เป็นบริษัทที่ทำตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันเรือรบค่ะ คล้ายๆ มิซซูบิชิของญี่ปุ่น หรือฮุนไดของเกาหลี
เคยเห็นเจ้าของเค้าสัมภาษณ์เรื่องธุรกิจโทรคมนาคมใน CNBC ครั้งนึง แบบว่า โคตรเก่ง โคตรฉลาด และโคตรรวย 
ส่วนบริษัทในไทยที่ว่า เป็นการเข้ามาซื้อกิจการเดิม ของ MS ค่ะ คงปรับปรุงโครงสร้างใหม่ได้ระดับนึง
ปีที่แล้วพลิกฟื้นกลับมามีกำไรแบบปุ๊บปั๊บ (จะว่าก้าวกระโดดก็ไม่กล้าเพราะตังติ๊ดเดียว)
เรียกว่า เริ่มฟื้นตัวน่าจะถูกต้องกว่า ส่วนอนาคตจะเป็นยังไงต่อนั้น ต้องคอยดูกันต่อไปค่ะ 

ซีเกทก็โดน WTD เทคไป ปีที่แล้วมีการเปลี่ยนแปลงยุบรวมหลายๆ แห่งเหมือนกัน
ส่วนบางบริษัทซึ่งเป็นผีกลวงๆ มาหลอกแต่งบัญชีเอาตังชาวบ้าน แต่บริษัทโบ๋เบ๋ก็เยอะค่ะ
บันทึกการเข้า

       

"เมื่อเจตนาเบี่ยงเบนไปจากความจริง การนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง บางทีก็เป็นเพียงภาษาสุภาพสำหรับการพูดเท็จนั่นเอง" : วิถีแห่งปราชญ์ พิมพ์ครั้งที่ ๗ หน้า ๒๐๖
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #41 เมื่อ: 07-01-2008, 10:45 »

May I beg to differ? Please do not politicize the 'eco-car' too much.

You must realize that the so-called 'eco-car' technology belongs to the foreigners. Thailand is just the base for them to set up factories for export and provide cheap labours. Technological transfers are always low. What these Japanese and Europeans get are the bottom line waiting to repatriate to their headquarters elsewhere while the Thais get only meager wages. It appears that no one factors in natural resources that have been exhausted. Only small number of Thai elites stand to benefit heftily from this. Do you really feel proud when they hail Thailand as 'Detroit of Asia'?

What Thailand needs to emphasize now is not carmaking but rail transportation in both cities and upcountry that is more cost-efficient, energy-efficient, environmentally friendly than roads and highways. We have needed them for 20 years but chronic corruption always caused disruption while the construction costs were rising. Let alone China and Korea. Vietnam has been pondering over countrywide railways that support high-speed trains.

This could answer why Thailand's competitiveness falls constantly. Thailand is becoming less self-sufficient day-by-day. Excuse me, I won't call this an economic growth but another example of sacrificing long-term benefits for short-term gains.


ผมนำมาตั้งกระทู้ในประเด็นให้ช่วยกันจำไว้ ว่าเรื่องการตัดสินใจมาลงทุนผลิตรถอีโคคาร์
ของบรรดาค่ายรถตามข่าว ทางค่ายรถต่างๆ ตัดสินใจเรียบร้อยตั้งแต่ในรัฐบาลสุรยุทธ์
เพราะเป็นไปได้ว่าเดี๋ยวพอรัฐบาลใหม่มาก็จะอ้างเป็นผลงานกอบกู้เศรษฐกิจของตัวเอง

ซึ่งจะกลายเป็นว่ารัฐบาลสุรยุทธ์ไม่ได้ทำอะไร (หรือหนักกว่านั้นก็ทำให้เศรษฐกิจพัง)
ส่วนรัฐบาลที่มาใหม่ชุบมือเปิบอ้างเป็นผลงานตัวเองว่าทำให้นักลงทุนเชื่อมั่น


---

ส่วนเรื่องไม่มีการถ่ายทอดเทคโนโลยี เราได้แต่ค่าแรงราคาถูกๆ อะไรต่างๆ นั้น
มันเป็นเรื่องนอกประเด็นครับ ถ้าจะมองในแง่ร้ายขนาดปลูกข้าวขายเราก็ได้แค่
ค่าแรงปลูกข้าวถูกๆ เหมือนกัน .. จะคุยไปถึงขนาดนั้นไหมครับ

ส่วนเรื่องระบบขนส่งทางราง มันเป็นคนละเรื่อง ที่ผมเอามาลงเป็นเรื่องการลงทุน
เป็นเรื่องการจ้างงาน เป็นเรื่องการส่งออก เป็นเรื่องกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ
หรือจะมองไปถึงเรื่องประหยัดเชื้อเพลิงด้วยก็ได้ ต่อให้มีระบบขนส่งทางรางแล้ว
มันก็ยังต้องมีรถยนต์ใช้อยู่ดีนะครับ และอีโคคาร์ก็เป็นรถที่ประหยัดดี

ในอีกทางหนึ่งระบบขนส่งทางรางต้องได้ขยายอยู่แล้ว เพราะทุกพรรคการเมือง
ต่างขานรับกันถ้วนหน้าไม่มีใครค้านสักราย ดังนั้นรัฐได้ลงทุนเรื่องนี้แน่ๆ


ผมไม่เข้าใจว่าเอาไปโยงกับเรื่องนักลงทุนมาตั้งฐานการผลิตในไทยได้อย่างไร
เขาก็ไปลงทุนกันทั่วโลกนะครับไม่ใช่มาแต่ประเทศไทย อย่างล่าสุดค่ายฮุนได
ยังไปตั้งฐานที่อินเดีย และที่อเมริกา ไม่เห็นมีปัญหาไม่ถ่ายทอดเทคโนโลยี
หรือได้แต่ค่าจ้างแรงงาน หรือประเทศต้องการระบบขนส่งทางราง
หรือว่าพอเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับประเทศไทย ก็มองแต่แง่ไม่ดีครับ? 
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #42 เมื่อ: 07-01-2008, 10:55 »

คูณจะต้องเขาใจว่าเทคโนโลยีที่เรียกว่า อีโคคาร์ เป็นของต่างชาติ ไทย
เป็นแค่ฐานผลิตของพวกเขาที่จะต้องส่งออกและหาแรงงานถูกๆเทคนิค
ในการเคลื่อนย้ายต่ำมาก นั้นคือ ญี่ปุ่นและฝรั่งรอที่จะกลับ สำนักงานใหญ่
ของเขา ในขณะที่ไทยได้ค่าแรงที่ต่ำ มึคนไทยหน่อยเดียวที่ได้ผลประโยชน์
คุณภูมิใจหรือป่าวที่พวกมันเรียกได้ไทย ว่า ดีทรอย แห่งเอเชียสิ่งที่ไทย
ต้องเน้นตอนนี้คือ สร้างรถไฟภายในประเทศ เชื่อมเมืองต่อเมืองแต่นั้นคง
จะใช้พลังงานประสิทธิภาพ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากว่าถนน เรา
ควรมีตั้งแต่ 20ปีที่แล้ว แต่เพราะมี คอรัปชั่น ตลอดทำให้การก่อก่อสร้าง
มีความยุ่งเยิง และค่าก่อสร้างก็สูงขึ้น ถ้าไม่พูดถึงจีน และ เกาหลี
เวียดนามได้ไตร่ตรองเส้นทางรถไฟทั่วประเทศที่ใช้ความเร็วสูง  สามารถตอบได้ว่า
การเเข่งขันของประเทศไทย ได้ร่วงลงอย่างสม่ำเสมอ ไทยกลายเป็นน้อย
กว่าความเพียงพอ ฉันไม่เรียกอันนี้ว่าเศรษฐกิจโตขึ้น เป็นแค่ตัวอย่างการ
เสียสละผลประโยชน์ระยะยาว เพื่อได้รับประโยชน์ระยะสั้น

แปล ของคุณ 温哥华老大   นะครับ คุณ 温哥华老大  จะต้องเข้าใจว่า
คนที่เล่นที่นี้ส่วนมากเป็นคนไทย ผมก็ไม่ทราบว่าผมแปลถูกไหม
ผมก็ไม่เก่งอังกฤษ แล่วคุณจีอย่าลืมเล่นเรื่อง ความจริงครึ่งเดียวด้วยละ
ว่าใครได้ประโยชน์ ในการทำสัญญานี้ อิอิ

หรือว่า ที่ๆคุณอยู่มานไม่มีภาษาไทย อยู่แถวไหนละ หรือว่าแป้นพิมพ์
มานไม่มีไทย สั่งซื้อที่ ทางเน็ตครับ มะว่านก็ส่งมาให้ผมเป็นสติ้กเก้อ อิอิ

ตอบเฉพาะที่คุณ goolnw คุยกับผมนะครับ

คงไม่ต้องเล่นเรื่องความจริงครึ่งเดียวอะไรหรอกครับ
เพราะค่ายรถก็พากันมาลงทุนสารพัดยี่ห้อ ไม่ใช่กรณี
ล็อกสเป็ค ส่งเสริมสนับสนุน บริษัทตัวเองแห่งเดียว

ดูแล้วก็เป็นการพร้อมใจเลือกมาลงทุนผลิตรถยนต์
ในประเทศไทย ซึ่งด้วยศักยภาพของประเทศเรา
ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะมาตั้งฐานการผลิต
แต่ถ้าต่อไปมีข่าวไม่ชอบมาพากลก็ว่ากันอีกทีครับ 
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
ลูกหินฮะ๛
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,099


เสียเข็มขัด อย่าเสียกุงเกง


« ตอบ #43 เมื่อ: 07-01-2008, 12:10 »

ในหัวข้อเดียวกัน ลูกหิน ต้อง ขออภัย พี่จีฯ ..เจ้าของกระทู๊เขาก่อน
เพราะลูกหิน. ค่อนข้างออกนอกไปทะเล ไปแยะ ฮะ..  แตก็ สนุกดี ในหัวข้อนี้
ส่วนเรื่องการเมือง และ ภาวะการบริหารประเทศ ..
คงต้อง ขอบาย ให้เพื่อนๆท่านอื่นๆ เสวนากันต่อไป( เพราะลูกหินม่ายรู้เร่อง การเมืองเลย)


  ขอโม้สนุกต่อ..จาก พี่ท่านท้าวฯ ..ฮะ

ว่าไปแล้ว คนไทย มีความสามารถเฉพาะตัว ที่ คนญี่ปุ่น และ คนอเมริกันกล่าวถึงคือ

ข้อดี  คนไทย เรามี ทักษะ และ การพัฒนาผลิตภัณฑ์   
คือฉลาด ใน LOGIC ทำความเข้าใจง่าย สอนง่าย หัวไว
มีหัว นักประดิษฐ์

ข้อเสีย .. คนไทย
ขาดพื้นฐานด้านการวัด (Measurement) สถิติ   
พฤติกรรมขาดวินัยในการดำเนินการ
คือ.. ไม่มี Spirit ในเร่อง เป้าหมายของกลุ่ม   ( ทะเลาะกันเองก็เก่ง)

 



ผลที่ตามมา คือ  เรา  จึงเป็นได้ แค่ อู่ ซ่อม ที่เก่งกาจ  (อิอิฟังดูเหมือนดี)
Research & Development  ดูเหมือนจะดี... แต่ 
Copy & Development  ดันทำไม่ได้
เราจึงเป็น Inventer ไม่ได้ สักที..หน่ะฮะ





Copy & Development

เช่น  เคร่องบิน F5-E  เราใช้มันมาร่วม 30 ปี ตั้งแต่เริ่มมี สงครามเวียดนาม
เราเก่ง เราซ่อมเองได้ เราทำอะไหล่เองได้ ..
แต่... ไหง เรากลับ Copy มันไม่ได้??  แปลกไหมฮะ




 
ในขณะที่ ญี่ปุ่น มี F-15  JAPAN  ผลิตเอง
เขา ได้มาจากที่ เครื่อง บิน    F-15 US ตกที่ ญี่ปุ่น ในปี ประมาณ 20 ปี
ญี่ปุ่น แอบดอง F-15 ไว้ในห้อง R &D ถึง 3 เดือน ก่อนส่งคืน U.S.



หลังจากนั้นให้หลัง ญี่ปุ่น ผลิต F-15  Japan    ออกมา แบบ งามหน้ากว่า ใคร






กลับมาที่บ้านเรา ประเทศไทย...

งานประกอบชิ้นส่วน Vehicle  เรายัง ต้องพึ่ง Jig จาก วิศวะกร ต่างประเทศทุกครั้งที่ทำ Line การผลิต
เพราะเรา คนไทย ขาดพื้นฐานด้านการวัด (Measurement ) และ (Stat)สถิติ  นั่นเอง!



ถ้าให้ พูดเป็น ."ปรัชญา" เราต้องสอน เรื่องนี้กันก่อนจะทำการใดๆฮะ
เช่น " การวัด ความเที่ยงตรง  เป็นหัวใจสำคัญของการ ผลิต"


(นี่ยังแค่ผลิตนะ ยังม่ายช่ายเรื่อง คิดค้นเอง)  


บันทึกการเข้า

  ... ... ... 
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #44 เมื่อ: 07-01-2008, 12:19 »

ท่านท้าวว่านะ

เรื่องโรงถลุงเหล็กเนี่ย บ้านเราพูดกันมาสามสิบกว่าปี ไม่เกิดซะที

มัวแต่รับซื้อ เศษเหล็กมาเข้าโรงหลอมโรงรีด อยู่นั่นแหล่ะ
แล้วจะได้เหล็กมีคุณภาพได้ไง

ดังนั้นท่านท้าวจึงเห็นว่า เราควรก่อสงคราม เพื่อให้เรามีโรงถลุงเหล็ก เย้ๆๆๆๆๆๆๆ 

ไหนๆ ก็มีการพูดไปถึงเรื่องโรงถลุงเหล็กในกระทู้
งั้นก็ขอตอบด้วยแล้วกันนะครับ
 

ความจริงก่อนนี้ไทยเราเคยมีการลงทุนทำโรงงาน
ถลุงเหล็กครับ อย่างน้อยมีอยู่ 2 โรง คิดว่าแห่งหนึ่ง
อยู่ในเครือซีเมนต์ไทย ส่วนอีกแห่งผมจำชื่อไม่ได้

*แต่เขาเลิกกิจการกันไปเมื่อเกือบ 30 ปีมาแล้วครับ*

เหตุผลหลักจริงๆ ก็คือไทยเราไม่มีแหล่งแร่เหล็ก
ที่สมบูรณ์เพียงพอ กลายเป็นต้องนำเข้าสินแร่เหล็ก
และด้วยต้นทุนการผลิตที่สูง ทำให้เหล็กที่ถลุงได้
้้้มีราคาแพงกว่านำเข้าจากต่างประเทศ

ต่อมามีแผนลงทุนโรงงานถลุงเหล็กอีกก่อนปี 2540
คราวนี้มีถึง 6 รายด้วยกัน แต่พอเจอวิกฤติเศรษฐกิจ
ก็พับแผนกันไปอีกรอบครับ

สำหรับแหล่งแร่เหล็กของไทยก็มีน้อยมากนะครับ
ประเทศอื่นผลิตปีนึงเป็นร้อยล้านตัน แต่ไทยเรา
ปริมาณสำรองรวมทั้งประเทศยังไม่ถึงร้อยล้านตัน

เพิ่งจะมีการเปิดเหมืองเหล็กสมัยใหม่ที่ จ.เลย
แต่ปริมาณสำรองก็น้อยนิดเดียวครับ

---

ส่วนเรื่องที่เราเอาเศษเหล็กมาหลอมใช้ใหม่นั้น
กว่าครึ่งเป็นเศษเหล็กในประเทศของเรานี่เอง
มีซื้อจากต่างประเทศมาเสริมจำนวนหนึ่งครับ
ถ้าจะลงทุนทำโรงงานถลุงเอง ก็อย่างที่เล่า
คือต้องนำเข้าสินแร่เหล็กด้วย

ในเมื่อเราไม่มีความพร้อมถลุงเหล็กส่งออกอยู่แล้ว
มีแค่โรงหลอมเหล็กเก่ามาใช้ก็ไม่มีปัญหานะครับ


อีกอย่างคือถึงเราจะไม่มีโรงงานถลุงเหล็กใช้เอง
แต่อุตสาหกรรมเหล็กของเราก็เก่งใช้ได้นะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-01-2008, 12:23 โดย jerasak » บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
ลูกหินฮะ๛
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,099


เสียเข็มขัด อย่าเสียกุงเกง


« ตอบ #45 เมื่อ: 07-01-2008, 12:36 »


ไหนๆ ก็มีการพูดไปถึงเรื่องโรงถลุงเหล็กในกระทู้
งั้นก็ขอตอบด้วยแล้วกันนะครับ
 

ความจริงก่อนนี้ไทยเราเคยมีการลงทุนทำโรงงาน
ถลุงเหล็กครับ อย่างน้อยมีอยู่ 2 โรง คิดว่าแห่งหนึ่ง
อยู่ในเครือซีเมนต์ไทย ส่วนอีกแห่งผมจำชื่อไม่ได้

*แต่เขาเลิกกิจการกันไปเมื่อเกือบ 30 ปีมาแล้วครับ*

เหตุผลหลักจริงๆ ก็คือไทยเราไม่มีแหล่งแร่เหล็ก
ที่สมบูรณ์เพียงพอ กลายเป็นต้องนำเข้าสินแร่เหล็ก
และด้วยต้นทุนการผลิตที่สูง ทำให้เหล็กที่ถลุงได้
้้้มีราคาแพงกว่านำเข้าจากต่างประเทศ


ในเมื่อเราไม่มีความพร้อมถลุงเหล็กส่งออกอยู่แล้ว
มีแค่โรงหลอมเหล็กเก่ามาใช้ก็ไม่มีปัญหานะครับ

อีกอย่างคือถึงเราจะไม่มีโรงงานถลุงเหล็กใช้เอง
แต่อุตสาหกรรมเหล็กของเราก็เก่งใช้ได้นะครับ


คำตอบ .. อันนี้ จากพี่จี..  จะเป็นแนวทางที่ดีที่สุด ทางหนึ่งต่อไปฮะ 

  บวกกับ จากที่ลูกหิน กล่าวข้างต้น ในเร่อง เราหมด วาระ สงคราม ก็ไม่ได้หมายความว่า
เราจะทำไม่ได้

จาก "อุตสาหกรรม ทหาร" .. >> มาเปน "โรงงานถลุงเหล็ก "
เป้นส่วน หนึ่ง ที่ เกิดจาก วาระ สงคราม ..ก็จริง..

 แต่ นั่น ไม่ใช่ .. หนทางเดียว ที่เราจะ ไม่สามารถ มีเหมือนเขาได้

  ยังมีวิธีอื่นอีก..ในวิธี.. เศรษฐศาสตร์ และ การเมืองระหว่งประเทศ อีก..
เพราะยังมี ปัจจัย   จาก
สงครามโลกมาเป็น .. สงครามเย็น .. และ สงคราม เศรษฐกิจ..




บันทึกการเข้า

  ... ... ... 
ลูกหินฮะ๛
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,099


เสียเข็มขัด อย่าเสียกุงเกง


« ตอบ #46 เมื่อ: 07-01-2008, 13:02 »

CASE และการพัฒนา  การออกแบบ ผลิตรถยนต์
ในประเทศไทย


ตัวอย่างที่ดี ที่ลูกหินมอง จะเริ่มต้นมาจาก  ...

บริษัทที่ ลุกหิน เสียดายที่สุดคือ  เพราะ รัฐบาล ไม่เคยเหลี่ยวแลเท่าที่ควร
บริษัท พลสิทธิ์  ( ตุ๊กๆ ไงฮะ )



ลูกหิน ไปดูเดินเล่น มาบ่อยๆ เพราะฝัน อยากเป้นแบบเขา สมัยนั้น
เขาส่ง รถตุ๊กๆ Original  จากไทย ไปขาย ถึง  อินเดีย อิตาลี เลยทีเดียว  ฮะ




ส่วน รถใหญ่ เราก็ มีฝีมือใช่ย่อย คือ  อู่เชิดชัย ของป้าสุจินดา

อู่เชิดชัย เนี่ย  ตำนาน สุดยอดที่สุด ไว้ มีโอกาส จะเล่าให้ฟัง
แม้แต่.. รถถัง ที่จริง เขาก็ ซ่อมได้เอง และ ประกอบได้เอง จากศักยภาพ ที่ลูกหินไปเดินเล่นดู






และ บริษัท ไทย รุ่ง ยูเนี่ยนคาร์  - ISUZU
ที่ฝีมือคนไทย ทำได้ไม่เลวฮะ








งาน ด้าน Development

ยังมี บริษัท Carry Boy  ถ้าเพื่อนๆ รู้จัก



บันทึกการเข้า

  ... ... ... 
ลูกหินฮะ๛
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,099


เสียเข็มขัด อย่าเสียกุงเกง


« ตอบ #47 เมื่อ: 07-01-2008, 16:36 »

ตัวอย่างพฤติกรรม ของพลเมืองท้องถิ่น ในการ เป้น ฐานการผลิตรถยนต์


ประเทศ สหรัฐอเมริกา เป้นประเทศที่มี รถยนต์ใช้ มากที่สุด ประเทศหนึ่ง
ใช้แล้วทิ้ง   ..ทิ้งแล้วซื้อใหม่ (คนเมือง)



จะมีซ่อมเองเหมือนบ้านก็มี เช่นกัน ..แต่ตามบ้านนอกในเมกาหน่ะฮะ...

นอกจาก พลเมือง สหรัฐอเมริกาจะ บริโภคอย่างเดียวแร๊วว


..เขาเคยประสพปัญหาวิกฤติ คนตกงาน แยะ เหมือนกัน
ปี 1980 ญี่ปุ่นเศรษฐกิจเฟื่องฟู และ เป็น คู่ค้า แข่งขัน
 จึงมา ลอง ตั้งฐานผลิตใน ประเทศ สหรัฐอเมริกา ดุ เพื่อหาช่องทางการผลิตลดต้นทุน

คนอเมริกา มองว่า ก็ดี๊.. ได้รถราคาถูก คุณภาพ ต่ำ ก้ ม่ายเป้นไร ..คนก็จะม่ายตกงานอีกด๊วย
แต่ หลังจาก วาง Line การผลิต ในอเมริกา ก็เกิดปัญหามากมายตามมา



พี่ๆเพื่อนๆ ทราบไหมฮะ เพราะอะไร ?
ทำไม US. ไม่ประสพความสำเร้จในการเป้น Production Line ด้านรถยนต์ แบบ ญี่ปุ่น?








 คนอเมริกัน ก็ คล๊ายๆกับคนไทย ...น่านแหละ ฮะ
(กิน.คี่.ป้อ.นอน เหมือนๆกัน.. ม่ายช่ายเทวดามาจากไหน)

คนอเมริกัน ชนชั้นแรงงาน
( บ้านจะเรียกว่า  Red Neck พวก "หลังคอแดง" คือทำงานหลังสู้ฟ้า แดดเปรี๊ยงๆ..น่านแหละ)   
ส่วนใหญ่ % ประชาการ ก็ การศึกษาน้อย เหมือนคนไทย
ภาคบังคับ K.12
ถ้าเทียบโดยเฉลี่ย ต่อหัว  ไม่นับ คนเมือง มันก็ เหมือนๆ กับ กรุงเทพมหานคร


อิอิ  พวก..Red Neck American เขาจะไม่ค่อยให้ความสำคัญใน Apply งานตัวเองให้ดี กับงานในองค์กรณ์
คน อเมริกัน ก็ ขาดพื้นฐาน Spirit และ ด้านการวัด (Measurement ) และ (Stat)สถิติ เช่นกัน.. นั่นเอง!

ความล้มเหลว ในการตั้งโรงงาน ผลิต รถ ญี่ปุ่น.......ใน ประเทศ สหรัฐอเมริกา จึงเกิดขึ้น!

คนอเมริกัน .. มาทำงาน สาย  .. ไม่มีวินัย 
การทำงาน ของคนอเมริกัน เป็น การทำงาน แบบ  เช้าชามเย็นชาม
** ปัญหา โรงงาน ในUS ที่พบบ่อย คือ  "สหภาพ แรงงาน " เรียกร้องกัน ทุกเดือนหน้า ตึก
 
ต่างกับ การทำงาน ของคนญี่ปุ่น  ซึ่ง มี Spirit ความมุ่งมั่นใน ปรัชญา ขององกรณ์


( ถ้า ใครเรียน ทฤษฎี  X Y Z  ของ วิชา  Organization Behavior ) จะทราบดีฮะ



พี่ๆเพื่อนๆ คิดว่า  พนักงานคนไทยหล่ะ ควรจะเป้น แบบ อเมริกัน หรือ ยุ่น ดี?

บันทึกการเข้า

  ... ... ... 
ใบไม้ทะเล
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,321


In politics stupidity is not a handicap


« ตอบ #48 เมื่อ: 07-01-2008, 17:06 »

เห็นพี่ลูกหินพูดถึงคนญี่ปุ่น อนาขอจิ๊ดหนึ่ง เอิ๊กกก

ญี่ปุ่นเป็นนัก Copy ที่เก่งที่สุด สุดยอดที่สุด เขาส่งเด็กเขาไปเรียนต่างประเทศ แต่เด็กเขาไม่ยอมจบไม่ใช่ว่าไม่เก่งนะค่ะ แต่เธอยัง copy ได้ไม่หมดเลยไม่ยอมจบสักที 

พูดถึงนิสัยให้คนไทยเหมือนคนญี่ปุ่น เป็นไปได้ยากมากค่าพี่ลูกหิน คนไทยต้องมีอัตราการฆ่าตัวตายสูงขี้น  ถ้าตราบใดพื้นฐานจิตใจคนไทยยังรักสบาย ยากที่จะเหมือนเขาได้ คนญี่ปุ่นถนัดนักเรื่องทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ คนไทยจะทำงานแบบ ไม่เป็นไร ยังไงก็ได้ ง่ายๆ สบายๆ สักแต่ทำๆ(อันนี้เอาตัวเองเป็นมาตราฐานะ )

คนญี่ปุ่นติดนิดเดียวเรื่องใหญ่เลย ผ่านไม่ได้ทุกอย่างต้องเฟอเฟค ต้องเรียบร้อย ถ้าทำงานให้องค์กรใหนต้องทุ่มเทสุดๆๆ ชีวิตคือการทำงาน งานคือชีวิตของคุณ ทำให้คนญี่ปุ่นเหมือนหุ่นยนต์มาก (ในความรุ้สึกของอนานะ) สุดท้ายด้วยความที่ทำแต่งานๆ พอถึงตอนเกษียร เกิดปัญหาขึ้นมาจนได้ เพราะภรรยาไม่ชินกับการมีสามีรอบกาย แล้วหนุ่มๆญี่ปุ่นขาดความโรแมนติกมาก ชายไทยกินขาดค่า แต่เรื่องเจ้าชู้ชายไทยได้แชมป์อีกล่ะ (อันนี้นอกเรื่อง) 



อนาไม่แปลกใจหรอกถ้าประเทศเขาจะเก่งกาจเรื่องความก้าวหน้าของเทคโนโลยี คนญี่ปุ่นไม่ได้เก่งกาจอะไรเลยบางทีคนไทยอาจจะเก่งกว่าด้วยซ้ำ แต่พวกเขาขยัน ดูอย่างฟุตบอลซิ วิ่งตั้งแต่เริ่มเกมยันจบเกมเลย ขยันจริงๆๆค่ะ ทำอะไรแล้วทำจริงจัง

แต่นั่นแระ มองไปทางสิ่งแวดล้อม เจแปนเป็นประเทศที่มีเนื้อที่การเพราะปลุกน้อย เพราะส่วนมากประกอบไปด้วยภูเขาที่เป็นส่วนประกอบของหิน พื้นที่ที่จะเพราะปลูกแทบจะไม่มีเลย เพื่อการลืมตาอ้าปากของประเทศ ฉะนั้นหากเขาจะพัฒนาประเทศสิ่งที่พวกเขาทำได้ก็คือการมองไปที่เทคโลโลยี หนูคิดแบบนี้นะ
บันทึกการเข้า

立てばしゃくやく、座ればぼたん、歩く姿はゆりの花
จุกบี้
น้องใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 19


Never let Logic & Reason sway u, That's the spirit


« ตอบ #49 เมื่อ: 07-01-2008, 17:31 »

เข้ามาลงนามเป็น "ผู้ช่วยจำ"ค่ะ

แต่ปกติก็ไม่ใช่คนลืมอะไรง่ายอยู่แล้ว
ช่างต่างจากคนส่วนใหญ่ในประเทศที่ตัวเองเกิดจังเลย คิๆ
บันทึกการเข้า

People should not be afraid of their governments, Governments should be afraid of their people.
(V for Vendetta)
หน้า: [1] 2
    กระโดดไป: