ไปเจอบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับอีโคคาร์มีเนื้อหามากพอสมควร
ท่านใดไม่กลัวเมื่อยสายตาก็ติดตามอ่านได้นะครับ
มีกล่าวถึงด้วยว่าค่ายทาทา เป็นผู้เริ่มต้นแนวคิดอีโคคาร์แบบนี้
และบอกด้วยว่าบริษัทรถยนต์ต่างๆ สนใจผลิตอีโคคาร์โดยมองว่า
ตั้งฐานผลิตที่อินเดียประหยัดกว่า เช่นจ้างวิศวกรเพียงแค่เดือนละ
700 USD (เทียบแล้วไม่ต่างจาก rate ประเทศไทยนะครับ)
ตอนนี้ค่ายทาทาของอินเดียมีแผนตั้งฐานการผลิตในไทยแล้ว -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
โลกวันนี้...ธุรกิจวันนี้ ::
ตลาดรถราคาถูกhttp://watta.co.th/lastnews/april50/300450/bussiness.html เมื่อต้นเดือนเมษายน นายคาร์ลอส โกสท์ ซีอีโอของเรโนลต์-นิสสัน ผู้ผลิตรถยนต์ของฝรั่งเศสและญี่ปุ่น
กล่าวในพิธีเปิดโรงงานผลิตรถของบริษัทในอินเดีย โดยเปิดเผยถึงเป้าหมายการผลิตรถของเรโนลต์-นิสสันว่า
จะเน้นผลิตรถราคาถูกหรือ cheap car ขายในอินเดียและจีน โดยตั้งเป้าหมายราคาไว้ที่ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ
และหากประสบความสำเร็จ ในสองประเทศคาดว่าจะผลิตรถสปอร์ตคาร์ขนาดเล็ก ที่มีราคาต่ำระดับ 2,500
ดอลลาร์สหรัฐ หรือลดลงกว่า 40% เมื่อเทียบกับราคารถขนาดเล็กหรือ subcompact โดยทั่วไป
การเปิดโรงงานผลิตรถเล็กราคาถูกในอินเดียของเรโนลต์-นิสสันเท่ากับเป็นการเปิดศึกระหว่างบริษัท รถต่างชาติ
กับบริษัทผลิตรถที่มีอิทธิพลในธุรกิจอินเดีย คือทาทา มอเตอร์ ที่เคยตั้งเป้าว่าในปีหน้าจะผลิตรถเล็กราคาถูก
ขายในอินเดีย การแข่งขันของเรโนลต์- นิสสันกับทาทา มอเตอร์ เท่ากับเป็นการเปิดแนวทางการผลิตรถรุ่นใหม่
เหมือนอย่างที่เมื่อ 100 ปีก่อนบริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ ได้ประกาศผลิตรถรูปแบบที่เรียกว่าที-โมเดลที่บริษัทรถ
หลายแห่งได้นำไปเป็นต้นแบบในการ ผลิตรถจนกระทั่งถึงทุกวันนี้
ต้นกำเนิดของการผลิตรถราคาถูกในตลาดโลก เกิดขึ้นเนื่องจากบริษัทอุตสาหกรรมรถหลายแห่งได้พยายามดิ้นรน
หาช่องทางการตลาดใหม่ๆ หลังจากที่ตลาดรถราคาแพงเริ่มอิ่มตัวในประเทศที่มีขนาดเศรษฐ-กิจใหญ่อย่างสหรัฐ
สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น ดังนั้น บริษัทรถจึงหาช่องทางเจาะตลาดรถในประเทศกำลังพัฒนาอย่างจีนและอินเดีย
รวมทั้งอีกหลายประเทศในกลุ่มลาตินอเมริกาที่ไม่ต้องการรถกินน้ำมันและราคาสูง ซึ่งผู้บริโภคในประเทศกำลัง
พัฒนาเหล่านี้ต้องการรถราคาถูกและมีคุณภาพดีพอสมควร
นักวิเคราะห์ธุรกิจกล่าวว่า การผลิตรถราคา ถูกต้องเป็นรถที่มีต้นทุนการผลิตต่ำหรือ Low-cost cars เป็นแนวทาง
เดียวกับการดำเนินธุรกิจสายการบินต้นทุนต่ำ ซึ่งมอนิเตอร์ กรุ๊ป บริษัทที่ปรึกษาด้านรถยนต์ เปิดเผยว่า แนวทาง
การผลิตรถยอดนิยมในศต-วรรษนี้จะเป็นรถ Low-cost cars เนื่องจากเป็นรถที่ประหยัดพลังงานและใช้ได้ทั้งใน
เขตเมืองและชนบท
บริษัทผลิตรถของยุโรปที่เป็นต้นแบบในการริเริ่มผลิตรถต้นทุนต่ำคือเรโนลต์-นิสสัน ที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2004 เมื่อบริษัท
ได้เริ่มต้นผลิตรถซีดานชื่อ Logan ขายในยุโรปตะวันออก มีราคา 7,200 ดอลลาร์สหรัฐ หรือมีราคาถูกกว่า 40%
เมื่อเทียบกับรถซีดานของบริษัทคู่แข่งในยุโรป และหลังจากที่เรโนลต์-นิสสัน ทดลองผลิตรถรุ่นนี้แล้วพบว่าได้
เปิดขายใน 51 ประเทศ และมียอดขาย 450,000 คัน
ซีอีโอของเรโนลต์-นิสสันเปิดเผยว่า การผลิตรถต้นทุนต่ำเกิดขึ้นจากการตัดสินใจตั้งโรงงานผลิตรถในประเทศ
ที่มีค่าแรงงานถูกอย่างที่โรมาเนียและรัสเซีย ทั้งสองแห่งเป็นโรงงานที่ผลิตรถขนาดเล็กได้ดีและมีต้น ทุนแรงงานต่ำ
ทำให้บริษัทกำหนดราคาขายของรถ ซีดานไม่ถึง 10,000 ดอลลาร์สหรัฐตามราคารถซีดานที่ขายทั่วโลก
สำหรับรถราคาถูกที่มีต้นทุนการผลิตต่ำนั้นนักวิเคราะห์ยกย่องให้ บริษัททาทา มอเตอร์ เป็นต้นแบบใน การคิดรถ
รุ่นนี้ขึ้นมาในปี 2003 เมื่อทาทา มอเตอร์ ประกาศผลิตรถราคาต่ำที่ระดับ 2,500 ดอลลาร์สหรัฐ โดยเป็นรถ 4 ประตู
มีเครื่องยนต์ 33 แรงม้า และสามารถเร่งความเร็วขณะขับขี่ได้เต็มที่ 80 ไมล์ต่อชั่วโมง ทั้งนี้ ทาทา มอเตอร์ ได้ผลิต
รถประเภทนี้ออกมาแล้วนำมาทดสอบ และผ่านการยอมรับจากวงการรถยนต์ทั่วโลก พร้อมที่จะเปิดตัวในอินเดียปีหน้า
ผู้บริหารของทาทา มอเตอร์ กล่าวว่า แนว ทางการผลิตรถราคาถูกของบริษัทจะต้องยึดหลักการลดต้นทุนการผลิต
อย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ ประกอบรถยนต์ทั้งเบาะหนังและอุปกรณ์อื่นๆ แต่สิ่งที่ลดต้นทุนการผลิตไม่ได้คือ
เครื่องยนต์และระบบรักษาความปลอดภัยสำหรับตลาดรถราคาถูกในแนวทางที่ทาทา มอ-เตอร์ วางไว้นอกจากจะสามารถขายในตลาดอินเดีย และจีนแล้ว
ยังขยายไปที่ลาตินอเมริกาคือ บราซิล และรัสเซีย ซึ่งทั้ง 4 ประเทศดังกล่าวเป็นตลาดกำลังพัฒนา ที่ประชากร
เริ่มมีรายได้ในระดับชนชั้นกลาง จึงเป็น กลุ่มคนที่มีรายได้พอจะซื้อรถในราคาถูกได้ ทั้งนี้ โรแลนด์ เบอร์เกอร์
สทราจี้ คอนซัลแทนส์ บริษัทวิจัยด้านการตลาดรถ เปิดเผยว่า ในปี 2012 ตลาดรถทั่วโลกส่วนใหญ่จะมีราคา
ต่ำกว่า 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ และจะอยู่ในตลาดไม่ต่ำกว่า 18 ล้านคัน หรือเท่ากับ 1 ใน 5 ของรถที่ผลิตได้
เทียบกับปีนี้พบว่ารถราคาต่ำกว่า 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ มียอดขายในตลาดโลกเพียง 12 ล้านคันเท่านั้น
เมื่อแนวโน้มรถราคาถูกเริ่มนิยมในตลาดประ-เทศกำลังพัฒนา ทำให้บริษัทขนาดใหญ่อย่างโตโยต้า โฟล์คสวาเกน
เฟียต และเปอโยต์ ต่างหันมาสนใจผลิตรถราคาถูกที่มีลักษณะและขนาดเท่ากับ Logan ที่เรโนลต์-นิสสันผลิตได้
ส่วนเจนเนอรัล มอเตอร์ส หรือจีเอ็ม แม้จะเป็นบริษัทรถอันดับ 1 ที่ผลิตรถหรูหราราคาแพง แต่เมื่อตลาดมีความ
ต้องการรถราคาถูก จีเอ็มจึงได้ให้บริษัทรถในเครือที่เกาหลีใต้คือจีเอ็ม แดวู ผลิตรถราคาถูกสำหรับตลาดประเทศ
กำลังพัฒนา แต่ราคายังสูงที่ระดับ 7,000 ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อไม่ให้เสีย ภาพลักษณ์ของจีเอ็ม
ไครสเลอร์ มอเตอร์ มีบริษัทรถในจีนที่เตรียม ผลิตรถราคาถูกหรือที่ไครสเลอร์เรียกว่า low-cost cars ภายใต้
ชื่อบริษัท Chery ซึ่งมีสาขาในจีนหลายเมือง นอกจากนี้อีกบริษัทที่เตรียมกระโดดมาแย่งตลาดรถราคาถูกคือ
ฮุนได มอเตอร์ มีแผนที่จะให้โรงงานในอิน-เดียเป็นศูนย์กลางการผลิตรถขนาดเล็กและราคาถูก โดยตั้งเป้า
จะเพิ่มการผลิตรถประเภทนี้ให้ได้มากกว่า 600,000 คัน
นายเดวิด นิโคลาส ประธาน บริษัทจีเอ็ม ภูมิภาค เอเชีย-แปซิฟิก กล่าวว่า นอกจากบริษัทรถทั่วโลกจะนิยมผลิต
รถราคาถูกแล้ว ในอนาคตรถซีดานรุ่นต่างๆและรถมินิในตลาดโลกจะมีการลดราคาลงเพื่อเปลี่ยน ให้เป็นรถต้นทุนต่ำ
ตัวอย่างเช่น รถซีดานอาจจะลดราคาลงมาเหลือ 9,000 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนรถมินิอาจ จะลดราคาลงเหลือ 7,000
ดอลลาร์สหรัฐ หรือลดลง 15% เมื่อเทียบกับราคาขายในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่บริษัทรถต้องวางแผนในการผลิตรถราคาถูกคือ หาแหล่งผลิตที่มีต้นทุนการดำ-เนินงานต่ำ
อย่างเช่น ที่ประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นแหล่งผลิตรถราคาถูกที่เหมาะสมที่สุด เนื่องจากอินเดียมีแรงงานราคาถูก
ไม่ว่าจะเป็นวิศวกร ช่างเทคนิค และบริษัทซัพพลายเออร์ที่ผลิตอุปกรณ์ประกอบรถราคาถูก ยกตัวอย่างเช่น
การผลิตรถราคาถูกของทาทา มอเตอร์ พบว่าในส่วนของค่าแรงงานระดับวิศวกร บริษัทสามารถประหยัด
ค่าแรงงานได้เมื่อว่าจ้างวิศวกรอินเดียในอัตรา 700 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน หรือมีค่าแรงงานถูกกว่าวิศวกร
ในประเทศ อุตสาหกรรมถึง 70%นอกจากนี้ทาทา มอเตอร์ ยังเป็นพันธมิตรกับบริษัทมหินทรา แอนด์ มหินทรา ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์ผลิตอุปกรณ์
รถยนต์ป้อนให้เรโนลต์-นิสสันด้วยเช่นกัน โดยสามารถผลิตอุปกรณ์รถยนต์ให้ทาทา มอเตอร์ ได้ในราคาถูกกว่า
การนำเข้าจากต่างประเทศ
จากข้อมูลด้านการวิจัยตลาดรถราคาถูกของ บริษัทโรแลนด์ เบอร์เกอร์ฯ พบว่าในปี 2005 ที่ผ่านมารถราคาถูก
มียอดขายเพียง 1% ในตลาดสหรัฐ จึงทำให้บริษัทรถรายใหญ่ในสหรัฐอย่างจีเอ็ม ฟอร์ด และไครสเลอร์ ไม่ให้
ความสนใจกับรถประเภทนี้ แต่ที่อินเดีย โรแลนด์ เบอร์เกอร์ฯ เชื่อว่าในอีก 7 ปีข้างหน้าหรือปี 2014 ตลาดรถราคาถูก
จะมียอดขายโตเป็นสองเท่าหรือ 3.3 ล้านคัน เทียบกับปัจจุบัน 1.6 ล้านคันที่ขายในอินเดีย ซึ่งปริมาณยอดขายรถ
ในอินเดียในระดับนี้ทำ ให้บริษัทรถทั่วโลกเริ่มให้ความสนใจที่จะเจาะตลาดรถ ในแดนโรตีมากขึ้น เนื่องจากตลาดรถ
ในประเทศใหญ่ๆ เริ่มอิ่มตัวและมีการแข่งขันสูงมาก
ส่วนในจีนบริษัทวิจัยเจดี พาวเวอร์ เปิดเผยว่า อีก 7 ปีข้างหน้าตลาดรถราคาถูกของจีนจะเติบโต 140% หรือมี
ยอดขายไม่ต่ำกว่า 16.5 ล้านคัน ทั้งนี้ นักวิจัยของเจดี พาวเวอร์ คาดว่าการขายรถราคาถูกให้ประสบ ความสำเร็จ
ต้องเจาะตลาดใหญ่อย่างอินเดียและจีน และต้องเน้นการผลิตรถที่เพิ่มปริมาณขึ้นเรื่อยๆเพื่อให้ทันขายในตลาด
ที่มีความต้องการสูง
ทางด้านโตโยต้า มอเตอร์ ผู้ผลิตรถอันดับ 1 ของญี่ปุ่น ที่นิยมผลิตรถขนาดเล็กเจาะตลาดในสหรัฐและ แคนาดา
แต่สำหรับรถราคาถูกที่มีต้นทุนการผลิตต่ำ โตโยต้าก็ให้ความสนใจเช่นกัน และมีเป้าหมายผลิตรถ ราคา 7,000
ดอลลาร์สหรัฐขายในอินเดียและบราซิล ซึ่งเป็นประเทศที่โตโยต้ามีโรงงานผลิตรถพร้อมอยู่แล้ว คาดว่ารถราคาถูก
ของโตโยต้าจะเปิดตัวได้ในปี 2009
นายคัตซูอากิ วาตานาเบะ ประธาน บริษัทโตโยต้า กล่าวว่า หากวิศวกรของโตโยต้าคิดค้นวิธีการผลิต รถราคาถูก
ที่มีต้นทุนการผลิตต่ำได้อย่างสมบูรณ์แล้ว โตโยต้าจะนำรูปแบบการผลิตรถแบบนี้ไปใช้กับรถรุ่นอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น
รถซีดานอย่างโคโรลล่า หรือรถสปอร์ต อเนกประสงค์ ซึ่งจะเป็นประโยชน์สำหรับโตโยต้าในการเจาะตลาดรถใน
ประเทศกำลังพัฒนาระยะยาว
สิ่งที่ต้องจับตามองสำหรับตลาดรถราคาถูกคือ ในอนาคตข้างหน้ารถประเภทนี้จะไม่วางขายในประเทศกำลังพัฒนา
อย่างอินเดีย จีน บราซิล หรือในยุโรปตะวันออก แต่หากผู้บริโภคในประเทศพัฒนาแล้วอย่าง ยุโรปตะวันตกมีความ
ต้องการรถประเภทนี้ คาดว่าบริษัทใหญ่อย่างเรโนลต์-นิสสันจะไม่ปล่อยโอกาสการ เจาะตลาดรถนี้ให้หลุดลอยไป
โดยมีรายงานว่าเรโนลต์-นิสสันเริ่มนำรถราคาถูกไปวางขายในโชว์รูมของยุโรป หลายประเทศ และกำลังได้รับความ
สนใจจากผู้บริโภค วัยหนุ่มสาวที่ต้องการรถราคาไม่แพง
จากการวิจัยของบริษัทออโตโมทีฟ รีเสิร์ช ในเยอรมนี พบว่าการขายรถราคาถูกของบริษัทเรโนลต์-นิสสันนั้น
รถแต่ละคันจะมีมาร์จินหรือผลต่างระหว่างราคาขายกับต้นทุนการผลิตในราคาไม่สูงมาก โดยเรโนลต์-นิสสัน
จะได้ค่ามาร์จินในการขายรถรุ่น Logan ประมาณ 400 ดอลลาร์สหรัฐต่อคัน เทียบกับ BMW ที่ได้ค่ามาร์จิน
ในการขายรถหรูไม่ต่ำกว่า 3,300 ดอล-ลาร์สหรัฐต่อคัน
จะเห็นได้ว่าการผลิตรถราคาถูกจะมีมาร์จินอยู่ในระดับไม่สูงมาก แต่หากขายรถในปริมาณมากจะทำให้บริษัท
ผู้ผลิตสามารถสร้างกำไรได้เพิ่มขึ้น และคาดว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้ารถราคาถูกจากจีนและอินเดียจะเริ่มเจาะตลาด
ในสหรัฐอย่างเป็นทางการ โดยบริษัท Geely ของจีน ประกาศจะส่งรถราคาถูกขายในสหรัฐที่ระดับราคา 3,900
ดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2010
ส่วนบริษัทซูซูกิ มอเตอร์ ของญี่ปุ่น ผลิตรถราคาถูกในอินเดียขายในราคา 4,400 ดอลลาร์สหรัฐ คาดว่าปีหน้า
จะมีการส่งออกไปยังยุโรป และทาทา มอ-เตอร์ เจ้าของแนวความคิดการผลิต cheap cars ประกาศว่าจะขาย
รถรุ่น Indica ในยุโรปในราคาสูงสุดที่ 8,500 ดอลลาร์สหรัฐ เป็นรถซีดานรุ่นแรกของทาทา มอเตอร์ ที่เปิดตัว
ในตลาดยุโรป
สำหรับตลาดรถราคาถูกนักวิเคราะห์คาดการณ์ ว่า หากขายในจีนและอินเดียราคาจะอยู่ที่ 3,000-5,000 ดอลลาร์
สหรัฐ แต่หากเพิ่มอุปกรณ์รักษาความปลอดภัย และระบบอื่นๆราคาจะอยู่ที่ 6,000-7,000 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งยัง
ถือว่าเป็นราคาถูก
ในขณะเดียวกันหาก cheap cars จะขายในตลาดยุโรปต้องมีการตั้งราคาให้สูงขึ้นมาอีกนิดที่ระดับ 5,000 ดอลลาร์
สหรัฐเป็นอย่างต่ำ และหากเพิ่มอุปกรณ์เสริมเข้าไปอีกจะทำให้ราคารถอยู่ที่ 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งยังถือว่า
เป็นรถราคาถูกสำหรับผู้บริโภครายได้สูงในยุโรปและสหรัฐ