ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
29-03-2024, 21:47
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สโมสรริมน้ำ  |  เป่าปี่ ผู้ชายหรือ ผู้หญิง กันแน่ ที่ชอบเป่าปี่ 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
เป่าปี่ ผู้ชายหรือ ผู้หญิง กันแน่ ที่ชอบเป่าปี่  (อ่าน 4677 ครั้ง)
นายชด(หนุ่ม)
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 88



« เมื่อ: 16-05-2006, 17:47 »

เป่าปี่  เป็นคำเรียกขาน ที่ใช้แทนคำว่า ร้องไห้

ผมไม่ทราบว่าใครช่างประดิดประดอยคำพูดนี้ออกมากัน  ทราบแต่ว่า คำว่า เป่าปี่ มันเป็น salang ของคำว่า ร้องไห้

สมัยเป็นเด็ก เวลาเล่นกับเพื่อนๆเด็กชายด้วยกัน หากมีเด็กหญิงมาเล่นด้วย ส่วนใหญ่จะไม่เล่น แถมเดินหนี
บางคนล้อเลียน แถมต่อว่าแรงๆ  จนเธอเป่าปี่ น้ำหูน้ำตาไหลไปหลายคน

พ่อแม่ชอบสอนนักว่า เป็นผู้ชาย อย่าร้องไห้ อย่าให้ใครเห็นน้ำตา เดี๋ยวจะไม่สม เป็น  ชาย
หากเวลาใครที่เป็นเด็กชาย ร้องไห้ ก็มักมีคนบอกว่า ร้องไห้เป็นผู้หญิงไปได้

สรุปแล้ว มีแต่คนชอบสรุปกันว่า การร้องไห้เป็นเอกลักษณ์ของผู้หญิงไปเสียนั่น

โตขึ้นมาอีกหน่อย ทีนี้ เด็กชายทั้งหลายที่เป็นวัยรุ่น ชักไม่รังเกียจเด็กหญิงที่จะมาเล่นด้วยแล้ว ตรงกันข้าม ต่างคนต่างก็ภาวนาให้มีเด็กหญิงเข้ามาหาขอ "เล่น" ด้วยอีก   มันช่างน่าขันจริงๆ

พอเป็นหนุ่ม เป็นสาวขึ้นมา ทีนี้แหละ  มาวัดกันจะๆว่าใคร เป่าปี่มากกว่ากัน
หลายคนที่เป็นชาย เวลาถูกผู้หญิงหักอกดังเป๊าะๆ  ก็หันไปหาเพื่อนที่ชื่อ สุรา  เท่านั้นยังไม่พอ บางคนดื่มไป  เป่าปี่ไป 

คร่ำครวญเป็นวรรคเป็นเวร ถึงความรักที่มีต่อสาวเจ้า ไม่อายสายตาเพื่อนๆที่นั่งปลอบใจในก๊วนเหล้าเลยสักน้อย 
เพื่อนฝูงต่างก็บอกว่า ทำไมเอ็งชอบเป่าปี่วะ  กะอีแค่ผู้หญิงเขาไม่รักเอ็งแค่เนี้ย นี่นะ

มันกินเหล้า แล้วก็ร้องไห้อยู่พักหนึ่ง  แล้วก็เริ่มสำนึกได้ว่า นอกจากมันจะต้องอายอาโกร้านข้าวต้มที่ไปอาศัยกินเหล้า เป่าปี่แล้ว

 มันยังเสียรู้เพื่อนๆที่มากินเหล้าฟรี แกล้งปลอบใจมันอยู่นาน  แล้วในที่สุด มันก็เลิกเป่าปี่  แต่กินเหล้าเหมือนเดิม............เพียงแต่ครั้งนี้ ต้องแชร์กันจ่าย  ไม่อย่างงั้น อาจมีเพื่อนบางคน ต้องเป่าปี่เพราะโดนมันเตะ โทษฐานเบี้ยวเงินแชร์ค่าเหล้าก็ได้

       ส่วนผู้หญิง นั้นเล่า?   ยามที่เธออกหัก หลายคนก็เป่าปี่เช่นกันนั่นแหละ เพียงแต่เธอไม่ได้มานั่งฟูมฟายกลางสาธารณะชนให้ใครเห็น  ส่วนใหญ่จะร้องไห้กับเพื่อนสนิทที่เป็นหญิงด้วยกัน  หรือไม่ก็นอนร้องไห้อยู่ในห้องนอนตัวเอง  บางคนก็ขังตัวเองร้องไห้เป็นอาทิตย์ในห้องนอนเช่นกัน
..................น้อยรายที่อกหักแล้วจะไปนั่งกินเหล้า เป่าปี่เหมือนผู้ชาย  ส่วนใหญ่ ผู้หญิงอกหัก เธอก็จะไปตัดผมทรงใหม่  รึนี่มันเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของสาวๆยุคนี้กัน

....................ผมสังเกตุมาหลายคนแล้วที่รู้จัก หลายคนพอเลิกกะแฟน นอกจากจะเป่าปี่แล้ว เธอยังเปลี่ยนทรงผม หรือตัดผมไปเลย   ส่วนใหญ่หากผมยาว จะซอยผมสั้นไปเลย  หรือมันเป็นเคล็ดว่า ตัดผมก็คือ ตัดขาดเธอ???


นอกจากคนเราชายหญิง จะชอบเป่าปี่เวลาอกหัก รักคุด แล้ว  เรื่องเสียใจอื่นๆ ก็มีการเป่าปี่กันอย่างเป็นล่ำเป็นสันเช่นกัน เช่น  การสูญเสียญาติผู้ใหญ่ที่ตนเองรัก  หรือผิดหวังในเรื่องที่ตนเองตั้งความหวังไว้สูงๆ

ผมไม่แน่ใจว่า ชาย หรือ หญิง นั้น ใครมีสถิติ การเป่าปี่โดยเฉลี่ยมากน้อยกว่ากัน เพราะ ยังไม่มีการทำโพลล์สำรวจ  แต่พอคุยกะเพื่อนๆไม่ว่าชาย หรือ หญิง ทีไร   มักได้คำตอบว่า  ผู้ชาย จะเป่าปี่น้อยกว่า  ส่วนผู้หญิงเป่าปี่เก่งกว่ามาก

ถามซักเข้าจริงๆ ว่าทำไมถึงรู้ ทำไมตอบแบบนั้นล่ะ

ไอ้เพื่อนทะลึ่งบางคนมันก็บอกว่า ผู้ชายที่เป่าปี่เก่งๆ มันมีปริมาณในสังคมน้อยกว่าผู้หญิงไงว้อย  ผู้หญิงอย่างไรก็เป่าปี่เก่งกว่า  มันพูดจบแล้วยักคิ้วแผล๊บๆ  น่าเตะมาก เพราะมันหมายความไปเรื่องอื่นๆ  อันไม่ใช่นัยของการร้องไห้เลยสักนิด..................คนอะไรวะ ทะลึ่งจริงๆ

แต่ผมก็เห็นด้วย อ้า....ไม่ใช่เรื่องทะลึ่งนะครับ  แต่จริงๆ  จากที่พบเห็นมา

เช่น

ในโรงหนัง  หากเป็นหนังประเภทดราม่า ชีวิตเศร้ารันทด  ผู้หญิงมักจะดูไปร้องไห้ไป  ส่วนไอ้ผู้ชายที่นั่งข้างๆมันไม่ร้องไห้หรอก มันอมยิ้มแบบเจ้าเล่ห์ด้วย เพราะถือโอกาสโอบ  และให้ซบไหล่มันร้องไห้

ผู้หญิงบางคนนั่งอ่านหนังสือคนเดียวตามสวนสาธารณะ  ผมเดินผ่านไป ก็เห็นเธอร้องไห้ สะอื้นฮีกๆ 

ก็ตกใจครับ  นึกว่าใครมารังแก เลยเดินเข้าไปถามว่า มีอะไรให้ช่วยไหม  ใครรังแกคุณหรือ

เธอเงยหน้ามายิ้มๆแล้วบอกว่า ไม่มีอะไรค่ะ  สงสารนางเอกในนิยาย  อินมากไปหน่อยเท่านั้น............

......................อือม์  เซ็นสิทีฟเหลือเกิน แม่คุณ!!!!


คงเป็นเพราะ ผู้หญิงตามธรรมชาติ มีจิตใจที่อ่อนโยนกว่า ผู้ชายกระมัง  จึงทำให้เธอเป่าปี่ง่ายกว่าชาย
ส่วนชายนั้น มันถูกบอกเล่า และสอนมาว่าตนเองเป็นเพศที่เข้มแข็ง จะแสดงความอ่อนแอไม่ได้ ดังนั้น จึงยากที่จะเป่าปี่ หรือเป่าปี่ให้ใครเห็น

แต่ก็ใช่ว่า สมัยนี้จะเป็นแบบนั้นซะหมด

ผู้หญิงหลายคนแกร่งกว่าผู้ชายมาก  ขนาดโดนแป๊กตำแหน่งข้ามปี โดนแกล้งสารพัด  เธอก็ไม่ร้องไห้
ผิดกะผู้ชายบางคน เป็นถึงผู้นำด้วยซ้ำ  โดนใครเขาจับผิดได้หน่อย ก็เป่าปี่เป็นวรรคเป็นเวร 

ผู้หญิงเป่าปี่ อย่างไรก็น่าเห็นใจและน่าสงสารกว่าชายเป่าปี่ 
ชายเป่าปี่บางคน แทนที่จะได้รับความเห็นใจ  กลับได้รับแต่ความสมเพชในความอ่อนแอ หรือดีไม่ดีโดนข้อหา ดาราเจ้าน้ำตา แกล้งแสดงไปอีก


เพื่อนรักผมคนหนึ่งเป็น ทหารหาญ แถมอยู่หน่วยกองกำลังพิเศษ  เรียกว่า ฝึกแบบให้อดทนเหมือนแรดทั้งกายใจก็ว่าได้   

สมัยเด็กๆ มันก็ไม่เคยเป่าปี่เลย  ขนาดว่า ทีมฟุตบอลของห้องเราแพ้ยับเยิน ตอนชิงชนะเลิศสิ้นปี บอลโรงเรียน  มันยังเฉยๆ ในขณะที่เพื่อนๆ ตาแดงร้องไห้เสียใจ 

ผมไม่เคยเห็นมันร้องไห้เลยสักครั้ง ตั้งแต่คบกันมา 40 ปีได้ 
นอกจากครั้งนั้น  ครั้งที่ผมไม่มีวันลิมไปเลยว่า ทหารหาญก็เป่าปี่เป็น และเป่าปี่ในเรื่องที่คาดคิดไม่ถึง สำหรับผมและเพื่อนๆ

ฤดูร้อนของการปิดเทอมใหญ่ ม.ศ.3  วันนั้นเป็นวันบวชเณรของมัน พ่อแม่พี่น้องเพื่อนฝูง ญาติสนิท ต่างๆ  ต่างก็มาร่วมอนุโมทนากับมันด้วย  เพราะ นอกจากมันจะบวชแก้บน เนื่องจากสอบเข้าเตรียมทหารได้แล้ว   ยังถือว่ามีชายผ้าเหลืองให้พ่อและแม่เกาะไปสวรรค์อีกเป็นของแถม


เย็นก่อนวันบวช มีพิธีขานนาก  พ่อของมันไปเชิญ ครูแหล่เเพลงชื่อดังในสมัยนั้นมา  ชาวบ้านร้านถิ่นต่างมารุมดูและร่วมงาน เพราะ เสียงของท่านนั้น ไพเราะมากๆ เรียกว่า ฟังแล้ว ต้องน้ำตาซึมพาลจะเป่าปี่เสียให้ได้


แรกๆ  นากก็นั่งฟังอยู่ดีๆ  สักพักหนึ่ง ก็เห็นนาก ความหาผ้าเช็ดหน้า แกล้งมาซับเหงื่อ  แต่ที่จริงน่ะซับน้ำตา
จนครูแหล่ ท่านแหล่ ถึงตอนท้ายๆ เรื่องพระคุณพ่อ แม่  ตรงที่บอกว่า ตอนจะคลอดนั้น แม่เจ็บท้องอย่างไร นั่นแหละ

นากก็ปล่อยโฮ  ออกมา โดยไม่มึใครคาดคิด  และคิดว่าจะได้เห็นมาก่อน

เพื่อนๆที่อยู่ใกล้ก็เข้าไปปลอบนาก เบาๆ   แม่และพ่อของนาก ก็ได้แต่มองดูด้วยความติ้นตันที่ลูกมีสำนึก

จนครูแหล่แหล่จบเพลงมันยังร้องไห้อยู่เลย  พวกผมก็ได้แต่ปลอบ แล้วก็ดีใจไปกับมันที่มันสำนึกในพระคุณพ่อแม่มากขนาดนั้น  แต่ผมก็เอะใจไม่ได้ว่า มันเป็นคนใจแข็งจะตายชัก  ไหงเจอเพลงแพล่เข้าหน่อย  เป่าปี่ลั่นเลย

สงสัยก็เลยถามมันตรงๆ คนเดียว  เกรงว่า พูดดังไปจะเป็นการไม่ดี
มันลากผมออกจากชานเรือนหน้าบ้าน  เดินลัดเลาะไปที่เต๊นท์ที่กางไว้ให้แขกที่มา

"มึงเห็นอะไรไม๊? เชน" นากถามเสียงเข้มทีเดียว

"อะไรเหรอ ? กูไม่เห็นมีอะไรเลย  พามาทำไมวะ?"

ผมตอบไป แบบงงๆ เพราะตรงนั้นไม่มีอะไร  มีแต่ พี่ชายมัน นั่งอยู่กะ สาวเจ้านางหนึ่งที่มันชอบพออยู่ แต่ยังไม่ถึงขนาดว่าจะเป็นแฟน  แต่มันก็มุ่งหวังจะให้อุ้มหมอนในวันพรุ่งให้ได้


"เมื่อกี้ ตอน ครูแหล่ ขานนาก  กูเห็นกะลูกกะตากูสองข้างเลย พี่ชายกูทำกูได้  นั่งกุมมือแฟนกูแน่น  แถมหันหน้ายิ้มหวานกันซะหยาดเยิ้ม หยอดย้อย เชียวมึง........



.................มันบาดใจกู รู้มะ  บาดใจน่ะ  มึงสะกดสิ บอ  อา  ดอ บาด  จ  ไอ  ใจ   บาดใจ  โว้ยยยยย"



ผมถึงบางอ้อทันที คนเข้มแข็งอย่างมัน ก็เป่าปี่เป็น แถมเป่าเสียงดังเสียด้วย ที่แท้ ก็มีมารปากจิ้มลิ้มสีแดงมารังควานก่อนบวชนี่เอง............ฮ่าฮ่า





บันทึกการเข้า

ฤทธี  สีหจักร ลักษณ์ซ่อนเงื่อน
เถื่อนกำบัง  พังภูผา ม้ากินสวน
พวนเรือโยง  โพงน้ำบ่อ ล่อช้างป่า
ฟ้างำดิน  อินทร์พิมาน ผลาญศัตรู
ชูพิษแสลง  แข็งให้อ่อน ยอนภูเขา
เย้าให้ผอม  จอมปราสาท ราชปัญญา
ฟ้าสนั่นเสียง  เรียงหลักยืน ปืนพระราม
เสลา
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 514



« ตอบ #1 เมื่อ: 16-05-2006, 21:59 »

ภาพประกอบการเป่าปี่



เป่าปี่(เล็ก)



เป่าปี(กลาง)



เป่าปี่(ใหญ่)


บันทึกการเข้า

ประกายดาว
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,266


" ดาว " ดวงน้อยประกาย นั่นยังพร่างพราย.....


« ตอบ #2 เมื่อ: 16-05-2006, 23:27 »




หนูชำนาญ มากเลย การร้องไห้ นี่
มีน้ำตาแบบ สั่งได้





แต่ นั่นเป็นเฉพาะตอนเด็กๆ เท่านั้นนะคะ ที่ เป็นอารมณ์เด็กๆ โดนแม่ดุ
ผิดหวัง เสียใจ กลัว หรือ อะไรก็แล้วแต่...ไม่รู้น้ำตามาจากไหน ...ร้องไห้จนขี้มูก ยืด เข้าไปในปาก
ให้รสชาติ ที่เค็ม ๆ





โตขี้น บางครั้งน้ำตามันไหล ออกมาเอง แค่ได้ยินเพลงเพราะจับใจ
หรือ ได้ดู ภาพยนตร์ มีฉากประทับใจหรือซาบซึ้ง

เร็วๆ นี้ก็เพิ่งน้ำตาคลอ
 ตอนที่ได้ไปทำบุญ ที่วัดบนเขา เห้นภาพพระสงฆ์ 250 รุป เดินช้าๆ ลงมารับบาตร
ยิ่งเวลาท่านให้พร เสียงสงบเบา แต่ เหมือนดังก้องไปทั้งเขา ...
น้ำตาหนู คลอ ขึ้นมาทันใด ...เหมือนอิ่มใจ ปิติ มีความสุข

เห็นไหม หนูพัฒนาการร้องไห้ ไปมากแล้ว ...ไม่ใช่ การร้องแบบสั่งได้เหมือนแต่ก่อน
การร้องแบบ ฮือๆๆ โฮๆๆ แง แง อย่างที่เคย ก็เปลี่ยนไป เป็น ร้องเงียบๆ
แถม ไม่ร้องคนเดียวแน่นอน ค่ะ ร้องทั้งที ต้องมีคนอยู่ใกล้ๆ  Cry

สำหรับ ผู้ชาย หนูว่าน่าเห็นใจเป็นอันมาก ที่
ไม่สามารถแสดง ความปวดร้าว เจ็บช้ำ อะไรได้ง่ายๆ เท่าผู้หญิง
แถม ผู้ชายหลายคนยังคิดอีกว่า ลูกผู้ชายต้องกลืนเลือด..ไม่ใช่หลั่งน้ำตา...

บันทึกการเข้า



วันที่ดาว ทวงฟ้า นภากระจ่าง
ดาวล้านดวง ทวงทาง ระหว่างฝัน
ผุดขึ้นมา  คราเดียว พร้อมพร้อมกัน
ประกาศมั่น.... วันนี้... เสรีไทย



http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=twinkling-stars&group=1
ประกายดาว
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,266


" ดาว " ดวงน้อยประกาย นั่นยังพร่างพราย.....


« ตอบ #3 เมื่อ: 16-05-2006, 23:37 »

ประกายดาว เคย ร้องไห้ ครั้งใหญ่ยิ่งหนึ่งครั้งในชีวิต
แถมยังต้อง ....ร้องไห้อีกครั้ง ตอนที่ได้ยินโคลง ทั้งชุด บทนี้ " น้ำตายโสธรา "

น้ำตา.....ยโสธรา



ผู้เขียน เพ็ญ ภัคตะ
ดร.เพ็ญสุภา สุคตะ

โคลง " น้ำตา..ยโสธรา"
ถูกอ่านเป็นครั้งแรก ณ ลานสนาม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ผู้เขียน ถอดหัวใจ พระนางยโสธรา
ณ หนึ่งราตรีกาล สองพันกว่าปีที่ล่วงมา ที่พระนางยโสธรา
กรีดร้องคร่ำครวญ ปางตายสาหัสสากรรจ์ ในคราวที่
พระสวามี เจ้าชายสิทธัตถะ ทรงเสร็จออกผนวช

หัวใจหวั่นไหว บอบบางยามเมื่อ สวามี ละลาจาก
ลองไป อ่านดูนะคะ

 Cry

๐ ธาราฤาหยั่งรู้...............ยโสธรา
รินร่ำหลั่งน้ำตา............... ไป่แห้ง
โหยหวลสุดเทวษหา.........สิทธัตถะ
ทรวงอกน้องเหือดแล้ง...... แหลกแล้วพี่เอย

๐ ความรักเพิ่งเริ่มต้น........ แตกกอ
ยังบ่ทันเคลียคลอ............ลูกน้อย
เรือนหอเพิ่งเริ่มหอ...........เหินห่าง
อุ้มลูกตามติดต้อย........... อย่าทิ้งยโสธรา

๐ น้ำตาน้องท่วมฟ้า..........ฟูมฟาย
กัณฐกะควบลับหาย..........ห่างหล้า
ไม่ตายก็เหมือนตาย......... ใจแตก สลายเฮย
ทารกต้องกำพร้า..............ไป่รู้ชตากรรม

๐ น้องเลวน้องชั่วช้า..........ไฉนฤา
ความผิดอันใดหรือ............จึ่งร้าง
สัญญาบ่ยึดถือ................เลือดขัติ-ยานา
กุศลก่อนเราร่วมสร้าง.........สุดสิ้นกรรมไฉน

๐ น้ำตารินรดแก้ม..............ราหุล
โอ๋..พ่อเจ้าประคุณ.............ยั่วยิ้ม
มิรู้ดอกหรือบุญ.................ขวัญแม่
ชีวิตเจ้าเนื้อนิ่ม.................ชวดแล้วชนกา

๐อับอายทั่วแผ่นฟ้า............ผืนดิน
ชนหมิ่นแคลนติฉิน.............แม่หม้าย
เทวีแห่งนครินทร์...............เลอลักษณ์
ความรักสิโหดร้าย..............บ่แม้นสามัญ

๐พี่ยามุ่งบ่ายหน้า..............แสวงบุญ
แต่อกน้องดั่งจุณ...............โปรดรู้
อาลัยสวาทละมุน...............สวามิ
กลับบอกให้น้องสู้..............ฝ่าสิ้นกระแสกรรม

๐พี่ไปเพื่อเสาะค้น...............ปัญญา
เพลิงแห่งปรารถณา............หลุดพ้น
อภัยแด่ภัสดา....................ด้วยเถิด
ชลเนตรพลอยขุ่นข้น............อย่าร้องเลยขวัญ

๐น้ำตาทุกหยดสร้าง............กามภพ
เกิด-ดับมิรู้จบ....................จิตเจ้า
ชาตินี้ปิดฉากรบ.................และฉาก รักเทอญ
สิ้นสุดแห่งกองเถ้า...............อย่าเศร้า ยโสธรา

๐น้องทุกข์พี่ทุกข์ด้วย............ดั่งเดียว
บ่วงแห่งราหุลเรียว...............รัดร้อย
ใช่ทิ้งทอดแท้เทียว..............อุทิศทุ่ม ธรรมนา
แม้คนไกลไป่คล้อย...............จักย้อนคืนเรือน '

๐ยกมือขึ้นปาดน้ำ-.................ตาคะนึง
ฝืนข่มความคิดถึง..................กระอักท้น
ปางตายแต่ยังตรึง.................ใจตรึก
รอพี่เพียรหลุดพ้น...................เทศน์น้องอริยธรรม
ผู้เขียน เพ็ญ ภัคตะ
ดร.เพ็ญสุภา สุคตะ


บันทึกการเข้า



วันที่ดาว ทวงฟ้า นภากระจ่าง
ดาวล้านดวง ทวงทาง ระหว่างฝัน
ผุดขึ้นมา  คราเดียว พร้อมพร้อมกัน
ประกาศมั่น.... วันนี้... เสรีไทย



http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=twinkling-stars&group=1
ทองเปลว
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 541



« ตอบ #4 เมื่อ: 17-05-2006, 23:06 »



ทักกี้จ๋า

(ทัก)กี้ จ๋า ได้ยิน ไหมว่า เสียงใคร
 มันเหมือน เสียงคนร้องไห้
 แต่คล้าย ชายเจ้าน้ำตา
 เสียง นี้ คือเสียง คนปวด อุรา
จึงร้อง ครวญหา (ทัก)กี้ จ๋า หลบหน้าไปไหน
(ทัก)กี้  จ๋า ขอเพียง หางตาเหลือบมอง
ฉันกลาย เป็นคนเศร้าหมอง ฉันต้อง
เหมือนคนสิ้นใจ หรือ ลืม สัญญา
 ที่เธอ ให้ไว้ ชาตินี้ จะไม่รักใคร
ไฉน ถึงผิดวาจา
ข่าว เขาว่า (ทัก)กี้ มีแฟนใหม่
 คง ร่ำรวยกันใหญ่ สุขใจ อยู่กับเงินตรา
แต่(ทัก)กี้ รู้ไหม เมื่อยาม (ทัก)กี้ ยิ้มเต็มหน้า
หัวใจฉันแทบบ้า นอนนอง น้ำตาอยู่นาน
(ทัก)กี้ จ๋า แม้ว่า ฉันต้อง ผิดหวัง
ทิ้งฉัน ไว้เพียงรำพัง จงลืม
 ความหลัง เมื่อวาน
 เปรียบ เหมือน ลบรอย ชอล์กบน กระดาน
 โปรดจง รักเขา นานนาน ลืมฉัน เสียเถิด (ทัก)กี้ จ๋า
(พูด)ร้องไห้ ร้องไห้ ฉันได้แต่ร้องไห้ ปล่อยให้ น้ำตาไหลลง
เปื้อนหมอน ทุกทุกวัน ทุกหยด รดที่นอน ฉันท่วมเต็มเปียกหมอน ว่ายน้ำตา ...

(ไก่จ๋า) สย สย

บันทึกการเข้า

เพื่อนหมัก หักเหลี่ยมหด
หน้า: [1]
    กระโดดไป: