ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
28-04-2024, 17:18
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  ข้อมูลคดีรถดับเพลิงหาได้แค่นี้ใครมีขอส่งมาอ่านหน่อยครับ 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
ข้อมูลคดีรถดับเพลิงหาได้แค่นี้ใครมีขอส่งมาอ่านหน่อยครับ  (อ่าน 1533 ครั้ง)
sak
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 66


« เมื่อ: 31-01-2008, 21:41 »

  สำนวนถึงมือ 'ปชป.'เช็กบิลทั้งหมด 7 คนดีเอสไอสรุปสำนวนคดีรถดับเพลิง กทม.ดำเนินคดี 3 นักการเมืองระดับชาติ 2 ผู้บริหาร กทม.และข้าราชประจำรวาม 7 คนส่ง ป.ป.ช.เชืองหลังร่วมประชุมเครียดกับอัยการและสำนักงบประมาณ  ยันหลักฐานมัดแน่น ขั้นตอนจัดซื้อขัดมติครม. ไม่สำรวจความต้องการก่อนซื้อ, จัดซื้อเรือทั้งที่กทม.ไม่มีคูคลอง, ซื้อรถโฟร์วีลโดยที่กทม.ไม่ใช่พื้นที่สูง ที่สำคัญไม่ใช่การค้าต่างตอบแทน แต่เป็นการว่าจ้างบริษัทผู้ส่งออก 150 ล้าน พบสำรวจราคาจริงไม่เกิน 3,500 ล้านแต่ซื้อแพงถึงเกือบ 8,000 ล้านบาท สั่งตรวจสอบเส้นทาง การเงิน เพื่อเล่นงานคดีฟอกเงินต่อ
          เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 4 ก.ค.    พล.ต.อ.สมบัติ อมรวิวัฒน์ อธีบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รองอธิบดีฯ และ พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันตชัย ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ ประชุมร่วมระหว่างพนักงานสอบสวน อัยการจากสำนักคดีพิเศษ และสำนักงบประมาณ เพื่อสรุปสำนวนการสอบสวน และจะชี้มูลความผิดบุคคลที่เกี่ยวข้อง พร้อมส่งสำนวนให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่ง     ดีเอสไอได้พยานบุคคล พยานเอกสารจำนวนมากจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในการสอบสวนคดีทุจริตจัดซื้อรถ เรือ และอุปกรณ์ดับเพลิง ของกรุงเทพมหานคร (กทม.) การประชุมใช้เวลา 2 ชม.เศษ
          จนกระทั่งเวลา 12.30 น. พล.ต.อ. สมบัติ แถลงผลการประชุมว่า คดีนี้มีผู้ร้องทุกข์ให้ดำเนินการผู้บริหารที่มีหน้าที่เสนอขออนุมัติโครงการต่อคณะรัฐมนตรี การทำสัญญาการเปิดแอลซี และการบริหารสัญญา รวม 7 คน ทั้งนี้จากการสอบปากคำพยานกว่า 50 ปาก และรวบรวมพยานเอกสาร 15,000 แผ่น คณะพนักงานสอบสวนมีมติให้ส่งสำนวนคดีชี้มูลความผิด ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 7 คน พร้อมกับผู้เกี่ยวข้องอื่นซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติระดับล่าง ซึ่งไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ ส่งผลให้มีการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ไปให้ ป.ป.ช. ดำเนินการตามกฎหมายในวันที่ 7 ก.ค.นี้
          พล.ต.อ.สมบัติ กล่าวอีกว่า หลักฐานจากการสอบสวนพบว่า โครงการจัดซื้อเรือและรถดับเพลิง ครม. มีมติอนุมัติ ให้จัดซื้อในวงเงิน 6,687 ล้านบาท และมีเงื่อนไขให้ซื้อสินค้าจากต่างประเทศ เฉพาะที่ไม่มีหรือไม่อาจผลิตได้ในประเทศไทย และเป็นการค้าต่างตอบแทน ดังนั้นการจัดซื้อดังกล่าวจึงมีมูลการกระทำความผิดรวม 6 ประเด็น ประเด็นแรก เป็นการจัดซื้อเกินวงเงินที่ได้รับอนุมัติจาก ครม. เพราะราคาที่รวมภาษีอากรเป็นเงินถึง 8,000 ล้านบาท ซึ่งวงเงินที่เพิ่มขึ้นไม่มีการนำเสนอขออนุมัติจาก ครม. แม้ต่อมาจะมีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหาร กทม. และได้มีการทบทวนสัญญา และเปิดแอลซี จนทำให้สัญญาเป็นผลสมบูรณ์ ก็ยังไม่มีการดำเนิน การในเรื่องภาระภาษี จนกระทั่งมีการส่งสินค้าเข้ามาในประเทศไทย กทม. จึงได้รับผิดชอบเกี่ยวกับภาษีนำเข้ากับกรมศุลกากร
          ประเด็นที่ 2 มติ ครม. ระบุว่า สิ่งใดที่สามารถผลิตในประเทศไทยให้ซื้อในประเทศไทยเท่านั้น แต่ในการจัดซื้อเรือดับเพลิง 30 ลำ ๆ ละ 25,462,100 บาท รวมเป็นเงิน 763,890,000 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ยังไม่รวมอากรขาเข้าและภาษีมูลค่าเพิ่ม เป็นเรือที่ซื้อจากบริษัทซีทโบ๊ท พัทยา จ.ชลบุรี ราคาลำละ 14,300,000 บาท เป็นเงิน 429,000,000 บาท ในส่วนของรถดับเพลิง 72 คัน ซื้อจากบริษัทมิตซูบิชิ คันละ 460,000 บาท เป็นเงิน 33,120,000 บาท แต่เมื่อประกอบเป็นรถดับเพลิงแล้ว กทม. ซื้อในราคาคันละ 5,839,150 บาท หรือ 116,781 ยูโร เป็นเงิน 420,411,600 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ไม่รวมอากรขาเข้าและภาษีมูลค่าเพิ่ม การจัดซื้อดังกล่าวจึงเป็นการขัดมติ ครม.
          ประเด็นที่ 3 การจัดซื้อเรือและรถดับเพลิงครั้งนี้ ไม่ปฏิบัติตามมติ ครม. ที่ให้นำความคิดเห็นจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องมาประกอบการพิจารณาในการจัดซื้อ จนเกิดความเสียหาย ขาดความเหมาะสม และเป็นการจัดซื้อเกินความจำเป็น เช่น ปัจจุบัน กทม. มีรถดับเพลิงประมาณ 611 คัน มีสถานีดับเพลิง 35 สถานี พบว่า จะต้องมีพนักงานดับเพลิงที่มีความเชี่ยวชาญถึง 3,000 คน แต่ กทม. มีบุคลากรไม่เพียงพอ เมื่อจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงอีก 315 คัน จึงต้องใช้คนเพิ่มอีกกว่า 1,000 คน
          นอกจากนี้การพิจารณาจัดซื้อรถดับเพลิงแบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เป็นเรื่องที่เกินความจำเป็น เพราะ กทม. ไม่มีพื้นที่สูงหรือภูเขา ส่วนการจัดซื้อเรือดับเพลิง 30 ลำ ต้องใช้กับพื้นที่เมืองที่มีคูคลองจำนวนมาก แต่ กทม. พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นถนน นอกจากนี้ ยังมีการจัดซื้อรถบรรทุกน้ำขนาด 10,000 ลิตร ราคาคันละ 20,035,900 บาท 72 คัน เป็นเงิน 1,442,584,800 บาท ซึ่งเป็นราคาที่แพงและเกินจำเป็น เพราะกทม. มีรถบรรทุกน้ำอยู่แล้ว 400 คัน ทั้งนี้ หากกทม. ได้รับฟังความเห็นจากส่วนราชการตามมติครม. ก็จะไม่เกิดความเสียหาย
          ประเด็นที่ 4 จากการสอบสวนผู้บริหาร บริษัทสไตเออร์ฯ ยืนยันว่า ผลของสัญญา เกิดขึ้นจากการเปิดและมีการยืนยันแอลซี โดยมีพยานหลักฐานซึ่งเป็นกรรมการที่ได้แต่งตั้งทบทวนสัญญา ระบุว่า มีการทักท้วงแล้ว แต่เมื่อมีการเปิดแอลซี จึงทำให้สัญญามีผลสมบูรณ์และมีเหตุให้ส่งสินค้า ซึ่งเป็นสินค้าที่ผิดไปจากมติ ครม. ด้วย
          ประเด็นที่ 5 การสอบสวนพบว่า มีการจัดซื้อรถดับเพลิงมูลค่า 6,687 ล้านบาท เป็นราคาที่แพงจนเกิดความเสียหาย นอกจากภาระภาษีที่เพิ่มขึ้น ประมาณ 1,300 ล้านบาท พนักงานสอบสวนคดีพิเศษยังพบว่า ราคาที่ซื้อขายกันจริงไม่เกิน 60-70 ล้านยูโร หรือเป็นเงินไทย 3,000-3,500 ล้านบาทเท่านั้น ประกอบกับประเทศออสเตรียมีโรงงาน ผลิตรถดับเพลิงที่มีมาตรฐานเป็นที่รู้จักทั่วโลก แต่ก็ไม่ได้ใช้โรงงานดังกล่าว แต่ไปเลือกว่าจ้างบริษัทจากประเทศอื่นให้ประกอบและผลิตแทน
          ประเด็นที่ 6 โครงการดังกล่าวไม่เป็นการซื้อแบบการค้าต่างตอบแทนตามมติ ครม. จากการสอบสวน พบหลักฐานว่า มีการไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนระเบียบของกระทรวงพาณิชย์ ว่าด้วยการค้าต่างตอบแทน โดยมีการว่าจ้างบริษัทผู้ส่งออกในประเทศไทยในราคา 150 ล้านบาท โดยที่บริษัทดังกล่าวมีโควตาหรือแผนส่งออกอยู่แล้ว กรณีดังกล่าวจึงเป็นเพียงการรวบรวมเอกสารเพื่อให้ถูกต้องตามระเบียบการค้าต่างตอบแทน และเป็นเหตุสนับสนุนให้สามารถซื้อรถและเรือดับเพลิงได้เท่านั้น ที่สำคัญยังเป็นการเพิ่มราคาทำให้ราคาซื้อขายเพิ่มขึ้นด้วย
          ด้าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า ขณะนี้ดีเอสไอ  ได้ตรวจสอบเส้นทางการเงินของกลุ่มผู้เกี่ยวข้องในการกระทำความผิดไว้ทั้งหมดแล้ว หาก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดในคดีทุจริตจัดซื้อเรือและรถดับเพลิง ดีเอสไอจะตั้งข้อหาฟอกเงินเพื่ออายัดทรัพย์ที่ได้ไปจากการกระทำความผิดทันที
          ส่วน พล.ต.ต.อธิลักษณ์ ตันชูเกียรติ อดีต ผอ.สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า ตนดำรงตำแหน่ง ผอ.สำนักฯ หลังจาก   โอนย้ายภารกิจดับเพลิงมาจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงเข้ามาเกี่ยวข้องในฐานะคณะกรรม การจัดซื้อ ทั้งนี้ยืนยันว่าการดำเนินการจัดซื้อรถดับเพลิงเป็นไปอย่างถูกต้องทุกอย่าง และโดยส่วนตัวหากเข้าไปเกี่ยวข้องเรื่องนี้จริง ก็ไม่เกรงกลัว และพร้อมจะเตรียมข้อมูลไปชี้แจง หากถูกเรียกให้เข้าไปสอบสวน
          ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมช.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ กทม. ระงับการจัดซื้อรถดับเพลิง เนื่องจากมีปัญหาทุจริตในการจัดซื้อ ว่ายังไม่ทราบรายละเอียดว่าทาง กทม. จะระงับ เพราะตนยังไม่ได้รับเรื่อง เป็นการตัดสินใจของทาง กทม.เอง ทั้งนี้ได้มอบเรื่องให้สำนักกฎหมาย กระทรวงมหาด ไทย ตรวจสอบขั้นต้นผลการตรวจสอบชุดของ นายบุญเสริม วีสกุล ว่าเป็นเอกสารชุดเดียวกับผลสอบของ น.ต.ศิธา ทิวารี โฆษกพรรคไทยรักไทย ที่ยื่นมาถึงตนก่อนหน้านี้ พร้อมกับให้ตรวจสอบว่า ผลสอบของนายบุญเสริมครอบคลุมทุกประเด็นหรือไม่ และดูว่ามีประเด็นอื่น ๆ ที่เป็นข้อเท็จจริงเพิ่มเติมหรือไม่
          เมื่อถามว่า เรื่องที่เกิดขึ้นสามารถนำไปสู่การยกเลิกสัญญาได้หรือไม่ นายเสริมศักดิ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ทาง กทม. เคยหารือว่าจะยกเลิกสัญญาได้หรือไม่ ทางกระทรวงได้ให้ข้อ พิจารณาว่า ถ้ามีปัญหาในเรื่องข้อกฎหมายต้องหารือไปที่อัยการสูงสุด แต่ถ้าเป็นขั้นตอนการปฏิบัติตามกฎหมายอื่น ๆ ต้องหารือไปยัง    กฤษฎีกา ซึ่ง กทม.ต้องใช้ดุลพินิจของตัวเอง อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่ทราบว่า กทม.จะพบตนเพื่อหารือในวันนี้
          เมื่อถามว่า ขณะนี้ควรระงับการตรวจ  รับรถดับเพลิงก่อนหรือไม่ นายเสริมศักดิ์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบขั้นตอน แต่เบื้องต้นที่รู้คือ กทม. ได้รับของตัวอย่างไว้แล้ว ซึ่งอัยการสูงสุด เป็นผู้มีความชำนาญในเรื่องการทำสัญญา ถ้าอัยการสูงสุดให้ข้อพิจารณามาอย่างไร น่าจะนำมาเป็นแนวทางประกอบการตัดสินใจของ กทม. และต้องดูว่าการยกเลิก จะทำให้คู่สัญญาฟ้องร้องหรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาให้รอบคอบ
          ที่ศาลาว่าการ กทม. นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม. แถลงว่า ตนจะขอดูข้อกล่าวหาที่เกี่ยวข้องโดยตรง ว่าเป็นประเด็นอะไร เพราะข่าวที่ออกมายังไม่ได้รับการแจ้งจากดีเอสไออย่างเป็นทางการ โดยส่วนตัวแล้วมีความมั่นใจ และยืนยันในความบริสุทธิ์ของตนเอง ว่าสิ่งที่ได้ทำไปมีการตรวจสอบความรอบคอบอย่างดีที่สุด เพราะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาในเรื่องนี้โดยเฉพาะ รวมทั้งมีหนังสือสอบถามไปยังกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเรื่องนี้เริ่มต้นโดยกระทรวงมหาดไทย มีการดำเนินการตั้งแต่ยังไม่โอนย้ายกองตำรวจดับเพลิงมา กทม. อีกทั้งสัญญาจัดซื้อ และบันทึกเอโอยู ก็ดำเนินการแล้วเสร็จตั้งแต่ตนยังไม่เข้ามารับตำแหน่ง ตนจะรอ ดีเอสไอ ส่งข้อมูลมาเพื่อประกอบการพิจารณา และจะหารือกับกระทรวงมหาดไทย หากพบว่ามีความผิดจริงก็จะพิจารณายกเลิกการจัดซื้อรถดับเพลิงต่อไป.--จบ--
                                                                    --เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 5 ก.ค. 2549--
   
          ใครมีข้อมูลที่อับเดสแล้วส่งไห้อ่านทีครับ   พยามหาแล้ว กับเจอไอ้นี้ด้วยนะครับ  ก็เลยลองนำมาอ่านดู ขอคนที่รู้ช่วยแนะนำที่ครับ

สมัคร"ใช้บริการทนายตระกูลชินสู้คดีรถดับเพลิง
"สมัคร"ใช้บริการทนายตระกูลชินสู้คดีรถดับเพลิง
21 พฤศจิกายน 2550 18:18 น.
“สมัคร” ส่งทนายตระกูลชินรับทราบข้อกล่าวหางาบรถดับเพลิง แถมยังหัวหมอ อ้าง รธน.ขอคัดสำเนาผลการตรวจสอบเอาไว้สู้คดี ด้าน “โภคิน” โยนขี้ กทม.รับผิดชอบเต็มๆ มท.1 รับทราบกรอบเท่านั้น ยันไม่เกี่ยวสเปก-สัญญาการซื้อ ขาย ทำงงถูกแจ้งข้อกล่าวหาฮั้วประมูล ลั่น ไปฮั้วตอนไหน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 1330 น. 21พ.ย. 50 นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน อดีตผู้ว่า กทม.หนึ่งในผู้ถูกกล่าวหา ไม่ได้เดินทางเข้าพบอนุกรรมการไต่สวนด้วยตัวเอง แต่ ได้มอบอำนาจให้นาย พิชิฏ ชื่นบาน ทนายความซึ่งดูแลคดีการซื้อขายที่ดินย่านรัชดาของ คุณหญิง พจมาน ชินวัตร เข้ารับทราบข้อกล่าวหาแทน ภายหลังการเข้าพบอนุกรรมการไต่สวนฯ นาย พิชิฏ เปิดเผยว่า นาย สมัคร สุนทรเวช ได้มอบอำนาจให้ตนในฐานะทนายความเข้ารับทราบข้อกล่าวหาแทน โดยอนุกรรมการฯ ได้นัดให้เข้าชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาได้ในช่วงบ่ายวันที่ 4 ธ.ค. ซึ่งนาย สมัคร จะไม่มาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาด้วยตัวเอง แต่จะชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรแทน อย่าง ไรก็ตามในการเข้ารับทราบข้อกล่าวในครั้งนี้ นายสมัคร ได้มอบให้ตนนำหนังสือเรื่องการแจ้งข้อกล่าวหาและขอใช้สิทธิในกระบวนการยุติธรรม มายื่นตนอนุกรรมการด้วย โดย หนังสือดังกล่าวได้ร้องขอให้คตส.ดำเนินการ 2 ข้อ คือ 1.ขอให้อนุกรรมการไต่สวนให้ระบุ ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้เพียงพอว่า นายสมัคร ในฐานะผู้ว่าฯกทม. ได้ใช้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมายใด กระทำการอย่างไรในการปฏิบัติตามที่ถูกกล่าวหา เพื่อจะได้ เข้าใจข้อกล่าวหาโดยไม่หลงประเด็นข้อต่อสู้

นายพิชิฏ กล่าวว่า ส่วนในข้อ 2 คือ ขอให้มีสิทธิได้รับการสอบสวนหรือ พิจารณาคดีที่ถูกต้อง รวดเร็ว และเป็นธรรม มีโอกาสในการต่อสู้คดีอย่างเพียงพอ การตรวจสอบหรือได้รับทราบพยานหลักฐานตามสมควร ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 เรื่องสิทธิในกระบวนการยุติธรรม มาตรา 40 (7) โดยขอตรวจสอบและคัดถ่ายเอกสารในสำนวนคดีที่เกี่ยวข้องกับผู้ถูกกล่าวหาเพื่อจะได้ชี้แจงข้อกล่าวหาได้ถูกต้อง และเป็นธรรม

เมื่อถามว่าปกตินายสมัคร จะมีทีมทนายความว่าความต่าง ๆ ให้เป็นการเฉพาะ แต่เหตุใดจึงได้ว่าจ้างทนายความชุดนี้ซึ่งเป็นชุดเดียวกับทนายความที่ว่าความให้กับครอบครัวชินวัตร นายพิชิฏ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ แต่การดูแลข้อกฎหมายในคดีนี้ไม่เกี่ยวกับพ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิง พจมาน ชินวัตร โดยนายสมัคร ได้ติดต่อมายังทีมทนายความโดยตรง ไม่ได้ติดต่อผ่านคนในครอบครัวชินวัตร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันเดียวกัน เมื่อเวลา 14.00 น. นายโภคิน พลกุล อดีต รมว.มหาดไทย หนึ่งในผู้ถูกกล่าวหาคดีการจัดซื้อรถ-เรือดับเพลิงของกทม.ได้เดินทางมาที่ สตง.เพื่อเข้ารับทราบข้อกล่าวหาด้วยตนเอง

นายโภคิน กล่าวภายหลังเข้ารับทราบข้อกล่าวหานานกว่า 1 ชั่วโมง ว่า ตนมั่นใจในความบริสุทธิ์เพราะได้ดำเนินการตามขั้นตอนทุกอย่างตามมติคณะรัฐมนตรี ซึ่งยังงงเหมือนกันที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาเรื่องการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา 157 และความผิด พรบ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ ว่าเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยตรงไหน เพราะเรื่องนี้ กทม.เป็นผู้ดำเนินการเองตั้งแต่ต้น แต่มาของบสนับสนุนจากรัฐบาล ซึ่งผ่านคณะรัฐมนตรี ทุกขั้นตอน รวมถึงคณะกรรมการกระจายอำนาจส่วนท้องถิ่นด้วย

นายโภคิน กล่าวว่า ในขั้นตอนการลงนามใน เอโอยู ตนไม่เคยทราบรายละเอียดเกี่ยวกับสัญญาซื้อขาย แต่เอโอยูเป็นเพียงเอกสารประกอบ 3 แผ่นเท่านั้น โดยไม่มีรายละเอียดการกำหนดสเปกแต่อย่างได หากมีจะต้องมีรายละเอียด 400-500 หน้า และในระหว่างลงนามสัญญาการซื้อขายคู่สัญญาจะต้องมีการลงรายมือชื่อกำกับทุกหน้า แต่การลงนามเอโอยู ครั้งนี้ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น และตนเพิ่งได้พบกับทูตออสเตรียและนายสมัคร สุนทรเวช อดีตผู้ว่า กทม.ในวันลงนามเอโอยู ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีการติดต่อกันเลย

“ผมไม่เคยเห็นสัญญาการซื้อขายรถดับเพลิงแต่อย่างใดเพราะกทม.เป็นผู้ดำเนินการทั้งหมดและกระทรวงมหาดไทยก็ไม่ได้ดูแลเอกสาร แม้แต่การจ่ายเงินในการซื้อขายกทม.ก็เป็นผู้ดำเนินการ และในที่ประชุมครม.ไม่มีใครทักท้วงหรือพบความผิดปกติหรือความไม่เหมาะสมแต่อย่างใด หากมีการทักท้วงหรือพบความผิดปกติ ก็จะมีการแก้ไข และในช่วงลงนามเอโอยู ผมก็เข้ามาเป็นรัฐมนตรีพอดี จึงต้องดำเนินการต่อ และทราบเฉพาะกรอบเท่านั้น ไม่ได้ทราบถึงรายละเอียดในสัญญาเพราะเป็นงานของกทม.ทั้งหมด”นายโภคิน กล่าว

นายโภคิน กล่าวอีกว่า หลังจากนี้จะกลับไปรวบรวมเอกสารหลักฐานเพื่อเตรียมชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายใน15 วัน โดยจะมาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาด้วยตัวเองอย่างแน่นอน ซึ่งตนได้แจ้งกับคณะอนุกรรมการไต่สวนฯว่าหากเตรียมเอกสารไม่ทันจะขอเลื่อนการชี้แจงออกไปอีก เนื่องจากตนขอเอกสารจาก กทม.โดยเฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพื่อปกป้องตัวเองแต่กทม.ยังล่าช้า

มาจาก คม ชัด ลึก
 
โดย A850
วันที่ พุธ พฤศจิกายน 2550 
   

                            ขอคนที่มีข้อมูลช่วยแนะนำที่ครับ 


 

 
บันทึกการเข้า
drop
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 737



« ตอบ #1 เมื่อ: 31-01-2008, 22:17 »

มีก๊อปไว้บ้างเรื่องนี้  แต่เลือกเฉพาะ ที่เกี่ยวกับ อภิรักษ์  ดูว่า รอดหรือไม่  ซึ่งก็ควรจะรอด  เพราะท่านมาเป็น ผู้ว่า ต่อจาก  หมักหมก

ว่าแต่คนถามนี่พวกไหน อะ


ไปหาเองใน กูลเกิ้ล ดิ   เคยเห็นที่เวป  wom  หัดหาเองซิ 


“อภิรักษ์” ตีปีกหลังอนุฯ คตส.พิจารณาหลุดคดีรถดับเพลิง
โดย ผู้จัดการออนไลน์    17 มกราคม 2551 17:34 น.
   
       “อภิรักษ์” ตีปีกหลังอนุฯ คตส.พิจารณาให้หลุดคดีรถดับเพลิง แต่ยันต้องรอให้ คตส.ชุดใหญ่วินิจฉัยอย่างเป็นทางการก่อน จึงจะดำเนินการต่างๆ ต่อไปได้ ส่วนการชำระเงินงวดที่ 3 ขอดูความชัดเจนในช่วงนี้ก่อน
       
       หลังจากการที่คณะอนุกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ (คตส.) ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ 7-0 ให้นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ไม่ผิด ในคดีโครงการทุจริตการจัดซื้อจัดจ้างรถ-เรือ และอุปกรณ์เพลิงของ กทม.มูลค่ากว่า 6,000 ล้านบาท โดยคณะอนุฯ คตส.ลงมติว่า การเปิด L/C ของนายอภิรักษ์ อยู่ในสภาวะจำเป็น โดยเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามนโยบายของรัฐบาลนั้น
       
       นายอภิรักษ์ กล่าวด้วยสีหน้าสบายใจ ว่า ต้องรอให้ คตส.ชุดใหญ่ วินิจฉัยอย่างเป็นทางการให้แล้วเสร็จก่อน ไม่ว่าจะชี้มูลหรือไม่ เพราะจะได้มีความชัดเจน จากนั้นจึงจะนำผลไปรายงานให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยทราบ หรือส่งให้อัยการสูงสุด (อสส.) วินิจฉัยก่อนที่ กทม.จะดำเนินการใดๆ ลงไป ส่วนการจ่ายเงินงวดที่ 3 ที่จะครบกำหนดในวันที่ 11 ก.พ.นี้ ก็จะขอดูความชัดเจนในช่วงนี้ก่อน แต่อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ กทม.จะจ่ายเงินทุกครั้งจะรายงานให้ทางมหาดไทยทราบทุกครั้ง เพราะเงินที่จ่ายไปเป็นงบประมาณจากของมหาดไทย 60%

จากเวป ผจก  ก็มี
บันทึกการเข้า

A  Few  Good  Men

Downey: What did we do wrong? We did nothing wrong.

Dawson: Yeah, we did. We were supposed to fight for the people who couldn't fight for themselves. We were supposed to fight for Will.

************************
I  only  want  to  fight  for  my  country as  long as  I ' m alive. I  do nothing  wrong  .  The tyrant  is  still  the  tyrant, I  have  to  expel  them  in  every  step  of  life. When the  time  come,  the  tyrant   will  absolutely  extinguish. That  ‘ s  the   dharma  truth.
หน้า: [1]
    กระโดดไป: