เอาอย่างนี้นะ ผมจะตอบคุณ จขกท.อย่างไม่มีเหน็บ ไม่มีตะคริว
1. คุณเพ้อเจ้อเพราะฟุ้งซ่าน ( ไม่ได้เหน็บนะ ด่าตรง ๆ เลย ) หรือไม่ก็เอาเนื้อแกะมาผสมกับเนื้อแพะ เพราะหวังจะ้ทำให้ดูเหมือนสะเต๊กเนื้อโกเบ ( คุณมีเป้าหมายในการตั้งกระทู้อยู่แล้ว แต่พยายามลากโน่นลากนี้มามั่วเข้าหากัน )
2. การทำรัฐประหารที่ผ่านมา เป็นการกระทำแบบ "ลุกรี้ลุกลน" ไม่มีการตระเตรียมหรือวางแผนรองรับ
...น่าจะเป็นแค่ความพยายาม "สั่งสอน" แบบปราม ๆ ว่า "กรูเล่นมรึงได้นะ"
...น่าจะเป็นแค่ความพยายาม "โชว์พาว" ว่า "เฮ้ยยยยย...อย่ามองข้ามหัวคนอย่างกรู"
ดังนั้น เมื่อ "ทำเสร็จ" แล้ว ทุกอย่างจึง "เข้าสู่สภาวะสูญญากาศ" ไปพักหนึ่ง
งงทั้งฝ่ายที่กำลัง "ฮึ่ม ๆ" ใส่กัน
...ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายที่ถูกเกณฑ์ออกจากป่าหวังว่าจะเข้ามา "อัดคนเมือง" ให้สะใจ
...ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายคนเมือง ( ตึ่งหนั่ง ) ที่กำลังไล่คนหน้าเหลี่ยม ผู้ซึ่งกำลังลิงโลดสนุกสนานกับอำนาจที่ได้มาจากการหลอกลวง "คนนอกเมือง ( ฮวนหนั่ง )"
...และสำคัญที่สุด คือ พาล...งง...ไปถึงฝ่ายที่ลากรถถังออกมาด้วย !!
3. เหลี่ยมไม่ต้องเป็นประธานาธิปดี ( แต่อาจต้องการสร้างพื้นฐาน เตรียมไว้ให้ "ทายาท" )
เพราะตำแหน่งประธานาธิบดีนั้น ต้องมีความรับผิดชอบมากกว่าได้สนุกสนานกับการเล่นอะไรเสี่ยง ๆ และการได้มุดช่อง - มุดรูเพื่อดูดเพื่อเก็บเกี่ยวเอาประโยชน์
การเป็นประธานาธิบดี ต้องยอมรับใน "จริยธรรมทางการเมืองตำแหน่งประธานาธิบดี" อันเป็นหลักสากล
เช่น
จะไปลูบหัวลูบก้นนักร้องสาว - ลูกเจ้าของสนามพัทกอล์ฟ ไม่ว่าในที่ลับหรือในที่แจ้ง...ไม่ได้
จะให้สัมภาษณ์มั่ว ๆ เช้าว่าอย่าง - เย็นว่าอย่าง พอถึงวันรุ่งขึ้นทำอีกอย่าง...ไม่ได้
จะแบ่งประเทศ จัดการผลประโยชน์ให้กลุ่มชน - ภาค - จังหวัด ที่เป็นฐานคะแนนเสียงของตน...ไม่ได้
พื้นฐานของเหลี่ยม คือ เป็น "ลูกหลานเจ๊กจีน" ที่เกิดใน จว.เชียงใหม่ อันเป็นเมืองที่มี "เจ้า่นาย" หรือ "ผู้หลักผู้ใหญ่" ให้การอุปถัมป์ผู้คน หรือเป็นเมืองที่ผู้คนดำรงชีวิตอยู่ภายใต้ระบอบอุปถัมป์ จึงเห็น "ความแตกต่างทางชนชั้น" ในแบบที่คนมีสันดานขี้อิจฉาอย่างเขา "ยอมรับไม่ได้"
...เป็นคนทะเยอทะยาน แต่ไม่เคยอาศัยความเพียรพยายาม หรือการสั่งสมบารมี ตามหนทางที่ถูกที่ชอบตามธรรมเนียมประเพณี หากแต่ใช้
วิธี "มองหารู ( ช่องทาง ) แล้วไหลหรือเลื้อยไปตามรู" นั้น ๆ เฉกเช่นเดียวกับเดรัจฉานท้องติดดินจำพวกพยาธิ หนอน หรือแม้แต่ปรสิต เชื้อโรค - เชื้อรา ที่ "เข้าไปอยู่ใน Host ตัวไหนก็ไม่ได้สร้างความเจริญให้แก่ Host นั้น แถมยังดักกินสารอาหารหรือเนื้อหนังของ Host" เสียอีก
เช่น
- เข้า รร.นายร้อยตำรวจ
"ก็มิได้หวังเป็นตำรวจ" แต่เป็นเพราะ
"เพื่อจะได้สร้างหนทางและอำนาจในสังคมให้ครอบครัว" รวมทั้ง "จะำได้ไม่น้อยหน้าพี่ชายตน"- เข้าเรียนระดับปริญญาโท - เอก ในมหาวิทยาลัยโนเนมที่ต่างประเทศ
"ก็มิได้หวังจะกลับมาใช้วิชาการพิเศษนั้นเพื่อทำประโยชน์ให้แก่วงการตำรวจ" แต่เป็นเพราะ
"เพื่อจะได้เหนือกว่าเพื่อนร่วมรุ่น - ได้ติดยศทีู่สูงกว่าอย่างรวดเร็วกว่าเพื่อนร่วมรุ่น อันจะทำให้มีโอกาสได้เข้าถึงผู้หลักผู้ใหญ่ก่อนใคร"- สมัยเรียนอยู่ ตปท.อุตส่าห์อดตาหลับขับตานอนออกไปทำงานพิเศษอยู่ 3-4 วัน
"ก็มิได้ทำเพื่อมีรายได้จุนเจือแก่ตน หรือเพื่อทดแทนการรับเอาจากครอบครัวเพียงถ่ายเดียว" แต่เป็นเพราะ
"ทำเพื่อให้ได้มาซึ่งใบอนุญาตต่าง ๆ และใบผ่านงาน" อาจรวมทั้ง "เป็นข้ออ้างในการขอเงินซื้อรถ" จากครอบครัวซะด้วยซ้ำ
- เมื่อลาออกราชการเพื่อมาดำเนินธุรกิจของครอบครัว แทนที่จะ
"รับผิดชอบในกิจการของครอบครัวให้เจริญก้าวหน้า" อันนอกจากจะมีเพียงตราสินค้า ( ชินวัตรไหมไทย ) และตัวโรงงาน+ร้านค้าแล้ว สำคัญที่สุดก็คือพนักงาน ลูกจ้าง และ Vendor จำนวนนับร้อยนับพัน ( ที่ต่อมาก็โดน "ลอยแพ" ทิ้งหมด ) แล้วใช้เครดิตอนมาจากกิจการครอบครัวไปเพื่อ
"กู้ยืมเงินจากแหล่งเิงินทุน สำหรับทำกิจการอื่นที่ตนชอบมากกว่า" เช่น โรงหนัง หนังสือพิมพ์ ซึ่งต่อมาไม่นานก็ทิ้งหมด - เจ๊งหมด
- เมื่อมีโอกาสได้รับใช้ผู้หลักผู้ใหญู่ในวงการการเมือง แทนที่จะ
"สร้างความมั่นคง - ส่งเสริมบารมี" ให้ผู้หลักผู้ใหญ่ ตามสมควรแก่บทบาทของบริวารที่ดี" กลับ
"อาศัยช่องทางทางการเมืองเพื่อสร้างฐานะและหนทางดำเนินธุรกิจของตนเอง" - จนเมื่อเกิดสถานการณ์ทางการเมืองในลักษณะอันแตกแยก - รุนแรง แทนที่จะ
"ร่วมหัวจมท้ายกับผู้หลักผู้ใหญ่ทางการเมืองที่โดนฝ่ายทำรัฐประหารเอารถถังออกมาไล่ออกจากตำแหน่ง" กลับ
"เข้าไปพินอบพิเทา ขอสัมปทานผู้กขาดเพียงเจ้าเดียว จากเผด็จการทหารที่สั่งฆ่าประชาชน" ซะอีก
- พอได้เข้าร่วมรัฐบาลเป็น รมว. แทนที่จะทำหน้าที่ รมว.ต่างประเทศ "
สร้างความน่าเชื่อถือน่าเชื่อมั่นให่แก่ชาวต่างประเทศ" กลับ
"อาศัยข้อมูลลับ - ข้อมูลภายใน ในการแสวงหาผลประโยชน์ทางการเงินให้แก่ตนจากระบบแลกเปลี่ยนเงินตรา" กระทั่งเป็นหนึ่งในชนวนเหตุให้ รัฐบาลที่ตนมีส่วนร่วมอยู่นั้นถูก ปชช.ไล่ตะเพิด ( ถ้าบุคคลในรัฐบาลบิ๊กจิ๋วทั้งหมด "เจ๊ง" หรืออย่างน้อยก็ "ทรงตัว" ไม่มีใครได้รับประโยชน์อะไร ก็ยังพอมองหน้าประชาชนได้ แต่นี้เสือกมีไอ้หน้าเหลี่ยมตัวนึง "รวยเป็นพัน ๆ ล้านบาท" ...แล้วยังทำเป็นทองไม่รู้ร้อน - ไม่รู้สึกไม่รู้สา )
...
...
ส่วนในช่วงที่เป็น รบ.-เป็นนายกรัฐมนตรี คงไม่ต้องสาธยาย
มันมากมาย เยอะแยะ
เอาแค่เรื่องที่พูดแล้วไม่ทำ หรือทำในทางตรงกันข้าม
เอาแค่เรื่องที่พูดจาคุยโตโอ่อวด ขี้โม้ สู่รู้
เอาแค่เรื่องจาบจ้วง ล่วงเกิน กร้าวร้าวใส่ใครต่อใคร
ฯลฯ
ทุกวันนี้มองดูเองก็แล้วกันว่า "คนกลุ่มไหน" สนับสนุน "นอมินีของทักษิณ" ?
...พวกชาวบ้านที่วัน ๆ เอาแต่ขูดต้นไม้ ไหว้ศพเด็กดองในขวดโหล ฯลฯ "พวกหวังรวยโดยไม่ต้องทำมาหากิน"
ใช่ไหม ??
...พวกที่ไม่รู้จักสร้างสมฐานะให้ตนเองหรืออย่างน้อยก็ความน่าเชื่อถือว่าเป็นคนไม่เบี้ยว ( มีเครดิต ) แต่หวังจะ "ได้เิงินมาใช้ง่าย ๆ" จากโครงการเงินกู้ - กองทุนสารพัด ที่ "รัฐบาลทักษิณเอาเิงินของประชาชนทั้งประเทศ" ไปแจกจ่าย
ใช่ไหม ??
...พวกที่กินเหล้าสัปดาห์ละ 3 วัน จนตัวอ้วน แต่สุขภาพห่วยแตก ตามชุมชนพัฒนา ( ไม่เชื่อไปดูได้เลยว่าคนจนในเขตเมือง ทุกวันนี้ต่างตัวอ้วน ๆ ดำ ๆ และมีปัญหาสุขภาพอันเกี่ยวโยงกับโรคอ้วนแทบทั้งนั้น ) ที่หวังว่าจะได้สวัสดิการเยอะ ๆ โดยเฉพาะอยู่ ๆ จู่ ๆ ก็ไปมั่วแจมเอาจากเงินประกันสังคมที่ลูกจ้างในระบบเขาสร้างสมกันมา
ใช่ไหม ??
ข้อน่าสังเกตอย่างหนึ่งนะ คือ ปัจจุบันนี้ เวลาใช้บริการมอเตอร์ไซค์รับจ้าง คุณแทบจะเหลือที่นั่งอยู่เพียงกระแบะมือเดียว เนื่องจากพี่มอเตอร์ไซค์ทั้งหลายล้วนแต่ตัวอ้วน ๆ ใหญ่ ๆ จนกินเนื้อที่เบาะรถไปเกือบหมด

...ยังรวมไปถึงพวกพ่อค้า - แม่ขาย จำพวก "ซื้อมาขายไป" แบบตีหัวเข้าบ้าน "ก่อนซื้อปากหวาน พอมีปัญหาเอามาเคลมทำเป็นหูทวนลม"
ใช่หรือไม่ ??
...ฯลฯ
คนพวกนี้ "สันดาน" เหมือนใครหรือ ?
...ย้อนกลับขึ้นไปดูสิ ไอ้คนที่มัน
"ทางไหนได้ก็เอา ไม่รู้สึกไม่รู้สากับจริยธรรม จรรยาบรรณ หรือศักดิ์ศรี" น่ัะ
...มันคือใคร ??
แล้วย้อนกลับไปที่หัวข้อ ( ข้อ 3 )
ถ้า่หวังจะขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งสูงสุดหรือ "ประมุขของรัฐ"
จะอาศัยแค่ความทะเยอทะยานอย่างเดียว ไม่พอหรอกครับ
มันจะต้องมี "บารมี" ที่สร้างสมขึ้นจาก "ศักดิ์ศรี - จริยธรรม" จนเป็นที่ "สำแดงอย่างประจักษ์ชัด" เสียก่อน ( ส่วนทำเสียหายในภายหลัง...เป็นอีกเรื่องหนึ่ง )

"ธุรกิจ ( สินค้าหรือบริการ ) ที่มีบารมี คือ ธุุรกิจที่ได้ใจลูกค้า( ภาษาฝรั่งคือ "รอยัลตี้" ภาษานักดัดจริตคือ "ความภักดีต่อสินค้าหรือบริการ" )
โดย "บารมี" นี้
...ไม่ได้มาจากการตลาดประเภทโฆษณาซ้ำ ๆ บ่อย ๆ ถี่ ๆ
...ไม่ได้มาจากกิจกรรมลด แลก แจก แถม หรือถูกเหมือนได้เปล่า
ซึ่งทักษิณและแก๊ง 3 ตระกูลรู้ดีว่า ธุรกิจการเมืองของพวกตนเป็นเช่นนี้ - เข้าสู่ตลาดด้วยวิธีนี้ จึงพยายามอย่างยิ่งที่จะต้องดำเนินการอย่างเดียวกับห้างใหญ่ข้ามชาติ่ เช่น คาร์ฟูร์ โลตัส คือ "ผูกขาดให้ได้ - ทำลายคู่แข่ง เจ้าของพื้นที่เดิมให้หมด -
อย่าให้ประชาชนมีทางเลือกอื่น"
...จนในที่สุดก็ต้องก้มหน้าก้มตารับใช้รัฐบาล - พรรคที่ได้เป็นรัฐบาล ( ผูกขาดเพียงพรรคเดียว ) แบบ PnP แห่งสิงคโปร์ ( โมเดลในดวงใจของทักษิณ + สาวกของทักษิณเขาล่ะ )

คุณ จขกท.รู้ไหมว่าทำไมช่าง ( ไม่ใช่คนงาน หรือพวกมือสมัครเล่น ) จึงต้องใช้ทองคำหรือโลหะมีค่าที่
"บริสุทธิ์" มาทำแหวน + สร้อย ?
...ไม่ใช่เพราะ "มันราคาดี ( รวย )" และ/หรือ "ผู้คนนิยม" เพียงเท่านั้น หรอกนะครับ
...แต่เป็นเพราะ "เนื้อมันนิ่ม"
...มัน
"ไม่ทำร้ายผู้สวมใส่" แล้วรู้รึยังว่า
ทำไมประชาชนผู้มีสติสัมปชัญญะในอารยประเทศ ที่มีความรัก-ห่วงใยแผ่นดินจึงต้องการ "ผู้นำที่มีความบริสุทธิ์ - สะอาด" ทั้งกาย - วาจา - ใจ ?? ...
...ถ้ายังไม่รู้ ขอแนะนำว่าอย่าไปถามพวกเจ๊กนายทุนโลกาภิวัฒน์ที่วัน ๆ ไม่คิดอะไรนอกจาก "รวย ๆๆ" หรือบรรดานักวิชาการสายการเงิน - ธนาคารพวกที่เอาแต่เห่าว่า "ประเทศเรามีรากฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ( ดังนั้นพวกมรึงจงควักกระเป๋า เอาสตังค์ออกมาซื้อของกันเยอะ ๆ ...หลั่ลล้า...าา...า )"
...เพราะคนพวกนั้น
...ไม่คิดที่จะ้ใส่ทองที่ตีเอง