บิ๊กทหารตบเท้าพบปะรายวัน! แค่ปรับทุกข์หรือเตรียมรับมือ
น่าสังเกตว่าหลังการเลือกตั้ง นับตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคมเป็นต้นมา บรรดานายทหารทั้งในคณะรัฐบาลและผู้นำเหล่าทัพได้นัดประชุมกันทั้งที่เป็นทางการ และไม่เป็นทางการอย่างต่อเนื่อง "ทุกวัน" และบางวันก็นัดเจอกันมากกว่า 1 ครั้งเสียด้วยซ้ำ
ปรากฏการณ์ไม่ธรรมดานี้บ้างก็ว่ามารวมตัวกันเพื่อ "แสดงพลัง" บ้างก็ว่ามา "ปรับทุกข์" ตามประสาคนหัวอกเดียวกัน !
วันที่28 ธันวาคมที่ผ่านมาก็เช่นเดียวกัน แต่ที่มี "พิเศษ" กว่าทุกวัน คือ การตบเท้าเข้าอวยพร พล.อ.เปรมติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ
คณะนายทหารที่เข้าอวยพรได้แก่ พล.อ.สุรยุทธ์จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี พล.อ.บุญรอดสมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.วินัยภัททิยกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.บุญสร้างเนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก พล.ร.อ.สถิรพันธุ์เกยานนท์ ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.อ.อ.ชลิตพุกผาสุข ผู้บัญชาการทหารอากาศ และ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์เตมียาเวส ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รวมทั้งข้าราชการทหาร ตำรวจ นักธุรกิจ และตัวแทนสมาคมต่าง ๆ
พล.อ.เปรมยังคงย้ำให้ทุกฝ่ายสามัคคี
เสร็จจากคิวอวยพรปีใหม่พล.อ.เปรม ทั้งผู้นำรัฐบาลและผู้นำเหล่าทัพก็ประชุมร่วมกันอีกครั้ง โดยใช้กระทรวงกลาโหมเป็นสถานที่ประชุมร่วม มีนายกรัฐมนตรี รมว.กลาโหม พล.อ.สนธิบุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง พร้อมผู้นำทุกเหล่าทัพเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง และที่มาผนึกกำลังร่วมอีกคน คือ พล.อ.สพรั่งกัลยาณมิตร รองปลัดกระทรวงกลาโหมและผู้ช่วยเลขาธิการ คมช. น่าสนใจยิ่งว่าการพูดคุยในวันที่ 28 ธันวาคม เริ่มตั้งแต่เวลา 12.00 น. และ พล.อ.สุรยุทธ์ ก็ออกมาแถลงข่าวกับสื่อมวลชนในเวลา 15.00 น. โดยได้กล่าวขอบคุณสื่อมวลชนที่ทำงานร่วมกันมาตลอด 1 ปี และเปิดเผยถึงรายละเอียดในการพูดคุยกับผู้นำเหล่าทัพด้วย
พล.อ.สุรยุทธ์ระบุว่า การร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับ พล.อ.สนธิ พล.อ.บุญรอด และ ผบ.เหล่าทัพว่า เป็นการกินข้าวร่วมกัน และก็มีการอวยพรปีใหม่ให้ตน
"ในส่วนของ ผบ.เหล่าทัพ ที่ผ่านมาถ้าพูดกันตรงๆ ไม่เคยได้คุยกันในเรื่องรายละเอียดของกองทัพ วันนี้ได้คุยกันถึงการปรับปรุงกองทัพ และการแก้ปัญหาในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ก็ทำให้เกิดความมั่นใจ"
ไม่มีใครรู้ว่าพล.อ.สุรยุทธ์ มั่นใจด้วยหรือไม่ว่า หลังการเลือกตั้งบ้านเมืองจะดำเนินไปด้วยความสงบเรียบร้อย แต่ พล.อ.สุรยุทธ์ ก็เป็นตัวแทนของคณะนายทหาร กล่าวถึงผลการเลือกตั้งที่ผ่านมาว่า
"ผมขอเรียนกับสื่อมวลชนว่าทุกๆคนยอมรับในผลของการเลือกตั้ง"
พล.อ.สุรยุทธ์ยังตอบข้อกังวลที่ว่าการเข้ามาของพรรคพลังประชาชนอาจกระทบต่อสถานะของกองทัพด้วยว่า ผมใส่เสื้อสีชมพูผมหวังในสิ่งที่ดีงามมีความหวังที่สดใส ซึ่งเป็นสิ่งที่หวังไว้ ผมไม่มองอะไรในแง่ร้าย มองโลกในแง่ดี
ดังนั้นเราอย่าเพิ่งไปคิดว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น คิดว่าน่าจะเป็นความร่วมมือทำงานร่วมกันที่จะทำให้เกิดความสงบเรียบร้อยขึ้นในบ้านเมือง
เช่นเดียวกับพล.อ.บุญรอด ซึ่งมองว่าสถานการณ์หลังปีใหม่น่าจะดีขึ้น ไม่น่าจะมีปัญหา เพราะทุกฝ่ายก็อ่อนลงมา จึงคิดว่าไม่น่าจะเกิดความรุนแรงในสังคมอย่าที่หลายฝ่ายกลัว และน่าจะจัดตั้งรัฐบาลได้หลังปีใหม่แน่นอน
ส่วนการจัดตั้งรัฐบาลนั้นพล.อ.บุญรอด ก็ยอมรับว่า โอกาสที่จะเกิดปาฏิหาริย์ คือพรรคประชาธิปัตย์จะได้เป็นรัฐบาล เป็นไปได้ยาก
"โอ๊ยคำว่าปาฏิหาริย์มันเกิดยากแล้วตอนนี้ ทุกอย่างมีเหตุมีผล ไม่มีปาฏิหาริย์ เราต้องยอมรับ ทางกองทัพก็ต้องปล่อยให้เขาทำกันไป ทางนี้ปล่อยอยู่แล้ว ก็ดูแลความมั่นคง ความเรียบร้อย ความสงบเท่านั้น"
ขณะที่พล.อ.อนุพงษ์ ก็ย้ำเช่นเดิมว่า กองทัพจะทำหน้าที่ของเราไป ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมือง ส่วนการเมืองก็หาทางออกของการเมืองไป หาทางออกให้ดี และเหมาะสมกับประเทศชาติมากที่สุด
ในภาวะที่ฝ่ายขั้วอำนาจปัจจุบันต่างพูดตรงกันว่าหลังการเลือกตั้งเหตุการณ์บ้านเมืองคงจะไม่รุนแรง และอำนาจใหม่คงจะไม่เข้ามาแทรกแซงกองทัพ แต่ในขั้วของอำนาจเก่าก็เริ่มจะ "ขยับ" เข้าหาฝ่ายทหารบ้างแล้ว
มีรายงานว่าพล.อ.เรืองโรจน์มหาศรานนท์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน และว่าที่ รมว.กลาโหม ได้นัด ผบ.เหล่าทัพ รับประทานอาหารมื้อเย็น โดยใช้บ้านพักของ ผบ.สส. ในศูนย์บัญชาการรักษาความปลอดภัย (ศรภ.)
แต่พล.อ.เรืองโรจน์ ก็ปฏิเสธกระแสข่าวดังกล่าว โดยระบุว่า การพบปะกับผู้นำเหล่าทัพจำเป็นต้องพบ แต่ต้องรอให้เรียบร้อยเสียก่อน และเห็นว่าการพบปะผู้นำเหล่าทัพเพื่อที่จะปรับทัศนคติเพื่อให้เป็นแนวทางเดียวกันในการทำงานร่วมกันเป็นเรื่องธรรมดา
"พี่กันน้องกันพูดกันไม่ยากหรอก คุยกันรู้เรื่อง คงไม่มีปัญหา เพราะ ผบ.เหล่าทัพ แต่ละคนก็น่ารักกันทั้งนั้น ส่วนกรณีที่พรรคพลังประชาชน มาแล้วจะล้างแค้นโดยปลด ผบ.เหล่าทัพ ไม่มีหรอก เรื่องบ้าบอพวกนี้ เรื่องนี้ไม่ได้มีอยู่ในความคิดเลย" ดูแนวโน้มแล้วฉากหน้าทุกคนต่างแสดงตนที่จะยึดหลัก "สมานฉันท์" และ "สามัคคี" ตามแนวพระราชดำรัสทั้งสิ้น แต่ฉากหลังในวงประชุมของแต่ละฝ่ายจะหยิบประเด็นไหนมาพูดกันบ้างก็สุดจะคาดเดาได้ แต่ก็เป็นที่น่าสังเกตว่าฝ่ายทหารที่เคยมีข่าว "เกาเหลา" มานาน ทั้งคู่ พล.อ.สนธิ-พล.อ.สพรั่งหรือพล.อ.สุรยุทธ์-พล.อ.สนธิ ก็เริ่มมากินข้าวหรือประชุมร่วมกันบ่อยขึ้นหลังจากที่มีข่าวว่าเกิดอาการ "งอน" กันมาก่อนทั้งเรื่องส่วนตัวและหน้าที่การงาน
เลยไม่รู้ว่าแต่ละคนมาตามมารยาทหรือเพราะยึดหลักการสมานฉันท์
หรือเพราะท่องคาถา"ต้องร่วมใจ..เมื่อภัยมา" ! ทีมข่าวความมั่นคง
http://www.komchadluek.net/2008/01/01/vo002_183684.php?news_id=183684อ่านทัศนะและข้อมูลของทีมข่าวความมั่นคงของ"คมชัดลึก"
แล้วมีความคิดเห็นอย่างไร....... 
