ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
29-03-2024, 19:35
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  ชายคาพักใจ  |  “แมลงสาบในบ้าน” ภัยเงียบโรคภูมิแพ้ตัวจริง 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
“แมลงสาบในบ้าน” ภัยเงียบโรคภูมิแพ้ตัวจริง  (อ่าน 1760 ครั้ง)
********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« เมื่อ: 29-12-2007, 21:57 »








“แมลงสาบในบ้าน” ภัยเงียบโรคภูมิแพ้ตัวจริง  
 
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 29 ธันวาคม 2550 12:26 น.
 
 
 
 
 
       เป็นที่ทราบกันดีว่า โรคภูมิแพ้มีแหล่งกำเนิดมาจาก 2 ปัจจัยหลัก คือ สิ่งแวดล้อม และกรรมพันธุ์ แต่จะมีสักกี่คนที่ทราบว่าสิ่งแวดล้อมที่กล่าวถึงนั้น รวมถึงบ้านพักอาศัยของทุกๆ คนด้วย โรคภูมิแพ้ที่เกิดจากในบ้านนั้นสำคัญที่สุด เพราะในบ้านมีสารก่อภูมิแพ้จากหลายแหล่งเช่นกัน ทั้งไรฝุ่น แมลงสาบ ฝุ่นบ้าน ขนสัตว์ เป็นต้น โดยเฉพาะแมลงสาบในที่อยู่อาศัย ตัวก่อภูมิแพ้และถือเป็นภัยร้ายใกล้ตัว ที่หลายคนมองข้าม
       
       
       รศ.พญ.อัญชลี ตั้งตรงจิตร ภาควิชาปรสิตวิทยา คณะแพทย์ศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า สารก่อภูมิแพ้จากตัวแมลงสาบเป็นสาเหตุสำคัญของผู้ป่วยภูมิแพ้คนไทย ข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบันบ่งชี้ว่าสารเหล่านี้มาจากส่วนต่างๆ ทั้งจากตัวแมลงสาบ สิ่งที่ขับถ่ายออกมา และจากสารคัดหลั่งของแมลงสาบ
       
       ทั้งนี้ เมื่อมีการสัมผัส หรือถูกกระตุ้นด้วยสารก่อภูมิแพ้จากแมลงสาบเป็นสาเหตุให้เกิดโรคภูมิแพ้ในเวลาต่อมาแมลงสาบที่พบในประเทศไทย 80% เป็นแมลงสาบสายพันธุ์อเมริกาซึ่งสามารถแพร่พันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว กล่าวได้ว่าหากเราเห็นแมลงสาบในบ้าน 1 ตัว เท่ากับยังอยู่ในรังอีก 800 ตัว ซึ่งพบมากในที่อยู่อาศัย มักออกหากินในเวลากลางคืน
       
       จากการศึกษาผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ที่เข้ามารับการรักษา 3 ปีที่ผ่านมา พบว่า มีผู้ป่วยจำนวนมากที่เป็นโรคภูมิแพ้และมีสาเหตุมาจากแมลงสาบ 44-60% ของผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ทั้งหมด ซึ่งหากเกิดอาการในกลุ่มเด็กจะมีความรุนแรงมากกว่าและมีโอกาสเสียชีวิตได้ ในตัวแมลงสาบหลายชนิดที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้และเป็นสารที่แตกต่างจากที่พบในประเทศแถบตะวันตกเนื่องมาจากเป็นแมลงสาบนละสายพันธุ์
       
       สิ่งที่เป็นปัญหาของการเข้ารับการรักษาของผู้ป่วยนั้น ส่วนใหญ่มักไม่ทราบว่าในบ้านจะมีสารก่อภูมิแพ้ใด จึงทำให้แพทย์เกิดแนวคิดในการทำเครื่องมือต่างๆ เพื่อตรวจหาสารก่อภูมิแพ้ในบ้านโดยเฉพาะ ทั้งเครื่องดูดฝุ่นสำหรับสารก่อภูมิแพ้ รวมถึงการทำวิจัยน้ำยาตรวจสารก่อภูมิแพ้ของแมลงสาบไทยขึ้น เพื่อให้ตรวจและรักษาผู้ป่วยมีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากในอดีตเราจะใช้ชุดตรวจสอบจากต่างประเทศ ซึ่งเป็นคนละสายพันธุ์กับไทย ทำให้ไม่ได้มาตรฐาน แต่วันนี้เราสามารถพัฒนาน้ำยาดังกล่าวได้สำเร็จแล้ว และนำมาใช้ในการตรวจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ทีมวิจัยยังได้พัฒนาวัคซีนโดยการนำโปรตีนของแมลงสาบกว่า 20 สายพันธุ์ มาตรวจดูว่าชนิดใดก่อให้เกิดภูมิแพ้
       
       จากนั้นจึงพัฒนาไปสู่การทำชุดตรวจสอบและวัดปริมาณสารก่อภูมิแพ้ ทั้งจากแมลงสาบ และในฝุ่น เมื่อรู้ว่าโปรตีนจากแมลงสาบตัวใดที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ และเป็นโปรตีนที่ไม่พบในคน ก็นำไปสร้างวัคซีนรักษาโรคภูมิแพ้ได้ เรียกวัคซีนนี้ว่า วัคซีนดีเอ็นเอ เป็นการนำดีเอ็นเอที่สร้างโปรตีนแมลงสาปมาเชื่อมกับดีเอ็นเอของสารช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของคน และจะสร้างเม็ดเลือดขาวแทนการสร้าง ไอจีอี (สารก่อให้เกิดการแพ้) รักษาโดยหยดที่จมูกหรือใต้ลิ้นไม่กี่ครั้งนับเป็นการรักษาภูมิแพ้แมลงสาบที่ลดความเสี่ยงต่อความเจ็บปวดและมีใช้แล้วที่โรงพยาบาลศิริราช
       
       ทั้งนี้ ในการประชุมวิชาการนานาชาติด้านโรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกัน ( World Allergy Congress 2007 : WAC 2007) ครั้งที่ 20 เมื่อช่วงต้นเดือนธันวาคม ที่ผ่านมา ทางทีมวิจัยยังได้นำงานวิจัยชิ้นนี้มานำเสนอในที่ประชุมและได้รับความสนใจเป็นอย่างดี
       
       “ส่วนใหญ่อุบัติการณ์ของโรคที่เกิดจากแมลงสาบนั้น ผู้ป่วยจะมีความเสี่ยงมากน้อย ขึ้นอยู่กับสภาพความเป็นอยู่หากเป็นลักษณะอพาร์ตเมนต์ ที่รวมห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องครัวไว้ที่เดียวกัน จะมีความเสี่ยงมากกว่า ผู้ที่อาศัยในบ้านพัก หรือห้องเช่าที่มีการจัดแบ่งห้องต่างๆ ไว้อย่างเป็นสัดส่วน เพราะจากการสำรวจพบว่า ในส่วนที่เป็นครัว จะมีสารก่อภูมิแพ้จากแมลงสาปมากที่สุด รองลงมา คือ ห้องนั่งเล่น และห้องนอนตามลำดับ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการรักษาความสะอาดภายในบ้านโดยเฉพาะการจัดเก็บเศษอาหารและขยะเพื่อกำจัดอาหารของแมลงสาบ รวมทั้งหลังการทำอาหาร ควรเช็ดทำความสะอาดให้เรียบร้อย ส่วนห้องนอนต้องดูแลเรื่องความสะอาดเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะห้องที่ติดเครื่องปรับอากาศ ต้องตรวจสภาพเครื่องและทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ”
       
       “ในผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ที่มีสาเหตุมาจากแมลงสาบนั้น จะแพ้อย่างอื่นได้ง่ายมาก ดังนั้นจึงอยากให้คิดอยู่เสมอว่า ทุกคนสามารถป่วยด้วยโรคดังกล่าวได้ แม้ว่าขณะนี้ทางทีมวิจัยจะสามารถพัฒนาน้ำยาตรวจสารก่อภูมิแพ้ของแมลงสาบไทยเป็นผลสำเร็จแล้ว และทดสอบประสิทธิภาพในการใช้งาน รวมถึงจะมีการพัฒนาเครื่องตรวจสารก่อภูมิแพ้ที่มีลักษณะเหมือนชุดตรวจร่างกายเพื่อให้สะดวกในการใช้งานมากขึ้นคาดว่าอีก 3 ปี จะพัฒนาสำเร็จและนำออกจำหน่ายก็ตาม แต่การป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดโรคเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ที่ทีมแพทย์ต้องการให้ประชาชน มีความรู้เกี่ยวกับโรคดังกล่าว เพื่อเป้าหมายในการลดสถิติผู้ป่วยในอนาคต” รศ.พญ.อัญชลีกล่าวในที่สุด
 
 
บันทึกการเข้า

********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 29-12-2007, 21:59 »



องค์การเภสัชฯ ทำกระเป๋ายาราคาถูก เป็นของขวัญปีใหม่ ใช้ประจำรถขณะเดินทาง
 
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 29 ธันวาคม 2550 15:35 น.
 
 
       องค์การเภสัชกรรม จัดทำกระเป๋าเวชภัณฑ์ประจำรถราคาถูก ให้ประชาชนซื้อเป็นของขวัญปีใหม่ไว้ประจำรถ ใช้ปฐมพยาบาลเบื้องต้นหากเจ็บป่วยหรือเกิดบาดเจ็บ มียาและอุปกรณ์ทำแผล 14 รายการ ราคาเพียงชุดละ 199 บาท หาซื้อได้ที่ร้านขายยาองค์การเภสัชกรรมทั้ง 11 แห่งในกทม.
       
       นายแพทย์วิทิต อรรถเวชกุล ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ประชาชนมักพาครอบครัวเดินทางไปเที่ยวต่างจังหวัดหรือกลับภูมิลำเนากันมาก ระหว่างเดินทางอาจมีผู้เจ็บป่วยหรือมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ เช่น ปวดศีรษะ ท้องเสีย หรือบาดแผลเล็กๆน้อยๆ องค์การเภสัชกรรมจึงได้จัดทำชุดกระเป๋าเวชภัณฑ์ประจำรถ (GPO first aid kit) ซึ่งเป็นทั้งชุดปฐมพยาบาลเบื้องต้นและยาสามัญพื้นฐาน เพื่อให้ประชาชนนำติดไปในรถ ใช้ปฐมพยาบาลดูแลสุขภาพเบื้องต้นหากบาดเจ็บหรือเจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ หรือจะนำไปเป็นของขวัญปีใหม่ก็ได้ เพราะเป็นเรื่องของความห่วงใยในสุขภาพ
       
       นายแพทย์วิทิต กล่าวต่อว่า กระเป๋าดังกล่าวจำหน่ายในราคาถูกเพียง 199 บาท ในกระเป๋าจะประกอบด้วยยาและอุปกรณ์ทำแผลทั้งหมด 14 รายการ ได้แก่ ยาแก้ปวดลดไข้พาราเซตามอล 500 มิลลิกรัม 1 แผง ผงน้ำตาลเกลือแร่แก้ท้องเสีย 2 ซอง ยาลดกรดในกระเพาะอาหาร 1 แผง ยาหม่อง 1 ขวด แอลกอฮอล์เช็ดบาดแผล 1 ขวด ยาใส่แผล 1 ขวด คาลาไมด์แก้ผื่นคัน 1 ขวด ผ้ายืดพันเวลาเคล็ดขัดยอก 1 ม้วน พลาสเตอร์ยา 10 ชิ้น ผ้าก๊อซขนาด 2 นิ้ว 1 ม้วน พลาสเตอร์ปิดแผลเพื่อกันน้ำ 1 ม้วน ผ้าก๊อซที่ผ่านการฆ่าเชื้อแล้ว ขนาด 2 นิ้ว จำนวน 2 ห่อ สำลี 1 ห่อ และกรรไกรขนาดเล็ก 1 ด้าม
       
       นายแพทย์วิฑิต กล่าวอีกว่า ในการเก็บรักษากระเป๋าดังกล่าว ไม่ควรเก็บไว้ในรถตลอดเวลา เนื่องจากความร้อนจะทำให้อุปกรณ์และยาในกระเป๋าเสื่อมคุณภาพการใช้งานได้ ควรเก็บไว้ในที่แห้ง อากาศไม่ร้อนจนเกินไป ประชาชนที่สนใจ สามารถซื้อได้ที่ร้านขายยาองค์การเภสัชกรรม ถนนพระรามที่ 6 เขตราชเทวี กทม. และสาขาอีก 10 แห่ง ได้แก่ สาขากระทรวงสาธารณสุข ยศเส เทเวศน์ สี่มุมเมือง เวชศาสตร์เขตร้อน ซอยปรีดีพนมยงค์ พัฒนาการ กำนันแม้น บางแค ศาลาแดง และจรัญสนิทวงศ์ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เบอร์โทรศัพท์ 02-203-8847 และ 02-203-8849

 
 
 
 
บันทึกการเข้า

หวึ่ง
น้องใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2


« ตอบ #2 เมื่อ: 29-12-2007, 22:36 »

น่าจะมีบริษัทททำที่ดักจับแมลงสาบชนิดที่ไม่ต้องฆ่าให้ผิดศีลข้อ1  คือจับได้แล้วเอาไปปล่อยทิ้งแถวๆสนามหญ้าห่างบ้านคนหน่อย  จะได้ไม่มารบกวนคนในบ้าน
บันทึกการเข้า
********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #3 เมื่อ: 29-12-2007, 23:08 »



น่าจะมีบริษัทททำที่ดักจับแมลงสาบชนิดที่ไม่ต้องฆ่าให้ผิดศีลข้อ1  คือจับได้แล้วเอาไปปล่อยทิ้งแถวๆสนามหญ้าห่างบ้านคนหน่อย  จะได้ไม่มารบกวนคนในบ้าน


อย่าปล่อยให้มีเศษอาหารในบริเวณที่ต้องการกำจัดแมลงสาบ

ฉีดยารอบบริเวณที่ไม่ต้องการแมลงสาบ หรือ วางกับดักให้ทั่ว

เลี้ยงหรือปล่อยให้มีสัตว์ที่เป็นศัตรูกับแมลงสาบบ้าง..

วางยาให้แมลงสาบเป็นหมัน แต่อาจจะทำลายระบบนิวเวศน์


สรุป คืออย่าให้แมลงสาบ เข้ามาอยู่ในบ้านคนการขยายพันธุ์ก็จะไม่รวดเร็ว
บันทึกการเข้า

หน้า: [1]
    กระโดดไป: